Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL VIDEO

(มีคลิป) จัดเต็มแลนด์มาร์ค สืบสานศิลปะล้านนา “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” เซ็นทรัล เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 เซ็นทรัลพัฒนา สืบสานศิลปะทรงคุณค่าแห่งล้านนา ในงาน“เทศกาลสีสันกาสะลอง 2023” รับเทศกาลแห่งความสุขด้วย “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” จัดเต็มแลนด์มาร์ค สุดอลังการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 67 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย,กระทรวงวัฒนธรรม, วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, ขัวศิลปะ และ Thailand Biennale จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2023” สร้างสีสันต้อนรับลมหนาว ด้วยการรังสรรค์ ผสานเรื่องราวทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ชวนนักท่องเที่ยวรื่นเริงส่งท้ายปีไปกับเมืองแห่งอัตลักษณ์ทางการสร้างสรรค์ทางศิลปะอันทรงคุณค่าแห่งล้านนา สร้างลวดลาย สีสัน และ อัตลักษณ์แห่งเชียงรายอย่างงดงาม ก่อกำเนิดเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 8 พ.ย. 66 – 31 ม.ค. 67 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย 

 

 

โดยพิธีเปิดงานสีสันกาสะลอง 2023 จัดขึ้นพร้อมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาสสุดอลังการ เนรมิตหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายให้เป็นแลนด์มาร์คจุดถ่ายรูปที่สวยที่สุดในเชียงราย พบกับการ แสดงสุด ยิ่งใหญ่จากวงเดอะระมิงค์ The Raming Lanna Contemporary Music ที่ประพันธ์บทเพลงใหม่เพื่องานเทศกาลสีสันกาสะลองโดยเฉพาะ โดยเพลง Highlight ”มาลา มาเก่อปอด“ คือเพลงที่มีความหมายว่า เฉลิมฉลอง เพลงนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากนักดนตรีชนเผ่าแห่งยอดดอยเชียงราย เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านดนตรี และร่วมบรรเลงเพลงในชนเผ่า ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และเสน่ห์ของดนตรีชนเผ่า ซึ่งเครื่องดนตรีชนเผ่า ที่ใช้ประกอบในการบรรเลงเพลง ซือบือ เครื่องดนตรีอาข่า, เตหน่า เครื่องดนตรีปกาเกอะญอ, ขับลื้อ เครื่องดนตรี ลื้อ ,เค่ง เครื่องดนตรี ม้ง , ซึง เครื่องดนตรี ลัวะ ผสมผสานเครื่องดนตรีชนเผ่า ผสมผสานกับดนตรีตะวันตก เรียบเรียงเป็นชุดเพลงที่แต่งขึ้นมาเพื่อใช้ในการเฉลิมฉลองของชนเผ่าร่วมกับงานครั้งนี้ 

 

ผ่านเครื่องดนตรีประจำเผ่าและวงออร์เคสตรา เพื่อเล่าเรื่องราวของคนในชนเผ่าให้ทุกคนได้รับฟังโชว์ที่ผนวกการแสดงจากชนเผาชาติพันธุ์ ผสมผสานการแสดงสากลจนกลายมาเป็น Contemporary Show ที่แปลกใหม่ สวยงาม และไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน และชมพลุสุดตระการตา งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง” ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างสีสันและต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมารับลมหนาวภาคเหนือในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะ มาถึง พร้อมเผยแพร่ เรื่องราวทางวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ทรงคุณค่าแห่งล้านนาให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น 

 

โดยได้นำเทคนิคต่างๆ เข้ามาผสมผสาน โดยแต่ละปีจะมีไฮไลท์สุดพิเศษแตกต่างกันออกไป โดยล่าสุด UNESCO ได้ยกย่องให้จังหวัดเชียงราย เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ(City of Design) ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการมอบประสบการณ์แปลกใหม่ ให้กับชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมงาน สำหรับปีนี้ สร้างสรรค์ขึ้นในคอนเซ็ปต์ The Spirit of Chiangrai : The Pride of Northern Thailand ผสมผสานเรื่องราวจากวัฒนธรรมเครื่องประดับเงิน จาก 6 ชนเผ่า และความอุดมสมบูรณ์ของป่าสนบนดอยตุง เหนือสุดแดนสยามที่แรกที่เดียวในประเทศไทย สื่อถึงความงดงามและวิถีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ออกแบบและสร้างสรรค์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) และได้รังสรรค์ผลงานให้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับจุดแลนด์มาร์คของงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023’ 

 

งานมหกรรมศิลปะนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ไฮไลท์หลักของงานคือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สร้างสรรค์โดย ดอยตุง ที่จำลองแบบต้นสนด้วย กลีบจำนวน 19 ชั้นซ้อนกัน แต่ละชั้นตกแต่งด้วยเครื่องเงินจากแรงบันดาลใจชนเผ่าประดับไฟ หยดน้ำทอประกายระยิบระยับสวยงาม ตระการตา โดยตั้งชื่อตามความยาวของงานผ้าทอมือขนาด 1,000 วา หรือ 2,000 เมตร ที่เกิดจากการร่วมมือกันของชาวบ้าน กลุ่มชนเผ่าบนพื้นที่ดอยตุงที่ใช้ เวลาว่างมาร่วมแรงร่วมใจถักทอผ้า โดยใช้ระยะเวลากว่า 3 เดือน ส่วนคำว่า “หมอก” มาจากการที่ จังหวัดเชียงรายจะเกิดปรากฏการณ์ชมหมอกที่สวยงาม 

 

ในช่วงต้นเทศกาลคริสต์มาสคือตั้งแต่ เดือน พฤศจิกายน ถึง มกราคมเป็นประจำทุกปี “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” ถักทอด้วยผ้าธรรมชาติ และวัสดุในท้องถิ่นสื่อถึงการใช้ชีวิตทีเรียบง่ายและผูกพันกับธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ เถาสน ไหมย้อมสี ผ้าฝ้าย และหญ้าแฝก ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ แห่งชาติพันธุ์ของเชียงราย สู่ลายปักผ้าและของตกแต่งบนเครื่องแต่งกายสีสันสดใส ของ 6 ชาติ พันธุ์เชียงราย ได้แก่ อาข่า ลาหู่ ลัวะ ไทใหญ่ ไทลื้อ และจีนยูนนาน สอดประสานกันแต่ละชั้น เพื่อแสดงถึงความหลากหลายที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว

 

นื่องด้วย จังหวัดเชียงราย เป็นดินแดนวัฒนธรรมเครื่องประดับเงินแห่งชนเผ่า แต่ละชั้นกลีบประดับ ต้นคริสต์มาส จึงได้นำเอาลวดลายเครื่องประดับเงิน ที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละชนเผ่าชาติพันธุ์มา ตกแต่งร่วมกับลายผ้าทอ ร้อยเรียงต้นคริสต์มาสให้มีอัตลักษณ์ แต่ละลวดลายล้วนเกี่ยวข้องกับการ ดำเนินชีวิต โดยนัยที่เป็นพลังเชิงบวก เช่น ลายปลา สื่อถึงความมั่งมีและอุดมสมบูรณ์, ลายผีเสื้อ สื่อถึงความงดงามและอุดมสมบูรณ์, ดอกเบญจมาศ สื่อถึงความมีชีวิตชีวาและความเจริญรุ่งเรือง, การทำภู่ เงินห้อยระย้า สื่อถึงความมีชื่อเสียงและความดีงามยังมีการทำเครื่องเงินในลักษณะของ กระดุม ลูกกระพรวน และลูกปัด เพื่อใช้ตกแต่งลงบนผ้าพื้นเมือง สำหรับชนเผ่าเย้า (เมี่ยน) มีการ ผลิตเครื่องประดับเงิน ทำเป็นสร้อยคอ กระดุมเสื้อ และเครื่องประดับเงิน ที่มีลักษณะเป็นแผงมีพู่ ห้อยเพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของชนเผ่า สนุกกับกิจกรรมพิเศษทุกวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็น แขวนโคมล้านนา, เทศกาลดนตรีแจ๊ส, ฟรีเวิร์คช็อปงานคราฟท์, มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ชมการแสดงตลอดเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับ ปีใหม่ การแสดงเปิดหมวกโชว์จากน้องๆ ในเชียงราย สิทธิพิเศษ 

 

สำหรับสมาชิก The1 รับ ฟรี! ของที่ระลึกสุดพิเศษ เมื่อกิน ช้อป ภายในโซนพลาซา ครบ 10,000 บาทขึ้นไป พร้อมเลือกซื้อ สินค้าในกาดสีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต ลิ้มลองเมนูหาทานยากจากพี่น้อง 6 ชนเผ่าชาติพันธุ์เมือง เชียงราย และอิ่ม อร่อยกับร้านค้าเด็ดเมนูดังในเชียงราย พร้อมช้อปสินค้า ART & CRAFT เป็นของ ที่ระลึกมากมาย 

 

สำหรับพิธีเปิดได้รับเกียรติจากคุณสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด Chief Marketing Officer บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฎิบัติการธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, คุณอรชร จันทร์วิวัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานปฎิบัติการสาขาเขตภาคเหนือ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ, คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้จัดการ ทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย, คุณเสริฐ ไชยยานันตา ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและ กีฬาจังหวัดเชียงราย, คุณวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.เชียงราย, อาจารย์นคร พงศ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยาน ศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมงาน บริเวณ ด้านหน้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

 

ตื่นตากับ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” แห่งเดียวในไทย ในคอนเซ็ปต์ The Spirit of Chiangrai : The Pride of Northern Thailand ผสมผสานเรื่องราวจากวัฒนธรรมเครื่องประดับเงิน จาก 6 ชนเผ่า และความอุดมสมบูรณ์ของป่าสนบนดอยตุง แห่งเดียวในไทย ผลงานร่วมระหว่างเซ็นทรัลเชียงรายและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง)

 

กาดสีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต ลิ้มลองเมนูหาทานยากจากพี่น้อง 6 ชนเผ่าชาติพันธุ์เมืองเชียงราย และอิ่มอร่อยกับร้านค้าเด็ดเมนูดังในเชียงราย พร้อมช้อปสินค้า ART & CRAFT เป็นของที่ระลึก

 

ม่วนใจ๋ไปกับบทเพลงเพราะๆ ชมการแสดงเชิงวัฒนธรรม Shimmer and Shine จากน้องๆ เยาวชนชาวเชียงราย ถ่ายรูปจุใจกับจุดเช็คอินเก๋ๆ กว่า 10 แลนด์มาร์กให้ได้โพสต์สดใสกันทั้งกลางวัน และงดงามกันในยามค่ำคืน

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เซ็นทรัล เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TOP STORIES

เตือน “คนไทย” อย่าเชื่อกลลวง ‘นายทุนสีเทา’ ทำงานในเมียนมาได้เงินหลักแสน

 

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 เพจเฟซบุ๊ก Royal Thai Embassy, Yangon ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ขอย้ำเตือน คนไทยอย่าได้หลงเชื่อกลลวงเครือข่ายนายทุนสีเทา โฆษณาชวนเชื่อว่าพอไปทำงานในเมียนมา แล้วจะได้รายได้หลักหมื่นหลักแสน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเดินทางไปถึง ก็จะถูกยึดหนังสือเดินทางทำให้กลับไทยไม่ได้

 

โดนบีบบังคับให้ทำงานสายดำ เช่น Call Center งาน Scammer งานขายบริการทางเพศ ตลอดจนให้เสพยาเสพติด ตกเป็นหนี้หลักแสน โดนเรียกค่าไถ่ ถูกลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ หากไม่สามารถทำยอด หรือปฏิเสธที่จะทำงาน หรือถูกขายต่อเป็นทอดๆ ซึ่งเมื่อเดินทางเข้าไปแล้ว การช่วยเหลือจากภาครัฐของเมียนมา จะกระทำได้ลำบาก หรือไม่ได้เลย และใช้ระยะเวลานานยิ่ง และเมื่อช่วยเหลือออกมาได้แล้ว ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายของเมียนมา

 

เมื่อไม่นานมานี้ มีขบวนการในรูปแบบ “romance scammer” เกิดขึ้นในย่างกุ้ง หลอกลวงคนไทย และต่างชาติไปทำงานให้หลอกคนอื่นให้หลงรักทางออนไลน์ และหลอกให้ร่วมลงทุน และเชิดเงินหนีไป คนไทยที่ถูกหลอกมาบางส่วน อาจถูกส่งต่อไปทำงานในเมืองที่เป็นเขตปกครองตนเองในเมียนมา เช่น เมืองเล่าก์ก่าย เมืองป๊อก เมืองลา มูเซ และอื่นๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ลึกในดินแดนเมียนมา เป็นป่าเขา และมีความทุรกันดาร ยากที่จะเข้าไปช่วยออกมา

 

จึงโปรดอย่าหลงเชื่อ การชักชวนให้ไปทำงานประเภทให้บริการรูปแบบต่างๆ ในเมียนมา ดู Scoop คนไทยโดนหลอกลวงมาทำงาน romance scammer ที่ย่างกุ้ง และอาจโดนขายต่อไปที่อื่น และขอความร่วมมือช่วยกันเตือนคนที่คุณรัก เพื่อไม่ให้โดนหลอกมาแบบนี้

 

ช่องทางการสอบถามข้อมูลและสถานภาพของคนไทยในเมืองเล้าก็ก่าย เมียนมา โดยกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศกรมการกงสุล

โทรศัพท์ 064 0198530

โทรศัพท์ 064 0198907

โทรศัพท์ 099 6164786

โทรศัพท์ 02 5751047-51 หรือ 02 5751053 (ในวันและเวลาราชการ) E-mail:consular02@mfa.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Royal Thai Embassy, Yangon

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ม.เชียงใหม่ ติดอันดับ 99 จาก 300 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในเอเชีย

 

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 Quacquarelli Symonds (QS) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้เผยการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประจำปี 2024 (World University Rankings 2024) โดยใช้หลักพิจารณาความเป็นเลิศใน 9 ด้าน ประกอบไปด้วย ชื่อเสียงด้านวิชาการ (Academic Reputation) ทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิตของแต่ละมหาวิทยาลัย (Employer Reputation) สัดส่วนคณาจารย์ต่อนักศึกษา (Faculty Student Ratio) สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ (Citations per Faculty) สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่างชาติ (International Faculty Ratio) สัดส่วนจำนวนนักศึกษาต่างชาติ (International Student Ratio) เครือข่ายวิจัยนานาชาติ(International Research Network) ผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) และ ความยั่งยืน(Sustainability)

 

มหาวิทยาลัย 20 อันดับแรกของเอเชีย มีดังนี้

อันดับ 1 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University) จีน

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยฮ่องกง (The University of Hong Kong) ฮ่องกง

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) สิงคโปร์

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยาง (Nanyang Technological University) สิงคโปร์

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua University) จีน

อันดับ 6 มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง (Zhejiang University) จีน

อันดับ 7 มหาวิทยาลัยฟูตัน (Fudan University) จีน

อันดับ 8 มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University) เกาหลีใต้

อันดับ 9 มหาวิทยาลัยเกาหลี (Korea University) เกาหลีใต้

อันดับ 10 มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong) ฮ่องกง

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง (Shanghai Jiao Tong University) จีน

อันดับ 11 มหาวิทยาลัยมาลายา (University Malaya) มาเลเซีย

อันดับ 13 สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (KAIST) เกาหลีใต้

อันดับ 14 มหาวิทยาลัยโตเกียว (The University of Tokyo) ญี่ปุ่น

อันดับ 15 มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง (HKUST) ฮ่องกง

อันดับ 16 มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) เกาหลีใต้

อันดับ 17 มหาวิทยาลัยซิตี้ฮ่องกง (City University of Hong Kong)

อันดับ 17 มหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) ญี่ปุ่น

อันดับ 19 มหาวิทยาลัยซองคยุนกวาน (Sungkyunkwan University) เกาหลีใต้

อันดับ 20 มหาวิทยาลัยโทโฮคุ (Tohoku University) ญี่ปุ่น

สำหรับอันดับมหาวิทยาลัยไทยในเอเชียที่อยู่ใน Top 300 พบว่า

 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่อันดับที่ 37

มหาวิทยาลัยมหิดลอันดับที่ 47

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันดับที่ 99

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับ 140

มหาวิทยาลัยเกริก อันดับ 149

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับ 150

มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันดับ 171

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อันดับ 195

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  อันดับ 246

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Quacquarelli Symonds

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เปิดตัวตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทยถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน

 

 

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นางสุพรรณี เตชะตน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนายพร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดตัวตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย และเสวนาวิชาการสืบทอด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ ถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน

 

 

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดตัวตลาดบก ถนนคนเดินกาดช่วงเมืองน่าน หนึ่งในกิจกรรม “10 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ สืบสานวัฒนธรรมไทย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมี นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวรายงาน และนายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวต้อนรับ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน นายสุเมษ สายสูง ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดน่าน นายสรศักดิ์ พรหมจักร ประธานชุมชนบ้านภูมินทร์-ท่าลี่นายสุรัตน์ ผู้แทนชุมชนถนนคนเดินกาดช่วงเมืองน่าน วัฒนธรรมจังหวัด 11 หัวหน้าส่วนราชการ และเครือข่ายทางวัฒนธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้แทนชุมชน ประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ช่วงเมืองน่าน ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน

 

 

     กระทรวงวัฒนธรรม โดย จังหวัดน่าน ร่วมกับ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมจังหวัดน่าน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานน่าน สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน สำนักงานพื้นที่พิเศษ 6 เทศบาลเมืองน่าน ชุมชนบ้านภูมินทร์ – ท่าลี่ จัดโครงการชุมชนวัฒนธรรมไทยสร้างเสริมเศรษฐกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน 10 ตลาดบก โดยคัดเลือกตลาดบก และตลาดน้ำ ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการพัฒนาเป็นตลาดสืบสานวัฒนธรรมไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนจากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยถนนคนเดินกาดข่วงเมืองน่าน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ตลาดบกสืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในการจัดงานครั้งนี้มีการจำหน่ายสินค้า และการสาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจากชุมชนพื้นที่ ช่วงเมืองน่าน และชุมชนโดยรอบถนนคนเดินกาดช่วงเมืองน่าน เพื่อสนับสนุนกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างรายได้จากการพัฒนาต่อยอดทุนวัฒนธรรมของชุมชน และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบทอด มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน ในครั้งนี้จึงได้กำหนดการจัดกิจกรรมเสวนาสืบทอดมรดกภูมิปัญญาจุมสล่าเรือจากจังหวัดนราธิวาส จังหวัดชุมพร จังหวัดหนองคาย จังหวัดสกลนคร วัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพิจิตร จังหวัดน่าน ประเทศสปป.ลาว และประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อฟื้นฟูงานช่างฝีมือพื้นบ้านของชุมชน ผ่านการแกะสลักหัวเรือ การต่อเรือ การขุดเรือ เพื่อการยกระดับงานเทศกาลประเพณีของจังหวัดน่านสู่สากล และกิจกรรมการสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม WORK SHOP ร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อที่จะยกระดับให้พื้นที่ภายในถนนคนเดินกาดช่วงเมืองน่านเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ สร้างรายได้ให้ชุมชนจังหวัดเป็นพื้นที่ เชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคต่อไป

 

     ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. การเสวนาวิชาการสืบทอดมรดกภูมิปัญญาจุมสล่าเรือ เพื่อยกระดับงานประเพณีแข่งเรือสู่สากล
  2. การวงดนตรีวงล่องน่าน (กลุ่มศิลปินพื้นบ้านร่วมสมัย) บรรเลงเพลงต้อนรับ
  3. ชมนิทรรศการเรือยาวไทย 7 จังหวัด และเรือยาว 2 ประเทศ (สปป.ลาว , ราชอาณาจักรกัมพูชา)
  4. ชมการสาธิตแกงแคไก่เมือง โดยร้านอาหารเฮือนภูคาจังหวัดน่าน
  5. การแสดง ชุด “สาวน่านจ่ายกาดข่วงเมืองน่าน”
  6. พิธีมอบของที่ระลึก

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

สภาผู้บริโภคออกแถลงการณ์ “ผิดหวัง” มติ กสทช. หลังอนุญาตควบรวม AIS – 3BB

 

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้ออกแถลงการณ์ แสดงความผิดหวังต่อมติคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (คณะกรรมการ กสทช.) ที่ได้อนุญาตให้บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) บริษัทในเครือเอไอเอส (AIS) และบริษัท ทริปเปิลบี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือทรีบีบี (3BB) ควบรวมกิจการได้ ด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 1 ในการประชุมเมื่อวานนี้ (10 พฤศจิกายน 2566)

 

โดยในแถลงการณ์ดังกล่าวนั้น สภาผู้บริโภคระบุว่า การลงมติดังกล่าวเป็นมติที่ไม่รักษาผลประโยชน์ผู้บริโภค กล่าวคือ แทนที่ กสทช. จะป้องกันปัญหาการผูกขาด กลับสร้างภาระให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น ที่แม้คณะกรรมการ กสทช. ได้ใช้อำนาจในฐานะองค์กรกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่มติดังกล่าวจะเพิ่มภาระผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งเมื่อตลาดด้านโทรคมนาคมในประเทศกำลังเดินเข้าสู่ภาวะการผูกขาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เกิดจากการที่คณะกรรมการ กสทช. ชุดนี้เปิดทางให้มีการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระดับยักษ์ใหญ่ถึง 2 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน

 

ทั้งนี้จากมติข้างต้น คณะกรรมการ กสทช. ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าการควบรวมครั้งนี้จะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร อีกทั้งยังส่งผลให้สภาพของระบบโทรคมนาคมในประเทศไทยถอยหลังกลับไปหลายทศวรรษ กระทบต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างลึกซึ้งจนยากเกินเยียวยาในอนาคต โดยเฉพาะสังคมไทยที่เปลี่ยนผ่านสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผู้บริโภคกลับถูกจำกัดทางเลือก นอกจากนี้ยังทำให้การแข่งขันในระบบตลาดเสรีกลายเป็นตลาดผูกขาดเมื่อเหลือผู้แข่งระดับใหญ่เพียง 2 ราย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะพิจารณาด้านหลักรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือหลักด้านเศรษฐศาสตร์ การปล่อยให้เกิดการผูกขาดของกิจการใด ๆ ในประเทศไทยที่ยึดหลักการค้าเสรีเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะจะก่อให้เกิดการเสียเปรียบของประโยชน์สาธารณะ เป็นการละเลยสิทธิของประชาชนที่จะได้รับทางเลือกในการใช้บริการ ความเป็นธรรม ความเท่าเทียมและการเข้าถึงบริการต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

 

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ข้างต้น ยังระบุว่า ปัจจุบันสังคมโลกและสังคมไทยต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสื่อสารในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าทางด้านการสื่อสารเพื่อความบันเทิงหรือในภาวะวิกฤติ แต่เมื่อกิจการด้านสื่อเทคโนโลยีอยู่ในภาวะผูกขาดจะทำให้ราคาค่าบริการและทางเลือกที่ประชาชนเคยได้รับจะถูกตัดทอนลง ในขณะที่ค่าบริการจะเพิ่มขึ้น โดยการศึกษาวิจัยที่สภาผู้บริโภคได้ดำเนินการ ได้ที่ชี้ถึงผลกระทบต่อผู้บริโภคหากบริษัททั้งสองได้รับว่า “ราคาค่าบริการอินเทอร์เน็ตบ้านจะสูงขึ้นระหว่างร้อยละ 9.5 – 22.9 ซึ่งจะเป็นภาระหนักสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ประเทศมีหนี้ครัวเรือนสูงถึงกว่า 5 แสนบาทต่อครอบครัวซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 15 ปี ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงการถูกบังคับซื้อบริการพ่วง การถูกลดทางเลือกการถูกจำกัดการเข้าถึงบริการของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล”

 

ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงขอให้คณะกรรมการ กสทช. ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลอัตราค่าบริการของ กสทช. อย่างเคร่งครัด เกิดประสิทธิภาพได้จริงที่จะสามารถป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งเรื่องอัตราค่าบริการและคุณภาพการให้บริการ อาทิ การห้ามขึ้นราคาและลดคุณภาพการให้บริการ โดยให้คงรายการส่งเสริมการขาย (Package) ซึ่งมีราคาต่ำที่สุดที่มีอยู่ก่อนการรวมธุรกิจ และแจ้งให้ กสทช. ทราบ พร้อมกับต้องคงคุณภาพการให้บริการและราคาสำหรับรายการส่งเสริมการขาย (Package) ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 5 ปี รวมถึงการรักษาคุณภาพการให้บริการ (QoS) ตามประกาศของ กสทช. เรื่อง มาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมอย่างเคร่งครัดและต้องมีความพร้อมเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นจากการรวมธุรกิจ เพื่อให้คุณภาพในการให้บริการต่อผู้ใช้บริการไม่ด้อยไปกว่าเดิม

 

รวมทั้งการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ต่อสาธารณชนว่าจะคงไว้ซึ่งบริการที่มีคุณภาพ และราคาค่าบริการที่เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการ โดยไม่ปล่อยให้เกิดช่องว่างหรือการย่อหย่อนต่อการบังคับใช้มาตรการเฉพาะของ กสทช. ที่เกิดขึ้นแล้วในกรณีการควบรวมระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในเดือนตุลาคม 2565

 

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคจะนำประเด็นมติ กสทช. ในครั้งนี้เดินหน้าปรึกษาและหารือร่วมกับเครือข่ายสมาชิกของสภาผู้บริโภคที่มีอยู่ทั่วประเทศ ในการดำเนินการใด ๆ ที่จะเป็นการรักษาสิทธิผู้บริโภคต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาองค์กรของผู้บริโภค

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

อนุรักษ์ สืบสาน ประเพณีของชุมชน จุลกฐิน ถิ่นไทลื้อโบราณ

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นายยุทธนา สุทธสม นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมกิจกรรม (ทอสายบุญจุลกฐินถิ่นไทลื้อโบราณ) จังหวัดเชียงราย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ชุมชนหาดบ้าย-หาดทรายทอง 

 

จัดกิจกรรมจุลกฐิน ถิ่นไทลื้อโบราณโดยมีนางอธิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยนายวิรุฬห์  สิทธิวงศ์  นายอำเภอเชียงของ นายเกษม ปันทะยม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลริมโขง นายกิตติพงศ์  วงศ์ชัย นายกเทศมนตรีตำบลศรีดอนชัย นายธันวา  เหลี่ยมพันธุ์ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงของ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เครือข่ายชาติพันธุ์ในพื้นที่ ประชาชน  ณ วัดหาดบ้าย ตำบลริมโขง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย

 

เพื่อส่งเสริม อนุรักษ์ สืบสาน ประเพณีของชุมชนและเผยแพร่วัฒนธรรม ประเพณี อัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ไทลื้อ ให้เกิดการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมประเพณี เนื่องด้วยจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทย เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งอารยธรรมล้านนา ตลอดจนมีความหลากหลายทางสังคมวัฒนธรรมของพี่น้องชาติพันธุ์ ที่เชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศไทย เป็นพรมแดนกันกลางระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นเหตุผลให้ “เชียงราย”

 

 

มีความพร้อมด้านการท่องเที่ยว เสน่ห์เชียงราย นั่นคือ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม Soft Power เชียงราย อบจ.เชียงรายจึงเล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเสน่ห์ ที่ทำให้จังหวัดเชียงรายได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงได้กำหนดนโยบาย “เชียงรายเที่ยวได้ ทั้งปีมีดีทุกเดือน” และ “เสน่ห์เชียงราย สถานที่ ชาติพันธ์ วัฒนธรรมประเพณี” ขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเป็นการระเบิดจากภายในภูมิบ้าน ภูมิเมือง ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนเองที่จะเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา รักษาคุณค่าทางวัฒนธรรม โดยชุมชนของตนเองไว้

 

และเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อบจ.เชียงราย ได้ดำเนินงานบูรณาการร่วมกับ อบต.ริมโขง พี่น้องชุมชนบ้านหาดบ้าย หาดทรายทอง ตามนโยบาย “3 พี่น้องท้องถิ่นรวมใจ ชุมชน และการมีส่วนร่วม” ที่สนับสนุนการบูรณาการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยชุมชนให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ต่อไป

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พร้อมรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว ตามนโยบาย VISA Free ของรัฐบาล

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 การประชุมเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว ตามนโยบาย VISA Free ของรัฐบาล และและการประชาสัมพันธ์งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ณ ห้องอบรมชั้น 3 สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย

 

 

     สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย นำโดย นายอนุวัฒน์ วงศ์จำรัส ขนส่งจังหวัดเชียงราย จัดการประชุมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางในจังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบและเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว ตามนโยบาย VISA Free ของรัฐบาล และและการประชาสัมพันธ์งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 

 

    สำหรับการประชุมในครั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวถึงความเป็นงานของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัย Biennale ซึ่งมีประวัติศาสตร์การจัดร่วมหนึ่งร้อยปี ซึ่งเป็นโอกาสที่ดียิ่งสำหรับจังหวัดเชียงราย ที่ได้เป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 โดยก่อนการจัดงานมหกรรมดังกล่าว จังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ประติมากรรมและขบวนพาเหรด 18 อำเภอ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 ณ บริเวณหอนาฬิกาจังหวัดเชียงราย โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี

 

     ในการนี้ นายณัฐกานต์ อยู่อินทร์ ผู้แทนจากบริษัท โตโยต้า เชียงราย จำกัด ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า บริษัท โตโยต้า เชียงราย จำกัด ได้เล็งเห็นความสำคัญของการจัดมหกรรมฯ อีกทั้งการจัดงานจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อจังหวัดเชียงราย บริษัท โตโยต้า เชียงราย จำกัด จึงมีความยินดีที่จะสนับสนุนป้ายประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมฯ เพื่อติดรถโดยสารสาธารณะ โดยผู้ประกอบการฯ ผู้สนใจติดป้ายประชาสัมพันธ์ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 081 881 8222 (โตโยต้า เชียงราย)

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย หารือกฎหมายใช้ที่ดินพื้นที่อำเภอแม่สาย

 

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ประชุมข้อราชการและระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์และที่ดินอื่นๆ ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย

 

โดยมีผู้นำท้องถิ่น ท้องที่เข้าร่วมปรึกษาหารือข้อราชการ ระเบียบกฎหมาย เกี่ยวกับการเข้าดำเนินกิจกรรม หรือโครงการพื้นที่อุทยาน ป่าไม้ หรือป่าสงวน เช่น การดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยมีส่วนร่วม กับประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย โดยพื้นที่ดำเนินการบางแห่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวและพื้นที่ในการดูแลของป่าไม้-อุทยาน ซึ่งต้องดำเนินการขออนุญาตก่อนเข้าดำเนินการ จากการดำเนินการที่ผ่านมามีการประสานเพื่อขออนุญาต แต่ไม่ได้รับการตอบรับหรือการตอบรับล่าช้า จากหน่วยงานผู้ดูแลพื้นที่ ทำให้การดำเนินการกิจกรรม-โครงการไม่สามารถดำเนินตามกรอบเวลาหรือกำหนดการที่วางไว้
 
 
ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจึงได้จัดการประชุมเพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นำท้องที่ รวมถึงประชาชนที่ใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ดิน (น.ส.ล.) ทั้งที่อยู่ในเขตป่า/ป่าสงวน ที่ราชพัสดุและที่ดินอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อบูรณาการและนำไปถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและถือเป็นแนวทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและรองรับตามภารกิจอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด รวมถึงขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาท้องถิ่นองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายโดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 
1. ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย 
2. ผู้อำนวยการ ปปช. ประจำจังหวัดเชียงราย 
3. ที่ดินจังหวัดเชียงราย 
4. สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ 2 (เชียงราย) 
5. ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย 
6. ธนารักษ์พื้นที่เชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“วันชัย” นำทีมเทศบาลนครเชียงราย คว้ารางวัล บริหารจัดการดีเลิศ ประจำปี66

 
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เทศบาลนครเชียงราย โดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร เข้ารับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประเภทดีเลิศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร, สมาชิกสภา, ข้าราชการและพนักงานในเทศบาลนครเชียงรายร่วมแสดงความยินดี
 
 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 62 แห่ง ที่ได้รับรางวัลว่า นับตั้งแต่ปี 2546 ที่มีการมอบรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดีจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 21 ปี รัฐบาลโดยคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีนโยบายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พัฒนาการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ  มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการบริหารจัดการที่ดี และมีความพยายามให้ท้องถิ่นสร้างสรรค์นวัตกรรมในการบริการประชาชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้ง ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงผลการทำงานที่มีความเป็นเลิศขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้า  และช่วยยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการที่ดีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับระดับสากล

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลในวันนี้ นำเงินรางวัลที่ได้รับไปพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ และสร้างนวัตกรรมท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชน  ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน และความเจริญก้าวหน้าของท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป

ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลประเภทดีเลิศ ได้แก่ รางวัลที่ 1  เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด รางวัลที่ 2 เทศบาลเมืองแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ รางวัลที่ 3 เทศบาลเมืององค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู จังหวัดแม่อ่องสอน  และ 4รางวัลชมเชย เทศบาลนครเชียงราย จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบรางวัลอื่น ๆ  โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อให้เป็นรางวัลสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนถิ่น และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับรางวัลเข้าร่วม

 
 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

OPEN HOUSE 2023 โรงเรียน อบจ.เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยสมาชิกสภา อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการในสังกัด อบจ.เชียงราย ร่วมเปิดกิจกรรม OPEN HOUSE 2023 “Challenges and Opportunities for Future Education ความท้าทาย และโอกาสในอนาคตของการศึกษาไทย” ณ ลานโดม โรงเรียน อบจ.เชียงราย ทั้งนี้ ดร.ศราวุธ ศุตะวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียน อบจ.เชียงราย นำคณะผู้บริหารคณะครู และนักเรียน ร่วมให้การต้อนรับในกิจกรรมครั้งนี้
 
.
โรงเรียน อบจ.เชียงราย ถือกำเนิดจากนโยบายในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงราย เริ่มรับนักเรียนรุ่นแรกในปี 2549 เป็นที่ภาคภูมิใจในการเป็นสถานศึกษาแห่งแรกของประเทศไทยที่ก่อตั้งขึ้นเองในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 4,000 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ Active Learning ผ่านกระบวนการ Thinking School และได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้เหมาะสมกับศักยภาพของผู้เรียนที่มีความแตกต่างกัน และเชื่อว่า “เด็กทุกคนเก่งทุกรายแต่เขาเก่งคนละด้าน” เรียนแล้วให้เกิดประโยชน์ เรียนแล้วนำไปใช้ได้จริง ไปต่อยอดการเรียนในระดับที่สูงขึ้น หรือต่อยอดเป็นอาชีพได้ จึงเกิดเป็นรูปแบบของงานเปิดบ้านวิชาการ เปิดบ้านแห่งการเรียนรู้ ในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลงานของนักเรียน ครู โรงเรียน ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง นักเรียนและประชาชนทั่วไป ที่สนใจจะส่งบุตร หลานเข้าศึกษาต่อได้เยี่ยมชมผลงาน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น อีกทั้งจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตรพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศและส่งเสริมให้นักเรียนได้แสดงผลงานทางด้านวิชาการและศักยภาพด้านอื่น ๆ
 
 
ตามความถนัดและความสนใจ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการและการแสดงผลงาน จำนวน 23 โปรแกรมหลักสูตร กิจกรรมแนะแนวการศึกษาต่อจากวิทยาลัย 3 แห่ง และมหาวิทยาลัย 4 แห่ง กิจกรรม School Tour พา 13 โรงเรียน มากกว่า 300 คนที่มาร่วมงานได้เยี่ยมชมโรงเรียน มีการแสดงความสามารถบนเวที และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มาร่วมงานและสนใจที่จะศึกษาต่อที่โรงเรียน อบจ.เชียงราย สามารถรับใบสมัครและติดต่อขอสมัครได้ในช่วงของการจัดงานในครั้งนี้ด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News