Categories
SOCIETY & POLITICS

เห็นชอบใช้งบท้องถิ่นจัดรถ รับ-ส่ง ‘ผู้ทุพพลภาพ’ ไปโรงพยาบาล

 

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการสำคัญที่จะช่วยยกระดับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความยากลำบากในการเดินทางไปโรงพยาบาล ผ่านการเพิ่มบริการ พาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ เพื่อเข้ารับบริการสาธารณสุขในระบบ บัตรทอง 30 บาท

ผู้ที่มีสิทธิ์ใช้บริการพาหนะรับส่งนี้ ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. ผู้พิการที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นคนพิการ
  2. ผู้สูงอายุ ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือในการเดินทาง
  3. ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง

ยกระดับการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกผู้ป่วยทุพพลภาพ

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการพาหนะรับส่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเดินทางและค่าเสียโอกาสของญาติที่ต้องคอยดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางได้ด้วยตนเอง ปัจจุบันผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดทางร่างกายมักประสบปัญหาในการเดินทางไปโรงพยาบาล เนื่องจากบริการรถฉุกเฉินสายด่วน 1669 ไม่ครอบคลุมกรณีที่ไม่ได้เป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน ส่งผลให้ผู้ป่วยทุพพลภาพหลายรายไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างสะดวก

จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บอร์ด สปสช. จึงได้เห็นชอบการจัดบริการ พาหนะรับส่งผู้ป่วยทุพพลภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น

การจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ป่วยทุพพลภาพในท้องถิ่น

บริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพนี้จะถูกดำเนินการผ่านการจัดทำโครงการโดย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งใช้งบจากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น (กปท.) โดยพาหนะที่ใช้ในบริการนี้ ได้แก่

  • รถพยาบาลของหน่วยบริการ
  • รถหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน
  • รถรับส่งผู้ป่วยโดยภาคเอกชน
  • รถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ สำหรับผู้โดยสารคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก

รูปแบบการจ่ายค่าบริการพาหนะรับส่ง

บอร์ด สปสช. ได้กำหนดแนวทางในการจ่ายค่าบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพออกเป็น 4 แนวทาง เพื่อให้ อปท. สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ได้แก่

  1. จ่ายตามประกาศ สปสช. คือ จ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท สำหรับระยะทางไม่เกิน 50 กิโลเมตร และหากเกิน 50 กิโลเมตร จะจ่ายเริ่มต้นที่ 500 บาท และเพิ่มอีก 4 บาทต่อกิโลเมตร
  2. จ่ายตามระเบียบของ สพฉ. (สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ) โดยอัตราจ่ายจะขึ้นอยู่กับระยะทาง เช่น ระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร จ่ายที่ 100-350 บาทต่อครั้ง
  3. จ่ายรายครั้งแบบไปกลับ โดยคิดตามอัตราที่กำหนดไว้ในประกาศ
  4. จ่ายเหมาแบบรายวัน ซึ่งจะกำหนดอัตราจ่ายตามที่ประกาศไว้

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพนี้ จะช่วยแก้ปัญหาที่ประชาชนเคยร้องขอเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายและความกังวลของครอบครัวผู้ป่วย

ประโยชน์จากการเพิ่มบริการพาหนะรับส่ง

การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพในระบบ บัตรทอง 30 บาท เป็นการตอบโจทย์ข้อเสนอจากภาคประชาชนที่ขอให้มีการเพิ่มบริการด้านการเดินทางสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัด การให้บริการนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ป่วย แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และเพิ่มโอกาสให้ผู้ทุพพลภาพและผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ทุพพลภาพ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความยากลำบากในการเดินทาง ช่วยให้พวกเขาได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องและไม่ขาดตอน

สรุป

การเพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพในระบบบัตรทอง 30 บาท เป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการพัฒนาบริการสาธารณสุขของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง บริการนี้จะช่วยลดภาระให้กับผู้ป่วยและครอบครัว พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ใช้สิทธิ “บัตรทอง” รับยาคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผง ต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี

ใช้สิทธิ “บัตรทอง” รับยาคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผง ต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรื เชิญชวนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยเจริญพันธ์ใช้สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รับบริการคุมกำเนิดครอบคลุม ทั้งบริการใส่ห่วงอนามัย ยาฝังคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด และยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในกลุ่มวัยเจริญพันธ์ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โดยผู้รับบริการจะได้รับยาเม็ดคุมกำเนิดไม่เกิน 3 แผงต่อครั้ง และคนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี ภายใต้โครงการ “เลิฟปัง รักปลอดภัย แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม” แจกยาคุมกำเนิด-ถุงยางอนามัย โดยขั้นตอนรับบริการยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ใช้สิทธิบัตรทองดำเนินการได้ 2 วิธี ดังนี้ 
1.รับบริการผ่านสมาร์ทโฟน  
– เข้าแอปฯ เป๋าตัง ไปที่เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือก “สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค”
– ผู้หญิง 15-59 ปี จะแสดงสิทธิ “ยาเม็ดคุมกำเนิด”
– ค้นหาหน่วยบริการ และทำการจองสิทธิ 
– เดินทางไปรับยาคุมกำเนิดภายในวันที่จองสิทธิ ตามเวลาทำการของหน่วยบริการ
– หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการ
2.ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน
– เข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วม เช่น ร้านยา คลินิกเวชกรรม คลินิกการพยาบาลฯ รพ.สต. รพ.ชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น หรือที่สถานพยาบาลประจำตัวของท่าน
– แสดงบัตรประชาชน ยืนยันตัวตนเพื่อรับบริการ 
– หน่วยบริการตรวจสอบสิทธิ และบันทึกการรับบริการ

“ประชาชนไทยที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) ที่ต้องการรับบริการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิด สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลประจำที่ลงทะเบียนเลือกไว้ หรือหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ของรัฐและเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมในระบบ สปสช. ดูรายชื่อหน่วยบริการได้ที่แอปพลิเคชัน สปสช. เลือกเมนู ข้อมูลหน่วยบริการ ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถดูรายการบริการได้ที่แอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือกกระเป๋าสุขภาพ และเข้าไปจองสิทธิเพื่อรับบริการที่หน่วยบริการได้ที่เมนูสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค เมื่อทำการจองนัดหมายแล้วก็ไปใช้บริการตามวันและเวลาได้” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ย้ำ ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ได้ 4 ครั้งต่อปี

ย้ำ ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล ได้ 4 ครั้งต่อปี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชนและการเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ได้เพิ่มคุณภาพและบริการให้ผู้ถือบัตรทอง (บัตร 30 บาท) สามารถเข้ารับการรักษาได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้  เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านแอปพลิเคชันของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. โดยเปลี่ยนได้ได้ง่าย ๆ 3 ช่องทางดังนี้
 
1 Application สปสช. เพียงดาวน์โหลดแอป สปสช. ดาวน์โหลดฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ทั้งระบบ Android และ iOS ระบบ Android https://play.google.com/store/apps/developer ระบบ OShttps://apps.apple.com/us/app/สปสช/id1111681040
2 Line Official Account สปสช.” add เป็นเพื่อน… เพียงสแกน QR Code หรือพิมพ์ค้นหาใช้ช่อง ID ว่า @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
3 ติดต่อด้วยตนเอง ดังนี้  กรณีต่างจังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต) สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชั้น 2 อาคารบี (ทิศตะวันตก) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ในวันเวลาราชการ หรือ โทรสายด่วน 1330
 
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ดังนี้ – บัตรประจำตัวประชาชน – เด็กเล็กใช้สูติบัตร (ใบเกิด) คู่กับบัตรประจำตัวประชาชนผู้ปกครอง  เลือกสถานพยาบาล (หน่วยบริการ) หากไม่ตรงตามที่อยู่บัตรประชาชน ให้แสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ 1 หนังสือรับรองของเจ้าบ้าน 2 หนังสือรับรองของผู้นำชุมชน 3 หนังสือรับรองผู้ว่าจ้างหรือนายจ้าง 4 เอกสารหรือหลักฐานที่มีชื่อของผู้ประสงค์ลงทะเบียน เช่น ใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่พัก สัญญาเช่าที่พัก ฯลฯ
 
“ผู้มีสิทธิบัตรทอง (บัตร 30 บาท) หากย้ายที่พักอาศัย สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาล (หน่วยบริการ) ประจำตัวได้ 4 ครั้งต่อปี ใช้สิทธิรักษาได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รัฐบาลพร้อมดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม มุ่งมั่นยกระดับเพิ่มสิทธิการดูแลด้านสาธารณสุขไทยให้ครอบคลุมอย่างมีคุณภาพ” นางสาวรัชดา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE