Categories
SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ย้ำรู้สึกไม่สบายใจ ปรับค่าแรงขั้นต่ำ วอนผู้ประกอบการเห็นใจลูกจ้าง

 

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. ณ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะกรรมการไตรภาคี มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน โดยรัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่างเพื่อช่วยเหลือบรรเทา ความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบและหนี้ในระบบ รัฐบาลพยายามทำอยู่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคน ต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัด ขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่ รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับ ให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น

นายกฯ  กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศ ที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง ต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงาน คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือ แต่การขึ้นรายได้ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเอง ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์ จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันและอีกหลายอย่าง ตามมาตรการของรัฐบาล วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทย ต่ำติดดินแบบนี้ ในขณะที่ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น เกาหลี และสิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ ก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆกัน ถ้าทำเพียงฝ่าย เดียวเป็นไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขอทบทวนใหม่ จะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสมเพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญ ในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่ขณะนี้ปรับเพียงแค่ 2 บาท จะมีการพิจารณาใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ ถึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสาร ไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และในครม.เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรม ควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่ นายกฯ  กล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามช่วยผู้ประกอบอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรม ได้ประโยชน์ จากที่ 4.50 บาทต่อหน่วย ลดมาเหลือ 3.99 ดังนั้น ขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวนมากอาจจะมีปัญหาเรื่องของการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายกฯ  กล่าวว่า ไม่มีหรอก อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้น จาก 300 เป็น 400 บาทไม่มีหรอก รัฐบาลยังมี มาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเองเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น MOU กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้ นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ผู้ประกอบการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงาน ดูการกระทำ ว่าตนเองมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร  การที่ตนเองไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมครม. จะพิจารณาอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอเข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ผมไม่ยินยอมไม่เห็นด้วยแน่นอน ผมเชื่อว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เราเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็น เป็นนิมิตรใหม่อันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ

นายกฯ ย้ำ ต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียง กับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการ ก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ยืนยันรัฐบาลทำดีที่สุดแล้ว หลังส่งพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้าน

 
 

9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.00 น. ณ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ถึงโครงการเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทให้กับประชาชน ว่า ตามที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวไปแล้วว่าได้ยื่นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้ว  ส่วนกฤษฎีกาจะส่งกลับมาภายในกี่วันนั้น ยังไม่ทราบยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว ให้เหตุผลดีที่สุดแล้ว และไม่ต้องมีการใช้คำว่า ล็อบบี้กัน 

ส่วนเนื้อหาที่ส่งให้กฤษฎีกาตีความนั้น นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เราได้พูดคุยกันอยู่ว่าเร่งด่วนจำเป็นหรือเปล่า ซึ่งเราให้ข้อมูลว่า เรามั่นใจเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็นอย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต  เรื่องการปรับหนี้นอกระบบเป็นการยกระดับ ไม่ใช่โยนภาระให้กับนายจ้างไปอย่างเดียว  ตนเองพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ชายขอบของสังคม หากดิจิทัลได้ออกมาใช้ในเดือนพฤษภาคมคิดดูว่าเงินเข้าระบภาษี 4-5 แสนล้านบาท การจ้างงานการผลิตจะสูงขึ้นหรือไม่ นายจ้างจะได้มีรายได้สูงขึ้น จะมีการทำการผลิตมีการขายของมากขึ้นหรือไม่ต้องควบคู่กันไป  

นายกฯ กล่าว ขอวิงวอนและอ้อนวอน พร้อมมั่นใจว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะออกตามกำหนดคือเดือนพฤษภาคม 2567 ยังไม่ได้มีอะไรชี้วัดมา ว่าจะไม่สำเร็จ ซึ่งหากมีปัญหา ก็ต้องดูว่าปัญหาคืออะไร คำถามที่ออกมา ข้อโต้แย้งที่ออกมาคืออะไร แล้วค่อยว่ากัน

ส่วนมีการพยายามสร้างวาทกรรมออกมาว่า “ใช้เงินได้ไม่ทุกคน แต่เป็นหนี้ทั่วถึง” นั้น นายกรัฐมนตรี      กล่าวว่า ก็เป็นวาทกรรมไป ตนเองเชื่อว่าเราอธิบายกันมาเยอะแล้ว คนรวยก็บอกว่าฟังคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ว่าอย่าไปแจกคนรวยไม่ต้องแจก จึงมีคำถามไปว่าอะไรคือคนรวย มีการชี้ว่าคนรวยมีเงินฝากไม่ถึง 500,000 บาทรายได้ต่อเดือนต้องไม่ถึง 70,000 บาท ก็พยายามรับฟังอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไปทุ่มเวลาให้กับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทจนทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ล่าช้านั้น นายกฯ กล่าวว่า พวกท่านเห็นตนเองทำแต่ดิจิทัลวอลเล็ตหรือเปล่า ซึ่งเมื่อวานไปไหนมา ทำเรื่องอะไรทำหนี้นอกระบบ  สัปดาห์ที่แล้วไปดูเรื่องชายแดนที่สระแก้ว  2 อาทิตย์ก่อนบินไปเอเปค ซึ่งตนเองทำอยู่เรื่องเดียวหรือไม่ โดยวันที่12 ธ.ค.นี้ ก็จะทำเรื่องหนี้ในระบบอีก ไม่ได้ทำเรื่องเดียว เรื่องการท่องเที่ยวก็ทำ ในช่วงค่ำวันนี้จะบินไปเชียงราย ยืนยันทำหลายเรื่องและทำเต็มที่ทุกเรื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ข่าวดี! ส่งท้ายปี หญิงไทยกว่า 1 ล้านคน ได้รับภูมิคุ้มกันมะเร็งปากมดลูก

 
 

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ข่าวดี! ส่งท้ายปี หญิงไทยกว่า 1 ล้านคน ได้รับภูมิคุ้มกันมะเร็งปากมดลูกเกินเป้าหมาย “หมอชลน่าน” มอบของขวัญปีใหม่คนไทยก่อนใคร ฉีดวัคซีน HPV เกิน 1 ล้านโดส ให้ผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี ครบแล้ว เดินหน้าวางมาตรการสานต่อนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” จัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่ 2 ในอีก 6 เดือน ควบคู่กับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงอายุ 30-60 ปี

 

           จากนโยบายมะเร็งครบวงจร ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 100 วัน วันนี้ (9 ธันวาคม 2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศชัยชนะของหนึ่งในโครงการภายใต้นโยบายมะเร็งครบวงจรที่ประสบความสำเร็จล่วงหน้าไปแล้ว ก่อนที่จะครบ 100 วัน คือ การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ในผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี โดยกล่าวว่า หลังจากเริ่ม kick-off การฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านโดสภายใน 100 วัน ไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้ทุกจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานครจัดให้มีการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ให้กับนักเรียนหญิงกลุ่มเป้าหมายอายุ 11-20 ปีอย่างต่อเนื่อง และขยายการฉีดไปกลุ่มอายุเดียวกันที่อยู่นอกระบบโรงเรียนในเดือนธันวาคม ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ส่งผลให้วันนี้กระทรวงสาธารณสุขสามารถฉีดวัคซีนได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านโดสแล้ว โดยตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2566 มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1,036,891 โดส ถือเป็นความสำเร็จที่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเร็วกว่ากำหนดที่คิดว่าจะทำให้สำเร็จ

 

          “เดิมเราคิดว่าจะพยายามฉีดวัคซีน HPV ให้ครบล้านโดสภายในสิ้นปี 2566 แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ทำให้เราประสบความสำเร็จเกินคาด วันนี้ผู้หญิงไทยอายุ 11-20 ปี มากกว่า 1 ล้านคน ได้รับการปกป้องจากมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งของผู้หญิงเป็นอันดับหนึ่งแล้ว อยากให้ทุกคนร่วมยินดีในความสำเร็จครั้งนี้ด้วยกัน และขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงานที่ช่วยกันจัดหาวัคซีน ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สภากาชาดไทย องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค” นพ.ชลน่าน กล่าว

 

           ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กนักเรียนหญิงอายุ 11-20 พร้อมกัน 1 ล้านคน เป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลดีไปในภายหน้าหลายสิบปี ทำให้ประชากรกลุ่มฉีดวัคซีนนี้มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงมากกว่า 10,000 ราย และหากกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีน HPV เข็มที่ 2 โดยห่างจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 6 เดือน จะมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายหญิง 11-20 ปีในประเทศไทยมีจำนวน 3.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนในปีนี้รวมกับที่เคยได้วัคซีนมาแล้วในอดีตทั้งหมด 2.2 ล้านคน จึงเหลือกลุ่มเป้าหมายเพียง 1.6 ล้านคน ที่จะทยอยเข้ารับวัคซีนต่อ รวมถึงการจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่ 2 ในอีก 6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ จะมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงอายุ 30-60 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วย เพื่อเป้าหมายสตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูก ตามนโยบายมะเร็งครบวงจรของกระทรวงสาธารณสุข

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

“โล๊ะป่าห้าเกมส์” กีฬาสี 5 หมู่บ้าน การแข่งขันเชื่อมความสัมพันธ์ในชุมชน

 

วันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น.นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาสีเชื่อมความสัมพันธ์ 5 หมู่บ้าน”โล๊ะป่าห้าเกมส์” ประจำปี 2566 ณ สนามกีฬาโรงเรียนบ้านโล๊ะป่าห้า อ.เมืองเชียงราย โดยมีนายชินกร บั้งเงิน สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เมืองเชัยงราย เขต 5 นายเจิดศักดิ์ สิงห์สุข ประธานกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโล๊ะป่าห้า คณะกรรมการดำเนินงานจัดการแข่งขันกีฬาสี และผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ร่วมด้วย

 
การแข่งขันกีฬาครั้งนี้ เป็นการแข่งขันกีฬา ประจำปี 2566 เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนและชุมชนมีนิสัยรักการกีฬา มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เป็นผู้นำผู้ตามที่ดี อีกทั้งสร้างความสามัคคีในหมู่คณะเปิดโอกาสให้นักเรียนและชุมชนได้แสดงความสามารถของตนเองในการเพิ่มพูนทักษะกีฬา พร้อมทั้งส่งเสริมให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เสริมสร้างพลานามัยแก่ตนเองและได้รับความสนุกสนาน อีกทั้งยังเป็นการคัดเลือกตัวแทนนักกีฬาของชุมชนส่งเข้าร่วมการแข่งขันระดับต่อไป โดยจัดแบ่งคณะสีคือ สีส้ม บ้านโล๊ะป่าห้า หมู่ 7 สีม่วงบ้านห้วยอ้ม หมู่ 8 สีเขียว บ้านห้วยอ้มใหม่ หมู่ 9
สีฟ้า บ้านก๊อดยาว หมู่ 14 และสีขาว บ้านโล๊ะป่าห้าใหม่ หมู่ 22 
 
 
โดยการจัดการแข่งขันมีกีฬารวม 5 ประเภทได้แก่ ฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง วอลเล่ย์บอล เปตอง และกีฬาพื้นบ้าน ทั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้กำหนดนโยบายกีฬาเยาวชนเงินล้าน โดย “กีฬา” เป็นสื่อพัฒนาเยาวชนให้ค้นพบตัวตนในทักษะความสามารถ โดย อบจ.เชียงราย จะส่งเสริมให้กีฬาเข้ามามีส่วนสำคัญกับเยาวชน สร้างโอกาสและสนับสนุนให้เยาวชนมีพื้นที่สร้างสรรค์โดยใช้กีฬานานาชนิด ในการค้นหาสร้างเยาวชนช้างเผือกด้านกีฬาสู่สากล กีฬาประจำท้องถิ่น กีฬาคนพิการ รวมไปถึงส่งเสริมให้เยาวชนทั่วไปทำกิจกรรมเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ วางรากฐานเรื่องกีฬามาตั้งแต่ท้องถิ่น ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มุ่งสู่การเป็นนักกีฬาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศ ระดับสากล และนักกีฬาอาชีพต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

นายกฯ ยืนยันความยิ่งใหญ่ศิลปะร่วมไทย Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 
 

9 ธันวาคม 2566 เวลา 19.00 น. ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย หรือ Chiang Rai International Art Museum (CIAM) ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิด ‘เปิดโลก’ หรือ ‘The Open World’ ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2554 เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ศิลปินเชียงราย และประชาชนชาวเชียงราย ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย ได้ชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย และทำพิธีเปิดงานโดยการตีกลองสะบัดชัย 3 ครั้ง ต่อด้วยรับฟังรายงานจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวในโอกาสการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ว่า ในนามของรัฐบาลรู้สึกยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติฯ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมและจังหวัดเชียงรายจัดงานนี้ขึ้นในวันนี้ กระทรวงวัฒนธรรมโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้นำแนวคิดการจัดงานมหกรรมร่วมสมัยระดับโลกในต่างประเทศให้ปรากฏขึ้นในประเทศไทย ครั้งที่ 3 และจังหวัดเชียงราย นับจากจังหวัดกระบี่และจังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นความภาคภูมิใจและยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ในการเป็นศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยฯ ครั้งนี้ จะเป็นวาระสำคัญในการจุดประกายให้คนไทยศิลปินชาวไทย นำจุดเด่นทางด้านศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองเรามาแสดงศักยภาพเพื่อนำพาประเทศไปสู่การเป็นสังคมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อไป เหมือนกับประเทศต่าง ๆ ที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว งานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการนำทุนทางวัฒนธรรมและศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Soft Power มาเป็นเครื่องมือในการสร้างงานสร้างรายได้ในภาพรวม โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง เป็นการระดมความคิดเห็น ประสานมุมมองและความคิดสร้างสรรค์จากศิลปิน หน่วยงาน และชุมชนท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์ผลงานผ่านการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ให้เกิดเป็นงานศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลายอย่างน่าสนใจ ซึ่งทุกท่านจะได้รับชมผลงานต่อไป

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในนามรัฐบาลไทยขอขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่นำวิสัยทัศน์จากการศึกษางานศิลปะระดับโลกมาจัดเป็นงานศิลปะระดับนานาชาติในประเทศไทยได้สำเร็จอย่างต่อเนื่อง และขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนชาวเชียงราย ที่ได้มีส่วนร่วมในการบูรณาการงานครั้งนี้อย่างเข้มแข็งตลอดจนขอบคุณหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานและร่วมมือกันในการสนับสนุนอำนวยความสะดวกในการจัดงานด้วยดี และที่สำคัญยิ่งขอขอบคุณศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ทุ่มเทอุทิศแรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์และเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนการจัดการในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพลังและศักยภาพของศิลปะที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงรายและประเทศไทย รวมทั้งขอบคุณศิลปินทุกท่านที่ได้ถ่ายทอดมุมมองความคิดสร้างสรรค์ในตัวของท่านเอง สื่อสารสุนทรียะออกมาเป็นรูปธรรม สร้างความปิติและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้รับชมอย่างถ้วนหน้า จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมผลงานศิลปะและกิจกรรมบริเวณงาน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร 

 

ทั้งนี้ มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 – 30 เมษายน 2567 ภายใต้ชื่องาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ด้วยแนวคิด “เปิดโลก” (The open World) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปปางเปิดโลกที่โบราณสถาน วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน คัดเลือกผลงานจากศิลปิน 60 คน จาก 21 ประเทศทั่วโลก จัดแสดงเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 

1) นิทรรศการหลัก แสดงผลงานศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ (Site Specific Installation) จัดแสดงในเขตอำเภอเมืองและเชียงแสน 

2) Pavilion หรือ ศาลา แสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์ และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 10 แห่งในอำเภอเมืองและอำเภอใกล้เคียง 

3) Collateral Events เป็นกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นในช่วงงาน เช่น ดนตรีชาติพันธุ์ งานฉายภาพยนตร์ การแสดงอื่น ๆ และการเยี่ยมชมบ้านหรือสตูดิโอของศิลปินในจังหวัดเชียงรายตามอำเภอต่าง ๆ 

โดยการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้วยมิติทางวัฒนธรรม และพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมวัฒนธรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก พัฒนาสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และสร้างสรรค์งานด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ และยกระดับบทบาทด้านวัฒนธรรมของไทยในเวทีโลก และพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยไทยสู่ความเป็นสากลในอนาคต 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :Thailand Biennale

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทศบาลนครเชียงรายร่วมลงนามกลุ่มภาคีเจตจำนงขับเคลื่อนเชียงรายสปอร์ตซิตี้

 
วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมลีลาวดี โรงเรียนเทศบาล ๖ นครเชียงราย นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย นางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย และ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ร่วมลงนามแสดงเจตจำนงร่วมกลุ่มภาคีในพิธีแสดงเจตจำนงเพื่อขับเคลื่อนจังหวัดเชียงรายให้เป็นเมืองแห่กีฬา(Chiangrai Sports City)
 
 
นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย เปิดเผยว่า เทศบาลนครเชียงรายได้ร่วมลงนามแสดงเจตจำนงกับสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย และการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย การลงนามนี้มีวัตถุประสงค์ในการบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งกีฬา (Chiangrai Sports City) อันจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการร่วมมือกันขับเคลื่อนการพัฒนาด้านกีฬาวอลเล่ย์บอล เพื่อการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการเล่นกีฬา และเพื่อพัฒนาฝีมือทางด้านกีฬาเพื่อต่อยอดไปสู่ในระดับที่สูงขึ้นต่อไปได้ อีกทั้งร่วมกันยกระดับสถานที่สำหรับออกกำลังกายภายในชุมชนให้ได้มาตรฐานอย่างเป็นรูปธรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการกีฬาอันเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยมีความสอดคล้องกับเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย
 
 
โดยก่อนการลงนาม นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยได้ลงพื้นที่สวนสาธารณะต้นแบบ ได้แก่ สวนสาธารณะหาดเชียงราย และศูนย์ประชุมนครเชียงราย ในการสร้างพื้นที่ลานกีฬา Chiang Rai Sports City และประชุมสรุปผล การลงพื้นที่ และออกแบบขับเคลื่อนสวนสาธารณะ และแสดงเจตจำนงในการพัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะต้นแบบร่วมกับผู้บริหารเทศบาล ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนสังกัดเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
 
ก่อนการลงนามเจตจำนง เพื่อขับเคลื่อนจังหวัดเชียงราย สู่การเป็นเมืองแห่งกีฬา (Chiangrai Sports city) ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้ลงพื้นที่ ที่เตรียมการก่อสร้าง คอมเพล็กซ์ด้านกีฬา สนามการแข่งขันกีฬา ที่หลากหลายชนิดกีฬา ในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงราย อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ส่งเสริมการเกษตรท้องถิ่น ของดีดอยลาน วันโคบาลม่วนใจ๋

 
วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ต.ดอยลาน ของดีดอยลาน วันโคบาลม่วนใจ๋ ของ ทต.ดอยลาน ณ ลานอเนกประสงค์ บ้านทรายงาม พร้อมด้วย นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายอำนาจ ทาจินา ส.อบจ.เชียงราย อ.เมือง เขต 6 นายปกาสิต มณีลังกา หน.ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ รวมถึง นางสาวณิชาภา สันธิ หน.ฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร ร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ด้วย
 
 
โดยได้รับเกียรติจากนายศรีมูน ชัยสุวรรณ์ นายก ทต.ดอยลาน นายตี๋ คำจันทร์ กำนัน ต.ดอยลาน นางธนินท์ธร อุตโน
ประธานสภา ทต.ดอยลาน ผู้นำท้องที่ท้องถิ่นในเขต ต.ดอยลาน ร่วมให้การต้อนรับ
 
 
การจัดงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ต.ดอยลานในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้ร่วมสนับสนุนงบประมาณ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศในภาคเกษตร ให้มีบทบาทสำคัญต่อทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และสอดคล้องกับ นโยบายส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและพืชเศรษฐกิจแบรนด์เชียงราย จังหวัดเชียงรายมีสินค้าทางการเกษตร ที่ถือว่ามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น รวมไปถึงในด้านปศุสัตว์ การเลี้ยงโคเนื้อ การเลี้ยงกระบือ โดยเฉพาะในพื้นที่ของ ต.ดอยลาน จะมีการส่งเสริมให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของโคเนื้อ ได้รับรางวัลระดับประเทศต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
LIFESTYLE

#ฅนเจียงฮาย พ่อค้าสถานีปิ้งเตาถ่าน

 
 
คอลัมน์ #ฅนเจียงฮาย EP.01
.
ฅนเจียงฮาย : Wittawat Wimolkawsir
.
เป็นใครมาจากไหน เล่าให้ฟังหน่อย? : “ผมเป็นชาติพันธุ์ครับ” ผมเป็นอาข่า อยู่ที่นี่เลยครับ พ่อกับแม่ก็เป็นคนที่นี่ ท่านเจอกันที่นี่ แต่งงานกันที่นี่ แล้วมีผมที่นี่ ครอบครัวผมตอนนี้มีอยู่ 4 คนครับ คือผมเป็นลูกชายคนแรกแล้วก็มีน้องชาย ปกติผมเป็นคนชอบหาอะไรทําอยู่แล้วเวลาว่าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ ครับ พอช่วงปิดเทอมหรือสงกรานต์ผมก็จะไปขายพวกส้มตําไก่ย่างตามริมน้ำในจังหวัดเชียงราย ที่มันจะมีล่องแพครับ
.
ชีวิตครอบครัวเป็นยังไง? : พ่อผมมีงานประจําอยู่ครับ รับจ้างทั่วไปแผนกการเกษตรที่ อบต.แม่ฟ้าหลวงครับ เงินเดือนก็ตามทั่วไป ที่ผ่านมาก็หนักอยู่ แต่ตั้งแต่ผมมาช่วยขายของ ช่วยแม่งานลอยกระทง พาแม่ออกอีเว้นท์พอมีเงินมาก็เก็บ ๆ ไว้บ้าง ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าดีขึ้นครับ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก
.
ถ้าจะให้เล่าถึงเรื่องการศึกษา? : คือต้องเข้าใจว่าด้วยพ่อแม่ผมไม่มีการศึกษาเพราะเขาไม่ได้รับการศึกษาเหมือนกับเรา ด้วยความที่เขาเป็นคนที่อยู่บนดอยคือต้องทํางาน ต้องหาเงินครับ ผมเข้าใจดีก็บอกแม่ว่าโอเคแม่ ไม่เป็นไรผมเรียนแทนแล้วเรียบร้อย ผมมองว่าผมอยู่อย่างนี้ไม่ได้ หยุดแค่นี้ไม่ได้ ต้องทำอะไรให้มันดีขึ้นเพื่อตัวเอง แล้วก็เพื่อพ่อแม่ ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้น้อยใจในเรื่องโชคชะตาเลย ว่าเฮ้ย! นี่เป็นเด็กชนเผ่ารึเปล่า ใช่เราเป็น แต่เราภูมิใจ ทําไมต้องน้อยใจ คือมันเป็นแรงผลักดันของเราด้วยซ้ำที่จะทําให้เราวิ่งต่อไป
.
อาชีพที่ใฝ่ฝัน อยากทำที่สุด? : ส่วนตัวผมอยากติดปีกคือผมอยากเป็นสจ๊วต ในใจผมผมอยากเป็นสจ๊วตสายการบินชื่อดังเจ้าหนึ่ง แต่ด้วยหลาย ๆ อย่างด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ใจนึงผมก็ชอบทําอาหารชอบขายของ เลยทําให้ผมมองว่าชอบกับใช่ มันอาจจะมีอะไรที่ต้องเลือก ผมก็ยังไม่ค่อยชัดเจนกับตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ แต่ว่าโดยส่วนตัวของผมชอบภาษา ชอบคุย ชอบพบเจอผู้คนครับ
.
ถ้าถามถึงสิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุด? : สิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุดคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเอาใจใครคนใดคนนึงมาใส่ใจเรา มันจะทําให้อะไรหลายอย่างมันดีขึ้นมาก ๆ สมมุติเหตุการณ์ถ้าเกิดขึ้นในตลาด หรือกาดชนเผ่าแห่งนี้ แบบถ้าเรากินอะไรเสร็จ หรือซื้ออะไรสักอย่างแล้วทิ้ง รู้สึกว่าจะทิ้งที่ไหนก็ได้ เราเข้าใจคนทิ้ง แน่นอนว่ามันสบายจะทิ้งตรงไหนก็ได้ แต่พนักงานที่อยู่ที่นี่ เขาดูแลที่นี่มาเป็น 10 ปี เขาก็ต้องมาคอยตามเก็บให้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากเปลี่ยน เรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากขึ้น ลดเรื่องของตัวเอง ลดความเห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ อยากให้ทุกคนคิดเยอะ ๆ เพื่อเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น
.
ต้นเรื่องโดย : วิท วิทวัฒน์ วิมลแก้วศรี อายุ 18 ปี – พ่อค้าสถานีปิ้งเตาถ่าน ในงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10
 
 

ผมมองว่าผมอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เราเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราต้องอะไรก็ได้ให้มันดีกว่าอะไรก็ได้ให้มันมากกว่ามากขึ้น เพื่อตัวเองด้วยแล้วก็เพื่อพ่อแม่ ผมรู้สึกผมไม่ได้น้อยใจในเรื่องโชคชะตาเลย ว่าเฮ้ย! นี่เป็นเด็กชนเผ่ารึเปล่า ใช่เราเป็น แต่เราภูมิใจ ทําไมต้องน้อยใจ คือมันเป็นแรงผลักดันของเราด้วยซ้ำที่จะทําให้เราวิ่งต่อไปนะ คือเราต้องไปเวลาพ่อแม่มองเราเนี่ยคือเราต้องไปสูงกว่าดีกว่า

ส่วนตัวผมอยากติดปีกคือผมอยากเป็นสจ๊วต ในใจผมผมอยากเป็นสจ๊วตแอร์เอเชียแอร์ แต่ด้วยหลายๆ อย่างด้วยสถานการณ์ตอนนี้ใจผมชอบทําอาหารชอบขายของ เลยทําให้ผมแบบชอบกับใช่ เออมันอาจจะมีอะไรแบบที่ต้องเลือกอะไรแบบนี้ครับ ผมก็ยังแบบยังไม่ค่อยชัดเจนกับตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ แต่ว่ามีในใจว่าอยากทําอะไรครับแต่ ว่าโดยส่วนตัวของผมชอบภาษา ชอบคุย ชอบเจอ

 

 

สิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุดคือการเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา การเอาใจใครคนใดคนนึงมาใส่ใจเรา มันจะทําให้อะไรหลายอย่างมันดีขึ้นมากๆ สมมุติถ้าเราซื้ออะไรสักอย่างแล้วทิ้ง รู้สึกว่าจะทิ้งที่ไหนก็ได้เราเข้าใจคนทิ้งสบายอย่างนี้ แต่พนักงานที่อยู่ที่นี่ เขาดูแลที่นี่มาเป็น 10 ปีเขาก็ต้องมาแบบคอยตามเก็บอะไรอีก คือเนี่ยมันผมสิ่งที่ผมอยากเปลี่ยน เรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น ลดเรื่องของตัวเอง คือเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ คือคิดเยอะๆ เพื่อเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น

ตนเรื่องโดย : วิท วิทวัฒน์ วิมลแก้วศรี อายุ 18 ปี – พ่อค้าสถานีปิ้งเตาถ่าน ในงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทน.เชียงราย ร่วม MOU ระหว่างสมาคมเทศบาลนครและเมือง กับ บพท.

 
วันที่ 7 ธ.ค. 66 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ร่วมลงนาม MOU ระหว่าง สมาคมเทศบาลนครและเมือง นำร่อง 14 แห่งกับหน่วยบริหารและจัดการทุกด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 6- 8 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงรายตามโครงการ ส่งเสริมและพัฒนาการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการจัดประชุม สัมมนาทางวิชาการหัวข้อ การพัฒนารายได้ขององค์กรปกครองส่วน
 
 
โดยมี นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ร่วมบรรยายพิเศษ “การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น” และ นายสมนึก ธนเดชากุล นายกสมาคมเทศบาลนคร พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคม กล่าวรายงาน และชี้แจง การลงนาม MOU กับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
 
 
สมาคมเทศบาลนครและเมืองจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 จากการรวมตัวกันของคณะนายกเทศมนตรีที่มีความคิดเห็นตรงกันถึงปัญหาและบริบทในการบริหารงานเทศบาลที่แตกต่างกันระหว่างเทศบาลนคร เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบล ซึ่งสันนิบาตเทศบาลเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมาก
 
การแก้ปัญหาจึงไม่อาจรวดเร็วและตรงตามบริบทของแต่ละเทศบาลที่มีขนาดและปัญหาการทำงานที่แตกต่างกัน จึงเป็นแนวคิดในการจัดตั้งสมาคมเทศบาลนครและเมืองขึ้น ซึ่งจะทำให้การติดต่อประสานงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆรวดเร็วขึ้น ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วยเทศบาลนครและเมือง ทั้งหมด 225 แห่งทั่วประเทศ แยกเป็นเทศบาลนคร 30 แห่ง เทศบาลเมือง 195 แห่งและในวันนี้มีเทศบาลเข้าร่วมประชุมจำนวน 101 แห่ง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ไทย” มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ

 

6 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 15.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา ในช่วงระหว่างการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ให้เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้ 

 

นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทย ขอบคุณทุกภาคส่วนสำหรับการอุทิศตนและความมุ่งมั่น ทั้งจากฝ่ายประเมินผลและคณะกรรมการฯ ที่ได้คัดเลือกให้ “สงกรานต์ในประเทศไทย” อยู่ในรายการบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ รวมไปถึงสำนักเลขาธิการสำหรับการทำงานอย่างหนักทั้งหมดที่ผ่านมา โดยสงกรานต์เป็นประเพณีในวันปีใหม่ไทย มีการเฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนเมษายนทั่วประเทศ เป็นประเพณีที่ได้รับการฝึกฝนและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยคนไทยและชุมชนชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นประเพณีอันงดงามและมีความหมาย สะท้อนถึงคุณค่าของความกตัญญูกตเวทีของไทยต่อบรรพบุรุษ ความเอื้ออาทรและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และจิตวิญญาณแห่งความสามัคคี 

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กิจกรรมในช่วงประเพณีสงกรานต์ทั้งหมดถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ของมรดกทางวัฒนธรรม โดยประเพณีสงกรานต์ที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ บิณฑบาต สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำดำหัวผู้อาวุโสที่เคารพนับถือ ตลอดจนการแสดงละครพื้นบ้านและการแสดงที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานสงกรานต์ ดังนั้น สงกรานต์ในประเทศไทยจึงเป็นตัวแทนของมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลยินดีที่จะส่งเสริมความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสงกรานต์ร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ โดยหวังว่าการหารือและทำความเข้าใจร่วมกัน จะนำไปสู่การบรรลุสันติภาพและความมั่นคงสำหรับทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลยินดีต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาร่วมเทศกาลและสัมผัสประสบการณ์ของประเพณีสงกรานต์ในประเทศไทย พร้อมด้วยรอยยิ้มและการต้อนรับที่อบอุ่น

อนึ่ง “สงกรานต์ในประเทศไทย” (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ถือเป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ลำดับที่ 4 ของประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ UNESCO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้แก่ “โขน” (Khon, masked dance drama in Thailand) ในปี 2561, “นวดไทย” (Nuad Thai, Traditional Thai Massage) ในปี 2562 และ “โนรา” ของภาคใต้ (Nora, Dance Drama in Southern Thailand) ในปี 2564 โดยการประชุมฯ ครั้งนี้ มีประเทศต่าง ๆ เสนอขึ้นทะเบียนรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมฯ ทั้งสิ้น 45 รายการ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 เพื่อสงวนรักษาแนวปฏิบัติการแสดงออกความรู้และทักษะที่ได้รับการยอมรับของชุมชนหรือกลุ่มคน โดยต้องการสร้างความเคารพและสร้างความตระหนักตั้งแต่ในระดับท้องถิ่นจนถึงสากล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการสงวนรักษา ซึ่งมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมฯ สามารถอยู่ในรูปแบบการแสดงออกทางวาจาและภาษา การแสดงศิลปะ แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีทางศาสนา เทศกาลเฉลิมฉลอง และงานฝีมือ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : UNESCO

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News