Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เตรียมรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

อำเภอแม่จัน เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  เวลา 10.30 น. ณ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมเตรียมการรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานดินบรรจุศพ พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (เย็นเต็ก) ณ วัชระเจดีย์บรรจุสรีระ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 

การประชุมเตรียมความพร้อม

การประชุมในครั้งนี้มีพระคณาจารย์จีนธรรมชิรานุวัตร ปลัดขวาจีนนิกาย เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และนายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานร่วมในการประชุม พร้อมด้วย พล.ท. ฉกาจ ประสงค์ ราชองครักษ์ประจำพระองค์ นายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ตำรวจวัง เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

บทบาทของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้รับมอบหมายภารกิจในการสนับสนุนการปฏิบัติงานพิธีของกองพระราชพิธี ในระหว่างวันที่ 23 – 24 กุมภาพันธ์ 2568

วาระการประชุม

วาระสำคัญของการประชุมในวันนี้ คือการเตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับการรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีการหารือในรายละเอียดต่างๆ อาทิ การจัดเตรียมสถานที่ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาร่วมงาน การรักษาความปลอดภัย การจราจร และการประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ ยังมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

ความสำคัญของวัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม

วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม เป็นวัดที่มีความสำคัญในพื้นที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย การเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาและการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย

การเตรียมงานอย่างรอบคอบ

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การรับเสด็จฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และเป็นที่ประทับใจของผู้มาร่วมงานทุกท่าน การเตรียมงานอย่างรอบคอบในครั้งนี้ จะส่งผลให้การจัดงานเป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

การประชุมในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ที่ร่วมกันทำงานเพื่อเตรียมการรับเสด็จฯ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดงานเป็นไปด้วยความสมบูรณ์และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

สรุป

การประชุมเตรียมการรับเสด็จฯ ในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมในทุกด้านสำหรับการเสด็จพระราชดำเนินของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะทำให้การจัดงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และสร้างความประทับใจแก่ผู้มาร่วมงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

ม.พะเยา สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมือง

มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมืองและสืบสานประเพณี

พะเยา, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” ณ “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นประธานในพิธีเปิดป้าย “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” และร่วมเก็บดอกฝ้ายกับคณะผู้บริหาร บุคลากร นิสิต และเครือข่ายฝ้ายหลวง

ความร่วมมือในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองกิจการนิสิต และโครงการวิจัย “โครงการวิจัยและพัฒนาฝ้ายหลวงเพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนสู่ชุมชน” ซึ่งได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี พ.ศ. 2567 โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพันธุ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองประเภทฝ้ายยืนต้นในภาคเหนือ เพื่อรวบรวมอนุรักษ์พันธุ์ฝ้ายหลวง ตลอดจนส่งเสริมพัฒนายกระดับฝ้ายหลวงสู่เศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่น

การเก็บดอกฝ้ายเพื่อสืบสานประเพณี

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นการเก็บดอกฝ้ายที่กำลังออกผลผลิตเต็มที่ตามฤดูกาล เพื่อส่งมอบให้กับเครือข่ายวิจัยฝ้ายหลวงจาก 10 กลุ่มชุมชน นำไปจัดทำเป็น “ต้นฝ้ายหลวงปูรณฆฏะ” อันเป็นเครื่องสักการะที่จะใช้ในพิธีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุเจ้าจอมทอง เวียงพะเยา เนื่องในประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็งต่อไป

ประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็ง

ประเพณีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุจอมทอง ถือเป็นประเพณีที่ดีงามและเก่าแก่ของเมืองพะเยา จัดขึ้นในเดือน ๖ เป็ง (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖) ตามปฏิทินของล้านนา ขบวนแห่เครื่องสักการะและผ้าห่มองค์พระธาตุ จะถูกนำขึ้นไปเพื่อสักการะองค์พระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นองค์พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพะเยา มีอายุมากกว่า 700 ปี

ความสำคัญของดอกฝ้ายคำหรือดอกสุพรรณิการ์

ดอกฝ้ายคำ หรือดอกสุพรรณิการ์ มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้ ดอกจะบานในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี มีความเชื่อกันว่า หากปลูกต้นสุพรรณิการ์ไว้ประจำบ้าน จะช่วยทำให้ผู้ปลูกได้รับความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเงินทองและโภคทรัพย์

สรุป

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองของภาคเหนือ และเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของเมืองพะเยา นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : งานสื่อสารองค์กร ม.พะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“คาราวานมาเหนือ” กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

“คาราวานมาเหนือ” เปิดตัวยิ่งใหญ่ กระตุ้นท่องเที่ยว 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “คาราวานมาเหนือ” อย่างเป็นทางการ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยงในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน

ความพร้อมของเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยว

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในการรองรับนักท่องเที่ยวว่า เชียงรายเป็นจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทย มีพรมแดนติดกับสองประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ภูมิประเทศของจังหวัดเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับกับที่ราบลุ่มแม่น้ำ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามและสมบูรณ์ พร้อมทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่หลากหลาย อาทิ วัดร่องขุ่น วัดมิ่งเมือง วัดร่องเสือเต้น วัดห้วยปลากั้ง และจุดชมวิวสำคัญอย่างสามเหลี่ยมทองคำ ดอยตุง และภูชี้ฟ้า ที่นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศหนาวเย็นและวิวทิวทัศน์อันตระการตา นอกจากนี้ เชียงรายยังเป็นจังหวัดที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยมีชนเผ่ากว่า 30 กลุ่ม เช่น อาข่า ม้ง กะเหรี่ยง ไทลื้อ และไทใหญ่ ส่งผลให้มีเอกลักษณ์ทางศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร และวิถีชีวิตที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จังหวัดเชียงรายพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ด้วยระบบขนส่งที่สะดวกสบาย โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดคาราวานในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมภาพลักษณ์ของเชียงรายให้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางทั่วโลก

รายละเอียดของกิจกรรม “คาราวานมาเหนือ”

นางวิภาวี ลีไพบูลย์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจังหวัดต่าง ๆ เข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน 2 ผ่านเส้นทางท่องเที่ยว โดยมีการออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละจังหวัด ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ท้องถิ่น กิจกรรม “คาราวานมาเหนือ” จะจัดขึ้นตลอดเดือนมีนาคม 2568 ครอบคลุมทั้ง 4 จังหวัด โดยมีอินฟลูเอนเซอร์และนักเดินทางชื่อดังร่วมเดินทางในเส้นทางต่าง ๆ ได้แก่

  • น่าน – แพร่ (7-9 มีนาคม 2568): นำโดย คุณลีโอ พุฒิ, คุณต้า เผ่าพล และคุณเร แม็คโดแนลด์ (รายการเร่ร่อน)
  • เชียงราย – พะเยา (14-16 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเร แม็คโดแนลด์
  • เชียงราย – พะเยา (21-23 มีนาคม 2568): นำโดย คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ (วิวไฟน์เดอร์)
  • น่าน – แพร่ (28-30 มีนาคม 2568): นำโดย คุณเบนซ์ ถาวร ภัสสรสิริกุล (เบนซ์ไกจิน – แบกเป้เที่ยวคนเดียว)

ทั้งนี้ คาราวานจะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารสำคัญในพื้นที่ พร้อมเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวในอนาคต

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

นายสุขสันต์ เพ็งดิษฐ์ ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย กล่าวว่า สำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.) เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงราย ผ่านกิจกรรมคาราวานเชื่อมโยงเส้นทางสร้างสรรค์ เชียงรายในฐานะเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของยูเนสโก (UCCN) มีศักยภาพโดดเด่นด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสถาปัตยกรรมล้านนา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ อพท. ที่มุ่งพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยใช้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เป็นแนวทางในการพัฒนา อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญภายใต้โครงการนี้ คือ การศึกษาเส้นทางสร้างสรรค์ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 15-18 มกราคม 2568 ซึ่งช่วยให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้เรียนรู้เพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

สรุป

โครงการ “คาราวานมาเหนือ” เป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่คาราวานท่องเที่ยว เส้นทางสร้างสรรค์ จนถึงกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบครบวงจร ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : คาราวานมาเหนือ หรือโทร 053 716 434

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก ผลกระทบและความท้าทาย

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก: ผลกระทบจากการตัดไฟของไทย

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 – บรรยากาศบริเวณชายแดนแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างคึกคัก แม้จะมีคำสั่งให้ตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังเมียนมาก็ตาม ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ด่านพรมแดน อำเภอแม่สาย การข้ามไปมาของผู้คนสองฝั่งยังคงเป็นไปอย่างปกติ มีทั้งรถรับส่งนักเรียน พ่อค้าแม่ค้า และประชาชนที่มาซื้อสิ่งของและทำธุระกันอย่างหนาแน่น เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจตราการเข้าออกอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมาย

การตัดไฟตามคำสั่งรัฐบาล

เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฏฐ์คเนศ จรัสรวีสิริกุล ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย ได้นำเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดไฟที่สะพานไฟบริเวณหน้าด่านพรมแดนแห่งที่ 1 ตามคำสั่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเด็นการตัดไฟในพื้นที่ชายแดนไทย – เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีทั้งสิ้น 5 จุด

นายณัฏฐ์คเนศ จรัสรวีสิริกุล กล่าวว่า การตัดไฟในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบกับทางท่าขี้เหล็ก เนื่องจากใช้ไฟจากไทยเป็นหลัก แต่ก็มีไฟอีกส่วนหนึ่งที่มาจาก สปป.ลาว อย่างไรก็ตาม หลังจากตัดไฟแล้วคาดว่า ทาง สปป.ลาว ต้องมีการแก้ไขในระบบการส่งไฟฟ้า ซึ่งอาจจะติดขัดทำให้ในตัวเมืองท่าขี้เหล็กไม่สามารถใช้งานได้อีกประมาณ 3-5 วัน

ประชาชนท่าขี้เหล็กแห่ซื้อน้ำมัน

ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ประชาชนท่าขี้เหล็ก เมียนมา ต่างพากันออกมาซื้อน้ำมันเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปั่นไฟ หลังจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการตัดไฟ การตัดไฟในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบกับทางท่าขี้เหล็กอย่างหนัก

ประกาศจากทางการเมียนมา

ล่าสุดแหล่งข่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้รายงานว่า หลังจากที่มีการตัดไฟฟ้าแล้ว ประชาชนในจังหวัดท่าขี้เหล็กต่างพากันออกมาซื้อน้ำมันเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องปั่นไฟ ทำให้รถติดยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร

ด้านทางการเมียนมาได้มีประกาศว่า “ประเด็นเรื่องการจำหน่ายไฟฟ้าทางเลือกคณะกรรมการขับเคลื่อนไฟส่องสว่างในเมือง (ธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้า) ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของท่าขี้เหล็ก รับและจำหน่ายไฟฟ้า (20 เมกะวัตต์) จากประเทศไทยในอดีต แต่ตอนนี้ได้รับไฟฟ้าเพิ่ม (30 เมกะวัตต์) จากประเทศลาวและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว (50 เมกะวัตต์) เนื่องจากสถานการณ์ล่าสุดไฟฟ้าที่ได้รับจากประเทศไทย (20 เมกะวัตต์) ถูกตัดออกอย่างกะทันหัน แต่เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้ตามปกติ จึงจะมีการต่ออายุและทดแทนไฟฟ้าจากลาว (30 เมกะวัตต์) อาจมีไฟฟ้าดับ”

ทางการเมียนมายังระบุว่า จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับโดยเร็วที่สุด

ผลกระทบต่อประชาชน

การตัดไฟฟ้าในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวท่าขี้เหล็กเป็นอย่างมาก หลายครัวเรือนไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ ธุรกิจต่างๆ ต้องหยุดชะงัก การดำรงชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความยากลำบาก

การแก้ไขปัญหา

ทางการเมียนมาได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับ โดยการเพิ่มปริมาณไฟฟ้าจากประเทศลาว และวางแผนที่จะปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในเมือง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและเมียนมาในด้านพลังงาน การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

สถานการณ์ล่าสุด

สถานการณ์ล่าสุดในท่าขี้เหล็กยังคงตึงเครียด ประชาชนยังคงประสบปัญหาไฟฟ้าดับอย่างต่อเนื่อง การแก้ไขปัญหาของทางการเมียนมายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

บทสรุป

วิกฤตการณ์ไฟฟ้าดับท่าขี้เหล็ก เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา การแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE SOCIETY & POLITICS

ป้องกันความมั่นคง ไทยยุติส่งไฟฟ้า 5 จุดชายแดนเมียนมา

ประเทศไทยยุติการส่งไฟฟ้าไปยังเมียนมา 5 จุด เพื่อความมั่นคงของชาติ

กรุงเทพฯ, 5 กุมภาพันธ์ 2568 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการยุติการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังเมียนมาใน 5 จุดชายแดน ตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

การดำเนินการนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานใหญ่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการ กฟภ. ร่วมเป็นสักขีพยาน

การตัดกระแสไฟฟ้าทั้ง 5 จุดใช้ระบบสั่งการอัตโนมัติควบคุมระยะไกล โดยทันทีที่กดปิดระบบ แผงวงจรที่แสดงบนหน้าจอจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว และจำนวนวัตต์ที่จ่ายไฟจะเปลี่ยนเป็น 0 แอมป์ทันที

จุดที่ถูกยุติการส่งไฟฟ้า ได้แก่:

  1. บ้านพระเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู รัฐมอญ
  2. สะพานมิตรภาพไทย-พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
  3. บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน
  4. สะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 – เมืองเมียวดี
  5. บ้านห้วยม่วง – เมืองเมียวดี

รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ถูกยุติการส่งทั้งสิ้น 20.37 เมกะวัตต์

นายอนุทินกล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามมติของ สมช. ที่ประชุมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งพบว่าการส่งไฟฟ้าไปยังเมียนมามีการนำไปใช้ไม่เป็นไปตามสัญญา และส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ

“เมื่อมีข้อสั่งการที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยและ กฟภ. ก็สามารถดำเนินการได้ทันที” นายอนุทินกล่าว

การยุติการส่งไฟฟ้าในครั้งนี้อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้ประมาณ 600 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% ของรายได้รวมจากการขายไฟฟ้า ซึ่งนายอนุทินระบุว่าเป็นการเสียสละที่คุ้มค่าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน

“การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามสัญญาข้อที่ 14 ที่กำหนดว่าหากจ่ายไฟฟ้าไปแล้วเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานและความมั่นคงของชาติ สามารถงดจ่ายไฟได้” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่เมียนมาอาจร้องขอซื้อไฟฟ้าใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า “รัฐบาลสั่งให้หยุดเพราะเมียนมานำกระแสไฟฟ้าไปใช้ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อไทยด้วย เขาจึงต้องไปแก้ไขและต้องมีการเจรจาใหม่”

การยุติการส่งไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นมาตรการที่มุ่งเน้นการป้องกันและจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน ซึ่งรวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติที่อาจใช้พลังงานไฟฟ้าในการดำเนินกิจกรรม

นายอนุทินย้ำว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประชาชนชาวเมียนมาโดยตรง แต่เป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน

“เรายังคงให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการเมียนมาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเหมาะสมต่อไป” นายอนุทินกล่าว

การยุติการส่งไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

การดำเนินการครั้งนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมของประเทศไทยในการดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

การยุติการส่งไฟฟ้าไปยังเมียนมาในครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

การดำเนินการครั้งนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมของประเทศไทยในการดำเนินมาตรการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายร่วมมือ 12 หน่วยงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านบำบัดและส่งเสริมอาชีพ

เชียงรายเดินหน้าขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกระบวนการบำบัดและส่งเสริมอาชีพ

เชียงราย, 4 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมลงนามกับเทศบาลนครเชียงรายและภาคีเครือข่าย 12 หน่วยงาน เดินหน้าขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกระบวนการบำบัดและการส่งเสริมอาชีพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคม ลดปัญหาการกระทำผิดซ้ำ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้มั่นคงยั่งยืน

การบูรณาการร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ห้องประชุมสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ร่วมประชุมกับภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในหลายมิติ

การประชุมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศาลแขวงเชียงราย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พัฒนาการจังหวัด เกษตรจังหวัด แรงงานจังหวัด วิทยาเขตเชียงราย มหาวิทยาลัยพะเยา และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางการดำเนินงาน “เทศบาลนครเชียงราย โมเดล”

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายจะเป็นหน่วยงานนำร่องในการขับเคลื่อนโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้แนวทาง บำบัด-ฟื้นฟู-ส่งเสริมอาชีพ” อย่างครบวงจร

  • บำบัดและฟื้นฟู: จัดให้มีศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ให้ได้รับการดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการให้คำปรึกษาเพื่อปรับทัศนคติและสร้างแรงจูงใจในการกลับคืนสู่สังคม
  • ส่งเสริมอาชีพ: ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันให้การสนับสนุนด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมทักษะ สร้างโอกาสการจ้างงาน และให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ผู้ที่ผ่านการบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า “เทศบาลนครเชียงรายพร้อมเป็นศูนย์กลางในการดำเนินโครงการนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถึงแม้จะเป็นโครงการใหม่ แต่เรามั่นใจว่าทุกภาคส่วนพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองได้มีชีวิตใหม่ และสามารถดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นคง”

การสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างสังคมปลอดยาเสพติด

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการประสานงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยแต่ละหน่วยงานมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงาน เช่น

  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย: ดูแลด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด
  • โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์: ให้บริการทางการแพทย์และให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต
  • พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย: สนับสนุนด้านสวัสดิการและการฟื้นฟูผู้ผ่านการบำบัด
  • สำนักงานแรงงานจังหวัดเชียงราย: สนับสนุนการจ้างงานและพัฒนาอาชีพ
  • มหาวิทยาลัยพะเยา และ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย: ให้ความรู้และฝึกอบรมอาชีพ

บทสรุป

การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดเชียงรายในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการ โดยเน้นการบำบัด ฟื้นฟู และส่งเสริมอาชีพ เพื่อลดอัตราการกลับไปเสพยาเสพติดซ้ำ และช่วยให้ผู้ผ่านการบำบัดสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชื่อว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในชุมชนได้อย่างยั่งยืน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการ “เทศบาลนครเชียงราย โมเดล” มีเป้าหมายอะไร?
    • มีเป้าหมายเพื่อบำบัด ฟื้นฟู และส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการกลับตัวเป็นคนดีของสังคม
  2. ใครสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้บ้าง?
    • ผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติดและต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ รวมถึงประชาชนที่ต้องการสนับสนุนและร่วมมือกับภาครัฐ
  3. หน่วยงานใดมีบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการนี้?
    • หน่วยงานภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น เทศบาลนครเชียงราย สาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยในพื้นที่
  4. โครงการนี้ช่วยลดปัญหายาเสพติดในเชียงรายได้อย่างไร?
    • โดยใช้แนวทางบำบัดที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้โอกาสทางอาชีพเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ผ่านการบำบัดกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก
  5. ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้หรือไม่?
    • ได้ โดยสามารถเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร สนับสนุนการฝึกอบรมอาชีพ หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมปลอดยาเสพติด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

กรมทางหลวงเปิดเส้นทางใหม่ เชื่อมเชียงราย-เชียงของ ยกระดับเศรษฐกิจภาคเหนือ

ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ เปิดใช้แล้ว รองรับเศรษฐกิจและท่องเที่ยวภาคเหนือ

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 – กรมทางหลวง (ทล.) เปิดให้บริการ ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ อย่างเป็นทางการ หลังดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายเส้นทางระหว่าง อำเภอเทิง – บ้านต้า จังหวัดเชียงราย ระยะทาง 16 กิโลเมตร เสร็จสมบูรณ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาคเหนือ

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการเดินทาง การค้า และการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงการค้าชายแดนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจ R3A (ไทย – ลาว – จีน)

เส้นทางยุทธศาสตร์ เชื่อมไทย – ลาว – จีน เสริมศักยภาพเศรษฐกิจชายแดน

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ทางหลวงหมายเลข 1020 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมระหว่าง จังหวัดเชียงราย – อำเภอเชียงของ – ประเทศเพื่อนบ้าน และเป็น เส้นทางยุทธศาสตร์ เชื่อมโยงกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ – ห้วยทราย) และท่าเรือเชียงแสน

โครงการนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพ การค้าชายแดน และรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นทางเชื่อมหลักสู่ประเทศจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว ซึ่งเป็น ประตูเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคอาเซียน

โครงสร้างใหม่ 4 ช่องจราจร พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด

กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างปรับปรุงจาก ถนนขนาด 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) พร้อม ผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต และ เกาะกลางยกระดับ (Raised median) เพื่อแยกทิศทางการจราจร ลดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัย

โครงการยังรวมถึง

  • การติดตั้งไฟส่องสว่าง ตลอดเส้นทาง
  • การก่อสร้างทางเท้าในพื้นที่ชุมชน
  • มาตรฐานโครงสร้างพิเศษ รองรับน้ำหนักขนส่งสินค้าได้มากขึ้น

โครงการใช้งบประมาณรวม 898.9 ล้านบาท และเปิดให้ประชาชนใช้เส้นทางเรียบร้อยแล้ว

สนับสนุนเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวภาคเหนือ

โครงการนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพด้าน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว โดยเป็นทางเชื่อมระหว่างแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จังหวัดเชียงราย เช่น

  • อุทยานแห่งชาติภูซาง
  • ภูชี้ฟ้า
  • ดอยผาตั้ง
  • แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมใน สปป.ลาว

นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางเข้าออกพื้นที่ชายแดน และรองรับนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างธุรกิจในภาคเหนือ

สอดคล้องกับยุทธศาสตร์คมนาคมแห่งชาติ

โครงการนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 – 2564) และยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ. 2558 – 2565)

นโยบายของ กระทรวงคมนาคม ภายใต้การนำของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนและธุรกิจในภูมิภาค

กรมทางหลวงย้ำความพร้อมให้บริการ

กรมทางหลวงยืนยันว่าเส้นทางดังกล่าวพร้อมให้บริการประชาชน เพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง หรือแจ้งเหตุด่วนระหว่างการเดินทาง สามารถติดต่อ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง)

สรุปข่าว

  • กรมทางหลวง เปิดใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ อย่างเป็นทางการ
  • เสริมศักยภาพเศรษฐกิจชายแดน เชื่อมไทย – ลาว – จีน รองรับการค้าและการขนส่ง
  • ขยายเป็น 4 ช่องจราจร พร้อมโครงสร้างถนนมาตรฐานสูง เพิ่มความปลอดภัย
  • เชื่อมโยงแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญในเชียงราย และรองรับการเติบโตของการค้าและการลงทุน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

#ฅนเจียงฮาย EP.06 : หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

คอลัมน์ #ฅนเจียงฮาย EP.06 :หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

น้องจุนเจือ” คว้าตำแหน่งธิดาดอย 2568 ตัวแทนความงามและวัฒนธรรมเวียงแก่น

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568  ในงานพ่อขุนเม็งรายมหาราชและงานกาชาดจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เวทีกลางของงาน “น้องจุนเจือ” หรือ นางสาวณัฐมน ธาดา นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง วัย 22 ปี คว้าตำแหน่ง ธิดาดอย ประจำปี 2568″

นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย เป็นผู้มอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศจากการประกวด ซึ่งมีสาวงามจาก 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมแข่งขัน โดย น้องจุนเจือ ได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าสายสะพาย พร้อมเงินรางวัล 25,000 บาท

รองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของ นางสาวภวพร ทองเต็ม จากอำเภอพาน รับรางวัล 20,000 บาท ขณะที่ นางสาวรติมา แซ่วื้อ จากอำเภอแม่จัน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินสด 15,000 บาท และ นางสาวสุดาพร แลเช่อ จากอำเภอเมืองเชียงราย ได้รับรางวัล ขวัญใจชาวดอย” พร้อมเงินสด 15,000 บาท

แรงบันดาลใจจาก “ธิดาส้มโอ” สู่ “ธิดาดอย”

น้องจุนเจือ เปิดเผยว่า แรงบันดาลใจในการเข้าร่วมการประกวดธิดาดอยครั้งนี้มาจาก การได้รับตำแหน่ง “ธิดาส้มโอ” ของอำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่มากกว่าปีละ 10,000 ตัน

หลังจากได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอ หนูอยากใช้เวทีนี้ประชาสัมพันธ์อำเภอเวียงแก่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในด้านผลผลิตเกษตร แหล่งท่องเที่ยว และวัฒนธรรม”

สวัสดีค่ะน้องจุนเจือ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งธิดาดอยนะคะ ช่วยแนะนำตัวเองให้พวกเราได้รู้จักหน่อยค่ะ

ข่อยของข่อย อีนาง จุนเจือ จื่อแต๊นางสาวนัทธมน เครื่อเชื้อ พาดา ปะเดียวนี้อายุ 22 ปี หอเฮือนที่ตั้งปักอยู่ อำเภอพาน มีเชื้อสายไตยลื้อมาต่างแม่เฒ่าม่อน ปะเดียวนี้กำลังเฮียนอยู่ตี้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชาการจัดการ สาขาธุรกิจการบิน ชั้นปีที่4

อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้น้องจุนเจือตัดสินใจลงสมัครประกวดธิดาดอยคะ

เพราะน้องจุนเจือได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอของอำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อและทำรายได้ให้คนเวียงแก่นและคนเชียงรายเป็นอย่างดี และยังส่งออกไปยังหลายๆประเทศๆ มากว่า 1 หมื่นตัน ซึ่งน้องจุนเจือได้รับตำแหน่งธิดาส้มโอมา มีแรงบันดาลใจอยากใช้ตำแหน่งที่ได้มาช่วยประชาสัมพันธุ์ ของดีอำเภอเวียงแก่น ให้คนในประเทศและนอกประเทศได้รับรู้ว่าเวียงแก่นมีดีขนาดไหน ทั้งเชิงผลผลิตทางเกษตร เชิงทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมชาติพันธุ์ 

น้องจุนเจือดีใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของชาวอำเภอเวียงแก่นและได้เข้าการประกวดธิดาดอยงานพ่อขุนประจำปี 2568 น้องจุนเจือมีเชื้อสายไตยลื้อ เข้าร่วมการประกวดครั้งนี้ เพราะชุดไทยลื้อนั่นมีหลากหลาย เพราะว่าถิ่นกำเนิดของชายไตยลื้อมีอยู่ที่ สิบสองปันนา 

ซึ่งสิบสองปันนาจะมีชุดไตยลื้อที่แตกต่างกันออกไป ที่น้องจุนเจือได้ใส่นั้นเป็นชุดไตยลื้อเมืองอู่ ที่มีการเกล้าผมสูงมวยจุก ปักปิ่นลื้อ ดอกไม้ตามพื้นที่ นิยมเป็นดอกไม้สีขาว หรือคนไตยลื้อเรียกว่า ดอกซ่อนฮ่อ หรือดอกเกล็ดถะวา ปกผ้าคาดหัวหรือผ้าคาดหัวสีขาว  ใส่เสื้อปัดผ้าฝ้ายฮำ ใส่ซิ่นดอกจกหลวง ที่หัวซิ่นสีเขียว ตีนซิ่นผ้าฝ้ายฮำ น้องจุนเจือคิดว่าชุดไตยลื้อที่น้องได้มาใส่ในครั้งนี้เป็นที่งามและเป็นเอกลักษณ์ของพ่อแม่พี่น้องชาวไตยลื้อเวียงแก่น 

น้องจุนเจือเห็นผู้เข้าร่วมประกวดหรือท่านกรรมการแขก หลายๆท่านได้มีการสวมใส่ชุดไตยลื้อ หรือ ผ้าซิ่นไตยลื้อ นี่ล่ะค่ะคือสิ่งที่น้องจุนเจือคิดว่าชุดไตยลื้อจะอยู่ในความทรงจำของหลายท่านที่ได้สวมใส่

น้องจุนเจือมีความรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้รับตำแหน่งธิดาดอยในครั้งนี้คะ

การได้รับตำแหน่งธิดาดอยในครั้งนี้ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจและตื้นตันใจมากค่ะ เพราะมันเป็นโอกาสที่ได้เป็นตัวแทนของชุมชนไทลื้อและได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่และรักษามรดกทางวัฒนธรรมค่ะ

น้องจุนเจือคิดว่าอะไรคือเสน่ห์หรือจุดเด่นของตัวเองที่ทำให้ได้รับเลือกเป็นธิดาดอยคะ

เสน่ห์ของตัวเองที่ทำให้ได้รับตำแหน่งธิดาดอยครั้งนี้คือความมั่นใจและความรักในวัฒนธรรมของตนเองค่ะ การที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองและความเคารพในประเพณีและวัฒนธรรมของไทลื้อช่วยให้คนเห็นและยอมรับได้ค่ะ

มีใครหรือสิ่งใดที่เป็นแรงผลักดันหรือกำลังใจสำคัญที่ทำให้น้องจุนเจือประสบความสำเร็จในการประกวดครั้งนี้คะ

แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้คือครอบครัวค่ะ โดยเฉพาะพ่อแม่ที่คอยสนับสนุนและสอนให้รู้ถึงคุณค่าของการรักษาและส่งต่อวัฒนธรรมค่ะ

น้องจุนเจือมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับงานพ่อขุนประจำปี และคิดว่างานนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมของจังหวัดคะ

งานพ่อขุนประจำปีมีความสำคัญมากค่ะ เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและช่วยสืบสานประเพณีดั้งเดิมของแต่ละชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีค่าของจังหวัดเชียงรายค่ะ

ในฐานะที่เป็นธิดาดอย น้องจุนเจือมีเป้าหมายหรือความตั้งใจอย่างไรในการทำหน้าที่นี้คะ

ในฐานะธิดาดอย น้องจุนเจือมีเป้าหมายที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน โดยการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมชาติพันธุ์ รวมถึงการใช้ตำแหน่งนี้ในการช่วยเหลือและส่งเสริมชุมชนให้เข้มแข็งค่ะ

น้องจุนเจือคิดว่าอะไรคือคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นธิดาดอยที่ดีคะ

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการเป็นธิดาดอยที่ดีคงเป็นความเมตตาและความอ่อนน้อมค่ะ เพราะการแสดงออกถึงความจริงใจและการใส่ใจในผู้อื่นจะช่วยให้เราสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดค่ะ

น้องจุนเจือมีอะไรที่อยากจะฝากถึงเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความฝันหรือความสนใจในการประกวดธิดาดอยในอนาคตบ้างคะ

สิ่งที่น้องจุนเจืออยากจะฝากให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความฝันอยากจะประกวด คือ การเตรียมตัวอย่างตั้งใจและฝึกฝนในทุกๆ ด้าน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเป็นตัวของตัวเองค่ะ ความจริงใจและความมั่นใจในตัวเอง จะทำให้เราโดดเด่นและเป็นที่รักของคนรอบข้างค่ะ การรักษาความอ่อนน้อมและเปิดใจรับฟังผู้อื่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยค่ะ

สุดท้ายนี้ น้องจุนเจืออยากจะขอบคุณใครเป็นพิเศษสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้คะ

ความสำเร็จของหนูในครั้งนี้ หนูอยากจะขอบคุณ คุณพ่อและคุณแม่ของหนูค่ะ ที่คอยเชียร์ให้กำลังใจและสนับสนุนหนูมาโดยตลอด ทำให้หนูมีความตั้งใจและความพยายามในการฝึกฝนมากขึ้น และขอขอบคุณทุกๆแรงใจและแรงเชียร์ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนได้มอบให้หนูค่ะ เป็นเกียรติอย่างมากเลยค่ะ ที่ได้รับตำแหน่ง ธิดาดอย ประจำปี 2568 นี้ค่ะ

ฅนเดินเรื่องโดย : นางสาวณัฐมน ธาดา “น้องจุนเจือ” – “ธิดาดอย ประจำปี 2568”
 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘อทิตาธร’ ชี้แจงภาพกับ ‘อนุทิน’ ยันไปแจกการ์ดเชิญแต่งงานให้ลูกสาว

อทิตาธร วันไชยธนวงค์ ปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย พร้อมชี้แจงภาพร่วมเฟรมกับอนุทิน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00 น. ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ทำการติดตามกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ ซึ่งทราบมาว่าจะเข้ามาสวดสวดมนต์และทำสมาธิที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์หลังมีประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คือ ภาพถ่ายที่ปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของนายอนุทิน พร้อมข้อความว่า
ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงานผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย”

ภาพดังกล่าวนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางหารได้รับการเลือกตั้ง 261,301 คะแนน ในการชิงแบบพรรคอิสระ ทให้เกิดคำถามจากประชาชนในชาวเชียงราย

อทิตาธร เปิดใจถึงภาพถ่ายกับอนุทิน และเหตุผลของการเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์อทิตาธรถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอชี้แจงว่า การเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพาลูกสาว (น้องป่าน)ไปแจกการ์ดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568

ที่จริงตามมารยาทต้องเชิญผู้ใหญ่อย่างน้อยสองเดือนล่วงหน้า แต่เพราะติดช่วงเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่เลย หลังเลือกตั้งเสร็จ จึงรีบไปเชิญผู้ใหญ่ที่กระทรวง”

นอกจากนี้ อทิตาธรยังเปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับนายอนุทินเกี่ยวกับปัญหาสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วมและถนนการเกษตร ซึ่งได้รับคำมั่นจากรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการช่วยเหลือ

หารือปัญหาเยียวยาน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐาน

ในโอกาสเดียวกัน อทิตาธรได้ใช้โอกาสนี้ นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังมีประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จากทางรัฐบาล

“พี่ได้แจ้งกับท่านรัฐมนตรีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ เช่น ถนนบ้านฟาร์มเมืองงิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และสะพานที่พังในอำเภอเวียงแก่นและอำเภอเทิงซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเกษตร”

อทิตาธรเปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเมตตาจะเดินทางมา ตรวจ ราชการ รับฟังข้อมูลที่เชียงราย ใน อาทิตย์หน้า และจะหาแนวทางช่วยเหลือ ชาวเชียงราย และจะหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แผนงานหลังเลือกตั้ง เตรียมพบกระทรวงอื่นๆ

อทิตาธรระบุว่า หลังจากเข้าพบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็มีวางแผนที่จะ เดินทางไปพบกระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชียงราย เช่น

  • กระทรวงเกษตรฯ: หารือเรื่องการแก้ปัญหาวัชพืชและการเผาไหม้
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ: พูดคุยเรื่องไฟป่าและ PM 2.5
  • กรมโยธาธิการฯ: วางแผนแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานและระบบน้ำ

“พี่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเชียงราย ก็จะเดินหน้าทำงานต่อทันที”

เหตุผลที่เลือกไปกระทรวงมหาดไทยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันถัดจากการเลือกตั้ง อทิตาธรตอบว่า เป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะต้องเตรียมงานแต่งของลูกสาว และลูกสาวเองก็สอบถามตลอดว่าจะเชิญผู้ใหญ่ตอนไหน

ลูกสาวยังพูดติดตลกเลยว่า รอหลังเลือกตั้งแล้วผลออกก่อนก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าแพ้เลือกตั้งจะได้ไม่ต้องพิมพ์การ์ดเยอะ”

ยืนยันจุดยืน “อิสระ” ไม่สังกัดพรรคการเมือง

สำหรับคำถามที่ว่าการปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทินจะสะท้อนถึงการสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ อทิตาธรได้ย้ำชัดว่า

ยังเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด นอกจากฟังเสียงของประชาชน และมีอิสระทางความคิด”

ทางด้านอทิตาธรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเป็นอิสระทำให้สามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเชียงราย

รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีรัฐมนตรีจากหลายพรรค ถ้าจำกัดตัวเองอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยากขึ้น”

อทิตาธรได้ฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า

“พี่นกอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายต่อไป และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งหรือความแตกแยกทางการเมือง เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของจังหวัด” ย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งจบแล้ว และสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวไปข้างหน้า

สร้างความเข้าใจกับประชาชนเชียงราย

อทิตาธรฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า ความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดยังเหมือนเดิม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเชียงรายอย่างเต็มที่

พี่นกไปทุกกระทรวงและพูดคุยกับทุกพรรค ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เชียงรายได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวพี่ค่ะ”

สรุปข่าว

  • อทิตาธร วันไชยธนวงค์ เริ่มปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย
  • ชี้แจงว่า ภาพถ่ายกับอนุทิน เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงานแต่งของลูกสาว และหารือปัญหาน้ำท่วม
  • ยืนยันว่า ยังคงเป็นนักการเมืองอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด
  • เตรียมเข้าพบ กระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

รัฐบาลไทยประกาศปี 2568 เป็น “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” พร้อมปรับรูปแบบเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วประเทศ

รัฐบาลประกาศปี 2568 “ปีทองแห่งการท่องเที่ยว” ส่งเสริมเมืองรองเป็น “เมืองน่าเที่ยว” ทั่วไทย

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 รัฐบาลไทยได้เปิดตัวโครงการ “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานที่ศูนย์การค้า One Bangkok เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค พร้อมเน้นการส่งเสริม Soft Power ของไทย รวมถึงการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่เป็น “เมืองน่าเที่ยว” ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

การเปิดตัวการท่องเที่ยวในปี 2568

การเปิดตัว “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” ถือเป็นการปรับรูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของเมืองรอง ซึ่งจะได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวอยากไปเยือนตลอดทั้งปี นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเน้นการพัฒนาเมืองรองให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในทุกพื้นที่

โครงการที่สำคัญสำหรับปี 2568

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนการท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยว ด้วยการส่งเสริมทั้งเมืองหลักและเมืองรองให้มีการท่องเที่ยวที่ต่อเนื่อง พร้อมสร้างโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาเมืองรองให้มีศักยภาพและเสน่ห์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ

การเสริมสร้าง Soft Power

การส่งเสริม Soft Power หรือพลังอ่อนของไทยยังคงเป็นจุดแข็งที่รัฐบาลต้องการผลักดันเพื่อเสริมสร้างการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้การท่องเที่ยวของไทยเป็นเรื่องของการสัมผัสวัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอาหารไทยและวิถีชีวิตที่ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักทั่วโลก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำคัญของความเป็นมิตรของคนไทย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอบอุ่นและต้อนรับอย่างดีเมื่อมาถึง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดินหน้าสนับสนุนเต็มที่

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีนี้ประเทศไทยจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวจาก “เที่ยวเมืองรอง” เป็น “เมืองน่าเที่ยว” โดยการคัดเลือกเมืองที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในด้านต่างๆ ซึ่งจะสร้างแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาชมศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์

กิจกรรมในงาน Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ เช่น การแสดงความร่วมมือร่วมใจในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025, การนำเสนอผ้าไทยจากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่แฟชั่นร่วมสมัย, การทดสอบพลังความแข็งแรงของหมัดเชิงมวย, การดวลวงสวิงใน Golf Simulator, การชมจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่สามารถใช้ในการท่องเที่ยวและกีฬาได้ และการค้นหาร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย “มิชลิน” ซึ่งรับรองความอร่อยระดับโลก

การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

การท่องเที่ยวปี 2568 ถือเป็นปีแห่งโอกาสและความหวังที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพในทุกด้าน ทั้งด้านการสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกคน รวมไปถึงการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะมาร่วมสัมผัสกับ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 และร่วมสร้างความสำเร็จในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในระดับสากล

บทสรุป

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ประเทศไทยจะได้ผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมเมืองหลักและเมืองรองที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ การส่งเสริม Soft Power ของไทยและการพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News