Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ลงพื้นที่เชียงราย มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567 สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบกัปปิยภัณฑ์เพื่อให้กำลังใจแก่พระภิกษุสามเณร และประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

ในการนี้ พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระราชวิชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูวรกิตติวิมล เจ้าคณะอำเภอขุนตาล นายอดิเรก ไลไธสง นายอำเภอขุนตาล นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธี ณ มณฑลพิธี วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ชุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเทิง ณ บ้านเหล่า ตำบลตับเต่า โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่

นอกจากนี้ คณะสงฆ์ พร้อมด้วยส่วนราชการยังได้มอบถุงยังชีพเพิ่มเติมอีก 500 ชุดแก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอขุนตาล ณ วัดป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น โดยการมอบถุงยังชีพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้

พื้นที่อำเภอเทิง และ อำเภอขุนตาล เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำป่าหลากและน้ำท่วมในพื้นที่ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้หลายครอบครัวต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ของสมเด็จพระมหาธีราจารย์และคณะสงฆ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การฟื้นฟูและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยการมอบถุงยังชีพและการให้กำลังใจนี้จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยากให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากน้ำท่วม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ ปี 67 “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” อนุรักษ์วัฒนธรรมอาข่า

 

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ณ ลานพระสยามเทวาธิราช (บ้านสามแยก) หมู่ 24 ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ประจำปี 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายธรนินทร์ เบ็ญชา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่ฟ้าหลวง เขต 2 และคณะผู้ร่วมงาน

ในงานนี้ นายปิยะเดช เชิงพิทักษ์กุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองใน ได้กล่าวรายงานถึงความสำคัญของการจัดงาน โดยเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” เป็นเทศกาลสำคัญที่มีมาตั้งแต่โบราณของชนเผ่าอาข่า การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชนเผ่าอาข่า อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน

 

ความสำคัญของเทศกาลโล้ชิงช้า

การจัดงานเทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างจิตสำนึกให้กับชุมชนชาวอาข่า ในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าซึ่งมีการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เทศกาลนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แม่สลองใน เพื่อสร้างความเข้าใจและการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย

 

ความร่วมมือของชุมชนและภาครัฐ

เทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ไม่เพียงเป็นเทศกาลทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นโอกาสที่ชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชนได้ร่วมมือกันในการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น งานในครั้งนี้มีการจัดแสดงศิลปะพื้นบ้าน การละเล่นพื้นเมือง และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชนเผ่าอาข่า ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานทั้งในพื้นที่และนักท่องเที่ยว

 

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานยังมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การแสดงทางวัฒนธรรมจากชนเผ่าอาข่าและชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แม่สลองใน การจัดแสดงสินค้าท้องถิ่นจากภูมิปัญญาพื้นบ้าน และการจัดนิทรรศการเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนเผ่าอาข่าและวัฒนธรรมอันยาวนานของพวกเขา

นอกจากนี้ การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่แม่สลองใน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย

 

การอนุรักษ์วัฒนธรรมผ่านเทศกาลโล้ชิงช้า

เทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” เป็นการแสดงออกถึงความรักและความหวงแหนในวัฒนธรรมของชนเผ่าอาข่า ซึ่งการโล้ชิงช้าเป็นส่วนสำคัญของประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการสรรเสริญความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และการขอพรให้พืชผลทางการเกษตรเจริญงอกงาม นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ชาวอาข่าจะแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้มีการส่งเสริมให้เยาวชนและคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้และสืบทอดวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน เพื่อให้ประเพณีนี้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

 

การจัดงานระหว่างวันที่ 7-8 กันยายน 2567

งานเทศกาลโล้ชิงช้ากระทุ้งกระบอกไม้ไผ่ “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 กันยายน 2567 ณ ลานพระสยามเทวาธิราช (บ้านสามแยก) ตำบลแม่สลองใน โดยในระหว่างสองวันของงานจะมีกิจกรรมหลากหลายที่เน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชนเผ่าอาข่า นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชนเผ่าอย่างใกล้ชิด

 

บทสรุป

งานเทศกาลโล้ชิงช้า “บ่อ ฉ่อง ตุ๊” ประจำปี 2567 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมของชนเผ่าอาข่า การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตระหนักในเรื่องของมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเสริมสร้างความรักในวิถีชีวิตและประเพณีดั้งเดิมของชนเผ่าที่มีความสำคัญต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ขยายผลเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรม จัดกิจกรรม “โชว์ แชร์ เชื่อม” ที่เชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมสุนทราภิรมย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ได้มีการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมและขยายผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนสู่กระบวนการรับรองมาตรฐานปี 2567 โดยศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ถึง 4 และโรงเรียนป่าแดงวิทยา ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้โดยตรง

กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้มีชื่อว่า “โชว์ แชร์ เชื่อม” มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมในจังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก นายจรัญ แจ้งมณี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

 

การสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในพิธีเปิดงาน นางสาว พรทิพา พุทธวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2 ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยมี ผศ.ดร.สมปรารถนา วงศ์บุญหนัก ผู้ทรงคุณวุฒิจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และบุคคลสำคัญจากหน่วยงานต่างๆ เช่น นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, นายสมพงษ์ บุตรวัน รองผู้อำนวยการ สพป.เชียงราย เขต 4 และ นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม พร้อมทั้งครูและนักเรียนจากโรงเรียนเครือข่ายคุณธรรมเข้าร่วมงานนี้

 

พิธีมอบรางวัลและเกียรติบัตรแก่โรงเรียนที่มีผลงานโดดเด่น

กิจกรรมสำคัญในวันนั้นเริ่มต้นด้วยการมอบเกียรติบัตรและรางวัลให้กับโรงเรียนที่มีผลงานโดดเด่นในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีผลงาน Best Practice โดยโรงเรียนเหล่านี้ได้แสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับการน้อมนำ พระบรมราโชบาย สู่การปฏิบัติในสถานศึกษา และการขับเคลื่อน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้กลายเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาการศึกษา

การมอบรางวัลในครั้งนี้ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้โรงเรียนอื่นๆ ได้มุ่งมั่นพัฒนาและปรับใช้แนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมที่มีประสิทธิภาพ

 

เสวนา “การพัฒนาคุณธรรม โดยครูรุ่นใหม่ หัวใจโค้ช”

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือการเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนาคุณธรรม โดยครูรุ่นใหม่ หัวใจโค้ช” ซึ่งได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.สมปรารถนา วงศ์บุญหนัก ผู้ทรงคุณวุฒิจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมเสวนากับทีมโค้ชเครือข่ายครูคุณธรรมจากจังหวัดเชียงรายทั้งหมด 4 เขต

การเสวนาครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาคุณธรรมในโรงเรียนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างครูและนักเรียนเพื่อส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในชีวิตประจำวัน ผ่านการใช้บทบาทของครูเป็นโค้ชในการชี้แนะแนวทาง

 

นิทรรศการผลงานและการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

ในงานยังมีการจัด นิทรรศการผลงานคุณธรรม จริยธรรม ที่นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดเชียงรายได้แสดงผลงานที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในกิจกรรมของโรงเรียน โดยผลงานที่นำมาแสดงมีความหลากหลายและสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ

นิทรรศการเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสำเร็จของโรงเรียนคุณธรรม แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงานได้เห็นถึงผลลัพธ์ของการประยุกต์ใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนานักเรียนและชุมชนโรงเรียน

 

ความสำคัญของโครงการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรม

โครงการส่งเสริมและขยายผลการพัฒนาเครือข่ายโรงเรียนคุณธรรมนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมแห่งคุณธรรมในสถานศึกษา โดยใช้แนวทางการเรียนรู้แบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งคุณธรรม จริยธรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดกิจกรรม โชว์ แชร์ เชื่อม ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในแนวทางการพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างโรงเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันการพัฒนาการศึกษาในระดับท้องถิ่น

การมีส่วนร่วมของหน่วยงานทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการสนับสนุนจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า การพัฒนาโรงเรียนคุณธรรมในจังหวัดเชียงรายเป็นโครงการที่มีคุณค่า และจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่มีคุณธรรมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” นำทีมวัฒนธรรมเชียงราย ร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

 

ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

 

การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

 

การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

 

บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

**สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 2567: ส่งเสริมความโปร่งใสและการพัฒนาที่ยั่งยืน**

เมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. – 11.00 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดย **นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์** วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมรับชมการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน ประจำปี 2567 ของ **องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)** ผ่านทางการถ่ายทอดสดบน Facebook Live ของเพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

การจัดงานในปีนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงมีอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในระดับบุคคล ภาคธุรกิจ และภาครัฐ มีส่วนร่วมในการลดปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในทุกระดับของสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

**ความสำคัญของวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2567: “ตื่นรู้สู้โกง”**

งานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด **“ตื่นรู้สู้โกง”** ซึ่งมุ่งเน้นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการร่วมกันต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ทางองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ชี้ให้เห็นว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาทางเศรษฐกิจหรือการบริหารงานภาครัฐเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการของทุกระดับในสังคม ซึ่งอาจทำให้การพัฒนาประเทศไม่ยั่งยืน

งานนี้เน้นให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจในทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก โดยมุ่งส่งเสริมให้ทุกธุรกิจมีการบริหารจัดการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังเน้นให้ผู้ประกอบการทุกสาขาอาชีพคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งพนักงาน ลูกค้า ผู้ลงทุน และสังคมโดยรวม โดยมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลัก **ESG** (Environment, Social, Governance) โดยเฉพาะในด้าน **G (Governance)** หรือการกำกับดูแลที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันและสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย

**การสนับสนุนธุรกิจในการบริหารจัดการโปร่งใสตามหลัก ESG**

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
1. **Environment (สิ่งแวดล้อม)**: การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
2. **Social (สังคม)**: การมีส่วนร่วมในสังคม และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. **Governance (การกำกับดูแล)**: การบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล

การที่ธุรกิจดำเนินการตามหลัก ESG นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในองค์กร แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีระดับโลก

**การบริหารจัดการภาครัฐและความโปร่งใส**

นอกจากภาคธุรกิจแล้ว การบริหารจัดการของภาครัฐก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใสและยุติธรรม โดยมุ่งเน้นการตรวจสอบและการควบคุมภายในองค์กรของภาครัฐ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ ผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การรายงานเหตุการณ์คอร์รัปชัน และการร้องเรียนที่สามารถทำได้ทั้งทางออนไลน์และผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการปัญหาคอร์รัปชันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**การร่วมงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในการสร้างความตระหนักรู้**

ในส่วนของ **สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย** ภายใต้การนำของนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานฯ ได้มีส่วนร่วมในการรับชมการจัดงานผ่านทาง **Facebook Live** ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้ให้กับบุคลากรภายในสำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาคอร์รัปชันที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในหลายด้าน

การร่วมมือของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในระดับองค์กร ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันและแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่อาจเกิดขึ้นในภาครัฐหรือภาคธุรกิจในพื้นที่

**บทสรุป: การต่อต้านคอร์รัปชันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน**

การจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันในปี 2567 นี้เน้นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่โปร่งใสและยั่งยืน ผ่านการบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจหรือภาครัฐ ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวหน้าและยั่งยืนอย่างแท้จริง

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในทุกระดับ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่เข้มแข็งและมั่นคงในอนาคต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุข

 

เมื่อวันพุธ ที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ สำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ปุรณิทธิ์ บุณยมานพ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ 10 เชิญชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ถวายแด่ พระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา ใน

  

โดยพระราชวชิรคณี (ประเสริฐ ปญฺญาวชิโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ม.) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นฝ่ายประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชสิริวชิโรดม” (สุขเลิศ กนฺตธมฺโม) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ.) เจ้าอาวาสวัดบ้านเหล่า อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พระเถรานุเถระ พระภิกษุสามเณร ร่วมพิธีฯ 

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายโสไกร ใจหมั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีตำบลนางแล กำนันตำบลนางแล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลนางและ ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฯ

 

โอกาสมงคลนี้ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี และบุคลากรสำนักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับข้าราชการสำนักงานจังหวัดเชียงราย, สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงรายปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกแด่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ทั้งนี้ การดำเนินงานพิธีฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุผลสำเร็จทุกประการ

โดยชุดหนังสือธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน ที่เขียนโดยพระทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ (พระอาจารย์ต้น) ประธานสำนักศึกษาธรรมดอยธรรมนาวา เป็นพระสุปฏิปันโนที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาวัตร ตลอดจนวิธีการสอน และการถ่ายทอดการปฏิบัติให้กับพุทธบริษัทในทุกภาคส่วนได้เข้าถึงพระธรรมแห่งพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง อีกทั้งยังทรงมีพระราชศรัทธาเพียรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ตามขั้นตอนที่พระอาจารย์ได้วางไว้ จึงทรงเห็นถึงความสำคัญในการพระราชทานเผยแพร่หนังสืออันทรงคุณค่า ให้พุทธศาสนิกชน ตลอดจนประชาชนพลเมืองทุกหมู่เหล่าได้ศึกษา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์หนังสือ ธรรมนาวา “วัง” พระราชทาน เป็นชุดหนังสือที่มีหนังสือ จำนวน 4 เล่ม บรรจุในกล่องสวยงาม ประกอบด้วย

  1. หนังสือ หลักการชาวพุทธ
  2. หนังสือ อริยสัจภาวนา
  3. หนังสือ หลักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
  4. หนังสือ แนวปฏิบัติธรรมนาวา “วัง”

พระราชทานเป็นธรรมทาน โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สุขอันพึงจะได้รับจากพระพุทธศาสนา ผ่านหลักการปฏิบัติอย่างถูกต้องตรงตามพุทธบัญญัติ เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา อาจริยบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหาบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกๆ พระองค์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ม.ราชภัฏเชียงราย จัดผ้าป่าสามัคคี สร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้จัดพิธีผ้าป่าสามัคคีขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคณะ เนื่องในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ การจัดงานนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้มีจิตศรัทธาหลายภาคส่วนที่เข้าร่วมบริจาคและสนับสนุนการสร้างหอพระ

พิธีทอดผ้าป่าสามัคคี: สานต่อความศรัทธาและการพัฒนาศาสนสถาน

งานพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ประกายศรี ศรีรุ่งเรือง คณบดีเกียรติคุณ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และตัวแทนจากหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน โดยงานจัดขึ้นที่ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

นอกจากนี้ ยังได้รับเมตตาจาก พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 และเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธี พระภิกษุสงฆ์ที่ร่วมพิธีได้เจริญพระพุทธมนต์และรับถวายเครื่องจตุปัจจัยไทยทานจากผู้เข้าร่วมงาน เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้มาร่วมบุญในครั้งนี้ การทอดผ้าป่าสามัคคีเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนได้ร่วมมือกันในมหากุศลครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายในการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนในอนาคต

การบริจาคและสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

ภายในงานได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคณะผู้บริหาร บุคลากร ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาที่เข้าร่วมบริจาคในครั้งนี้ การทอดผ้าป่าในครั้งนี้ได้รับยอดบริจาคเบื้องต้นทั้งสิ้นกว่า 400,000 บาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการจัดหาวัสดุก่อสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิที่จะใช้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณธรรมและศาสนาในคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์

หอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคณะฯ และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างสถานที่ทางศาสนาสำหรับการทำบุญและกิจกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาทั้งด้านการศึกษาและคุณธรรม

เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมสมทบทุนสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ

คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ยังคงเปิดรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ต้องการร่วมสร้างบุญกุศล โดยสามารถร่วมสมทบทุนสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” ผ่านการโอนเงินบริจาคไปยังบัญชีธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ชื่อบัญชี พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีได้แก่ น.ส.นวลนภา จุลสุทธิ, นายภูริพัฒน์ แก้วศรี, และ นายจรูญ แดนนาเลิศ หมายเลขบัญชี 422-1-41524-9 ซึ่งการบริจาคเพื่อการจัดสร้างหอพระในครั้งนี้ถือเป็นการทำมหากุศลที่จะสร้างบุญและความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ร่วมบริจาค

หากท่านสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 053-776-131 คณะฯ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จะเป็นจุดรวมจิตใจของชุมชนและนักศึกษาในอนาคต

การจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ: ศูนย์รวมใจและศาสนสถานแห่งมหาวิทยาลัย

โครงการจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ การมีสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาภายในคณะฯ จะช่วยส่งเสริมคุณธรรมและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้กับนักศึกษา บุคลากร และชุมชนในมหาวิทยาลัย

นอกจากนี้ หอพระยังจะเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ เช่น การทำบุญประจำปี การเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีกรรมทางศาสนาอื่นๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและความเข้มแข็งให้กับชุมชนมหาวิทยาลัย ตลอดจนเป็นสถานที่สำหรับการปฏิบัติธรรมและกิจกรรมที่เสริมสร้างความสงบสุขในจิตใจ

บทสรุป: ความศรัทธาที่ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ

การจัดผ้าป่าสามัคคีเพื่อจัดสร้างหอพระแก้วจักรพรรดิ “พระพุทธศรีรัฐกิจโสฬสวัสสานุสรณ์” ในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงพลังแห่งความศรัทธาและความร่วมมือจากผู้มีจิตศรัทธาหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรในมหาวิทยาลัย ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และชุมชนโดยรอบ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมบริจาคและสนับสนุนโครงการนี้ และขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังไม่ได้มีโอกาสร่วมบริจาคเข้ามาร่วมสมทบทุนเพื่อสร้างมหากุศลครั้งยิ่งใหญ่

ความสำเร็จของโครงการนี้จะไม่เพียงแต่เป็นการสร้างศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นการส่งเสริมและสืบสานคุณธรรมในชุมชนทางการศึกษาอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.ราชภัฏเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พลังบวรในมิติศาสนา เชียงราย บูรณาการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2567 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม และนางวนิดาพร ธิวงค์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการสังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่ตรวจติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการพลังบวรในมิติศาสนา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ วัดแม่คำสบเปิน ต.แม่คำ อ.แม่จัน, วัดห้วยน้ำขุ่น ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง, และวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

โครงการพลังบวรในมิติศาสนาเน้นการบูรณาการร่วมกันระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริมให้วัดและศาสนสถานร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางศาสนา และส่งเสริมการเรียนรู้หลักธรรมทางศาสนา โดยมุ่งเน้นการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้แก่คนในชุมชน

การประเมินผลชุมชนคุณธรรมพลังบวรในครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามเกณฑ์ 9 ขั้นตอนที่กรมการศาสนากำหนด โดยมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานในหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมทางศาสนา การส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชน และการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการวางแผนและแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อพัฒนาต่อยอดโครงการให้มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม

หนึ่งในจุดสำคัญของการตรวจติดตามครั้งนี้คือการเยี่ยมชมชุมชนคุณธรรมวัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมและนวัตกรรมทางภูมิปัญญาเพื่อเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชน ภายใต้โครงการ One Family One Soft Power (OFOS) ชุมชนนี้ได้รับการยอมรับในด้านการผลิตพระพุทธรูปหินหยกแกะสลัก และเครื่องรางจากหินหยก ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

ในโอกาสนี้ คณะตรวจติดตามยังได้ประเมินผลและเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมพลังบวรสร้างเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน 2567 ณ อาคารหอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานและผลิตภัณฑ์ของชุมชนจากทั่วประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการพลังบวร ซึ่งจะช่วยสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรม

โครงการพลังบวรในมิติศาสนานี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน และการส่งเสริมศาสนาให้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน การที่วัดและชุมชนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืนไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เจริญก้าวหน้าอีกด้วย

การตรวจติดตามและประเมินผลโครงการในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเสริมสร้างและสนับสนุนการดำเนินงานของวัดและชุมชนในจังหวัดเชียงราย ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“หมู่บ้านศีล 5” ที่วัดศรีบุญยืน อ.เชียงแสน แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

 

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีลห้า” ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ณ วัดศรีบุญยืน บ้านศรีบุญยืน หมู่ที่ 10 ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระราชสิริวชิโรดม เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย (ธ) ธรรมยุทธ และเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน คณะสงฆ์ นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท.ตลอดจนพี่น้องประชาชน คณะศรัทธา เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก


     จากนั้น พระเทพรัตนนายก ประธานคณะกรรมการประจำหนเหนือ พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ประจำหนเหนือ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆ ของทางหมู่บ้านและวัดที่ได้นำเสนอและจัดนิทรรศการมาแสดงจุดเด่นของหมู่บ้าน อาทิ รางวัลเกียรติคุณหมู่บ้าน โครงการชุมชนต้นแบบด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ การบริหารกลุ่มออมทรัพย์ดีเด่น โครงการโคกหนองนาโมเดล ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP ที่โดดเด่น เช่นเครื่องจักรสาน และอัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี Soft Power ทางด้านอาหาร วัตามแบบฒนธรรมด้านอาหารของชุมชนบ้านศรีบุญยืน การแต่งกายผู้ชายส่วนใหญ่เสื้อแขนยาวสีเข้มๆ ที่เรียกว่า “ม่อฮ่อม” และผู้หญิง การแต่งกายส่วนใหญ่นิยมใส่ผ้าซิ้นทอลายขวาง ตามแบบพื้นบ้าน ภาษาที่ใช้ในชุมชนของบ้านศรีบุญยืน คือ “อู้กำเมือง” หรือภาษาเหนือ ส่วนที่เหลือ “อู้กำยอง” ที่เป็นส่วนน้อยเนื่องจากมีแต่ผู้ชาย เพาระเป็นคนเก่าแก่ที่มาจากลำพูน และอื่นๆ กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ตักบาตรพระขี่ม้า อ.แม่จัน หิ้วตะกร้าศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ วัดถ้ำป่าอาชาทอง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีเปิดและดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ภายใต้แนวคิด “ครอบครัวหิ้วตะกร้า ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ และนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

โครงการนี้จัดขึ้นโดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับวัดป่ายาง วัดถ้ำป่าอาชาทอง และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลต่อยอดโครงการในส่วนภูมิภาค และเป็นต้นแบบในการจัดกิจกรรมฯ โดยมีเป้าหมายในการสร้างกระแสการพาครอบครัวหิ้วตะกร้าเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร และอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริม Soft Power ทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ

ในพิธีเปิดกิจกรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ได้เป็นประธานในการตักบาตรพระขี่ม้า นำโดยพระครูบาเหนือชัย โฆสิโต เจ้าอาวาสวัดถ้ำป่าอาชาทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของงาน หลังจากนั้น ได้มีพิธีถวายเครื่องสักการะแด่พระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยการถวายเครื่องไทยธรรมและภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เข้าร่วมงาน

กิจกรรมจิตอาสาถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของงาน โดยนายชัยพล สุขเอี่ยม ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ซึ่งเป็นการถวายความเคารพและถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2567

นอกจากพิธีทางศาสนาแล้ว กิจกรรมในงานยังประกอบด้วยการปลูกต้นไม้มงคลเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ บริเวณวัดถ้ำป่าอาชาทอง และการจัดตลาดวัฒนธรรมซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตแม่ไม้มวยไทย และการสาธิตการตีดาบกลองสะบัดชัย ซึ่งสร้างความสนใจและความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมงานและร่วมดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่คณะสงฆ์ ผู้บริหารกรมการศาสนา และผู้บริหารจังหวัดเชียงราย ที่ได้มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ วัด และชุมชน ในการส่งเสริมและสืบสานวัฒนธรรมไทย การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และเป็นต้นแบบในการพัฒนากิจกรรมทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงราย 4 ปีติดสุดยอดชุมชนต้นแบบ หลัง‘ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง’ ได้รับเลือก

 

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 จังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แสดงความยินดี “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง“ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกให้ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567

ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ภายใต้การนำของ พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) ด้วยบารมีทานแผ่ขยายในวงกว้าง ประกอบกับความเป็นอัตลักษณ์ด้านพหุวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงประกาศกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เรื่อง ผลการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในทุกมิติ จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้าง

ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วกระทรวงวัฒนธรรมขอประกาศผลการคัดเลือก 10 สุดธอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมขน ผลวิถี” ประจำปีกประมาณ พ.ศ.ศ. 2567 ดังนี้

  1. ชุมชนบ้านชากแง้ว ตำบลหัวยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
  2. ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  3. ชุมชนวัดศรีสุพรรณ ตำบลหายยา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
  4. ชุมชนวัดพระธาตุแช่แห้ง (บ้านหนองเต่า) ตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน
  5. ชุมชนหัวบ้าน (ถนนสู้ศึก) ตำบลประระจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  6. ชุมชนบ้านทะเลน้อย ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
  7. ชุมชนบ้านถ้ำรงค์ ตำบลถ้ำรงค์ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี
  8. ชุมชนวัดศรีคุนเมือง (เชียงคาน) ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
  9. ชุมชนวัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
  10. ชุมชนเขมราษฎร์ธานี ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

โดยจังหวัดเชียงราย ได้คัดเลือก” เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “ 4 ปีติดต่อกันแล้วซึ่ง

  • พ.ศ. 2567 ชุมชนวัดห้วยปลาทั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2566 “ชุมชนคุณธรรมวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ)” หมู่ ๕ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน
  • พ.ศ. 2565 ชุมชนคุณธรรมบ้านเมืองรวง ต.แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย
  • พ.ศ. 2564 ชุมชนคุณธรรมบ้านศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News