Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายก อบจ.เชียงราย มอบนโยบาย พร้อมรดน้ำดำหัวปี๋ใหม่

นายก อบจ.เชียงราย มอบนโยบายราชการ พร้อมรดน้ำดำหัวผู้บริหาร สืบสานประเพณีสงกรานต์ล้านนา

เชียงรายจัดประชุมบุคลากร อบจ. พร้อมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ

เชียงราย, 21 เมษายน 2568 – ที่อาคารคชสาร สนามกีฬากลาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมบุคลากรประจำเดือนมีนาคมและเมษายน 2568 เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่บุคลากรในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากรขององค์กร เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ภายในที่ประชุม นางอทิตาธร ได้กล่าวเน้นย้ำถึงแนวทางการบริหารราชการที่ยึดหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต และเน้นการให้บริการประชาชนอย่างเต็มความสามารถ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ของ อบจ.เชียงราย ในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบ และประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการสาธารณะและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ยังได้มีการมอบโล่เชิดชูเกียรติและเกียรติบัตรแก่บุคลากรที่มีคุณธรรม จริยธรรม และมีผลงานดีเด่นประจำปี 2568 โดยคัดเลือกจากการเสนอชื่อของแต่ละหน่วยงานภายในองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อเป็นแบบอย่างแก่บุคลากรอื่นและส่งเสริมบรรยากาศการทำงานที่ดีภายในองค์กร

พิธีรดน้ำดำหัว คณะผู้บริหารและผู้อาวุโส สืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมือง

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ได้มีการจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ และผู้อาวุโส ประจำปี 2568 โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นผู้นำหัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากรในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรม

พิธีรดน้ำดำหัวจัดขึ้นตามประเพณีล้านนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือปี๋ใหม่เมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความเคารพนบน้อมต่อผู้มีพระคุณ แสดงความกตัญญูกตเวที และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง การจัดพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น แสดงถึงความรักความสามัคคีในองค์กร และเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันของบุคลากรทุกระดับ

การบริหารที่ยึดหลักคุณธรรมและการสืบสานวัฒนธรรมในองค์กรท้องถิ่น

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในการยกระดับคุณภาพการบริหารงานในทุกมิติ โดยเน้นให้บุคลากรทุกระดับตระหนักในบทบาทหน้าที่และร่วมกันผลักดันนโยบายสาธารณะให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในพื้นที่

การมอบรางวัลแก่บุคลากรที่มีคุณธรรมและจริยธรรมดีเด่นยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากรในองค์กรเกิดความภาคภูมิใจในบทบาทของตน ส่วนกิจกรรมรดน้ำดำหัวนั้น ถือเป็นการเชื่อมโยงมิติทางวัฒนธรรมเข้ากับภารกิจราชการได้อย่างเหมาะสม สร้างสมดุลระหว่างความเป็นไทยกับการบริหารงานภาครัฐยุคใหม่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในปี 2567 พบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินงานด้านคุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมองค์กร มีแนวโน้มสร้างความพึงพอใจของประชาชนในระดับสูงขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจเพิ่มขึ้นจาก 76.5% เป็น 81.2% ภายในระยะเวลา 1 ปี (ที่มา: สำนักงาน ก.พ.ร., 2567)

ดังนั้น การจัดประชุมและกิจกรรมในครั้งนี้ จึงถือเป็นแนวทางในการพัฒนาองค์กรภาครัฐให้มีความเข้มแข็ง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและคุณธรรมควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สงกรานต์เชียงราย สรงน้ำพระเถระ สูมาคารวะผู้ว่าฯ

พิธีสรงน้ำสงกรานต์และสูมาคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เนื่องในปี๋ใหม่เมือง 2568

เชียงรายจัดใหญ่ พิธีสงกรานต์สืบสานประเพณีล้านนา

เชียงราย, 21 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดพิธีถวายสักการะและสรงน้ำพระเถรานุเถระ พร้อมสรงน้ำพระราชานุสาวรีย์พญามังรายมหาราช และพิธีสูมาคารวะสระเกล้าดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปี๋ใหม่เมือง ประจำปี 2568 โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ตลอดจนรองผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน และประชาชนเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พิธีถวายน้ำพระเถรานุเถระ ณ วัดเจ็ดยอด

ในช่วงเช้า เวลา 09.00 น. พิธีเริ่มต้นที่วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วน ถวายน้ำสรงแด่พระเถรานุเถระอาวุโสในจังหวัด เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย-ล้านนาอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ

ขบวนอัญเชิญเครื่องสักการะและพิธีสรงน้ำพญามังรายมหาราช

หลังจากเสร็จพิธีทางศาสนา ขบวนอัญเชิญเครื่องสักการะจากทั้ง 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ได้เคลื่อนจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 ผ่านถนนสิงหไคล ไปยังพระราชานุสาวรีย์พญามังรายมหาราช ณ ห้าแยกพ่อขุน ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

นายชรินทร์ ทองสุข เป็นประธานในพิธีสรงน้ำพระราชานุสาวรีย์ โดยมีการกล่าวคำสูมาคารวะพญามังรายมหาราช จากนั้นหัวหน้าส่วนราชการ อำเภอ คหบดี กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนต่างทยอยถวายเครื่องสักการะและสรงน้ำตามลำดับ เป็นบรรยากาศแห่งความศรัทธาและความจงรักภักดีต่อบรรพชนผู้สร้างเมือง

พิธีสูมาคารวะดำหัว ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัด

ในเวลา 11.00 น. ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าหน่วยงานราชการ นายอำเภอ กลุ่มพ่อค้า กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนทั่วไป ได้พร้อมใจกันกล่าวคำสูมาคารวะ และทำพิธีสระเกล้าดำหัวนายชรินทร์ ทองสุข และนางสินีนาฏ ทองสุข เพื่อขอขมาขอพรจากผู้อาวุโสตามประเพณีล้านนา ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีและการเคารพผู้อาวุโส โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้กล่าวให้พรแก่ผู้ร่วมพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล

วิเคราะห์มิติทางวัฒนธรรมและความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ

พิธีในครั้งนี้ถือเป็นการรวมพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรท้องถิ่น ที่ได้ร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาวเชียงราย โดยเฉพาะประเพณีปี๋ใหม่เมือง ที่นอกจากจะสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างผู้คนในสังคมแล้ว ยังเป็นการเชิดชูเกียรติของพญามังรายมหาราช ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย

การมีส่วนร่วมของประชาชนจากทั้ง 18 อำเภอ สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธา ความพร้อมเพรียง และการสืบสานวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตชีวาในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสำคัญของภาคเหนืออีกด้วย

สถิติและแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

จากรายงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ระบุว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับประเพณีปี๋ใหม่เมืองกว่า 125,000 คน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในพื้นที่กว่า 230 ล้านบาท โดยกิจกรรมสำคัญ เช่น พิธีสรงน้ำพระ การฟ้อนแห่ปี๋ใหม่เมือง และพิธีดำหัวผู้อาวุโส ล้วนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี (ที่มา: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, 2567)

การจัดงานในปี 2568 จึงถูกคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกของความยั่งยืนในมิติของวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หนองแรดสุดคึก แข่งเรือปูน ยิงหนังสติ๊ก ส่งท้ายสงกรานต์

เชียงรายจัดใหญ่ กีฬาพื้นบ้าน ตำบลหนองแรด ส่งเสริมสามัคคี ชุมชนร่วมคึกคัก

เปิดฉากแข่งขันกีฬาพื้นบ้านส่งท้ายสงกรานต์

เชียงราย, 20 เมษายน 2568 – ที่หนองทรง บ้านหนองแรดใต้ หมู่ที่ 3 ตำบลหนองแรด อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ได้จัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โดยมีนายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายนฤเดช ศิริแสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแรด (อบต.หนองแรด) เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน และมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น

ส่งเสริมความสามัคคีผ่านกีฬาพื้นบ้าน

นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอเทิง กล่าวว่า การจัดการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีของประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองแรด โดยเฉพาะหลังจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา กิจกรรมในครั้งนี้ช่วยให้ชาวบ้านได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ สร้างความรัก ความสามัคคี ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การแข่งขันพายเรือหาปลา แข่งขันพายเรือกระบะปูน มวยทะเล แข่งขันยิงหนังสติ๊ก และการแข่งขันปากระป๋อง

หนองซง แหล่งน้ำสำคัญของชุมชน

นายอำเภอเทิงยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หนองซงเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการอุปโภคบริโภคของตำบลหนองแรดและอำเภอเทิง ซึ่งในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาหนองซงให้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของพื้นที่ เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชนอย่างยั่งยืน

แผนพัฒนาหนองซงเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ทางด้านนายนฤเดช ศิริแสน นายก อบต.หนองแรด เปิดเผยว่า ปัจจุบันหนองซงมีพื้นที่ประมาณ 1,400 ไร่ โดยในช่วงฤดูแล้งหนองซงจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับใช้ในการเกษตรในพื้นที่ ซึ่งทาง อบต.หนองแรดได้วางแผนการพัฒนาหนองซงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะขออนุญาตให้ใช้พื้นที่เป็นที่สาธารณะ และจะร่วมกับกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมพัฒนาที่ดินในการพัฒนาตามโครงการพระราชดำริ ขณะนี้ได้รับงบประมาณเบื้องต้น 30 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงพื้นที่และการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเพิ่มเติม

กิจกรรมแข่งขันสนุกสนาน ชาวบ้านร่วมเชียร์คึกคัก

กิจกรรมการแข่งขันที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีชาวบ้านให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการแข่งขันมวยทะเลที่สร้างความสนุกสนานและเรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์ของแต่ละหมู่บ้านได้อย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันอื่นๆ ที่สร้างความสนุกสนานและกระชับความสัมพันธ์ในชุมชนได้เป็นอย่างดี

จุดวิเคราะห์และแนวทางการพัฒนาต่อไป

จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความต้องการกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีในพื้นที่ ดังนั้นจึงควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อ และในอนาคตควรมีการขยายผลไปสู่กิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่าจังหวัดเชียงรายมีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกิจกรรมชุมชน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้เศรษฐกิจในชุมชนท้องถิ่นมีการขยายตัวและสร้างรายได้เฉลี่ยมากขึ้น (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567)

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมกีฬาพื้นบ้านในพื้นที่ตำบลหนองแรด อำเภอเทิง จึงถือเป็นหนึ่งในแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแรด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มนต์ขลังริมโขง อ.เชียงของ จัดพิธีไหว้เจ้าพ่อปลาบึก

เชียงของจัดยิ่งใหญ่ พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 อนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน

เปิดฉากพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประเพณีสำคัญของชาวเชียงของ

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. ณ ลานโพธิ์หน้าวัดหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดประเพณีท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวเชียงของ

พิธีนี้ได้รับเกียรติจาก นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมพิธี และได้รับเกียรติจาก นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง ผู้แทนประมงจังหวัดเชียงราย มาเป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน โดยมีนายทรงศักดิ์ เรืองศรีมั่น ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเชียงของ เป็นผู้กล่าวรายงานความสำคัญของงานครั้งนี้

ที่มาของประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก

การบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก เป็นพิธีกรรมที่ชาวบ้านหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าปลาบึกในแม่น้ำโขงเป็นปลาที่มีเทพเจ้าคอยคุ้มครองรักษา การที่จะสามารถจับปลาบึกได้สำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีการทำพิธีขออนุญาตต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา และปลุกขวัญแม่ย่านางเรือให้มีอานุภาพแกร่งกล้าเสียก่อน

แม้ปัจจุบันชาวบ้านจะไม่ได้มีการล่าปลาบึกแล้ว เนื่องจากการอนุรักษ์สายพันธุ์ปลาและความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม แต่ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกยังคงถูกจัดขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของหมู่บ้านที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และแสดงออกถึงความกตัญญูต่อเทพเจ้าที่เชื่อว่าปกปักษ์รักษาชุมชนให้อยู่ดีมีสุข

กิจกรรมสำคัญในงานพิธีบวงสรวง

ภายในงานครั้งนี้ มีกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง ได้แก่ พิธีเลี้ยงลวงหรือบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก พิธีฟ้อนบวงสรวง การแสดงทางวัฒนธรรมของชาวบ้านที่มีความวิจิตรงดงาม และสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบพันธุ์ปลาและพิธีปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ

การมีส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่น

พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนบ้านหาดไคร้และชาวอำเภอเชียงของเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชุมชน และความร่วมมือร่วมใจในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น

นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ ประธานในพิธี ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาประเพณีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติว่า “ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในชุมชน”

จุดวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในการสืบทอดประเพณี

จากการจัดงานในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีดั้งเดิม แต่เพื่อให้ประเพณีนี้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน ควรมีการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมมากขึ้น รวมถึงการให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านสื่อและช่องทางการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ประเพณีดังกล่าวยังคงมีชีวิตชีวาและได้รับการสืบทอดอย่างมั่นคง

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

ข้อมูลจากกรมประมงระบุว่า ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพบมากในลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 150-250 กิโลกรัม และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี ปัจจุบันปลาบึกมีจำนวนลดลงมากจากเดิมกว่า 80% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและการประมงที่ขาดการควบคุม (ที่มา: กรมประมง, 2567)

ดังนั้น การจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาลงแม่น้ำโขง จึงเป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกให้คงอยู่ และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมประมง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แม่สาย-รวก ขุดลอก สร้างแนวกันท่วม รับมือน้ำหลาก

เชียงรายเร่งเดินหน้าขุดลอกแม่น้ำรวก-แม่น้ำสาย สร้างแนวป้องกันน้ำท่วมก่อนฤดูฝน

สถานการณ์น้ำท่วมและความจำเป็นในการดำเนินโครงการ

เชียงราย, 20 เมษายน 2568 – จากสถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มครั้งใหญ่ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ทางจังหวัดเชียงรายจึงได้เร่งดำเนินมาตรการป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ โดยล่าสุดได้ดำเนินการขุดลอกแม่น้ำรวกและแม่น้ำสาย รวมถึงการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่สำคัญของอำเภอแม่สาย

ความร่วมมือระหว่างไทย-เมียนมาในการขุดลอกแม่น้ำ

โครงการขุดลอกแม่น้ำรวกและแม่น้ำสายเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยทหารช่าง กองทัพบก กองทัพภาคที่ 3 และทางการเมียนมา โดยได้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2568 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง

การขุดลอกแม่น้ำมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ ตลอดแนวรวมระยะทางกว่า 44.8 กิโลเมตร แบ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการในพื้นที่แม่น้ำรวกระยะทาง 14 กิโลเมตร ขณะที่กรมการทหารช่างดำเนินการต่อเนื่องอีก 18 กิโลเมตร ส่วนทางการเมียนมารับผิดชอบแม่น้ำสายระยะทาง 12.8 กิโลเมตร

การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน

นอกจากการขุดลอกแม่น้ำแล้ว ทางจังหวัดเชียงรายยังมีการดำเนินการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมบริเวณเขตเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย ซึ่งในอดีตเคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำป่าและดินโคลนหลาก โดยแนวป้องกันดังกล่าวมีระยะทางรวมประมาณ 3,600 เมตร มีเนื้องานจริง 2,193 เมตร โดยเริ่มจากจุดแนวเขตแดนไทย-เมียนมา ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 ไปจนถึงบริเวณประตูน้ำชลประทาน

แนวป้องกันที่ออกแบบในครั้งนี้เน้นการใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันน้ำได้อย่างดี โดยใช้โครงสร้างหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ เขื่อนป้องกันตลิ่งด้วยเข็มไอและแผ่นคอนกรีตหล่อสำเร็จ กำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กพร้อมฐานราก เสริมความแข็งแรงแนวคันดินด้วยถุง Big Bag รวมถึงการดัดแปลงแนวป้องกันเชื่อมโยงกับอาคารบ้านเรือนด้วยการติดตั้งแผ่นเหล็กปิดช่องน้ำและกำแพงป้องกันแบบประกอบสำเร็จ

ความคืบหน้าและการบริหารโครงการโดย สทนช.

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้เปิดเผยว่า กรมการทหารช่าง กองทัพบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เริ่มดำเนินการก่อสร้างแนวป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร และขุดลอกแม่น้ำสายตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2568 โดยได้รับจัดสรรงบประมาณดำเนินการแล้วจำนวนกว่า 74 ล้านบาท ภายใต้กรอบข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

ประเทศไทยมีแผนการขุดลอกแม่น้ำรวก ความยาวกว่า 30 กิโลเมตร โดยกรมการทหารช่างดำเนินการใน 3 จุดสำคัญ ได้แก่ จุดที่ 1 บริเวณพนังกั้นน้ำชั่วคราวน้ำแม่สาย สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย จุดที่ 2 ขุดลอกแม่น้ำรวกในตำบลเกาะช้าง และจุดที่ 3 ขุดลอกแม่น้ำรวก บ้านวังลาว ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

จุดวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในอนาคต

โครงการขุดลอกแม่น้ำและสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรมีการดำเนินงานเชิงรุกและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบำรุงรักษาแนวป้องกันน้ำท่วม และการให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติ เพื่อสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติอย่างยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รายงานว่าในปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 4 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 20,000 ครัวเรือน และพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายกว่า 30,000 ไร่ (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2567)

การดำเนินโครงการนี้จึงถือเป็นแนวทางสำคัญในการลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่แม่สายอย่างเป็นรูปธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • กระทรวงมหาดไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย เยี่ยมผู้ประสบภัย ช่วยเหลือด่วน อ.พาน

ผู้ว่าฯ เชียงราย ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอำเภอพานอย่างใกล้ชิด

สถานการณ์วาตภัยในจังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 20 เมษายน 2568 – จากเหตุการณ์วาตภัยที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 เมษายน 2568 ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงได้มีคำสั่งด่วนให้ทุกอำเภอเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นายอำเภอพาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รับฟังปัญหาความเดือดร้อน รวมทั้งประเมินสภาพความเสียหายและความต้องการเร่งด่วนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลไปกำหนดแนวทางช่วยเหลือในระยะต่อไป

การช่วยเหลือเร่งด่วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยในครั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายได้มีการมอบเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ประสบภัยในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.) ยังได้มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังได้เน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเต็มที่ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

สรุปความเสียหายเบื้องต้นในภาพรวม

จากการสำรวจของจังหวัดเชียงรายในเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งนี้จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,079 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายในระดับที่ยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ และในขณะนี้ หน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งแจกจ่ายวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยครบถ้วนแล้ว

จุดวิเคราะห์และแนวทางการป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะการวางแผนรับมือที่ครอบคลุมทั้งการเตือนภัยล่วงหน้า การเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือเบื้องต้น รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

ในอนาคต จังหวัดเชียงรายจึงได้เตรียมแผนการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในเรื่องการป้องกันภัยธรรมชาติ พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการภัยพิบัติของชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติในจังหวัดเชียงราย

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในช่วงปี 2567 จังหวัดเชียงรายประสบภัยจากวาตภัยรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมกว่า 7,500 หลังคาเรือน และมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2567)

ทั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตในทุกเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติสุขโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

  • กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เข้าไทยง่ายขึ้น ต่างชาติใช้บัตร ขาเข้าดิจิทัล “TDAC” เริ่ม 1 พ.ค. นี้

ตม. เปิดตัวระบบบัตรขาเข้าดิจิทัล TDAC รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีผล 1 พ.ค. นี้

จุดเริ่มต้นนวัตกรรมด้านการตรวจคนเข้าเมือง

ประเทศไทย, 19 เมษายน 2568 – สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ประกาศเปิดใช้ระบบบัตรขาเข้าแบบดิจิทัล หรือ Thailand Digital Arrival Card (TDAC) สำหรับชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางเข้าประเทศ โดยนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับระบบนี้อย่างเป็นทางการ

ขั้นตอนการใช้งานระบบ TDAC

ระบบ TDAC จะถูกนำมาใช้กับผู้เดินทางเข้าประเทศทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ โดยชาวต่างชาติจำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ tdac.immigration.go.th อย่างน้อย 3 วันก่อนวันเดินทาง โดยต้องระบุข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลหนังสือเดินทาง รายละเอียดการเดินทาง ที่พักอาศัยในประเทศไทย รวมถึงข้อมูลด้านสุขภาพ ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ การลงทะเบียนผ่านระบบ TDAC มีทั้งหมด 4 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

  1. เข้าเว็บไซต์ tdac.immigration.go.th หรือสแกน QR code ที่กำหนด
  2. กรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการเดินทางอย่างครบถ้วน
  3. ส่งข้อมูลและรอรับอีเมลยืนยันการลงทะเบียน
  4. นำเอกสารยืนยันการลงทะเบียนและเอกสารการเดินทางมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย

การสนับสนุนหลายภาษาและสื่อแนะนำการใช้งาน

เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง เว็บไซต์ TDAC ยังมีคู่มือแนะนำการใช้งานถึง 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ จีน เกาหลี รัสเซีย และญี่ปุ่น รวมทั้งแผ่นพับและวิดีโอประชาสัมพันธ์ที่สามารถเข้าใช้งานได้ตลอดเวลา ช่วยลดปัญหาด้านภาษาและความสับสนในการกรอกข้อมูล

การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

นายอนุกูลกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบ TDAC ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และไม่ใช่ระบบวีซ่าออนไลน์ แต่เป็นระบบลงทะเบียนบัตรขาเข้าแบบดิจิทัล ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพิ่มเติมเพื่อให้บริการครบวงจรยิ่งขึ้น

ระบบ TDAC ยังถูกเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบ E-Visa ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ, ระบบคัดกรองสุขภาพของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้การบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากระบบ TDAC

ระบบ TDAC จะช่วยลดความแออัดในขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน ด่านชายแดน และท่าเรือต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล ลดความผิดพลาดจากการเขียนข้อมูลด้วยมือ และช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการรองรับนักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีเทคโนโลยีทันสมัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

จุดวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในการดำเนินการต่อไป

แม้ว่าระบบ TDAC จะมีความสะดวกและทันสมัย แต่การบังคับใช้ในช่วงแรกอาจมีปัญหาเรื่องการรับรู้และความเข้าใจของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อาจยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ระบบออนไลน์ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเตรียมเจ้าหน้าที่สนับสนุนเพื่อช่วยเหลือและให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงแรก

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งข้อมูลอ้างอิง

จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคน โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบ TDAC คาดว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวและลดเวลาในการตรวจสอบเอกสารที่สนามบินได้ถึง 30% (ที่มา: รายงานสถิติการเข้าเมืองของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, 2567)

ด้วยความพร้อมในการเปิดใช้ระบบ TDAC อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เวียงชัยอิ่มบุญ อบจ.เชียงราย ร่วมสืบชะตา บรรจุพระธาตุ

อบจ.เชียงราย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เสริมสร้างสิริมงคลแก่ชุมชนท้องถิ่น

จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธาของชุมชนเวียงชัย

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) โดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนางสาวธมลวรรณ ปัญญาพฤกษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 อำเภอเวียงชัย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงเสริมสิริมงคล ประจำปี 2568 ณ วัดพนาลัยเกษม ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถือเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ที่ผ่านการบำเพ็ญบุญบารมีมาอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านจึงมีความเชื่อมั่นว่าการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจะนำความสุข สงบ และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชุมชน อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมศรัทธาและจิตใจของชาวบ้าน ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย

พิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง เสริมบุญบารมี

ภายในพิธีนอกจากจะมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง โดยคณะสงฆ์ในพื้นที่ได้ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมพิธี โดยพิธีสืบชะตาหลวงนี้ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ชุมชนภาคเหนือปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ทรงคุณค่าให้ดำรงอยู่สืบไป

บทบาทของอบจ.เชียงรายในการสนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ.เชียงราย กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นมาโดยตลอด เพื่อเสริมสร้างความรักสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนมีการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมให้มีความสงบสุขและมั่นคง

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงราย

การจัดพิธีในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดเชียงราย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่มีคุณค่าของจังหวัดเชียงราย

การวิเคราะห์และแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน

พิธีกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งการดำเนินงานเช่นนี้ควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างจริงจังและยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเชียงราย

จากรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปี 2567 พบว่า จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนในกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่า 18% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท (ที่มา: รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2567
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI HEALTH

จิ้นส้มหมกไข่อร่อยเด็ด! ปลอดภัย สไตล์คนเหนือ

กิ๋นสุก เป๋นสุข เปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุกเพื่อสุขภาพ

ความอร่อยไม่ต้องดิบก็เป็นเอกลักษณ์ที่น่าลืมลอง

อาหารดิบเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน เช่น ลาบดิบ ก้อยเนื้อ หรือส้มตำปูดิบ ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารดิบอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การติดเชื้อพยาธิหรือแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนในวัตถุดิบ แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเกิดขึ้นเพื่อชวนทุกคนหันมาปรุงอาหารให้สุก ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ยังคงรักษารสชาติที่คุ้นเคยและความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ได้ การเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุกไม่ใช่เรื่องยาก และยังคงความสนุกในการลิ้มลองรสชาติที่หลากหลายได้อย่างปลอดภัย

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบริโภคอาหารดิบและความเสี่ยงต่อสุขภาพ

จากการสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารดิบของประชาชน พบว่า:

  • ประชาชนร้อยละ 28 บริโภคอาหารดิบอย่างน้อย 1 อย่าง
  • ร้อยละ 22.2 นิยมบริโภคอาหารทะเลดิบ เช่น ตำกุ้งสด ปลาหมึกช็อต หรือยำปูทะเล
  • ร้อยละ 10.9 ชอบอาหารจากสัตว์น้ำจืดดิบ เช่น ก้อยปลาดิบ หรือยำหอยดิบ
  • ร้อยละ 7.3 บริโภคเนื้อวัวดิบ เช่น ซอยจุ๊ หรือลาบเลือด
  • ร้อยละ 5.9 บริโภคเนื้อหมูดิบ เช่น ก้อยหมู หรือหลู้หมู

นอกจากนี้ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า การบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ อาจนำไปสู่โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อพยาธิ เช่น พยาธิใบไม้ตับ ซึ่งพบในผู้ที่บริโภคปลาน้ำจืดดิบ ดร.สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการอิสระ ยังเตือนว่า การกินอาหารดิบ เช่น หมูดิบซาชิมิ หรือปลาไทยซาชิมิ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับจากเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ซึ่งอาจทำให้หูหนวกหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

กินอาหารสุก ไม่ยากและไม่เสียรสชาติ

การปรุงอาหารให้สุกไม่จำเป็นต้องสูญเสียรสชาติที่คุ้นเคย การใช้ความร้อนในการปรุงอาหาร เช่น ต้ม ผัด นึ่ง หรือย่าง สามารถฆ่าเชื้อโรคและพยาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงรักษาความอร่อยและเอกลักษณ์ของเมนูไว้ได้ ตัวอย่างเช่น:

  • ลาบหมูสุก: จากลาบดิบที่ใช้เนื้อหมูดิบ สามารถปรับเป็นลาบหมูสุกโดยการผัดเนื้อหมูให้สุกก่อนปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว พริก และข้าวคั่ว ยังคงได้รสชาติเผ็ดแซ่บแบบเดิม
  • ก้อยปลาสุก: แทนที่จะใช้ปลาดิบ สามารถนำปลาไปย่างหรือนึ่งให้สุก แล้วปรุงรสด้วยเครื่องปรุงแบบก้อย ได้ทั้งความหอมและความปลอดภัย
  • ส้มตำกุ้งสุก: เปลี่ยนจากกุ้งสดเป็นกุ้งลวกสุก ยังคงความกรอบและรสชาติที่ลงตัวเมื่อคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำ

การปรุงสุกยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารบางชนิดได้ดีขึ้น เช่น ผักโขมที่ปรุงสุกจะช่วยลดกรดออกซาลิก ทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียมได้ดีกว่าการกินดิบ

จิ้นส้มหมกไข่คืออะไร

จิ้นส้มหมกไข่ เป็นเมนูพื้นบ้านของภาคเหนือที่นำ “จิ้นส้ม” (แหนมหมู) มาปรุงสุกโดยการหมกหรืออบกับไข่ไก่ เมนูนี้เป็นตัวอย่างของการปรับเมนูดิบให้เป็นเมนูสุกที่ทั้งอร่อยและปลอดภัย จิ้นส้มดิบอาจมีความเสี่ยงจากเชื้อแบคทีเรียหากไม่ผ่านการหมักอย่างถูกวิธี แต่เมื่อนำมาหมกกับไข่และเครื่องปรุง เช่น ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด แล้วอบหรือนึ่งให้สุก จะได้เมนูที่มีกลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม และเนื้อสัมผัสที่นุ่มจากไข่ที่ผสมผสานกับจิ้นส้ม เมนูนี้เป็นที่นิยมในครัวเรือนภาคเหนือและเป็นตัวอย่างของการรักษารสชาติท้องถิ่นไว้ได้โดยไม่ต้องกินดิบ

วิธีทำจิ้นส้มหมกไข่ (สูตรง่ายๆ)

ส่วนผสม:

  • จิ้นส้ม (แหนมหมู) 200 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด (ซอยละเอียด) อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนู 5-10 เม็ด (ตามชอบ)
  • น้ำปลา 1 ช้อนชา
  • ใบตองสำหรับห่อ (หรือภาชนะทนความร้อน)

วิธีทำ:

  1. หั่นจิ้นส้มเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับไข่ไก่ในชาม
  2. ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู ปรุงรสด้วยน้ำปลา
  3. ตีส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วห่อด้วยใบตองหรือใส่ในภาชนะทนความร้อน
  4. นึ่งในหม้อนึ่งประมาณ 15-20 นาที หรือจนไข่สุก
  5. เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมข้าวเหนียวหรือข้าวสวย

เมนูนี้ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังลดความเสี่ยงจากจิ้นส้มดิบ และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการจากไข่ที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ชวนเปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุก

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” มุ่งส่งเสริมให้คนไทยปรับพฤติกรรมการกินโดยลดการบริโภคอาหารดิบและหันมาปรุงอาหารให้สุกมากขึ้น โดยไม่ห้ามการกินดิบอย่างสิ้นเชิง แต่เน้นการสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยและสุขภาพ ผ่านแนวคิด:

  • ปรุงสุก อร่อยเหมือนเดิม: ใช้เทคนิคการปรุง เช่น นึ่ง ย่าง หรือผัด เพื่อรักษารสชาติและเนื้อสัมผัส
  • เลือกวัตถุดิบสะอาด: ล้างวัตถุดิบให้สะอาดก่อนปรุงเพื่อลดการปนเปื้อน
  • ปรับเมนูท้องถิ่น: นำเมนูดิบที่คุ้นเคยมาปรุงสุก เช่น จากก้อยดิบเป็นก้อยย่าง หรือจากลาบดิบเป็นลาบผัด
  • สร้างความหลากหลาย: ลองเมนูใหม่ๆ ที่ปรุงสุก เช่น จิ้นส้มหมกไข่ หรือยำปลานึ่ง เพื่อเพิ่มความสนุกในการกิน

แคมเปญนี้ยังสนับสนุนให้ร้านอาหารและผู้บริโภคเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และปรุงอาหารตามหลักสุขอนามัย เช่น การใช้ความร้อนให้ทั่วถึง และหลีกเลี่ยงการปรุงรสจัดเกินไปเพื่อรักษาสุขภาพโดยรวม

กินสุกเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

การกินอาหารสุกไม่ใช่การละทิ้งวัฒนธรรมหรือรสชาติที่เรารัก แต่เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ชวนทุกคนลองเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุก ลิ้มลองความอร่อยที่ยังคงเอกลักษณ์ และสัมผัสความสุขจากการมีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจิ้นส้มหมกไข่ ลาบสุก หรือก้อยย่าง ทุกเมนูสามารถเป็นทั้งความอร่อยและความปลอดภัยได้ในจานเดียว ลองเริ่มต้นวันนี้เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารดิบ
  • กรมอนามัย, กระทรวงสาธารณสุข, แนะนำการบริโภคอาหารสุก
  • ดร.สง่า ดามาพงษ์, นักวิชาการโภชนาการอิสระ, ความเสี่ยงจากอาหารดิบ
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, คุณค่าทางโภชนาการของผักปรุงสุก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เร่งเคลียร์แม่กก สกัดภัยป้องกันน้ำท่วมซ้ำ

อบจ.เชียงรายเร่งสำรวจ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก ป้องกันน้ำท่วมซ้ำรอย

อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบเร่งด่วน

เชียงราย,วันที่ 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายวสันต์ วงศ์ดี ผู้อำนวยการสำนักช่าง และนางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่สำรวจจุดสนับสนุนการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัยอย่างเร่งด่วน

ต้นเหตุการเร่งสำรวจและดำเนินการ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สำรวจสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก โดยพบสิ่งกีดขวางจำนวน 20 จุด ตั้งแต่สะพานถนนเลี่ยงเมืองตะวันตก ถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติ (โรงเรียนเทศบาล 6)

จังหวัดเชียงรายจึงได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 โดยมอบหมายให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางใน 3 จุดหลัก ได้แก่ โรงแรมเดอะเลเจนด์ ร้านลีลาวดี และเกาะกลางน้ำชุมชนป่าแดง

การดำเนินงานสำรวจและประเมินปัญหาอย่างรอบคอบ

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้นำทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณภัย ลงสำรวจและเก็บข้อมูลรายละเอียดสภาพพื้นที่อย่างรอบคอบ เพื่อวางแผนและออกแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้เครื่องจักรกลหนักขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อการกำจัดสิ่งกีดขวางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวดเร็ว

บูรณาการความร่วมมือท้องถิ่น แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มีการประสานความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และช่วยกันดูแลรักษาสภาพลำน้ำในระยะยาว รวมทั้งให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอุทกภัย

ความเชื่อมั่นและการดำเนินงานตามนโยบายจังหวัด

การที่จังหวัดเชียงรายมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของหน่วยงานจังหวัดที่มีต่อการบริหารงานของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ซึ่งมีนโยบายหลักในการ “กระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน” เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

จุดวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขในระยะยาว

จากข้อมูลการสำรวจพบว่าสิ่งกีดขวางทางน้ำส่วนใหญ่เกิดจากเศษวัสดุธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ลำน้ำ การแก้ไขในระยะยาวจึงต้องเน้นที่การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น และการสร้างจิตสำนึกของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของลำน้ำ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการลำน้ำแม่กก

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2567 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะลุ่มน้ำกกมีประวัติการเกิดอุทกภัยมากกว่า 3 ครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10,000 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 20,000 ไร่ (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, 2567)

ดังนั้น การดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยแล้ว ยังเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวเชียงรายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News