Categories
SOCIETY & POLITICS

“เศรษฐา” ประกาศวาระชาติลุยแก้หนี้นอกระบบ เริ่มลงทะเบียน 1 ธันวาคมนี้

 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 11.00 น.  ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวเรื่อง วาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ”  ร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และพลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมีสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ได้แก่ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้เพื่อบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนประกาศวาระแห่งชาติ ขับเคลื่อน “การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยจำนวนมาก วันนี้เราจะเอาจริงเอาจัง ทำให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวังและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทยทุกคน โดยวันนี้เราได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน  และฝ่ายตำรวจ ที่ช่วยกำกับดูแลบังคับใช้กฎหมาย  จะมาทำงานร่วมกัน แก้ไขทั้งเรื่องหนี้ และมีเรื่องของความสัมพันธ์ในระดับชุมชนที่ละเอียดอ่อน ซึ่งนอกจากการแก้ไขหนี้แล้ว รัฐบาลยังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนขึ้นไปถึงระดับมหภาค  ยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก

 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่าปัญหาหนี้นอกระบบ ได้กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมอีกหลายประการ รัฐบาลได้ประเมินจำนวนครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบไว้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท  ซึ่งคิดว่าเลขนี้น่าจะประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ และปัญหาจริง ๆ น่าจะมีมากกว่านั้น ทั้งนี้คนที่ไม่ได้เป็นหนี้อาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบ “ต่อทุกคน” ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ  ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ต้องเจอกับความเปราะบางที่เกิดขึ้นจากหนี้สิน  ที่ใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด  พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝัน หรือทำตาม Passion ได้  ปิดโอกาสการต่อยอดไปหลายอย่าง  ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ  ส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ไปยังทุกภาคส่วน และสำหรับนายกรัฐมนตรี หนี้นอกระบบถือว่าเป็น Modern World Slavery คือ เป็น “การค้าทาสในยุคใหม่” ที่ได้พรากอิสรภาพ ความฝัน ไปจากผู้คนในยุคสมัยนี้

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาหนี้ว่าเป็นปัญหาเรื้อรังใหญ่ เกินกว่าที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง ในวันนี้ รัฐบาลจึงต้องบูรณาการหลายภาคส่วนเข้ามาทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปอยู่ในวงจรหนี้สินนอกระบบอีก โดยภาครัฐจะรับบทบาทเป็นตัวกลางสำคัญในการไกล่เกลี่ยพร้อมกันทั้งหมด  ดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงการปิดหนี้ การทำสัญญา  ที่หลายครั้งไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย มีดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม  และกระบวนการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง  ต้องจัดให้ทำสัญญาที่เป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย นั่นคือ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ภาครัฐจะต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน เพื่อทำให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ มีกำลังใจพอจะดำเนินชีวิต หาเงินมาปิดหนี้ให้ได้

 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนให้ตำรวจและมหาดไทยไปทำการบ้านมา  โดยทั้ง 2 หน่วยงานต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ให้ดีกว่าในอดีตที่เคยแยกกันทำ พูดให้ชัดคือ การแก้หนี้นอกระบบ จะต้องทำด้วยกันแบบ End-to-end  และต้องมีมาตรการต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในวงจรอีก และทั้งสองหน่วยงานจะต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของกันและกัน ต้องทำให้กระบวนการทำงานไม่ “ซ้ำซ้อน” มีขอบเขตหน้าที่ และความรับผิดชอบ “ร่วมกัน” ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ  โดยจะมีการทำฐานข้อมูลกลาง นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความโปร่งใสตั้งแต่ต้นจนจบ  มีการให้เลขตรวจสอบ (Tracking ID) ที่ประชาชนสามารถนำไปใช้ติดตามผลได้  มีวิธีการเข้าสู่กระบวนการหลายรูปแบบ เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน /และต้องมีการสื่อสารกับประชาชนถึงความคืบหน้าต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งจะต้องมีกระบวนการถ่วงดุลระหว่างหน่วยงาน (Check & Balance) เพราะบางกรณีที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ขอให้ทุกส่วนทำงานอย่างตรงไปตรงมา เข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยให้ถูกต้อง  เพื่อแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน โดยนายกรัฐมนตรีฝากให้ทั้งสองหน่วยงานทำงานอย่างมีเป้าหมาย มี เป้าประสงค์ (KPI) ร่วมกัน และกรอบเวลา (Timeline) ที่ชัดเจน  และนายกรัฐมนตรีจะติดตามดูผลอย่างใกล้ชิด

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าหลังจากขั้นตอนการไกล่เกลี่ยแล้ว  รัฐบาลจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้  โดยกระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน  ทั้งการช่วยปรับระยะเวลา เงื่อนไข และกระบวนการต่าง ๆ  เพื่อให้ประชาชนสามารถชดใช้หนี้ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เบียดบังการใช้ชีวิตจนทำให้พี่น้องท้อถอย โดบรัฐบาลจะระมัดระวังไม่สร้างภาวะ “อันตรายทางศีลธรรม” หรือ Moral Hazard ในมาตรการการช่วยเหลือทั้งหมด

 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการแก้ไขหนี้ในวันนี้คงไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ที่จะทำให้หนี้นอกระบบไม่เกิดขึ้นอีก  แต่มั่นใจว่า ด้วยเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จะทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น จนไม่จำเป็นต้องก่อหนี้อีกในอนาคต  และจะเพิ่มโอกาสให้พี่น้องประชาชนรายเล็ก รายย่อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้มากขึ้น นอกจากหนี้นอกระบบแล้ว ในวันที่ 12 เดือนธันวาคมนี้รัฐบาลจะมีการแถลงเรื่องภาพรวมหนี้แบบครบวงจร  ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบอีกครั้งหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรีจะทำให้โครงการนี้ช่วยปลดปล่อยพี่น้องประชาชนจากการเป็นทาสหนี้นอกระบบ   ลืมชีวิตที่เคยลำบาก มีกำลัง มีแรงใจ ที่จะทำตามความฝัน นับจากนี้เป็นต้นไป

 

 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยขอนำแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่ถือเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติมาดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วยกลไกการทำงานและสรรพกำลังในแต่ละพื้นที่ที่มีความเข้มแข็ง ใกล้ชิดกับประชาชน ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน จนกระทั่งถึงผู้ใหญ่บ้าน โดยมั่นใจว่าด้วยความใกล้ชิดและได้รับความไว้ใจ เชื่อถือศรัทธาจากพี่น้องประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของทุกสรรพกำลังของกระทรวงมหาดไทยในทุกพื้นที่ ที่จะใช้จุดแข็งด้านนี้ร่วมบูรณาการ ขับเคลื่อน และประสานการปฏิบัติในงานนโยบายกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ในการ “ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ” เพื่อคลายทุกข์ของพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาหนี้นอกระบบให้กลายเป็นสุข เกิดผลการดำเนินการสำเร็จเป็นรูปธรรมตามเป้าประสงค์ของรัฐบาล

 

 สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น กระทรวงมหาดไทยจะใช้กลไกการทำงานดังกล่าวร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ โดยจะมีการศึกษาการปฏิบัติตามมาตรฐานในการปฏิบัติงาน ให้เข้าใจกระบวนการของทั้งสองหน่วยงาน ตั้งแต่การช่วยเหลือลูกหนี้ โดยเฉพาะในมิติด้านการไกล่เกลี่ยและประนีประนอมข้อพิพาท การเฝ้าระวังและป้องกัน รวมถึงการปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ จะมีการประสานเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบไม่ซ้ำซ้อนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งจะร่วมกันดำเนินการในทุกภาคส่วนอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้สามารถตรวจสอบถ่วงดุลกันได้ โดยจะกำหนดแผนการดำเนินการ เป้าหมาย และ KPI ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน

 

พร้อมขอเชิญพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหา “หนี้นอกระบบ” ไม่ว่าจะเป็นการถูกข่มขู่คุกคาม ถูกดูหมิ่น ในการทวงถามหนี้ ถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรม หรือท่านที่มีความประสงค์จะปรับเปลี่ยนแก้ไขหนี้จากนอกระบบให้เป็นหนี้ในระบบ เพื่อที่ท่านจะได้มีภาระในการผ่อนชำระน้อยลง โดยสามารถลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดทุกแห่ง และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตทุกแห่ง เพื่อที่กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นำไปสู่การบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นราย ๆ ไป โดยพี่น้องประชาชนจะได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้ตรงจุด ตรงประเด็น และเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อตัวชี้วัดของการแก้ไขปัญหาในระดับชาติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย

 

 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงการคลังนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลังมาดูแลประชาชนที่เป็นลูกหนี้นอกระบบ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้าง และไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว โดยจะมาดูแลโดยธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ซึ่งขณะนี้มีโครงการอยู่แล้ว ในเรื่องของการแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยจะให้กู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นโครงการสินเชื่อ สำหรับอาชีพอิสระ เพื่อรายย่อย เพื่อการส่งเสริมอาชีพ ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาสูงสุด 8 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละราย นอกจากนั้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังมีโครงการมารองรับ ในเรื่องของการที่นำที่ดินไปขายฝาก หรือติดจำนองกับทางหนี้นอกระบบและได้มีการแก้ไขแล้ว ธ.ก.ส. ก็มีวงเงินสำหรับเกษตรกรต่อรายไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ในเรื่องของการแก้ไขที่ทำกิน ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนในเรื่องของธนาคารของรัฐที่จะเข้ามาดูแลหลังจากที่มีการไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายทางรัฐก็มีช่องทางให้ดำเนินการขออนุญาตเรื่องของพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งวันนี้มีผู้มาขออนุญาตไปแล้วพันกว่ารายทั่วประเทศ โดยต่อราย มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่หลักการไม่ให้ฝากเงิน ให้ใช้เงินของท่านกู้เงินอย่างเดียว

 

 รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหาหนี้นอกระบบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบในมิติด้านการบังคับใช้กฎหมายพร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ด้านการสืบสวน จับกุม และดำเนินคดี กับผู้กระทำความคิดผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ในทุกรูปแบบ จากสภาพปัญหาหนี้นอกระบบที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่ถูกโกงหนี้โดยใช้ความรุนแรง จึงได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้มีประสิทธิภาพ โดยมี สายด่วน 1599 เป็นหมายเลขรับแจ้งเหตุ และได้กำหนดแผนปฏิบัติ ตั้งแต่สำรวจข้อมูลในพื้นที่ เพื่อค้นหาเป้าหมาย  สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร 1-9 ทำการเอกซเรย์พื้นที่ และส่งข้อมูลขึ้นบัญชีผู้ประกอบการหนี้นอกระบบทั้งหมด นำมาจัดกลุ่มผู้ประกอบการ ในระดับ SML 

 

เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ นอกจากนั้นยังบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยในห้วงที่ผ่านมามีผลการจับกุมผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงปัจจุบัน จำนวน 134 ราย หยุดรถยนต์ของกลาง 22 คัน รถจักรยานยนต์ 19 คัน รวมมูลค่าของกลาง 8 ล้านบาทเศษ มีการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบรายใหญ่ เช่น จับกุมเครือข่ายรับจำนำรถยนต์พื้นที่จังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 จับกุมเครือข่าย รับจำนำรถยนต์พื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 จับกลุ่มแก๊งปล่อยเงินกู้ ทวงหนี้โหด พื้นที่อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมที่จะทำงานบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยหนี้ การลงข้อมูลในระบบข้อมูลกลาง เพื่อให้การติดตามผลเป็นไปอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับเป้าหมาย KPI ตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวไว้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
CULTURE

นายกฯ ยกระดับยี่เป็งเชียงใหม่ ชูอัตลักษณ์ประเพณีล้านนา

 
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 20.30 น. ณ บริเวณเวทีกลางริมแม่น้ำปิง หน้าสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นาวสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมงานประเพณีลอยกระทง และชมการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 
 
 
ภายใต้แนวคิด “ค่ำคืนแห่งสายนที วิถีแห่งวัฒนธรรม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ บำรุงรักษา ศิลปวัฒนธรรม จารีต ขนบธรรมเนียมประเพณีล้านนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สืบทอดมาอย่างอย่างนาน โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กงสุลใหญ่ประจำประเทศไทย ผู้บริหารจากบริษัท Tesla ผู้แทนจากองค์กร หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนเข้าร่วม โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าว แสดงความยินดีที่ได้มาร่วมงานประเพณีลอยกระทง และการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
 
 
ซึ่งเป็นงานประเพณีเดือนยี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่า เป็นประเพณีที่ควรจะต้องมา ซึ่งเป็นต้นทุนใหญ่ของ soft power ของประเทศไทยเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจากทั่วโลกทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ นายกฯ กล่าว อวยพรขอให้ทุกคนที่มาร่วมพิธีลอยกระทงมีแต่ความสุข ความปลอดภัย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นขอให้ลอยความทุกข์ ความโศกและถ้าหากใครมีโรคภัยก็ขอให้ลอยไปกับกระทงนี้ ขอให้ปีต่อๆ ไปเป็นปีที่ดีขึ้น ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเจ้ามาเที่ยวมากมาย ขอให้ทุกคนต้อนรับรักท่องเที่ยวอย่างดีสร้างความประทับใจ สร้างรอยยิ้มให้แก่นักท่องเที่ยว และอยากกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง จากนั้น นายกฯ และคณะร่วมลอยกระทง ณ ริมน้ำปิง ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับเข้าที่พัก นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงรายเปิด วันลอยกระทง ประเพณียี่เป็ง ต.ดอยฮาง

 
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการสืบสานประเพณีวันลอยกระทง (ยี่เป็ง) พร้อมนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ณ ท่าน้ำแม่กก บริเวณลานอเนกประสงค์เทศบาลตำบลดอยฮาง หมู่ 3 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายวังพรรณ ปัญญา กำนันตำบลดอยฮาง กล่าวต้อนรับ และมีนายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮางกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการครั้งนี้
 
ทั้งนี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้กล่าวชื่นชมนายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาล กำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนตำบลดอยฮาง ที่ได้จัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวนี้ขึ้น แสดงให้เห็นถึงพลังของพี่น้องประชาชนตำบลดอยฮาง ที่จะรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามมิให้สูญหาย และเป็นการส่งเสริมสืบทอดประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป สร้างความสามัคคีเข้มแข็งในชุมชนท้องถิ่น ตลอดทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในตำบลดอยฮาง สร้างงานสร้างรายได้ อีกทั้งให้ความสำคัญ และร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเราเอาไว้ทำให้เด็ก และเยาวชนรุ่นหลัง ได้รู้จักกับประเพณีลอยกระทงและได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทรัพยากรน้ำ ตามแผนพัฒนาและ ฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม เชียงราย

 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการชลประทานเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าโครงการภายใต้แผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการลุ่มน้ำ สำนักงานชลประทานเชียงราย และหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณโครงการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุม

 

ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดทำแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย และมีมติประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 เห็นชอบแผนหลักและให้หน่วยงานเร่งรัดขับเคลื่อนเตรียมความพร้อมและเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่มจังหวัดเชียงราย โดยการประชุมในครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนและติดตามความก้าวหน้าโครงการภายใต้แผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่มจังหวัดเชียงราย และร่วมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
 
 
สำหรับแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม ปี พ.ศ. 2566 ถึง 2570 จังหวัดเชียงรายได้รับอนุมัติโครงการจำนวน 65 โครงการ วงเงิน 3,880.85 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแผนพัฒนาเวียงหนองหล่ม 5 ด้าน ได้แก่ด้านการบริหารจัดการพื้นที่ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยวและโบราณคดี และด้านการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จเวียงหนองหล่ม จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์จากภาคการเกษตรถึง 49,792 ไร่ สามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำเพิ่มเป็น 24.22 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำที่ผันเข้าพื้นที่กว่า 35.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และประชาชนได้รับประโยชน์ 14,531 ครอบครัว สามารถลดความเสียหายจากพื้นที่น้ำท่วมได้ถึง 13,300 ไร่ อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนาแหล่งน้ำให้มีคุณภาพดีและเพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชน และเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศตามธรรมชาติ รวมถึงจะเป็นแหล่งศึกษาโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ของจังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย เปิดกาดมั่วคัวแลง ลอยกระทง อ.เวียงป่าเป้า ปี 66

 

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.30 น.นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกาดมั่วคัวแลงในโครงการจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2566 ณ ลานสาธารณะ ข้างลำน้ำแม่ลาว บ้านสาเจริญ หมู่ที่ 16 ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายจรัญ สิทธิวงค์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงป่าเป้า เขต 2 โดยมีนายพิเชษฐ์ สุหอม นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแม่เจดีย์ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ และมีผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนในตำบลเจดีย์หลวง ให้การต้อนรับในครั้งนี้

 

การจัดให้มีกาดมั่วครัวแลง ในโครงการจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า ชุมชนตำบลแม่เจดีย์ ในการจัดงานครั้งนี้ได้แสดงออกถึง การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การจำหน่ายและการตลาด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมตลาดนัด ท้องถิ่นสีเขียว และได้แสดงถึงพลังความสามัคคี ของทุกฝ่ายในตำบลแม่เจดีย์ ที่สละเวลาทุ่มเทให้กิจกรรมกาดมั่วคัวแลงให้เกิดขึ้นได้ ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความภูมิใจ ในภูมิปัญญาของตนเองอย่างยั่งยืน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น ต๋ามโกมส่องฟ้า แอ่วยี่เป็งล้านนา ตี้แม่อ้อ ปี 2566

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 18.30 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น ต๋ามโกมส่องฟ้า แอ่วยี่เป็งล้านนา ตี้แม่อ้อ ประจำปี 2566

 

โดยมี นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย ณ อบต. แม่อ้อ ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายธีระพงษ์ เผ่ากา นายก อบต.แม่อ้อ เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย บุคลากร อบต.แม่อ้อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส.อบต. และพี่น้องประชาชน ต.แม่อ้อ ร่วมให้การต้อนรับ
 
 
ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างเวทีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาอันดีงาม ส่งเสริมความร่วมมือในการจัดริ้วขบวนศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ปรากฏสู่สาธารณชน มีพื้นที่ให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์ สืบสานประเพณียี่เป็ง กระตุ้น การท่องเที่ยว บูรณาการร่วมกับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ในการจัดกิจกรรมอย่างมีส่วนร่วม และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคีแก่ประชาชนในพื้นที่ และส่งเสริมการเรียนรู้อนุรักษ์และสืบทอดประเพณียี่เป็งให้คงอยู่ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดงานประเพณีมหาบุญจุลกฐินถิ่นไทลื้อ ครั้งที่ 19 ณ วัดท่าข้ามศรีดอนชัย

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 18.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงรายเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม บูรณาการพี่น้องท้องถิ่นงานประเพณีมหาบุญจุลกฐินถิ่นไทลื้อ ครั้งที่ 19 โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชา ส.อบจ.เชียงราย อ.เชียงของ เขต 1 นายวราวุธ ไชยวงศ์ ส.อบจ.เชียงราย อ.เชียงของ เขต 2 และหัวหน้าส่วนราชการ อบจ.เชียงราย เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายกิตติพงศ์ วงค์ชัย นายกเทศมนตรี ต.ศรีดอนชัย เป็นผู้กล่าวรายงาน และนายประชิต จันเพ็ง ประธานสภาเทศบาล ต.ศรีดอนชัย นายประดิษฐ์ ขันทะ กำนัน ต.ศรีดอนชัย นายธันวา เหลี่ยมพันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรม อ.เชียงของ ร่วมให้การต้อนรับ ณ วัดท่าข้ามศรีดอนชัย ต.ศรีดอนชัย อ.เชียงของ จ.เชียงราย

 

การจัดงานในครั้งนี้เพื่อสร้างพลังสามัคคีและบุญบารมีอันสูงส่งจากการถวายผ้ากฐิน ซึ่งเป็นมหาบุญอันยิ่งใหญ่ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและงานประเพณีในท้องถิ่น และเพื่อแสดงอัตลักษณ์ ผ้าทอไทลื้อ ศิลปะการแสดง และวัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

Thailand Winter Festival 77 เปิดโถง 3 “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” ครั้งแรก

 
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เดินทางไปยังถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน “ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติรับลมหนาว” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2566 นี้เป็นต้นไป
 
 
นายอรรถพล กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดงาน Thailand Winter Festival โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สนับสนุนโครงการโดยจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ “ท่องเที่ยวอุทยานรับลมหนาว” ในวันที่ 15 ธ.ค.จะมีการจัดนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ในฤดูหนาวทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือและทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย โดยจะมีการจัดนิทรรศการที่ถ้ำหลวงเเปิดตัวและรณรงค์พร้อมๆ กัน ทั้งนี้ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาแหล่งธรรมชาติต่างๆ มากขึ้น เช่น เส้นทางธรรมชาติ ท่องเที่ยวผจญภัย ฯลฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามพัฒนาเพื่อรองรับการเผจิญภัยดังกล่าวโดยไม่ให้กระทบกับธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ถ้ำหลวงจะมีการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ในการช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าเมื่อปี 2561 จึงจะมีการจัดมัคคุเทศน์ขึ้นมารองรับด้วย
 
 
นายอรรถพล กล่าวอีกว่าได้มีการปรึกษาหารือกับหลายฝ่ายจะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมถ้ำหลวงได้จนโถงที่ 3 จึงจะมีการจัดมัคคุเทศน์เพื่อให้ความรู้เพราะปัจจุบันผู้ไปเยือนจะซึมซับเรื่องราวได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเจ้าหน้าที่จึงพยายามผลักดันให้มีมัคคุเทศน์ที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้ได้มากต่อไป สำหรับการเปิดให้เข้าชมถ้ำหลวงนั้นจะมีการจำกัดคนเข้าไปเบื้องต้นครั้งละ 10 คน และมีมัคคุเทศน์พร้อมคนนำทางอีก 2 คน ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในปฏิบัติการ คน อุปกรณ์ ความเสี่ยงภัย เวลาในการนำเด็กๆ ออกจากถ้ำได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ โดยจะมีการจัดระบบมีการลงทะเบียนให้ถูกต้อง คัดเลือกบุคคลที่มีความพร้อมของร่างกายและที่สำคัญคือการคัดเลือกผู้เข้าไปชมให้ยุติธรรมด้วย
 
 
ด้านนายจอร์ช มอริส ผู้ก่อตั้งทีม CMRCA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหนือเยาวชนทั้ง 13 คนในถ้ำหลวง กล่าวว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบถ้ำหลวงในโลกมาก่อนโดยมีคนนับหมื่นคนระดมกำลังช่วยเหลือน้องๆ ทีมหมูป่า มีการดำน้ำช่วงต้นระยะทาง 800 เมตร แต่หลังจากนั้นบุคคลภายนอกแทบไม่มีใครรู้เรื่องราวว่ายังมีระยะทางที่ต้องดำน้ำอีก 800 เมตร โดยจากโถงถ้ำที่ 2-3 จะต้องสร้างระบบเชือกที่ต้องใช้เทคนิคตากหลายฝ่าย เช่น หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยชีล) ทหารสหรัฐอเมริกา หน่วยกู้ภัยที่เป็นจิตอาสาของไทย ฯลฯ เพื่อให้เป็นสะพานเชือกในการลำเลียงเยาวชนทั้ง 13 คนมากับเปล ซึ่งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจึงเป็เรื่องน่าสนใจว่าไม่ใช่เรื่องดำน้ำแต่มีภารกิจอื่นที่หนักเช่นกัน
 
 
“นักท่องเที่ยวสามารถไปดูเป็นจุดๆ ว่ามีการจัด Base กองอำนวยการข้างในถ้ำตรงไหน เมื่อเข้าไปก็จะเจอน้ำลึก มีการวัดปริมาณน้ำเพื่อดูว่าปั๊มน้ำจะทำงานได้อย่างไร จนถึงโถงที่ 2 ก็จะเห็นสลิง ถ้าเลยโถง 2 ถึงโถง 3 ก็จะเป็น Base กองอำนวยการที่มีหลายหน่วยงานอยู่ที่นั่น เพื่อให้ดูว่าการดำน้ำเริ่มต้นจากตรงไหนและจะได้เห็นว่าการดำน้ำนับจากตรงนั้นมีความยากลำบากขนาดไหน” นายจอร์ช มอริส กล่าว.
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงราย จัดพิธีเนื่องในวันคล้าย วันสถาปนา 52 ปี มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 ที่ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยศาสตราจารย์จิตราภรณ์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักประกันคุณภาพการศึกษา ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นประธานในพิธีถวายพานพุ่มดอกไม้ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พร้อมด้วยนายศรัญยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานชมรมรามคำแหงเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานที่ปรึกษาชมรมรามคำแหงเชียงราย อาจารย์กุลทิตา ยุวะหงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิทยบริการ จังหวัดอุทัยธานี และหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี จากนั้นร่วมประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีพระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดฝั่งหมิ่น เป็นประธานสงฆ์ นำพระสงฆ์รวม 5 รูปประกอบพิธีทางศาสนา

 
 
มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 เพื่อเป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาตามรูปแบบ “ตลาดรายวิชา” โดยมีปรัชญาการดำเนินงานเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมกันให้กับคนไทย มหาวิทยาลัยตั้งชื่อตามพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ผู้ทรงสร้างอักษรไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย สีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยคือสีน้ำเงินและสีทอง และมีต้นไม้สัญลักษณ์คือไม้ดอกสุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำ)
 
มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อตั้งเพื่อบรรเทาปัญหาที่สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยมีขีดความสามารถจำกัดในการตอบสนองความต้องการเข้าศึกษาในระดับที่สูงขึ้นของผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มหาวิทยาลัยรามคำแหงจึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสถาบันการศึกษาในรูปแบบของ “ตลาดรายวิชา” ที่ทำให้นักศึกษาจำนวนมากสามารถเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรอุดมศึกษาที่ประสงค์จะเข้าศึกษาได้
 
 
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 เป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหง นับเป็น วันอันเป็นมงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปีดอนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) พระองค์ยังทรงพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตรุ่นแรกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี พ.ศ. 2514 มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้วันที่ 26 พฤศจิกายน เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหง และในวันที่ 26พฤศจิกายน 2566 นี้ ถือเป็นวันครบรอบปีที่ 52 ของมหาวิทยาลัย นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2514
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

‘หมอธีระวัฒน์’ เผยงานวิจัยแพทย์อเมริกัน “ดื่มแอลกอฮอล์บ้าง” ลดอาการสมองเสื่อม

 
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยงานวิจัยถึงเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบุว่า “แอลกอฮอล์บ้างกลับลดสมองเสื่อม ผลของการศึกษานี้ รายงานในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (JAMA network open) วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2023
 

กลุ่มที่คงระดับของการดื่มอยู่ที่ดื่มบ้าง ถึงดื่มปานกลางนั้น ลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมลง และการลดปริมาณจากดื่มหนักเป็นดื่มปานกลาง จะลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมเช่นกัน และในขณะเดียวกัน จากที่ไม่ดื่มเลย เป็นเริ่มดื่มบ้างในปริมาณน้อย จะลดความเสี่ยงของสมองเสื่อมด้วย

ทั้งนี้ เป็นการติดตามศึกษาในคนเกาหลีเป็นจำนวน 4 ล้านคน (3,933,382 คน) โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2009 การติดตามเฉลี่ย 6.3 ปี

ในจำนวนนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น 54.8% ไม่ดื่มเลย 26.7% ดื่มบ้าง 11.0% เป็นพวกดื่มปานกลาง และ 7.5% เป็นดื่มหนัก

หนึ่งดื่ม = 14 กรัมของแอลกอฮอล์ ดื่มบ้าง หรือ mild drinker จะอยู่ที่น้อยกว่า 15 กรัมต่อวัน หรือประมาณ = หนึ่งดื่ม ดื่มปานกลาง จะอยู่ที่ 15 ถึง 29.9 กรัมต่อวัน หรือประมาณเท่ากับหนึ่งถึงสองดื่ม และดื่มหนักจะอยู่ที่มากกว่า หรือเท่ากับ 30 กรัมต่อวัน นั่นก็คือมากกว่า หรือเท่ากับสามดื่ม

ข้อมูลที่ไม่คาดคิดมาก่อนในการศึกษานี้ก็คือ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ดื่มเลยตลอดระยะเวลาที่เริ่มการศึกษา กลับพบว่ากลุ่มที่ดื่มบ้างและดื่มปานกลางกลับมีความเสี่ยงของสมองเสื่อมลดลง 21% แต่ในกลุ่มที่ดื่มหนักนั้นมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 8%

ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณกับความเสี่ยงของสมองเสื่อมในลักษณะนี้เป็นแบบเดียวกัน ทั้งโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ และสมองเสื่อมจากเส้นเลือดตันการลดระดับปริมาณของแอลกอฮอล์จากดื่มหนักเป็นดื่มปานกลาง ทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดสมองเสื่อมได้ทั้งสองแบบ และเช่นเดียวกัน เมื่อเพิ่มปริมาณขึ้นจากระดับปานกลางไปเป็นหนักก็จะเพิ่มความเสี่ยงของสมองเสื่อมทั้งสองแบบ

 

แต่ข้อมูลที่ดูประหลาดแต่เป็นไปแล้วนั้น ก็คือในกลุ่มที่ไม่ดื่มเลยและเริ่มต้นดื่มบ้างในระยะต่อมา พบว่าความเสี่ยงที่จะเกิดสมองเสื่อมทั้งหมดลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดื่มบ้างอยู่แล้วตั้งแต่ต้น หมายความว่า เมื่อเริ่มดื่มบ้างแล้วจากไม่เคยดื่มเลยกลับทำให้ความเสี่ยงของสมองเสื่อมนั้นลดลง

ซึ่งข้อมูลจากไม่ดื่มเลยเป็นดื่มบ้าง กลับได้ประโยชน์ ไม่เคยมีรายงานการศึกษาที่ใดมาก่อน และหัวหน้าคณะวิจัยได้กล่าวย้ำว่า ผลการศึกษานี้ไม่ได้เป็นการชักชวนให้คนที่ไม่ดื่มเลยเริ่มต้นดื่ม ชนิดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่ได้มีการแยกแยะรายละเอียดในการศึกษานี้ ว่าเป็น เหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเป็นเครื่องดื่มประเภทอื่น”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News