Categories
NEWS UPDATE

MOU ปราบปรามการทุจริต การสอบแข่งขันบรรจุพนักงานส่วนท้องถิ่น ปี 67

 

เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่นเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2567 โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย คือ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายณรงวิทย์ สุวรรณสิทธิ์ ผู้แทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พลตำรวจตรี ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และนายคำรณ โกมลศุภกิจ ประธานกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ร่วมลงนาม

 

 

โอกาสนี้ นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะผู้บริหารระดับสูง และสื่อมวลชน ร่วมงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะมีการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นในปี พ.ศ. 2567 นี้ ซึ่งมีตำแหน่งว่างประมาณ 6,238 อัตรา โดยคาดว่าจะมีผู้สมัครสอบมากกว่า 600,000 คน กระจายไปตามภูมิภาคของศูนย์สอบ และสนามสอบต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้ปรากฏข่าวว่ามีกระบวนการทุจริตการสอบแข่งขันหลายกลุ่ม 
 
 
ดังนั้น เพื่อให้การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นเป็นไปด้วยด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ จึงได้จัดทำพิธีลงนามทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่นเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ระหว่าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) โดยมีเจตนารมณ์ในการร่วมเป็นภาคีเครือข่ายป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน และจะร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ และประสานงานให้เกิดความร่วมมือกันในการป้องกันการทุจริตการสอบแข่งขัน รวมทั้งรวมตัวกันในการจัดกิจกรรมต่อต้านการทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นด้วย
 
 
“เพื่อแสดงจุดยืนของกระทรวงมหาดไทยในการ จึงมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น คือ 
 
1. มหาวิทยาลัยที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหน่วยงานในการจัดสอบแข่งขัน ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและรัดกุม เพื่อป้องกันมิให้ข้อสอบและคำตอบรั่วไหลในทุกขั้นตอน หากปรากฏหลักฐานว่ามีการทุจริตที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดสอบ มหาวิทยาลัยต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย 
 
2. ผู้สมัครสอบแข่งขัน ต้องให้ความร่วมมือ และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการสมัครเข้าสอบแข่งขัน หากปรากฏหลักฐานว่ามีการสมยอมให้มีการเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้เป็นผู้สอบแข่งขันได้ ผู้สมัครสอบต้องถูกปรับให้ตก และถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้สมัครสอบแข่งขันเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น ไปตลอดชีวิต รวมทั้งต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา อีกด้วย 
 
3. ข้าราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ห้ามมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในทางใดๆ อันจะส่งผลให้การสอบแข่งขันดังกล่าวมีการทุจริต หรือมีการเรียกรับเงินเกิดขึ้น หากปรากฏหลักฐานว่ามีการกระทำดังกล่าวต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง 
 
4. บุคคลอื่นใด หรือกลุ่มบุคคลใด หรือสถาบันติวใด หากปรากฏหลักฐานว่ามีส่วนรู้เห็น หรือ ร่วมกระทำการทุจริต หรือเรียกรับผลประโยชน์เพื่อช่วยเหลือให้เป็นผู้สอบแข่งขันได้ ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา ด้วย” นายอนุทินฯ กล่าวเน้นย้ำ
 
 
สำหรับพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่นเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2567 ว่า จากกรณีที่ปรากฎข่าวว่ามี
การทุจริตการสอบแข่งขันขึ้น มีการเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบในหลายจังหวัด ประชาชนถูกหลอกจำนวนมาก มีการฟ้องร้อง และเป็นคดีอยู่จำนวนมาก จากนโยบายที่ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ที่ต้องการให้การจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นในครั้งนี้ เป็นไปด้วยความโปรงใส ไร้ทุจริต กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงต้องดำเนินการให้มีมาตรการเพื่อป้องกันการทุจริตในทุกช่องทาง รวมทั้งไม่ให้มีการเรียกรับเงิน เหมือนกับที่ปรากฎเป็นข่าวในอดีตที่ผ่านมา โดยการกำกับดูแลการจัดสอบแข่งขันให้เป็นไปด้วยความสุจริต ยุติธรรม และถูกต้อง ในทุกขั้นตอน 
 
 
ดังนั้น เพื่อให้การสอบแข่งขันบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น เป็นไปโดยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ฉบับนี้ขึ้น โดยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่น (กสถ.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภาคีเครือข่ายการป้องกัน ต่อต้าน และปราบปรามการทุจริตการสอบแข่งขันท้องถิ่นเพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี 2567 เพื่อขับเคลื่อนการสอบแข่งขันท้องถิ่นให้ปราศจากการทุจริต ร่วมกันให้คำปรึกษา เสนอแนะแนวทาง รวมถึงการติดตามและประเมินผลในการดำเนินการสอบแข่งขันท้องถิ่น
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองสารนิเทศ สป.มท.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

จัดใหญ่ จัดเต็ม มันส์ครบเครื่องกว่าเก่างานพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปี 2567

 

เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 กลับมาอีกครั้งกับงานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ต้อนรับปี พ.ศ. 2567 ของ จังหวัดเชียงราย กับ “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” ที่ปีนี้ทางผู้จัดฯ ต้องการให้ชาวเชียงรายได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของงานเทศกาลในรูปแบบใหม่ ที่ผ่านการพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้น และเข้าถึงคนภายในจังหวัดได้มากขึ้น

 

“งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลแห่งความสุขสุดยิ่งใหญ่ของคนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง โดยปีนี้ทางผู้จัด “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” อยากให้งานนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เป็นแหล่งนัดพบ พร้อมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปด้วยในขณะเดียวกัน ภายใต้แนวคิด “จัดใหญ่ จัดเต็ม มันส์ครบเครื่องกว่าเก่า” ทางผู้จัดต้องการเนรมิตพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดผสานกับภูมิทัศน์ และเทคนิคการขึ้นกราฟฟิกสามมิติของงานในรูปแบบใหม่ โดยได้นำการแสดงความคิดเห็นของคนในพื้นที่ ความต้องการของหน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายมารวมกับความเชี่ยวชาญของ “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” เพื่อให้พี่น้องชาวเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้เห็นงานเทศกาลในปี้นี้ยิ่งใหญ่กว่าเก่า และยังต้องเข้าถึงคนในจังหวัดให้ทั่วถึงอีกด้วย สิ่งนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์หลักในการจัดงานครั้งนี้  

 

งาน “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” จะจัดขึ้นระหว่างวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567 ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตลอดทั้ง 10 วัน 10 คืน ณ บริเวณสนามบินฝูงบิน 416 จังหวัดเชียงราย หรือ สนามบินเก่าจังหวัดเชียงราย โดยภายในงานคุณจะได้พบกับกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวล้านนา | การนำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางวิชาการของหลายภาคส่วน | การออกร้านนิทรรศการของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด สถาบันการศึกษา สมาคมและมูลนิธิ | การแสดงมหรสพและการละเล่นบันเทิงต่าง ๆ ของภาคเอกชน | นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย “ไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงราย 2023” | ร้านค้าจากคนในพื้นที่ | ขบวนร้านดังจาก Tiktok | มหกรรมไฟล้านดวง | พร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ สลากกาชาด “บ้านพร้อมที่ดิน” และห้ามพลาดกับความมันส์ของดนตรีและศิลปินเบอร์ต้น ๆ ระดับประเทศตลอดทั้ง 10 วัน ไม่ว่าจะเป็น แบงค์ ปรีติ, Silly Fools, วง L.กฮ., Retrospect ที่มี เก้า จิรายุ มาด้วย, วง HIPHOP วัยรุ่น 1 Mill & Fixed, เสก LOSO, LOMOSONIC, RACHYO, วงมหาหิงค์ และวงกางเกง

 

 

            คุณแป๋ว (ธนาภรณ์ โปรโมชั่น) ผู้จัดงาน “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567”  กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดงานในครั้งนี้ต้องขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ และความร่วมมือจากเจ้าของพื้นที่ นาวาอากาศโท ปราโมทย์  กุยแก้ว ผู้บังคับฝูงบิน 416 (เชียงราย) เจ้าของพื้นที่ในการจัดงานครั้งนี้ ที่ให้โอกาสทาง “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” ได้เข้ามาจัดงานเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ของจังหวัดเชียงราย การมาของเราในครั้งนี้เราต้องการเข้ามาช่วยพัฒนารูปแบบการจัดงานให้ดีขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้าขาย และการท่องเที่ยว ให้งานนี้เป็นอีกหนึ่งงานเทศกาลประจำจังหวัดที่น่าจดจำของนักท่องเที่ยว ซึ่งการจัดงาน “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย และเป็นโจทย์ที่ยากที่ทางเราได้รับมา แต่ด้วยประสบการณ์การจัดงานของ “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่เคยจัดงานเทศกาลใหญ่ ๆ ระดับจังหวัด ระดับประเทศกันมาอย่างยาวนาน ชาวเชียงรายทุกท่านจึงสามารถเชื่อมั่นได้เลยว่างานในปีนี้จะยิ่งใหญ่และจัดเต็มมากกว่าปีไหน ๆ อย่างแน่นอน ตัวอย่างผลงานที่ผ่านของ “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” ได้แก่ มหัศจรรย์งานช้างแฟร์จังหวัดสุรินทร งานประเพณีทิ้งกระจาดศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี และงานแข่งขันขันเรือยาวจังหวัดพิจิตร

 

ทาง “ธนาภรณ์ โปรโมชั่น” ได้นำประสบการณ์ที่ผ่านมามาปรับใช้กับ “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” ของจังหวัดเชียงราย โดยทางผู้จัดได้มีการส่งทีมลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูล และพูดคุยกับชาวบ้านในจังหวัดล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจความต้องการของชาวเชียงราย ก่อนที่จะนำข้อมูลทั้งหมดมาพูดคุยกับหน่วยงานราชการในจังหวัดเชียงรายเพื่อปรับรูปแบบของงานให้ออกมาดีที่สุด และเพื่อให้ชาวเชียงรายรู้สึกภาคภูมิใจ และอยากกลับมาเที่ยวงานประจำจังหวัดกันอีกครั้ง ถือเป็นมิติใหม่ของงานประจำจังหวัด และสามารถเดินเพลินกันได้ทั้งวัน

 

 

เชิญพบความสนุกแบบเต็มอิ่มได้ใน “งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช และงานกาชาดประจำปี 2567” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มกราคม 2567 ไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 ตลอดทั้ง 10 วัน 10 คืน ณ บริเวณสนามบินฝูงบิน 416 จังหวัดเชียงราย หรือ สนามบินเก่าจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เพิ่มศักยภาพเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟปางขอนรองรับตลาดการค้าเสรี

 
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 67 นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นประธานเปิดการสัมมนาศึกษาดูงานโครงการการเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี ที่วิสาหกิจชุมชนกาแฟยอดดอยปางขอน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงราย สร้างแต้มต่อทางการค้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในตลาดการค้าเสรี
 
 
โดยรองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ พร้อมด้วย นางณัฐพร มหาไพบูลย์พาณิชย์จังหวัดเชียงราย นายชนินทร์ ชินวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทศกัณฑ์ โรสท์เตอร์รี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ร่วมสัมมนาเพื่อพบปะหารือกับเกษตรกร สมาชิกวิสาหกิจชุมชนกาแฟยอดดอยปางขอน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในหมู่บ้านปางขอนและผู้รับซื้อกาแฟ รับฟังข้อมูลการผลิตและจำหน่ายกาแฟปางขอน รวมถึงปัญหาอุปสรรคและข้อคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อนำไปหาแนวทางการส่งเสริมเรื่องสินค้ากาแฟของจังหวัดเชียงราย พร้อมผลักดันขยายตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดพรีเมี่ยมและส่งออกไปในตลาดการค้าเสรีหรือ FTA ต่อไป
 
 
สำหรับกาแฟเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับการส่งเสริมภายใต้โครงการปลูกพืชทดแทนและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยกาแฟบางขอนเริ่มปลูกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 บนพื้นพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,280 เมตร เป็นกาแฟพันธุ์อราบิก้า และมีการพัฒนาการผลิตมาโดยตลอด จนปัจจุบันเป็นที่นิยมของตลาดกาแฟสร้างรายได้รายได้แก่เกษตรกรครัวเรือนละ 150,000 – 200,000 บาทต่อปี
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย ตั้งเป้าลดไฟป่า 50% จัดทีมป้องกันก่อนการประกาศห้ามเผา

 

เมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 นาย ประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและPM2.5 จังหวัดเชียงราย โดยมี พ.อ.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.) พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าและPM2.5 จังหวัดเชียงราย และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมฯ เพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ของจังหวัดเชียงราย ณ ศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าและPM2.5 จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองเชียงราย

 
ในที่ประชุมฯ คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติหมอกควันไฟป่าฯ เชียงราย ได้หารือด้านการกำหนดแผนการปฎิบัติการ แผนเผชิญเหตุ และแผนการฟื้นฟู โดยตั้งค่าเป้าหมายกำหนดเป็นตัวชี้วัด เน้นการประชาสัมพันธ์ การลงพื้นที่เชิงรุก ให้เข้าถึงประชาชนทุกภาคส่วน ทางด้านเกษตรมีการทำแผนบริหารเครื่องอัดฟางในพื้นที่ การขึ้นทะเบียนนาปรัง โดยให้ทางอำเภอบริหารจัดการ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่เกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีลดการเผาโดยการใช้นวัตกรรมเตาเผาถ่านไบโอชาร์ เป็นการเผาถ่านแบบไร้ควัน โดยเป็นการเผากิ่งไม้ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อย ซึ่งจะได้ถ่านที่มีคุณภาพ และลดการเผาในที่โล่ง
 
 
อีกทั้งในที่ประชุมได้หารือด้านการใช้มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ มาตรการการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม มาครการการจัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง การจัดระเบียบการเข้าใช้พื้นที่ป่า รวมถึงการประกาศปิดป่าอนุรักษ์ในช่วงห้ามเผาของจังหวัด ซึ่งกำหนดจุดเป้าหมาย จุดความร้อน(HOT SPOT) ลดลง 50% จากปีที่ผ่านมา รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้า สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ผู้นำหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน มูลนิธิ ร่วมบูรณาการการปฎิบัติงาน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและPM 2.5 ของจังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

UNDP – เชียงราย เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอบสนองมิติเพศ

 

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 67 นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างขีดความสามารถในการบูรณาการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิที่ตอบสนองต่อมิติเพศและการมีส่วนร่วมทางสังคมในการจัดทำแผนและงบประมาณของหน่วยงานส่วนภูมิภาค จังหวัด และท้องถิ่น” ที่โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ (UNDP) ร่วมกับจังหวัดเชียงราย ที่ต้องการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการบูรณาการแบบองค์รวมและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน และด้วยสถานการณ์ความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย อันส่งผลต่อแต่ละกลุ่มในสังคมไม่เท่ากัน 

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ ทำให้การวางแผนการพัฒนาจำเป็นต้องคำนึงถึงมิติดังกล่าว ถึงผลกระทบที่เกิดทางเศรษฐกิจ สุขภาพ ตลอดจนการเข้าถึงทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดในสถานการณ์ภัยพิบัติอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำมาประกอบกันในการวางแผน และนโยบายเพื่อตอบสนองปัญหาเหล่านี้ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP หน่วงานภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

 

นางสุกันยา ทองธำรง นักวิเคราะห์การบูรณาการโครงการ UNDP ไทยแลนด์ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งนี้ ทุกภาคส่วนจะได้ทราบถึงปัญหาที่จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญอยู่เป็นประจำ และต่อเนื่องทุกปี นั้นก็คือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนทุกเพศและวัย และเป็นปัญหาที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไข ซึ่งในเดือนมีนาคม 2566 สถานการณ์ของฝุ่นควันในจังหวัดเชียงรายมีค่าสูงมากถึง 523 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และภายในอาทิตย์เดียว มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจถึง 3,478 คน ปัญหาฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศนี้ ส่งผลต่อสภาพสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดเชียงราย ปัญหาดังกล่าวมีความสำคัญยิ่ง และในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP28 ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีขนาดใหญ่ระดับรัฐบาลที่เน้นเรื่องการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 นั้น ได้มีการบรรจุประเด็นปัญหามลพิษทางอากาศ และ PM 2.5 เป็นวาระสำคัญในการหารือในที่ประชุมอีกด้วย
 
 
 
ด้วยเหตุนี้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP จึงสนับสนุนขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการบูรณาการแบบองค์รวม และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน ซึ่งในปี 2566 โครงการได้สนับสนุนและสร้างเครือข่ายทางการเงินเพื่อการดำเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศ จึงได้จัดทำคู่มือการบูรณาการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CC) และมิติเพศ และการมีส่วนร่วมทางสังคม (GSI) ในการวางแผนและการจัดทำงบประมาณในประเทศ (CC-GSI Handbook) เพื่อให้หน่วยงานในระดับต่างๆ ใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนงาน และงบประมาณที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มิติเพศและความมีส่วนร่วมทางสังคม อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับโครงการ SDG Localization และสำนักงานจังหวัดเชียงราย ในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
 
 
UNDP มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาและพัฒนาความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานรัฐบาล ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่ายในทุกภาคส่วน โดยจะประสานเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานในภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีในพื้นที่การทำงานต่างๆ ให้เกิดความต่อยอดความสำเร็จของหน่วยงานหรือจังหวัดนั้นๆ ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กฟก.จังหวัดเชียงราย ประสาน บสก. งดขายทอดตลาดที่ดินสิ่งปลูกสร้างของเกษตรกร

 

 

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 นายนิยม สุวรรณประภา หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) เปิดเผยว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.)ได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือจากเกษตรกร อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นลูกหนี้ของ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดเชียงราย เงินต้นคงค้าง จำนวน 1,876,592.20 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยสำนักงานบังคับคดีจังหวัดเชียงราย กำหนดการขายทอดตลาด นัดที่ 1-6 ในวันที่ 24 มกราคม /24 กุมภาพันธ์ /6 มีนาคม /27 มีนาคม /17 เมษายน และ 8 พฤษภาคม 2567 นั้น

 

“สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) ได้รับเรื่องและตรวจสอบแล้วพบว่าเกษตรกรรายดังกล่าว เป็นสมาชิกองค์กรเกษตรกร และได้ขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร กับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) โดยผ่านการอนุมัติให้จัดการหนี้ได้ตามกฎหมาย จากคณะกรรมการกองทุนพื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อขอรับสิทธิการจัดการหนี้ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2544 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563”
 
 
นายนิยม กล่าวว่า เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของเกษตรกรสมาชิกได้สำเร็จ ตามเจตนารมณ์แห่งมติคณะรัฐมนตรี ที่ต้องการรักษาที่ดินทำกินของเกษตรกรและพื้นที่เกษตรกรรม สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) จึงประสานขอความอนุเคราะห์ไปยัง บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดเชียงราย เพื่อพิจารณาชะลอการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของเกษตรกร ทั้ง 6 นัด ออกไปเป็นการชั่วคราว ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิกยังไม่แล้วเสร็จ โดยล่าสุดได้มีการงดการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ทั้ง 6 นัดออกไปเป็นการชั่วคราว ในช่วงระหว่างการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ โดยสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) ต่อไป ทั้งนี้เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ชั้น 1 โทรศัพท์ 053-150156 ในวันและเวลาราชการ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

“บิ๊กโจ๊ก” บินด่วน!! เตรียมพบอัยการตำรวจเยอรมันตามความคืบหน้าผู้ต้องหาซื้อบริการเด็ก

 

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  หรือ “บิ๊กโจ๊ก” บินด่วน!! เตรียมพบอัยการ ตำรวจเยอรมัน ตามความคืบหน้าผู้ต้องหาเยอรมัน ซื้อบริการเด็ก อ้างจ่ายสินบนหนึ่งล้านบาท แลกการประกันตัวกลับประเทศ 

โดยได้เข้าพบ นายอรรถพงศ์ พันธุ์รัตน์ รองกงสุลใหญ่ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยประจำนครแฟรงค์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อขอให้ประสานงานขอพบตำรวจและอัยการของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในวันที่ 25 มกราคม เพื่อเคลียร์ประเด็นข้อเท็จจริง ที่มีสื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวว่านายเจน จ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและการประกันตัวกลับประเทศ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(มค) ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส. พ.ต.อ.ทรงเอก พัชรวิชญ์ รอง ผบก.ตท. พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ศิลา ตันตระกูล ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานงานภูมิภาค 3 ตท. จึงได้บินไปสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี

 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันกับนายอรรถพงศ์ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ฯ ว่าที่มาเพราะต้องการทำความจริงให้ปรากฏเรื่องข้อเท็จจริงกรณีจากที่นายเจน คริช อ้างว่าจ่ายเงินไป 1 ล้านบาท เพื่อแลกการประกันตัว นายเจน นั้นจ่ายให้กับผู้ใดและเป็นเงินค่าอะไรหรือเป็นเงินสินบนที่จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าวจ่ายให้กับทนายความไปโดยเงินจำนวน 500,000 บาทถูกใช้ไปในการวางเงินประกันตัวที่ศาล ต่อมาเมื่อนายเจน คริช ผิดนัดไม่มาศาลจึงถูกยึดเงินประกันรวม 700,000 บาท และศาลออกหมายจับ

 

แต่สื่อต่างประเทศ กลับเสนอข่าวเป็นเรื่องการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย ทั้งในแง่มุมการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และในแง่มุมของการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเยอรมันหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่อยากเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของเจ้าหน้าที่รัฐ และส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ และเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น

ขณะที่รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ฯ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ถือเป็นอันดับ 2 ในสหภาพยุโรปรองจากอังกฤษ (ยกเว้นรัสเซีย) ที่เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด จึงพร้อมสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ หากมีประเด็นที่จะต้องประสานงานติดตามผลในเรื่องใด ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือดำเนินการ ร่วมมือกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

คณะสว.พบชาวเชียงราย ติดตามเมืองสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหา PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 ที่ห้องประชุมสภา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมและรับฟังการบรรยายสรุป 0kdองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในประเด็น การเป็นเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกด้านการออกแบบ (City Of Design) กิจกรรมสภาเด็กและเยาวชนเชียงราย การสนับสนุนการจัดการแหล่งน้ำ และการดำเนินงาน “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ต้นแบบการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม โดยมี ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายกฤศ โพธสุธน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ และมีคณะกรรมการวุฒิสภา ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

 

โดยที่ประชุมมีการบรรยายสรุปเรื่องแผนงานภายหลังจากการได้รับคัดเลือกเป็นเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโกด้านการออกแบบ (City Of Design) ที่มีโครงข่ายพื้นที่สุขภาพดี 118 รพ.สต. จัดให้มีโครงสร้างพื้นฐาน ถนน แหล่งน้ำ จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัด สร้างแหล่งเรียนรู้ศิลปะ วัฒนธรรม และชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย และการเป็น Thinking/Design School ของโรงเรียน อบจ.เชียงราย โดยจัดทำหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของยุคสมัย ในส่วนของกิจกรรมของสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนในระดับอำเภอ ในการจัดตั้งสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่น 
 
 
เสริมนโยบายการพัฒนา “3 พี่น้องท้องถิ่นร่วมใจ ชุมชนและการมีส่วนร่วม” และจัดตั้งศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ในระดับอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์แก่เยาวชน การสนับสนุนการจัดการแหล่งน้ำ (ฝายชะลอน้ำ) มีการทำ MOU กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการแหล่งน้ำต่าง ๆ รวมทั้งได้ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และในปี 2562 ที่ผ่านมา ได้ร่วมกันสร้างฝายมีชีวิต ที่ ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ขึ้นเป็นฝายแรก 
 
 
โดยในปี 2567 นี้มีเป้าหมายที่จะสร้างฝายมีชีวิตให้ได้ทั้งหมด 140 ฝาย เพื่อลดการพังทลายของดิน กักเก็บน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภคในฤดูแล้ง และได้รายงานถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานโครงการ “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ซึ่งเป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรม โดยทางคณะแพทย์ได้มาให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของฝุ่นแก่เด็กนักเรียน มีการปักธงสุขภาพในแต่ละพื้นที่ซึ่งสีของธงก็จะขึ้นอยู่กับคุณภาพอากาศในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ มีการเดินรณรงค์ลดการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น เพื่อสร้างความตระหนักถึงพิษภัยของฝุ่น PM2.5
 
 
พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) คนที่หนึ่ง กล่าวว่า การที่จังหวัดเชียงรายได้รับการยกระดับเป็นเมืองสร้างสรรค์นั้น อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชนและทุภาคส่วนที่มีความรักความสามัคคี พูกพันธ์จากรุ่นสู่รุ่น อยู่ด้วยความสงบสุข และขอชื่นชมยกย่องจังหวัดเชียงรายว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากที่สุดในประเทศไทย เพราะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดให้ความสำคัญและให้โอกาสเด็กๆ เยาวชนได้แสดงออกอย่างเต็มที่เต็มความสามารถในทุกๆ ด้าน จึงนำไปสู่ความสำเร็จ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เป็นสัญชาติไทยอย่างเต็มตัว ชาติพันธุ์ 27 คน แปลงสัญชาติ

 

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย คณะทำงานด้านสิทธิสถานะบุคคล มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) นำโดย นางเตือนใจ ดีเทศน์ (ครูแดง) กรรมการที่ปรึกษามูลนิธิฯ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.เชียงราย ได้พาผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผู้เฒ่ากลุ่มชาติพันธุ์อาข่า จากหมู่บ้านป่าคาสุขใจ ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย จำนวน 6 คน กลุ่มชาติพันธุ์จีนยูนนานจากหมู่บ้านใหม่สันติ ต.แม่สลองนอก และบ้านห้วยไร่สามัคคี ต.แม่ฟ้าหลวง อีก 21 คน รวมจำนวน 27 คน ไปทำการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยอย่างเต็มตัว

 

โดยแต่ละคนมีอายุมาก เช่น นายอายู แย่แบวกู่ อายุถึง 93 ปี เข้ามาในประเทศไทยในปี 2508 นางหมี่นะ เบเชอกู่ อายุ 80 ปี เข้ามาเมื่อปี 2509 ฯลฯ นอกจากนี้บางคนมีประวัติที่น่าสนใจ เช่น นายเล่าเอ้อ แซ่เว่ย อายุ 86 ปี เกิดในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน และเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยพร้อมกับทหารจีนคณะชาติกองพล 93 เมื่อ 48 ปีก่อน แต่ตกสำรวจไม่ได้รับสัญชาติไทย หลังสงครามกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งนายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการทำประจำตัวประชาชนสร้างความดีใจให้กับทุกคนอย่างมาก
นายอาเจอะ หม่อปอกู่ ผู้ใหญ่บ้านป่าคาสุขใจ กล่าวว่า ในหมู่บ้านยังมีผู้อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปอีก 35 คนซึ่งได้ยื่นเรื่องให้ทางจังหวัดพิจารณาเรื่องสัญชาติเพิ่มเติม และยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาอีกหลายราย ซึ่งผู้เฒ่าเหล่านี้ถือว่าอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานาน บางคนนานเกือบ 60 ปี แต่เนื่องจากอยู่ตามป่าเขาและสูงวัยจึงเดินทางไปไหนไม่สะดวกทำให้ไม่ได้รับสิทธิเหมือนคนไทย ดังนั้นการได้สัญชาติจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่น ได้เบี่้ยยังชีพผู้สูงอายุ บัตรคนพิการ มีสิทธิเลือกตั้ง เป็นต้น
 
 
ทางด้านนางเตือนใจ กล่าวว่า ผู้เฒ่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ได้เกิดในประเทศไทยแต่อาศัยอยู่มานานแล้วซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดว่าผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศเกิน 5 ปี และถือบัตรต่างด้าวและใบสำคัญที่อยู่ มีอาชีพมั่นคงพึ่งตัวเองได้ มีความรู้ภาษาไทย มีความประพฤติดีผ่านการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน เช่น ตำรวจ ป.ป.ส.ฯลฯ สามารถขอแปลงสัญชาติไทยได้ กระทั่งยุคของ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา อดีต รมว.กระทรวงมหาดไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญจึงยกเลิก 3 ข้อหลังออกและให้รู้ภาษาถิ่นส่วนความประพฤติก็มีผู้รับรอง จากนั้นให้ปลัดกระทรวงทำหนังสือเวียนไปทั่วประเทศทำให้ผู้เฒ่าเหล่านี้เได้ยื่นขอแปลงสัญชาติตามมาตรา 10 พ.ร.บ.สัญชาติฯ ส่วน จ.เชียงราย มีความร่วมมือเป็นอย่างดีกับภาคประชาสังคมจึงดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและถือเป็นกลุ่มกรณีศึกษาที่ได้รับสัญชาติไทย
 
 
น.ส.เตือนใจ กล่าวด้วยว่า ตนจึงได้ตามเรื่องโดยเข้าพบกับนายบรรจบ จันทรัตน์ รองอธิบดีกรมการปกครอง พร้อมแจ้งว่า ผู้เฒ่าเหล่านี้ได้มีการปฏิญานตนจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้วในดือน เม.ย.2566 และได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าได้มีการพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้แล้วเมื่อปี 2566 ทำให้เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมการปกครองได้มีหนังสือถึง จ.เชียงราย มีผู้ได้รับสัญชาติไทยตามรายชื่อดังกล่าวในจังหวัด 45 คน ซึ่งใช้เวลาเพียง 7 วันก็มีการลดขั้นตอนและดำเนินการในครั้งนี้ดังกล่าว ทำให้แต่ละคนดีใจเพราะอยู่ในประเทศไทยนาน 30-60 ปี
 
 
โดยบางคนเป็นอดีตและครอบครัวของทหารจีนคณะชาติ จึงถือได้ว่า จ.เชียงราย มีการตั้งคณะทำงานที่มีประสิทธิภาพ ตนจึงคาดหวังว่านายอนุทิน ชาญวีระกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะให้ความสำคัญเพราะหากไม่ลดขั้นตอนเช่นนี้แต่ละรายจะใช้เวลามากกว่า 3 ปี จึงจะแล้วเสร็จ และตัวเลขเมื่อปี 2563 ก็พบมีผู้เฒ่าไร้สัญชาติทั่วประเทศมากถึงกว่า 110,000 คน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ดันการศึกษาท้องถิ่น จัดประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนนานาชาติ 2024

 

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 เวลา 09.00 น. นายกฤศ โพธสุธน รองนายก อบจ.เชียงรายเป็นประธานเปิดโครงการประชุมสุดยอดผู้นำเยาวชนนานาชาติ The 5′” Lead Youth Conference 2024 ณ ห้องประชุมปลูกปัญญา โรงเรียน อบจ.เชียงราย โดยมีดร.ศราวุธ สุตะวงค์

ผู้อำนวยการ รร.อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยรองผู้อำนวยการ รร.อบจ.เชียงรสย นางพัฒนา สวยงาม นายวีระยุทธ คีลาวงค์ และดร.อรพิน สุภาวงศ์ ทั้งนี้มีโรงเรียนที่เข้าร่วมประกอบด้วย SSA Japan ประเทศญี่ปุ่น, Men 2 Indonesia ประเทศอินโดนีเซีย, โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม จ.เชียงใหม่, โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.เชียงราย, โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม จ.เชียงราย, โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จ.เชียงราย และโรงเรียน อบจ.เชียงราย
.
การจัดโครงการในครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และการสร้างเครือข่ายทางการศึกษา ตลอดจนสัมผัสวัฒนธรรม ทุกโรงเรียนที่เข้าร่วมเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนสังคมและการพัฒนาโลก ในฐานะตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้นี้ บทบาทของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้กับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่จาก 4 ประเทศ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดซึ่งกันและกัน อีกทั้งหาแนวทางแก้ไขที่เป็นนวัตกรรมเพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงโลกอย่างยั่งยืน
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News