Categories
GALLERY

“ภูแล” ชื่อพันธุ์สับปะรดของจังหวัดที่มีรสหวาน กรอบ ไม่แสบลิ้น

 
“เชียงราย” เหนือสุดในสยามดินแดนแห่งขุนเขา แน่นอนว่า “สับปะรดภูแล” คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง เกิดจากมีผู้นำสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตมาปลูกที่ตำบลนางแล เกิดการผสมชื่อระหว่างตำบลนางแล กับสับปะรดภูเก็ต กลายเป็น “ภูแล” ชื่อพันธุ์สับปะรดของจังหวัดที่มีรสหวาน กรอบ ไม่แสบลิ้น จนเป็นผลไม้โปรดของหลายๆคน
 
ปัจจุบันปลูกใน 3 ตำบล คือ นางแล ท่าสุด และตำบลบ้านดู่ ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้ สับปะรดภูแลยังแอดวานซ์ได้รับจดสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าที่เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)กับมาตรฐานสินค้าโอท็อป 5 ดาว อีกต่างหาก เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เก็บเกี่ยวสับปะรดภูแลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมของทุกปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
Categories
FEATURED NEWS

สื่อออนไลน์ภูมิภาคอาเซียน แลกเปลี่ยนแนวทาง การอยู่รอด งาน Regional Seminar 2023

 

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความเห็นระดับภูมิภาค (Regional Seminar) ในหัวข้อ “ความอยู่รอดของสื่อออนไลน์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” หรือ Survival of Online News Providers in the Changing World เป็นการรวมตัวกันของตัวแทนผู้ผลิตสื่อออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่มาร่วมแลกเปลี่ยน หารือเกี่ยวกับปัญหา สถานการณ์และแนวทางการทำธุรกิจสื่อออนไลน์ในภูมิภาคนี้ โดยได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม ปทุมวัน ปริ๊นเซส และถ่ายทอดสดออนไลน์ทางเฟซบุ๊กสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ www.fb.com/SONPThai และไทยพีบีเอส www.fb.com/ThaiPBS

นายระวี ตะวันธรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำว่า  ภูมิทัศน์สื่อในภูมิภาคอาเซียนปรับเปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะพฤติกรรมผู้รับสารที่ปรับเปลี่ยนไปโดยเปิดรับข้อมูลข่าวสารผ่านทาง Key Opinion Leader  หรืออินฟลูเอนเซอร์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการรับข่าวสารเป็นอย่างมาก ดังนั้นสื่อมวลชนในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งผู้ที่เข้าร่วมงานจะสามารถแลกเปลี่ยนแนวคิด พร้อมทั้งเสนอแนวทางต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการผลิตสื่อที่เน้นถึงคุณภาพของคอนเทนต์ ตลอดจนร่วมกันหาแนวทางในการสร้างโมเดลธุรกิจ สำหรับหารายได้ให้องค์กรสื่อมีความยั่งยืนทางธุรกิจ  โดยในงานนี้ได้สรุปถึงที่มาและภาพรวมของพัฒนาการของอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียน โดยนายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ที่ปรึกษาและผู้ก่อตั้งสมาคมฯ อีกด้วย

การสัมมนาดังกล่าว ได้เชิญตัวแทนจากสื่อออนไลน์ชื่อดังในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย เมียนมาร์ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว   ร่วมหารือใน 3 หัวข้อหลัก คือ หัวข้อที่ 1 “กลยุทธ์ด้านเนื้อหา (Content Strategy)” นำเสนอการพัฒนาการนำเสนอเนื้อหาและกลยุทธ์ในมุมมองใหม่เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน โดย Min Thaw Htut, Executive Director of Eleven Media Group เมียนมาร์,  Thong Sovan Raingsey, General Director of Koh Santepheap Media จากกัมพูชา และ Somsack Pongkhao, News Editor of Vientiane Times จากลาว หัวข้อที่ 2 “โมเดลธุรกิจ (Business Model)” ศึกษาสื่อออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่อย่างไร เพื่อดึงดูดผู้อ่านและผู้ชมมากขึ้น ในขณะที่แพลตฟอร์มทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง ร่วมเสวนาโดย Do Min Thu  Executive,  VietnamPlus Online News จากเวียดนาม , Rosette Santillan Adel, Online Writer/Editor of Philstar.com  จากฟิลิปปินส์ และ Adek Media Roza Ph.D .Director of Katadata Insight Center จากอินโดนีเซีย  โดยทั้งสองหัวข้อ ร่วมดำเนินรายการเสวนาโดย น.ส.ณัฎฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวนการ Thai PBS World จาก Thai PBS  และหัวข้อที่ 3  “โอกาสการสร้างรายได้ (Monetization Opportunity)” โอกาสใหม่ ๆ และการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ ของการหารายได้ที่แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน โดย  Chia Ting Ting,  Chief Commercial Officer Malaysiakini จากมาเลเซีย และนายระวี ตะวันธรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์  ดำเนินรายการโดย น.ส.ธันย์ชนก จงยศยิ่ง บรรณาธิการ TNN World

ตัวแทนสื่อจากมาเลเซียกล่าวว่า สื่อ ผลิตภัณฑ์ และการโฆษณาเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด การกำหนดจุดยืนของแบรนด์ในระดับโลกเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะสื่อจำนวนมากลงไปแข่งขันในระดับนานาชาติ นอกจากนั้น สื่ออาจต้องเน้นให้บริการลูกค้าในด้านการบริหารชื่อเสียง การให้คำแนะนำด้านการสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รวมทั้งการให้ความรู้กับสาธารณชนด้วย  การจำแนกฐานลูกค้า การเข้าใจลูกค้าแบบลึกซึ้ง การเข้ากันได้แบรนด์ลูกค้ากับสื่อของเราก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเช่นเดียวกัน

ขณะที่ตัวแทนจากประเทศไทยได้ให้ความเห็นว่า “สื่อต้องหากลุ่มเฉพาะของตัวเองให้เจอ ส่วนเนื้อหาที่ Google ต้องการในปัจจุบัน  คือเรื่องเกี่ยวกับการให้ความหวัง สุขภาพจิต สิ่งแวดล้อม และการข่มขู่คุกคามจะได้รับการผลักดันมากกว่าเรื่องอื่น ๆ

ตัวแทนสื่อจากลาว กล่าวว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 สื่อมวลชนลาวต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อความอยู่รอด แต่เดิมหารายได้จากการขายพื้นที่โฆษณาบนสื่อสิ่งพิมพ์ ต้องปรับตัวหารายได้จากออนไลน์ โดยผู้บริโภคข่าวสารในลาวที่รับข่าวสารผ่านระบบออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ตัวแทนจากเมียนมาร์ กล่าวว่า ภายในประเทศยังคงมีการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด จนทำให้สื่อหลาย ๆ รายต้องปิดตัวลง เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวพม่าต้องใช้ VPN ในการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น สื่อมวลชนพม่าจำนวนมากถูกฟ้องร้องดำเนินคดี และกักขังจากการเสนอเนื้อหาหรือความจริงที่ไม่ถูกใจรัฐ แม้จะยากลำบากในการทำสื่อขนาดไหน ทางตัวแทนพม่าได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “ถึงแม้คุณจะถูกห้ามไม่ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำเรื่องไม่ดีแทน”

ด้านตัวแทนจากกัมพูชา ให้คำแนะนำว่า “การแบ่งกลุ่มชุดเนื้อหาให้เหมาะกับกลุ่มเฉพาะ (Niche) เป็นสิ่งที่ควรทำ การทำข่าวในปัจจุบันเป็นเรื่องที่เน้นความเร็ว และควรมีความครอบคลุมหลากหลายกลุ่มผู้ชม และเห็นว่า COVID-19 ได้กระตุ้นให้สื่อต้องปรับกลยุทธ์อย่างมากเพื่อความอยู่รอด

ตัวแทนจากฟิลลิปปินส์ กล่าวว่า สื่อมวลชนนำเสนอคอนเทนต์ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าการเมือง สังคม กีฬา ในช่วงนี้สื่อจะผลิตเนื้อหาที่สั้นลงให้เข้ากับพฤติกรรมผู้รับสาร และเน้นไปที่การนำเสนอแบบไลฟ์สด หรือ Real Time โดยเนื้อหาที่ครองใจคนได้ คือเนื้อหาที่มีทั้งภาพและเสียง ( Visualization)  พร้อนแนะนำว่า การทำคอนเทนต์ให้ตรงใจกับผู้รับสารจะเป็นประโยชน์กับตัวสำนักข่าวเอง ส่วนการที่จะไปต่อสู้กับโซเชียลมีเดีย หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ องค์กรสื่อเองต้องมีความน่าเชื่อถือและทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้ายามของสังคม รักษาผลประโยชน์ให้ประชาชน

ตัวแทนจากอินโดนีเซียได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโมเดลธุรกิจว่า “การหาทุนในการทำข่าวเชิงลึกเป็นเรื่องที่ยาก สื่อต้องมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยน อีกทั้งสื่อยังต้องมีการคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจก่อนการผลิตเนื้อหา ไม่เช่นนั้นการหารายได้จะลำบากอย่างยิ่ง”  

นอกจากนี้ยังได้จัดการสนทนาแบบ Roundtable ในหัวข้อ “The Future of News Website in ASEAN” โดยเปิดโอกาสให้วิทยากรทั้งหมด ​ได้แสดงความคิดเห็นและถาม-ตอบร่วมกับผู้เข้าร่วมงานกว่า 40 คน

ผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ประกอบด้วย บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), มูลนิธิเอสซีจี,  สายการบินไทยแอร์เอเชีย, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  ทั้งนี้สามารถติดตามชมบรรยากาศและเนื้อหาตลอดการประชุมย้อนหลังได้ทาง www.facebook.com/SONPThai และ YouTube Thai PBS : ช่วงที่ 1 http://youtu.be/9jpqD9eFJok , ช่วงที่ 2 https://youtu.be/ylM3Ql03LBY

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 ทำฝายชะลอน้ำ ลำห้วยแม่บง

 

 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37 จัดกำลังพลจิตอาสา ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนจิตอาสาในพื้นที่บ้านสันทรายกองงาม ทำฝายชะลอน้ำแบบแกนดินซีเมนต์ บริเวณลำห้วยแม่บง บ้านสันทรายกองงาม ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรในพื้นที่ แก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาน้ำไหลหลากห้วงฤดูฝน รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้ทุกคนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้มีความอุดมสมบูรณ์สืบไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กอ.รมน.เชียงราย ร่วมขับเคลื่อนแผนปฏิบัติ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ปี 66

 

 เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. พ.อ. จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร.(ท.) เข้าร่วมการประชุมไตรภาคี รายการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการทรัพยากรธรรมชาติพร้อมทั้งรับฟังการนำเสนอเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิตชุมชนโดยมี นายเสาร์แก้ว สิริสาร อดีตผญบ. และ ร.ต.ถาวร แก้วมูล ข้าราชการบำนาญ เป็นซึ่งเป็นผู้นำเสนอในส่วนของตำบลเชียงเคี่ยน และรับฟังปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติของตำบลเชียงเคี่ยน ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่ป่าสงวนในเขตตำบลและปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำ(บริเวณอ่างเก็บน้ำเชียงเคี่ยน) ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเชียงเคี่ยน อ.เทิง จว.เชียงราย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENTERTAINMENT

ทริปพิเศษเมืองอิโต ญี่ปุ่น ตามรอยหนังก่อนฉาย อิโต อินเลิฟ

 

คนชอบเที่ยวบอกดังๆ เลยว่าห้ามพลาด ต้องรีบไปตะลอนเมืองน่ารักสุดชิล ธรรมชาติละลานตา หมู่บ้านเก่าแก่ออนเซ็นติดริมทะเลงามจริง มีประวัติศาสตร์มีตำนานของเทพหลายองค์ ที่ขอพรสมดั่งหวังไว เที่ยวแสนสุขได้ตลอดทั้งปี บรรยายไม่หมด ต้องรีบไปเห็นกับตาเองด่วนๆ ที่เมืองอิโต ญี่ปุ่น

 

สถานที่ถ่ายทำหลักหนังรัก อิโตอินเลิฟ ito inlove นำแสดงโดยพระเอกหล่อใสที่เคยไปเด่นดังที่จีนมาแล้ว แบงค์ นิพนธ์ แย้มเกษม และ ปาล์ม เอมมิกา มานะลอ

  

อิโตอินเลิฟ ito inlove เรื่องราวรักสุดว้าวุ่น ที่จะขยี้อารมณ์รักให้แหลกคาจอ พร้อมตะลุยที่สวยๆ ในเมืองอิโต จังหวัดชิซุโอกะ ญี่ปุ่น แบบจุใจ จุกๆ ทะลุจอ!

 

โดยหนังเรื่องนี้ อิโตอินเลิฟ ito inlove เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นเมืองอิโตและITO CITY TOURISM DIVISION,ITO CITY TOURISM ASSOCIATION,IZUKYU HOLDING CORPORATION

 

โดยผู้กำกับใหม่ไฟแรง ลี เสรี ยาวงษ์ ผู้บริหาร ลีบราเธอร์ Lee & Brother ลี.เสรี บอก ใจตรงๆ หลายคนบอกว่า ให้หนังออกฉายก่อนดีกว่า ค่อยจะจัดทริปทัวร์ แต่ผมมองว่า อยากให้คนไปอินฟินๆ กันก่อนหนังฉายจะดีกว่า เพราะอิโตเป็นเมืองที่สวยทุกเดือนทั้งปี มีอะไรให้ดูเยอะแยะ โดยเฉพาะใครที่ชอบธรรมชาติ หลงรักการแช่ออนเซ็น รักสงบเสพติดความสุขล้น ไม่ชอบเมืองที่วุ่นวาย ต้องมาเที่ยวให้ได้ที่เมืองอิโต ito ให้ได้ ผมกล้ายืนยัน

 

ผมไปมาแล้วหลายครั้ง ก็สุขสนุกติดใจตลอด เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่าเที่ยวไปหมด เลยจัดทริปพิเศษพาไปตามรอยหนัง ตะลอนๆ กันก่อนเลย ใครที่รักญี่ปุ่น ตกสำรวจเมืองอิโต บอกเลยว่า ทริปนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด เรารับคนไม่เยอะ เพราะต้องการดูแลให้ดีจริงๆ ส่วนหนังอิโตอินเลิฟ ito inlove  ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนตัดต่อ และถ่ายทำอีกนิดหน่อยในกรุงเทพ เพื่อโยงเรื่องราวรักไปที่เมืองอิโต ญี่ปุ่น ต่อไป”  

 

 

ห้ามพลาด รีบจองรีบไปร่วมทริปพิเศษอิโตอินเลิฟ ito inlove ติดต่อด่วน 06 41 411 555 หรือแอดไลน์ Line ID : nanoyathai

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อิโตอินเลิฟ ito inlove

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

นายกฯ ห่วงใยประชาชน หลังพบผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า

 

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ปี 2566 ซึ่งข้อมูลกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุ ในปี 2566 มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 3 ราย (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 23 พฤษภาคม 2566) เหตุจากการไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังสัมผัสโรค และในบางรายเคยมีประวัติได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน แต่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนซ้ำหลังถูกสุนัขกัด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าที่เกิดขึ้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชน จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังดูแลป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า และควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรค โดยการนำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และหากประชาชนที่ถูกสัตว์กัด/ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์เข้าทางบาดแผล หรือเยื่อเมือกอ่อน โดยเฉพาะสัตว์ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหรือได้รับครั้งล่าสุดเกิน 1 ปี หรือไม่ทราบประวัติวัคซีน ลูกสัตว์ที่เกิดจากแม่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่ทราบประวัติวัคซีน ได้รับวัคซีนยังไม่ครบตามกำหนด หรือสัตว์ที่เคยได้รับวัคซีนแต่มีอาการป่วย หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ โดยให้น้ำไหลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15 นาที ก่อนรักษาบาดแผลโดยการใส่ยาฆ่าเชื้อและรีบไปพบแพทย์ รวมทั้งให้กักขังสัตว์ที่กัด/เลีย เพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 10 วัน หากสุนัขหรือแมวเสียชีวิต ให้รีบแจ้งผู้นำชุมชนที่อยู่ใกล้ที่สุด และแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อส่งซากสัตว์สงสัยที่เพิ่งตายตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าทางห้องปฏิบัติการ และไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับวัคซีนที่สถานพยาบาลหลังถูกกัด ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายสัตว์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันจะฉีดวัคซีนเพียง 4-5 ครั้งเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

“รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย ‘ประเทศไทยปลอดโรคพิษสุนัขบ้าภายในปี 2568’ ตามโครงการสัตว์ปลอดโรคคนปลอดภัยจากพิษสุนัขบ้า โดยมีแนวทางแก้ปัญหาโรคนี้ โดยมุ่งเน้นการควบคุมประชากรสุนัขและแมว และสัตว์ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนสุนัขและแมวเป็นประจำทุกปี อีกทั้ง ส่งเสริมความตระหนักรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าให้ประชาชนและเจ้าของสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบ และไม่ปล่อยทิ้งสัตว์ในพื้นที่สาธารณะ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า ข้อมูลกรมควบคุมโรคระบุว่าสามารถพบได้ตลอดทั้งปีหากในพื้นที่นั้น ๆ มีสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีเชื้อแล้วไปกัดคน หรือสัตว์ตัวอื่นต่อไป โรคนี้ติดต่อจากสัตว์สู่คนที่เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies virus) พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะสุนัขและแมว และพบบ้างในโค กระบือ เชื้อจะเข้าทางบาดแผลที่ถูกกัด ข่วน หรือสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อเข้าทางแผล หรือเยื่อเมือกอ่อน ผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าจะพบอาการทางระบบประสาทแบบเฉียบพลัน อาการระยะแรกจะมีไข้ อาจพบอาการคันบริเวณบาดแผลที่ถูกกัด แสบ ร้อน แล้วลามไปส่วนอื่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ต่อมาอาจมีอาการกระสับกระส่าย กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ประสาทหลอน ไวต่อสิ่งกระตุ้น เสียการทรงตัว พูดจาเพ้อเจ้อ กลืนลำบาก น้ำลายไหล กล้ามเนื้อกระตุก แน่นหน้าอก ชักเกร็ง อาจพบอาการกลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ ซึ่งเรียกว่า Furious form พบประมาณร้อยละ 80 ส่วนอาการที่พบในอีกรูปแบบหนึ่ง ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วย คือ อาการอัมพาต (Paralytic form) โดยอาการอัมพาตกล้ามเนื้อจะเริ่มจากข้างที่ถูกกัด ก่อนที่จะลุกลามไปยังแขนขาทั้ง 4 และผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

รัฐมนตรีเกษตร’ เปิดงาน 121 ปีกรมชลประทาน ก้าวสู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่

 

 ดร.เฉลิมชัยศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “121 ปี  กรมชลประทานสู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่” เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากรมชลประทานครบรอบปีที่ 121 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 โดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทองผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายธนาชีรวินิจเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสมเกียรติกอไพศาลประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสำเริงแสงภู่วงศ์คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแบะสหกรณ์นายประยูรอินสกุลปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายประพิศจันทร์มาอธิบดีกรมชลประทานผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมชลประทานเข้าร่วมณอาคาร 99 ปีหม่อมหลวงชูชาติกำภูกรมชลประทานถนนสามเสนกรุงเทพฯ 

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่ากรมชลประทานเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรมีภารกิจด้านการจัดหาแหล่งน้ำการพัฒนาแหล่งน้ำตลอดจนการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอในทุกภาคส่วนจึงได้เน้นย้ำเรื่องการเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องร่วมมือกันดำเนินการรวมทั้งต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตลอดจนใช้น้ำให้เกิดคุณค่ามากที่สุดพี่น้องเกษตรกรและประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและเป็นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ประเทศนอกจากนี้ยังมีโครงการที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อเพิ่มต้นทุนน้ำในอนาคตเป็นการเตรียมความพร้อมลดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฝนทิ้งช่วงและขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

          “จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้วขอยืนยันว่ากรมชลประทานได้เตรียมแผนจัดสรรน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศน์ไว้เพียงพอส่วนน้ำภาคการเกษตรขอฝากไปยังพี่น้องเกษตรกรให้ช่วยกันรักษาและใช้น้ำอย่างมีคุณค่ามากที่สุดทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่กรมชลประทานทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ในการแก้ปัญหาเพื่อประชาชนและประเทศชาติและก้าวสู่ปีที่ 122 อย่างมั่นคง” รมว.เกษตรฯกล่าว 

          โอกาสนี้รมว.เกษตรฯเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณรางวัลข้าราชการพลเรือนและลูกจ้างประจำดีเด่นประจำปีพ.. 2565 รางวัลการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา/โครงการชลประทานและฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาประจำปีพ.. 2566 และรางวัลนวัตกรรมดีเด่นพร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์

          ด้านนายประพิศจันทร์มาอธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่ากรมชลประทานก้าวสู่ทศวรรษที่ 13 ยังคงยืนหยัดและยึดมั่นในการดําเนินงานตามภารกิจสร้างความมั่นคงด้านน้ําเพื่อความมั่งคั่งของผลผลิตทางการเกษตรและเพื่อความยั่งยืนของพี่น้องเกษตรและประชาชนตามภารกิจหลักภายใต้ยุทธศาสตร์กรมชลประทาน 20 ปี (..2561-2580) โดยมีเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ได้กว่า 49.5 ล้านไร่เพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ประมาณ 93,655 ล้านลูกบาศก์เมตรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำโดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติจากน้ำรวมไปถึงมุ่งสร้างความมั่นคงด้านน้ำ Water Security เพิ่มคุณค่าการบริการก้าวสู่องค์กรอัจฉริยะภายในปี 2580 ตาม Road Map การดำเนินงานทั้ง 4 เฟสเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้แก่

          เฟส 1 (2561-2565) “เสริมพลังใหม่สู่การปรับเปลี่ยน” มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ขนาดกลางขนาดเล็กและโครงการพระราชดำริที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จหลายโครงการกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้รวม 1,292.50 ล้านลูกบาศก์เมตรและเพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ 1.94 ล้านไร่

          เฟส 2 (2566-2570) “สร้างภาคีเครือข่ายและความร่วมมือ” มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการควบคุมและบริหารน้ำระบบอัจฉริยะก่อสร้างระบบชลประทานด้วยนวัตกรรมชั้นสูงสร้างระบบเครือข่ายที่เข้มแข็ง

          เฟส 3 (2571-2575) “ปฏิรูปรูปแบบกระบวนงาน” Smart Water Operation Center

          และเฟส 4 (2576-2580) “มุ่งสู่องค์กรอัจฉริยะ” พัฒนาแหล่งน้ำชลประทานครอบคลุมทุกลุ่มน้ำระบบชลประทานครบสมบูรณ์        

          สำหรับในปีนี้กรมชลประทานได้จัดนิทรรศการ 2 รูปแบบได้แก่ 1. นิทรรศการออนไลน์ “สู่อนาคตสู่ทศวรรษใหม่ 121 ปีกรมชลประทาน” เป็นนิทรรศการเสมือนจริงแบบ 3 มิติแสดงประวัติความเป็นมางานด้านชลประทานผลงานตามภารกิจของกรมชลประทานตลอดจนทิศทางการขับเคลื่อนงานสู่เฟส 2 สามารถรับชมผ่านทางเว็บไซต์กรมชลประทาน www.121exhibition.rid.go.th ได้ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไปและ 2. นิทรรศการ On ground “กรมชลประทาน 6 รัชกาลงานของแผ่นดิน” พร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจอาทิการเสวนาพิเศษโดยดร.อั๋นภูวนาทคุนผลินกับหัวข้อ “ปลุกพลัง RID TEAM สร้างความสำเร็จสู่อนาคตใหม่” ตลอดจนกิจกรรม “มอบทุนต้นกล้าเกษตรคืนถิ่นเพื่อความยั่งยืน” ให้แก่บุตรเกษตรกรที่ผ่านการคัดเลือกให้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรีณวิทยาลัยการชลประทานกิจกรรมร่วมบริจาคโลหิตให้สภากาชาดไทยและกิจกรรมแจกกล้าไม้อาทิสักทองพะยูงยางนาตะเคียนทองรวม 520 กล้ารวมไปถึงการจัดจำหน่ายผลผลิตทางเกษตรจากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภายใต้แผนพัฒนาอาชีพและแผนป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณด้านหลังอาคาร 99 ปีหม่อมหลวงชูชาติกำภูกรมชลประทานถนนามเสนกรุงเทพฯ 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

พลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอให้สามารถนำเอทานอลไปผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ นอกเหนือการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา สอดรับหลักการ BCG Model ด้านกรมสรรพสามิตขานรับนโยบายหนุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) รองรับการขยายตัวตามเทรนด์โลกในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สร้างมาตรฐานสากล  เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 รับทราบแนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG อันจะเป็นการสร้างระบบนิเวศน์เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสำหรับผู้ผลิตเอทานอลในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 กระทรวงการคลังจึงกำหนดแนวทางการส่งเสริม   การนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดการผลิตเม็ดพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในชั้นบรรยากาศ รวมถึงลดการใช้ปิโตรเคมีจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตเม็ดพลาสติก

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร พร้อมดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง โดยจะสนับสนุนให้นำเอทานอลไปผลิตพลาสติกชีวภาพได้ โดยกำหนดให้ผู้ใช้เอทานอลจะต้องใช้เอทานอลที่ผลิตในประเทศก่อนเป็นลำดับแรก

สำหรับแนวทางในการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ สามารถสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. จัดทำมาตรฐานการผลิตเอทานอลภายในประเทศ ซึ่งมีสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำมาตรฐานการผลิตเอทานอลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศ ผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอล รวมถึงสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานทางเทคนิคและการพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็นผู้ตรวจประเมินตามมาตรฐานที่กำหนด


2. กระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปริมาณการผลิตเอทานอลที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับร่วมกันระหว่างผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอลจากผู้ผลิตในประเทศล่วงหน้าในแต่ละปี ในกรณีที่ผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถผลิตเอทานอลได้ตรงตามมาตรฐานและไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้เอทานอล จะกำหนดปริมาณการนำเข้าเอทานอลที่จะได้รับสิทธิอากรขาเข้าในอัตราพิเศษเพื่อนำมาใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ


3. ภาครัฐให้การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในประเทศให้สามารถจำหน่าย เอทานอลในราคาที่สามารถแข่งขันกับเอทานอลนำเข้าได้อย่างยั่งยืน


4. กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจะพิจารณาดำเนินการออกมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเอทานอลไปใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ

โดยคาดว่าในเบื้องต้นจะมีความต้องการใช้เอทานอลประมาณ 450 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งแนวทางการส่งเสริมเอทานอลชีวภาพในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพของเอทานอลในประเทศไทย รวมถึงเป็นการเพิ่มตลาดใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านการใช้เอทานอลในภาคการขนส่งจากนโยบายการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า” นายเอกนิติกล่าว  

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการผลิตพลาสติกจากวัตถุดิบปิโตรเลียม ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก ซึ่งหากเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเอทานอลที่มาจากพืช เช่น อ้อย หรือมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบชีวภาพ (Bio-based) จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จำนวนมาก โดยกระบวนการปลูกพืช  เพื่อนำมาผลิตเอทานอลและนำไปใช้ในการผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพเป็นกระบวนการผลิตที่มี Carbon Footprint ต่ำ สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 15 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร จึงเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก และหากประเทศไทยสามารถปรับกระบวนการผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพได้ทั้งหมด 5 ล้านตัน จะช่วยสนับสนุนความต้องการเอทานอลมากกว่า 10,000 ล้านลิตรต่อปี ทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตมีความมั่นใจในการลงทุนพัฒนาคุณภาพเอทานอลในประเทศให้มีมาตรฐานระดับสากล ส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งส่งผลดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากโอกาสดังกล่าว ที่สำคัญยังเป็นการตอบสนองต่อฉันทามติสากลในการลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG อย่างแท้จริง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ไอแบงก์ จัดพิธีขอพรเนื่องในวันครบ 20 ปี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

 

เช้าวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) โดยนายภูมิศักดิ์  อรัญญาเกษมสุข ประธานกรรมการธนาคาร ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคาร พร้อมด้วยคณะกรรมการ ที่ปรึกษาธนาคาร (ด้านศาสนา) และผู้บริหาร จัดพิธีขอพรเนื่องในวันครบรอบ 20 ปี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยในพิธีได้รับเกียรติจากผู้แทนจุฬาราชมนตรี นายอรุณ บุญชม เป็นประธานอัญเชิญบทขอพร เลขานุการจุฬาราชมนตรี นายสุธรรม บุญมาเลิศ ร่วมกับคณะอัญเชิญบทขอพรระดับประเทศ นอกจากนี้ธนาคารยังได้รับเกียรติจากผู้แทนจุฬาราชมนตรี หัวหน้าพรรคประชาชาติ ผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกิจการอิสลามของประเทศไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พล ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ได้ให้เกียรติกล่าวแสดงความยินดีและอำนวยพรเนื่องในวาระครบรอบ 20 ปี ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ณ สำนักงานใหญ่ อาคารนวม กรุงเทพฯ  

นายภูมิศักดิ์  อรัญญาเกษมสุข กล่าวว่า “ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2545 และเริ่มดำเนินกิจการครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พุทธศักราช 2546 วันนี้ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง นับเป็นปีที่ 20 ของการดำเนินงาน โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นมาจากรากฐานของบทบัญญัติในคัมภีร์ อัลกุรอานที่มีความว่า “พระเจ้าทรงอนุมัติการค้า และทรงห้ามดอกเบี้ย” ดังเช่นการถือกำเนิดของระบบธนาคารอิสลามทั่วโลก ซึ่งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยเป็นธนาคารเฉพาะกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง  ปัจจุบันธนาคาร มีเครือข่าย 94 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศ

ในโอกาสวันครบรอบ 20 ปี วันนี้ ผมขอพรจากพระอัลลอฮ์  ได้โปรดประทานพรให้ทุกท่านที่มีส่วนขับเคลื่อนภารกิจของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย  ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมมีที่พึ่งทางการเงินที่ถูกต้องตามหลักชะรีอะฮ์ ประสบแต่ความสุขสิริสวัสดิ์ และด้วยพระเมตตาธิคุณของพระองค์อัลลอฮ์ ผมขอให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงานธนาคารทุกคน ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จ มีกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง เพื่อร่วมกัน ขับเคลื่อนพัฒนาธนาคารแห่งนี้ให้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์การก่อตั้ง มีความ เจริญก้าวหน้าและมั่นคงสืบไป”

ด้านกรรมการและผู้จัดการธนาคาร ดร.ทวีลาภ เปิดเผยว่า “ ในโอกาสครบรอบ 20 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ไอแบงก์ได้เปิดบ้านต้อนรับแขกผู้มีเกียรติด้วยการแต่งกายของคณะกรรมการและผู้บริหารเป็นชุดปาเต๊ะซึ่งไอแบงก์ร่วมกับกลุ่มผ้าทอท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส ออกแบบผ้าปาเต๊ะลายดอกปักษาสวรรค์ หรือ Bird of Paradise ซึ่งเป็นไม้ดอกที่สวยงามสะดุดตาสื่อความหมายของความรื่นรมย์ยินดี และตกแต่งด้วยลายพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้แก่ลายดอกรักสี่ทิศที่สื่อถึงความจงรักภักดีที่ช่างทอผ้าทุกกลุ่มทุกเทคนิคจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศแสดงต่อพระองค์และได้เทิดทูนพระองค์ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมชั่วลูกสืบหลาน ประกอบกับลาย S ประกบกับลายขิดที่เชิงผ้า ซึ่งหมายถึง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงปรารถนาให้คนไทยอยู่ดีมีสุข โดยเมื่อนำลวดลายทั้งหมดมาผสมผสานวางบนพื้นผ้าที่ย้อมด้วยพื้นสีเขียวซึ่งเป็นสีอัตลักษณ์ของธนาคารบรรจงลงสีลวดลายด้วยสีดำที่แสดงออกถึงความหนักแน่นและทางการ พร้อมตัดเย็บอย่างปราณีตสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้สวมใส่และพนักงาน ที่ได้น้อมนำพระดำริในการตระหนักถึง “ความยั่งยืน” ผ่านภูมิปัญญาคนไทยได้อย่างงดงาม สะท้อนคุณค่าดั่งที่ธนาคารได้สั่งสมมายาวนานถึง 20 ปี

ในโอกาสนี้ไอแบงก์ได้เชิญชวนพันธมิตร คู่ค้า และลูกค้าคนสำคัญร่วมส่งความปรารถนาดีด้วยการร่วมทำบุญบริจาคทานในบัญชีซะกาต ซึ่งเป็นบัญชีของธนาคารที่ได้เปิดตาม มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 เพื่อจัดสรรเงินบริจาคแก่บรรดาพี่น้องมุสลิมที่ขัดสนและยากไร้ สำหรับเป็นทุนการศึกษา ทุนส่งเสริมประกอบอาชีพ ทุนดำรงชีพ ตลอดจนช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยหรือภัยธรรมชาติ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของสังคมให้ดีขึ้น นอกจากนั้น ไอแบงก์ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ในโอกาสพิเศษนี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็น เงินฝากประจำ 20 เดือน “ไอแบงก์ 20 ปี บารอกัต” ที่ให้ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้สูงสุด 20% ต่อปี  สำหรับสินเชื่อ ไอแบงก์ได้ออกผลิตภัณฑ์หลากหลายช่วงครบรอบ 20 ปี อาทิ สินเชื่อ “งานดี มีเงิน” สินเชื่อ “บ้านมี หนี้ลด” และสินเชื่อ “ทรัพย์ดีมีสุข” โดยทุกผลิตภัณฑ์มีเป้าประสงค์จะลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าเพื่อให้เป็นหนี้อย่างมีความสุข อยู่ในวิสัยที่ผ่อนชำระได้และไม่ทำให้การมีที่อยู่อาศัยต้องเป็นปัญหาทางการเงิน

สำหรับการพัฒนา Mobile Banking ที่ธนาคารได้พยายามดำเนินการมาโดยตลอด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไอแบงก์ได้ลงนามร่วมกับผู้พัฒนาแอปเป๋าตังแล้ว เพื่อที่จะพัฒนาการให้บริการทางการเงินของธนาคารสะดวกสบายผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ภายในแพลตฟอร์มเป๋าตังซึ่งปัจจุบันมีใช้งานมากกว่า 34 ล้านคน โดยคาดว่าจะพัฒนาแล้วเสร็จและสามารถให้บริการธุรกรรมสำคัญประมาณปลายปี 2566 นี้”  ดร.ทวีลาภ กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ สาขาธนาคารในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล ก็ได้จัดพิธีละหมาดฮาญัตและขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี โดยได้รับเกียรติจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ตลอดจนข้าราชการระดับสูง เข้าร่วมงาน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

เชียงรายพร้อมจัดงานมหกรรมศิลปะ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลา 10.00 น. นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม นำข้าราชการและสื่อมวลชน เดินทางเข้าเยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมี รศ. ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง หัวหน้าโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขง เป็นผู้บรรยายสรุปความเป็นมาและการผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนด้วยศิลปวัฒนธรรมสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์เมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโก จากนั้นผู้อำนวยการฯ พร้อมด้วยคณะทำงานได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมผลงานและศึกษาเทคนิคการขึ้นรูปเครื่องปั้นดินเผาที่มีเอกลักษณ์ฉพาะตัว ภายในแหล่งเรียนรู้ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาบ้านดอยดินแดง ของอาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ สมาคมขัวศิลปะ ศิลปินทัศนศิลป์ผู้มีชื่อเสียงชาวเชียงราย

 

ต่อมาในช่วงบ่ายได้เข้าเยี่ยมชมพื้นที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ซึ่งก่อตั้งโดยท่าน ว.วชิรเมธี หรือพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี นับเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่มีชื่อเสียงแพร่หลายเป็นที่ยอมรับในประชาคมโลก ต่อมาได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมพื้นที่จัดนิทรรศการศิลปะ ภายในอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง แหล่งรวบรวมและเก็บรักษา ศิลปะวัตถุอันล้ำค่า ตลอดจนองค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเตรียมความพร้อมและติดตามความก้าวหน้าในการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยทั้ง 4 แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะจัดแสดงงานเบียนนาเล่ และเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่จะมาเที่ยวชมงานศิลปะช่วงจัดงานตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2666 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567
 
ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมาย นางพัชรนันท์ แก้วจินดา ผอ.กลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปและวัฒนธรรม พร้อมด้วยนางสุภัสสร ประภาเลิศ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายวิชชากรณ์ กาศโอสถ นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เข้าร่วมลงพื้นที่ร่วมกับคณะดังกล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News