Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วันผู้สูงอายุ-ครอบครัวอบอุ่น เชียงรายชู “คุณค่า” มอบ 38 รางวัล

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว 2568

เชียงรายรวมพลังหนุนคุณค่าผู้สูงอายุ

เชียงราย,เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 – โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย จัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยพลังครอบครัว” ณ โรงแรมลักษวรรณ รีสอร์ท อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงตัวแทนภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ส่งเสริมความรัก-อบอุ่น สร้างสังคมผู้สูงวัยที่มีคุณค่า

งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนเห็นคุณค่าและความสำคัญของผู้สูงอายุ รวมทั้งส่งเสริมการสร้างความรัก ความอบอุ่น และการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลในครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับสถาบันครอบครัวไทยให้เข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจของทุกคนในสังคม

กิจกรรมหลากหลาย สะท้อนภูมิปัญญาผู้สูงวัย

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย เช่น การจัดบูธนิทรรศการคลังปัญญาผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์จากผู้สูงอายุ และนิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาหัวข้อ “เคล็ดลับการดูแลสุขภาพผู้สูงวัย และการเอาใจใส่ของครอบครัว” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ร่วมงานทุกกลุ่มอายุ

พิธีรดน้ำดำหัวและขอพรผู้สูงอายุ

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญของงานคือ การรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพรักและความกตัญญูกตเวที โดยมีพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ ดร. ประธานเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เป็นผู้นำกล่าวสัมโมทนียกถาในหัวข้อ “คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยครอบครัว” เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุในครอบครัวและสังคม

มอบรางวัลเกียรติยศ เชิดชูบุคคลต้นแบบ

ในโอกาสนี้มีการมอบรางวัลเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลและหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและครอบครัว จำนวน 38 ราย ได้แก่ ผู้สูงอายุแบบอย่างดีเด่น ผู้สูงอายุดีเด่นของสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุดีเด่น ครอบครัวร่มเย็น บุคคลดีเด่นด้านการพัฒนาครอบครัว ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนที่มีผลงานโดดเด่น รวมถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนดีเด่น และบุคคลที่ทำคุณประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงราย

ผู้ว่าฯ ย้ำ ครอบครัวเข้มแข็งสู่สังคมยั่งยืน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัล พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของครอบครัวและผู้สูงวัย โดยกล่าวว่า “การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี ถือเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน ครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่อบอุ่นและมั่นคง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมในระยะยาว”

สถิติผู้สูงอายุของประเทศไทยและเชียงราย

จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ทั้งสิ้นประมาณ 13.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยจังหวัดเชียงรายมีผู้สูงอายุรวมกว่า 300,000 คน หรือร้อยละ 21 ของประชากรทั้งจังหวัด (ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, 2567)

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและความเข้มแข็งของครอบครัว ถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อการสร้างสังคมไทยที่มีความยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกวัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มนต์ขลังริมโขง อ.เชียงของ จัดพิธีไหว้เจ้าพ่อปลาบึก

เชียงของจัดยิ่งใหญ่ พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 อนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน

เปิดฉากพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประเพณีสำคัญของชาวเชียงของ

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. ณ ลานโพธิ์หน้าวัดหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก ประจำปี 2568 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดประเพณีท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาวเชียงของ

พิธีนี้ได้รับเกียรติจาก นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ เป็นผู้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมพิธี และได้รับเกียรติจาก นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง ผู้แทนประมงจังหวัดเชียงราย มาเป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน โดยมีนายทรงศักดิ์ เรืองศรีมั่น ปลัดเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเชียงของ เป็นผู้กล่าวรายงานความสำคัญของงานครั้งนี้

ที่มาของประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก

การบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก เป็นพิธีกรรมที่ชาวบ้านหาดไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อว่าปลาบึกในแม่น้ำโขงเป็นปลาที่มีเทพเจ้าคอยคุ้มครองรักษา การที่จะสามารถจับปลาบึกได้สำเร็จนั้น จำเป็นต้องมีการทำพิธีขออนุญาตต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา และปลุกขวัญแม่ย่านางเรือให้มีอานุภาพแกร่งกล้าเสียก่อน

แม้ปัจจุบันชาวบ้านจะไม่ได้มีการล่าปลาบึกแล้ว เนื่องจากการอนุรักษ์สายพันธุ์ปลาและความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม แต่ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกยังคงถูกจัดขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของหมู่บ้านที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น และแสดงออกถึงความกตัญญูต่อเทพเจ้าที่เชื่อว่าปกปักษ์รักษาชุมชนให้อยู่ดีมีสุข

กิจกรรมสำคัญในงานพิธีบวงสรวง

ภายในงานครั้งนี้ มีกิจกรรมสำคัญหลายอย่าง ได้แก่ พิธีเลี้ยงลวงหรือบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก พิธีฟ้อนบวงสรวง การแสดงทางวัฒนธรรมของชาวบ้านที่มีความวิจิตรงดงาม และสร้างความประทับใจแก่ผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบพันธุ์ปลาและพิธีปล่อยปลาลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลตำบลเวียงเชียงของ

การมีส่วนร่วมของประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่น

พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนบ้านหาดไคร้และชาวอำเภอเชียงของเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชุมชน และความร่วมมือร่วมใจในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น

นายมนตรี ชัยกิจวัฒนะ ประธานในพิธี ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาประเพณีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติว่า “ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึกไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าที่คุ้มครองปลา แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนในชุมชน”

จุดวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในการสืบทอดประเพณี

จากการจัดงานในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าชุมชนมีความตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีดั้งเดิม แต่เพื่อให้ประเพณีนี้ดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน ควรมีการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมมากขึ้น รวมถึงการให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านสื่อและช่องทางการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้ประเพณีดังกล่าวยังคงมีชีวิตชีวาและได้รับการสืบทอดอย่างมั่นคง

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

ข้อมูลจากกรมประมงระบุว่า ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพบมากในลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 150-250 กิโลกรัม และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 50 ปี ปัจจุบันปลาบึกมีจำนวนลดลงมากจากเดิมกว่า 80% ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและการประมงที่ขาดการควบคุม (ที่มา: กรมประมง, 2567)

ดังนั้น การจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลาลงแม่น้ำโขง จึงเป็นมาตรการสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์ปลาบึกให้คงอยู่ และเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมประมง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เวียงชัยอิ่มบุญ อบจ.เชียงราย ร่วมสืบชะตา บรรจุพระธาตุ

อบจ.เชียงราย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เสริมสร้างสิริมงคลแก่ชุมชนท้องถิ่น

จุดเริ่มต้นแห่งศรัทธาของชุมชนเวียงชัย

เชียงราย, 18 เมษายน 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) โดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนางสาวธมลวรรณ ปัญญาพฤกษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 อำเภอเวียงชัย ร่วมพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวงเสริมสิริมงคล ประจำปี 2568 ณ วัดพนาลัยเกษม ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

ความสำคัญของพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถือเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากพระบรมสารีริกธาตุเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์ที่ผ่านการบำเพ็ญบุญบารมีมาอย่างยิ่งใหญ่ ชาวบ้านจึงมีความเชื่อมั่นว่าการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจะนำความสุข สงบ และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชุมชน อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมศรัทธาและจิตใจของชาวบ้าน ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย

พิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง เสริมบุญบารมี

ภายในพิธีนอกจากจะมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์สืบชะตาหลวง โดยคณะสงฆ์ในพื้นที่ได้ร่วมกันสวดมนต์เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดี และเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมพิธี โดยพิธีสืบชะตาหลวงนี้ถือเป็นประเพณีสำคัญที่ชุมชนภาคเหนือปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ทรงคุณค่าให้ดำรงอยู่สืบไป

บทบาทของอบจ.เชียงรายในการสนับสนุนกิจกรรมท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกอบจ.เชียงราย กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นมาโดยตลอด เพื่อเสริมสร้างความรักสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งยังส่งเสริมให้ชุมชนมีการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมให้มีความสงบสุขและมั่นคง

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงราย

การจัดพิธีในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดเชียงราย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสกับเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่มีคุณค่าของจังหวัดเชียงราย

การวิเคราะห์และแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน

พิธีกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และหน่วยงานท้องถิ่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ซึ่งการดำเนินงานเช่นนี้ควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและขยายผลไปยังชุมชนอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างจริงจังและยั่งยืน

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเชียงราย

จากรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปี 2567 พบว่า จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนในกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 22% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากกว่า 18% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท (ที่มา: รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2567) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2567
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงแสนสุดม่วน มหาสงกรานต์รับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เชียงแสนเปิดงานยิ่งใหญ่ “ยล เยือน เมืองเชียงแสน มหาสงกรานต์บ้านฉัน” เผยแพร่วัฒนธรรมล้านนาสู่สากล

พิธีเปิดสุดอลังการสืบสานสงกรานต์เชียงแสน

เชียงราย,วันที่ 17 เมษายน 2568 – ณ ลานริมโขง (หน้าวัดปงสนุก) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ยล เยือน เมืองเชียงแสน : มหาสงกรานต์บ้านฉัน สีสันวิถีถิ่นวิถีไทย สุขไกลทั่วโลก” โดยมี นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ และนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้

แขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง

ภายในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญมากมาย ได้แก่ สส.ดร.พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1, สส.ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ สส.พรรคเพื่อไทย เขต 5 จังหวัดเชียงราย, สส.ละออง ติยะไพรัช, สส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช, นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน และนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน คณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดเชียงราย สภาวัฒนธรรมอำเภอทั้ง 18 อำเภอ ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานอย่างเนืองแน่น

กิจกรรมหลากหลายสะท้อนวิถีล้านนา

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมล้านนา อาทิ การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมฟ้อนแสนปี “อุ่นเมืองเชียงราย” ขบวนแห่สระเกล้าดำหัว พิธีส่งเคราะห์แบบล้านนา สรงน้ำพระพุทธรูป พิธีสระเกล้าดำหัวผู้อาวุโสและผู้มีเกียรติ การแสดงแสงสีเสียง “เล่าเรื่องเมืองเชียงแสน” กิจกรรมถนนวัฒนธรรมสายน้ำ 3 แผ่นดิน การแสดงดนตรีจากศิลปินล้านนา นิทรรศการมีชีวิต ตลาดวัฒนธรรมวิถีชุมชนเมืองเชียงแสน บูธแสดงสินค้าทางวัฒนธรรม (CPOT) และกิจกรรมการประกวดเทพบุตรเจียงแสนหลวง ประจำปี 2568

สืบสานคุณค่าสงกรานต์ล้านนา

นายสถาพร เที่ยงธรรม กล่าวย้ำว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่ออนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่ประเพณีสงกรานต์ล้านนา ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมไทย โดยเน้นการสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว ความสามัคคีในชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น

การจัดงานภายใต้แนวคิดสงกรานต์ระดับโลก

สำหรับปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์” ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์บ้านฉัน สีสันแบบไทย สุขไกลทั่วโลก Once in a Lifetime : Experience Songkran in Thailand” เพื่อยกระดับประเพณีสงกรานต์ให้เป็นงานระดับโลก ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมายังประเทศไทย

ความร่วมมือทุกภาคส่วนสู่ความสำเร็จ

งานนี้เกิดขึ้นจากการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในจังหวัดเชียงราย ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ช่วยให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและสร้างความยั่งยืนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น

นายสถาพร เที่ยงธรรม ได้กล่าวปิดท้ายงานว่า ประเพณีสงกรานต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทศกาลแห่งความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงรากฐานของสังคมไทยในการเคารพผู้อาวุโส ความสามัคคีในชุมชน และความยั่งยืนของวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน

สถิติที่เกี่ยวข้องและข้อมูลอ้างอิง

จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปีที่ผ่านมา งานสงกรานต์สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานทั่วประเทศมากกว่า 3 ล้านคน สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจกว่า 20,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15% (ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานวัฒนธรรมเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศักดิ์สิทธิ์ เชียงรายอัญเชิญ “พระสิงห์” สรงน้ำสงกรานต์

เชียงรายจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ สืบสานประเพณี “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” เสริมสิริมงคลรับสงกรานต์ 2568

ประชาชน-นักท่องเที่ยวหลั่งไหลร่วมพิธีตักบาตร พร้อมสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ บนราชรถบุษบกล้านนา สืบสานวัฒนธรรมอันงดงามของล้านนา

เชียงราย, 13 เมษายน 2568 – ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช เทศบาลนครเชียงราย ได้จัดพิธีอัญเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” หรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า “พระสิงห์” ขึ้นบนราชรถบุษบกล้านนา ศิลปะแบบแพร่ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมสรงน้ำตามประเพณี “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลสงกรานต์ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีในจังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมาของพระพุทธสิหิงค์

“พระพุทธสิหิงค์” เป็นพระพุทธรูปสำคัญที่มีประวัติยาวนาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช 700 เดิมประดิษฐานอยู่ในแถบลังกา ก่อนจะถูกอัญเชิญมาสู่แผ่นดินสยาม และประดิษฐานในดินแดนล้านนา อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ และนครลำปาง โดยพระพุทธสิหิงค์องค์ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ เป็นองค์ที่ได้รับการอัญเชิญจากเชียงราย โดยประดิษฐานในเชียงใหม่นานถึง 255 ปี

สำหรับในจังหวัดเชียงราย ปัจจุบันได้มีการสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลองขึ้นและประดิษฐานภายในพระวิหารแก้ว หรือหอพระสิงห์ วัดพระสิงห์ เทศบาลนครเชียงราย เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา เป็นสิริมงคลและเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเชียงราย

พิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ บนราชรถบุษบก สืบสานศิลปะล้านนา

ในช่วงเช้าของวันที่ 13 เมษายน 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดย พันจ่าอากาศเอก อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้ร่วมกันอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ขึ้นประดิษฐานบนราชรถบุษบกศิลปะล้านนา เพื่อเคลื่อนขบวนผ่านถนนสายหลักในตัวเมืองเชียงราย โดยมีประชาชนชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวร่วมสรงน้ำตลอดสองข้างทางอย่างเนืองแน่น

ราชรถบุษบกที่ใช้ในพิธีมีลวดลายละเอียด ประณีต อ่อนช้อย สะท้อนเอกลักษณ์งานศิลป์ของช่างฝีมือท้องถิ่น และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเคารพศรัทธาอันลึกซึ้งที่ประชาชนมีต่อองค์พระพุทธสิหิงค์

พิธีทำบุญตักบาตร รับปีใหม่เมืองอย่างสงบและงดงาม

ภายหลังจากการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ได้มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ซึ่งได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย วัดพระแก้ว พระอารามหลวง นำคณะพระภิกษุสงฆ์ออกบิณฑบาต โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมกันทำบุญตักบาตร เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่

บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบ เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความผูกพันที่ชาวเชียงรายมีต่อพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น

การมีส่วนร่วมของประชาชนและบทบาทของเทศบาลในการอนุรักษ์วัฒนธรรม

งานประเพณีปี๋ใหม่เมืองครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย หน่วยงานวัฒนธรรม ภาคประชาชน และภาคเอกชน ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมล้านนาอย่างครบถ้วน ทั้งการประดับตุงแบบโบราณ การจัดขบวนแห่ การแสดงฟ้อนรำ และการสรงน้ำพระในวัดต่าง ๆ

เทศบาลนครเชียงรายยังได้ร่วมกับโรงเรียนในสังกัดจัดกิจกรรมเรียนรู้ประเพณีปี๋ใหม่เมืองให้แก่เยาวชน ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีความเข้าใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรม และเกิดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น

วัฒนธรรมล้านนาคือหัวใจของสงกรานต์เชียงราย

แม้ในปัจจุบันเทศกาลสงกรานต์ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะถูกมองว่าเป็นเพียงเทศกาลเล่นน้ำและการท่องเที่ยว แต่จังหวัดเชียงรายยังคงรักษา “หัวใจ” ของเทศกาลนี้ไว้ได้อย่างมั่นคง ผ่านพิธีกรรม พุทธศาสนา และประเพณีท้องถิ่นที่ลึกซึ้ง

“ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่แบบล้านนาเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการทบทวนตนเอง การอธิษฐาน การแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่ และการขอขมาลาโทษซึ่งกันและกัน ตลอดจนการสืบสานมรดกภูมิปัญญาที่ส่งต่อมาหลายร้อยปี

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • จากรายงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2567 ระบุว่า ในเทศกาลสงกรานต์มีประชาชนร่วมกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ณ เทศบาลนครเชียงรายกว่า 12,000 คน
  • ข้อมูลจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ปี 2566 พบว่า จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่มีการจัดกิจกรรมอนุรักษ์ประเพณีสงกรานต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภาคเหนือ
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่า ช่วงสงกรานต์ปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 97,000 คน สร้างรายได้รวมกว่า 238 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เจ็ดเป็งเชียงราย สรงน้ำพระธาตุ ผู้ว่าฯ ร่วมวางศิลาฤกษ์กุฏิ

เชียงรายจัดงาน “เจ็ดเป็ง สรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด” อย่างยิ่งใหญ่ สืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมือง

คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนร่วมงานพร้อมใจ วางศิลาฤกษ์กุฏิสงฆ์ใหม่ เสริมสิริมงคลรับปีใหม่เมือง

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้จัดงานประเพณี “เจ็ดเป็ง สรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด” ประจำปี 2568 อย่างสมเกียรติ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมล้านนาเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ หรือที่ชาวเหนือเรียกว่า “ปี๋ใหม่เมือง” โดยพิธีเริ่มต้นขึ้นในเวลา 10.00 น. ท่ามกลางบรรยากาศอิ่มเอิบด้วยศรัทธาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย

พระธรรมวชิโรดม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เสริมความศักดิ์สิทธิ์แห่งพิธีกรรม

ในพิธีครั้งนี้ พระธรรมวชิโรดม รศ.ดร. เจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร ได้เมตตาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระราชวชิรคณี ดร. เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา พระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และคณะสงฆ์-สามเณรจากหลายวัดทั่วจังหวัดเชียงราย ร่วมประกอบพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พิธีสรงน้ำพระธาตุเจ็ดยอด ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของงานเจ็ดเป็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเพณีเก่าแก่ที่สะท้อนความผูกพันระหว่างศาสนาและชุมชน งานนี้ได้รับการประสานงานอย่างใกล้ชิดโดยพระครูกิตติพัฒนานุยุต ดร. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานจัดงาน และเป็นผู้ดูแลกระบวนการพิธีกรรมทั้งหมดให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย สมพระเกียรติ

ผู้ว่าฯ เชียงรายร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ขับเคลื่อนงานร่วมกับพุทธศาสนิกชน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการประกอบพิธี โดยมีนางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาด และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ร่วมนำข้าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งถือเป็นการแสดงพลังศรัทธาและความร่วมมือของชุมชนในจังหวัดเชียงรายได้อย่างงดงาม

ในโอกาสนี้ คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย นำโดยพระราชวชิรคณี ดร. เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันถวายน้ำสรงแด่พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 ตามประเพณีปี๋ใหม่เมือง อันเป็นการแสดงความเคารพและสืบสานจารีตโบราณที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานของพุทธศาสนิกชนในภาคเหนือ

พิธีวางศิลาฤกษ์กุฏิสงฆ์ใหม่ ยกระดับบทบาทวัดเจ็ดยอดในฐานะศูนย์กลางพุทธศาสนาเชียงราย

ภายหลังพิธีสรงน้ำพระธาตุ คณะสงฆ์ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ยังได้ร่วมกันประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ “กุฏิสงฆ์หลังใหม่” ภายในวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง เพื่อรองรับการขยายบทบาทของวัดในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธในภูมิภาค

พิธีวางศิลาฤกษ์ในครั้งนี้ นอกจากจะมีความหมายทางสถาปัตยกรรมแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยนัยยะเชิงสัญลักษณ์ถึงการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่มั่นคง และการสืบทอดศาสนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับผิดชอบหลัก พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ในสังกัด ร่วมปฏิบัติงานในพิธีดังกล่าว

งานประเพณี “เจ็ดเป็ง” สะท้อนอัตลักษณ์ล้านนา-รากเหง้าทางศาสนาและวัฒนธรรม

“เจ็ดเป็ง” เป็นประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ถือเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่เมือง โดยมีกิจกรรมหลักคือการสรงน้ำพระธาตุประจำวัด ซึ่งเป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของประชาชนในพื้นที่ การจัดงานดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมเชิงศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์ หน่วยงานราชการ และชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

การสืบสานประเพณี = การพัฒนาจิตใจและชุมชน

งานเจ็ดเป็งถือเป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมพื้นถิ่น ศาสนพิธี และจิตวิญญาณแห่งพุทธศาสนา ผ่านการมีส่วนร่วมในงานอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดขบวนแห่ การบรรเลงดนตรีพื้นเมือง การสวดมนต์ และการฟังธรรมเทศนา ซึ่งนับเป็นกระบวนการพัฒนาทางจิตใจและสังคมควบคู่กันไป

นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ร้านค้าอาหารท้องถิ่น และผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานและแสวงบุญในช่วงเทศกาล

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • จากรายงานของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ปี 2566 ระบุว่า งานประเพณีเจ็ดเป็งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 8,000 คนในปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจท้องถิ่นกว่า 12 ล้านบาท
  • ข้อมูลจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ปี 2567 พบว่า กิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในช่วงสงกรานต์ในภาคเหนือ มีประชาชนเข้าร่วมงานรวมกันมากกว่า 1.2 ล้านคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (www.m-culture.go.th/chiangrai)
  • กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (www.dra.go.th)
  • รายงานประจำปีของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (www.onab.go.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เตรียมปลูก “พระศรีมหาโพธิ์” ที่เชียงราย เฉลิมพระเกียรติ

เชียงรายเตรียมปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลสำคัญแห่งปี 2568

เชียงรายเร่งประชุมวางแผนปลูกพระศรีมหาโพธิ์ในพื้นที่พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี สะท้อนพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น

เชียงราย, 10 เมษายน 2568 – ที่ห้องประชุมอูหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมหารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ซึ่งเป็นพระราชพิธีสำคัญเนื่องในโอกาสพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐมกษัตริยาธิราชแห่งราชวงศ์จักรี

พระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ปวงประชา

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้แก่กระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้แก่ทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักรไทย โดยให้ปลูกไว้ในสถานที่อันเป็นสิริมงคล เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง ร่มเย็น และสันติสุขในบ้านเมือง

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว ทรงพระราชทานนามว่า “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” (อ่านว่า พระ-สี-มะ-หา-โพ-ทิ-ทด-สะ-มะ-ราด-ชะ-บอ-พิด) ซึ่งมีความหมายว่า “พระศรีมหาโพธิ์ที่พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นับเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือในพุทธศาสนา และมีคุณค่าทางจิตใจอย่างสูงสุด

เชียงรายพร้อมเสนอ “พุทธมณฑลสมโภช 750 ปีเมืองเชียงราย” เป็นสถานที่ปลูกพระศรีมหาโพธิ์

ในที่ประชุม จังหวัดเชียงรายได้มีมติให้ “พุทธมณฑลสมโภช 750 ปีเมืองเชียงราย” ตั้งอยู่ที่บ้านต้นง้าว อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการปลูกพระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตรในครั้งนี้ ด้วยลักษณะพื้นที่อันสงบเงียบ มีความพร้อมด้านภูมิทัศน์และสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาในระดับจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง

สถานที่ดังกล่าวยังถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในภาคเหนือ และเคยเป็นสถานที่จัดงานสมโภชครั้งยิ่งใหญ่ของจังหวัดเชียงรายในอดีต การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ สถานที่แห่งนี้ จึงนับเป็นเกียรติอันสูงสุดของประชาชนในพื้นที่

การเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการหารือถึงการจัดเตรียมพื้นที่ให้พร้อมรับการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมหลุมปลูก การปรับสภาพดิน การติดตั้งระบบรดน้ำ การจัดแสงสว่าง และการดูแลรักษาต้นไม้ในระยะยาว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพระพุทธศาสนา และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ต่างให้ความร่วมมือและวางแผนการดำเนินการอย่างรัดกุม

นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงพิธีกรรมทางศาสนาที่จะจัดขึ้นในวันปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยจะมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเข้าร่วมพิธี รวมถึงจะเชิญชวนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อแสดงความจงรักภักดีและร่วมเป็นสักขีพยานในโอกาสสำคัญนี้

พระศรีมหาโพธิ์  สัญลักษณ์แห่งศรัทธา ความร่มเย็น และพระราชไมตรี

พระศรีมหาโพธิ์มิใช่เพียงต้นไม้ แต่ยังเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้นโพธิ์ยังเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมอันยิ่งใหญ่ จึงมีนัยยะทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง สำหรับการปลูกพระศรีมหาโพธิ์ในครั้งนี้ จึงมิได้เป็นเพียงพิธีปลูกต้นไม้ หากแต่เป็นการสื่อถึงสายใยแห่งศรัทธาและพระราชไมตรีที่พระองค์มีต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า

มิติด้านศาสนา วัฒนธรรม และสังคมที่ได้รับจากโครงการฯ

การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ยังมีนัยสำคัญในมิติของการส่งเสริมพระพุทธศาสนา การทำนุบำรุงวัฒนธรรมท้องถิ่น และการเสริมสร้างจิตสำนึกสาธารณะของประชาชนในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็น “แลนด์มาร์กทางจิตวิญญาณ” ที่ผู้คนสามารถเดินทางมาสักการะ ทำบุญ และปฏิบัติธรรมได้ตลอดปี

บทวิเคราะห์และความสำคัญในระยะยาว

การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทานในจังหวัดเชียงรายครั้งนี้ สะท้อนถึงการบูรณาการของหลายภาคส่วน ที่ร่วมกันทำงานอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างจุดศูนย์รวมทางศาสนาและวัฒนธรรมของภาคเหนือ ตลอดจนสร้างพื้นที่สีเขียวที่มีความหมายทางจิตใจต่อประชาชน

นอกจากนี้ ยังถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ในฐานะเมืองพุทธศาสนาและเมืองแห่งวัฒนธรรมล้านนาอันลึกซึ้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณในระยะยาว

ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง

  • ปี 2567 กระทรวงมหาดไทยได้รายงานว่า มีการปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติในโอกาสสำคัญกว่า 1.2 ล้านต้นทั่วประเทศ โดยในจำนวนนี้มีต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทานกว่า 7,000 ต้น
  • จากการสำรวจโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2566 ระบุว่า ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ปลูกในสถานที่ทางศาสนา มีอัตราการรอดชีวิตเฉลี่ยถึง 94%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

นายกฯ หนุนผ้าไทย ใส่สนุก สงกรานต์นี้ อุดหนุนเลย

นายกฯ แพทองธาร ชู “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” รับสงกรานต์ 2568 ดัน Soft Power วัฒนธรรมไทย สร้างรายได้ชุมชนอย่างยั่งยืน

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – บรรยากาศการเตรียมพร้อมเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ 2568 ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสุขของคนไทยทั่วประเทศ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลไทยใช้เป็นเวทีขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ณ ชั้น 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการจัดกิจกรรมภายใต้แนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก

รัฐบาลหนุนผ้าไทยสู่ Sustainable Fashion ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

การเยี่ยมชมในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับจาก นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย โดยมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานผ้าไทยจากกลุ่มผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าบาติก และผ้าลายพระราชทาน ที่ได้รับคำแนะนำจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงาม ทันสมัย ใช้วัสดุธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “วันนี้เราไม่ได้มองผ้าไทยแค่ในฐานะเครื่องแต่งกายอีกต่อไป แต่คือ Soft Power ที่มีคุณค่าทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างรายได้ กระจายโอกาสให้ถึงมือชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มทอผ้าในพื้นที่ห่างไกล”

ผ้าไทย = รายได้คนไทย เมื่อแฟชั่นเชื่อมต่อกับความยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันอุดหนุนผ้าไทย ไม่ว่าจะซื้อไว้ใส่เอง ใช้ในกิจกรรมประเพณีหรือมอบเป็นของขวัญให้ผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาไทยและเป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศ

“ทุกบาทที่เราจ่ายไปกับผ้าไทย ไม่ใช่แค่การซื้อผ้า แต่คือการลงทุนในคุณค่าของชุมชน ทุนทางวัฒนธรรม และคุณภาพชีวิตของคนไทย” นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รากฐานของการพัฒนา

กลุ่มผู้ประกอบการที่นำผลิตภัณฑ์เข้าร่วมในงาน ได้แก่

  • ศูนย์การเรียนรู้และออกแบบขวัญตา จ.หนองบัวลำภู
  • กลุ่มผ้าทอลายมงคลมนตราธิกาญจน์ จ.กาฬสินธุ์
  • กลุ่มยาริงบาติก จ.ปัตตานี

กลุ่มเหล่านี้ไม่เพียงเป็นผู้ชนะจากการประกวดผ้าลายพระราชทานเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของความสำเร็จในการพัฒนาแบรนด์ท้องถิ่นไปสู่ตลาดระดับประเทศและสากล

ผ้าไทยใส่ให้สนุก” = ความงาม + ความภูมิใจ + ความยั่งยืน

แนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงวัฒนธรรม แต่สะท้อนวิสัยทัศน์ที่มุ่งให้คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงผ้าไทยได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ พร้อมรูปแบบที่ทันสมัย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะในสำนักงาน ชุมชน หรือเทศกาล

การออกแบบที่ร่วมสมัย การใช้สีจากธรรมชาติ และการพัฒนาระบบการผลิตที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นองค์ประกอบของแนวคิด “Sustainable Fashion” ที่ประเทศไทยกำลังผลักดันสู่เวทีโลก

Soft Power ที่เป็นมากกว่าวัฒนธรรม คือเครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจ

รัฐบาลได้กำหนดนโยบายผลักดัน Soft Power เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคชนบทที่มีทุนวัฒนธรรมอยู่มาก การพัฒนาเครือข่ายผ้าทอชุมชน จึงเป็นการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ทำลายรากเหง้าแห่งภูมิปัญญา

กรมการพัฒนาชุมชนระบุว่า กลุ่มผู้ผลิตผ้าไทยทั่วประเทศกว่า 12,400 กลุ่ม สามารถสร้างมูลค่ารวมกว่า 8,900 ล้านบาท/ปี และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 7–9% ต่อปี หลังการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐ

บทวิเคราะห์ ผ้าไทยในโลกเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีที่มาชัดเจนและมีความยั่งยืน ผ้าไทยไม่ใช่เพียงเครื่องนุ่งห่ม แต่คือ “สินค้าเชิงวัฒนธรรม” ที่มีโอกาสขยายตลาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การสนับสนุนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างกระแสเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังสะท้อนเจตนารมณ์ในการ “ยกระดับผ้าไทย” ให้มีบทบาทในเวทีแฟชั่นระดับโลก โดยใช้สงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยให้ความสำคัญกับการแต่งกายพื้นถิ่น เป็นเวทีผลักดันให้ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • กลุ่มผู้ผลิตผ้าไทยทั่วประเทศ: 12,407 กลุ่ม (ข้อมูลจากกรมการพัฒนาชุมชน, มี.ค. 2568)
  • มูลค่าการจำหน่ายผ้าไทยในประเทศ ปี 2567: ประมาณ 8,900 ล้านบาท
  • อัตราการเติบโตของยอดขายผ้าไทยหลังการส่งเสริมจากรัฐ: เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7–9% ต่อปี
  • ประชาชนที่ซื้อผ้าไทยเป็นของขวัญช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2567: กว่า 2.3 ล้านคน (จากผลสำรวจโดยศูนย์วิจัยแฟชั่นและวัฒนธรรม ม.ราชภัฏเชียงใหม่)
  • กลุ่มผู้ผลิตผ้าที่เข้าร่วมงานแสดงที่ทำเนียบรัฐบาล 8 เม.ย. 2568: มากกว่า 30 กลุ่มจาก 20 จังหวัด
  • ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าไทยในงานครั้งนี้ (เบื้องต้น): รวมมากกว่า 1.2 ล้านบาท (จากข้อมูลกรมการพัฒนาชุมชน ณ วันจัดงาน)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
  • ศูนย์วิจัยแฟชั่นและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
  • สมาคมส่งเสริมผ้าไทยแห่งประเทศไทย
  • สำนักข่าวทำเนียบรัฐบาล
  • รายงานนโยบาย Soft Power สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดต่าง ๆ
  • ข้อมูลโครงการ Thailand Textile Sustainable ปี 2566
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเฟ้นหา 46 ศิลปิน คนรุ่นใหม่ ขัวศิลปะ

เชียงรายเปิดโครงการ “Artbridge Young Artist 2025” ปลุกพลังศิลปินรุ่นใหม่ สู่เวทีศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการ “ศิลปินรุ่นใหม่ขัวศิลปะ Artbridge Young Artist 2025” ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum: CCAM) ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี อาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะและวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ขัวศิลปะ จุดศูนย์กลางพลังสร้างสรรค์ของศิลปินเชียงราย

โครงการศิลปินรุ่นใหม่ขัวศิลปะ “Artbridge Young Artist 2025” จัดขึ้นโดย สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาศิลปินในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายซึ่งมีรากฐานทางศิลปะเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน โครงการในปีนี้จัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดพื้นที่การแสดงออกทางศิลปะให้แก่ ศิลปินรุ่นใหม่จำนวน 46 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย พื้นที่แห่งนิเวศน์ศิลปะ

การจัดโครงการครั้งนี้มีสถานที่หลักอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะร่วมสมัยแห่งใหม่ของภาคเหนือ โครงการมุ่งส่งเสริมให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้พัฒนาผลงานภายใต้ “นิเวศน์แห่งศิลปะ” (Artistic Ecosystem) ซึ่งรวมถึงการฝึกปฏิบัติจริง การรับคำแนะนำจากศิลปินอาวุโส การนำเสนอผลงานสู่สาธารณะ และการเรียนรู้ผ่านเวิร์กชอปเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา

ภายในพิธีเปิด มีศิลปินอาวุโสและศิลปินเชียงรายผู้มีชื่อเสียงหลายท่านร่วมให้กำลังใจแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะอย่างใกล้ชิด

บทบาทของภาครัฐและท้องถิ่นในการผลักดันศิลปะร่วมสมัย

ภายในงานมีการมอบหนังสือสูจิบัตร Thailand Biennale Chiang Rai 2023 ให้แก่ศิลปินรุ่นใหม่ทั้ง 46 คน โดย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม และ นายวรพล จันทร์คง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เป็นผู้แทนมอบ เพื่อเป็นต้นทุนทางความรู้ที่ช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์และแนวคิดด้านศิลปะร่วมสมัย

การสนับสนุนดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางเชิงรุกของจังหวัดเชียงรายในการผลักดัน “Soft Power” ผ่านศิลปะและวัฒนธรรม โดยมุ่งหวังให้ศิลปินรุ่นใหม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเมืองแห่งศิลปะและสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน

เป้าหมายระยะยาว เชียงรายกับบทบาทบนเวทีศิลปะนานาชาติ

จังหวัดเชียงรายกำลังอยู่ในกระบวนการผลักดันเข้าสู่การเป็นสมาชิก เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) โดยใช้ศิลปะร่วมสมัยเป็นกลไกสำคัญ โครงการ Artbridge Young Artist ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ความรู้ และการสร้างผลงานที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อยกระดับเชียงรายสู่ศูนย์กลางศิลปะระดับภูมิภาคและระดับโลก

ศิลปินรุ่นใหม่ พลังแห่งความหวังในโลกศิลปะร่วมสมัย

ศิลปินรุ่นใหม่ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 นี้ มีทั้งนักศึกษาศิลปะจากมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ เยาวชนจากชุมชน และศิลปินอิสระจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยแต่ละคนจะได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงศิลปินมืออาชีพ ทั้งยังมีโอกาสจัดแสดงนิทรรศการ ณ CCAM และมีส่วนร่วมในการสร้างกิจกรรมศิลปะในชุมชน

บทวิเคราะห์ ขัวศิลปะกับการสร้างระบบนิเวศศิลปะของภาคเหนือ

การจัดตั้งโครงการเชิงต่อเนื่องของสมาคมขัวศิลปะ เช่น Artbridge Young Artist ช่วยให้เชียงรายสามารถสร้าง ระบบนิเวศศิลปะ” (Art Ecosystem) ที่ประกอบด้วย

  • พื้นที่แสดงงานและแลกเปลี่ยน
  • กลไกการสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่
  • การบ่มเพาะศิลปินอย่างเป็นระบบ
  • การพัฒนาทุนวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม

ในภาพรวม การขับเคลื่อนของขัวศิลปะสะท้อนถึงแนวโน้มของจังหวัดเชียงรายที่จะกลายเป็น มหานครแห่งศิลปะร่วมสมัย ของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคตอันใกล้

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • จำนวนศิลปินรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ Artbridge Young Artist 2025: 46 คน
  • จำนวนผู้เข้าชมนิทรรศการศิลปะในเชียงราย ปี 2567: กว่า 180,000 คน (ข้อมูลจากสมาคมขัวศิลปะ)
  • มูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงรายในสาขาศิลปะร่วมสมัย ปี 2567: ประมาณ 87 ล้านบาท (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีในเชียงราย: 23 แห่ง (รวมทั้งภาครัฐและเอกชน)
  • นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อเยี่ยมชมงานศิลปะโดยตรงในจังหวัดเชียงราย: คิดเป็น 12.4% ของนักท่องเที่ยวทั้งจังหวัด (จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 6.19 ล้านคน ปี 2567)
  • งาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023: มีผู้เข้าร่วมกว่า 350,000 คน ตลอดระยะเวลาจัดงาน (ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรม)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM)
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • รายงานผลการจัดงาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023
  • UNESCO Creative Cities Network Thailand Coordination Unit
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายปั้นเทศกาลโลก อวดเมือง ดึงดูดนานาชาติ

เชียงรายระดมความคิดยกระดับเทศกาลไทยสู่เวทีนานาชาติ หวังสร้างภาพลักษณ์ “เมืองแห่งเทศกาล”

เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – สำนักงานจังหวัดเชียงรายจัดประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำโครงการ “เพิ่มขีดความสามารถผู้จัดเทศกาลไทย ผู้สร้างสรรค์เทศกาลไทยสู่เวทีนานาชาติ” ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้เป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนเมืองเชียงรายสู่การเป็นเมืองแห่งเทศกาล พร้อมยกระดับการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

ประชุมวางรากฐาน “เทศกาลของเมือง” สู่ระดับโลก

เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานจังหวัดเชียงราย ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมระดมความคิดเห็นภายใต้โครงการดังกล่าว โดยได้รับเกียรติจาก นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม แทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ที่มอบหมายหน้าที่ในครั้งนี้

การประชุมดังกล่าวมุ่งเน้นการเสนอแนวคิด สะท้อนปัญหา และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดงานเทศกาลในจังหวัด โดยเน้นการยกระดับงานเทศกาลให้เป็นมากกว่ากิจกรรมท้องถิ่น แต่สามารถขยายสู่ระดับนานาชาติได้อย่างมีศักยภาพ

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเสนอแนวทางพัฒนาเทศกาล

ในที่ประชุม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมและเสนอแนวคิดสำคัญหลายประการ อาทิ การคัดเลือกเทศกาลของจังหวัดเชียงรายเพื่อเข้าร่วมโครงการ “อวดเมือง” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แต่ละจังหวัดนำเสนออัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ และมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทศกาลให้กลายเป็น “City Expo” ที่สามารถสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในระดับพื้นที่

บุคลากรผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายประกอบด้วย นางสาวณพิชญา นันตาดี, นางเพียรโสม ปาสาทัง, นายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช และนายวรพล จันทร์คง ซึ่งได้ร่วมอภิปรายในประเด็นด้านการพัฒนาเทศกาลให้สอดคล้องกับบริบทวัฒนธรรมของเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึงการใช้ทุนทางวัฒนธรรมเดิม ผสานแนวคิดใหม่ในการออกแบบกิจกรรมให้ทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่

เปิดเวทีให้ภาคีเครือข่ายร่วมขับเคลื่อน

การประชุมในครั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, หอการค้าจังหวัดเชียงราย และ YEC เชียงราย ที่ได้นำเสนอมุมมองของผู้ประกอบการและภาคเอกชนต่อการจัดเทศกาลในระดับจังหวัดและแนวทางการยกระดับให้เข้าถึงมาตรฐานสากล

ตัวแทนจากหอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้เน้นถึงโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการจัดเทศกาลในลักษณะ “เทศกาลเมือง” ที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นช่องทางสร้างงานและรายได้ให้กับผู้ประกอบการในชุมชน ทั้งกลุ่มอาหารพื้นถิ่น กลุ่มหัตถกรรม และกลุ่มบริการที่เกี่ยวข้อง

แนวทางสู่เมืองแห่งเทศกาลและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ

โครงการ “เพิ่มขีดความสามารถผู้จัดเทศกาลไทยฯ” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในเชิงวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเป็น “ประเทศแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง หรือ Thailand as a Festival Country

หัวใจสำคัญของแนวทางดังกล่าวคือการ ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติผ่านเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ และมีกลไกสนับสนุนจากทั้งรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเชียงราย ซึ่งมีศักยภาพทั้งในด้านทรัพยากรบุคคล แหล่งท่องเที่ยว และฐานวัฒนธรรมอันเข้มแข็ง

แนวคิดจากพื้นที่…สู่เวทีโลก

หนึ่งในข้อเสนอสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการจัดตั้ง คณะทำงานเฉพาะกิจระดับจังหวัด เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดเทศกาลตามมาตรฐานสากล โดยให้มีการเก็บข้อมูลสถิติผู้เข้าร่วมงาน รายได้หมุนเวียน และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ-สังคม อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลลัพธ์และพัฒนาเทศกาลในรอบปีถัดไป

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้ส่งเสริมเทศกาลของจังหวัดที่จัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว เช่น เทศกาลดอกไม้งามเชียงราย, งานไม้ดอกเมืองหนาว, งานวัฒนธรรมชนเผ่า และงานสงกรานต์เชียงราย ให้มีการปรับรูปแบบให้เชื่อมโยงกับแนวคิดของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเปิดเวทีให้กลุ่มเยาวชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

วิเคราะห์แนวโน้มของเมืองเชียงรายในฐานะศูนย์กลางเทศกาลภาคเหนือ

จากบทบาทของจังหวัดเชียงรายในฐานะจังหวัดท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ การผลักดันแนวคิด “เมืองแห่งเทศกาล” จะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

หากสามารถจัดเทศกาลในรูปแบบที่ยั่งยืน มีเนื้อหาใหม่ ๆ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมดั้งเดิม และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้จังหวัดเชียงรายสามารถยืนอยู่ในเวทีระดับนานาชาติได้อย่างมั่นคงในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า อุตสาหกรรมเทศกาลมีส่วนต่อ GDP ประเทศไทยประมาณ 1.2% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
  • ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรม (2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีการจัดงานเทศกาลมากกว่า 2,300 งานต่อปี แต่มีเพียง 15% เท่านั้นที่เข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าการจัดงานเทศกาลที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 18-25% ต่อรอบกิจกรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • รายงานจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (ประชุมวันที่ 8 เมษายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News