Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย จับมือผู้นำ 11 ตำบลเขตเมือง เดินหน้าพัฒนาเชียงราย

 
วันที่ 23 กันยายน 2566 นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย นางรัตนา จงสุทธานามณี นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงราย ร่วมให้การต้อนรับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย เขต 7 พร้อมภริยาและคณะ ที่ให้เกียรติเดินทางมาร่วมประชุมพบปะผู้นำจากเขตอำเภอเมืองเชียงรายและประธานชุมชนจาก 65 ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ในกิจกรรมสร้างผู้นำในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการเพิ่มศักยภาพกลุ่มแกนนำชุมชนและประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย ณ อาคารเจียงแสน ศูนย์ประชุมนครเชียงราย
 
โดยการประชุมในครั้งนี้ เป็นการร่วมรับฟังแนวทางการพัฒนาเมืองจากผู้นำและผู้แทนในเขตเทศบาลนครเชียงรายและตำบลต่างๆ จากทั้งนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และกำนัน จาก 11 ตำบลในเขตอำเภอเมือง ประกอบด้วย ต.แม่ข้าวต้ม ต.แม่กรณ์ ต.ท่าสาย ต.ดอยฮาง ต.แม่ยาว ต.บ้านดู่ ต.สันทราย ต.ห้วยชมภู ต.ป่าอ้อดอนชัย ต.รอบเวียง และ ต.ริมกก
 
โดยนายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า “นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราเทศบาลนครเชียงรายและพี่น้องพื้นที่เขตอำเภอเมืองเชียงราย ได้รับความกรุณาจากท่านพิเชษฐ์มาร่วมพบปะกับผู้นำและพี่น้องประชาชน และถือโอกาสนี้ได้ร่วมแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับตำแหน่งเป็นรองประธานสภาฯ ซึ่งถือเป็นบทบาทที่มีความสำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราพี่น้องชาวเชียงราย นับว่าจากนี้ไปจะเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญของพวกเราชาวเชียงรายและเขตพื้นที่ต่อเนื่องจากเทศบาลนครเชียงรายในตำบลต่างๆ ที่จะร่วมปรึกษาหารือเพื่อนำไปสู่การพัฒนา ทั้งในด้านปัญหาหมอกควัน ปัญหาที่ดินทำกิน ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว ที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับพวกเราทุกๆ คน ทุกๆ ตำบลต่อไป”
 
ทางด้านนายพิเชษฐ์ รองประธานสภาฯ ได้ร่วมรับฟังปัญหาจากผู้นำในพื้นที่ต่างๆ อย่างเป็นกันเอง และพร้อมจะนำปัญหาที่หารือร่วมกันในวันนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานรัฐบาลต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

เขตสุขภาพที่ 11 บูรณาการภาคีเครือข่าย ซ้อมแผนลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางบก-น้ำ-อากาศ

 

นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เปิดเผยว่า กลุ่มจังหวัดภาคใต้ได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลให้มีคุณภาพระดับนานาชาติ พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ดูแลความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของนักท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศสร้างจุดแข็งและเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อแข่งขันในเวทีโลก เขตสุขภาพที่ 11 จึงได้กำหนดแผนปฏิบัติการสร้างความปลอดภัยและการจัดการเมื่อเกิดภัยในพื้นที่ทางทะเล โดยบูรณาการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางบก น้ำ อากาศ ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เตรียมความพร้อมรองรับสาธารณภัยอย่างเป็นระบบ ให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการดูแลรักษาที่รวดเร็วที่มีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ช่วยเสริมศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กับกลุ่มจังหวัดอันดามัน-อ่าวไทย ด้วย
          นายแพทย์กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้จัดการซ้อมแผนสถานการณ์สมมติลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉิน พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เมื่อวันที่ 3-5 กันยายนที่ผ่านมารวมระยะเวลา 3 วัน 3 รูปแบบ โดยวันแรกเป็นการฝึกซ้อมแผนบูรณาการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน (บก น้ำ อากาศ) แบบ Tabletop Exercise วันที่สอง เป็นการฝึกแบบสถานการณ์จำลองกึ่งเสมือนจริง และวันสุดท้าย เป็นการฝึกซ้อมแบบสถานการณ์จำลอง โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมการฝึกซ้อมกว่า 20 หน่วยงาน มีผู้เข้าร่วมการซ้อมประมาณ 400 คน พื้นที่การฝึก ได้แก่ สนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ท่าเทียบเรือเกาะเต่า สนามเฮลิคอปเตอร์ สถานีเรือเกาะสมุย สนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว อำเภอเกาะพะงัน มณฑลทหารบกที่ 45 (มทบ.45) ค่ายวชิราวุธ และอากาศยาน Lakota 72 (ฮ.ท.72) ส่วนการซ้อมแผนสถานการณ์สมมติลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินพื้นที่เกาะเต่าได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 (ศรชล.ภาค2) กองทัพภาคที่ 4 คณะผู้วิจัย นำทีมโดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เวชวิวัฒน์ และภาคีเครือข่ายตำบลเกาะเต่า เป็นต้น โดยหลังเสร็จสิ้นการซ้อมแผนฯ ได้มีการประชุมระดมความคิดเห็นกับตัวแทนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทบทวนการปฏิบัติงาน นำข้อเสนอแนะไปพัฒนางานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

รมว.เกษตรฯ รับปากจะช่วยแก้ไขให้ พี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด

 
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามการดำเนินงาน ณ ท่าเทียบเรือกัลปังหา และพบปะเกษตรกรเพื่อรับฟังปัญหา และติดตามสถานการณ์ พร้อมแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด

        ทั้งนี้ จังหวัดตราด เป็นจังหวัดชายแดนสุดฝั่งทะเลตะวันออก มีอาณาเขตด้านชายแดนติดกับประเทศกัมพูชาทั้งทางบกและทางทะเล มีความยาว 330 กิโลเมตร โดยทางบกติดกับทางจังหวัดของประเทศกัมพูชา ได้แก่ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดโพธิสัต และจังหวัดเกาะกง ซึ่งมีแนวชายแดนธรรมชาติติดทิวเขาบรรทัด เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตลอดแนวมีความยาว 165 กิโลเมตร และมีแนวอาณาเขตทางทะเลมีความยาว 185 กิโลเมตร โดยจังหวัดตราดเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งทำการประมงที่สำคัญ ทั้งประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ รวมทั้งพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้งชายฝั่งและน้ำจืด ผลผลิตสัตว์น้ำของจังหวัดตราด มีมากกว่า 82,779 ตัน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 5,599.80 ล้านบาท ผลผลิตจากการทำการประมง 55,643 ตัน มูลค่า 2,344.21 ล้านบาท ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยง 27,136 ตัน มูลค่า 3,255.59 ล้านบาท

        สำหรับทะเบียนเกษตรกร มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (ทบ.1) 1,317 ราย แบ่งเป็น กุ้งทะเล 476 ราย หอยทะเล 346 ราย ปลาน้ำจืด 317 ราย ปลาทะเล 125 ราย จระเข้ 14ราย สัตว์น้ำสวยงาม 3 ราย และสัตว์อื่น ๆ 36 ราย ผลผลิตจากการเพาะเลี้ยง 27,136 ตัน มูลค่า 3,255.59 ล้านบาท ทะเบียนผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) 539 ราย ทะเบียนผู้ทำอาชีพทำการประมง (ทบ.2) 3,334 ราย เรือประมงพื้นบ้านที่มีทะเบียนเรือไทย จำนวน 3,379 ลำ ได้แก่ อวนติดตา อวนครอบหมึก อวนลอยปลากระบอก อวนจมปูม้า อวนลอยปลาทู และเรือประมงพาณิชย์ที่มีทะเบียนเรือไทย จำนวน 588 ลำ ได้แก่ อวนครอบปลากะตัก อวนลากแผ่นตะเฆ่ อวนลากคานถ่าง

        อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับปากจะช่วยแก้ไขปัญหาพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีความเข้มงวดและเป็นอุปสรรคต่อการทำประมงในปัจจุบัน โดยชาวประมงเสนอให้มีแนวทางบรรเทาผลกระทบในช่วงการเปลี่ยนผ่านของกฎหมาย และจะช่วยดูราคากุ้งตกต่ำ ทั้งกุ้งแวนนาไม กุ้งกุลาดำ และกุ้งก้ามกราม ซึ่งมีปัจจัยมาจากโรคระบาดและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขอให้มั่นใจว่าจะร่วมแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวประมงทั้ง 22 จังหวัด ที่มีพื้นที่ติดทะเล
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ไทย-เวียดนาม หารือความร่วมมือ ด้านการต่อต้านข่าวปลอม

 
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด) หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมวาระพิเศษในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนครั้งที่ 16 ณเมืองดานังประเทศเวียดนาม โดยหารือทวิภาคีไทย-เวียดนาม กับนายเหงียน มั่นห์ ฮุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนาม ในประเด็นความร่วมมือด้านการต่อต้านข่าวปลอม ในฐานะที่เวียดนามเป็นผู้นำที่ริเริ่มข้อเสนอในการจัดตั้งคณะทำงานการต่อต้านข่าวปลอมในภูมิภาคอาเซียน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นข่าวปลอม ถือเป็นปัญหาร่วมกันทั่วทุกประเทศในอาเซียน โอกาสนี้ประเทศไทย ได้ชื่นชมการดำเนินงานของประเทศเวียดนาม โดยเฉพาะการเป็นผู้นำที่ริเริ่มข้อเสนอจัดตั้ง “คณะทำงานที่รับมือกับข่าวปลอม” ที่จะเป็นโมเดลทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่องในภูมิภาคอาเซียน
 
สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน โดยมีการดำเนินงานใน 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การให้ความรู้กับประชาชน เน้นการรู้เท่าทันสื่อ แยกแยะข้อมูลข่าวสารว่าเป็นข่าวจริง หรือข่าวปลอม เพื่อสร้างสังคมที่มีภูมิรู้ ควบคู่ไปกับส่วนที่ 2 คือการออกกฎ ระเบียบ แนวปฏิบัติ เพื่อป้องกันการกระทำความผิด โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ อีกทั้งได้มีการชี้แจงประเด็น ข่าวปลอมและข้อมูลที่บิดเบือน ผ่านกลไกของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) และกรมประชาสัมพันธ์ จัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม www.antifakenewscenter.com/ ข่าวจริงประเทศไทย www.realnewsthailand.net/
 
ทางด้านเวียดนามก็มีกลไกการต่อต้านข่าวปลอม อาทิ การแถลงข่าวให้มากที่สุดเพื่อให้มีข่าวที่ถูกต้องน่าเชื่อถือมาสู้กับข่าวปลอม และมีการจัดตั้งเว็บไซต์กลางประเทศเวียดนามซึ่งคล้ายคลึงกับเว็บไซต์กลางประเทศไทยที่ได้จัดตั้งมาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ
 
ทั้งนี้ ประเทศไทยและประเทศเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมายาวนาน ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ 47 และมีความร่วมมือกันในด้านสื่อสารมวลชน กับหน่วยสื่อของเวียดนามอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านวิทยุ โทรทัศน์ และสำนักข่าว เช่น สถานีวิทยุเวียดนาม (The Voice of Vietnam: VOV) / สำนักข่าวเวียดนาม (Vietnam News Agency: VNA) ที่ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศ และการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน ซึ่งทั้งสองประเทศจะร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดในการต่อสู้กับข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนและจะดำเนินนโยบายต่อต้านข่าวปลอมเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนที่ยั่งยืนด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้ร่วมกัน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายต้อนรับ คณะผู้บริหาร ทม.ลำพูน

 
วันที่ 22 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย ดร.ศราวุธ สุตะวงค์ ผอ.โรงเรียน อบจ.เชียงราย คณะผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียน อบจ.เชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา และบุคลากร จากเทศบาลเมืองลำพูน 
 
นำโดยนายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน ในการเข้าแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการเรียนการสอน ของโรงเรียน อบจ.เชียงราย เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการจัดการศึกษาภายในโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองลำพูน
.
พร้อมกันนี้ นายก อบจ.เชียงรายได้นำเสนอนวัตกรรมการบริหารการศึกษา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน “ห้องเรียนออนไลน์ (Online) สําหรับการจัดการศึกษาที่มุ่งเน้นศักยภาพผู้เรียนรายบุคคล 19 โปรแกรม ตามแนวทาง Thinking School ซึ่ง อบจ.เชียงราย ได้รับรางวัล อปท.ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2565 และได้นำคณะฯ เยี่ยมชมการเรียน การสอน ของระดับชั้นต่าง ๆ ของโรงเรียน อบจ.เชียงราย ให้คณะฯ ได้เห็นบรรยากาศภายในห้องเรียนอย่างแท้จริง 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ดันนโยบายโฮงยาใกล้บ้าน หนุนงบพัฒนาเครือข่ายการให้บริการฝึกพูด

 

วันที่ 22 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาเครือข่ายการให้บริการฝึกพูดในผู้ป่วยที่มีภาวะเสียงการสื่อความ (Aphasia) ในชุมชน ณ ห้อ ประชุม 9A ชั้น 9 อาคารแพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

โดยมีนายแพทย์ศุภเลิศ เนตรสุวรรณ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นายแพทย์ชวน ชีพเจริญรัตน์ หัวหน้ากลุ่มงานโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมให้การต้อนรับ และรายงานวัตถุประสงค์การจัดอบรมฯ ในครั้งนี้ด้วย
.
โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยหน่วยฝึกพูด แผนกโสต ศอ นาสิก วิทยา ให้การดูแลผู้ป่วยที่มีความพิการด้านการสื่อความหมาย ทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง พบผู้ป่วยด้านนี้เป็นจำนวนมาก โดยภาวะเสียการสื่อความ หรือ Aphasia เป็นความบกพร่องด้านการสื่อสาร ทำให้ผู้พิการไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด หรือเข้าใจแต่ไม่สามารถพูดหรือแสดงความต้องการของตนเองได้ ซึ่งภาวะ Aphasia สามารถบำบัดรักษาฟื้นฟูได้ 
 
แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทางของผู้พิการ รวมทั้งนักเวชศาสตร์การสื่อความหมายของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ มีจำนวนเพียง 2 ท่าน จึงไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย ดังนั้นการบำบัดฟื้นฟูจึงต้องอาศัยเครือข่ายการทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ โดยเฉพาะในระดับ รพ.สต. จึงได้จัดโครงการฯ ในครั้งนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงบริการการฝึกพูดได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อบจ.เชียงราย โดยกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงการฯ ทั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์วิชรพยาบาล มหาวิทยาลัย นวมินทราธิราช และโรงพยาลศูนย์ขอนแก่น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ทรงศรี” เปิดงานวันนัดพบเกษตรกร “กาดต้มโป่ง ฮอมสุข”

 
วันที่ 22 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น รองประธานสภา อบจ.เชียงราย ร่วมพิธีเปิดงานวันนัดพบเกษตรกร ประจำปี พ.ศ. 2566 “กาดต้มโป่ง ฮอมสุข” ตลาดเขียว ณ ลานกิจกรรมน้ำพุร้อนป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมี นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่จัน เป็นประธานในพิธีเปิด และนายณฐกรณ์ ใจรังสี นายก อบต.ป่าตึง นพ.ดร. ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย
 
ทาง อบต.ป่าตึง ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ได้กำหนดจัดงานวันนัดพบเกษตรกร ประจำปี พ.ศ. 2566 “กาดต้มโข่ง ฮอมสุข” ตลาดเขียว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมตลาดเขียว ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคมีโอกาสได้สื่อสารและ สนับสนุนกัน เกิดการเรียนรู้การบริหารจัดการด้านการเกษตร ที่รับผิดชอบต่อตนเอง ผู้บริโภค และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งอาหารปลอดภัย ส่งเสริมเกษตรกรให้มีการดำรงชีวิตตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 
 
โดยในงานมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การจำหน่ายสินค้า พืช ผัก ผลไม้ อาหารปลอดภัย อาหารแปรรูป อาหารพื้นบ้านตามฤดูกาล ที่มีคุณภาพดีและปลอดสารพิษ นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการความรู้และงานบริการ ด้านวิชาการของหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ศิลปะการละเล่นและดนตรีพื้นบ้าน เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 กันยายน 2566 ณ ลานกิจกรรมน้ำพุร้อนป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566

 

วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม MD-1519 ชั้น 15 อาคารสำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการ พนักงาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และประชาชน นำพวงมาลาถวายสักการะ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เนื่องในวันที่ 24 กันยายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ถือเป็น “วันมหิดล” ซึ่งเป็นวันที่ปวงชนชาวไทยทั้งปวง ร่วมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติ ในฐานะ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” 

 

โดยได้ทรงอุทิศทั้งพระราชทรัพย์ พระวรกายและพระสติกำลัง เพื่อการเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่โรงเรียนแพทย์ อีกทั้งได้ทรงพัฒนาการผลิตแพทย์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่การแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย ให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ ต่อมานอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ อาทิ การศึกษาการต่างประเทศ การทหารเรือ และศิลปะ ซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ก่อให้เกิดคุณูปการต่อประเทศชาติมาจวบจนปัจจุบันตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ 

 

โดยที่ไม่ทรงยินยอมให้พระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ อันสูงยิ่งของพระองค์มาขวางกั้นการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตามพระปณิธานที่ทรงมุ่งมั่นอยู่ในอุดมการณ์ที่ให้ความสำคัญต่อการเชิดชูชีวิต ศักดิ์ และฐานะของบุคคลในฐานะที่เป็นมนุษย์ ซึ่งได้นำความปลื้มปีติ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประชาชนคนไทย ด้วยปรากฏต่อมาภายหลังว่า อุดมการณ์ที่พระองค์ทรงยึดถือปฏิบัตินี้ องค์การสหประชาชาติได้ประกาศเป็นหลักการข้อหนึ่งของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คริสต์ศักราช 1954 และด้วยพระราชกรณียกิจข้อนี้ รวมถึงด้านอื่น ๆ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้มีมติร่วมกับประเทศไทย ในการเฉลิมพระเกียรติ ในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญของโลก เนื่องในโอกาสมหามงคล วันคล้ายวันพระราชสมภพ 100 ปี ของพระองค์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2535 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณที่ได้ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

คลองสวย น้ำใส เชียงรายจัดกิจกรรม ร่วมมือจิตอาสา พัฒนาคูคลอง

 

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 เวลา 09.00 น. กิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ขุดลอกคลอง ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ  ณ บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยมทบ.37 ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย เป็นผู้จัดกิจกรรม มีข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนจิตอาสาเข้าร่วม จำนวน 120 คน

 

โดยมีพ.อ. รัตนสิทธิ์  แจ่มรัตนกุล จอส.904 มทบ.37 และ พ.อ. เกียรติอุดม นาดี รองเลขานุการ ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 พร้อมด้วย กำลังพล ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 ได้นำยุทโธปกรณ์ บูรณาการร่วมกับส่วนราชการ และประชาชนจิตอาสา ในพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรม จิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ขุดลอกคลอง ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ณ บริเวณสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย มุ่งส่งเสริมให้มีการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงทัศนียภาพ  เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ได้อย่างยั่งยืน ทั้งยังส่งผลให้ประชาชนเกิดความรักความสมัครสมานสามัคคี ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ประกอบกิจกรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์สุขของชุมชนส่วนรวม

 

และยังมี สภ.เมืองเชียงรายเข้าร่วมโดยจัดข้าราชการตำรวจจิตอาสา เข้าร่วมทำกิจกรรมขุดลอกคูคลอง บริเวรแยกแม่กรณ์ และตามคูคลองจุดสำคัญที่ตื้นเขิน หรือมีวัชพืชน้ำขึ้นปกคลุมขวางทางน้ำ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำเอ่อล้นเข้าบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ทั้งสองฝั่งคูคลองในช่วงฤดูฝน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ถนนคนข่าว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

“วราวุธ” ขับเคลื่อนงาน “พม. พอใจ : ให้ทุกวัยพึงพอใจใน พม.”

วันที่ 19 ก.ย. 2566  เวลา 09.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มอบนโยบายการบริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “พม. พอใจ : ให้ทุกวัยพึงใจใน พม.” โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน ทั้งนี้ คณะผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมรับฟังนโยบาย ณ  ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กรุงเทพฯ พร้อมทั้งผ่านระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ 


นายวราวุธ กล่าวว่า นโยบายการบริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ “พม. พอใจ : ให้ทุกวัยพึงใจใน พม.” ตนมีหัวใจสำคัญในการทำงาน 3 ข้อหลัก ประกอบด้วย ข้อที่ 1 นับว่าที่สำคัญที่สุดคือ การทำงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ด้วยการทำงานรับใช้ประชาชน ไม่ยอมรับการคอรัปชั่น การทุจริตต่างๆ  ข้อที่ 2 การเป็นนักบริหาร ไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ นักสหวิชาชีพ ซึ่งหน้าที่ของตน คือ ทำงานเพื่อให้ทุกคนทำงานได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น และเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และ ข้อที่ 3 ทำได้จริง เกิดประโยชน์ โดยการขับเคลื่อนไปข้างหน้า (ปฏิบัตินิยม) ด้วยวิธีทำงาน “PSS” แม่นยำ (Precision) รวดเร็ว (Speed) สร้างความเปลี่ยนแปลง (Impactful Scale) 


นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้ให้ความสําคัญกับความเท่าเทียมของประชาชนทุกกลุ่ม ด้วยการดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ด้วยสวัสดิการโดยรัฐ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการทํางานของกระทรวง พม. อีกทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ กระทรวง พม. ต้องดำเนินการถึง 8 เป้าหมายจากทั้งหมด 17 เป้าหมาย เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคมไทย ซึ่งจะเป็นกรอบสําคัญในการกําหนดวิธีคิด แนวปฏิบัติในการทํางานของกระทรวง พม. ทั้งนี้ นโยบายการบริหารกระทรวง พม. ในวันนี้ จะเป็นกรอบการทำงานของทุกคนในกระทรวง พม. เพื่อให้กระทรวง พม. เป็นผู้นำและเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกกลุ่มในการเข้าถึงโอกาสและการคุ้มครองทางสังคมที่นำไปสู่หลักประกันและความมั่นคงในชีวิต โดยมีการขับเคลื่อน 5 นโยบายสำคัญ ประกอบด้วย 


1) นโยบายเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก จนถึงอายุ 3 ปี นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของชีวิต โดยสิ่งที่เราจะทำและพัฒนา คือ สนับสนุนให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการคุ้มครองเด็กมากขึ้น ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 บริหารจัดการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท ให้ครอบคลุม ทั่วถึง และยกระดับศูนย์อนุบาลพัฒนาเด็กเล็กชุมชน  เป็นต้น 


2) นโยบายเด็กและเยาวชน เยาวชนคือวัยหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ จำเป็นต้องสนับสนุนการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพของครอบครัวอุปถัมภ์ (Foster Care) เป็นที่พึ่งให้กลุ่มเปราะบางได้จริง และนำร่องโครงการศิลปะบำบัดสำหรับเด็กใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเยียวยาฟื้นฟูทางจิตใจ เป็นต้น


3) นโยบายคนทำงาน สำหรับวัยทำงาน โดยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งการถือครองกรรมสิทธิ์และการเช่า ผลักดันโครงการบ้านตั้งต้นสำหรับผู้เริ่มทำงานใหม่ (First Jobber) พัฒนาเยาวชนสู่การเป็นผู้ประกอบกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise)  ขับเคลื่อนโครงการเตรียมพร้อมสูงวัยก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ (Pre-aging) โดยเฉพาะการบริหารการเงิน และโครงการสร้างรายได้สมาชิกนิคมสร้างตนเอง เป็นต้น


4) นโยบายผู้สูงอายุ ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์  (Complete Aged Society) ซึ่งกระทรวง พม. จำเป็นต้องเข้ามาดูแลผู้สูงอายุให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาสวัสดิการสังคมต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุ อีกทั้งจัดตั้งศูนย์พักฟื้นและเสริมพลังชีวิต (Rejuvenation Center)  ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุชุมชน/ตำบล  ศูนย์บริการจัดหางานผู้สูงอายุ และกองทุนพัฒนาชุมชรเพื่อผู้สูงอายุ สนับสนุนเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพ เพื่อความมั่นคงในชีวิต เป็นต้น


5) นโยบายคนพิการและคนไร้ที่พึ่ง สิ่งแรกที่สำคัญที่สุด คือ การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 อีกทั้งยกระดับศูนย์บริการคนพิการทั่วไป ร่วมกับองค์กรด้านคนพิการ จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนพิการกับคนไม่พิการ ปรับปรุงกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อให้เป็นที่พึ่งสำหรับคนพิการทุกกลุ่มจำนวน 2.2 ล้านคนทั่วประเทศ  และขับเคลื่อนโครงการฝึกอบรมแรงงานหรือระบบการจับคู่งานกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น


นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการบริหารกระทรวง พม. 100 วันแรก เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากแนวการทำงานของกระทรวง พม. เป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ที่สำคัญคือเป็นปัญหาที่ต้องอาศัยการบูรณาการของหลายหน่วยงานที่ต้องร่วมมือกัน ฉะนั้น จึงไม่มีปัญหาไหนเร่งด่วนไปมากกว่ากัน ทั้งมิติเรื่องของเด็กเล็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ สตรี ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ ซึ่งแต่ละหน่วยงานของกระทรวง พม. จะดูแลคนแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน ดังนั้น เราจะขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน ไม่จำเป็นว่า 100 วันจะต้องทำให้เสร็จ แต่ให้คำมั่นว่าภายใน 100 วัน ทุกอย่าง จะมีการเริ่มต้นอย่างแน่นอน 


และวันนี้ เรามีคณะทำงานช่วยติดตามเร่งรัดนโยบายที่ได้มอบหมาย หากติดขัดปัญหาประการใด ตนและคณะทำงานจะเข้ามาช่วยให้ปัญหาเหล่านั้นได้รับการแก้ไข และทำให้งานของกระทรวง พม. เดินหน้าไปได้อย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดของเป้าหมายคือ การเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน บรรเทาความเดือดร้อน ด้วยกลไกต่างๆ ที่มี ซึ่งนโยบายต่างๆ จะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีมากยิ่งขึ้น 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News