Categories
CULTURE

วธ.เผยแผนพัฒนา Soft Power ปี 66-70 ดัน GDP 1 ใน 15 ของประเทศ

 

วธ. เผยแผนพัฒนา Soft Power ปี 66-70 ดัน GDP สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมจากร้อยละ 8.9 เป็นร้อยละ 15 และเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสูงสุดในตลาดโลก หนุนไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยววัฒนธรรมที่สำคัญของโลก พร้อมจับมือสถาบันศึกษาปั้นเด็กสู่อุตสาหกรรมบันเทิง

 

 ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “แนวทางสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ในมุมมองของกระทรวงวัฒนธรรม” ในการเสวนาหัวข้อ “นโยบายภาครัฐและความต้องการของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่คอนเทนต์โลก กรณีศึกษา ด้านภาพยนตร์” ในเทศกาลหนังเมืองแคน ครั้งที่ ๗ เมื่อเร็วๆนี้ ว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้เริ่มดำเนินการใช้ Soft Power ความเป็นไทยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่ปี 2558 ถึงปัจจุบัน บนแนวคิดนำทุนวัฒนธรรมดั้งเดิม มาพัฒนาใส่ความคิดสร้างสรรค์ นำไปสู่การขับเคลื่อนเป็น Soft Power ผ่านกลไกในการร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (2566-2570) ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 4 (2566-2570) โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วน GDP สินค้าและบริการทางวัฒนธรรมจากร้อยละ 8.9 เป็นร้อยละ 15 และเป็น 1 ใน 15 ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสูงสุดในตลาดโลก รวมถึงตั้งเป้าให้อันดับโลกด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีขึ้น ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่อเที่ยววัฒนธรรมและการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของโลก

 

ปลัดวธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับ  Soft Power ความเป็นไทยที่ผ่านมา วธ. ได้พัฒนา ได้แก่ 5F อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) เทศกาลประเพณีไทย (Festival) และมีการพัฒนาเพิ่มเติมอีก คือ 5F พลัส ได้แก่ ท่องเที่ยวชุมชน ศิลปะการแสดง และศิลปะ ซึ่งในปี 2566 นี้ก็พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Soft Power ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อพัฒนาผู้ที่มีทักษะด้านวัฒนธรรมให้มีทักษะฝีมือสูงขึ้นใน 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ได้แก่ 1. แฟชั่น 2. หนังสือ 3. ภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ 4. เฟสติวัล 5. อาหาร 6. ออกแบบ 7. ท่องเที่ยว 8.เกม 9.ดนตรี 10. ศิลปะ และ 11.กีฬา โดยขณะนี้ได้มีร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย (2566-2570) เป็นครั้งแรก อาทิ มีการศึกษาประเทศที่ประสบความสำเร็จด้าน Soft Power ศึกษาการตลาด พัฒนาบุคลากร ตามแผนของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำไปใช้ขับเคลื่อนได้จริงและได้ทันที ซึ่ง Soft Power ความเป็นไทยที่มีศักยภาพ นอกจาก 5 F แล้วก็มี 5F+2 ได้แก่ ศิลปะการแสดง และความเชื่อ ตำนาน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ เส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ การจัดงานมหกรรมเชียงรายเบียนนาเล่ เป็นต้น 

 

ทั้งนี้  ในส่วนของการส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงนั้น จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ เพิ่มช่องทางการตลาดและการเจรจาธุรกิจ โดยการนำผู้ประกอบการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามูลค่าทางเศรษฐกิจจากการเจรจาในต่างประเทศ อาทิ งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ฝรั่งเศส มูลค่า 1,986 ล้านบาท เทศกาลภาพยนตร์ปักกิ่ง มูลค่า 1,976 ล้านบาท งาน Hong Kong International Film & TV Market มูลค่า 1,378 ล้านบาท งานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว มูลค่า 500 ล้านบาท งานแสดงสินค้าลิขสิทธิ์นานาชาติฮ่องกง มูลค่า 93 ล้านบาท  งานเทศกาลภาพยนตร์เซี่ยงไฮ้มูลค่า  5 ล้านบาท เป็นต้น โดย วธ. พร้อมให้ความร่วมมือทุกภาคีเครือข่ายในการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ไม่ว่าจะเป็นงบสนับสนุน พัฒนาบุคลากร ช่องทางการตลาด ที่สำคัญจะมีการศึกษาแนวทางความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศในการอบรมพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เสริมสิริมงคลทั่วไทย-ทั่วโลก สมเด็จพระสังฆราชประทานไฟพระฤกษ์ สวดมนต์ข้ามปี

 

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เวลา 13.00 น. ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาโปรดให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ ประทานไฟพระฤกษ์ให้แก่กระทรวงวัฒนธรรม โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นผู้เข้ารับการประทานไฟพระฤกษ์ให้กระทรวงวัฒนธรรมและถวายเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับจุดในพิธีสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ต้อนรับศักราชใหม่ 2567

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานไฟพระฤกษ์ให้แก่กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปีในส่วนกลาง ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดอรุณราชวราราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และประทานกล่องไม้ขีดไฟประทับตราสมเด็จพระสังฆราช (ออป.) 

 

เพื่อมอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ นำไปประกอบพิธีจุดเทียนมงคลในกิจกรรมดังกล่าว สร้างขวัญกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมในพิธี และเป็นสิริมงคลในการเข้าสู่ศักราชใหม่ โดยกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เสริมสิริมงคลทั่วไทย ต้อนรับศักราชใหม่ 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ต้อนรับปีใหม่และขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว 

 

ได้เริ่มต้นปีด้วยความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วยการทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ อันมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เพราะถือเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมทั้งกิจกรรมดังกล่าว ได้จัดขึ้นในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศอาเซียน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย  ตราด  ตาก  นครพนม นราธิวาส บึงกาฬ ยะลา  ระนอง  เลย  ศรีสะเกษ  สงขลา  สตูล สุรินทร์  หนองคาย  อุบลราชธานี  มุกดาหาร  และจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ซึ่งจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างประเทศที่มีวัฒนธรรมร่วมกัน 

 

อีกทั้ง กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีฯ ยังเป็นการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย Soft Power สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล Thailand Creative Content Agency (THACCA) ด้วยการนำทุนทางวัฒนธรรมในมิติศาสนา สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและแรงงานในท้องถิ่น โดยส่งเสริมให้ประชาชนสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยดอกไม้ธูปเทียน และจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกจากร้านค้าชุมชนโดยรอบวัด ตลอดจนการเดินทางไปสวดมนต์ตามสถานที่จัดกิจกรรมทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการในการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ก่อให้เกิดรายได้ของประเทศในภาพรวมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2567

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในปีนี้จะเป็นกิจกรรมสำคัญที่ประชาชนจะได้ร่วมก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล ลดความเสี่ยงจากอบายมุขและอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่ ถือเป็นการทำบุญใหญ่ให้กับชีวิตทั้งทางกาย ทางจิตและทางปัญญา ส่งท้ายปีเก่าด้วยธรรมะ ต้อนรับปีใหม่ด้วยศีล เริ่มต้นชีวิตด้วยสิ่งที่เป็นสิริมงคลอันจะส่งผลให้ได้พบสิ่งที่เป็นมงคลตลอดทั้งปี รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นเมืองพระพุทธศาสนาและมีประเพณีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่ควรค่าแก่การสืบทอดอย่างต่อเนื่องให้เกิดความเข้มแข็งอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

องคมนตรี ตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ที่จังหวัดเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี และประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะจากส่วนกลาง ไปตรวจเยี่ยมพบปะพูดคุยกับคณะผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมี นายอำเภอเชียงแสน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ผู้แทนผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ นายอนวัช อุ่นกอง ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียนทั้งแบบประจำและไป-กลับ รวมแล้ว 1,360 คน การดำเนินงานที่น่าสนใจ อาทิ การขับเคลื่อนวิถีราชประชานุเคราะห์ : จงรักภักดี มีคุณธรรมน้อมนำแนวทางพระราชดำริ โดยใช้แหล่งเรียนรู้ที่สำคัญคือ โรงเรียนศาสตร์พระราชา วิทยาเขตกู่เต้า เป็นฐานเรียนรู้ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง และการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย : โรงเรียนแห่งความสุข ปลอดภัย สะอาด น่ายล เป็นต้น ปีการศึกษาที่ผ่านมานักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกาาปีที่ 6 ศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษา 25 คน ระดับอุดมศึกษา 116 คน โรงเรียนนายสิบทหารบก 2 คน และประกอบอาชีพควบคู่กับการเรียน 22 คน

 

จากนั้นเวลา 14.30 น. พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะจากส่วนกลางไปตรวจเยี่ยมพบปะพูดคุยกับคณะผู้บริหาร ครู บุคลากร และนักเรียน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62 อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62 เดิมชื่อโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แม่จัน เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมามีนายนวกฤษต์ ปวนรัตน์ เป็นผู้อำนวยการ จัดการศึกษาแบบโรงเรียนประจำมีการเรียนการสอนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียนจำนวน 757 คน โรงเรียนได้มีการจัดการเรียนการสอน ด้านวิชาการ การงานอาชีพ มีแหล่งเรียนรู้เสริมทักษะชีวิตให้นักเรียน อาทิ ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, ฐานการเรียนรู้กิจกรรมพระราชดำริ ซึ่งมีกิจกรรมเครื่องเงินและการเจียระไนพลอยพระราชทาน และมีฐานการเรียนรู้ ดีดอยคาเฟ่ เปิดจำหน่ายเครื่องดื่ม อาหารคาว-หวานภายในโรงเรียน เป็นต้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

กิจกรรมเปิดงาน “พลัดถิ่น ดินแดนใคร” Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2566 กิจกรรมเปิดงาน “พลัดถิ่น ดินแดนใคร”  ณ ลานกิจกรรมสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ครั้งที่ 3 โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ จังหวัดเชียงราย ภายใต้ธีม “เปิดโลก”

มีนายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023  ร่วมถึงนายเชาว์วัฒน์ รัตนการุณจิต ปลัดอำเภอเชียงแสน (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) ปฏิบัติราชการแทน นายอำเภอเชียงแสน กล่าวต้อนรับ ท่านกงสุล กฤษณะ จัยตัญญา กงสุลอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวพบปะผู้มีเกียรติและศิลปินผู้เข้าร่วมงานคุณนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ศิลปิน กล่าวถึงผลงานและเล่าถึงป๊อเฒ่าติ๊บ สรนันท์

 

โอกาสนี้ คุณกฤษ์ฤทธิ์ ตีระวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ พร้อมด้วย คุณกฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ คุณอังกฤษ อัจฉริยโสภณ ภัณฑารักษ์ คุณมนุพร เหลืองอร่าม ภัณฑารักษ์ และคณะบุคลากรจากสำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

จัดโดยคุณนาวิน ลาวัลย์ชัยกุล ศิลปิน และทีมงานสตูดิโอเค จัดพิธีเปิดงานในผลงานชุดนี้ยังเป็นส่วนขยายของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับชุมชนพลัดถิ่นในพื้นที่เขตติดต่อชายแดนภาคเหนือตอนบนของไทย โดยผลงานส่วนแรกได้นำไปจัดแสดงที่ศูนย์ศิลปะแห่งเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ต่อเนื่องมาถึงงานที่พัฒนาขึ้นในครั้งนี้ ได้เลือกพื้นที่ประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าเชียงแสน ในการออกเดินทางเพื่อศึกษาความเป็นมาของชุมชนบริเวณริมน้ำโขง โครงการนี้ยังได้ขยายขอบเขตไปยังเมืองเชียงตุงและเมืองชนบทอื่น ๆ ในเขตรัฐฉานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

 

โดยมีเป้าหมายในการสำรวจวิถีชีวิตและการย้ายถิ่นฐานของชาวไต ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของชนชาติไทย ศิลปินยังได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงของชุมชนในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่เป็นคิงส์โรมัน ประสบการณ์จากผู้คนที่ศิลปินได้พบปะตลอดการเดินทาง

 

ซึ่งบ่อยครั้งมักเกี่ยวพันกับภูมิหลังส่วนตัวและรากเหง้าของบรรพบุรุษก่อเกิดเป็นกระบวนการทางศิลปะที่เชื่อมระหว่างศิลปะและชุมชนเข้าด้วยกัน ประวัติศาสตร์ของชุมชนและการตั้งถิ่นฐานของผู้คนหลากหลายกลุ่มในพื้นที่นี้ร้อยเรียงขึ้นเป็นชุดผลงานศิลปะผ่านบันทึกการเดินทางของศิลปินจนเกิดเป็นผลงานจิตรกรรมแนวโปสเตอร์หนังอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินและทีมงานสตูดิโอเค

 

นำโดยช่างวาดภาพโรงหนังยุคสุดท้ายของไทยเชื่อมต่อกับภาพยนตร์สารคดีซึ่งประพันธ์ขึ้นจากจดหมายฉบับหนึ่งที่ศิลปินเขียนถึงชาวเชียงแสน เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ในการเดินทาง การทำเสียงบรรยายภาพยนตร์สารคดีชุดนี้ศิลปินเลือกใช้ภาษาถิ่นทางภาคเหนือด้วยสำเนียงที่แตกต่างกันผสมผสานกับภาษาอื่น ๆ ของกลุ่มคนพลัดถิ่นรวมทั้งชนกลุ่มน้อยเพื่อสะท้อนถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของผู้คนชาวเชียงแสน

 

จัดแสดงอยู่ในพื้นที่จุดชมวิวสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน ซึ่งเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกอันเป็นเขตติดต่อระหว่างไทย ลาว เมียนมา สอดคล้องกับชื่อผลงาน “พลัดถิ่น ดินแดนใคร” ชี้ให้เห็นแนวคิดเรื่องเขตแดนที่เปลี่ยนแปลงไปจากโลกในอดีตอันส่งผลต่อวิถีชีวิตและการโยกย้ายถิ่นฐานผู้คนในแต่ละยุคสมัย วัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และมุมมองทางสังคมที่หลากหลาย ซึ่งการจัดงานดังกล่าว มีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. การแสดงดนตรีของ พ่อเฒ่าติ๊บ สรนันท์ และคณะ
  2. รำนกรำโต โดย กลุ่มเยาวชนบ้านสบรวก
  3. รำกลองมองเซิง โดยชุมชนชาวไต บ้านสบรวก
  4. การฉายภาพยนตร์ “พลัดถิ่น ดินแดนใคร” จดหมายจากนาวินถึงชาวเชียงแสน
  5. การแสดงนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองเชียงแสน โดย แสนศิลป์เชียงราย
  6. นิทรรศการและการแสดง โดย กลุ่มชาตพันธุ์ในเชียงแสน
  7. การถ่ายภาพที่ระลึกกับชาวเชียงแสน
  8. การบริการอาหารและเครื่องดื่ม อาหารพื้นเมืองอัตลักษณ์ของท้องถิ่น

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นางกัลยา แก้วประสงค์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายพร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมงาน ดังกล่าว

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

พัชรนันท์ แก้วจินดา, สุพจน์ ทนทาน : รายงาน 
พร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ : ภาพ 
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการข่าว 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หนุนท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนดันนโยบายเสน่ห์ชาติพันธุ์ วัฒนธรรมอาข่า

 
 
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมชาติพันธุ์อาข่า บ้านห้วยไร่ (ซาเจ๊ะ) ม.6 ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน โดยมีนายสมชาย บัญชาพล ผู้ใหญ่บ้านห้วยไร่ หมู่ที่ 6 ประธานคณะกรรมการการจัดงานฯ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตำบลแม่ไร่ ร่วมให้เกียรติในพิธีเปิดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ด้วย
 
 
ด้วยบ้านห้วยไร่ ม.6 ต.แม่ไร่ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในโครงการก่อสร้างถนนสายเรียบเชิงดอย จาก อบจ.เชียงราย ซึ่งโครงการดังกล่าว สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนบ้านห้วยไร่ ม.6 ได้เป็นอย่างดี จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมชนเผ่าอาข่าแทนคำขอบคุณ
 
ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ ทั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้ให้ความสำคัญการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณี และชาติพันธ์ุ จึงได้กำหนดนโยบาย “เสน่ห์เชียงราย สถานที่ ชาติพันธุ์ วัฒนธรรมประเพณี” โดยจังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ แหล่งอารยธรรมล้านนา ตลอดจนมีความหลากหลายทางสังคมวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และนานาชาติ เป็นเหตุผลให้เชียงรายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีความพร้อมในด้านทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีประชากรหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวไทยพื้นราบ ชาวไทยภูเขา แต่ละชนชาติจะมีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ ก่อเกิดแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้จังหวัดเชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนโดยใช้เสน่ห์จากวัฒนธรรม และวิถีชุมชนเป็นสิ่งกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนมากยิ่งขึ้นต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นักเรียนร่วมกันวาดภาพศิลป์สร้างสรรค์ The World of Landscapes บ้านหลายสี

 

วันที่ 4 ธ.ค. 2566 เวลา 13.00 น.-15.30 น. ณ บ้านหลายสี แม่จัน เชียงราย เปิดโลกศิลปะ The World of Landscapes บ้านหลายสี จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการจัดงาน เชียงรายเบียนนาเล่ 2023 โดยมีนักเรียน,คณะครูจากโรงเรียนบ้านแม่สลองใน,พี่น้องชนเผ่า,พ่อค้า,ประชาชน,ข้าราชการและผู้นำชุมชน จำนวน 109 คนนักเรียนร่วมกันวาดภาพศิลป์สร้างสรรค์ “แม่จันบ้านฉัน”ถ่ายทอดความรักความภาคภูมิใจในความเป็นคนแม่จันแสดงออกถึงการรับรู้ สนับสนุนประชาสัมพันธ์งาน “เชียงรายเบียนนาเล่ 2023”ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.66- 30 เม.ย. 67

 

จากนั้นเด็กนักเรียนและผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมวางก้อนหินก้อนเล็กๆสีต่างๆ รอบประติมากรรมไม้ไผ่ สัญลักษณ์ปรียบเสมือน “โลก” ส่วนก้อนหินเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้คนที่มีความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรมและภูมิประเทศ แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยมีศิลปะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ เชื่อมสัมพันธ์และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

 

ทุกๆคนร่วมกันเปิดและเข้าชมนิทรรศการศิลปะ “The World of Landscapes” จำนวน 159 ชิ้นงาน ของ อ.อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ เป็นการแสดงออกถึงการถ่ายทอดความงามของสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกและผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นที่โครงการหลวง โครงการพระราชดำริทั่วประเทศ “ตามรอยความดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9
สานต่อที่พ่อทำ ถวายความจงรักภักดี ในหลวงรัชกาลที่ 10”

เพื่อกระตุ้นเตือนให้ผู้คนรักและหวงแหนธรรมชาติให้อยู่คู่โลกของเรากิจกรรมในวันนี้ยังเป็นการสร้างเสริมกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ถึงความละเอียดอ่อนละเมียดละมัยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีสติ และสามารถนำศิลปะไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอันจะส่งผลให้เป็นคนดี และเป็นคนมีคุณภาพของสังคมโลกต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ข่าวไทยรัฐภาคเหนือและทีมงานบ้านหลายสี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

นายกฯ ยกระดับยี่เป็งเชียงใหม่ ชูอัตลักษณ์ประเพณีล้านนา

 
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 20.30 น. ณ บริเวณเวทีกลางริมแม่น้ำปิง หน้าสำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นาวสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมงานประเพณีลอยกระทง และชมการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2566 
 
 
ภายใต้แนวคิด “ค่ำคืนแห่งสายนที วิถีแห่งวัฒนธรรม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ บำรุงรักษา ศิลปวัฒนธรรม จารีต ขนบธรรมเนียมประเพณีล้านนาภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สืบทอดมาอย่างอย่างนาน โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กงสุลใหญ่ประจำประเทศไทย ผู้บริหารจากบริษัท Tesla ผู้แทนจากองค์กร หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนเข้าร่วม โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าว แสดงความยินดีที่ได้มาร่วมงานประเพณีลอยกระทง และการประกวดขบวนกระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
 
 
ซึ่งเป็นงานประเพณีเดือนยี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วว่า เป็นประเพณีที่ควรจะต้องมา ซึ่งเป็นต้นทุนใหญ่ของ soft power ของประเทศไทยเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจากทั่วโลกทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ นายกฯ กล่าว อวยพรขอให้ทุกคนที่มาร่วมพิธีลอยกระทงมีแต่ความสุข ความปลอดภัย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นขอให้ลอยความทุกข์ ความโศกและถ้าหากใครมีโรคภัยก็ขอให้ลอยไปกับกระทงนี้ ขอให้ปีต่อๆ ไปเป็นปีที่ดีขึ้น ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเจ้ามาเที่ยวมากมาย ขอให้ทุกคนต้อนรับรักท่องเที่ยวอย่างดีสร้างความประทับใจ สร้างรอยยิ้มให้แก่นักท่องเที่ยว และอยากกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกครั้ง จากนั้น นายกฯ และคณะร่วมลอยกระทง ณ ริมน้ำปิง ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับเข้าที่พัก นายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงรายเปิด วันลอยกระทง ประเพณียี่เป็ง ต.ดอยฮาง

 
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการสืบสานประเพณีวันลอยกระทง (ยี่เป็ง) พร้อมนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ณ ท่าน้ำแม่กก บริเวณลานอเนกประสงค์เทศบาลตำบลดอยฮาง หมู่ 3 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายวังพรรณ ปัญญา กำนันตำบลดอยฮาง กล่าวต้อนรับ และมีนายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮางกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการครั้งนี้
 
ทั้งนี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้กล่าวชื่นชมนายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาล กำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนตำบลดอยฮาง ที่ได้จัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวนี้ขึ้น แสดงให้เห็นถึงพลังของพี่น้องประชาชนตำบลดอยฮาง ที่จะรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามมิให้สูญหาย และเป็นการส่งเสริมสืบทอดประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป สร้างความสามัคคีเข้มแข็งในชุมชนท้องถิ่น ตลอดทั้ง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในตำบลดอยฮาง สร้างงานสร้างรายได้ อีกทั้งให้ความสำคัญ และร่วมกันสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเราเอาไว้ทำให้เด็ก และเยาวชนรุ่นหลัง ได้รู้จักกับประเพณีลอยกระทงและได้ร่วมกันสืบทอดต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย เปิดกาดมั่วคัวแลง ลอยกระทง อ.เวียงป่าเป้า ปี 66

 

วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 15.30 น.นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกาดมั่วคัวแลงในโครงการจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2566 ณ ลานสาธารณะ ข้างลำน้ำแม่ลาว บ้านสาเจริญ หมู่ที่ 16 ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายจรัญ สิทธิวงค์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงป่าเป้า เขต 2 โดยมีนายพิเชษฐ์ สุหอม นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแม่เจดีย์ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ และมีผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชนในตำบลเจดีย์หลวง ให้การต้อนรับในครั้งนี้

 

การจัดให้มีกาดมั่วครัวแลง ในโครงการจัดงานลอยกระทง ประจำปี 2566 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า ชุมชนตำบลแม่เจดีย์ ในการจัดงานครั้งนี้ได้แสดงออกถึง การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การจำหน่ายและการตลาด เพื่อส่งเสริมกิจกรรมตลาดนัด ท้องถิ่นสีเขียว และได้แสดงถึงพลังความสามัคคี ของทุกฝ่ายในตำบลแม่เจดีย์ ที่สละเวลาทุ่มเทให้กิจกรรมกาดมั่วคัวแลงให้เกิดขึ้นได้ ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นเกิดความภูมิใจ ในภูมิปัญญาของตนเองอย่างยั่งยืน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น ต๋ามโกมส่องฟ้า แอ่วยี่เป็งล้านนา ตี้แม่อ้อ ปี 2566

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 18.30 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น ต๋ามโกมส่องฟ้า แอ่วยี่เป็งล้านนา ตี้แม่อ้อ ประจำปี 2566

 

โดยมี นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย ณ อบต. แม่อ้อ ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายธีระพงษ์ เผ่ากา นายก อบต.แม่อ้อ เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย บุคลากร อบต.แม่อ้อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส.อบต. และพี่น้องประชาชน ต.แม่อ้อ ร่วมให้การต้อนรับ
 
 
ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างเวทีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาอันดีงาม ส่งเสริมความร่วมมือในการจัดริ้วขบวนศิลปวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ปรากฏสู่สาธารณชน มีพื้นที่ให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอนุรักษ์ สืบสานประเพณียี่เป็ง กระตุ้น การท่องเที่ยว บูรณาการร่วมกับหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ในการจัดกิจกรรมอย่างมีส่วนร่วม และเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคีแก่ประชาชนในพื้นที่ และส่งเสริมการเรียนรู้อนุรักษ์และสืบทอดประเพณียี่เป็งให้คงอยู่ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News