Categories
TOP STORIES

ผลโพลนิด้า คะแนนนิยมการเมือง “พิธา-พรรคก้าวไกล” อันดับ 1

 

มื่อวันที่ 30 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น 97%

 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า 

  • อันดับ 1 ร้อยละ 45.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง มีความรู้ และความสามารถรอบด้าน 
  • อันดับ 2 ร้อยละ 20.55 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 
  • อันดับ 3 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ และมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 4 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ การทำงานมีความซื่อสัตย์ สุจริต 
  • อันดับ 5 ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ และมีความรู้ ความเข้าใจปัญหาของประเทศ 
  • อันดับ 6 ร้อยละ 3.40 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารที่โดดเด่น และมีความน่าเชื่อถือ
  • อันดับ 7 ร้อยละ 2.05 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีประสบการณ์ทำงานด้านการบริหาร เข้าถึงประชาชน และชื่นชอบนโยบายที่ผ่านมา 

ร้อยละ 3.40 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายชัยธวัช ตุลาธน (พรรคก้าวไกล) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) พลตำรวจเอกทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) และร้อยละ 0.55 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า 

อันดับ 1 ร้อยละ 49.20 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล 

อันดับ 2 ร้อยละ 16.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย 

อันดับ 3 ร้อยละ 15.00 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 

อันดับ 4 ร้อยละ 7.55 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 

อันดับ 5 ร้อยละ 3.75 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ 

อันดับ 6 ร้อยละ 2.20 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย 

อันดับ 7 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ 

อันดับ 8 ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย 

ร้อยละ 1.05 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคไทยภักดี 

และร้อยละ 1.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘ดูโฮม’ จับมือ ‘ครอบครัวช่าง’ เวิร์คช็อป สุดสนุกเอาใจพี่ช่าง “ชาวเชียงราย”

 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ศูนย์ค้าปลีก-ค้าส่ง วัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งบ้านแบบครบวงจร (One-stop Home Products Destination) ที่รู้จักกันในนาม “มหาอาณาจักรบ้าน” ยกขบวนออนทัวร์เมืองเหนือจัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่อช่างกับงานสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่าง” จัดโดยบริการบัตรสมาชิก ‘ครอบครัวช่าง’ คุ้มทุกงานช่าง ยืน 1 เพื่อช่างไทย เพื่อยกระดับองค์ความรู้นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ งานฝีมือ เทคนิค งานก่อสร้างและซ่อมแซมให้กับกลุ่มช่างชุมชนหรือช่างท้องถิ่นในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก คุณเสกสรรค์ แม่นยำ ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาฝีมือแรงงาน จากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 20 เชียงราย เข้าร่วมสัมมนา พร้อมจัดเต็มความสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช็อปจากแบรนด์ชั้นนำ การแข่งขันทักษะทางฝีมือลุ้นเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท และสิทธิประโยชน์มากมาย ในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ดูโฮม สาขาเชียงราย

 

โดย คุณปฏิพัฒน์ ยอดเเก้วเปีย ผู้จัดการสาขาเชียงราย บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME กล่าวว่า “กว่า 41 ปี ที่ ดูโฮม อยู่คู่กับคนไทยและช่างไทยมาอย่างยาวนาน สำหรับดูโฮม สาขาเชียงราย นับเป็นสาขาที่ 22 ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดีจากพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายทุกท่าน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจของจังหวัดที่มีแนวโน้มการขยายตัวในภาคการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในจังหวัดเชียงรายและชายแดน ด้วยเหตุนี้ ดูโฮม จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมอาชีพช่างและโอกาสในการขยายองค์ความรู้ไปยังกลุ่มช่างชุมชนหรือช่างท้องถิ่นโดยตรง จึงตั้งใจให้ ‘ครอบครัวช่าง’ จัดงานสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่าง” ในครั้งนี้ เพื่ออัปเดตองค์ความรู้ใหม่ ๆ ช่วยต่อยอดทักษะเสริมแกร่งความเป็นมืออาชีพ ขยายโอกาส สร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับช่างชุมชนและช่างท้องถิ่น พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของช่างในเครือข่ายของ ‘ครอบครัวช่าง’ ให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน อีกทั้งเราเข้าใจในความต้องการของช่างในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สินค้า ราคา และบริการ ณ วันนี้ ดูโฮม ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งได้การเติมเต็มความรู้ให้กับครอบครัวช่างไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ดูแลพี่น้องช่างชาวเชียงรายทุกท่านต่อไปในอนาคต” คุณปฏิพัฒน์ กล่าว

 

 

และสำหรับกิจกรรมภายในงานพบกับความพิเศษที่จัดขึ้นมาเพื่อเอาใจพี่ช่างโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น

  • รับทันที ! ‘สว่านไฟฟ้า’ สุดพรีเมียม สำหรับพี่ช่างผู้โชคดีเมื่อลงทะเบียนร่วมงาน 40 ท่านแรก
  • รับฟรี! คูปองส่วนลดแทนเงินสดมูลค่า 1,000 บาท*
  • ร่วมรับฟังสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อช่าง” จากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Nash Yoshino ที่ยกขบวนมาให้ความรู้กันอย่างเต็มอิ่ม
  • พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์คช็อปเครื่องมือช่าง และการแข่งขันทักษะทางฝีมือลุ้นเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท

 

นอกจากนี้ สมาชิก “ครอบครัวช่าง” ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมาย อาทิ ลดเพิ่มทันที 3% *เมื่อช้อปสินค้ากลุ่มช่างที่ร่วมรายการ (ไม่มีขั้นต่ำ), รับคะแนนสมาชิกดูโฮม X3 เมื่อซื้อกลุ่มสินค้าที่ร่วมรายการ อาทิ งานหลังคา, งานพื้น, เครื่องมือก่อสร้างใหญ่, ฮาร์ดแวร์, เครื่องมือช่าง, สีและเคมีภัณฑ์ เป็นต้น และรับบัตรกำนัลแทนเงินสด เมื่อสะสมยอดซื้อกลุ่มสินค้าที่ร่วมรายการครบตามเงื่อนไข (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2567

 

โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.DOHOME.co.th หรือ Line official : @Dohome หรือ Facebook fan page : Dohomeonline หรือ สายด่วน 1746

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘ธ.กสิกรไทย’ ช่วยเหลือพนักงาน คนละ 10,000 บาท ให้กู้โปะหนี้ 3 แสนบาท

 

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 รายงานข่าวเปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่าง ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กับ สหภาพแรงงานธนาคารกสิกรไทย และ สหภาพแรงงานผู้บังคับบัญชาธนาคารกสิกรไทย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เกี่ยวกับสวัสดิการและสภาพการจ้างงานพนักงาน ประกอบด้วย

1.ธนาคารจะจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงานในภาวะที่สินค้าอุปโภคบริโภค ตลอดจนน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้นมาก โดยมีลักษณะเป็นการจ่าย “เฉพาะคราว (One Time)” จำนวนเงินคนละ 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่พนักงานที่มีตำแหน่งองค์กรไม่สูงกว่า “รองผู้อำนวยการฝ่าย” โดยกำหนดวันจ่ายเงินในเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งจะได้มีประกาศแจ้งวันให้ทราบต่อไป

2.ธนาคารตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงวงเงินและดอกเบี้ยเงินกู้สวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย โดยขยายวงเงินกู้ในแต่ละช่วงให้กว้างขึ้น พร้อมทั้งลดดอกเบี้ยลง โดยวงเงินกู้ 1-1,500,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-5.50% , วงเงินกู้ 1,500,001-3,000,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-3.75% และกรณีติดตั้ง Solar Cell Roottop (3K ขึ้นไป) ลดดอกเบี้ยเพิ่ม 1% , วงเงินกู้ 3,000,001-5,000,000 บาท ดอกเบี้ย MLR-2.00% และกรณีติดตั้ง Solar Cell Roottop(3K ขึ้นไป) ลดดอกเบี้ยเพิ่ม 1% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 เป็นต้นไป

3.ธนาคารยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ฉบับลงวันที่ 30 กันยายน 2558 เรื่องสิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาล โดยยังคงปฏิบัติตามระเบียบและอัตราการเบิกในแต่ละประเภทตามที่ธนาคารกำหนด แต่ไม่เกินปีละ 250,000 บาท (สองแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) และสามารถนำวงเงินส่วนที่เหลือ ยกสะสมไปใช้ในปีถัดไปได้อีกไม่เกิน 1 ปี เหมือนเช่นเดิม

4.ธนาคารจะพิจารณาปรับตำแหน่งให้กับพนักงานบริการ ที่มีผลการปฏิบัติงาน PM Grade B ขึ้นไป มีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี หรือผู้บริหารสายงานรับรองว่ามีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม ซึ่งได้ทดลองมอบหมายให้ทำงานใหม่มาก่อนหน้าแล้ว ให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องมีตำแหน่งงานรองรับ และพนักงานมีความประสงค์ขอเปลี่ยนไปทำงานดังกล่าว

5.ขยายขอบเขตวัตถุประสงค์เงินกู้เพื่อบรรเทาทุกข์ ให้ครอบคลุมถึงการกู้เงินบรรเทาทุกข์ เพื่อชำระหนี้สินส่วนตัวของพนักงานที่มีต่อบริษัทหรือสถาบันการเงินอื่น โดยมีหลักฐานเอกสารการติดตามหนี้จากสำนักงานทนายความ หรือหมายฟ้องคดีจากศาล หรืออื่นๆ ตามที่ธนาคารเห็นสมควร ในวงเงินกู้ตามภาระหนี้จริง แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี และพนักงานผู้ขอกู้ต้องมีอายุงานตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้ เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงินกู้สวัสดิการพนักงาน

6.บรรดาประกาศ คำสั่ง ระเบียบ รวมทั้งข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันให้คงมีผลบังคับใช้ต่อไป และธนาคารมีสิทธิที่จะปรับปรุงแก้ไขหรือเพิ่มเติมประกาศ คำสั่ง ระเบียบ ที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่มีอยู่เดิม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

The ICONiC Run Fest Thailand เดิน วิ่ง กินเที่ยว เพื่อสุขภาพ

 

เมื่อวันที่  29 มิ.ย. 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมือง จ.เชียงราย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (องค์การมหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าผู้จัดกีฬามวลชน สมาพันธ์เดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย สมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติไทย และภาคีเครือข่าย จ.เชียงราย จัดเทศกาลงานวิ่ง The ICONiC Run Fest Thailand Series ChiangRai 2024 กิจกรรม เดิน วิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิด รวมพลังสร้างสุขภาพดี เศรษฐกิจดี สร้างเมืองสู่ความยั่งยืน ต้นแบบกิจกรรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายระดับประเทศ ปลูกฝังค่านิยมลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชน

 

โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลล์ ผู้จัดการกองทุน สสส. หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน ประชาชน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

 

 

นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานเปิดกิจกรรม กล่าวว่า The ICONiC Run Fest Thailand Series ChiangRai 2024 ถือเป็นมิติใหม่ในการบูรณาการแนวคิดทั้งการเดินวิ่ง และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงเศรษฐกิจ นอกจากช่วยสร้างกระแสส่งเสริม สุขภาพ เพิ่มอัตราการมีกิจกรรมทางกาย ส่งต่อองค์ความรู้การบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ ยังทำให้เกิดประโยชน์กับ จ.เชียงราย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จ.เชียงราย เป็น 1 ในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและเป็นที่นิยมของคนไทยและนานาชาติ ทำให้มีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คนในเวลาที่รวดเร็วคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดหลายล้านบาท ซึ่งความสำเร็จการจัดงานครั้งนี้ มาจากการสานพลังความร่วมมือ ทั้งจากหน่วยงานระดับท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม โดยเฉพาะคนในชุมชน ช่วยยกระดับ จ.เชียงราย เป็นต้นแบบสร้างเสริมสุขภาพจุดประกายให้เกิดการงานเทศกาลเดินวิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพใน พื้นที่อื่นๆ และส่งต่อความสำคัญขยายผลไปในระดับประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายการจัดทำ “แผน ยุทธศาสตร์จังหวัดในการสร้างเศรษฐกิจชุมชนจากการสร้างงานเทศกาลแบบบั่งยืน” ต่อไป

 

 

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลล์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเด็นสุขภาพให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีทุกมิติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ที่เพียงพอกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 Actives 1.Active People ส่งเสริมให้คนกระฉับกระเฉง 2.Active Environment ส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อกิจกรรมทางกาย และ 3.Active Society สร้างค่านิยมให้สังคมกระฉับกระเฉง ผ่านนวัตกรรม องค์ความรู้ งานวิชาการ จากรายงานสถานการณ์การมีกิจกรรมทางกายของประชากรไทย ปี 2566 โดยศูนย์พัฒนาความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย พบว่า โควิด-19 ทำให้อัตราการมีกิจกรรมทางกายลดลงจาก 74.6% ในปี 2562 เหลือ 54.3% ในปี 2563 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 62.0% ในปี 2565 และ 68.1% ในปี 2566 

 

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างแนวทางและโอกาสเพิ่ม อัตราของกิจกรรมทางกายในรูปแบบเทศกาล รวมถึงเป็นพื้นที่ต้นแบบสร้างมาตรฐานและขยายผลสู่การพัฒนา คู่มือการจัดงานในรูปแบบของเทศกาลสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพ ลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต

 

 

งาน “The ICONiC Run Fest Thailand Series 2024 ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมโอกาสสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจท่องเที่ยวจากการมีส่วนร่วมของชุมชน ประเดิมสนามแรกที่ จ.เชียงราย สนามต่อไปที่จ.สุโขทัย วันที่ 24-25 ส.ค. 2567 จ.นครราชสีมา วันที่ 7-8 ก.ย. 2567 จ.มุกดาหาร วันที่ 5-6 ต.ค. และจ.นครศรีธรรมราช วันที่ 26-27 ต.ค. 2567 มีเส้นทางการวิ่งระยะทาง 10 กม. และ 5 กม. เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วม 2,000 คน ต่อจังหวัด โดยนักวิ่งจะได้รับเสื้อ BIB และเหรียญที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดเป็นของที่ระลึกสามารถสมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ http://thaift ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ theiconicrunfest” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

 

 

ด้าน ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมของ จ.เชียงราย ในรูปแบบตลาดนัด Healthy Community ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ หมอนใบชา ข้าวอินทรีย์ นมงาขาว ผักและผลไม้ปลอดสาร ซึ่งภายในงานมีการสาธิตเมนูอาหารเพื่อสุขภาพในท้องถิ่น “อ๊อกปลานิลสมุนไพร” และ “แกงแคไก่” ที่มีผักและสมุนไพรไฟเบอร์สูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีปริมาณไขมันต่ำ ช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงเส้นทางวิ่งที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สักการะ สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตอกย้ำความเป็นเมืองสุขภาวะ (Wellness City) ช่วยเปิดโอกาสเสริมสร้างเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และเป็นประโยชน์ต่อ ชุมชนในทุกด้านอย่างมหาศาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

คนแห่บริจาค “วิหารลายคำ” วัดแสงแก้วโพธิญาณ หลังถูกไฟไหม้

 

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2567 ที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ หมู่บ้านใหม่แสงแก้ว หมู่ 11 ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พระภาวนารัตนญาณ วิ.หรือพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต เจ้าอาวาสวัดวัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้เดินทางจากการปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปถึงวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย หลังจากได้เกิดเหตุไฟไหม้วิหารหลวงลายคำ ของวัดระหว่างคืนวันที่ 21-22 มิ.ย.2567 จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้นอกจากจะมีลูกศิษย์ลูกหาไปรอนมัสการกราบครูบาอริยชาติแล้ว ยังมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้เดินทางไปนมัสการด้วย ขณะเดียวกันชาวบ้านจำนวนมาก ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 37 ฝ่ายปกครอง อ.แม่สรวย หน่วยกู้ภัย ฯลฯ ต่างพากันไปเก็บข้าวของต่างๆ ออกจากวิหารมาไว้ตรงเต็นท์ ด้านข้าง เพื่อให้ช่างเช้าไปเตรียมการบูรณะภายในวิหารต่อไป
 
 
ขณะที่มีผู้บริจาคเงินเพื่อร่วมสร้างหรือซ่อมแซมวิหาร บางคนบริจาคนับ 1 ล้านบาทผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อครูบาอริยชาติได้เข้าไปถึงภายในวิหารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะส่วนหลังคาเสียหายทั้งหมด ส่วนเสา ผนังและส่วนโครงสร้างพบว่าปูนภายนอกกระเทาะออกมา พระพุทธรูปภายในเสียหายทั้งหมดรวมทั้งพระแสงแก้วโพธิญาณ ซึ่งเป็นประธานแต่ยังคงโครงสร้างประดิษฐานอยู่ได้แต่ส่วนพระเกศเอียงลงเล็กน้อย ซึ่งครูบาอริยชาติได้เข้าตรวจสอบพบยังคงมีหัวใจทองคำและวัตถุมงคลต่างๆ ที่อยู่ภายในองค์เหมือนเดิม
 
 
ทั้งนี้ครูบาอริยชาติ ได้ประกอบพิธี สักการะ และได้พบเหรียญมงคลตกอยู่บนพื้นวิหารจึงได้มอบให้ พล.อ.ต.ต่อศักดิ์ ซึ่งอยู่ใกล้ครูบาอยู่ตลอดเวลาเอาไว้ด้วยจากนั้นช่วงบ่ายครูบาอริยชาติ ได้นำประกอบพิธีเปิดฟ้าอัญเชิญเทพเทวดาและพิธีสูตรถอนตามความเชื่อของชาวล้านนาตามลำดับ
 
 
ครูบาอริยชาติ กล่าวว่า สิ่งทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยงย่อมมีเสื่อมสลายลงเป็นธรรมดาซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้จนเสียหายไปแล้ว เบื้องต้นคือจะนำเอาสิ่งมีค่าต่างๆ เช่น พระเกศา ทองคำ ฯลฯ ภายในวิหารและพระแสงแก้วโพธิญาณออกมาเก็บไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องมานอนเฝ้า จากนั้นก็ค่อยพิจารณาว่าจะสร้างใหม่หรือบูรณะต่อไป
 
 
ทั้งนี้ได้มีญาติโยมที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถามตนว่าเมื่อรู้ว่าจะเกิดไฟไหม้ทำไมไม่แก้ไข ซึ่งอาตมาตอบว่าเมื่อรู้จะทำอะไรได้เช่นเดียวกับพายุที่พัดกระหน่ำก็ต้องรอผลที่จะออกมาเท่านั้น ทำให้ญาติโยมคนนั้นบอกว่าตนโชคดีที่ไม่ได้ร่วมสร้างวิหารแต่ก็จะได้ร่วมซ่อมแซมในที่สุดครูบาอริยชาติ กล่าวด้วยว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณ สร้างมาตั้งแต่ปี 2549 หรือเป็นเวลา 18 ปี เท่ากับวิหารแห่งนี้ ดังนั้นหลังจากนำของมีค่าต่างๆ ออกมาหมดแล้ว ก็มีกำหนดจะซ่อมแซมตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา ปี 2567 นี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่จะร่วมซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ก็ถือเป็นบุญกุศลอย่างมาก เพราะแม้จะไม่ได้สร้างมาตั้งแต่ต้นแต่ก็โชคดีที่ได้มาร่วมซ่อมแซมดังกล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กลุ่มข่าวเพื่อสังคมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

หลักเกณฑ์สินเชื่อซื้อรถไม่ได้เปลี่ยน แต่คุณภาพของลูกหนี้ที่ขอกู้แย่ลง

 

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ กล่าวว่า เท่าที่คุยกับผู้ประกอบการ และสถาบันการเงิน พบว่า มาตรฐานสินเชื่อรถยนต์โดยรวมไม่ได้เปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนคือคุณภาพของลูกหนี้ที่จะมาขอกู้แย่ลงทำให้การปฏิเสธสินเชื่อมีมากขึ้น

ปัจจุบันราคาของรถยนต์มือสองถูกกดดันอย่างมาก เห็นได้ว่ามีราคาลดลงทำให้ตลาดซบเซา ปกติจะมีผู้ซื้อกลุ่มหนึ่งที่จะซื้อรถใหม่โดยเอารถเก่าไปตีราคา เพื่อให้ได้เงินมาเติมซื้อรถใหม่ แต่เมื่อราคาขายรถมือสองตกต่ำ ทำให้ผู้ซื้อต้องเพิ่มเงินมากขึ้นถึงจะซื้อรถใหม่ ส่งผลให้ความสามารถในการซื้อรถใหม่ลดลงไปด้วย

สำหรับรถไฟฟ้า หรือรถอีวีที่เข้ามาในประเทศไทยกลายเป็นเพิ่มความยากลำบากให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไปด้วย ดูได้จากการแข่งขันด้านราคาของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือราคารถยนต์ที่มีส่วนลดเป็นหลักแสนบาท ทำให้คนที่มีกำลังซื้อรอดูก่อนว่าราคาจะปรับลดลงกว่าเดิม หรือไม่ ในเวลาเดียวกัน ผู้ซื้อก็มีความกังวลว่า ถ้าซื้อไปวันนี้ และต้องการขายในอนาคต อาจจะได้ราคาขายที่น้อยลง สร้างความลังเลสำหรับผู้ซื้อ ตลาดส่งออกรถปิคอัพของไทยไปต่างประเทศก็ชะลอลง สาเหตุจากต่างประเทศยังมีความต้องการไม่มากอย่างที่คาดไว้

ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มข้างหน้ามีโอกาสที่จะค่อย ๆ ดีขึ้นทั้งตลาดโลกและตลาดในประเทศ แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพัก โดยประเด็นที่เป็นปัญหาเชิงวัฎจักรจะใช้เวลาไม่นานในการฟื้นตัว เช่น เรื่องการส่งออก แต่หากเป็นประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างจะใช้เวลานานกว่านั้น เช่น เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องให้เวลาปรับตัว ซึ่งในต่างประเทศก็เจอปัญหานี้เช่นกัน

การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของภาคการส่งออกมีทิศทางชะลอลงต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2566 การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนเป็นหมวดสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการส่งออกของไทย โดยมีน้ำหนักที่ 16% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดในปี 2566 นอกจากนี้ มีสัดส่วนต่อการเติบโตของภาคส่งออกคิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของการขยายตัวของการส่งออกสินค้าทั้งหมดในปี 2555-2561

โดยภาพรวมการส่งออกของไทยฟื้นตัวช้าจากปัญหาเชิงโครงสร้าง และถูกซ้ำเติมจากแนวโน้มการส่งออกของรถยนต์และชิ้นส่วนที่หดตัว โดยในปี 2567 การส่งออกรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์ในต่างประเทศโดยเฉพาะตลาด อาเซียน

ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากปัญหา รถยนต์ล้นตลาดของจีน ซึ่งจะกระทบต่อ ความสามารถในการแข่งขันของไทย รวมถึงการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ EV ในระยะข้างหน้า ดังนั้น การปรับตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และเร่งผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ EV ในอนาคต จึงเป็นเรื่องสำคัญ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

หม่อมหลวงสราลี ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชาตาหลวงถวายฯ พระเจ้าวรศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 พระราชปัญญาภรณ์ รองเจ้าคณะภาค6 วัดนางชี พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ (บุญมา มานิโต) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่สาย ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 พระอุดมบัณฑิต รองเจ้าคณะภาค 6 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) พระปลัดเซ็งกิม กตสิทโธ เจ้าอาวาสวัดกิ่วกาญจน์ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ประกอบพิธีพระพุทธมนต์สืบชาตาหลวง ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 67 พรรษา ณ วัดกิ่วกาญจน์ ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

 

      ทั้งนี้ ดร.หม่อมหลวงสราลี กิติยากร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายสักการะเบื้องหน้าพระรูป พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

 

     ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายโสไกร ใจมั่น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นำชาวอำเภอเชียงของ ร่วมประกอบพิธีจำนวนมาก

 

      พระสงฆ์ 68 รูป เจริญพุทธมนต์ พระสงฆ์กล่าวสัมโมทนียกถา จากนั้นประกอบพิธีในรูปแบบทางล้านนา ในการสืบชาตาหลวง

 

     ดร.หม่อมหลวงสราลี กิติยากร กล่าวนมัสการขอบพระคุณพระสงฆ์ และขอบคุณผู้จัดพิธีฯ ในฐานะเป็นพระขนิษฐา พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ซึ่งเป็นสายโลหิตโดยกำเนิด ต้องขอขอบพระคุณพระคุณเจ้าทุก ๆ รูป ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่ได้เปิดโอกาสให้ผู้จัดพิธีฯ ได้จัดพิธีดังกล่าว ทั้งนี้ปลื้มปิติอย่างมาก ที่ทุก ๆ คนได้ร่วมกันทำบุญใหญ่ครั้งนี้ เพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศล และส่งพลังใจให้พระองค์ท่าน พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติครบรอบ 67 พรรษา ที่ใกล้จะถึงนี้ 23 กรกฎาคม ให้ทรงแข็งแรง และหายจากอาการประชวรตามลำดับ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เคาะ! จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ บ่อน้ำทิพย์ วัดพระธาตุดอยตุง 4 ก.ค. 67

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ผู้บริหาร อปท. และเอกชน ครั้งที่ 6/2567 โดยมี นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ และนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ภาคเอกชน และผู้แทนหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

 

ที่ประชุมได้มีการแนะนำส่วนราชการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย นายธีระพงษ์ มีศรี ในตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทเชียงราย พร้อมรับชมสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารจังหวัด ส่วนราชการ หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจ ในรอบเดือนมิถุนายน 2567 ของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ตามลำดับ

 

ต่อจากนั้นเข้าสู่วาระการประชุมเรื่องเพื่อทราบและรายงานผลการดำเนินงาน เรื่องการดำเนินงานเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 2567 สรุปรายงานภาวะการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนด้านจังหวัดเชียงราย รวมถึงเรื่องการเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ของจังหวัดเชียงราย โดยในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 จัดให้มีพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ บ่อน้ำทิพย์ วัดพระธาตุดอยตุง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พิธีเดินขบวนรถบุษบกเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขันน้ำสาคร และที่ตักน้ำ ณ บริเวณสวนตุงและโคมนครเชียงราย ไปยัง วัดพระแก้ว พระอารามหลวง ส่วนวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 พิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ในส่วนของวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 จัดให้มีพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว พระอารามหลวง และในช่วงเช้าของวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 จัดพิธีทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน และในช่วงเย็นจะเป็นพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย รวมถึงจัดเตรียมโครงการ 72 ล้านต้น พลิกผืนป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โครงการพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร และสถานการณ์ และมาตรการควบคุมโรคไข้เลือดออก และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

จัดอบรมผู้ประกอบการ ดีไซน์เนอร์ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 67 ณ ห้องยูโทเปีย 2 โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย และการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ้าของเชียงรายในเชิงสร้างสรรค์ ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การนำมรดกภูมิปัญญาการทอผ้าให้คงอยู่สืบไป รวมทั้ง สนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เด็ก เยาวชน และประชาชน ให้ความสนใจในการอนุรักษ์ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย มากยิ่งขึ้น โดยมี เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย คณะวิทยากรจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และวิทยาลัยการอาชีวศึกษาเชียงราย ภาคีเครือข่ายนักออกแบบ ดีไซน์เนอร์ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมการอบรม

 

ซึ่งการอบรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีผู้เข้าอบรม ได้แก่ นักออกแบบ ดีไซน์เนอร์ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า ผู้ประกอบการ และบุคคลทั่วไป รวมจำนวน 50 ราย เพื่อต่อยอดสำหรับการจัดประกวด การออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย และการจัดงานแสดงแบบแฟชั่น กิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญาฯ ในวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2567 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังแรก)
 
 
นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดัน Soft Power ความเป็นไทย สู่ระดับโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ Food Film Fashion Fighting และ Festival อีกทั้ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 UNESCO ได้ยกจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล จังหวัดเชียงรายจึงส่งเสริมสนับสนุน การนำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ทุนทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย มาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยนำวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาสร้างงาน สร้างอาชีพ สู่การเป็นวัฒนธรรมสร้างสรรค์ นำมาซึ่งรายได้สู่ชุมชน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดเชียงรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แจกสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุเชียงราย 273 ไร่ – เชียงใหม่ 281 ไร่

 

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2567  นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ได้เร่งดำเนินโครงการ “ธนารักษ์เอื้อราษฎร์ มอบสัญญาเช่าที่ดิน พลิกชีวิตประชาชน” ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินให้แก่ประชาชน เพื่อบริหารที่ดินราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในปีนี้มีแผนจัดสรรที่ราชพัสดุให้ประชาชนในพื้นที่ 9 จังหวัด กว่า 1,900 ราย พื้นที่กว่า 7,389 ไร่ ภายใน 6 เดือน ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา 248 ไร่, เชียงราย 273 ไร่, เชียงใหม่ 281 ไร่, นครสวรรค์ 1,120 ไร่, นครพนม 661 ไร่, กาฬสินธุ์ 1,174 ไร่, ปัตตานี 29 ไร่, ราชบุรี 1,500 ไร่ และสุราษฎร์ธานี 2,100 ไร่ พร้อมทั้งได้ตั้งเป้าหมายให้กรมธนารักษ์ ต้องจัดสรรที่ดินราชพัสดุให้ประชาชนรายย่อยไม่น้อยกว่า 2 พันรายต่อ1 ปี

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจของกรมธนารักษ์ในปี 2561 พบว่า มีที่ราชพัสดุที่ถูกบุกรุกกว่า 6 แสนไร่ โดยในปีที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้จัดสรรทึ่ดินให้ประชาชน ผ่านโครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ ไปแล้วกว่า 1.34 แสนราย เนื้อที่ 3.38 แสนไร่

 

สำหรับโครงการดังกล่าว จะคิดค่าเช่าในอัตราที่ผ่อนปรน โดยที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย หากไม่เกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.25 บาท/ตารางวา/เดือน หากเกิน 100 ตารางวา อัตราเช่า 0.50 บาท/ตารางวา/เดือน และหากเป็นที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 20 บาท/ไร่/ปี และหากเกิน 50 ไร่ อัตราเช่า 30 บาท/ไร่/ปี เป็นสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่าของกรมที่ดินให้กับประชาชน แต่สามารถขอเป็นสัญญาเช่า 30 ปีได้ หากผู้เช่าประสงค์จะนำไปเป็นหลักประกันขอสินเชือกับสถาบันการเงิน

เป็นสัญญาเช่าครั้งละ 3 ปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการเช่าของกรมที่ดินให้กับประชาชน แต่สามารถขอเป็นสัญญาเช่า 30 ปีได้ หากผู้เช่าประสงค์จะนำไปเป็นหลักประกันขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ในส่วนของเป้าหมายการหารายได้ของกรมธนารักษ์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้อีกปีละ 5% นั้น ส่วนใหญ่รายได้มาจากการให้เช่าที่ดินเชิงพาณิชย์กว่า 97%

โดยมอบนโยบายให้พิจารณาเรื่องการคิดค่าเช่าที่เชิงพาณิชย์ตามศักยภาพของที่ดิน โดยคิดอัตราค่าตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ไม่น้อยกว่า 3% และยังเปิดให้เช่า 30 ปี หรือทบทวนได้หากมีการต่อสัญญาใหม่

 

ส่วนกรณีที่ราชพัสดุหมอชิต ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมธนารักษ์ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ (รฟม.) และสำนักนโยบายและแผนขนส่งจราจร (สนข.) ทบทวนศักยภาพที่ดิน องค์ประกอบต่าง ๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพื่อหาข้อสรุปบนกรอบกฎหมายและต้องถูกต้องตามสัญญา คาดว่าจะมีการประชุมในต้นเดือนหน้า ส่วนเรื่องการขอคืนที่ราชพัสดุคืนจากส่วนราชการ ทางกรมธนารักษ์ ได้ทำหนังสือถึงส่วนราชการว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้เสนอขอหรือไม่ และมีผู้บุกรุกที่ดินดังกล่าวหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การทำข้อตกลงเพื่อขอที่ดินคืนจากส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News