
กระทรวง อว. และ ตม. เข้มตรวจสอบขบวนการสวมวีซานักศึกษาจีนในเชียงรายและทั่วไทย
เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – จากกระแสข่าวที่สร้างความกังวลในสังคมเกี่ยวกับขบวนการออกวีซานักศึกษาให้กับชาวจีน โดยอาจมีการแฝงตัวเพื่อประกอบอาชีพผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้ออกมาชี้แจงและดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษาและป้องกันการใช้ช่องทางวีซานักศึกษาในทางมิชอบ
จุดเริ่มต้นการเปิดโปงขบวนการสวมวีซานักศึกษา
เรื่องราวเริ่มต้นจากโพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก “รู้ทันจีน” ซึ่งถูกเผยแพร่โดย THAI PBS โดยระบุถึงการโฆษณาแพ็กเกจต่อวีซานักศึกษาในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เชียงรายและแม่น้ำแคว โฆษณาดังกล่าวใช้ภาษาจีนและให้รายละเอียดเกี่ยวกับการขอวีซานักศึกษาทั้งประเภทปริญญาและหลักสูตรภาษาระยะสั้น โดยอ้างว่าสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเข้าเรียนจริง ราคาแพ็กเกจสูงสุดถึง 53,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการระบุรายชื่อมหาวิทยาลัยที่ “ควรหลีกเลี่ยง” พร้อมเหตุผล เช่น “เข้าออกสนามบินถูกตรวจง่าย” หรือ “ต่อวีซายาก” ซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจมีการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสในระบบการศึกษาของไทย
การโพสต์ดังกล่าวจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อมีการเชื่อมโยงกับกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน เปิดเผยข้อมูลว่า มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจออกวีซานักศึกษาให้ชาวจีนเพื่อสวมสิทธิทำงานเป็นวิศวกรในประเทศไทย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น กรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม
การตอบสนองจากสถานศึกษา
มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ถูกพาดพิงถึง ได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวทันที มหาวิทยาลัยพายัพและมหาวิทยาลัยนอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ผ่านเพจทางการว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกวีซานักศึกษาในลักษณะที่ผิดกฎหมาย และยืนยันว่าการรับนักศึกษาต่างชาติของทั้งสองสถาบันดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบของกระทรวง อว. อย่างเคร่งครัด
ด้านมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตเชียงใหม่ พระครูใบฎีกาทิพย์พนากรณ์ ชยาภินันโท เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักศึกษาจีนกว่า 500 คนลงทะเบียนในหลักสูตรภาษาไทยระยะสั้น 1 ปี ซึ่งได้รับอนุมัติจากสภาวิชาการและสภามหาวิทยาลัย โดยมีระยะเวลาเรียน 180 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยได้ยกเลิกวีซานักศึกษากว่า 50 คน เนื่องจากไม่เข้าเรียนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 80 ของเวลาเรียน โดยได้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เพิกถอนสถานภาพนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว
พระครูใบฎีกาทิพย์พนากรณ์ ระบุเพิ่มเติมว่า “เราไม่เจาะจงรับเฉพาะนักศึกษาจีนหรือชาติใดชาติหนึ่ง ทุกคนที่มีคุณสมบัติสามารถลงเรียนกับเราได้ หลักสูตรของเราดำเนินการอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย”
ผศ.พระวิสิทธิ์ ฐิตวิสิทโธ ผู้อำนวยการส่วนสนับสนุนวิชาการ มจร. วิทยาเขตเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การคัดกรองวัตถุประสงค์ของนักศึกษาต่างชาติเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่สามารถรู้เจตนาที่แท้จริงของผู้สมัครได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่านักศึกษาไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่เข้าเรียนตามกำหนด มหาวิทยาลัยจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
การดำเนินการของหน่วยงานรัฐ
พล.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย หากพบว่านักศึกษาต่างชาติใช้วีซานักศึกษาเพื่อประกอบกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การอนุมัติวีซานักศึกษาจะพิจารณาจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ สถานศึกษาต้องจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และนักศึกษาต้องมีหลักฐานยืนยันการเข้าเรียนจริง หากพบว่านักศึกษาไม่เข้าเรียนหรือใช้สถานะนักศึกษาในทางมิชอบ วีซาจะถูกเพิกถอนทันที และดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงเร่งตรวจสอบมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาจีนเข้าศึกษา โดยเฉพาะกรณีที่อาจเข้าข่าย “สวมวีซานักศึกษา” โดยเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 กระทรวง อว. ได้จัดการประชุมร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อกำหนดแนวทางตรวจสอบและติดตามนักศึกษาต่างชาติอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น นางสาวศุภมาสย้ำว่า หากพบสถานศึกษาใดมีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลย จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ กระทรวง อว. ได้ออกหนังสือถึงวิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีทุนจีนถือหุ้นทั้ง 3 แห่ง ให้รายงานข้อมูลนักศึกษาจีนภายใน 1 สัปดาห์ รวมถึงจำนวนนักศึกษา สาขาที่เรียน ระยะเวลาเรียน และสถานะวีซานักศึกษา เพื่อใช้ในการตรวจสอบต่อไป
การสั่งการระดับนโยบาย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งทบทวนมาตรการวีซาฟรี เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยกลุ่มทุนสีเทาในการลักลอบเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย การทบทวนนี้มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงนโยบายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายคดีตึก สตง. ถล่ม โดยตรวจสอบทั้งประเด็นมาตรฐานการก่อสร้างและการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายของคนต่างด้าว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ระบุว่ามีการสวมวีซานักศึกษาเพื่อทำงานเป็นวิศวกรว่า “กรณีนี้ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะวิศวกรต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (กว.) หากเป็นนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาฝึกงาน จะไม่สามารถควบคุมงานหรือเซ็นรับรองเอกสารได้”
นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง สนับสนุนมุมมองนี้ โดยระบุว่า นักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาฝึกงานต้องขอวีซาฝึกงานและมีหนังสือรับรองจากมหาวิทยาลัย หากชาวต่างชาติควบคุมการก่อสร้างโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะถือว่าผิดกฎหมายและมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
การคลี่คลายปมและแนวทางแก้ไข
จากสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อคลี่คลายปัญหา โดยกระทรวง อว. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำลังบูรณาการข้อมูลเพื่อตรวจสอบสถานะและพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติอย่างละเอียด นอกจากนี้ กระทรวง อว. มีแผนจัดทำฐานข้อมูลกลางของนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และทบทวนนโยบายการรับนักศึกษาต่างชาติให้รัดกุมยิ่งขึ้น
การยกเลิกวีซานักศึกษาที่ไม่เข้าเรียนตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ส่วนการหารือระหว่างกระทรวง อว. และ ตม. ในวันที่ 23 เมษายน 2568 ได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการตรวจสอบและป้องกันการใช้สถานะนักศึกษาในทางมิชอบ
การวิเคราะห์ ความท้าทายและโอกาส
ปัญหาการสวมวีซานักศึกษาสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะในบริบทของนโยบายวีซาฟรีที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและการศึกษา แต่กลับถูกบางกลุ่มใช้เป็นช่องทางในการทำผิดกฎหมาย การคัดกรองเจตนาของนักศึกษาต่างชาติเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากสถานศึกษามักพิจารณาเพียงคุณสมบัติตามเอกสารเท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการตรวจจับเจตนาที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ยังเป็นโอกาสให้ประเทศไทยยกระดับระบบการบริหารจัดการนักศึกษาต่างชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดทำฐานข้อมูลกลางและการประสานงานระหว่างหน่วยงานจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ การรักษาความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษาไทยในสายตานานาชาติยังเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่แท้จริง
ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง
ฝ่ายที่ 1 กังวลต่อการใช้ช่องโหว่วีซานักศึกษา
ประชาชนและนักการเมืองบางส่วน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มองว่าการสวมวีซานักศึกษาเพื่อทำงานผิดกฎหมายเป็นปัญหาที่ร้ายแรง โดยเฉพาะเมื่ออาจเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมก่อสร้างหรือกลุ่มทุนสีเทา การที่โฆษณาในโซเชียลมีเดียระบุถึงแพ็กเกจต่อวีซาโดยไม่ต้องเรียนจริง บ่งชี้ถึงความหละหลวมในระบบการตรวจสอบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและภาพลักษณ์ของประเทศไทย
ฝ่ายที่ 2 มองว่าเป็นเรื่องที่ควบคุมได้
ในทางกลับกัน หน่วยงานอย่างกระทรวง อว., ตม., และสถานศึกษายืนยันว่า ระบบการรับนักศึกษาต่างชาติมีกฎระเบียบที่ชัดเจน และมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง การยกเลิกวีซานักศึกษาที่ไม่เข้าเรียนและการปฏิเสธข้อกล่าวหาของมหาวิทยาลัยบางแห่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการรักษามาตรฐาน นอกจากนี้ การที่วิศวกรต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทำให้กรณีสวมสิทธิทำงานเป็นวิศวกรไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่าย
ทัศนคติเป็นกลาง ทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลที่สมควรพิจารณา ความกังวลของฝ่ายแรกสะท้อนถึงความจำเป็นในการป้องกันช่องโหว่ในระบบวีซาและการศึกษา ซึ่งอาจถูกใช้ในทางที่ผิดได้ ขณะที่ฝ่ายที่สองแสดงให้เห็นถึงกลไกการควบคุมที่มีอยู่และความพยายามในการแก้ไขปัญหา การแก้ไขสถานการณ์นี้ควรเน้นที่การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และการสื่อสารที่ชัดเจนเพื่อลดความกังวลของประชาชน โดยไม่ตีตราว่านักศึกษาต่างชาติทุกคนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์
สถิติที่เกี่ยวข้อง
- จำนวนนักศึกษาต่างชาติในไทย: สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รายงานว่า ในปี 2567 มีนักศึกษาต่างชาติในประเทศไทยประมาณ 30,000 คน โดยร้อยละ 40 เป็นนักศึกษาจีน (ที่มา: รายงานการจัดการศึกษานานาชาติ, สกอ., 2567)
- การยกเลิกวีซานักศึกษา: สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า ในปี 2566 มีการยกเลิกวีซานักศึกษาต่างชาติทั่วประเทศ 1,200 ราย เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการศึกษา (ที่มา: รายงานประจำปี, สตม., 2566)
- นโยบายวีซาฟรี: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า นโยบายวีซาฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศกว่า 3.5 ล้านคน (ที่มา: รายงานการท่องเที่ยว, 2566)
- การตรวจสอบสถานศึกษา: กระทรวง อว. ระบุว่า ในปี 2567 มีการตรวจสอบสถานศึกษาที่รับนักศึกษาต่างชาติ 150 แห่ง พบว่า 10 แห่งมีพฤติการณ์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ (ที่มา: รายงานการตรวจสอบ, กระทรวง อว., 2567)
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- thaipbs