Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

จัดแข่งขันเดิน-วิ่ง “ผาหมีเทรล 2024” เส้นทางช่วยชีวิต 13 หมูป่า

 

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย นำโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ เทศบาลตำบลเวียงพางคำ และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เดิน-วิ่ง “ผาหมีเทรล” 2024 ภายใต้ความร่วมมือการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการประชาชนจังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจากนายอำเภอแม่สาย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ได้รับความสนใจจากนักวิ่งจากทั่วประเทศหลายร้อยคน

การจัดการแข่งขันกำหนดให้มีเส้นทางการเดิน-วิ่งระยะทางรวม 12 กิโลเมตร แบ่งการแข่งขันจำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย รุ่นอายุ 15-29 ปี ชาย-หญิง, รุ่นอายุ 30-49 ปี ชาย-หญิง, รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไป ชาย-หญิง และรายการนักวิ่งแต่งกายแฟนซีที่มาช่วยสร้างสีสันการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย โดยเริ่มต้นวิ่งจากบริเวณหมู่บ้านผาหมี ชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยนักวิ่งทุกคนจะได้ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เนินเขาที่สูงชัน ป่าเขียวขจี และลำธารใสสะอาด ให้นักวิ่งได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรอบข้าง

โครงการฯ ดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มท่องเที่ยวพี่น้องชุมชนบ้านผาหมี ชมรมนักวิ่ง และยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ห้างร้านเอกชน บูรณาการจัดการแข่งขันเดิน-วิ่งผาหมีเทรล จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสประสบการณ์การเดิน-วิ่งในธรรมชาติอย่างปลอดภัยและมีความสุข ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในช่วง Green Season และยังสร้างความตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สำหรับพื้นที่บ้านผาหมี เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติ อาทิ ดอยผาหมี วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาเยือนจำนวนไม่น้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความโดดเด่นทางธรณีวิทยาของบ้านผาหมี ที่เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีเชียงราย (Chiang Rai Geopark) มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับภารกิจการกู้ภัยระดับโลก “ถ้ำหลวง” ช่วยชีวิต 13 นักเตะทีมหมูป่าที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา จากการร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องบ้านผาหมี ร่วมสำรวจพื้นที่รอบวนอุทยานจนพบบริเวณห้วยน้ำดั้น สามารถช่วยชะลอการไหลของน้ำที่จะท่วมเข้าไปยังภายในถ้ำหลวงจนสามารถช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตได้สำเร็จ

งานนี้ไม่เพียงเป็นโอกาสให้คนรักการเดิน-วิ่งเทรลได้มาประลองฝีมือกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนที่บ้านผาหมีแห่งนี้อีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทศบาลนครเชียงราย ดึง “เอสที” สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน

 

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย (อาคารเจียงแสน) จังหวัดเชียงราย ได้มีการแถลงข่าวการจัดการแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2567 โดยมี นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วย คณะกรรมการจัดงานและตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมแถลงข่าว นอกจากนี้ได้รับเกียรติจากนักกีฬาทีมชาติไทย โอลิมปิกเกม ปารีส 2024 “น้องเอสที” วารีรยา สุขเกษม นักกีฬาสเก็ตบอร์ดสาวน้อยมหัศจรรย์วัย 12 ปี มาร่วมกันให้กำลังใจนักเรียนและนักศึกษาที่เข้าร่วมแข่งขัน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ เยาวชน พร้อมจัดเต็มกิจกรรมตลอดการจัดงานอีกด้วย

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า ในนามเทศบาลนครเชียงราย เจ้าภาพจัดการแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2567 เรามุ่งมั่นพัฒนาให้เชียงรายก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง บนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วน สร้างโอกาสและอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน โดยมุ่งพัฒนาด้านการศึกษาให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) สอดคล้องกับที่องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้เทศบาลนครเชียงราย เป็นภาคีเครือข่ายด้านเมืองแห่งการเรียนรู้แห่งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนทุกช่วงวัยมีองค์ความรู้รอบด้าน ยึดหลักการ “การศึกษาพัฒนาคน คนพัฒนาเมือง เมืองพัฒนาคน”

นายวันชัย จงสุทธานามณี ได้กล่าวอีกว่า การแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่นในครั้งนี้ ได้จัดให้มีการแข่งขันในทุกระดับการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา โดยแบ่งออกเป็นการประกวดแข่งขันสามัญ 108 รายการ 23 ประเภท และการประกวดแข่งขันอาชีวศึกษา 34 รายการ รวมทั้งหมด 142 รายการ อีกทั้งยังมีการมอบโล่รางวัลแก่ครูและผู้ดูแลเด็กดีเด่นของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ครูและนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน ได้แสดงศักยภาพของตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ และได้เรียนรู้พัฒนาตนเองในทุกด้าน

“เทศบาลนครเชียงรายมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพและเจ้าบ้านที่ดี เรายินดีและพร้อมต้อนรับทุกท่านที่ได้มาเยือนเชียงราย ทั้งนักเรียนผู้ชนะจากการแข่งขันในระดับภาค ครูผู้ควบคุม ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและคณะ รวมถึงผู้ปกครองจากทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 20,000 คน ผมในฐานะตัวแทนคณะกรรมการการจัดงานในครั้งนี้ ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้เข้าแข่งขัน พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ กับกิจกรรม Workshop ทั้ง 6 ฐาน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในงานเสวนาทางวิชาการจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา และการจัดแสดงผลงานทางวิชาการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาคุณภาพการศึกษาและยกระดับศักยภาพผู้เรียนให้มีมาตรฐานในระดับสากลต่อไป”

สำหรับการแข่งขันทักษะวิชาการและงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น ระดับประเทศ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2567 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2567 ณ สนามแข่งขันทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย (หอประชุมนครเชียงราย), มหาวิทยาลัยพะเยา วิทยาเขตเชียงราย, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ๒๐ เชียงราย, วิทยาลัยการอาชีพเชียงราย, วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย, เวทีรำวงสวนตุงและโคมนครเชียงราย, โรงเรียนเทศบาล ๖ นครเชียงราย, โรงเรียนเทศบาล ๗ ฝั่งหมิ่น และโรงเรียนเทศบาล ๘ บ้านใหม่

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นที่ยอมรับในผลการตัดสินของผู้เข้าแข่งขัน ตลอดจนความโปร่งใสและเชื่อถือได้ เทศบาลนครเชียงรายและคณะผู้จัดงานได้เชิญคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ

จากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในท้องถิ่นและทั่วประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันต่าง ๆ มากถึง 170 ท่าน การแข่งขันในบางประเภทได้รับเกียรติจากคณะกรรมการที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ เช่น กรรมการการแข่งขันการกล่าวสุนทรพจน์, การแข่งขันการร้องเพลงลูกทุ่ง และการแข่งขันร้องเพลงพระราชนิพนธ์ อาทิ อาจารย์พะเยาว์ พัฒนพงศ์, อาจารย์เสน่ห์

ศรีสุวรรณ, ดร.อภิชาติ ดำดี, อาจารย์ประยงค์ ชื่นเย็น (นายกสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทย/ศิลปินแห่งชาติ), อาจารย์วิไล พนม (นายกสมาคมนักแต่งเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย), ผศ.ดร.สุรินทร์ เมทะนี (ครูเบิร์ด), อาจารย์ทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล, อาจารย์รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ และอาจารย์สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา (ครูโจ้) ร่วมเป็นคณะกรรมการผู้ตัดสิน

นอกจากการแข่งขันทักษะวิชาการแล้ว ยังมีงานมหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น โดยจะมี Workshop ที่ถูกนำเสนอในรูปแบบของท้องถิ่นผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีอย่างลงตัว โดยส่งเสริมให้เด็กได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ซึ่งถูกพัฒนาออกเป็น 5 ฐาน 6 กิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมการมองเห็น ทายภาพสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย กิจกรรมการลิ้มรส ทดลองชิมอาหารท้องถิ่น กิจกรรมการได้กลิ่น ทดลองดมกลิ่นชา และใบชา กิจกรรมการได้ยิน ทดลองฟังภาษาเหนือพร้อมเรียนรู้ความหมาย กิจกรรมการสัมผัส ทดลองประดิษฐ์หมอนใบชาหรือเพนต์ลายเครื่องเคลือบดินเผา และกิจกรรมการประเมินความฉลาดรู้ PISA

 

อีกทั้งยังมีการเสวนาทางวิชาการ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา จากเวทีเสวนาทางวิชาการทั้ง 3 รอบ ในวันที่ 2-3 กันยายน 2567 เพื่อเป็นแนวทางในการยกระดับ

ศักยภาพผู้เรียนและพัฒนาคุณภาพการศึกษาท้องถิ่นสู่สากล ตลอดจนมีการจัดแสดงผลงานทางวิชาการของเจ้าภาพและหน่วยงานภายนอก โดยในส่วนของเจ้าภาพได้นำเสนอผลงานเด่นของเทศบาลนครเชียงราย และศักยภาพของแต่ละโรงเรียนในสังกัด อาทิ โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย โรงเรียนพระราชทานกิจกรรมเพื่อสังคม “ถุงผ้าเต้านมเทียม” ตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ และโรงเรียนเทศบาล 7 ฝั่งหมิ่น โครงงานเด็กเล็กทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกในการจัดแสดงผลงานทางวิชาการเพื่อเผยแพร่นวัตกรรมต่าง ๆ ให้แก่ผู้เข้าชมสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาหน่วยงานของตนเองได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

อบจ.เชียงราย จัดรักบี้ฟุตบอล ปีที่ 2 เฟ้นหาตัวแทนสู่นักกีฬาอาชีพ

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 10  สิงหาคม  2567 เวลา 10.00  น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการกีฬาและนันทนาการประชาชนจังหวัดเชียงราย กิจกรรมที่ 29 การแข่งขันกีฬารักบี้ฟูตบอล 7 คน อบจ.เชียงรายคัพ ประจำปี 2567 โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ที่ปรึกษาสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย นายเก่ง แกล้วกล้า นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

อบจ.เชียงราย ได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จ.เชียงราย และสมาคมรักบี้แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันจัด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล 7 คน อบจ.เชียงรายคัพ ประจำปี 2567 ณ สนามรักบี้ฟุตบอล สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย และบุคลากร กองการท่องเที่ยวและกีฬา อบจ.เชียงราย

โดยการจัดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล 7 คน ได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย และสมาคมรักบี้แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ เพื่อส่งเสริมและยกระดับกีฬารักบี้ฟุตบอลในจังหวัดเชียงรายให้แพร่หลาย เป็นการส่งเสริมความรู้ทักษะทางด้านกีฬารักบี้ฟุตบอล เพื่อต่อยอดในระดับการแข่งขันต่อไป เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงราย ได้ฝึกทักษะในกีฬารักบี้ฟุตบอล และเป็นการยกระดับวงการกีฬารักบี้ฟุตบอลภายในจังหวัดเชียงราย โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมแข่งขันจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดเชียงราย  โครงการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล 7 คน ในระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2567 โดยมีกลุ่มเป้าหมายนักกีฬารักบี้ จากโรงเรียนมัธยมศึกษาใน จ.เชียงราย จำนวน  10 โรงเรียน ดังนี้ โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม 5 ทีม,โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม 2 ทีม,โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ 3 ทีม,โรงเรียนแม่จันวิทยาคม 2 ทีม,โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม 2 ทีม,โรงเรียนปล้องวิทยาคม 1 ทีม,โรงเรียนแม่ลาววิทยาคม 1 ทีม,โรงเรียนราษฎร์ประชานุเคราะห์ 62 2 ทีม,โรงเรียนพานพิทยาคม 1 ทีม,โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  3 ทีม

 

มีกำหนดการแข่งขันประเภท รุ่นอายุ 12 ,14 ,16 ปี ชาย-หญิง ประเภททีมโรงเรียน ชาย-หญิง จำนวนทีมนักกีฬาที่ร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น 22 ทีม จำนวนนักกีฬาทั้งหมด  352 คน โดยกำหนดตารางการแข่งขันออกเป็น 2 วัน ซึ่งการจัดโครงการในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากสมาคมรักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ที่ปรึกษาสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นผู้ประสานผลักดันโครงการในครั้งนี้ และให้ความอนุเคราะห์กรรมการตัดสิน และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย อนุเคราะห์บุคลากรประจำสนามแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จ.เชียงราย ให้การสนับสนุนในความร่วมมือในการ

ซึ่งผลการแข่งขันรักบี้ อบจ.เชียงรายคัพ ประจำปี 2567

รุ่น 12 ปีชาย

– ชนะเลิศ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

รุ่น 14 ปีหญิง

– ชนะเลิศ โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์

รุ่น 14 ปีชาย

– ชนะเลิศ โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

รุ่น 16 ปีหญิง

– ชนะเลิศ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม

รุ่น 16 ปีชาย ดิวิชั่น 2

– ชนะเลิศ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์

รุ่น 16 ปีชาย ดิวิชั่น 1

– ชนะเลิศ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62

รุ่นโรงเรียนหญิง

– ชนะเลิศ โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม

รุ่นโรงเรียนชาย ดิวิชั่น 4

– ชนะเลิศ โรงเรียนปล้องวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์

รุ่นโรงเรียนชาย ดิวิชั่น 3

– ชนะเลิศ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนพานพิทยาคม

รุ่นโรงเรียนชาย ดิวิชั่น 2

– ชนะเลิศ โรงเรียนแม่ลาววิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม

รุ่นโรงเรียนชายดิวิชั่น 1

– ชนะเลิศ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม

– รองชนะเลิศอันดับที่ 1 โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม

จัดการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อยอดมาจากการฝึกอบรมเมื่อ วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 และเพื่อคัดทีมเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมการแข่งขันในระดับภาคเหนือ ณ จังหวัดพิษณุโลกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เผยเบื้องหลังความสำเร็จ “น้องออย” ทุ่มเทเสียสละสู่ฝันที่เป็นจริง

 

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.สุรจนา คำเบ้า อายุ 24 ปี ชาวบ้านดอนที่ หมู่ 3 ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย สามารถคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬายกน้ำหนักที่โอลิมปิค ปารีสเกมส์ รุ่นน้ำหนัก 49 กิโลกรัมนั้น พบว่าเบื้องหลังขอความสำเร็จคือคุณครูสมศิลป์ ขันธิกุล อดีตครูโรงเรียนริมโขงวิทยา ต.ริมโขง อ.เชียงของ ซึ่งพึ่งเกษียณอายุราชการไปได้เพียง 2 ปี โดยครูสมศิลป์เป็นส่วนหนึ่งที่นอกจากจะทำให้น้องออยคว้าเหรียญในโอลิมปิคแล้วยังเคยคว้า 1 เหรียญทองแดง ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และคว้า 3 เหรียญทอง ในการแข่งกันกีฬาซีเกมส์ รวมทั้ง 3 เหรียญทองจากการแข่งขันเยาวชนโลก

         ประวัติโดยรวมของครูสมศิลป์ จบการศึกษาจากวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ รุ่นที่ 9 และเมื่อครั้นที่น้องออยยังเป็นเด็กได้เรียนระดับประถมศึกษาอยู่ที่โรงเรียนริมโขงวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนที่ครูสมศิลป์สอนวิชาพละอยู่นั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ด.ญ.สุรจนา ในขณะนั้นได้เข้าเรียนเหมือนเด็กชนบทชายแดน ไทย-ลาว ที่ติดกับแม่น้ำโขงทั่วไป แต่เด็กหญิงคนนี้สามารถฝึกฝนพื้นฐานของกีฬาชนิดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องจนเริ่มเป็นที่จับตาของคุณครูสมศิลป์ กระทั่งขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็สามารถเล่นกีฬาต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล วิ่ง ฯลฯ จนได้รับเลือกเป็นนักกีฬาของโรงเรียน ชีวิตของน้องออยเริ่มพลิกผันเพราะครูสมศิลป์ เมื่อคุณครูได้ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์อดีตศิษย์เก่าวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ รุ่นที่ 9 และได้พบเจอกับเพื่อนร่วมรุ่นที่ทำงานอยู่โรงเรียนกีฬา จ.ชลบุรี ซึ่งกำลังเสาะหานักกีฬายกน้ำหนักให้เข้าไปฝึกฝนที่โรงเรียน ขณะนั้นน้องออยยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แต่เมื่อครูสมศิลป์และเพื่อนเห็นพ้องตรงกันว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์และฝีมือด้านการกีฬาจึงได้ตกลงจะรับตัวไป ครูสมศิลป์จึงรับภาระเป็นเสมือนผู้ปกครองรองจากพ่อแม่ตั้งแต่นั้น โดยได้ไปขออนุญาตปู่และย่าซึ่งเลี้ยงดูน้องออยมาตั้งแต่เด็ก และบิดาและมารดาที่แยกทางกันซึ่งทั้งหมดก็เห็นชอบที่จะส่งไปเรียนเพื่ออนาคตที่ดี


        ครูสมศิลป์ กล่าวว่า นับตั้งแต่นั้นผมต้องทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาลูกศืษย์คนนี้ไปส่งที่ จ.ชลบุรี โดยเราเดินทางไปด้วยกัน 2 คน เพราะไม่คุ้นเคยเส้นทางจึงพากันหลงไปไกลกว่าจะไปถึงโรงเรียนก็ค่ำมืด หลังจากส่งน้องออยให้โรงเรียนและบอกเพื่อนที่เป็นโค้ชให้ช่วยดูแลแล้วก็ขับรถกลับเชียงรายตามลำพัง ปรากฎว่าไม่ถึงวันน้องออยก็โทรศัพท์มาขอให้พากลับบ้านเพราะน้องเป็นเด็กจากชายแดนเชียงรายไม่เคยออกบ้านไปไหน ที่สำคัญไม่เคยรู้จักใครเมื่อต้องไปอยู่กับคนแปลกหน้าในโรงยิมที่ฝึกซ้อมจึงร้องไห้ฟูมฟาย แต่ตนก็บ่ายเบี่ยงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ ระหว่างขับรถกลับถึง จ.นครสวรรค์ น้องก็โทรศัพท์มาหาอีกหลายครั้งขอกลับบ้าน แม้ผ่านไปหลายวันอาการปรับตัวไม่ได้ก็ยังมีอยู่แม้แต่เพื่อนของตนที่เป็นโค้ชยังแนะนำให้ตนกลับไปรับน้องออยกลับ จ.เชียงราย ด้วยแต่ตนก็อดทนเพื่อให้อดีตลูกศิษย์คนนี้ได้มีอนาคตที่ดี


       เมื่อย้อนกลับไปที่บ้านเลข 41/4 หมู่บ้านดอนที่ หมู 3 ต.ริมโขง อ.เชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของน้องออย พบว่าบิดาและมารดาได้แยกทางชีวิตกัน ที่บ้านจึงคงมีแต่นายสุทัศน์ คำเบ้า อายุ 77 ปี นางสี คำเบ้า อายุ 70 ปี ปู่และย่าของน้องออย ส่วนนายขวัญชัย คำเบ้า อายุ 47 ปี แยกไปสร้างบ้านหลังใหม่ ซึ่งทุกคนต่างตั้งความหวังเอาไว้กลับเด็กน้อยจากเชียงของคนนี้โดยมีครูสมศิลป์เป็นคนคอยประสานงาน บอกเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่ หลายครั้งก็ควักเงินตัวเองช่วยเหลือความเป็นอยู่ของน้อยออย กระทั่งเวลาผ่านไปหลายปีน้องออยก็สามารถปรับตัวได้และแสดงฝีมือการยกน้ำหนักโดยเฉพาะรุ่น 49 กิโลกรัม แต่การดูแลก็ยังไม่พ้นครูสมศิลป์เพราะเมื่อติดทีมชาติหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศครูสมศิลป์ก็ต้องดั้นด้นขับรถจากชายแดนเชียงของพาไปทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ต รวมทั้งช่วยเหลือด้านอื่นๆ จนอดีตลูกศิษย์ค่อยๆ สร้างผลงานคว้าเหรียญรางวัลต่างๆ จนมาถึงเหรียญทองโอลิมปิคดังกล่าว ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับครูสมศิลป์เป็นอย่างมาก


       ครูสมศิลป์ กล่าวอีกว่า หลังจากไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี น้องออยก็กลับบ้านนานๆ ครั้ง บางครั้งเดินทางมาแข่งขันใกล้บ้านเกิดตนก็จะทำหน้าที่ไปขอตัวและรับส่งมายังบ้าน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาน้องออยไม่สามารถเป็นตัวแทนนักกีฬาของ จ.เชียงราย หรือส่งผลต่อการต้อนรับหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เพราะมีข้อตกลงเดิมว่าถ้าจะเข้าเรียนที่โรงเรีบนกีฬา จ.ชลบุรี ต้องโอนย้ายที่อยู่ไปอยู่ จ.ชลบุรี ดังกล่าวดังนั้นตนจึงคาดหวังว่าในอนาคตจะมีการโอนย้ายที่อยู่กลับมายัง จ.เชียงราย เพื่อให้น้องออยได้มีโอกาสกลับภูมิลำเนาหรือได้รับการสนับสนุนในฐานะชาวเชียงราย เพราะที่ผ่านมาการต้อนรับหรือสนับสนุนในฐานะชาวเชียงรายไม่สามารถทำได้มากนัก แม้จะคว้าเหรียญในรายการนานาชาติมาแล้วมากมายแต่เรื่องก็เงียบหายไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เด็กเชียงราย! สร้างชื่อหลังคว้าทอง การแข่งขันฮับกิโดชิงแชมป์โลก

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567  อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดการแข่งขันฮับกิโด รายการ World I.H.F. Hapkido Championship 2024 มีนักกีฬาจาก 12 ประเทศเข้าร่วมณ โรงยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี

ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ได้รับเกียรติ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน ฮับกิโด รายการ World I.H.F. Hapkido Championship 2024 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม โดยมี Mr. Myung Sung Kwang ประธานสหพันธ์ ฮับกิโดนานาชาติ (I.H.F) ดร.พัฒพงษ์ พงศ์สกุล ผอ.สำนักการกีฬา กรมพลศึกษา และนายปกาศิต เอี่ยมบุตร เลขานุการกรม กรมพลศึกษาและกรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนนทบุรี อ.นักรบ ทองแดง ประธานเทคนิคสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย และสัมฤทธิ์ พวงษ์วิรัตน์ เลขาธิการสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดชลบุรี ร่วมเป็นเกียรติ

สำหรับการแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาจากทั่วทุกมุมโลกร่วมประลองฝีมือกว่า 1,000 คน จาก 12 ประเทศ ซึ่งจะทำการแข่งขันกันในประเภท โฮซิลชุล ,ท่ารำมือเปล่า ,ท่ารำอาวุธ ,กระโดดไกล ,กระโดดสูง ,Speed Festival และการต่อสู้ รุ่นอายุ Senior

จังหวัดเชียงราย มีส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในรายการนี้ โดย MTKD-โรงเรียนเมฆเทควันโดเชียงราย  ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดของการแข่งขันรายการWORLD I.H.F. HAPKIDO CHAMPIONSHIPS 2024 การแข่งขันฮับกิโดชิงแชมป์โลก ณ โรงยิมเนเซียม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม 2567 โดย

1.น.ส.ศุภิสรา ไร่ลือคำ นักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
เหรียญทอง ท่ารำมือเปล่า
เหรียญทอง ต่อสู้

2.น.ส.พิศน์ณิชา เดชถิระพิพัฒน์ นักเรียนโรงเรียนเทศบาล6 นครเชียงราย
เหรียญทองแดง ท่ารำมือเปล่า
เหรียญทองแดง ท่ารำอาวุธ

3.ภูมิระพี โรจนวานิชกุล นักเรียนโรงเรียนบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
เหรียญทองแดง ต่อสู้
เหรียญทองแดง ประเภท ท่ารำมือเปล่า

4.สุรพิชญ์ ไร่ลือคำ นักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
เหรียญทองแดง ประเภทต่อสู้
เหรียญทองแดง ประเภทท่ารำมือเปล่า

5.ด.ช.ปรวัตร คีรีแก้ว นักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
เหรียญทองแดง ต่อสู้
เหรียญทองแดง speed kick

6.เด็กหญิงลายอักษรา วีรยุทธกําจร นักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม
เหรียญเงิน SPEED BATTLE
เหรียญเงิน ต่อสู้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : MTKD-โรงเรียนเมฆเทควันโดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

Youth Rugby Football Clinic ฝึกทักษะกีฬารักบี้ของเยาวชนเชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ ขันทะ หัวหน้าฝ่ายการกีฬา อบจ.เชียงราย และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพบปะและเปิดการอบรมเยาวชนคลินิกรักบี้ฟุตบอล “Youth Rugby Football Clinic” ณ อาคารคชสาร ศูนย์บูรณาการการเรียนรู้และนันทนาการ อบจ.เชียงราย

โครงการนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง อบจ.เชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและยกระดับกีฬารักบี้ฟุตบอลในจังหวัดเชียงรายให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการพัฒนาและเสริมสร้างทักษะด้านกีฬารักบี้ฟุตบอลให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันในระดับสูงต่อไป

การอบรมในครั้งนี้มีเป้าหมายให้เด็กและเยาวชนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดเชียงราย จำนวน 8 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนอบจ.เชียงราย โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ โรงเรียนพานพิทยาคม โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม และโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งสิ้นจำนวน 248 คน และคณะผู้ฝึกสอนจำนวน 19 คน รวมทั้งหมด 267 คน

ในการอบรมครั้งนี้ สมาคมรักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ส่งวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับกีฬารักบี้ฟุตบอล โดยมีหลักสูตรการอบรมที่ครอบคลุมทั้งวิธีการเล่น กฎ กติกา เทคนิคในการเล่น ตลอดจนการฝึกซ้อมปฏิบัติจริงในสนาม เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะอย่างเต็มที่

การจัดโครงการ Youth Rugby Football Clinic นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงรายได้มีโอกาสเข้าถึงกีฬารักบี้ฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทักษะและความร่วมมือจากทีมเป็นอย่างมาก การฝึกฝนทักษะเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจที่มีความมั่นคง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม ความมีระเบียบวินัย และการรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

 

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้กล่าวเปิดงานว่า “การจัดโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมการกีฬาให้กับเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้มีความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม การเรียนรู้และฝึกฝนกีฬารักบี้ฟุตบอลจะช่วยให้เยาวชนมีความสุขภาพดี มีระเบียบวินัย และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงการพัฒนาวงการกีฬารักบี้ฟุตบอลในจังหวัดเชียงรายให้มีมาตรฐานสูงขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล 7 คน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะเสริมสร้างความสามัคคีและการพัฒนาทักษะกีฬาของเยาวชนในจังหวัดเชียงรายต่อไป

โครงการ Youth Rugby Football Clinic นี้ นอกจากจะเป็นการฝึกทักษะและพัฒนาความสามารถด้านกีฬารักบี้ฟุตบอลแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนใส่ใจและเห็นความสำคัญของการออกกำลังกาย การมีสุขภาพที่ดี และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เพื่อเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

จังหวัดเชียงราย จัดการแข่งขันจักรยานขาไถ ( Balance Bike )

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการจัดการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเจตณรงค์ อินกัน ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน  พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงกัน
.
          ด้วยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้จัดโครงการจัดการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยได้ออกกำลังกายเพื่อพัฒนาการที่สมวัยรอบด้าน มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

         สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และภาคีเครือข่ายจัดโครงการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขึ้น โดยกำหนดจัดการแข่งขันขึ้นจำนวน 8 รุ่น มีนักกีฬาจากโรงเรียนที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัย และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 183 คน ได้แก่ รุ่นอายุ 3 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 3 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 4 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 4 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 5 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 22 คน รุ่นอายุ 5 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 22 คน รุ่นอายุ 6 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน และรุ่นอายุ 6 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 24 คน โดยนักกีฬาผู้ชนะเลิศลำดับที่ 1 ของแต่ละรุ่นจะได้เป็นตัวแทนระดับจังหวัดไปแข่งขันระดับประเทศต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

เปตองการกุศลท่าเรือโอเพ่น รายได้มอบ รพ.สมเด็จพระยุพราชเชียงของ

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น” ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำหรับมอบให้แก่ทีมชนะเลิศการแข่งขันกีฬาเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น” ประจำปี 2567 โดยมีนายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร และนายจำเริญ โพธิยอด กรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. ผู้บริหาร และพนักงาน กทท. ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ลูกค้า คู่ค้า ผู้ประกอบการ คณะกรรมการตัดสินจากสมาคมเปตองแห่งประเทศไทย นักกีฬาเปตอง และสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีฯ ณ สนามเปตอง กทท. คลองเตย กทม.

 

สำหรับการจัดการแข่งขันฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ 72 พรรษา และเพื่อดำรงไว้ซึ่งประเพณีของการจัดการแข่งขันฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2531 รวมทั้งเพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการเผยแพร่กีฬาเปตองหรือกีฬาสมเด็จย่าให้เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย เนื่องจากกีฬาเปตองสามารถเล่นง่าย เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ช่วยฝึกการใช้ความคิด สติปัญญา และการวางแผน รวมทั้งใช้อุปกรณ์และค่าใช้จ่ายน้อย เหมาะสำหรับคนไทย ทั้งนี้รายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาประชาชน ในปีนี้มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฯ จำนวนกว่า 300 ทีม เป็นนักกีฬาจากทั้งภายในและต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซียและฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาในระดับแชมป์ประเทศไทยและแชมป์โลกเข้าร่วมการแข่งขันด้วย ซึ่งจะทำการแข่งขันฯ รวม 5 ประเภท ได้แก่ ทีมชาย 3 คน ทีมหญิง 3 คน ทีมเยาวชน 3 คน คู่ผสมอาวุโส 2 คน และคู่ยุวชน 2 คน

 

ผู้ชนะเลิศประเภททีมชาย 3 คน จะได้รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเงินบำรุงทีม 30,000 บาท ผู้ชนะเลิศประเภททีมหญิง 3 คน จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเงินบำรุงทีม 15,000 บาท ผู้ชนะเลิศทีมเยาวชน 3 คน จะได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินบำรุงทีม 8,000 บาท สำหรับทีมชนะเลิศประเภทอื่นๆ จะได้รับถ้วยรางวัลจากการท่าเรือฯ และงบประมาณบำรุงทีมเช่นกัน

 

“กทท. พร้อมเปิดสนามให้การต้อนรับและขอขอบคุณนักกีฬาทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันเปตองครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชน และผู้สูงอายุ เข้าร่วมการแข่งขันฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและสร้างความสามัคคี นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมช่วยเหลือด้านสาธารณกุศลอีกด้วย” ผู้อำนวยการ กทท. กล่าว

 

เรือเอก ทองสี ตะมะโคตร แชมป์เปตองโลก 8 สมัย กล่าวว่า “เหตุผลที่เลือกมาแข่งขันในสนามแห่งนี้ เนื่องจากเป็นสนามที่มีความอบอุ่น เป็นกันเอง เป็นเสมือนบ้านที่ตนต้องการเข้าร่วมแข่งขันในทุกครั้ง และเป็นการฝึกพัฒนาตนเองไปด้วย เพราะนักกีฬาที่ร่วมแข่งในบ้านการท่าเรือฯนี้ เป็นนักกีฬาระดับแถวหน้าของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นสนามที่เปิดโอกาสให้เยาวชนมาร่วมแข่งขันเพื่อพัฒนาฝีมือและก้าวไปเป็นนักกีฬาทีมชาติในรุ่นต่อไป นับเป็นสิ่งที่ดีและจะช่วยต่อยอดกีฬาเปตองได้อย่างแพร่หลายต่อไป”

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

สมาคมกีฬาฯเชียงราย จัดแข่งเทควันโด Taekwondo Championships 2024

 

วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย  คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย และ ฝ่ายกีฬาเทควันโด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เปิดการแข่ง ขันกีฬาเทควันโด ชิงแชมป์ภาคเหนือ Chiangrai Taekwondo Championships 2024 ที่อาคารเชียงแสน ศูนย์ประชุมเทศบาลนครเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

 


      โดยมีนักกีฬาเทควันโด ชายและหญิง อายุ 11-17 ปี เข้าร่วมในการแข่งขัน และมีผู้ปกครอง รวมทั้งทีมเทควันโดจาก 9 จังหวัดภาคเหนือ เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมเชียร์ รวมประมาณ 1,000 คน ซึ่งการแข่งขัน แบ่งเป็น 3 ช่วงอายุ 11-12 ปี 13-14 ปี และ 15-17 ปี มีการแข่งขัน ภประเภท ประกอบด้วย ประเภทต่อสู้ ประเภทท่ารำ ประเภท เตะ speed และประเภท ชก speed

 


      นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เป็นโอกาสอันดี ที่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงรายและเทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมกันยกระดับการพัฒนาศักยภาพ ส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กเยาวชน และประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงราย และจังหวัดเชียงราย ได้มีโอกาสในการพัฒนาทักษะในการเล่นกีฬาเทควันโด อันก่อให้เกิดความสมานสามัคคี มีพลานามัยสมบูรณ์ และมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ซึ่งการจัดให้มีการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ จะทำให้เด็กเยาวชน ประชาชน ในจังหวัดเชียงราย และภาคเหนือตอนบน มีโอกาสได้ออกกำลังกายได้แสดงออกในทางที่ถูกต้อง และห่างไกลจากยาเสพติด และขอฝากข้อคิดให้กับนักกีฬาได้ตระหนักว่า การแข่งขันกีฬานั้น สิ่งสำคัญที่สุด 

 

คือการได้เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประสบการณ์ทางด้านกีฬา และการออกกำลังกายไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ขอให้นักกีฬาทุกคนภูมิใจว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว เพราะผลที่จะตามมาก็คือ ทำให้เรารู้จักคำว่า “น้ำใจนักกีฬา” รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งต้องขอขอบคุณเทศบาลนครเชียงราย หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน และฝ่ายกีฬาเทควันโด สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สนับสนุน จัดการแข่งขันกีฬาเทควันโด ชิงแชมป์ภาคเหนือ Chiangrai Taekwondo Championships 2024 เพราะการจัดกิจกรรมยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้อีกระดับหนึ่ง

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

การแข่งขันกีฬาเปตอง อบจ.เชียงรายคัพ รำลึกและเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายเกรียงศักดิ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเปตอง อบจ.เชียงรายคัพ เทิดพระเกียรติสมเด็จย่า พร้อมด้วยนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยมีนางเชิดทรง ฤทธิ์จิตเพียร ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวรายงาน ณ สนามเปตอง สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย

 

สำหรับการจัดโครงการในครั้งนี้ เพื่อรำลึกและเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ส่งเสริมกายออกกำลังการและเล่นกีฬาให้แก่เด็ก เยาวชนและประชาชนในจังหวัดเชียงรายได้เล่นกีฬาเปตองอย่างแพร่หลาย เกิดการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาเปตองเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ให้กีฬาเปตองเป็นสื่อในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกายและได้พัฒนาผู้เล่นจากการเล่นกีฬาเปตองโดยใช้เกมส์กีฬาในการเล่นขัดเกลาในทุกมิติ
สำหรับการแข่งขันแบ่งออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่
1. ทีมเยาวชนชาย จำนวน 42 คน
2. ทีมเยาวชนหญิง จำนวน 45 คน
3.ทีมประชาชนทั่วไปชาย จำนวน 152 คน
4.ทีมประชาชนทั่วไปหญิง จำนวน 33 คน
5.ทีมอาวุโสชาย จำนวน 87 คน
6.ทีมอาวุโสหญิง จำนวน 27 คน
7.ทีมผสมผู้สูงอายุชายหญิง อายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 36 คน
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น จำนวน 422 คน
 
 
อบจ.เชียงราย ได้เล็งเห็นความสำคัญกีฬาเปตองเป็นสื่อการพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจแก่ เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ได้มีพื้นที่ในการเล่นกีฬาเปตอง ให้ได้แสดงศักยภาพความสามารถ อันเป็นการส่งเสริมสนับสนุนกีฬาเปตองให้เป็นกีฬาที่มีการเล่นอย่างแพร่หลาย ดั่งพระปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และเพื่อเป็นการรำลึกถึงและเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า กีฬาเปตองเป็นเกมการเล่นที่จำเป็นต้องอาศัยการคิด คาดคะเน และการอ่านเกมในการเล่นอย่างจริงจัง เป็นการพัฒนาการทางด้านจิตใจผู้เล่นและจะต้องเข้าใจถึงจิตใจของผู้ร่วมทีมเป็นอย่างดี เป็นการสร้างสมาธิอันเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของผู้เล่น ฝึกการวางเฉย ทำจิตให้สงบ ทำสมาธิให้ได้ ไม่วิตกกังวล ไม่ท้อถอยในการเล่น ดังนั้นการเล่นกีฬาเปตอง จึงเป็นการส่งเสริมให้ผู้เล่นได้ใช้เทคนิคทุกรูปแบบและได้พัฒนาตนเองด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News