Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โตโยต้าเชียงรายร่วมมือชมรมราชการ มอบผ้าห่มต้านภัยหนาวเชียงราย

บริษัทโตโยต้าเชียงราย มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด นำโดย คุณเรืองชัย จิตรสกุล และ คุณจินตนา จิตรสกุล ผู้บริหารบริษัทฯ และรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้มอบผ้าห่มกันหนาวจำนวน 100 ผืน มูลค่า 45,000 บาท ให้แก่ “ชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย” โดยมี นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนรับมอบ ณ โชว์รูม บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด ถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยสมาชิกชมรมหัวหน้าส่วนราชการ เมืองเจียงฮาย ได้จัดกิจกรรม “ส่งมอบความห่วงใยถึงชาวเชียงราย” เพื่อนำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ผู้ขาดแคลนและผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการบริจาคครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาวในจังหวัด

ร่วมส่งความอบอุ่นถึงผู้ที่ขาดแคลน

กิจกรรมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปที่สนใจร่วมสนับสนุนนำเครื่องกันหนาวมาบริจาคเพิ่มเติม โดยสามารถส่งมอบได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรวบรวมไปแจกจ่ายแก่ผู้ที่ต้องการในพื้นที่ต่าง ๆ

สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 092-2468347 (นางสาวนันทวรรณ กันคำ) ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

โตโยต้าเชียงราย ร่วมสร้างชุมชนที่อบอุ่น

บริษัท โตโยต้าเชียงราย จำกัด มุ่งมั่นส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยเหลือชุมชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการมอบเครื่องกันหนาวหรือการส่งเสริมการศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยกิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะส่งมอบความอบอุ่นและห่วงใยให้แก่ประชาชนในช่วงฤดูหนาว

ความสำคัญของกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล การจัดกิจกรรมเช่นนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบจากภัยหนาว แต่ยังแสดงถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการสร้างสังคมที่อบอุ่นและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เชียงรายกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นชุมชนที่พร้อมช่วยเหลือและแบ่งปัน เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายสร้างโมเดลบวร ป้องกันไฟป่าอย่างยั่งยืน

พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช นำเชียงรายสู่ต้นแบบจัดการไฟป่าด้วยพลัง “บวร”

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ลงพื้นที่วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อพบปะและรับฟังแนวทางการจัดการไฟป่าจาก พระอาจารย์วิบูลย์ ธมฺมเตโช” พระภิกษุสงฆ์ผู้มุ่งมั่นในการปกป้องป่าและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ โดยใช้แนวทาง “บวร” (บ้าน วัด ราชการ) และศาสตร์พระราชาเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน

บวร: บ้าน วัด ราชการ แนวทางแห่งสามัคคี

พระอาจารย์วิบูลย์อธิบายว่า ไฟป่าและหมอกควัน มักเกิดจากการเผาป่าที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายทางธรรมชาติและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แนวทาง “บวร” ได้กลายเป็นต้นแบบในการจัดการปัญหาไฟป่าด้วยความร่วมมือของชุมชน บ้าน วัด และหน่วยงานภาครัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคีและความเข้าใจร่วมกันในชุมชน

กิจกรรมเพื่อป้องกันไฟป่า

ในแต่ละปี พระอาจารย์วิบูลย์ได้ริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ เช่น

  1. การปลูกป่า: ส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
  2. การทำแนวกันไฟ: ใช้วิธี “ก้างปลา” เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ
  3. การสร้างหอดูไฟ: ช่วยในการตรวจสอบและเตือนภัยไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว
  4. การเกษตรผสมผสาน: สนับสนุนการเกษตรที่ลดการพึ่งพาการเผา

พระอาจารย์ยังเน้นว่าการแก้ไขปัญหาที่สำเร็จต้องอาศัยความร่วมมือที่จริงจังจากทุกภาคส่วน โดยใช้ความสามัคคีเป็นเครื่องมือสำคัญ

หลักศาสตร์พระราชาและสามัคคีในชุมชน

พระอาจารย์วิบูลย์ได้น้อมนำหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ว่า ทุกปัญหาของสังคมและโลกใบนี้จะแก้ด้วยสามัคคี” มาเป็นแนวทางในการสร้างพลังสามัคคีในชุมชน ทั้งนี้ การบูรณาการระหว่างภาครัฐ ชุมชน และศาสนสถาน ได้ทำให้พื้นที่ดอยอินทรีย์กลายเป็นต้นแบบของการจัดการไฟป่าที่ประสบความสำเร็จ

ความสำเร็จและเป้าหมายในอนาคต

ในปัจจุบัน พื้นที่ดอยอินทรีย์ไม่มีปัญหาไฟป่าหรือหมอกควันรุนแรง เนื่องจากการจัดการที่เป็นระบบและความร่วมมือของทุกฝ่าย พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวว่า แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและคนรุ่นหลัง

“เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยสามัคคี ไม่ใช่เพียงเพื่อเราในวันนี้ แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน” พระอาจารย์วิบูลย์กล่าวทิ้งท้าย

การยอมรับจากทุกภาคส่วน

แนวทาง “บวร” ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากคณะสงฆ์ ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ โดยจังหวัดเชียงรายวางแผนที่จะขยายผลโครงการนี้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสร้างต้นแบบการจัดการปัญหาไฟป่าที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงพลังของความสามัคคีและการบูรณาการร่วมกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องในระดับชุมชนและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ศิลปะบนนาข้าวเชียงราย สะท้อนความหวังหลังน้ำท่วมใหญ่

งานศิลปะบนนาข้าว เชียงราย สื่อแรงบันดาลใจผ่านมังกร-แมว-หมาจร

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเรื่องราวงานศิลปะบนนาข้าวขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงราย ผลงานสร้างสรรค์โดย ธัญพงศ์ ใจขำ ชาวนาและศิลปินท้องถิ่น ที่เปลี่ยนนาพื้นที่กว่า 12 ไร่ ให้กลายเป็นผลงานศิลปะสื่อความหมาย โดยใช้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน

มังกร แมว และหมาจรในนาข้าว

ผลงานศิลปะในนาข้าวประกอบด้วยภาพ มังกรสีแดง ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน และภาพ แมวสี่หูห้าตา ซึ่งเป็นตัวแทนของโชคลาภในท้องถิ่น รวมถึงภาพ หมาจรและแมวจร สื่อถึงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน โดยธัญพงศ์ตั้งใจสื่อสารผ่านงานศิลปะว่า “มังกร” เป็นตัวแทนของการนำพาความโชคร้ายให้ผ่านพ้นไป

แรงบันดาลใจจากศิลปะญี่ปุ่นสู่ศิลปะไทย

ธัญพงศ์ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะบนนาข้าวของญี่ปุ่น (Tanbo Art) ซึ่งใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและจีพีเอสวางแผนการปลูกข้าว โดยธัญพงศ์ใช้พันธุ์ข้าวพิเศษ เช่น ข้าวสรรพสี ที่มีถึง 5 เฉดสีมาสร้างสรรค์ภาพต่างๆ ทีมงานเริ่มต้นด้วยการออกแบบและปักหมุดตามจุดที่กำหนด ก่อนปลูกข้าวให้ตรงตามแผน ผลงานดังกล่าวกลายเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักศึกษาที่มาชมความงดงามและความละเอียดอ่อนของศิลปะในพื้นที่นี้

ฟื้นฟูชุมชนผ่านศิลปะ

ธัญพงศ์ตั้งเป้าหมายให้ผลงานนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เกษตรกรในพื้นที่ฟื้นฟูนาที่เสียหายจากน้ำท่วม และกระตุ้นให้คนในชุมชนเห็นคุณค่าของการใช้ศิลปะร่วมกับการเกษตร ผลงานนี้ยังแสดงถึงความหวังและการฟื้นตัวหลังวิกฤต

ศิลปะที่สะท้อนถึงชีวิตและชุมชน

ธัญพงศ์กล่าวว่า “ผลงานนี้ไม่ใช่เพียงศิลปะเพื่อความสวยงาม แต่ยังสะท้อนความผูกพันกับผืนนาและชีวิตในชนบท” เขาเสริมว่าการสร้างงานศิลปะในนาข้าวต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับการเกษตรในประเทศไทย

เปิดให้ชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

งานศิลปะในนาข้าวของธัญพงศ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นข้าวพร้อมเก็บเกี่ยว ผลงานนี้ไม่เพียงสะท้อนความงดงามของศิลปะไทย แต่ยังเป็นการส่งต่อเรื่องราวและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในวงกว้าง

งานศิลปะบนนาข้าวของธัญพงศ์ ใจขำ เป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการผสมผสานศิลปะกับการเกษตร ที่ไม่เพียงแต่สร้างความงดงาม แต่ยังช่วยฟื้นฟูชุมชนและสร้างความหวังในอนาคต.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลเชียงรายเร่งฟื้นฟู ดูดโคลนเลน 52 ชุมชนหลังน้ำท่วม

เทศบาลนครเชียงรายฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วมใหญ่ ดูดโคลนเลนแก้ปัญหาท่อระบายน้ำ 52 ชุมชน

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 เทศบาลนครเชียงราย นำโดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร ได้เดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา โดยเน้นการดูดโคลนและเลนที่สะสมในท่อระบายน้ำและพื้นที่สาธารณะ เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและแก้ปัญหาการระบายน้ำในอนาคต

ดำเนินการฟื้นฟูใน 52 ชุมชน

เทศบาลนครเชียงรายได้ส่งรถดูดโคลนเลนพร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใน 52 ชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูครบทั้ง 65 ชุมชนในเขตเทศบาล เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ การทำความสะอาดและขจัดสิ่งอุดตันในท่อระบายน้ำยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคต

ฝาท่อชำรุด ปรับปรุงใหม่เพื่อความปลอดภัย

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ได้รับการแก้ไขคือเรื่องฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุดหรือหายไป ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เทศบาลฯ ได้ออกแบบฝาท่อใหม่ให้ยากต่อการโจรกรรม พร้อมคำนึงถึงความคงทนและสะดวกต่อการเปลี่ยนในกรณีที่เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรฐานด้านความปลอดภัยได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

ผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่

น้ำท่วมครั้งใหญ่ในจังหวัดเชียงรายได้สร้างความเสียหายให้กับชุมชนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ต่ำที่น้ำไหลบ่าลงมาสะสมในระบบระบายน้ำ การฟื้นฟูดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นายวันชัย จงสุทธานามณี กล่าวว่า การฟื้นฟูครั้งนี้ไม่เพียงแค่การขจัดโคลนและเลน แต่ยังรวมถึงการวางแผนแก้ปัญหาเชิงรุก เช่น การตรวจสอบระบบระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการวางมาตรการลดผลกระทบจากน้ำท่วมในระยะยาว

ร่วมมือฟื้นฟูชุมชน

นอกจากนี้ เทศบาลฯ ยังได้ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อวางแผนการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยชาวบ้านต่างให้ความร่วมมืออย่างดีในการช่วยกันฟื้นฟูชุมชนของตน

การดำเนินการฟื้นฟูครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลนครเชียงรายในการพัฒนาชุมชนและสร้างความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเผชิญกับสถานการณ์ในอนาคตได้อย่างมั่นใจ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. อบรมวิทยากรอำเภอทั่วพื้นที่เชียงราย

จังหวัดเชียงรายจัดอบรมวิทยากรอำเภอ เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. 2568

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 จังหวัดเชียงรายได้จัดโครงการฝึกอบรมวิทยากรอำเภอสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายก อบจ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันสำหรับผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือกตั้ง

พิธีเปิดการอบรมที่โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท

นายปรพล ภูตระกูล กรรมการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการฝึกอบรม ณ โรงแรมทีคการ์เด้น สปา รีสอร์ท เชียงราย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มกราคม 2568 โดยมีวิทยากรจาก 18 อำเภอของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม นายปรพลได้กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้แก่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบอย่างเคร่งครัด

เนื้อหาการอบรมและเป้าหมายการจัดงาน

การอบรมในครั้งนี้ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง การปฏิบัติงานของคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) การจัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้งและเขตเลือกตั้ง ตลอดจนการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับการสนับสนุนให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

สมาชิกสภา อบจ. และนายก อบจ. เชียงราย ดำรงตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และตามกฎหมายกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วันหลังครบวาระ คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญในระดับท้องถิ่น

การเตรียมความพร้อมและเป้าหมายของการอบรม

นายปรพล ภูตระกูล เน้นย้ำว่า การอบรมครั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถดำเนินการเลือกตั้งได้อย่างถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและส่งเสริมการเลือกตั้งที่มีคุณภาพในระดับท้องถิ่น

ความสำคัญต่อประชาธิปไตยในพื้นที่

การจัดอบรมวิทยากรอำเภอและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการส่งเสริมประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น โดยให้ความสำคัญกับความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

ด้วยความพร้อมที่เกิดขึ้นจากการอบรมครั้งนี้ จังหวัดเชียงรายมุ่งมั่นที่จะทำให้การเลือกตั้ง อบจ. เชียงรายในปี 2568 เป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยในพื้นที่อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

เหล่ากาชาดเชียงรายเสริมการอ่านเขียนพัฒนานักเรียนพื้นที่ห่างไกล

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายขยายผลโครงการอาสาสมัครการศึกษา ช่วยสอนเสริมพัฒนาทักษะการอ่านเขียน

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายดำเนินโครงการขยายผลระบบอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และดูแลสุขอนามัยของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล โดยมีการเริ่มต้นกิจกรรมที่โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพรหมวิหาร อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เวลา 10.20 น. นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางกรรณิการ์ ไชยวงค์ และนางฐิตารีย์ ดวงแก้ว ครูอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) ประจำกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย จัดการเรียนการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ณ โรงเรียนเทศบาล 1 วัดพรหมวิหาร การดำเนินกิจกรรมเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักและสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนเพื่อให้เกิดความคุ้นเคย พร้อมทั้งสอนทักษะการอ่านออกเขียนได้และการดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน โดยครูผู้สอนเน้นความเข้าใจที่เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน

โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการพูด อ่าน และเขียนภาษาไทยของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งมักประสบปัญหาการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นางสาวกาญจนีย์ ช่างปั้น เหรัญญิกกิ่งกาชาดอำเภอเชียงแสน ได้มอบหมายให้ครูอาสาสมัครการศึกษาช่วยสอนเสริม (อศม.) จำนวน 2 ท่าน เข้าพบผู้บริหารและคณะครูของโรงเรียนเทศบาล 1 (เวียงเชียงแสน) ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อวางแผนการจัดการเรียนการสอนเสริมให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย

กิจกรรมดังกล่าวยังครอบคลุมการสอนเรื่องการดูแลสุขอนามัย เช่น การล้างมือให้สะอาด การป้องกันโรคติดต่อ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เรื่องสุขภาพผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติ

โครงการขยายผลระบบอาสาสมัครการศึกษา ช่วยสอนเสริม (อศม.) ของเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายนี้ ถือเป็นความร่วมมือระหว่างอาสาสมัคร ผู้บริหารสถานศึกษา และชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกล และช่วยเติมเต็มความเท่าเทียมด้านการศึกษาในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายมีแผนที่จะขยายกิจกรรมดังกล่าวไปยังโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของนักเรียนและเสริมสร้างศักยภาพที่พร้อมเติบโตในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

ทำไม ‘น้ำฟ้า ธมลวรรณ’ ถึงลงมาสู่ การสมัคร ส.อบจ. ที่ อ.เวียงชัย

การเลือกตั้ง ‘ส.อบจ.เชียงราย’ และ ‘นายก อบจ.เชียงราย’ ที่จะมีขึ้น

คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงราย (กกต.) เปิดเผยรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) เชียงราย สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ระหว่างเวลา 08.00 – 17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่

ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย

การเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย มีผู้สมัครทั้งสิ้น 3 ราย โดยแต่ละราย ได้คงได้มีการนำเสนอนโยบายและวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาจังหวัดเชียงรายในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สาธารณสุข การศึกษา และการท่องเที่ยว

  • เบอร์ 1 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์
  • เบอร์ 2 นางสลักจฤฏดิ์ ติยะไพรัช
  • เบอร์ 3 นางสาวจิราพร หมื่นไชยวงศ์

ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก ส.อบจ. เชียงราย

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิก ส.อบจ. เชียงรายในปีนี้ มีผู้สมัครทั้งสิ้น 103 ราย จาก 36 เขตทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย โดยผู้สมัครทุกคนต่างแสดงความพร้อมและความตั้งใจในการรับใช้ประชาชนในพื้นที่

บทสัมภาษณ์: หนทางเข้าสู่ น้ำฟ้า ธมลวรรณ ผู้สมัคร ส.อบจ. เชียงราย ในอำเภอเวียงชัย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ดำเนินการสัมภาษณ์ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) เพื่อสะท้อนมุมมองและนโยบายจากผู้สมัครที่ตั้งใจอาสาเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนในครั้งนี้ หลังการติดต่อผู้สมัครหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่ติดภารกิจ ทำให้ทางทีมข่าวได้รับการตอบรับจากหนึ่งในผู้สมัครคือ น้ำฟ้า ธมลวรรณ ปัญญาพฤกษ์ ผู้สมัครรุ่นใหม่จากอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย ที่มาพร้อมความมุ่งมั่นและแนวคิดในการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์

บทบาทสำคัญของ ส.อบจ. ในการพัฒนาชุมชน

สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) มีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมถึงการเสนอร่างข้อบัญญัติเกี่ยวกับงบประมาณและแผนพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชนในพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเชียงราย

ช่วยแนะนำตัวเองและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในท้องถิ่น

“สวัสดีค่ะ น้ำฟ้า ธมลวรรณ ปัญญาพฤกษ์ หรือฟ้าค่ะ อายุ 25 ปี จบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ค่ะ พื้นฐานครอบครัวของฟ้าทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ฟ้าจึงมีโอกาสทำงานเกี่ยวกับงานท้องถิ่นร่วมกับ อบจ. เทศบาล และ อปท. บ่อยครั้ง ได้สัมผัสกับปัญหาชุมชน เช่น ถนน อ่างเก็บน้ำ และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเคยดูแลธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ และบริหารงานท่าทรายให้ครอบครัว ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้ช่วยให้ฟ้าเข้าใจปัญหาและความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง”

แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ท่านตัดสินใจลงสมัครสมาชิก ส.อบจ. เชียงราย?

“ฟ้ามองว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย การตัดสินใจลงสมัครครั้งนี้เริ่มต้นหลังจากน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ เราได้ช่วยเหลือพี่น้องในหลายอำเภอ ฟ้ารู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาสช่วยเหลือได้มากกว่านี้ เราก็อยากทำ ฟ้าอยากเป็นกระบอกเสียงของคนรุ่นใหม่ที่สามารถเข้าถึงปัญหาของทุกกลุ่มวัย และช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในชุมชน”

มองว่าประสบการณ์หรือคุณสมบัติอะไรที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้

“ฟ้ามีประสบการณ์ทำงานในท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่จริง เข้าใจปัญหาและวิธีแก้ไข ฟ้าคิดว่าเด็กรุ่นใหม่อย่างฟ้าสามารถนำมุมมองและพลังใหม่ ๆ มาช่วยพัฒนาชุมชนได้ และฟ้าพร้อมทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของอำเภอเวียงชัย”

บทบาทของครอบครัวหรือชุมชนที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงสมัครครั้งนี้บ้าง

“ครอบครัวฟ้าสนับสนุนการช่วยเหลือชุมชนมาโดยตลอด ท่านสอนเสมอว่าการทำอะไรด้วยใจสำคัญที่สุด ฟ้าได้นำแนวคิดนี้มาใช้และต้องการเปลี่ยนจากการช่วยเหลือเป็นการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน”

หากครั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมีแผนงานสำคัญอะไรที่อยากผลักดันในพื้นที่ตัวเอง

“โครงการ ‘ของดีแต่ละตำบล’ คือสิ่งที่ฟ้ากำลังทำอยู่ ฟ้าต้องการโปรโมตสินค้าชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอเวียงชัยให้เป็นที่รู้จัก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ฟ้ายังมีแผนสนับสนุนกลุ่มเยาวชนและสตรีร่วมกับผู้สมัครนายก อบจ. คุณนก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในชุมชน”

มุมมองปัญหาหลักในพื้นที่คืออะไร และมีแนวทางแก้ไขอย่างไร

“ปัญหาหลักในเวียงชัยมีหลายมิติ เช่น น้ำประปา เศรษฐกิจ หรือปัญหาชุมชนเฉพาะจุด ฟ้าจะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น หาทางแก้ไขร่วมกับชาวบ้าน และดำเนินการให้รวดเร็วที่สุดเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม”

แล้วถ้าพูดถึงนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นหรือการพัฒนาชุมชนในเชียงรายอย่างไร

“ฟ้าจะสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ส่งเสริมการขายออนไลน์ และสร้างโอกาสให้คนในชุมชนมีงานทำ สร้างรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของเวียงชัย”

มีวิธีการรับฟังและตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่อย่างไร

“ฟ้าจะลงพื้นที่ให้มากที่สุด และใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางรับฟังปัญหา พร้อมทำงานร่วมกับทีมงานเพื่อตอบสนองข้อร้องเรียนอย่างรวดเร็ว”

ดรัณภพ อินตาพรหม ผู้สมัคร ส.อบจ.เวียงชัย พรรคเพื่อไทย โปรไฟล์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งที่โดดเด่น

ประวัติการศึกษาและประสบการณ์ทำงาน
ดรัณภพ อินตาพรหม มีพื้นฐานด้านการศึกษาและประสบการณ์ทำงานที่หลากหลาย

  • ปริญญาโท MBA บริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด (Stamford International University)
  • ปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้า จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (Rajamangala University of Technology Lanna)

ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา

  1. ดำรงตำแหน่ง เลขานุการประจำตัว ส.ส.เชียงราย เขต 2
  2. ผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส.เชียงราย เขต 2 และเขต 4
  3. เป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ที่สถานีตำรวจภูธรเวียงชัย
  4. คณะกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน
  5. ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัยในรัฐสภา
  6. อดีตวิศวกรปฏิบัติงานที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย
  7. เป็นเจ้าของกิจการ ห้องเย็นซูริค เชียงราย

นโยบายและเป้าหมายการทำงาน

ดรัณภพมุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่อำเภอเวียงชัยให้มีความก้าวหน้าทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ และนำไปสู่การแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ

จุดยืนทางการเมือง

ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ. พรรคเพื่อไทย ดรัณภพเป็นหนึ่งในผู้สมัครที่มีความตั้งใจจริงให้กับชุมชน โดยเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยในเขตเวียงชัย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 36 เขตของจังหวัดเชียงราย ด้วยโปรไฟล์ที่โดดเด่นและประสบการณ์ที่หลากหลาย คาดว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

วันเลือกตั้งและสิทธิของประชาชน

การเลือกตั้งครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ หน่วยเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิมีรายชื่ออยู่ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขอเชิญชวนประชาชนชาวเชียงรายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน หรือหลักฐานแสดงตนอื่น ๆ ที่ทางราชการออกให้

ความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการกำหนดอนาคตของจังหวัดเชียงราย โดยทั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า พร้อมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่

ประชาชนชาวเชียงรายอย่าลืม!

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 มาใช้สิทธิของท่านในการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ. เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางอนาคตของจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม พุทธศิลป์ร่วมสมัยสู่สายตาโลก

พิธีพุทธาภิเษก “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” งานพุทธศิลป์ร่วมสมัย เชียงราย

เชียงราย – เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกผลงานพุทธศิลป์ร่วมสมัย “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” ซึ่งออกแบบโดย ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล ศิลปินผู้มีเอกลักษณ์ด้านการสร้างสรรค์พุทธศิลป์ร่วมสมัย และ อ.อโณทัย บุษราคำวิสิฐ ผู้กำกับงานออกแบบ โดยมีประชาชนร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

พิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 30 ปีที่วัดพระสิงห์ได้รับพระราชทานเป็นพระอารามหลวง โดยมีการจัดสร้างผลงานพุทธศิลป์ในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

  • พระกริ่งคล้องคอ ขนาด 4 ซม. และพระบูชาขนาด 3 นิ้วและ 5 นิ้ว
  • เหรียญหล่อพุทธศิลป์ ขนาด 5 ซม.
  • พระบูชาพุทธศิลป์เต็มรูปแบบ ขนาดสูง 6 นิ้ว และ 15 นิ้ว

ผลงานทั้งหมดได้รับการออกแบบอย่างประณีตด้วยเทคโนโลยี 3D Sculpture ที่ผสานแนวคิดลายไทยและความร่วมสมัย สร้างสรรค์โดยทีมงานคุณภาพ นำโดย อาจารย์คิว (Jeerawut Boonchuaynampon) และทีมงานจากโรงหล่อระลึก

พุทธศิลป์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และความทุ่มเทของศิลปิน

ดร.จีรวุฒิ บุญช่วยนำผล ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน กล่าวถึงกระบวนการสร้างสรรค์ว่า งานทุกชิ้นได้รับการทุ่มเทอย่างเต็มที่และพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ซึ่งช่วยเพิ่มมิติด้านความกว้าง ยาว และลึกในผลงาน นับเป็นการประยุกต์ศิลป์ที่ยกระดับศิลปะไทยไปอีกขั้น

“ทุกชิ้นงานของผมคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผมใช้ทั้งฝีมือและพลังสร้างผลงานให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพียงเพื่อสะท้อนความงามทางศิลปะเท่านั้น แต่เพื่อส่งต่อคุณค่าทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ” ศิลปินกล่าว

ความสำคัญของการสร้างผลงานพุทธศิลป์ในยุคดิจิทัล

ศิลปินและทีมงานยังเผยว่าการสร้างผลงานด้วยเทคโนโลยี 3D Sculpture ช่วยให้ผลงานสามารถถ่ายทอดรายละเอียดและความงดงามของลวดลายไทยได้อย่างสมจริง ทั้งยังสะท้อนความร่วมสมัยที่สามารถเชื่อมโยงศิลปะไทยกับนานาชาติ

“ผลงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าใจและเข้าถึงความงามของพุทธศิลป์ไทยได้ง่ายขึ้น” ดร.จีรวุฒิ กล่าว

งานศิลป์ที่เป็นมากกว่าความงาม

ภายในพิธีประชาชนยังได้ชมผลงานสร้างชื่อของศิลปินในอดีต รวมถึงผลงานใหม่ ๆ ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และคุณค่า งานแต่ละชิ้นเต็มไปด้วยความหมายและสะท้อนความอุตสาหะของผู้สร้าง

นอกจากนี้ พุทธศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในครั้งนี้ยังผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและความเป็นสากลได้อย่างลงตัว สื่อถึงการปรับตัวของศิลปะไทยในยุคใหม่ที่ยังคงรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันล้ำค่า

จุดหมายสู่อนาคตของพุทธศิลป์ไทย

พิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันศิลปะไทยสู่ระดับสากล พร้อมทั้งเชิดชูคุณค่าของพุทธศิลป์ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสะท้อนจิตวิญญาณแห่งความศรัทธาและวัฒนธรรมไทยที่ล้ำค่า

งานพุทธศิลป์ “พระสิงห์ทรงชัยเหนือสยาม” และ “เมตไตรยกาล” ไม่เพียงแต่เป็นผลงานทางศิลปะ แต่ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความศรัทธาและความงดงามที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

วิ่งในสายหมอก เชียงราย 2025 ท่ามกลาง 11 องศา

เชียงรายจัดวิ่งในสายหมอก Nakhon Chiangrai Run 2025 นักวิ่ง 999 คน ร่วมสัมผัสอากาศ 11 องศา

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม Nakhon Chiangrai Run 2025 ภายใต้แนวคิด “ในม่านหมอก ดอกไม้ สายน้ำและขุนเขา” ณ สวนตุงและโคม เทศบาลนครเชียงราย โดยมีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวน 999 คน จากหลากหลายจังหวัด รวมถึงชาวต่างประเทศ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นที่อุณหภูมิ 11 องศาเซลเซียส เส้นทางวิ่งเชื่อมโยงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ตั้งแต่ หอนาฬิกานครเชียงราย อนุสาวรีย์พญามังราย และสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย

วัตถุประสงค์และความสำคัญของงาน

การจัดกิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย กระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยสอดคล้องกับนโยบายผลักดันเชียงรายให้เป็น เมืองแห่งกีฬา (Sports City) ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งร่วมผลักดันกิจกรรมกีฬาในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง

ประเภทการแข่งขันและผลรางวัล

รางวัลประเภท Overall   วิ่งระยะทาง 10.5 กม. ประเภทชาย

อันดับที่ 1  เงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ

อันดับที่ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ อันดับที่ 3  เงินรางวัล 1,500 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ

ประเภทหญิง อันดับที่ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ อันดับที่ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ อันดับที่ 3 เงินรางวัล 1,500 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศ

รางวัลประเภทกลุ่มอายุ สำหรับระยะทาง 10.5 กม.  ประเภทชาย หญิง รับถ้วยรางวัลอันดับ 1-5  และ เงินรางวัลอันดับ 1-3  1,000/800/500  บาท

ส่วนผู้ได้รับ รางวัลประเภท Overall   (วิ่ง ระยะทาง 10.5 กม.) ประเภทชาย

1 นายมงคล แก้วตา  จากชมรมหนองอ้อท้อไม่เป็น  ทำเวลาได้ 35.53 นาที

2 นายชยพล บุญอุปละ ทำเวลาได้ 36.37 นาที

3 นายวงศ์บวร ผัสดี  จาก Yongwai ทำเวลาได้ 37.10 นาที

ส่วนผู้ได้รับ รางวัลประเภท Overall   (วิ่ง ระยะทาง 10.5 กม.) ประเภทชาย

1นางสาว มนัสนันท์ ขำพิทักษ์  ทำเวลาได้  43.30 นาที

2 นางสาว ปนัดดา งามสม จาก CK track Club ทำเวลาได้ 44.20  นาที

3 นางสาว อารีย์ ธรรมรส ทำเวลาได้ 47.37 นาที

นางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกภาคส่วน และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดงานที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและนานาชาติ

บรรยากาศและไฮไลต์งาน

นักวิ่งได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมชมความงดงามของดอกไม้เมืองหนาว ณ จุดจัดงานเชียงรายดอกไม้งามปีที่ 21 ที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย นอกจากนี้ การวิ่งผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ ยังสร้างความประทับใจให้กับนักวิ่ง โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ร่วมงาน

สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงรายมีแผนจัดกิจกรรมกีฬาอีกหลากหลายรูปแบบในอนาคต เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รองนายกฯ ตรวจชายแดนเชียงราย คุมเข้มยาเสพติด-ค้ามนุษย์

รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือโขง ย้ำแก้ปัญหายาเสพติด-ค้ามนุษย์เชิงรุก

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) ที่สถานีเรือเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติด ค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี

ตรวจเยี่ยมและวางแผนแก้ปัญหาชายแดน

ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป รองนายกฯ และคณะได้ขึ้นเรือตรวจการณ์เพื่อสำรวจภูมิประเทศและเยี่ยมชมสถานีเรือเชียงแสน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตั้งแต่สามเหลี่ยมทองคำถึงบ้านหาดบ้าย รวมระยะทาง 39 กิโลเมตร และสถานีเรือเชียงของที่รับผิดชอบตั้งแต่บ้านหาดบ้ายถึงแก่งผาได รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวครอบคลุม 34 หมู่บ้านใน 8 ตำบลของ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น รวมระยะทางตามลำน้ำโขงทั้งหมด 96 กิโลเมตร

ผลการปฏิบัติการในรอบ 3 เดือน

ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 หน่วยงาน นรข. สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 15 ล้านเม็ด เฮโรอีน 56 กิโลกรัม และไอซ์ 135 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รวมถึงการตรวจยึดของกลางอื่น ๆ เช่น รถยนต์ บุหรี่ต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท และจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ 30 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นชาวลาวและจีน

แนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมชายแดน

รองนายกฯ ระบุว่าการปฏิบัติการเชิงรุกจะเน้นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและสกัดกั้นในพื้นที่ชายแดน โดยมีแผนดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ

  1. แนวชายแดน: สนธิกำลังระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยทหารในพื้นที่
  2. พื้นที่ตอนใน: ประสานงานระหว่างตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง โดยตั้งจุดตรวจและชุดปฏิบัติการลงพื้นที่

โครงการดังกล่าวจะเริ่ม Kick Off ในวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยมีการตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจน และจะประเมินผลทุก 6 เดือน เพื่อสร้างความมั่นคงและลดปัญหายาเสพติดในระยะยาว

เป้าหมายปี 2568

รองนายกฯ ย้ำว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาจะมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามเชิงรุก พร้อมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ โดยเฉพาะการลดบทบาทของผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อให้ประเทศไทยปลอดจากปัญหานี้ในปี 2568

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและยกระดับความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News