
เศรษฐกิจเชียงราย: การเติบโตท่ามกลางความท้าทาย สะท้อนสองขั้วแห่งความจริง
เชียงราย ในช่วง เดือนพฤษภาคม 2568 ที่ประเทศไทย – กำลังเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งในระดับโลกและภายในประเทศ รายงานล่าสุดจากกรมสรรพากรเผยให้เห็นถึงความสำเร็จในการจัดเก็บรายได้ภาษีประจำเดือนเมษายน 2568 ที่สูงเกินเป้าหมายถึง 7,732 ล้านบาท สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจในเชิงบวกในระดับมหภาค อย่างไรก็ตามเมื่อมองในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ภาพที่ปรากฏกลับซับซ้อนกว่าที่ตัวเลขแสดง ตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจในไตรมาสแรกของปี 2568 สวนทางกับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นที่เผชิญกับความยากลำบากในการค้าขาย และนี่จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึง “เศรษฐกิจสองขั้ว” ที่กำลังก่อตัวขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย
เศรษฐกิจไทยในภาพรวม
ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – เมษายน 2568) กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้รวมถึง 1,138,182 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้า 47,325 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 และสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณถึง 17,950 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.6 โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2568 การจัดเก็บราย ได้ภาษีอยู่ที่ 171,921 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 11,052 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.9
นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ระบุว่า “ปัจจัยหลักที่ทำให้การจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าคือการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศ (ภ.พ. 30) ซึ่งสูงกว่าปีก่อนถึงร้อยละ 11.0 รวมถึงภาษีเงินได้จากการจ่ายเงินปันผลและการจำหน่ายกำไรไปต่างประเทศ (ภ.ง.ด. 54) และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่สูงกว่าประมาณการ”
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในบางภาคส่วน โดยเฉพาะการบริโภคภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การเติบโตในระดับมหภาคนี้ ไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นจริงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างจังหวัดเชียงราย
เศรษฐกิจเชียงราย – การเติบโตที่ซ่อนความท้าทาย การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ สัญญาณบวกที่อาจเป็นภาพลวงตา
จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) จังหวัดเชียงรายมีการจดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ถึง 241 ราย ครองอันดับที่ 2 ในภาคเหนือ รองจากจังหวัดเชียงใหม่ที่มีการจดทะเบียนถึง 991 ราย และสูงกว่าจังหวัดพิษณุโลกที่มี 135 ราย การเติบโตของการจดทะเบียนในเชียงรายส่วนใหญ่มาจากภาคบริการ ซึ่งมีถึง 143 ราย ตามมาด้วยภาคการค้าส่งและค้าปลีก 89 ราย และภาคการผลิตเพียง 9 ราย
ในแง่มูลค่าทุนจดทะเบียน ธุรกิจใหม่ในเชียงรายมีมูลค่ารวม 324.718 ล้านบาทในไตรมาสแรก โดยเดือนมกราคมมีมูลค่า 138.652 ล้านบาท เดือนกุมภาพันธ์ 105.23 ล้านบาท และเดือนมีนาคม 80.836 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวในภาคธุรกิจที่ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในระดับชุมชน เมื่อพิจารณาจากเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ กลับพบว่าภาคธุรกิจขนาดเล็กและการค้าปลีกในท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก
เสียงจากฐานราก ความยากลำบากของพ่อค้าแม่ค้า
ในเขตเมืองเชียงราย โดยเฉพาะในย่านตลาดชุมชน เช่น ถนนคนเดินทั้งในและนอกจังหวัดหรือกาดหลวง พ่อค้าแม่ค้าต่างสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างรุนแรง “ตอนนี้เศรษฐกิจเมืองเชียงรายย่ำแย่มาก ตลาดไม่มีคนเดิน พ่อค้าแม่ค้าขายของไม่ได้ คนไม่มีเงินซื้อของ รายได้เหลือวันละไม่กี่ร้อย” พ่อค้าจากตลาดกาดเกยระบุ ขณะที่แม่ค้าจากกาดหลวงกล่าวเสริมว่า “ยอดขายลดลงจากวันละ 1,000–2,000 บาท เหลือไม่ถึง 300 บาท ไม่มีนักท่องเที่ยว ถนนคนเดินเงียบเหงา”
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการท้องถิ่นบางรายตั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างถิ่นหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจากนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งไม่สะท้อนถึงสถานการณ์ของผู้ประกอบการในท้องถิ่น “ที่จดทะเบียนกันเยอะ อาจเป็นทุนจากต่างชาติหรือทุนจีนเทา คนไทยในพื้นที่ยังลำบากมาก” ผู้ประกอบการรายหนึ่งระบุ
ปัจจัยกดดันเศรษฐกิจเชียงราย
- การชะลอตัวของการท่องเที่ยว
เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ เช่น วัดร่องขุ่น ดอยแม่สลอง และสามเหลี่ยมทองคำ อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลท่องเที่ยวที่สั้นและการลดลงของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศส่งผลให้รายได้จากภาคท่องเที่ยวไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวที่ถนนคนเดินและสถานที่ท่องเที่ยวเงียบเหงา - ปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และหมอกควันที่รุนแรงในช่วงต้นปี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการในพื้นที่ระบุว่า “นักท่องเที่ยวกลัวหมอกควัน มาเชียงรายแล้วเจออากาศแย่ ก็ไม่อยากกลับมาอีก” ปัญหานี้ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเพิ่มต้นทุนด้านสุขภาพของประชาชน - ต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น
ค่าครองชีพ ค่าไฟ ค่าขนส่ง และราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากต้องเผชิญกับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นโดยไม่มีกำไรเพียงพอในการดำเนินธุรกิจต่อ - การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค
การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์และบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านทำให้ผู้บริโภคในเชียงรายหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าออฟไลน์ โดยเฉพาะในตลาดท้องถิ่น ได้รับผลกระทบอย่างหนัก “คนไม่เดินตลาดแล้ว สั่งของออนไลน์ถูกกว่า สะดวกกว่า” แม่ค้าจากกาดหลวงระบุ - ขาดมาตรการสนับสนุน SME
ผู้ประกอบการรายย่อยในเชียงรายเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งทุนและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ขาดกลไกประกันความเสี่ยง และการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล ส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากต้องปิดกิจการ - ความเหลื่อมล้ำทางการค้า
ในขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มทุนจากต่างถิ่นยังคงเติบโตได้ ธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่นกลับต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เท่าเทียม การจัดงานอีเวนต์และเทศกาลต่าง ๆ มักเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของสถานที่และผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่ ขณะที่ร้านค้าในท้องถิ่นไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควร
เศรษฐกิจสองขั้วของจังหวัดเชียงราย
จากข้อมูลทั้งในเชิงสถิติและข้อเท็จจริงในพื้นที่ เชียงรายกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ “เศรษฐกิจสองขั้ว” ที่ชัดเจน
- เศรษฐกิจบน (Upper Economy)
เศรษฐกิจในระดับนี้ขับเคลื่อนโดยกลุ่มทุนใหญ่ การลงทุนจากต่างถิ่น และกิจกรรมเศรษฐกิจขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น การค้าชายแดน ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างถนนและทางรถไฟ ตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคบริการและค้าส่ง/ค้าปลีก สะท้อนถึงความเคลื่อนไหวในระดับนี้ - เศรษฐกิจล่าง (Lower Economy)
เศรษฐกิจในระดับฐานราก ซึ่งรวมถึงตลาดสด ชุมชน และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก กำลังเผชิญกับภาวะซบเซา ผู้ประกอบการรายย่อยต้องต่อสู้กับต้นทุนที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ลดลง และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปซื้อของออนไลน์ ส่งผลให้ร้านค้าจำนวนมากต้องปิดกิจการหรืออยู่ในสภาวะ “เสี่ยงตาย”
ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจที่วัดจากตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจหรือรายได้ภาษีในระดับมหภาคอาจไม่สามารถสะท้อนความเป็นจริงในระดับชุมชนได้อย่างครบถ้วน หากไม่มีการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและนโยบายที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการรายย่อย การเติบโตของเศรษฐกิจจังหวัดเชียงรายในระยะยาว อาจกลายเป็น “การเติบโตที่ไม่สมดุล” และเพิ่มความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ได้
ทางออกสำหรับเชียงรายและประเทศไทย
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสองขั้วในจังหวัดเชียงรายและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีนโยบายและมาตรการที่ครอบคลุมทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ดังนี้
- การสนับสนุน SME และผู้ประกอบการรายย่อย
ภาครัฐควรมอบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ อบรมทักษะการค้าออนไลน์ และพัฒนาแพลตฟอร์มท้องถิ่นเพื่อให้ร้านค้าในจังหวัดเชียงรายสามารถแข่งขันกับแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ได้ - การจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ
การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ต้องเป็นวาระเร่งด่วน โดยเฉพาะการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการควบคุมการเผาในที่โล่ง และการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ - การกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
การส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาล การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ และการประชาสัมพันธ์เชิงรุกจะช่วยเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ - การลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ
การลดค่าไฟ ค่าขนส่ง และการควบคุมราคาวัตถุดิบจะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการรายย่อย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น - การลดความเหลื่อมล้ำทางการค้า
การจัดงานอีเวนต์และเทศกาลต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยจัดสรรพื้นที่และโอกาสให้ร้านค้าในชุมชนได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม
ในระดับชาติ การที่กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การกระจายผลประโยชน์จากการเติบโตนี้ไปสู่ระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างจังหวัดเชียงราย จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม
สถิติสำคัญประกอบข่าว
รายการ |
มูลค่า / จำนวน |
แหล่งข้อมูล |
รายได้ภาษีเดือนเมษายน 2568 |
171,921 ล้านบาท |
กรมสรรพากร |
สูงกว่าประมาณการงบ |
+7,732 ล้านบาท (4.7%) |
กรมสรรพากร |
รายได้สะสม 7 เดือนแรก (ต.ค. 2567 – เม.ย. 2568) |
1,138,182 ล้านบาท |
กรมสรรพากร |
จดทะเบียนธุรกิจใหม่ (เชียงราย) ไตรมาส 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) |
241 ราย |
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า |
จดทะเบียนธุรกิจใหม่ (เชียงใหม่) ไตรมาส 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) |
991 ราย |
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า |
ธุรกิจบริการ (เชียงราย) ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) |
143 ราย |
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า |
ธุรกิจขายส่ง/ค้าปลีก (เชียงราย) ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) |
89 ราย |
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า |
มูลค่าทุนจดทะเบียน (เชียงราย) ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) |
324.718 ล้านบาท |
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า |
ที่มา:
- กรมสรรพากร (https://www.rd.go.th)
- กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (https://www.dbd.go.th)
- ข้อมูลจากจำนวนนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
การเติบโตที่ต้องสมดุล
จังหวัดเชียงรายในวันนี้ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน แม้ว่าตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจใหม่และรายได้ภาษีในระดับชาติจะสะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ในระดับชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อยกลับต้องต่อสู้กับความยากลำบากจากต้นทุนที่สูงขึ้น กำลังซื้อที่ลดลง และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสองขั้วในจังหวัดเชียงรายจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปได้อย่างสมดุลและครอบคลุมทุกกลุ่มในสังคม
บทความโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร Founder สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ และ Business – Group Head MBCS Thailand (Mediabrands Contents Studio)
เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร Co-Founder สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
ถ่ายภาพโดย : กีรติ ชุติชัย ทีมข่าว สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์