คอลัมน์ #ฅนเจียงฮาย EP.01
.
ฅนเจียงฮาย : Wittawat Wimolkawsir
.
เป็นใครมาจากไหน เล่าให้ฟังหน่อย? : “ผมเป็นชาติพันธุ์ครับ” ผมเป็นอาข่า อยู่ที่นี่เลยครับ พ่อกับแม่ก็เป็นคนที่นี่ ท่านเจอกันที่นี่ แต่งงานกันที่นี่ แล้วมีผมที่นี่ ครอบครัวผมตอนนี้มีอยู่ 4 คนครับ คือผมเป็นลูกชายคนแรกแล้วก็มีน้องชาย ปกติผมเป็นคนชอบหาอะไรทําอยู่แล้วเวลาว่าง ๆ ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ ครับ พอช่วงปิดเทอมหรือสงกรานต์ผมก็จะไปขายพวกส้มตําไก่ย่างตามริมน้ำในจังหวัดเชียงราย ที่มันจะมีล่องแพครับ
.
ชีวิตครอบครัวเป็นยังไง? : พ่อผมมีงานประจําอยู่ครับ รับจ้างทั่วไปแผนกการเกษตรที่ อบต.แม่ฟ้าหลวงครับ เงินเดือนก็ตามทั่วไป ที่ผ่านมาก็หนักอยู่ แต่ตั้งแต่ผมมาช่วยขายของ ช่วยแม่งานลอยกระทง พาแม่ออกอีเว้นท์พอมีเงินมาก็เก็บ ๆ ไว้บ้าง ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่าดีขึ้นครับ ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะมาก
.
ถ้าจะให้เล่าถึงเรื่องการศึกษา? : คือต้องเข้าใจว่าด้วยพ่อแม่ผมไม่มีการศึกษาเพราะเขาไม่ได้รับการศึกษาเหมือนกับเรา ด้วยความที่เขาเป็นคนที่อยู่บนดอยคือต้องทํางาน ต้องหาเงินครับ ผมเข้าใจดีก็บอกแม่ว่าโอเคแม่ ไม่เป็นไรผมเรียนแทนแล้วเรียบร้อย ผมมองว่าผมอยู่อย่างนี้ไม่ได้ หยุดแค่นี้ไม่ได้ ต้องทำอะไรให้มันดีขึ้นเพื่อตัวเอง แล้วก็เพื่อพ่อแม่ ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้น้อยใจในเรื่องโชคชะตาเลย ว่าเฮ้ย! นี่เป็นเด็กชนเผ่ารึเปล่า ใช่เราเป็น แต่เราภูมิใจ ทําไมต้องน้อยใจ คือมันเป็นแรงผลักดันของเราด้วยซ้ำที่จะทําให้เราวิ่งต่อไป
.
อาชีพที่ใฝ่ฝัน อยากทำที่สุด? : ส่วนตัวผมอยากติดปีกคือผมอยากเป็นสจ๊วต ในใจผมผมอยากเป็นสจ๊วตสายการบินชื่อดังเจ้าหนึ่ง แต่ด้วยหลาย ๆ อย่างด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ใจนึงผมก็ชอบทําอาหารชอบขายของ เลยทําให้ผมมองว่าชอบกับใช่ มันอาจจะมีอะไรที่ต้องเลือก ผมก็ยังไม่ค่อยชัดเจนกับตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ แต่ว่าโดยส่วนตัวของผมชอบภาษา ชอบคุย ชอบพบเจอผู้คนครับ
.
ถ้าถามถึงสิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุด? : สิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุดคือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเอาใจใครคนใดคนนึงมาใส่ใจเรา มันจะทําให้อะไรหลายอย่างมันดีขึ้นมาก ๆ สมมุติเหตุการณ์ถ้าเกิดขึ้นในตลาด หรือกาดชนเผ่าแห่งนี้ แบบถ้าเรากินอะไรเสร็จ หรือซื้ออะไรสักอย่างแล้วทิ้ง รู้สึกว่าจะทิ้งที่ไหนก็ได้ เราเข้าใจคนทิ้ง แน่นอนว่ามันสบายจะทิ้งตรงไหนก็ได้ แต่พนักงานที่อยู่ที่นี่ เขาดูแลที่นี่มาเป็น 10 ปี เขาก็ต้องมาคอยตามเก็บให้ นี่คือสิ่งที่ผมอยากเปลี่ยน เรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากขึ้น ลดเรื่องของตัวเอง ลดความเห็นแก่ตัว ให้เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ อยากให้ทุกคนคิดเยอะ ๆ เพื่อเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น
.
ต้นเรื่องโดย : วิท วิทวัฒน์ วิมลแก้วศรี อายุ 18 ปี – พ่อค้าสถานีปิ้งเตาถ่าน ในงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10
 
 

ผมมองว่าผมอยู่อย่างนี้ไม่ได้ เราเป็นแบบนี้ไม่ได้ เราต้องอะไรก็ได้ให้มันดีกว่าอะไรก็ได้ให้มันมากกว่ามากขึ้น เพื่อตัวเองด้วยแล้วก็เพื่อพ่อแม่ ผมรู้สึกผมไม่ได้น้อยใจในเรื่องโชคชะตาเลย ว่าเฮ้ย! นี่เป็นเด็กชนเผ่ารึเปล่า ใช่เราเป็น แต่เราภูมิใจ ทําไมต้องน้อยใจ คือมันเป็นแรงผลักดันของเราด้วยซ้ำที่จะทําให้เราวิ่งต่อไปนะ คือเราต้องไปเวลาพ่อแม่มองเราเนี่ยคือเราต้องไปสูงกว่าดีกว่า

ส่วนตัวผมอยากติดปีกคือผมอยากเป็นสจ๊วต ในใจผมผมอยากเป็นสจ๊วตแอร์เอเชียแอร์ แต่ด้วยหลายๆ อย่างด้วยสถานการณ์ตอนนี้ใจผมชอบทําอาหารชอบขายของ เลยทําให้ผมแบบชอบกับใช่ เออมันอาจจะมีอะไรแบบที่ต้องเลือกอะไรแบบนี้ครับ ผมก็ยังแบบยังไม่ค่อยชัดเจนกับตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ แต่ว่ามีในใจว่าอยากทําอะไรครับแต่ ว่าโดยส่วนตัวของผมชอบภาษา ชอบคุย ชอบเจอ

 

 

สิ่งที่อยากเปลี่ยนมากที่สุดคือการเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา การเอาใจใครคนใดคนนึงมาใส่ใจเรา มันจะทําให้อะไรหลายอย่างมันดีขึ้นมากๆ สมมุติถ้าเราซื้ออะไรสักอย่างแล้วทิ้ง รู้สึกว่าจะทิ้งที่ไหนก็ได้เราเข้าใจคนทิ้งสบายอย่างนี้ แต่พนักงานที่อยู่ที่นี่ เขาดูแลที่นี่มาเป็น 10 ปีเขาก็ต้องมาแบบคอยตามเก็บอะไรอีก คือเนี่ยมันผมสิ่งที่ผมอยากเปลี่ยน เรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น ลดเรื่องของตัวเอง คือเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ คือคิดเยอะๆ เพื่อเพื่อนร่วมโลกมากขึ้น

ตนเรื่องโดย : วิท วิทวัฒน์ วิมลแก้วศรี อายุ 18 ปี – พ่อค้าสถานีปิ้งเตาถ่าน ในงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 10

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME