Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทหารเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วม อ.แม่สาย ส่งอาหารทางอากาศ

 

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) ได้จัดกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ตำรวจน้ำ และกองพันทหารราบที่ 17 กรมทหารราบที่ 3 (ร.17 พัน.3) ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบครัวเจ้าหน้าที่มูลนิธิชัยพัฒนา และประชาชนในบริเวณตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย

จุดดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในจุดวิกฤติที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นจากฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากต่อเนื่อง ส่งผลให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนในชุมชนใกล้เคียงได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกัน พล.ต.บุญญฤทธิ์ ยังได้จัดกำลังพลเข้าชี้จุดสำคัญเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่อุทกภัย และส่งอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นทางอากาศยานผ่านเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) ให้กับผู้ที่ความช่วยเหลือยังเข้าไม่ถึง

สำหรับภารกิจในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่นี้ถือเป็นการปฏิบัติการเร่งด่วน เนื่องจากน้ำป่าที่หลากลงมายังสร้างอุปสรรคในการเข้าถึงพื้นที่หลายจุด ทำให้การใช้เฮลิคอปเตอร์และเรือเป็นวิธีหลักในการเข้าถึงและจัดส่งสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ที่ยังคงติดอยู่ในพื้นที่อันตราย หน่วยทหารและเจ้าหน้าที่ต่างเร่งดำเนินการอย่างเต็มกำลังเพื่อให้การช่วยเหลือสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างทันท่วงที

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แห่งนี้ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีการรายงานสถานการณ์เป็นระยะเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถประเมินและวางแผนการช่วยเหลือในระยะต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ พล.ต.บุญญฤทธิ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ และการสนับสนุนจากภาคประชาชน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครั้งนี้เกิดผลสำเร็จสูงสุด

ทั้งนี้ การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมยังคงดำเนินต่อไป ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ได้เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจยังคงอยู่ และจะจัดส่งรายงานความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ประชุมสถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายถือว่าหนักที่สุดในรอบ 80 ปี

 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมในเขตชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “ยางิ” ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปีในพื้นที่ชายแดน โดยน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชายแดนแม่สาย รวมถึงพื้นที่ตลาดสายลมจอย และบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้าง

นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้ประสานงานช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งนำเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาเรื่องกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากส่งผลให้การเคลื่อนย้ายประชาชนที่ติดค้างตามอาคารต่างๆ เป็นไปอย่างลำบาก แต่จนถึงขณะนี้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่อันตรายได้แล้วประมาณ 80% โดยประชาชนบางส่วนถูกย้ายไปอยู่ในวัดพรหมวิหาร และโรงแรมต่างๆ ที่ถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว

นอกจากนี้ นายสุทธิพงษ์ยังกล่าวถึงการเตรียมการฟื้นฟูว่า มีการจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเพียงพอเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แม้บางพื้นที่จะยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่บ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลายเนื่องจากมีฝนตกลงมาน้อยลงและระดับน้ำเริ่มลดลง ทั้งนี้คาดว่าหากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามา ภายใน 5 วันข้างหน้าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ในส่วนของระบบเตือนภัยน้ำท่วม นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพออกจากจุดอันตราย แต่ประชาชนบางส่วนไม่สามารถคาดการณ์ความรุนแรงของน้ำท่วมได้เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมมาแล้วหลายครั้งในปีนี้ แต่ครั้งนี้น้ำมาแรงและพนังกั้นน้ำพังทำให้เกิดผลกระทบมากกว่าครั้งก่อน

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้เฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำเข้าบินตรวจตราและนำเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมทั้งกำลังดำเนินการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ รวมถึงการประเมินความเสียหายและเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กองทัพไทยเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแม่สาย หลังฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก

 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 เวลา 07.00 น. พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 (ศบภ.มทบ.37) ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่หลายแห่ง โดยเฉพาะถนนพหลโยธินหน้า สภ.แม่สาย และด่านแม่สายซึ่งระดับน้ำสูงขึ้นมาก ประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะตลาดสายลมจอยได้รับผลกระทบหนัก หลายคนให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่เคยท่วมแบบนี้มาก่อน” และยังมีประชาชนจำนวนมากที่ติดค้างในพื้นที่น้ำท่วม

ในการช่วยเหลือครั้งนี้ พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ได้นำกำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กำลังพลจากโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช, กำลังพลจากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17, กำลังพลจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 (นพค.35), ตำรวจจาก สภ.แม่สาย, กำลังพลจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) และมูลนิธิในพื้นที่ ร่วมดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลัง โดยใช้ยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย เช่น เรือท้องแบน รถบรรทุกทหาร และอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดค้างในพื้นที่น้ำท่วมสูง

สถานการณ์น้ำท่วมที่แม่สายครั้งนี้ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ระดับน้ำในหลายจุดสูงเกินกว่า 1 เมตร ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลัง รวมถึงร้านค้าในตลาดสายลมจอยได้รับความเสียหายอย่างหนัก น้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากพื้นที่ต้นน้ำยังคงพัดพาเศษไม้ ขอนไม้ และสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงสู่แม่น้ำสาย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ หน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ได้จัดกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งดำเนินการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ที่เดือดร้อน ขณะเดียวกันยังมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายของเส้นทางคมนาคม และหมู่บ้านที่ถูกตัดขาดจากเหตุการณ์น้ำท่วม เพื่อดำเนินการซ่อมแซมและเปิดเส้นทางให้สามารถสัญจรได้โดยเร็ว

การช่วยเหลือจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 ยังรวมถึงการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วม รวมถึงการดูแลด้านการแพทย์ โดยมีหน่วยเสนารักษ์จากโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชเข้าไปให้การดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้ป่วยในพื้นที่

จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นพบว่าน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากพื้นที่ภูเขายังคงมีปริมาณมาก ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมยืดเยื้อต่อไปอีกในระยะเวลาหนึ่ง ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37 จึงได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม

นอกจากการบรรเทาภัยในพื้นที่น้ำท่วมแล้ว ทางจังหวัดเชียงรายยังได้เตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยเน้นการซ่อมแซมบ้านเรือนและเส้นทางคมนาคมที่เสียหาย รวมถึงการฟื้นฟูด้านการเกษตรและเศรษฐกิจของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พายุ “ยางิ” ทำเชียงรายน้ำท่วมหนัก แม่สาย-เชียงของ ได้รับผลกระทบ

 

เมื่อวันที่ 9-10 กันยายน 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญกับฝนตกหนักต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากอิทธิพลของพายุ “ยางิ” ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอแม่สายและอำเภอเชียงของ โดยบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ความเสียหายจากน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า อำเภอแม่สายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ ตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นจุดขายสินค้าชายแดนไทย-เมียนมา น้ำจากแม่น้ำสายได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่สามารถเก็บสินค้าขึ้นหนีน้ำได้ทัน ส่งผลให้สินค้าหลายร้านเสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้น้ำยังพัดพาขอนไม้และเศษวัสดุลงมาจากต้นน้ำในประเทศเมียนมา ซึ่งคาดว่าในพื้นที่ป่าต้นน้ำมีฝนตกหนักเช่นกัน

นายพุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย พร้อมฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน โดยมีการแจ้งเตือนประชาชนให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและอยู่ในจุดปลอดภัย

 

น้ำท่วมเชียงของ พื้นที่หมู่บ้านได้รับผลกระทบ

อีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย คือ อำเภอเชียงของ โดยเฉพาะในตำบลสถาน น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งและท่วมในพื้นที่หมู่ 2, 5, 12 ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 50 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วม เจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลสถานได้เร่งใช้เครื่องจักรเปิดทางน้ำและระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

เตรียมความพร้อมรับมือฝนตกหนักและน้ำท่วมระลอกใหม่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุเพิ่มเติมว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำและฝนตกในพื้นที่ มีแนวโน้มว่าอาจมีฝนตกหนักและมวลน้ำระลอกใหม่เข้าท่วมเพิ่มเติมในช่วง 2-3 วันนี้ ทางจังหวัดได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและเตรียมการรับมืออย่างทันท่วงที

สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น น้ำตกและถ้ำ หากพบว่ามีฝนตกหนักและเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย ขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำการปิดกั้นพื้นที่และแจ้งเตือนประชาชนอย่างชัดเจน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

 

การช่วยเหลือเบื้องต้นและมาตรการป้องกันเพิ่มเติม

ในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ทางจังหวัดเชียงรายได้ประสานกับหลายหน่วยงานในการจัดหาอาหาร น้ำดื่มสะอาด เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย นอกจากนี้ ยังได้เร่งซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย และอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังที่ปลอดภัย

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่วในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมและการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมตัวรับมือและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนนิรภัย 1784 หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพื่อรับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘ดูโฮม’ ร่วมใจสู้ภัย น้ำท่วมเชียงราย มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ดูโฮม” ศูนย์ค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งบ้าน ได้ร่วมงานแถลงข่าวการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยการส่งมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว นำทีมโดย คุณพรธนเกียรติ ยอดแก้วเปีย ผู้จัดการดูโฮม สาขาเชียงราย และ คุณดาริกา เชี่ยววุฒิกุล ผู้จัดการ (อาวุโส) แผนกประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร เป็นตัวแทนในการมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ห้องจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย

 

สถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายกระทบหนัก ประชาชนขาดแคลนสิ่งของจำเป็น

จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงรายตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ้านเรือนของประชาชนถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตเริ่มขาดแคลน ส่งผลให้ชุมชนในหลายพื้นที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ดูโฮม ในฐานะองค์กรที่มีความห่วงใยและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ได้รับทราบถึงความทุกข์ร้อนของพี่น้องชาวจังหวัดเชียงราย จึงได้จัดเตรียมสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหารแห้ง น้ำดื่ม และเครื่องใช้พื้นฐาน เพื่อมอบให้แก่จังหวัดเชียงราย นำไปจัดสรรให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ

 

ดูโฮมมุ่งมั่นช่วยเหลือชุมชน ฟื้นฟูและบรรเทาความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ดูโฮมยังได้เน้นย้ำถึงการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดที่สุด โดยเฉพาะการจัดสรรสิ่งของให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก เช่น การจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องใช้พื้นฐาน เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถดำรงชีวิตได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

ดูโฮมได้แสดงเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ด้วยความหวังว่าสิ่งของที่ได้มอบไปนั้นจะช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนให้แก่พี่น้องชาวเชียงราย และเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว

 

การร่วมมือของทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกจากการส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือจากดูโฮมแล้ว ทางจังหวัดเชียงรายยังได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยการระดมความช่วยเหลือทั้งในรูปแบบของเงินทุนและสิ่งของจำเป็น เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้ที่เดือดร้อนได้อย่างทั่วถึง

การช่วยเหลือในครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ต้องการเห็นการฟื้นฟูและการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวเชียงราย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการส่งมอบสิ่งของเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งกำลังใจและความหวังให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคง

 

ดูโฮม ยืนหยัดเคียงข้างชุมชน เสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่ออนาคต

ดูโฮมยังคงมุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างชุมชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ การส่งมอบสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางที่ดูโฮมดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

‘อนุทิน’ เดินหน้านโยบายกัญชา พร้อมหนุนเอ็นเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์

 

เมื่อวันที่วันที่ 9 กันยายน 2567 ที่กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่วันแรกอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ นายทรงศักดิ์ ทองศรี, น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โดยเริ่มต้นวันด้วยการทำพิธีเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะเข้าสู่ห้องทำงานของตน

ระหว่างการเดินเข้าสู่ห้องทำงาน นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนถึงความคืบหน้าของนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะในเรื่องของ นโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ และ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก

ความคืบหน้านโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์

นายอนุทิน ได้ระบุว่า นโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก โดยเน้นว่าได้มีการเสนอให้ ท่านนายกรัฐมนตรี พิจารณาการตรากฎหมายพระราชบัญญัติกัญชาแล้ว ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวจะต้องรอการแถลงนโยบายจากนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ได้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาก่อนหน้านี้

การออกกฎหมายดังกล่าวจะต้องทำให้ชัดเจนขึ้นในเรื่องของการควบคุมและเนื้อหาของการใช้งานกัญชาในทางการแพทย์ โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้เพื่อการรักษาโรค และการควบคุมการใช้กัญชาในทางอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและแนวทางที่กำหนดไว้ นายอนุทิน ย้ำว่าการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประชาชนหลายคนรอคอยและคาดหวัง

แนวทางเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์

สำหรับประเด็นเรื่อง เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ นายอนุทินกล่าวว่า นโยบายนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับแก้ในบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์นี้ไม่ใช่แค่สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับบ่อนคาสิโนเท่านั้น แต่จะมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่สามารถสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอนุทินยังย้ำว่าความสำคัญที่สุดคือการให้คนไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการดำเนินนโยบายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน การกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของไทยให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

ความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาล

นายอนุทินยังกล่าวถึงความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นนี้ โดยกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาล ให้การสนับสนุนแนวคิดเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์อย่างเต็มที่ แต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและครรลองครองธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและสังคมในวงกว้าง นอกจากนี้ นายอนุทินยังย้ำว่า โครงการนี้ควรจะเป็นโครงการที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ และยังช่วยกระจายความเจริญสู่พื้นที่ที่ต้องการแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ เช่น พื้นที่ที่มีการพัฒนาน้อยหรือชุมชนในเขตห่างไกล

เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่นายอนุทินกล่าวถึงนั้น มีแนวคิดที่จะรวมทั้ง ห้างสรรพสินค้า, ศูนย์อาหาร, สวนสนุก, การแสดงโชว์ และกิจกรรมที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับคนไทย โดยเน้นที่ความโปร่งใสและการดำเนินการที่เป็นธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ลงพื้นที่เชียงราย มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบกัปปิยภัณฑ์เพื่อให้กำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร และประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

ในการนี้ พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระราชวิชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูวรกิตติวิมล เจ้าคณะอำเภอขุนตาล นายอดิเรก ไลไธสง นายอำเภอขุนตาล นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธี ณ มณฑลพิธี วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเทิง ณ บ้านเหล่า ตำบลตับเต่า โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่

นอกจากนี้ คณะสงฆ์ พร้อมด้วยส่วนราชการยังได้มอบถุงยังชีพเพิ่มเติมอีก 500 ชุดแก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอขุนตาล ณ วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

พื้นที่อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำป่าหลากและน้ำท่วมในพื้นที่ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้หลายครอบครัวต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์และคณะสงฆ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยการมอบถุงยังชีพและการให้กำลังใจนี้จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากน้ำท่วม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เห็นชอบใช้งบท้องถิ่นจัดรถ รับ-ส่ง ‘ผู้ทุพพลภาพ’ ไปโรงพยาบาล

 

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการสำคัญที่จะช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความยากลำบากในการเดินทางไปโรงพยาบาล ผ่านการเพิ่มบริการ พาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ เพื่อเข้ารับบริการสาธารณสุขในระบบ บัตรทอง 30 บาท

ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้บริการพาหนะรับส่งนี้ ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ผู้พิการที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นคนพิการ
  2. ผู้สูงอายุ ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในการเดินทาง
  3. ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง

ยกระดับการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ป่วยทุพพลภาพ

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการพาหนะรับส่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเดินทางและค่าเสียโอกาสของญาติที่ต้องคอยดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางได้ด้วยตนเอง ปัจจุบันผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดทางร่างกายมักประสบปัญหาในการเดินทางไปโรงพยาบาล เนื่องจากบริการรถฉุกเฉินสายด่วน 1669 ไม่ครอบคลุมกรณีที่ไม่ได้เป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ส่งผลให้ผู้ป่วยทุพพลภาพหลายรายไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างสะดวก

จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บอร์ด สปสช. จึงได้เห็นชอบการจัดบริการ พาหนะรับส่งผู้ป่วยทุพพลภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น

การจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ป่วยทุพพลภาพในท้องถิ่น

บริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพนี้จะถูกดำเนินการผ่านการจัดทำโครงการโดย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งใช้งบจากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น (กปท.) โดยพาหนะที่ใช้ในบริการนี้ ได้แก่

  • รถพยาบาลของหน่วยบริการ
  • รถหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน
  • รถรับส่งผู้ป่วยโดยภาคเอกชน
  • รถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ สำหรับผู้โดยสารคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก

รูปแบบการจ่ายค่าบริการพาหนะรับส่ง

บอร์ด สปสช. ได้กำหนดแนวทางในการจ่ายค่าบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพออกเป็น 4 แนวทาง เพื่อให้ อปท. สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ได้แก่

  1. จ่ายตามประกาศ สปสช. คือ จ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท สำหรับระยะทางไม่เกิน 50 กิโลเมตร และหากเกิน 50 กิโลเมตร จะจ่ายเริ่มต้นที่ 500 บาท และเพิ่มอีก 4 บาทต่อกิโลเมตร
  2. จ่ายตามระเบียบของ สพฉ. (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) โดยอัตราจ่ายจะขึ้นอยู่กับระยะทาง เช่น ระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร จ่ายที่ 100-350 บาทต่อครั้ง
  3. จ่ายรายครั้งแบบไปกลับ โดยคิดตามอัตราที่กำหนดไว้ในประกาศ
  4. จ่ายเหมาแบบรายวัน ซึ่งจะกำหนดอัตราจ่ายตามที่ประกาศไว้

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพนี้ จะช่วยแก้ปัญหาที่ประชาชนเคยร้องขอเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายและความกังวลของครอบครัวผู้ป่วย

ประโยชน์จากการเพิ่มบริการพาหนะรับส่ง

การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพในระบบ บัตรทอง 30 บาท เป็นการตอบโจทย์ข้อเสนอจากภาคประชาชนที่ขอให้มีการเพิ่มบริการด้านการเดินทางสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัด การให้บริการนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วย แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเพิ่มโอกาสให้ผู้ทุพพลภาพและผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความยากลำบากในการเดินทาง ช่วยให้พวกเขาได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องและไม่ขาดตอน

สรุป

การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพในระบบบัตรทอง 30 บาท เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการพัฒนาบริการสาธารณสุขของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง บริการนี้จะช่วยลดภาระให้กับผู้ป่วยและครอบครัว พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ลงพื้นที่น้ำท่วมบ้านปางหัด อ.เวียงแก่น ส่งมอบถังเก็บน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน

 

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย และทีมงาน ซึ่งประกอบด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย, นางนิตยา ยาละ สมาชิกสภา อบจ. เชียงราย เขตอำเภอเวียงแก่น และ นายวิชาญ กาวี ปลัดอำเภอเวียงแก่น ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านปางหัด ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งมอบ ถุงยังชีพ และอุปกรณ์สนับสนุนด้านการเกษตรให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก

ของที่มอบในครั้งนี้ประกอบด้วย ถังเบ๊าท์เพื่อการเกษตรขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 4 ใบ และ ถังสแตนเลสสำหรับสำรองน้ำดื่มขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 1 ใบ โดยเป็นการตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนของชาวบ้านที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567

 

การสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่ว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องจักรเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม รวมถึงการจัดส่ง รถฉีดน้ำแรงดันสูง และ รถตัก พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความชำนาญในการดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งจะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้เร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมในการสนับสนุนด้านการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภาครัฐ เพื่อช่วยบรรเทาภาระที่ชาวบ้านต้องเผชิญจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

การสนับสนุนจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในงานนี้ สภาเยาวชน อบจ. เชียงราย ยังได้แสดงความขอบคุณต่อผู้สนับสนุนจากภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการจัดหาถังเบ๊าท์และถังสแตนเลสสำหรับการเก็บน้ำในราคาพิเศษ โดยเฉพาะร้าน เชียงรายค้าถัง ที่สนับสนุนถังเบ๊าท์ขนาด 1,000 ลิตรในราคาพิเศษ และห้าง ดูโฮมเชียงราย ที่สนับสนุนถังสแตนเลสขนาด 2,000 ลิตร พร้อมการติดตั้งวาล์วสำหรับกรอกน้ำดื่ม ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีแหล่งน้ำสำรองเพียงพอในช่วงวิกฤตน้ำท่วม

 

สถานการณ์น้ำป่าที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

พื้นที่บ้านปางหัด ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ ชาวบ้านจึงต้องการการสนับสนุนทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์เพื่อการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน การส่งมอบถุงยังชีพและอุปกรณ์ในครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย

 

การประสานงานและความร่วมมือในการฟื้นฟู

นายก อบจ.เชียงรายยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการขนส่งถังเบ๊าท์และถังสแตนเลสครั้งนี้ ได้รับการประสานงานจาก สำนักช่าง และ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ที่ได้จัดส่งรถบรรทุกและทีมงานเข้ามาช่วยในการขนส่ง

 

การเชิญชวนให้ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูน้ำท่วม

นอกจากนี้ สภาเยาวชน อบจ.เชียงรายยังเปิดรับการสนับสนุนจากผู้ใจบุญและหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการเข้าร่วมในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ โดยสามารถประสานงานผ่านทาง สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อไป

 

สรุป

การลงพื้นที่บ้านปางหัดของทีมงาน อบจ.เชียงราย และสภาเยาวชนในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความร่วมมือในการช่วยเหลือฟื้นฟูชุมชนหลังเกิดน้ำท่วม ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในทันที แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย – CR – PAO Youth Center

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ ปี 67 “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” อนุรักษ์วัฒนธรรมอาข่า

 

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ณ ลานพระสยามเทวาธิราช (บ้านสามแยก) หมู่ 24 ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ประจำปี 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายธรนินทร์ เบ็ญชา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่ฟ้าหลวง เขต 2 และคณะผู้ร่วมงาน

ในงานนี้ นายปิยะเดช เชิงพิทักษ์กุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองใน ได้กล่าวรายงานถึงความสำคัญของการจัดงาน โดยเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” เป็นเทศกาลสำคัญที่มีมาตั้งแต่โบราณของชนเผ่าอาข่า การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชนเผ่าอาข่า อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน

 

ความสำคัญของเทศกาลโล้ชิงช้า

การจัดงานเทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างจิตสำนึกให้กับชุมชนชาวอาข่า ในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าซึ่งมีการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เทศกาลนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แม่สลองใน เพื่อสร้างความเข้าใจและการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย

 

ความร่วมมือของชุมชนและภาครัฐ

เทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ไม่เพียงเป็นเทศกาลทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นโอกาสที่ชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชนได้ร่วมมือกันในการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น งานในครั้งนี้มีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน การละเล่นพื้นเมือง และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชนเผ่าอาข่า ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทั้งในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

 

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานยังมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรมจากชนเผ่าอาข่าและชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แม่สลองใน การจัดแสดงสินค้าท้องถิ่นจากภูมิปัญญาพื้นบ้าน และการจัดนิทรรศการเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนเผ่าอาข่าและวัฒนธรรมอันยาวนานของพวกเขา

นอกจากนี้ การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่แม่สลองใน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย

 

การอนุรักษ์วัฒนธรรมผ่านเทศกาลโล้ชิงช้า

เทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” เป็นการแสดงออกถึงความรักและความหวงแหนในวัฒนธรรมของชนเผ่าอาข่า ซึ่งการโล้ชิงช้าเป็นส่วนสำคัญของประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการสรรเสริญความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และการขอพรให้พืชผลทางการเกษตรเจริญงอกงาม นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ชาวอาข่าจะแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้มีการส่งเสริมให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน เพื่อให้ประเพณีนี้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

 

การจัดงานระหว่างวันที่ 7-8 กันยายน 2567

งานเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 กันยายน 2567 ณ ลานพระสยามเทวาธิราช (บ้านสามแยก) ตำบลแม่สลองใน โดยในระหว่างสองวันของงานจะมีกิจกรรมหลากหลายที่เน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชนเผ่าอาข่า นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชนเผ่าอย่างใกล้ชิด

 

บทสรุป

งานเทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ประจำปี 2567 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมของชนเผ่าอาข่า การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตระหนักในเรื่องของมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเสริมสร้างความรักในวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิมของชนเผ่าที่มีความสำคัญต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News