Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดสัมมนาพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมผลักดัน

เชียงรายขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมสัมมนาพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาวิชาการภายใต้โครงการ “เสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาและนครเชียงรายในอนาคต” ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีผู้ร่วมงานสำคัญ ได้แก่ ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ และสื่อมวลชน

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสัมมนา

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการสร้างแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และยกระดับจังหวัดเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

การสัมมนาได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านต่างๆ เช่น

  • การส่งเสริมการท่องเที่ยว
  • การพัฒนาการค้าชายแดน
  • การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นเมืองต้นแบบที่สมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาศักยภาพเขตเศรษฐกิจพิเศษให้รองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว

แผนฟื้นฟูหลังอุทกภัยและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายภายหลังการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสนอแผนงานต่อจังหวัดเชียงรายและรัฐบาล

แนวทางพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

การสัมมนาเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายในฐานะเมืองต้นแบบที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ

  • การพัฒนาการค้าชายแดนและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอและความร่วมมือ

ข้อเสนอที่ได้จากการสัมมนาจะถูกนำไปพิจารณาและดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายในระยะยาว โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนพัฒนาเชียงรายให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับชาวเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ มอบบัตรประชาชน 72 ชาติพันธุ์ เชียงราย ลดขั้นตอนเหลือ 5 วัน

นายกรัฐมนตรีมอบบัตรประชาชนให้กลุ่มชาติพันธุ์ 72 ราย ชูความสำเร็จในการเร่งกระบวนการลดปัญหาสถานะทางทะเบียน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ตัวแทนบุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 72 ราย โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 2,000 คน

ในงานนี้มีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม ได้แก่ นายประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ เช่น UNHCR และองค์การยูนิเซฟ ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ด้วย

นโยบายให้สัญชาติ: ความหวังของกลุ่มชาติพันธุ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวในพิธีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานะทางทะเบียนของกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มดำเนินการสำรวจและขึ้นทะเบียนกลุ่มเป้าหมายมาตั้งแต่ปี 2527 ตามมติคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ เช่น บุคคลต้องมีชื่อในทะเบียนบ้าน มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก พำนักอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง

“วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่พี่น้องชาติพันธุ์ทั้ง 72 คน ได้รับบัตรประชาชน และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่รอคอยมานาน รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง และจะจัดสรรทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้าน” น.ส.แพทองธารกล่าว

การลดขั้นตอนการขอสัญชาติ: ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

ในอดีต กระบวนการขอสัญชาติและบัตรประชาชนของผู้ที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทยใช้เวลานานถึง 270 วัน ขณะที่ผู้ที่เกิดในประเทศไทยต้องรอประมาณ 180 วัน แต่ปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ที่ลดระยะเวลาดำเนินการเหลือเพียง 5 วัน เพื่อสร้างความหวังให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และลดความซับซ้อนของกระบวนการ

“มาตรการใหม่นี้ไม่ได้ลดเพียงขั้นตอน แต่ยังเพิ่มกลไกตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อให้กระบวนการเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริม

บรรยากาศในงาน: ความหวังและความสุขของผู้ได้รับบัตร

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรประชาชนครั้งแรก ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรในครั้งนี้มาจากหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ อาข่า ลาหู่ และลีซู พวกเขาแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลที่ช่วยให้พวกเขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะพลเมืองไทย

หนึ่งในตัวแทนผู้ได้รับบัตรกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานาน ผมดีใจที่ในที่สุดก็ได้รับบัตรประชาชน เพราะมันหมายถึงความเท่าเทียมในฐานะคนไทยและอนาคตที่มั่นคงขึ้น”

ปัญหาที่รอการแก้ไข: เป้าหมายต่อไปของรัฐบาล

แม้จะมีความคืบหน้าในครั้งนี้ แต่ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อีกเกือบ 500,000 คน ที่ยังไม่ได้รับบัตรประชาชนและยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหานี้ โดยเน้นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิที่พึงมี และจะเร่งผลักดันให้ปัญหานี้หมดไปโดยเร็วที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว

ความสำคัญของการให้สัญชาติ

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปิดท้ายว่า การมอบสัญชาติไทยและบัตรประชาชนไม่ได้เป็นเพียงการให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่บุคคล แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในฐานะประชาชนที่มีความภาคภูมิใจ

“สัญชาติไทยคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการมีส่วนร่วมในชุมชน เราจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างมั่นใจ

ในอนาคต การดำเนินงานด้านนี้ยังต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความเท่าเทียมในสังคมไทยอย่างแท้จริง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กระทรวงพาณิชย์ผลักดันสินค้าชุมชนเชียงราย คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ลงพื้นที่เชียงราย ดันสินค้าชุมชน-ท่องเที่ยวสร้างสรรค์ เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ตลาดโลก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่ YAYO FARM บ้านดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะและหารือร่วมกับผู้ประกอบการในโครงการส่งเสริมสินค้าชุมชนในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยได้รับการต้อนรับจากนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการในพื้นที่ที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เร่งเสริมแกร่งสินค้าชุมชน เชื่อมตลาดด้วยแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญา

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์มีนโยบายผลักดันสินค้าชุมชนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเน้นการรวบรวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ เช่น ชา กาแฟ และของใช้อุปโภคบริโภคต่างๆ มาเชื่อมโยงสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ของตัวเอง พร้อมทั้งจัดนักออกแบบมืออาชีพมาให้คำแนะนำด้านการออกแบบแพ็กเกจจิ้งและจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

“กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่พูดคุยเพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมงบประมาณไว้สนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สินค้าชุมชน สินค้า SME ของเชียงรายและภาคเหนือเติบโตแข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะชาและกาแฟที่มีชื่อเสียงในระดับโลก” นายนภินทร กล่าว

เสริมแกร่งการท่องเที่ยวผ่านสินค้าท้องถิ่น เชื่อมโยงเส้นทางชา-กาแฟ

ด้านนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นจากแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนภูเขา เช่น ผ้าทอพื้นเมือง รวมถึงชาและกาแฟซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมตชาและกาแฟ เช่น ดอยช้าง ดอยผาฮี้ ดอยผาแม่มอญ และปางขอน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงมีโอกาสดื่มชาและกาแฟจากแหล่งปลูกโดยตรง ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

“ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 เราจะมีโปรโมชั่นพิเศษเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาพักค้างที่เชียงราย พร้อมสิทธิ์รับส่วนลดจากร้านคาเฟ่ที่ร่วมรายการ นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น” นายวิสูตร กล่าว

เชียงราย: ศูนย์รวมศักยภาพผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์

เชียงรายไม่เพียงแต่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ยังเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพในด้านผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สามารถเติบโตในตลาดโลกได้ ผลิตภัณฑ์อย่างชาและกาแฟซึ่งได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สามารถเป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงความโดดเด่นทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของคนท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ การสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบที่เชื่อมโยงสินค้าชุมชนเข้ากับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน

สรุป

การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมสินค้าชุมชน แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างทรัพย์สินทางปัญญาและการตลาดสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมสนับสนุนเชียงรายให้ก้าวสู่เวทีระดับโลกในฐานะจังหวัดที่เต็มไปด้วยศักยภาพด้านสินค้าและการท่องเที่ยวสร้างสรรค์.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กระทรวงพลังงาน-กฟผ. ส่งพลังงานสะอาด ฟื้นฟูเวียงป่าเป้า หลังน้ำท่วม

กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ลงพื้นที่เวียงป่าเป้า มอบความช่วยเหลือหลังอุทกภัย พร้อมส่งต่อพลังงานสะอาดสู่ชุมชน

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงพลังงาน นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยทีมงานจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจิตอาสา ลงพื้นที่ บ้านห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตน้ำท่วมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ช่วยเหลือชุมชนด้วยโครงการพลังงานสะอาด

ในกิจกรรมครั้งนี้ กระทรวงพลังงานและ กฟผ. ได้ส่งมอบ เตามหาเศรษฐี (แบบปากยื่น) จำนวน 40 ชุด เพื่อใช้ในครัวเรือน พร้อมทั้งติดตั้ง ระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell) ขนาด 7.84 กิโลวัตต์ พร้อมแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับใช้งานในพื้นที่โรงเรียนบ้านห้วยหินลาดใน รวมถึง โคมไฟถนน LED พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Street Light) จำนวน 17 ชุด ที่ติดตั้งบริเวณทางเข้าโรงเรียน เพื่อให้ประชาชนและนักเรียนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีไฟฟ้าใช้อย่างยั่งยืน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในระหว่างกิจกรรมว่า “การฟื้นฟูพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเยียวยาผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ยังเน้นการส่งเสริมพลังงานสะอาดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ระบบไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง การติดตั้งโซล่าเซลล์และโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน”

อาคารเรียนชั่วคราวเพื่อการศึกษาต่อเนื่อง

นอกจากการช่วยเหลือในด้านพลังงาน กระทรวงพลังงานและ กฟผ. ยังได้ร่วมมือกับ มูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้าง อาคารเรียนชั่วคราว เพื่อให้เด็กนักเรียนสามารถกลับมาเรียนได้ตามปกติ โดยอาคารดังกล่าวได้รับการออกแบบให้ใช้งานร่วมกับระบบโซล่าเซลล์ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว

การฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด

หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม กระทรวงพลังงานและ กฟผ. ได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในหลายด้าน เช่น:

  • กำจัดโคลน และเศษขยะในพื้นที่อยู่อาศัยและเส้นทางสัญจร
  • ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าและแสงสว่างในพื้นที่ชุมชน
  • ส่งมอบถุงยังชีพ รวมกว่า 15,000 ชุด ซึ่งประกอบด้วยสิ่งของจำเป็น เช่น เตาปิกนิก 1,500 ชุด แก๊สกระป๋อง 3,000 แพ็ค อุปกรณ์จานชาม 1,500 ชุด และชุดไฟนอนนาโซล่าเซลล์ 200 ชุด

นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า “กฟผ. พร้อมสนับสนุนทรัพยากรและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อช่วยเหลือชุมชนให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการนำพลังงานสะอาดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูชุมชนหลังวิกฤต”

ร่วมส่งต่อกำลังใจสู่ชุมชน

การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีผู้แทนจากหลายภาคส่วนร่วมกันส่งมอบความช่วยเหลือ อาทิ นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, ดร.กมล ตรรกบุตร ประธานมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา, นายวิภู พิวัฒน์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ., และจิตอาสาจากกระทรวงพลังงานและ กฟผ.

พลังงานสะอาดเพื่อความยั่งยืนในชุมชนชนบท

กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการช่วยเหลือและฟื้นฟูชุมชนที่ประสบภัยพิบัติ โดยไม่เพียงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังสร้างความยั่งยืนในระยะยาวผ่านการใช้พลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย กระทรวงพลังงานและ กฟผ. ยังยืนยันว่าการช่วยเหลือประชาชนจะดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกครัวเรือนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ พัฒนาใหม่ มุ่งสร้างมาตรฐานระบบราง

ความคืบหน้าโครงการรถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เพิ่มมาตรฐานระบบระบายน้ำ ป้องกันภัยธรรมชาติ

กรมรางเผยโครงการรถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ คืบหน้ากว่า 20% พร้อมพัฒนาระบบระบายน้ำและมาตรการป้องกันภัยธรรมชาติในระบบราง

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นายพิเชฐ คุณธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง อัปเดตความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญเชื่อมโยงภาคเหนือของไทยเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา และจีน โดยโครงการดังกล่าวแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 สัญญา ครอบคลุมระยะทางรวม 323.1 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟทั้งหมด 26 สถานี และระบบทางวิ่งที่ครอบคลุมทั้งระดับพื้นดิน ทางยกระดับ และอุโมงค์คู่ทางเดี่ยว รวม 4 แห่ง ได้แก่ อุโมงค์สอง อุโมงค์งาว อุโมงค์แม่กา และอุโมงค์ดอยหลวง

การพัฒนาระบบระบายน้ำและมาตรการป้องกันภัยธรรมชาติ

โครงการนี้เผชิญกับความท้าทายจากปริมาณน้ำฝนที่สูงในเขตภาคเหนือของไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงสร้างระบบรางในบางพื้นที่ กรมการขนส่งทางรางจึงได้ดำเนินการศึกษามาตรฐานโครงสร้างระบบระบายน้ำและมาตรการลดความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม และทางทรุด โดยได้วิเคราะห์ตัวอย่างภัยพิบัติในระบบรางจากหลายประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และจีน พร้อมทั้งนำไปออกแบบระบบโครงสร้างป้องกัน เช่น ระบบระบายน้ำบริเวณอุโมงค์ ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า และมาตรฐานโครงสร้างเพื่อรองรับแผ่นดินไหว

นายพิเชฐกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการออกแบบมาตรฐานใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่ โครงสร้างระบบระบายน้ำสำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย มาตรฐานโครงสร้างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ (DRT Alert) เพื่อลดผลกระทบจากภัยพิบัติ

จุดเด่นทางเทคนิคและนวัตกรรมใหม่ในโครงการ

หนึ่งในนวัตกรรมที่ใช้ในโครงการนี้คือการก่อสร้างทางลอดใต้ทางรถไฟแบบโค้ง (Railway Arch Culvert) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้คอนกรีตหล่อเสริมเหล็กแบบโค้งสำเร็จรูปจากโรงงาน ช่วยลดปริมาณวัสดุ ลดระยะเวลาการก่อสร้าง และเพิ่มความแข็งแรง สามารถรองรับแรงกดได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับแบบเดิม นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างลานกองเก็บตู้สินค้า (Container Yard) เพื่ออำนวยความสะดวกในการกระจายสินค้าไปยังพรมแดนลาว เมียนมา และจีน

การวางแผนแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติในอนาคต

กรมการขนส่งทางรางยังได้วางแผนแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยคัดเลือกพื้นที่เสี่ยง 10 จุดเพื่อนำมาปรับปรุงระบบระบายน้ำและโครงสร้างทางราง พร้อมจัดทำแผนการดำเนินงานแก้ไขในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถในอนาคต

ความสำคัญของโครงการและประโยชน์ต่อประเทศ

โครงการรถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ นอกจากจะช่วยพัฒนาระบบรางในประเทศแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงโครงข่ายขนส่งในภูมิภาคอาเซียน โดยรองรับทั้งการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้า อันจะส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนในระดับสากล

นายพิเชฐย้ำว่า กรมการขนส่งทางรางให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยธรรมชาติและการบริหารจัดการโครงสร้างระบบราง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบราง ซึ่งโครงการนี้จะช่วยยกระดับการขนส่งของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากลในอนาคต.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายส่งมอบบ่อบาดาลแรกแก้ปัญหาน้ำ ต.วาวี สำเร็จ

อบจ.เชียงรายทำสำเร็จ! เจาะบ่อบาดาลแห่งแรก ต.วาวี อ.แม่สรวย พร้อมใช้จริง

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายสรายุธ ฟูวงศ์ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 1 และนายสมัคร กันจีนะ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดอยช้าง ดำเนินการส่งมอบบ่อบาดาลแห่งแรกในพื้นที่ดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

บ่อบาดาลดังกล่าวมีความลึก 100 เมตร ใช้เครื่องจักรกลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและองค์การบริหารส่วนตำบลวาวี เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ หลังจากที่ชาวบ้านดอยช้างประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาอย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จที่ไม่ง่าย

การขุดเจาะบ่อบาดาลในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่พบอุปสรรคระหว่างการดำเนินการ เช่น ความลึกของชั้นหินและลักษณะดินในพื้นที่ แต่ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก อบจ.เชียงราย และ อบต.วาวี ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสามารถขุดเจาะบ่อบาดาลสำเร็จ ชาวบ้านในพื้นที่จะสามารถใช้น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอ

ชาวบ้านวาวีขอบคุณด้วยความยินดี

ในพิธีส่งมอบบ่อบาดาล นายศรชัย โฆษิตรัตนากร รองประธานสภา อบต.วาวี และนายทวีศักดิ์ อภิเดชกุล ผู้ใหญ่บ้านดอยช้างลีซู เป็นตัวแทนประชาชนรับมอบบ่อบาดาล พร้อมแสดงความยินดีและขอบคุณทีมงานจาก อบจ.เชียงรายที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จนสามารถแก้ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนเผชิญมายาวนาน

อนาคตของระบบน้ำในดอยช้าง

หลังจากการส่งมอบบ่อบาดาลนี้แล้ว จะมีการดำเนินการจัดทำระบบน้ำเพิ่มเติมเพื่อกระจายน้ำไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของตำบลวาวีให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยจะมีการวางแผนเชื่อมโยงระบบน้ำประปาเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างยั่งยืน

นายก อบจ.เชียงรายชื่นชมความร่วมมือทุกฝ่าย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันจนบรรลุผลสำเร็จ พร้อมย้ำว่า อบจ.เชียงรายจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

บ่อบาดาลแห่งแรกของตำบลวาวีนี้ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือและความตั้งใจของทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ชาวดอยช้างและพื้นที่โดยรอบจะได้รับประโยชน์จากน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภคที่รอคอยมานานในที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายร่วมใจสร้างบ้านช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 20 หลังสำเร็จ

โครงการบ้านร่วมใจสร้างบ้านน็อคดาวน์ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย พร้อมด้วย นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเตรียมพื้นที่และตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนการส่งมอบบ้านในโครงการ “บ้านร่วมใจสร้างบ้านน็อคดาวน์เพื่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม”

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือของเรือนจำกลางเชียงราย กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โดยได้รับการสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์จากหลายภาคส่วน รวมถึงเพจอีจัน ซึ่งช่วยจัดหาและสนับสนุนการสร้างบ้านจำนวน 20 หลัง มูลค่าหลังละ 90,000 บาท บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้เป็นบ้านน็อคดาวน์เพื่อการอยู่อาศัยชั่วคราวที่สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่

ที่มาของโครงการบ้านร่วมใจฯ

นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว เปิดเผยว่า โครงการนี้ริเริ่มจากการที่เรือนจำกลางเชียงรายเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บ้านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านจะเด้อ ตำบลดอยฮาง บ้านแคววัวดำ และบ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งบ้านหลายหลังได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้

เรือนจำกลางเชียงรายจึงขอความร่วมมือจากภาคประชาสังคมและภาคเอกชนในการสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์สำหรับการก่อสร้าง ในขณะที่บุคลากรที่เป็นผู้ต้องขังได้รับการฝึกฝนจากเรือนจำได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์ เพื่อเป็นการช่วยเหลือชุมชนและสร้างคุณค่าให้กับตนเอง

ความคืบหน้าของโครงการ

สำหรับบ้านในเฟสที่สองของโครงการนั้น จะมีการส่งมอบจำนวน 13 หลัง ประกอบด้วย บ้านรวมมิตรจำนวน 11 หลัง บ้านริมกกจำนวน 1 หลัง และบ้านเมืองงิม ตำบลริมกกอีก 1 หลัง โดยกำหนดส่งมอบในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เตรียมส่งมอบบ้านอย่างเป็นทางการ

ในวันส่งมอบบ้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้าน ณ บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าของโครงการและตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำหนดการตรวจราชการหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567

แผนการดำเนินงานในอนาคต

หลังจากการส่งมอบบ้านในเฟสที่สองแล้ว จะมีการก่อสร้างบ้านอีก 3 หลังสุดท้ายในพื้นที่บ้านแคววัวดำและบ้านรวมมิตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางเดือนธันวาคม 2567

ผลกระทบที่คาดหวัง

โครงการบ้านร่วมใจฯ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนที่ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนโครงการนี้ นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ทรัพยากรและกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน

สำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารและผลการดำเนินโครงการ สามารถเข้าร่วมพิธีส่งมอบบ้านได้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ณ บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งนอกจากการส่งมอบบ้านแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะได้เห็นถึงความสำเร็จของการสร้างบ้านเพื่อผู้ประสบภัยในชุมชนโดยใช้เวลาและทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบทุนการศึกษา เติมโอกาสให้เยาวชนขาดทุนทรัพย์

อบจ.เชียงรายมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่เยาวชนในพื้นที่ อ.พาน อ.ป่าแดด อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ โรงเรียนบ้านโป่งนก อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือและทุนการศึกษา ตามโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการว่า

“อบจ.เชียงราย ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชน โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอนาคตของจังหวัดเชียงราย”

บุคคลสำคัญร่วมงานและสนับสนุนโครงการ

ในพิธีดังกล่าว มีบุคคลสำคัญในวงการการศึกษาและการปกครองเข้าร่วมหลายท่าน ได้แก่

  • นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย
  • นายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย
  • นายเอกชัย จันทาพูน รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
  • นายวีระเดช โรจนคีรีสันติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสันสลี
  • นายอนุชา กาบสนิท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโป่งนก
  • นางกฤติกา คงชม ผู้อำนวยการโรงเรียนปางมะกาด

พร้อมด้วยผู้นำท้องที่และท้องถิ่น รวมถึงคณะครู นักเรียน และผู้ปกครองในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแสดงความขอบคุณและร่วมเป็นกำลังใจให้กับนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา

โครงการทุนการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต

อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 5,000,000 บาท สำหรับโครงการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.พาน, อ.ป่าแดด, อ.แม่สรวย, และ อ.เวียงป่าเป้า

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ที่สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษา และการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561

การสนับสนุนที่ครอบคลุม

โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และช่วยให้นักเรียนสามารถศึกษาเล่าเรียนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนในพื้นที่มีความมุ่งมั่นในเส้นทางการศึกษา โดยการจัดสรรเงินทุนได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและโปร่งใสตามงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติ

ความสำคัญของการศึกษาในระดับท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาชีวิตคนในสังคม อบจ.เชียงรายจะมุ่งมั่นในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนในพื้นที่ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ และสามารถพัฒนาท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน”

โครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับการศึกษาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ของดีเมืองแม่สาย 2567 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างสีสันการท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด 2567 คึกคัก ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวแม่สาย

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 20.00 น. ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงาน “ของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด ประจำปี 2567” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย โดยมีนายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอแม่สาย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ไฮไลต์ในงานของดีเมืองแม่สาย 2567

งานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยรวบรวมกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของอำเภอแม่สายและจังหวัดเชียงราย อาทิ

  1. การประกวดรำวงย้อนยุค
    การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เน้นการอนุรักษ์เอกลักษณ์พื้นบ้านให้คงอยู่ พร้อมกับการแสดงฝีมือของชุมชนในพื้นที่

  2. การประกวดนางงามเหนือสุดแดนสยาม (Miss Maesai)
    การประกวดนางงามที่เปิดโอกาสให้หญิงสาวในพื้นที่แสดงความสามารถและความงาม พร้อมชูเอกลักษณ์ของอำเภอแม่สาย

  3. การประกวดนางฟ้าจำแลง
    เวทีสำหรับการแสดงความสามารถของกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับและความสนใจจากผู้ร่วมงาน

  4. การประกวดร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงไทใหญ่
    การแข่งขันที่เปิดโอกาสให้คนในชุมชนและเยาวชนได้แสดงความสามารถด้านดนตรี และเชื่อมโยงวัฒนธรรมไทใหญ่เข้ากับงานท้องถิ่น

  5. อาหารและสินค้านานาชาติ 4 ภาค
    โซนจำหน่ายอาหารและสินค้าท้องถิ่นที่สะท้อนความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย รวมถึงอาหารจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาและลาว

  6. สวนสนุกจากต่างประเทศและการแสดงศิลปินชื่อดัง
    ความสนุกสนานจากสวนสนุกขนาดใหญ่ และการแสดงสดจากนักร้องแนวหน้าของประเทศไทย สร้างบรรยากาศให้คึกคักตลอดทั้งคืน

การจัดงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาดในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สาย หลังจากที่พื้นที่นี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายก อบจ.เชียงราย ร่วมสนับสนุนและผลักดันชุมชน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวระหว่างการพบปะประชาชนในงานว่า “การจัดงานนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้แสดงศักยภาพของคนแม่สาย และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีโอกาสสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตไปพร้อมกัน”

การตอบรับจากประชาชนและนักท่องเที่ยว

งานของดีเมืองแม่สายได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมียนมาและลาวที่เดินทางข้ามพรมแดนมาร่วมงาน ภายในงานยังมีกิจกรรมเพื่อการกุศล เช่น การระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และสนับสนุนการศึกษาในพื้นที่

งานกาชาดที่เต็มไปด้วยสีสันและความหมาย

ในส่วนของงานกาชาด ประจำปี 2567 มีการจัดบูธกิจกรรมเพื่อการกุศล การออกร้านจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มแม่บ้านและชุมชน และการจำหน่ายสลากกาชาดเพื่อหารายได้สนับสนุนกิจกรรมทางสังคม

ภาพรวมและความสำคัญของงาน

งานของดีเมืองแม่สายและงานกาชาด ประจำปี 2567 ไม่เพียงแต่สร้างความสุขและความบันเทิงให้กับผู้ร่วมงาน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคได้อย่างยอดเยี่ยม งานนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความร่วมมือของคนแม่สายในการฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในอนาคต

งานจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกแม่ยาวลงพื้นที่ช่วยผู้ป่วย-พัฒนาถนน เชื่อมชุมชน

นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาวลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยและสำรวจโครงการพัฒนาถนน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมด้วยทีมบริหาร เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากบ้านพนาสวรรค์ หมู่ที่ 13 ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ในพื้นที่ พร้อมนำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้ผู้ป่วยเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น

ในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. คณะทำงานได้เดินทางไปยังบ้านผาสุก หมู่ที่ 20 เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ใหญ่บ้านและพี่น้อง อสม. ในพื้นที่ ทั้งนี้ นายอภิรักษ์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพผู้ป่วยในชุมชนและการสร้างเครือข่ายความช่วยเหลือในระดับหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เวลา 14.30 น. นายอภิรักษ์และทีมงานได้ลงพื้นที่สำรวจโครงการพัฒนาถนนคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณระหว่างบ้านพนาสวรรค์ไปยังบ้านอาเกอะ หมู่ที่ 13 เพื่อดูความคืบหน้าในการดำเนินงาน โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาชุมชนที่มุ่งเน้นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ให้เอื้อต่อการเดินทางและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน นายอภิรักษ์ได้กล่าวว่า ถนนสายนี้เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมระหว่างหมู่บ้าน โดยการก่อสร้างจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ลดปัญหาฝุ่นละอองในช่วงฤดูแล้ง และช่วยให้การขนส่งผลผลิตทางการเกษตรเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน

ในระหว่างการลงพื้นที่ นายอภิรักษ์ได้พูดคุยกับประชาชนในชุมชนถึงปัญหาและความต้องการในพื้นที่ พร้อมให้คำมั่นว่าทางเทศบาลตำบลแม่ยาวจะดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการดูแลประชากรในกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โครงการในครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการบริหารงานที่เน้นการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ทั้งในด้านสุขภาพและสาธารณูปโภค เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความร่วมมือในชุมชนอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลตำบลแม่ยาว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News