Categories
TRAVEL

ภูเขียว-น้ำหนาว-ภูกระดึงขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 34 (34th Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : 34th ASOEN) วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ได้พิจารณารับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน (ASEAN Heritage Park: AHP) ของประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 56 และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 57 และได้พิจารณารับรองให้โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน เข้ารับรางวัลโรงเรียนที่มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนสิ่งแวดล้อมดีเด่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN “ASEAN Eco-Schools” ระดับมัธยมศึกษาและระดับประถมศึกษา รวมทั้งรับรองให้นายมนตรี เจือไธสง เข้ารับรางวัลนักวิจัย / ครูผู้สอนสิ่งแวดล้อมศึกษาดีเด่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN “ASEAN Youth Eco-Champions Award”
 
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองเป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลันและอ่าวพังงา กลุ่มป่าแก่งกระจาน ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติเขาสก
 
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการนำเสนอ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 หลายภาคส่วนได้ร่วมกันเตรียมเอกสารนำเสนอข้อมูลพื้นที่ ตลอดจนเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อให้สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินได้ ซึ่งไทยมีความโดดเด่นหลายประการ อาทิ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ มีพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกับประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น
 
“โลกมีการตื่นตัวเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาแนวความคิดของคนไทยอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ การสนับสนุนให้พื้นที่ในประเทศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นพื้นที่คุ้มครอง รักษาสภาพธรรมชาติ ร่วมกับให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งอุทยานแห่งชาติจะช่วยรักษาสภาวะสมดุลธรรมชาติ พร้อมกันนี้ รัฐบาลสนับสนุนให้ระบบการศึกษาไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมสร้างการตระหนักรู้ตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลต่อการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TRAVEL

โรงแรมไทย 4 แห่ง ติดอันดับ 200 โรงแรมที่ดีที่สุดในโลก 2023

 
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า โรงแรมในประเทศไทย 24 แห่ง ได้รับการจัดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (The World’s Best Hotels 2023) จากการจัดอันดับของ ลา ลิสเต้ (La Liste) เว็บไซต์แนะนำร้านอาหารและโรงแรมจากประเทศฝรั่งเศส โดยคัดเลือกโรงแรมทั้งหมด 1,000 แห่งทั่วโลก (https://www.laliste.com/en/laliste-hotels/TH) ตอกย้ำความสำเร็จ ศักยภาพ ด้านการท่องเที่ยวไทย โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการควบคู่การใช้มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รายงานการจัดอันดับของ La Liste ได้เผยแพร่รายชื่อโรงแรมทั้งหมดผ่านเว็บไซต์ laliste.com โดยมีโรงแรมในประเทศไทย 4 แห่ง ติดอันดับใน 200 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 5 โรงแรม Capella Bangkok (กรุงเทพฯ) อันดับ 6 โรงแรม Mandarin Oriental Bangkok (กรุงเทพฯ) อันดับ 9 โรงแรม Amanpuri (ตำบลเชิงทะเล จังหวัดภูเก็ต) และ อันดับ 10 โรงแรม Six Senses Yao Noi (ตำบลเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา) 
 
รวมทั้ง โรงแรมในประเทศไทย 20 แห่ง ติดอันดับใน 201 – 1,000 อันดับ ได้แก่ โรงแรม The Sukhothai Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok at Chao Phraya River (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Rosewood Phuket (ตำบลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต) / โรงแรม Anantara Siam Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม The Standard, Hua Hin (ตำบลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) / โรงแรม The Penisula Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม The Okura Prestige Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม The Siam Hotel (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Park Hyatt Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Six Senses Koh Samui (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) / โรงแรม Four Seasons Resort Koh Samui (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) / โรงแรม Anantara Chiang Mai Resort (จังหวัดเชียงใหม่) / โรงแรม Shangri-La Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม Four Seasons Resort Chiang Mai (ตำบลริมใต้ จังหวัดเชียงใหม่) / โรงแรม Chakrabongse Villas (กรุงเทพฯ) / โรงแรม The St. Regis Bangkok (กรุงเทพฯ) / โรงแรม 137 Pillars Suites & Residences Bangkok (กรุงเทพฯ) และ โรงแรม Sri Panwa Phuket (ตำบลวิชิต จังหวัดภูเก็ต) 
 
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า La Liste ได้ให้คะแนนและจัดลำดับจากการรวบรวมข้อมูลรีวิวของของลูกค้าขณะเข้าพัก ความคิดเห็นจากนิตยสารแนะนำการเดินทาง การรายงานข่าวของสื่อทั้งรูปแบบออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ และการนำเสนอจากคู่มือการเดินทางต่าง ๆ โดยโรงแรมในประเทศไทยทั้ง 24 แห่ง ล้วนได้รับคะแนนในระดับ 90 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน สะท้อนถึงคุณภาพในการให้บริการที่ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวและสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel Business Operator Sentiment Index) เดือนพฤษภาคม 2566 โดยสมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่า โรงแรมกว่า 47% มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพักในจำนวนคืนเฉลี่ยนานขึ้น มากกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด 19 โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไป และโรงแรมในจังหวัดภาคใต้ ของไทย
 
“นายกรัฐมนตรียินดีและชื่นชมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก การให้บริการของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนการต้อนรับของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ซึ่งทุกภาคส่วนล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันการท่องเที่ยวไทยให้เป็นที่นิยมเช่นทุกวันนี้ สะท้อนเป็นผลการตอบรับที่สร้างความประทับใจและความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าพัก โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในเอกลักษณ์ ศักยภาพของไทย รวมทั้ง พร้อมสนับสนุนมาตรการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจผู้ประกอบการ และช่วยกระจายรายได้ให้สู่ชุมชน” นายอนุชาฯ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : La Liste

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL VIDEO

กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอยของเชียงราย พร้อม สัมผัสอากาศหนาวที่ “ดอยผาฮี้”

กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอยของเชียงราย พร้อม สัมผัสอากาศหนาวที่ “ดอยผาฮี้”

Facebook
Twitter
Email
Print
จากสภาพอากาศที่มีความหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยอุณภูมิในช่วงกลางคืนและข่วงเช้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9-15 องศาเซลเซียส ทำให้นักท่องเที่ยวพากันทยอยหลั่งไหลเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่บ้านผาฮี้ ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศพากันไปสัมผัสอากาศหนาว ท่ามกลางสายหมอกเจือบางๆจนเห็นทัศนีภาพของชุมชนหมูบ้านที่อยู่เบื้องล่างอย่างสวยงาม
 
โดยนักท่องเที่ยวหลายคนบอกว่ารู้สึกประทับที่ได้มาเที่ยวในพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย เพราะยังคงธรรมชาติและมีสันเขาสูงหลายแห่งที่มีทัศนยีภาพที่สวยงาม อย่างเช่นที่จุดชมวิวบ้านผาฮี้แห่งนี้เป็นอีกจุดหนี่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้สัมผัสกับหมอกเย็นๆลอยมากระทบผิวกาย และยังคลายหนาวด้วยชา กาแฟอุ่นๆ บนยอดดอย ที่ร้านกาแฟแต่ละร้านมีการจัดทิวทัศน์ของร้านกาแฟให้เข้ากับบรรยากาศของขุนเขาท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างงดงาม โดยทำเป็นระเบียงไม้มั่นคงแข็งแรงยื่นไปกลางอากาศเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้จิบกาแฟถ่ายภาพได้อย่างลงตัว สร้างความตื่นเต้นและประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
 
ยิ่งหากนักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสบรรยากาศช่วงเช้าๆก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่มีความงดงามไม่แพ้สถานที่อื่นใดอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศที่บ้านผาฮี่แห่งนี้ ต่างประทับใจในความสวยงาม หอบเอาความสุขด้วยรอยยิ้มกลับไปอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL VIDEO

ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

Facebook
Twitter
Email
Print

NEWS l ดอกบัวตองบานแล้วที่ ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เดินทางจากตัวเมืองเชียงรายแค่ 30 นาที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

Soft Power ด้านอาหาร เตรียมจัด “Bangkok International Food Festival”

Soft Power ด้านอาหาร เตรียมจัด “Bangkok International Food Festival”

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประสานความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมจัด “Bangkok International Food Festival” ซึ่งเป็นเทศกาลอาหารที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 30 พฤษภาคม 2566 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการจัดงานดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญกับการนำศักยภาพของประเทศไทยในด้านต่าง ๆ รวมทั้ง Soft Power ด้านอาหารของประเทศไทยมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่ง

นายอนุชากล่าวถึงการจัดงาน “Bangkok International Food Festival 2023” ว่า ททท. จะมีการนำเสนอความหลากหลายของสินค้าท่องเที่ยวเชิงอาหาร ในรูปแบบ Amazing Food Festival ด้วยการจัดงานเทศกาลอาหารระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ตัดสินใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมุ่งกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมงานอาหารระดับสากล สอดรับกับการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปพร้อมกับการเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยว และสร้างการรับรู้ความเป็นเมืองหลากหลายทางวัฒนธรรมด้านอาหารของประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ของอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศ โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยให้เชื่อมโยงการเดินทางต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนที่เป็นแหล่งวัตถุดิบของอาหาร ขยายระยะเวลาการพำนักค้างคืนให้นานขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้จากการใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง และสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งในระดับพื้นที่และภาพรวมของประเทศด้วย

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน “Bangkok International Food Festival 2023” ประกอบด้วย 

1) กิจกรรม Creative Cooking สาธิตและเรียนรู้การทำอาหาร ขนม ที่มาร่วมออกร้านภายในงาน 

2) กิจกรรม “Chef Table Bangkok International Food Festival” เป็นการรังสรรค์เมนู Chef Table จากเชฟชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ Chef JACOB JAN BOERMA, Chef David Gil Rovira, Chef ALEJANDRO HUERTAS, Chef RUBEN ARNANZ, Chef Riley Sanders, Chef SAITO, and Chef Rick Dingen, Chef Nelson Chantrawan, Chef Chumpol Jangprai etc., ในชุดเมนูที่เชฟรังสรรค์ ในชื่อเมนู “Chef Table Bangkok International Food Festival” ในการรังสรรค์เมนูที่แสดงถึงความโดดเด่นในสไตล์อาหารของเชฟแต่ละคน 

3) กิจกรรม การรังสรรค์เมนู Street Food ของประเทศไทยในสไตล์ของเชฟที่เชิญมาเข้าร่วมภายในงาน ด้วยเมนูประสบการณ์มิติใหม่ที่มีความหลากหลาย กิจกรรม Gastronomy กับนวัตกรรมอาหารด้วยศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงจากเชฟผู้เชี่ยวชาญ และ 

4) กิจกรรม “สวรรค์แห่ง Fine Dinning” workshop เมนูพิเศษ สำหรับการสาธิตและการเรียนรู้การทำอาหารผ่านนวัตกรรมด้วยศาสตร์การทำอาหารชั้นสูง นอกจากนี้ ภายในงานยังมีร้านอาหารต่าง ๆ  มากมายร่วมออกร้านหลากหลายโซน ทั้งโซนร้าน International Food โซนร้าน Michelin Guide โซนร้านเด่น ร้านดังจาก 5 ภูมิภาค โซนร้าน Street Food และโซน ร้าน Cafe รวมถึงการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังของไทยที่จะมาแสดงภายในงานด้วย 

“จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงาน Bangkok International Food Festival 2023 ที่จัดขึ้นระหว่าง 26 – 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 15.00 – 22.00 น. ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร  เพื่อร่วมกันส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมทางอาหารของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักชิมทั่วโลก” นายอนุชา กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

ทริปสุดคุ้มท่องเที่ยวแนวใหม่ Green Tourism “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง”

ทริปสุดคุ้มท่องเที่ยวแนวใหม่ Green Tourism “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง”

Facebook
Twitter
Email
Print

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขอเชิญชวนร่วมเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวทางรถไฟแนวใหม่ “นั่งรถไฟ KIHA183 ปลูกโกงกาง ที่บางปะกง” แบบวันเดย์ทริป เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ วันที่ 4 มิถุนายน นี้ โดยพาอินเทรนด์ไปกับการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Tourism)  นำผู้โดยสารเดินทาง ด้วยรถไฟไทยสไตล์ญี่ปุ่น KIHA 183  ร่วมกิจกรรมปลูกป่าโกงกาง ปล่อยปู สร้างบ้านปลาคอนโดปู เที่ยวบ้านสวนเมล่อน เรียนรู้การปลูก รับต้นกล้าเมล่อนกลับไปปลูกต่อที่บ้าน พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดกลางน้ำ ณ วัดหงส์ทอง และดื่มด่ำ ชมชิมช้อป ตลาดโบราณคลองสวน 100 ปี ศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในอดีตที่ยังมีลมหายใจถึงปัจจุบัน  
 
สนใจรีบสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ เพียง 1,499 บาท จำนวนจำกัด 200 ที่นั่งเท่านั้น  โดยราคาดังกล่าวรวมรถบัสปรับอากาศ พร้อมอาหาร 2 มื้อ มื้อเช้าสไตล์ญี่ปุ่น เบนโตะอาหารไทย และมื้ออาหารกลางวันแบบจัดเต็ม จองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟและช่องทางจำหน่ายตั๋วในระบบออนไลน์ D-Ticket ของ รฟท. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
สำหรับรายละเอียดการเดินทาง เริ่มลงทะเบียน สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 07.00 น. จากนั้น 07.40 น.ออกเดินทางสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา  ด้วยขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 993/994  ระหว่างทางเสิร์ฟอาหารเช้า เบนโตะอาหารไทย พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมระหว่างการเดินทางบนขบวนรถ KIHA 183 นอกจากนี้ผู้โดยสารจะได้พบกับจุด Unseen ซึ่งขบวนรถไฟจะจอดให้ผู้โดยสารชมวิวทิวทัศน์บริเวณกลางสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง มีลักษณะคล้ายรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถึงสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา เวลา 10.00 น. เดินทางต่อโดยรถบัสปรับอากาศ สู่ตำบลท่าพลับ อำเภอบ้านโพธิ์ เที่ยวบ้านสวนเมล่อน เรียนรู้การปลูกต้นกล้าเมล่อนที่ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร และเดินทางต่อไปตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง เยี่ยมชนแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าซายเลน โรงเรียนพระพิมลเสนี (พร้อม หงสกุล) นำทุกท่านร่วมกิจกรรม “รักษ์สิ่งแวดล้อมลดโลกร้อน ร่วมปลูกป่าชายเลน ปล่อยปู สร้างบ้านปลาคอนโดปู” ร่วมกันพลิกฟื้นผืนป่าชายเลนของไทย

เวลา 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ออกเดินทางต่อไปที่วัดหงษ์ทอง หรือ วัดกลางน้ำ ริมฝั่งอ่าวไทยบริเวณบ่าชายเลน เยี่ยมชมความงาม เจดีย์สีทองอร่าม 3 ชั้น ชั้นล่างประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธรจำลองและพระพุทธรูปอื่น ๆ ไว้ให้กราบไหว้ขอพร ส่วนชั้น 2 มี หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่สด หรือ พระมงคลเทพมุนี (สด จนทุสโร) วัดปากน้ำภาษีเจริญ องค์พระแก้วมรกตจำลองประดิษฐานอยู่ รวมถึงจัดแสดงภาพวาดพระมหากษัตริย์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ส่วนชั้นบนสุดเป็น จุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทะเล พอเวลาน้ำขึ้นทำให้ดูเหมือนอาคารนี้ลอยอยู่กลางน้ำ และยังมีพระธาตุคงคามหาเจดีย์ เจดีย์สีเหลืองทองที่บรรจุพระธาตุพระอรหันต์อยู่ภายใน ตลอดจนมีพระอุโบสถของ วัดหงษ์ทอง ที่ตั้งอยู่กลางทะเลเช่นเดียวกัน
 
เวลา 15.00 น. ออกเดินทางไป ตลาดคลองสวน 100 ปี ตลาดที่อยู่ในสองจังหวัด มีเพียงสะพานไม้สูง ๆ ข้ามแม่น้ำเป็นเส้นแบ่งเขต โดยมีความรุ่งเรืองตั้งแต่อดีตซึ่งเป็นทางผ่านของเรือขนส่งทั้งคนและสินค้าระหว่างบางกอกกับฉะเชิงเทรา ซึ่งสามารถเลือกชม ชิม  ช้อป สินค้าของฝาก อาหารคาวหวาน และของที่ระลึก ได้ตามอัธยาศัย จากนั้น 16.30 น.ออกเดินทางไปสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา ถ่ายภาพที่ระลึกกับขบวนรถ KIHA 183 และเดินทางกลับสู่สถานีหัวลำโพง โดยระหว่างทางจอดรับส่งผู้โดยสาร ป้ายหยุดรถพระจอมเกล้า สถานีลาดกระบัง สถานีหัวหมาก สถานีคลองตัน สถานีมักกะสัน  ถึงสถานีหัวลำโพง โดยสวัสดิภาพ เวลา 18.30 น.  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การรถไฟแห่งประเทศไทย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIAL & LIFESTYLE TRAVEL

15 สถานที่โชว์แสง “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

15 สถานที่โชว์แสง “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

Facebook
Twitter
Email
Print

จัดขึ้นในวันที่ 20-28 พฤษภาคม 2566 ณ อำเภอเมืองเชียงราย เวลา 18.00 น. – 24.00 น. นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสร้างกระแสให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปเยี่ยมชม และส่งต่อประสบการณ์ผ่านสื่อ Social Media ในวงกว้าง ต่อยอดนำเสนอแนวคิดและรูปแบบการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด งานเทศกาล แสง เสียง และความคิดสร้างสรรค์ โดยสื่อออกมาในรูปแบบของการจัดแสดง Light up / Mapping / Projection 3D / Light installation และสื่อผสมที่ทันสมัย สื่อถึงความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถสะท้อนเอกลักษณ์ / อัตลักษณ์ของท้องถิ่น สามารถต่อยอดไปสร้างเส้นทางให้นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมตามจุดต่างๆ ที่จัดแสดงได้ในลักษณะ Walking Tour เล่าเรื่องเมืองเชียงรายผ่านเส้นทางแห่งกาลเวลาด้วยการ Light up / Mapping สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย ตามแนวคิด  “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย”

งานวิจิตร ๕ ภาค @เชียงราย “หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย (Chiang Rai : Wiang of Light)” จัดแสดงผ่านสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ 15 แห่ง รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ได้แก่

1.หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ: สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 

หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ: สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ออกแบบโดย ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Celebrated Time ที่สื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของคนเชียงราย ใช้เทคนิค Moving Head Beam กับลำแสงสีทอง เงิน นาก เคลื่อนไหวไปพร้อมจังหวะการเดินของเข็มนาฬิกา บอกเล่าถึงการเดินทางของเวลาที่เดินหน้า หรือเดินถอยหลังสู่อดีตกาล

 

2.ถนนเชื่อมหอนาฬิกา

ถนนเชื่อมหอนาฬิกา: ถนนสุขสถิตย์หนึ่งในถนนย่านค้าขายสําคัญของเมืองเชียงรายยุคใหม่ ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และการคมนาคม ถือเป็นลมหายใจหนึ่งของการเติบโตของเมือง จัดแสดงภายใต้แนวคิด Connected ใช้เทคนิค Laser & Mirror ยิงแสงเลเซอร์ถักเป็นตาข่าย ลอยสุขสถิตย์เหนือผืนถนน สร้างคลื่นแสงเชื่อมสองเวลาและสองสถานที่เข้าหากัน

 

3.หอนาฬิกา (เก่า)

หอนาฬิกา (เก่า): หอนาฬิกาเก่าของจังหวัดเชียงราย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2510 ได้ย้ายจากถนนบรรพปราการ หรือที่ตั้งหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ ในปัจุบัน ไปตั้งไว้ที่ตลาดสดเทศบาล บริเวณสามแยกโรงรับจำนำ ซึ่งอยู่ห่างจากหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ ประมาณ 350 เมตร จัดแสดงภายใต้แนวคิด Classical Time หนึ่งในตัวแทนความคลาสสิคของยุคสมัย ใช้เทคนิคแสง Luminous Light แสงสีขาววางล้อมหอนาฬิกา อวดโฉมเวลาหนึ่งช่วงในอดีตที่เคยเป็นตัวแทนความเจริญของเมืองยุคใหม่

 

4. มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์

มูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย ตั้งอยู่ที่ถนนบรรพปราการ ภารกิจหลักของมูลนิธิฯ เกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณะกุศลโดยจะมีกิจกรรม ต่างๆ ในช่วงเย็น เช่น รำไทเก๊ก รำมวยจีน รำกระบี่ เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย อาคารแห่งนี้มีการตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์จีน ด้านในมีจุดไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนในเมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Power of Gods การไหว้บูชาเหล่าเทพเจ้าขอพร ใช้เทคนิค Red & Gold Lights แสงสีแดงและสีทอง ตัวแทนความมั่งคั่งและโชคดี

 

5. วัดมิ่งเมือง

วัดมิ่งเมือง ชาวเชียงรายเรียก วัดจ๊างมูบ (ช้างหมอบ) หรือ วัดตะละแม่ศรีตามชื่อผู้สร้าง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงรายมีสถาปัตยกรรมผสมระหว่างพม่าและล้านนาวิจิตรงดงามทั้งภายในและภายนอก จัดแสดงภายใต้แนวคิด Multi Culture Multi-Colors หนึ่งศรัทธา มากศิลป์ ใช้เทคนิคแสง Led Par Light เลือกใช้คู่สีแสงที่มีความต่อเนื่องและขัดแย้งกันเพื่อขับเน้นศิลปกรรมที่ผสมผสานแปลกตา

 

6. ตึกสามเหลี่ยม

ตึก 3 ชั้นทรงแปลกตา ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารแนวโมเดิร์นของธนาคารแห่งหนึ่งของเมืองเชียงรายในยุค 80s จัดแสดงภายใต้แนวคิด Neon Era ใช้เทคนิคแสง Led Neo Light ไฟนีออนที่ไม่ใช่สิ่งส่องสว่าง แต่ได้รับการใช้งานและจัดวางเป็นงานศิลปะและเป็นเอกลักษณ์ที่สําคัญหนึ่งของยุคสมัย

 

7. แมงสี่หูห้าตา

แมงสี่หูห้าตา เป็นชื่อสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งในตํานานว่าด้วยวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้ว มีลักษณะเหมือนหมีสีดําตัวอ้วน มีหูสองคู่และตาห้าดวง รับประทานถ่านไฟร้อนเป็นอาหารและถ่ายมูลเป็นทองคํา แมงสี่หูห้าตา ยังเคยได้รับการคัดเลือกให้เป็นมาสคอต กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 36 “เจียงฮายเกมส์” อีกด้วย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Fire Monster ใช้เทคนิคแสง Lantern Installation หุ่นโคมไฟแมงสี่หูห้าตา ขนาดใหญ่ ในท่ากําลังปีนต้นก้ามปูยักษ์หน้าอาคารเทิดพระเกียรติ ที่มาพร้อมกับเสียงแมลงกลางคืน + เสียงสะล้อ

 

8. วัดพระแก้ว

วัดพระแก้ว: ตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ ใจกลางเมืองเชียงราย เป็นสถานที่แรกที่ได้ค้นพบพระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน ตามประวัติเล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 1897 ในสมัย พระเจ้าสามฝั่งแกน เป็นเจ้าครองเมืองเชียงใหม่ ฟ้าได้ผ่าเจดีย์ร้างองค์หนึ่ง และได้ พบพระพุทธรูปลงรักปิดทองอยู่ภายในเจดีย์ ต่อมาจึงได้พบว่าเป็นพระพุทธรูปสีเขียวที่สร้างด้วยหยก ซึ่งก็คือพระแก้วมรกตนั่นเอง ปัจจุบันวัดพระแก้วเชียงราย ได้สร้างและประดิษฐานพระหยก ซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Jade Begins กำเนิดแสงมรกต ใช้เทคนิคแสง Green Light & Laser ติดตั้งเครื่องยิงเลเซอร์วาดภาพพระแก้วมรกตประกอบไฟแสงสีเขียวย้อนรําลึกถึงการค้นพบพระแก้วมรกตเป็นแห่งแรก

 

9. ศาลากลางจังหวัด (เก่า)

9. ศาลากลางจังหวัด (เก่า): ศาลากลางจังหวัดเชียงรายแห่งนี้ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุกว่า 120 ปี เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ช่วยอธิบายความเป็นมาเป็นไปของสังคมเชียงรายสมัยนั้นได้ดียิ่ง เปิดดำเนินการเมื่อ ปี พ.ศ. 2443 ในสมัยของพระพลอาษาเป็นข้าหลวงเมืองเชียงราย ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างโดยนาย แพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ (Dr.William A. Briggs) แพทย์ชาว อเมริกัน ปัจจุบันอาคารศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากรตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2520 ยุติบทบาทในการเป็นอาคารศูนย์กลางการปกครองหัวเมืองเชียงรายมานานกว่า 1 ศตวรรษ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang of Light Wiang of Life อาคารที่สัมพันธ์กับชาวเชียงราย ดูแล พัฒนา และเฝ้ามองการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของเมืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน ใช้เทคนิคแสง Projection 3D Mapping ใน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1: Concept Motion Chiang Rai, Wiang of Light เล่าถึงที่มาของแนวคิดของการจัดงาน นําเสนอเส้นทางการชมทั้ง 15 จุดแสงในเมือง และเรื่องที่ 2 : Content Motion Chiang Rai, Wiang of Life นําเสนอของดีของเด่น ของจังหวัดเชียงราย อาทิอาหาร วัดธรรมชาติศิลปะ กลุ่มชาติพันธ์ุชา-กาแฟ ผลไม้ ด้วยกราฟฟิกสนุกชวนดู

 

10. บ้านสิงหไคล

บ้านสิงหไคล เป็นอาคารโบราณอายุ 103 ปี ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลียม เอ.บริกส์ปัจจุบันบ้านสิงหไคลฯ ได้รับการบูรณะ และปรับเปลี่ยนเป็นที่ทำการมูลนิธิมดชนะภัย โดยมีเป้าหมายในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสถาปัตยกรรมและเรื่องราวของภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่เรื่องราวทางศิลปะและเป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมทางด้านสังคมและศิลปวัฒนธรรมให้กับประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเชียงรายเมืองศิลปะ โดยบริเวณชั้น 2 ได้เปิดเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะ และบริเวณชั้นล่างเป็นร้านกาแฟ จัดแสดงภายใต้แนวคิด Shape of House ถ่ายทอดความงดงามของบ้านด้วยแสง ใช้เทคนิคแสง Tiny Light Bulbs Par Light ใช้แสงอาบฉาบผิวบ้านด้านนอก และใช้แสงส่องออกมาจากภายในตัวบ้าน ผ่านช่องหน้าต่าง เพื่ออวดสัดส่วนการออกแบบบ้านอันสวยงาม และตกแต่งรอบบ้านด้วยไฟเม็ดถั่ว

 

11. หอประวัติเมืองเชียงราย

หอประวัติเมืองเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งภายในศูนย์วัฒนธรรมนิทัศน์และพิพิธภัณฑ์เมืองเชียงราย 750 ปี โดยปรับปรุงอาคารหอประชุมเม็งรายอนุสรณ์เดิม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านภูมิหลังของท้องถิ่น พัฒนาการทางสังคม ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี ในส่วนของการจัดแสดงนิทรรศการ ภายใน ได้จัดแสดงเนื้อหานับตั้งแต่ยุคสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ ยุคของการสร้างบ้านเมือง การเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งเป็นเมืองเชียงรายในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังจัดแสดงเรื่องราว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา การเมืองการปกครองและ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภูมิใจของคนเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Night Museum ขยายเวลาเปิดดําเนินการภาคกลางคืนสําหรับนักท่องเที่ยวในช่วงงาน ใช้เทคนิคแสง Colorful of Par Light ตกแต่งแสงอาคารด้านนอกด้วยไฟหลากสีเพื่อเชื้อเชิญให้เข้าชมนิทรรศการภายในอาคาร

 

12. ตู้โทรศัพท์

ตู้โทรศัพท์สาธารณะหยอดเหรียญ คืออีกหนึ่งของประวัติศาสตร์การสื่อสารของคนเชียงรายที่เปลี่ยนผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนคืน จัดวางไว้ยังหน้าบ้านพักข้าราชการคลัง ริมถนนอันเงียบเหงา จัดแสดงภายใต้แนวคิด Silent Call ใช้เทคนิคแสง Light Inside Box-Phone ติดตั้งแสงภายในตู้โทรศัพท์คืนชีวิตด้วยสีสันตื่นเต้นชวนมอง พร้อมเสียงโทรศัพท์ประกอบดนตรี

 

13. ต้นไม้ใหญ่

อุโมงค์ต้นจามจุรี หรือต้นฉำฉาหรือต้นก้ามปูขนาดใหญ่ บริเวณถนนสิงหไคล นับสิบต้นที่อยู่สองฝั่งถนน แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม สร้างความร่มรื่นไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ที่ทางเทศบาลนครเชียงรายอนุรักษ์ไว้เพราะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่คาดว่ามีอายุนับร้อยปี เป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์พื้นที่สีเขียว ควบคู่กับประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Eco Friendly เลือกใช้กลุ่มต้นไม้ใหญ่บริเวณริมถนนสิงหไคล เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า การรักษาระบบนิเวศ และความยั่งยืนร่วมกันของคนเชียงรายกับป่าไม้ ใช้เทคนิคแสง Light Down From Tree ติดตั้ง Mirror Ball บนยอดไม้แล้วยิงแสงกระทบใส่สร้างซีนแสงแปลกตา

 

14. สวนตุงและโคม

สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา เดิมคือพื้นที่เรือนจําโบราณ ต้ังอยู่ใจกลางย่านการค้าเทศบาลนครเชียงราย มีอายุเก่าแก่มากว่า 100 ปี ต่อมามีโครงการย้ายเรือนจําออกไป และปรับพื้นที่จนกลายเป็นลานสาธารณะแห่งใหม่ใจกลางนครเชียงราย โดยสวนบางส่วนถูกปรับให้เป็นสวนหย่อม นอกจากนี้ด้านในยังมีเรือนจําหญิงที่ถูกปรับให้เป็นอาคารแสดงศิลปะการแต่งกายชนเผ่า 30 ชนเผ่า ด้านข้างอาคารมีตุงเฉลิมพระเกียรติ ความสูง 36 เมตร กรอบตุงมีลวดลายสัญลักษณ์ปีนักษัตร โดยช่างฝีมือของท้องถิ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเมืองล้านนาร่วมสมัย จัดแสดงภายใต้แนวคิด Wiang Flower ดอกพวงแสด ดอกไม้ประจําจังหวัดเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light Installation ประติมากรรมดอกพวงแสดส่องแสงประกอบฉากแสงสีส้ม

 

15. คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย

โบสถ์คริสตจักรที่ 1 เวียงเชียงราย ได้รับสถาปนาเป็นคริสตจักร เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ.1890 โดยยังไม่มีอาคารพระวิหาร ต่อมาในปี ค.ศ. 1910 – 1911 นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ จึงรวบรวมเงินจากผู้ศรัทธา เพื่อซื้อที่ดินสร้างอาคารพระวิหาร โดยต้ังอยู่บริเวณประตูเมืองเชียงราย ที่เรียกว่า “ประตูสลี” ซึ่งเป็นที่ตั้งคริสตจักรในปัจจุบัน โบสถ์หลังนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อสิ้นสุดมหาสงครามเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ราวปี ค.ศ. 1946 หลังชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากถูกยึดใช้เป็นส่วนหนึ่งของเขตทหารที่มาตั้งมั่นอยู่ในเมืองเชียงราย เมื่อเสร็จสงครามเหล่าคริสเตียนจึงยินดีที่ได้กลับมาใช้โบสถ์นี้เป็นที่นมัสการอีกครั้ง จัดแสดงภายใต้แนวคิด In Light of Faith ด้วยแสงแห่งศรัทธาของคริสตศาสนิกชนเวียงเชียงราย ใช้เทคนิคแสง Light VS Shadow การต่อสู้กันระหว่างแสงและเงา

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรม Highlight ซึ่งจะมีการจัดแสดงทุกวันศุกร์-อาทิตย์ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) อาทิ การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การแสดงดนตรี การออกร้าน            จากผู้ประกอบการในพื้นที่ รวมทั้งการมอบสิทธิพิเศษส่วนลดจากร้านค้ามากมาย อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่      ที่เข้าร่วมในโครงการฯ รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage: GoNorthThailand  โดยผู้ที่สนใจสมารถเดินชมงานในลักษณะ Walking Tour หรือจะ ใช้บริการรถรางนำเที่ยวที่ให้บริการฟรีตลอดงาน หรือพาหนะท้องถิ่นอย่างสามล้อเชียงรายโดยคิดค่าบริการตามระยะทาง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS NEWS UPDATE TRAVEL

เชียงรายชวนเที่ยวฟินกินผลไม้ งานสับปะรดลิ้นจี่และของดี นครเชียงราย

เชียงรายชวนเที่ยวฟินกินผลไม้ งานสับปะรดลิ้นจี่และของดี นครเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 เทศบาลนครเชียงราย โดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงรายร่วมกับจังหวัดเชียงราย จัดงานสับปะรดลิ้นจี่ และของดีนครเซียงรายประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 19-26 พฤษภาคม 2566 ณ ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย โดยจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรกรชุมชนโดยเฉพาะลิ้นจี่และสับปะรด ผลิตภัณฑ์เกษตรปลอดภัย ผักผลไม้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสินค้าโอทอป โดยเปิดโอกาสให้ชาวสวนนำผลผลิตทางการเกษตรสับปะรดนางแลภูแลลิ้นจี่ฤดูกาลแรก ของสวนในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จันมาจัดจำหน่ายโดยตรง 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้และสินค้าประจำจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สามารถกระตุ้นการบริโภคและการขยายธุรกิจอันจะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกร ชุมชนและผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้ตามฤดูกาลและสินค้าพื้นเมืองประจำจังหวัดเชียงราย ไห้เป็นที่รู้จักและดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว กระตุ้นสภาพเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดเชียงรายให้เติบโตสูงขึ้น เพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายมา

พบกันอย่างเป็นธรรมชาติตามแนวทางตลาดประชารัฐและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
 
ขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดเชียงราย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางมาเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ได้มาร่วมชม ชิม ชอป งานลิ้นจี่ สับปะรดและของดีนครเชียงราย พร้อมสินค้าโอทอป 5 ดาว”โครงการร่วมค้าเพื่อพัฒนาเศรษกิจชุมชน” มาจำหน่าย นอกจากนี้ยังได้ชมการแสดงแสง สี เสียงสุดยิ่งใหญ่กับงาน “วิจิตร 5 ภาค @เชียงราย หลงแสงเวียง ที่เจียงฮาย” ที่จะพาทุกท่านหลงใหลไปกับเส้นทางแห่งกาลเวลาบนท้องถนนที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งประวัติศาสตร์ ของเมืองเชียงราย ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมของเมืองอันทรงคุณค่า
ณ ลานรำวงย้อนยุค สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AUTOMOTIVE CULTURE ECONOMY EDITORIAL ENTERTAINMENT FEATURED NEWS FOOD HEALTH LIFESTYLE NEWS NEWS UPDATE SOCIAL & LIFESTYLE SOCIETY & POLITICS SPORT TOP STORIES TRAVEL VIDEO WORLD PULSE

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

Facebook
Twitter
Email
Print

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย"
MOST POPULAR
RELATED STORIES
NEWS UPDATE
Categories
AUTOMOTIVE CULTURE ECONOMY EDITORIAL ENTERTAINMENT FEATURED NEWS FOOD HEALTH LIFESTYLE NEWS NEWS UPDATE SOCIAL & LIFESTYLE SOCIETY & POLITICS SPORT TOP STORIES TRAVEL VIDEO WORLD PULSE

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

Facebook
Twitter
Email
Print

นครเชียงรายนิวส์ ”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
”สำนักข่าวออนไลน์ เพื่อคุณภาพของคนเชียงราย"
MOST POPULAR
RELATED STORIES

NEWS UPDATE