Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายต้อนรับกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ร่วมมือแก้ปัญหายาเสพติด PM 2.5

จังหวัดเชียงรายต้อนรับกงสุลใหญ่สหรัฐฯ เชียงใหม่ หารือความร่วมมือหลากมิติ

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ นางลิสา เอ.บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ และคณะ เพื่อเยี่ยมคารวะและพบปะหารือข้อราชการที่เกี่ยวข้องในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สิ่งแวดล้อม และสังคม

หารือการฟื้นฟูหลังอุทกภัยและส่งเสริมผู้ประกอบการ

หนึ่งในหัวข้อสำคัญคือ การหารือเรื่องสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้รายงานถึงมาตรการฟื้นฟูพื้นที่และการช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือจากสหรัฐอเมริกาในด้านการจัดการภัยพิบัติและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังได้พูดคุยถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่นผ่านการจัดเวิร์กช็อปเพื่อเรียนรู้การใช้เครื่องมือ AI เช่น Chat GPT และการใช้ช่องทางออนไลน์อย่าง Amazon เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในเชียงราย

การพัฒนาความร่วมมือทางการศึกษา

กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ได้หารือเรื่องความร่วมมือทางการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะที่สอดคล้องกับตลาดงานยุคใหม่ รวมถึงการสนับสนุนโครงการวิจัยและการเรียนรู้ระหว่างประเทศ

แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 และยาเสพติดตามแนวชายแดน

ประเด็นสำคัญอีกข้อที่ได้หารือกันคือ การจัดการปัญหาไฟป่าหมอกควัน PM 2.5 และปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน นายชรินทร์ได้รายงานว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงรายมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยการเสริมศักยภาพบุคลากรและเครื่องมือบริเวณแนวชายแดน พร้อมเน้นย้ำว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งผลิตยาเสพติด แต่เป็นทางผ่านที่สำคัญไปยังประเทศอื่นๆ ทางด้านสหรัฐอเมริกาได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือผ่านหน่วยงาน DEA ในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าว

พัฒนาเชียงรายสู่เมืองแห่งการท่องเที่ยวและ MICE City

เชียงรายได้รับการเน้นย้ำถึงศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่โดดเด่น ด้วยความเป็นเมืองที่มีพี่น้องชาติพันธุ์กว่า 30 ชาติพันธุ์ และการเป็นจังหวัดชายแดนที่เชื่อมต่อกับเมียนมาและ สปป.ลาว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญของรถไฟความเร็วสูงจากลาวสู่จีนและยุโรป นอกจากนี้ เชียงรายยังได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมือง MICE City และศูนย์กลาง Wellness Center เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ความสัมพันธ์กับชาวอเมริกันในเชียงราย

นายชรินทร์ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดเชียงรายกับชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 1,100 คน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานต่างประเทศ

การส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืน

นางลิสา เอ.บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ได้แสดงความชื่นชมจังหวัดเชียงรายที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดและปัญหาสังคมอย่างเป็นระบบ พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและระดับระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ

การเยือนครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา และเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกมิติในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โตโยต้าเชียงรายร่วมมือชมรมราชการ มอบผ้าห่มต้านภัยหนาวเชียงราย

บริษัทโตโยต้าเชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด นำโดย คุณเรืองชัย จิตรสกุล และ คุณจินตนา จิตรสกุล ผู้บริหารบริษัทฯ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้มอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 100 ผืน มูลค่า 45,000 บาท ให้แก่ “ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย” โดยมี นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบ ณ โชว์รูม บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยสมาชิกชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย ได้จัดกิจกรรม “ส่งมอบความห่วงใยถึงชาวเชียงราย” เพื่อนำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ผู้ขาดแคลนและผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการบริจาคครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาวในจังหวัด

ร่วมส่งความอบอุ่นถึงผู้ที่ขาดแคลน

กิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมสนับสนุนนำเครื่องกันหนาวมาบริจาคเพิ่มเติม โดยสามารถส่งมอบได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรวบรวมไปแจกจ่ายแก่ผู้ที่ต้องการในพื้นที่ต่าง ๆ

สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 092-2468347 (นางสาวนันทวรรณ กันคำ) ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

โตโยต้าเชียงราย ร่วมสร้างชุมชนที่อบอุ่น

บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด มุ่งมั่นส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยเหลือชุมชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการมอบเครื่องกันหนาวหรือการส่งเสริมการศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยกิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะส่งมอบความอบอุ่นและห่วงใยให้แก่ประชาชนในช่วงฤดูหนาว

ความสำคัญของกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบจากภัยหนาว แต่ยังแสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่อบอุ่นและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชียงรายกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นชุมชนที่พร้อมช่วยเหลือและแบ่งปัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ACT จับตาโกงเลือกตั้ง อบจ. 68 หลังงบจ้างงานพุ่ง 100 ล้าน

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเผยกลโกงเลือกตั้ง อบจ. 68 ตั้งงบจ้างงานเพิ่มพิเศษ จับตา 20 จังหวัดงบบุคลากรพุ่งกว่า 100 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดข้อมูลกลโกงเลือกตั้ง อบจ. วิธีใหม่  พร้อมชวนสังคมตั้งคำถาม และจับตา “20 อบจ.” ที่มีการตั้งงบฯจ้างบุคลากรเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ  หลายพื้นที่ตัวเลขสูงกว่า 100 ล้านบาท  ขณะที่การใช้เงินซื้อเสียงแบบดั้งเดิมยังคงระอุ คาดตัวเลขต้นทุนที่ผู้สมัครต้องจ่ายอาจไต่เพดานสูงถึง 300 ล้านบาท เตือน “นักซื้อ” ให้ระวังประชาชนรับเงินแต่อาจไม่เลือก

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เปิดเผยถึงกลโกงการเลือกตั้ง อบจ.68 ว่าที่ผ่านมามักเกิดขึ้นจากกลไกการเมืองผ่านเครือข่ายหัวคะแนนและเครือข่ายบ้านใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้ครอบคลุมทุกระดับและมีการใช้ควบคู่กับกลไกรัฐผ่านฝ่ายปกครองและเครือข่ายสาธารณะสุข  ขณะที่การทุ่มซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดแค่การซื้อด้วยเงินแบบวิธีการเดิมๆ แต่มี “อุบาย” ใหม่ ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง นั่นคือ ในปีที่มีการเลือกตั้ง อบจ. มักมีการเพิ่มงบบุคลากร โดยมีข้อสงสัยว่าเป็นการเพิ่มงบเพื่อจ้างพนักงานจ้าง/ลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนอัตรากำลัง บาง อบจ. เพิ่มงบบุคลากรเกินร้อยละ 40 ของงบประมาณทั้งหมด ซึ่งขัดต่อมาตรา 35 ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลท้องถิ่น

นายมานะ ระบุว่า การโกงในรูปแบบนี้มีผลกระทบต่อการใช้งบประมาณและสร้างระบบที่ขาดความโปร่งใส พร้อมเตือนผู้สมัครให้ระวัง เพราะชาวบ้านอาจรับเงินซื้อเสียง แต่ไม่ลงคะแนนให้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มักรับเงินแต่ไม่ลงคะแนน

จากข้อมูลการร้องเรียนต่อ กกต. ในปี 2563 มีเรื่องร้องเรียนถึง 718 เรื่อง แต่ส่งฟ้องศาลเพียง 47 เรื่อง หรือร้อยละ 6.5 เท่านั้น ปัญหานี้เกิดจากประชาชนไม่มั่นใจว่า กกต. จะสามารถปกป้องตัวผู้ร้องเรียนและดำเนินคดีได้อย่างจริงจัง

ข้อมูลสำคัญ

  1. จังหวัดที่มีงบบุคลากรเพิ่มสูงสุด:
    • ขอนแก่น: 650 ล้านบาท
    • ร้อยเอ็ด: 433 ล้านบาท
    • นราธิวาส: 360 ล้านบาท
  2. รูปแบบการโกงที่พบ:
    • เพิ่มงบบุคลากรเพื่อสร้างเครือข่าย
    • ใช้งบจ้างเหมาบริการกับบุคคลในเครือข่าย
    • ทุ่มซื้อเสียงผ่านหัวคะแนน
  3. ผลกระทบ:
    • สร้างระบบที่ขาดความโปร่งใส
    • ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในระบบการตรวจสอบ

พบ อบจ.ที่มีสัดส่วนงบบุคลากรปี 2568 เกินร้อยละ 40

ทั้งนี้  พบ อบจ.ที่มีสัดส่วนงบบุคลากรปี 2568 เกินร้อยละ 40 ทั้งหมด 20 จังหวัดประกอบด้วย

  1. ศรีสะเกษ นราธิวาส มหาสารคาม (เพิ่มเท่ากัน ร้อยละ 57)
  2. มุกดาหาร (ร้อยละ 55)
  3. พิจิตร (ร้อยละ 54)
  4. ชัยภูมิ (ร้อยละ 51)
  5. กาฬสินธุ์ (ร้อยละ 50)
  6. สกลนคร (ร้อยละ 49)
  7. หนองบัวลำภู (ร้อยละ 48)
  8. พัทลุง นครราชสีมา (ร้อยละ 47)
  9. ยะลา ร้อยเอ็ด ขอนแก่น (ร้อยละ 46)
  10. อำนาจเจริญ น่าน (ร้อยละ 45)
  11. แพร่ อุตรดิตถ์ (ร้อยละ 43)
  12. สระแก้ว พะเยา (ร้อยละ 42)

ในจำนวนนี้ อบจ.ที่มีงบบุคลากรปี 2568 เพิ่มขึ้นจากปี 2567 สูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

1) ขอนแก่น 650 ลบ.

2)ร้อยเอ็ด 433 ลบ.

3)นราธิวาส 360 ลบ.

4)มหาสารคาม 355 ลบ.

5)ชลบุรี 335 ลบ.

“ถ้าข้อสงสัยนี้เป็นจริงเท่ากับว่า มีการใช้เงินหลวงสร้างเครือข่ายพวกพ้องมหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง ส่วนใหญ่เน้นจ้างลูกหลานคนในพื้นที่เป็นลูกจ้างหรือพนักงานชั่วคราว 1 – 2 ปี หลังจากนั้นอาจจ้างต่อหรือเลิกจ้าง พื้นที่ไหนตุกติกทำคะแนนไม่เข้าเป้า คนจากพื้นที่นั้นก็จะถูกเลิกจ้าง” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ

คนที่ได้รับสัญญาจ้างเหมามักเป็นคนในเครือข่าย

นอกจากงบฯจ้างคนแล้ว ยังมีงบจ้างงานถูกใช้จ้างเหมาบริการ เช่น ขุดลอกคูคลอง ดูแลสวนสาธารณะ กวาดถนน มีทั้งที่อบจ. จ้างและจัดสรรงบให้เทศบาลหรืออบต.เป็นงบมูลค่าประมาณหลักแสนบาท หรือน้อยกว่า คนที่ได้รับสัญญาจ้างเหมามักเป็นคนในเครือข่าย เม็ดเงินส่วนนี้เกิดจากความตั้งใจทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่ำกว่ารายได้ที่จะเกิดขึ้นจริง เพื่อให้เกิดเงินเหลือใช้กลายเป็นเงินสะสม แล้วขออนุมัติใช้เงินนี้จากสภา อบจ. โดยตั้งเป็นวาระพิเศษหรือวาระจร ทำให้ขาดการศึกษาพิจารณาที่รอบคอบ และชาวบ้านย่อมไม่ได้รับทราบ

“การใช้เงินหลวงสร้างเครือข่ายพวกพ้อง แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มีผู้รู้เห็นจำนวนมาก แต่ไม่กล้าพูดเพราะกลัวกระทบผู้เสียประโยชน์ หรือขัดใจชาวบ้านบางกลุ่ม แม้นักการเมืองที่เป็นคู่แข่งก็ไม่อยากพูด กลัวเสียโอกาส หากวันข้างหน้าตนเป็นผู้ชนะบ้าง”

เงินเดือนนายก อบจ. 75,550 บาท รวม 4 ปีเป็นเงิน 3,624,000 บาท

สำหรับการทุ่มซื้อเสียงผ่านกลไกการเมือง ผ่านเครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่ และเครือข่ายบ้านใหญ่นั้น ผู้สมัครฯ ที่ยังใช้วิธีเดิมๆ อาจหมดค่าใช้จ่ายในการหาเสียง บวกเงินซื้อเสียงและเงินวงพนัน ราว 60 – 300 ล้านบาท ตามขนาดจังหวัดและความเข้มข้นในการแข่งขัน หลายจังหวัดใช้ อสม. บางคนคุมเสียงในพื้นที่เล็กๆ เพราะเครดิตดี เป็นผู้หญิง คนเชื่อถือมาก ต่างจากกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ติดภาพว่าเป็นคนมีตำแหน่ง มีอิทธิพล ข่มชาวบ้าน หรือมีประวัติอมเงิน

“เงินเดือนนายก อบจ. 75,550 บาท รวม 4 ปีเป็นเงิน 3,624,000 บาท บวกเบี้ยประชุมแล้วยังมองไม่ออกว่าจะถอนทุนคืนจากไหน รู้แต่คนไทยร้อยละ 95.4 บอกว่า ใน อบจ. มีการโกงมโหฬาร”

วิธีการซื้อเสียงแบบดั้งเดิมจะมีการวางเครือข่ายหัวคะแนนเดินจดโพยรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามพื้นที่ต่างๆ แล้วแจกเงินสดหรือโอนผ่านพร้อมเพย์  ในอัตราตั้งแต่ 200- 3,000 บาท เฉลี่ยทั่วประเทศ 900 บาท  กรณีการไปฟังปราศรัยชาวบ้านจะได้เงินอีกครั้งละ  300 บาท ส่วนรถรับจ้างที่ขนคนได้เงิน 1,500 บาท หลายพื้นที่จะมีการบอกผู้สมัครไว้เลยว่าขอไม่ให้จัดเวทีซ้อนกันเพื่อจะได้ไปหลายงาน บางวันมีรอบเที่ยง บ่าย ค่ำ ก็ได้รับเงิน 3 เวทีตลอดวัน

“ในอดีตชาวบ้านร้อยละ 80 จะรักษาคำพูดเมื่อรับเงินมาแล้ว แต่จากการสำรวจล่าสุดของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าประชาชนร้อยละ 56 เป็นปลาที่กินเหยื่อแต่ไม่กินเบ็ด คือรับเงินแต่ไม่ลงคะแนนให้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อายุ 18 ถึง 40 ปี”

วางกลยุทธ์ราคาเดิมพันต่างกันตามสถานการณ์

อีกวิธี เป็นการเปิดบ่อนพนันเดิมพันว่าใครจะชนะ ผู้บงการจะวางกลยุทธ์ราคาเดิมพันต่างกันตามสถานการณ์และเขตพื้นที่ เช่น ในกรณีผู้สมัครฯ ยังไม่มั่นใจว่าตนจะชนะเลือกตั้ง ช่วงเริ่มต้นจะหยั่งเสียงด้วยการตั้งราคาต่อรอง 10:3 เพื่อดูศักยภาพคู่แข่ง ถ้ามีคนแทงมากแปลว่ามีคะแนนเสียงดี แล้วขยับราคาต่อรองขึ้นเป็น 2:1 หรือ 3:2 จนไม่มีราคาต่อ หากพบว่าคู่แข่งมีคะแนนเสียงดีมากแล้ว  วิธีการนี้จะจูงใจชาวบ้านให้แทงข้างตนมากๆ จะได้ไปชักชวนคนอื่นๆ มาลงคะแนนให้ตนเพื่อได้เงินเดิมพัน  ในกรณีผู้บงการมั่นใจว่าตนชนะเลือกตั้งแน่ จะแอบวางเดิมพันด้วยเพื่อหวังกำไรมาคืนทุน

คดีเกือบทั้งหมดไม่สามารถสาวถึงตัวบงการ

คนไทยร้อยละ 68 รู้ว่ามีการซื้อเสียงเกิดขึ้น แล้วกกต.หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง รับทราบหรือไม่ ? ข้อมูลเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2563 มีเรื่องร้องเรียนสู่ กกต. 718 เรื่อง แต่ส่งฟ้องศาลเพียง 47 เรื่อง หรือร้อยละ 6.5 เท่านั้น ในจำนวนนี้มีผู้สมัครฯ ตกเป็นจำเลย ถูกลงโทษอาญาและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเพียง 4 คดี นอกนั้นเป็นหัวคะแนนหรือใครก็ไม่รู้

กกต. เคยชี้แจงว่าเหตุที่ดำเนินคดีผู้สมัครที่ซื้อเสียงได้น้อยมาก เพราะไม่มีใครแจ้งหรือให้ข้อมูล ปัญหานี้เกิดขึ้นเพราะประชาชนไม่เชื่อว่า กกต. จะกล้าเอาจริงและปกปิดตัวตนผู้ร้องเรียนได้ การร้องเรียนจังดูเป็นเรื่องไร้ค่า เพราะคดีเกือบทั้งหมดไม่สามารถสาวถึงตัวบงการ แม้จะชัดว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์จากการซื้อเสียง คนชนะเลือกตั้งกลับตรวจสอบคุณสมบัติไม่ผ่าน เช่น ติดคดี มีประวัติต้องห้าม ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งก่อน ฯลฯ 

“แน่นอนว่าหาก กกต. ไม่ทำงานเชิงรุก การซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ ลุยลด PM 2.5 สั่งตรวจเข้มการเผาเกษตร

นายกฯ เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ออกมาตรการลดการเผา สั่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจดรายชื่อผู้เผา

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งปีนี้ค่าฝุ่นมาเร็วกว่าปกติ โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาในภาคเกษตรกรรมและสภาพอากาศหนาวเย็นที่รุนแรงมากขึ้น

มาตรการระยะสั้นและระยะยาว

ในระยะสั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และกระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการควบคุมการเผา รวมถึงกำหนดบทลงโทษ เช่น ลดค่าช่วยเหลือเกษตรกรต่อไร่ พร้อมทั้งสั่งให้กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบและจดบันทึกรายชื่อผู้ที่เผา

ในระยะยาว รัฐบาลเตรียมเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันออกมาตรการลดการเผาในพื้นที่ใกล้ชายแดน พร้อมส่งเสริมวิธีการเกษตรที่ไม่ใช้การเผาเพื่อทดแทน

การบูรณาการจากทุกหน่วยงาน

รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดูแลผู้ประกอบการที่รับซื้ออ้อยจากการเผา เพื่อให้ออกมาตรการที่ชัดเจน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ประชาสัมพันธ์ลดการเผาและแนะนำวิธีการจัดการเกษตรกรรมแบบยั่งยืน

กระทรวงคมนาคมได้กำชับให้ตรวจสอบรถขนาดใหญ่ที่ปล่อยควันพิษ และกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลการแก้ปัญหาอย่างเต็มที่

การคาดการณ์และผลกระทบ

จากข้อมูลดาวเทียมพบว่าจุด Hotspot ในภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งลมจากภาคเหนือจะพัดเข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในปลายเดือนมกราคม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ต้องดำเนินการแบบบูรณาการและวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้สถานการณ์ในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายสร้างโมเดลบวร ป้องกันไฟป่าอย่างยั่งยืน

พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช นำเชียงรายสู่ต้นแบบจัดการไฟป่าด้วยพลัง “บวร”

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อพบปะและรับฟังแนวทางการจัดการไฟป่าจาก พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช” พระภิกษุสงฆ์ผู้มุ่งมั่นในการปกป้องป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ โดยใช้แนวทาง “บวร” (บ้าน วัด ราชการ) และศาสตร์พระราชาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน

บวร: บ้าน วัด ราชการ แนวทางแห่งสามัคคี

พระอาจารย์วิบูลย์อธิบายว่า ไฟป่าและหมอกควัน มักเกิดจากการเผาป่าที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายทางธรรมชาติและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แนวทาง “บวร” ได้กลายเป็นต้นแบบในการจัดการปัญหาไฟป่าด้วยความร่วมมือของชุมชน บ้าน วัด และหน่วยงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคีและความเข้าใจร่วมกันในชุมชน

กิจกรรมเพื่อป้องกันไฟป่า

ในแต่ละปี พระอาจารย์วิบูลย์ได้ริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

  1. การปลูกป่า: ส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  2. การทำแนวกันไฟ: ใช้วิธี “ก้างปลา” เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ
  3. การสร้างหอดูไฟ: ช่วยในการตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว
  4. การเกษตรผสมผสาน: สนับสนุนการเกษตรที่ลดการพึ่งพาการเผา

พระอาจารย์ยังเน้นว่าการแก้ไขปัญหาที่สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือที่จริงจังจากทุกภาคส่วน โดยใช้ความสามัคคีเป็นเครื่องมือสำคัญ

หลักศาสตร์พระราชาและสามัคคีในชุมชน

พระอาจารย์วิบูลย์ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่า ทุกปัญหาของสังคมและโลกใบนี้จะแก้ด้วยสามัคคี” มาเป็นแนวทางในการสร้างพลังสามัคคีในชุมชน ทั้งนี้ การบูรณาการระหว่างภาครัฐ ชุมชน และศาสนสถาน ได้ทำให้พื้นที่ดอยอินทรีย์กลายเป็นต้นแบบของการจัดการไฟป่าที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ในปัจจุบัน พื้นที่ดอยอินทรีย์ไม่มีปัญหาไฟป่าหรือหมอกควันรุนแรง เนื่องจากการจัดการที่เป็นระบบและความร่วมมือของทุกฝ่าย พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวว่า แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและคนรุ่นหลัง

“เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยสามัคคี ไม่ใช่เพียงเพื่อเราในวันนี้ แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน” พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวทิ้งท้าย

การยอมรับจากทุกภาคส่วน

แนวทาง “บวร” ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากคณะสงฆ์ ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ โดยจังหวัดเชียงรายวางแผนที่จะขยายผลโครงการนี้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสร้างต้นแบบการจัดการปัญหาไฟป่าที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงพลังของความสามัคคีและการบูรณาการร่วมกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องในระดับชุมชนและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ศิลปะบนนาข้าวเชียงราย สะท้อนความหวังหลังน้ำท่วมใหญ่

งานศิลปะบนนาข้าว เชียงราย สื่อแรงบันดาลใจผ่านมังกร-แมว-หมาจร

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเรื่องราวงานศิลปะบนนาข้าวขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ผลงานสร้างสรรค์โดย ธัญพงศ์ ใจขำ ชาวนาและศิลปินท้องถิ่น ที่เปลี่ยนนาพื้นที่กว่า 12 ไร่ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะสื่อความหมาย โดยใช้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน

มังกร แมว และหมาจรในนาข้าว

ผลงานศิลปะในนาข้าวประกอบด้วยภาพ มังกรสีแดง ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน และภาพ แมวสี่หูห้าตา ซึ่งเป็นตัวแทนของโชคลาภในท้องถิ่น รวมถึงภาพ หมาจรและแมวจร สื่อถึงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน โดยธัญพงศ์ตั้งใจสื่อสารผ่านงานศิลปะว่า “มังกร” เป็นตัวแทนของการนำพาความโชคร้ายให้ผ่านพ้นไป

แรงบันดาลใจจากศิลปะญี่ปุ่นสู่ศิลปะไทย

ธัญพงศ์ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะบนนาข้าวของญี่ปุ่น (Tanbo Art) ซึ่งใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและจีพีเอสวางแผนการปลูกข้าว โดยธัญพงศ์ใช้พันธุ์ข้าวพิเศษ เช่น ข้าวสรรพสี ที่มีถึง 5 เฉดสีมาสร้างสรรค์ภาพต่างๆ ทีมงานเริ่มต้นด้วยการออกแบบและปักหมุดตามจุดที่กำหนด ก่อนปลูกข้าวให้ตรงตามแผน ผลงานดังกล่าวกลายเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักศึกษาที่มาชมความงดงามและความละเอียดอ่อนของศิลปะในพื้นที่นี้

ฟื้นฟูชุมชนผ่านศิลปะ

ธัญพงศ์ตั้งเป้าหมายให้ผลงานนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรในพื้นที่ฟื้นฟูนาที่เสียหายจากน้ำท่วม และกระตุ้นให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของการใช้ศิลปะร่วมกับการเกษตร ผลงานนี้ยังแสดงถึงความหวังและการฟื้นตัวหลังวิกฤต

ศิลปะที่สะท้อนถึงชีวิตและชุมชน

ธัญพงศ์กล่าวว่า “ผลงานนี้ไม่ใช่เพียงศิลปะเพื่อความสวยงาม แต่ยังสะท้อนความผูกพันกับผืนนาและชีวิตในชนบท” เขาเสริมว่าการสร้างงานศิลปะในนาข้าวต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการเกษตรในประเทศไทย

เปิดให้ชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

งานศิลปะในนาข้าวของธัญพงศ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นข้าวพร้อมเก็บเกี่ยว ผลงานนี้ไม่เพียงสะท้อนความงดงามของศิลปะไทย แต่ยังเป็นการส่งต่อเรื่องราวและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในวงกว้าง

งานศิลปะบนนาข้าวของธัญพงศ์ ใจขำ เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการผสมผสานศิลปะกับการเกษตร ที่ไม่เพียงแต่สร้างความงดงาม แต่ยังช่วยฟื้นฟูชุมชนและสร้างความหวังในอนาคต.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลเชียงรายเร่งฟื้นฟู ดูดโคลนเลน 52 ชุมชนหลังน้ำท่วม

เทศบาลนครเชียงรายฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วมใหญ่ ดูดโคลนเลนแก้ปัญหาท่อระบายน้ำ 52 ชุมชน

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา โดยเน้นการดูดโคลนและเลนที่สะสมในท่อระบายน้ำและพื้นที่สาธารณะ เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและแก้ปัญหาการระบายน้ำในอนาคต

ดำเนินการฟื้นฟูใน 52 ชุมชน

เทศบาลนครเชียงรายได้ส่งรถดูดโคลนเลนพร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใน 52 ชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูครบทั้ง 65 ชุมชนในเขตเทศบาล เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ การทำความสะอาดและขจัดสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคต

ฝาท่อชำรุด ปรับปรุงใหม่เพื่อความปลอดภัย

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ได้รับการแก้ไขคือเรื่องฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุดหรือหายไป ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เทศบาลฯ ได้ออกแบบฝาท่อใหม่ให้ยากต่อการโจรกรรม พร้อมคำนึงถึงความคงทนและสะดวกต่อการเปลี่ยนในกรณีที่เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรฐานด้านความปลอดภัยได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่

น้ำท่วมครั้งใหญ่ในจังหวัดเชียงรายได้สร้างความเสียหายให้กับชุมชนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ต่ำที่น้ำไหลบ่าลงมาสะสมในระบบระบายน้ำ การฟื้นฟูดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นายวันชัย จงสุทธานามณี กล่าวว่า การฟื้นฟูครั้งนี้ไม่เพียงแค่การขจัดโคลนและเลน แต่ยังรวมถึงการวางแผนแก้ปัญหาเชิงรุก เช่น การตรวจสอบระบบระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการวางมาตรการลดผลกระทบจากน้ำท่วมในระยะยาว

ร่วมมือฟื้นฟูชุมชน

นอกจากนี้ เทศบาลฯ ยังได้ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยชาวบ้านต่างให้ความร่วมมืออย่างดีในการช่วยกันฟื้นฟูชุมชนของตน

การดำเนินการฟื้นฟูครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลนครเชียงรายในการพัฒนาชุมชนและสร้างความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเผชิญกับสถานการณ์ในอนาคตได้อย่างมั่นใจ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. อบรมวิทยากรอำเภอทั่วพื้นที่เชียงราย

จังหวัดเชียงรายจัดอบรมวิทยากรอำเภอ เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. 2568

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงรายได้จัดโครงการฝึกอบรมวิทยากรอำเภอสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายก อบจ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง

พิธีเปิดการอบรมที่โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท

นายปรพล ภูตระกูล กรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการฝึกอบรม ณ โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท เชียงราย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2568 โดยมีวิทยากรจาก 18 อำเภอของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม นายปรพลได้กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด

เนื้อหาการอบรมและเป้าหมายการจัดงาน

การอบรมในครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง การปฏิบัติงานของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) การจัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งและเขตเลือกตั้ง ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับการสนับสนุนให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

สมาชิกสภา อบจ. และนายก อบจ. เชียงราย ดำรงตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และตามกฎหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันหลังครบวาระ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญในระดับท้องถิ่น

การเตรียมความพร้อมและเป้าหมายของการอบรม

นายปรพล ภูตระกูล เน้นย้ำว่า การอบรมครั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและส่งเสริมการเลือกตั้งที่มีคุณภาพในระดับท้องถิ่น

ความสำคัญต่อประชาธิปไตยในพื้นที่

การจัดอบรมวิทยากรอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการส่งเสริมประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น โดยให้ความสำคัญกับความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

ด้วยความพร้อมที่เกิดขึ้นจากการอบรมครั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมุ่งมั่นที่จะทำให้การเลือกตั้ง อบจ. เชียงรายในปี 2568 เป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยในพื้นที่อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

เหล่ากาชาดเชียงรายเสริมการอ่านเขียนพัฒนานักเรียนพื้นที่ห่างไกล

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายขยายผลโครงการอาสาสมัครการศึกษา ช่วยสอนเสริมพัฒนาทักษะการอ่านเขียน

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายดำเนินโครงการขยายผลระบบอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และดูแลสุขอนามัยของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยมีการเริ่มต้นกิจกรรมที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพรหมวิหาร อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เวลา 10.20 น. นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางกรรณิการ์ ไชยวงค์ และนางฐิตารีย์ ดวงแก้ว ครูอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) ประจำกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย จัดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ณ โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพรหมวิหาร การดำเนินกิจกรรมเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักและสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย พร้อมทั้งสอนทักษะการอ่านออกเขียนได้และการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน โดยครูผู้สอนเน้นความเข้าใจที่เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการพูด อ่าน และเขียนภาษาไทยของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมักประสบปัญหาการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นางสาวกาญจนีย์ ช่างปั้น เหรัญญิกกิ่งกาชาดอำเภอเชียงแสน ได้มอบหมายให้ครูอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) จำนวน 2 ท่าน เข้าพบผู้บริหารและคณะครูของโรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อวางแผนการจัดการเรียนการสอนเสริมให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย

กิจกรรมดังกล่าวยังครอบคลุมการสอนเรื่องการดูแลสุขอนามัย เช่น การล้างมือให้สะอาด การป้องกันโรคติดต่อ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสุขภาพผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติ

โครงการขยายผลระบบอาสาสมัครการศึกษา ช่วยสอนเสริม (อศม.) ของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างอาสาสมัคร ผู้บริหารสถานศึกษา และชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และช่วยเติมเต็มความเท่าเทียมด้านการศึกษาในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายมีแผนที่จะขยายกิจกรรมดังกล่าวไปยังโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของนักเรียนและเสริมสร้างศักยภาพที่พร้อมเติบโตในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

จุฬาฯ ร่วม World Economic Forum เปิดวิสัยทัศน์แรงงานโลก 2573

จุฬาฯ เผยวิสัยทัศน์ Future of Jobs 2025 ชี้ทักษะแห่งอนาคต เตรียมพร้อมคนไทยสู่การแข่งขันระดับโลก

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ World Economic Forum เปิดตัวรายงาน “The Future of Jobs 2025” เพื่อเสนอแนวทางรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในปี 2568-2573 โดย ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงถึงผลสำรวจและข้อแนะนำที่สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับแรงงานไทย รายงานนี้อ้างอิงการสำรวจจาก 1,000 บริษัทใน 22 อุตสาหกรรม และพนักงานกว่า 14 ล้านคนใน 55 ประเทศทั่วโลก โดยสรุปข้อมูลสำคัญดังนี้

การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน:

  1. ตำแหน่งงานใหม่ 170 ล้านตำแหน่งจะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
  2. 92 ล้านตำแหน่งงานจะหายไปเนื่องจากระบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
  3. การจ้างงานจะเติบโตสุทธิ 7% หรือประมาณ 78 ล้านตำแหน่งทั่วโลก

ปัจจัยเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานปี 2573:

  1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: AI หุ่นยนต์ และนวัตกรรมพลังงาน
  2. การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม: ความต้องการพลังงานหมุนเวียนและวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
  3. ความผันผวนทางเศรษฐกิจ: ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
  4. การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร: ผู้สูงอายุในประเทศรายได้สูงและแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ
  5. การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจ: ข้อจำกัดทางการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

ทักษะที่สำคัญแห่งอนาคต:

  • ในประเทศไทย: ทักษะ AI และ Big Data, การคิดเชิงวิเคราะห์, การคิดสร้างสรรค์, ความปลอดภัยทางข้อมูล
  • ระดับโลก: ทักษะการใช้งานเทคโนโลยี, ความคิดสร้างสรรค์, AI และความปลอดภัยทางข้อมูล

กลยุทธ์ 5 ประการ สร้างมนุษย์แห่งอนาคต (Future Human):

  1. Holistic Skill Change: ยกระดับการ Upskill ครบทุกมิติ
  2. Future-Ready Organization: สร้างระบบพัฒนาทักษะในองค์กร
  3. Human Replacement: ใช้ระบบ Automation ทดแทนงานซ้ำซาก
  4. Enhancing Dynamic Work Role: ส่งเสริมบทบาทงานที่ปรับเปลี่ยนได้
  5. Integration of New Technology: ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างนวัตกรรม

เป้าหมาย The University of AI:

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งเป้าสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่ง AI” พร้อมสร้างคนพันธุ์ใหม่ (Future Human) ที่มีทั้ง AI (Artificial Intelligence) และ II (Instinctual Intelligence) หรือปัญญาสัญชาตญาณ ที่ไม่เพียงเก่งด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีหัวใจที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมและโลกในอนาคต

ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ กล่าวสรุปว่า การเตรียมความพร้อมด้านทักษะแห่งอนาคตจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของแรงงานไทย และสร้างความมั่นคงในเศรษฐกิจและสังคมระยะยาว พร้อมสร้างโอกาสให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในเวทีโลกในยุคดิจิทัลนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : World Economic Forum 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News