Categories
ECONOMY

แพทองธาร ส่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สู้หนี้ ช่วยปชช.

นายกฯ แพทองธาร นำทีมคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มุ่งสู่ปี 2568 ที่สดใส

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 เพื่อหารือและวางแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ไขปัญหาหนี้สิน และกระตุ้นการลงทุน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2568

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคของภาครัฐ การลงทุนภาครัฐ การส่งออก การท่องเที่ยว และภาคก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้มากกว่านี้ จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้น เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ

  • เพิ่มรายได้และลดรายจ่าย: รัฐบาลจะดำเนินมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
  • แก้ไขปัญหาหนี้สิน: รัฐบาลจะร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาออกแบบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน ทั้งหนี้บ้าน หนีรถ และหนี้เอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินและฟื้นฟูความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน
  • กระตุ้นการลงทุน: รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ

ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการแนวทางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ และต้องไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ คาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายนี้ไม่เกิน 4 ล้านคน โดยจะเร่งจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนไม่เกินเดือนมกราคม 2568

เป้าหมายระยะยาว:

รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมนวัตกรรม และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 จะเริ่มจ่ายเมื่อไหร่? คาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนไม่เกินเดือนมกราคม 2568
  2. ใครบ้างที่สามารถเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ได้? ผู้ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ และต้องไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
  3. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการมีอะไรบ้าง? นอกจากโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การอุดหนุนค่าครองชีพสำหรับกลุ่มเปราะบาง การแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการส่งเสริมการลงทุน
  4. รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตได้เท่าใด? รัฐบาลเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
  5. ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้จากช่องทางใดบ้าง? ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากเว็บไซต์ของรัฐบาล สื่อมวลชน หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
WORLD PULSE

“แพทองธาร” หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายตลาดสินค้าไทย

“แพทองธาร” หารือ “สี จิ้นผิง” ที่เอเปค สานสัมพันธ์ไทย-จีน พร้อมเปิดตลาดสินค้าและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ได้พบหารือทวิภาคีกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ณ โรงแรม Delfines Hotel Lima กรุงลิมา ประเทศเปรู การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดสำคัญในการสานต่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีน โดยเฉพาะในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

จีนสนับสนุนไทยในเวทีระดับโลก เปิดรับสินค้าจากไทยเพิ่ม

ในที่ประชุม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ยืนยันว่าจะสนับสนุนไทยในเวทีระดับโลกทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยจีนพร้อมเปิดรับสินค้าจากไทยมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยให้เติบโต นอกจากนี้ยังยืนยันการสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก

แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาและเทคโนโลยี

นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กล่าวชื่นชมจีนในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะ เทคโนโลยีการผลิตคุณภาพใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการค้าเสรีและการพัฒนาที่ยั่งยืน ไทยพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับจีนในด้าน การแก้ปัญหาความยากจน เทคโนโลยีอวกาศ และการต่อสู้กับภัยธรรมชาติ

เตรียมเปิดฉากปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน

นางสาวแพทองธารยังได้เชิญ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และภริยาเข้าร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปี ไทย-จีน ในปี 2568 ที่จะถือเป็น ปีทองแห่งมิตรภาพ ระหว่างสองประเทศ โดยในโอกาสนี้ จีนได้เตรียมอัญเชิญ พระเขี้ยวแก้ว จากกรุงปักกิ่งมาประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในวันที่ 4 ธันวาคม เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคล

จีนมอบแพนด้ายักษ์เป็นสัญลักษณ์มิตรภาพ

อีกหนึ่งข่าวดีสำหรับประชาชนชาวไทยคือ จีนจะส่งแพนด้ายักษ์มาประเทศไทยในปีหน้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะสร้างความตื่นเต้นและความสุขให้กับคนไทย รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ

ร่วมมือในด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด

จีนยังพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยใน การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องการขยายความร่วมมือด้าน พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

การประชุมเพื่อความร่วมมือในอนาคต

ในการประชุมครั้งนี้ ทั้งสองประเทศยังได้หารือเกี่ยวกับการร่วมมือในกรอบความร่วมมือ เอเชีย (ACD) และ แม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีการเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอด BRICS ที่จีนจะเป็นเจ้าภาพในปี 2569

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายอะไร?
    การประชุมครั้งนี้มุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในด้านเศรษฐกิจ การค้า และเทคโนโลยี

  2. จีนสนับสนุนไทยในด้านใดบ้าง?
    จีนยืนยันการสนับสนุนไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก BRICS และเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากไทย

  3. การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีนจะมีอะไรบ้าง?
    จีนจะส่งแพนด้ายักษ์มายังไทยและอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานที่ท้องสนามหลวง

  4. ไทยจะร่วมมือกับจีนในด้านใด?
    ไทยพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านการแก้ปัญหาความยากจน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม และพลังงานสะอาด

  5. ปี 2568 จะมีการฉลองอะไรบ้าง?
    ปี 2568 จะเป็นปีทองแห่งมิตรภาพไทย-จีน ฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

วิเคราะห์เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต กระแสโซเชียล อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร นายกฯ คนที่ 31

 

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้เสนอชื่อ น..แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ..แพทองธาร ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นสตรีคนที่สองที่ดำรงตำแหน่งนี้ และเป็นบุคคลที่สามในตระกูล “ชินวัตร” ที่ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศไทย ส่งผลให้เกิดกระแสการพูดคุยและถกเถียงอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย

 

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) ในช่วงวันที่ 15 – 18 สิงหาคม 2567 ถึงประเด็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย” พบว่าชาวโซเชียลต่างแสดงความคิดเห็น สะท้อนทั้งความคาดหวังและข้อกังวลต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในแง่มุมที่หลากหลาย ทั้งเชิงบวกและเชิงลบ สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางความคิดและทัศนคติทางการเมืองในสังคมไทยได้อย่างชัดเจน

 

วิเคราะห์ความรู้สึกของชาวโซเชียลต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 (Sentiment Analysis)

 

ประเด็นที่ชาวโซเชียลพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 (Comment Topics)

 

เมื่อวิเคราะห์เนื้อหาของความคิดเห็น (Comments) ที่ปรากฎในโซเชียลมีเดีย สามารถสรุปประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายกฯ แพทองธาร ได้ดังต่อไปนี้

  1. สานต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทย(41.3%)
  • ดิจิทัล วอลเล็ต(Digital Wallet)

นโยบายแจกเงินดิจิทัล หรือ นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโซเชียลมีเดีย ประชาชนส่วนใหญ่แสดงความกังวลว่านโยบายนี้อาจจะไม่ได้รับการดำเนินการต่อ ส่งผลให้มีทัศนคติเชิงลบต่อพรรคเพื่อไทย และนายกฯ แพทองธาร สูงถึง 74.7% ของการกล่าวถึงนโยบาย Digital Wallet

  อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วนที่ยังคงมีความหวังว่านายกฯ แพทองธารจะสามารถดำเนินนโยบายนี้ต่อไปได้ เนื่องจากมีข้อมูลว่างบประมาณบางส่วนได้รับการอนุมัติแล้ว

  • นโยบายลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน

หนึ่งในนโยบายหาเสียงสำคัญในการเลือกตั้งที่ผ่านมา คือการลดหย่อนค่าสาธารณูปโภค เช่น การลดค่า Ft และค่าน้ำมัน ซึ่งสัญญาว่าจะดำเนินการได้ทันทีหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ปัจจุบัน ความคิดเห็นส่วนใหญ่บนโซเชียลมีเดียอยู่ในสถานะ ‘รอดู’ โดยยังไม่ตัดสินว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะสามารถดำเนินการตามนโยบายนี้ได้หรือไม่ ส่งผลให้ทัศนคติส่วนใหญ่เป็นกลาง คิดเป็น 85% ของการกล่าวถึงนโยบายด้านการช่วยเหลือค่าสาธารณูปโภค

  • ซอฟต์พาวเวอร์(Soft Power)

ก่อนการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร รับบทบาทประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ส่งผลให้ประชาชนในโซเชียลมีเดียมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการผลักดันนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์ของเธอ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น การผลักดันการศึกษา การส่งเสริมการท่องเที่ยว การยกระดับการผลิตสินค้า เป็นต้น

  • การแก้ไขปัญหายาเสพติด

ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสังคมไทย สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือการขาดความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ นโยบายด้านสาธารณสุขที่นำกัญชาและกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดได้สร้างความท้าทายในการจัดการกับปัญหานี้ ภายหลังจากที่ น.ส.แพทองธารได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ประชาชนในโซเชียลมีเดียต่างแสดงความคาดหวังอย่างสูงต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ความคาดหวังนี้มีรากฐานมาจากความสำเร็จในอดีตของรัฐบาลภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ซึ่งสามารถจัดการกับปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ยกระดับฐานรายได้

ในช่วงหาเสียง พรรคเพื่อไทยได้เสนอนโยบายเพื่อดึงดูดความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนผู้จบการศึกษาปริญญาตรี 25,000 บาท เมื่อมีการประกาศแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ลูกสาวของอดีตนายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประชาชนในโซเชียลมีเดียจึงให้ความสนใจนโยบายนี้ โดยหวังว่าเธอจะสามารถทำให้เศรษฐกิจดีเช่นเดียวกับบิดาของเธอที่ทำได้ในอดีต

อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางส่วน (5% ของการกล่าวถึงนโยบายการเพิ่มรายได้) ที่แสดงความไม่เชื่อมั่นว่านายกฯ แพทองธาร จะสามารถทำให้นโยบายด้านรายได้ประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ อีกประเด็นที่ได้รับการพูดถึงอย่างมากคือการอ้างอิงคำกล่าวของ น.ส.แพทองธารในช่วงหาเสียง “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อม ๆ กัน

 
  1. ความน่าเชื่อถือและความเหมาะสม(35.2%)
  • การไม่รักษาคำพูด

หลังจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สลับขั้วไปจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มขั้วอำนาจเดิมในฝั่งอนุรักษ์นิยม และทำให้พรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย รวมถึงการผิดคำมั่นที่พูดไว้เรื่อง “ปิดสวิตช์ 3 ป” ตอนหาเสียงเลือกตั้ง เหตุการณ์เหล่านี้นำไปสู่ความไม่พอใจของชาวโซเชียลบางกลุ่มจนเกิดวลี “เพื่อไทยหักหลังประชาชน” รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นโดยใช้อิโมจิรูปสตรอว์เบอร์รี่เป็นสัญลักษณ์ สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นที่มีต่อพรรคเพื่อไทย และนายกฯ แพทองธาร ในฐานะผู้นำพรรค

  • คุณวุฒิและวัยวุฒิ

ประเด็นความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องอายุและประสบการณ์ทางการเมือง ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ได้แก่ อายุน้อยเมื่อเทียบกับนายกรัฐมนตรีคนก่อน ๆ และขาดผลงานทางการเมืองที่เป็นที่ประจักษ์

นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างถึงคำพูดของนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เคยกล่าวเมื่อครั้งที่มีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า “ไม่ต้องการได้สามเณรเป็นเจ้าอาวาส” ในครั้งนี้จึงมีการเปรียบเปรยกันในบางส่วนของสังคมออนไลน์ว่า “ได้แม่ชีเป็นเจ้าอาวาส” โดยต้องการสื่อถึง น.ส.แพทองธาร อย่างไม่เป็นทางการ

  • สืบทอดอำนาจครอบครัวชินวัตร

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงข้อสงสัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร โดยมีประเด็นหลักดังนี้

o พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง

o ความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการทางการเมืองไทย: สถานการณ์นี้ถูกมองว่าสะท้อนปัญหาในระบบการเมืองของไทยที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน

o อิทธิพลของตระกูลชินวัตร: มีการตั้งคำถามว่าการได้รับตำแหน่งนี้อาจเป็นผลมาจากอิทธิพลของครอบครัว และมีการตั้งข้อสังเกตว่าน.ส.แพทองธาร อาจเป็นเพียงตัวแทนในการบริหารประเทศแทนอดีตนายกฯ ทักษิณ

ข้อสงสัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนต่อความโปร่งใสและความเป็นอิสระในการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีคนใหม่

  • ตัวแทนคนรุ่นใหม่

ชาวโซเชียลบางส่วนแสดงความยินดีและพร้อมสนับสนุนนายกฯ แพทองธาร โดยมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารประเทศได้ดี จึงอยากให้โอกาสและรอดูผลงานก่อนแล้วค่อยตัดสินทีหลัง โดยสิ่งที่ชาวโซเชียลกำลังจับตาพิจารณาในช่วงนี้คือการแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่สำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจว่าจะใช้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมบริหาร หรือเป็นกลุ่มนักการเมืองรุ่นเก่าที่เคยทำงานกับนายทักษิณมาก่อน

  1. เสถียรภาพทางการเมือง(17.6%)  

เหตุการณ์ที่ผ่านมาได้สร้างความกังวลให้กับประชาชนในโซเชียลมีเดีย โดยมีประเด็นหลักดังนี้

  1. ความเปราะบางของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง หลังจากดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึง1 ปี
  2. ความกังวลว่านายกฯ แพทองธารอาจเผชิญชะตากรรมเดียวกัน
  3. ความกังวลเกี่ยวกับการบริหารประเทศของนายกฯ แพทองธาร ภายใต้อิทธิพลของนายทักษิณ
  4. ประเด็นการถือครองทรัพย์สิน ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการถูกตัดสิทธิทางการเมือง เช่นเดียวกับกรณีการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ประเด็นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของประชาชนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในปัจจุบัน

  1. เฝ้ารอการฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจ(5.9%)  

แม้ว่าประเด็นหลักซึ่งมีการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันในหลากหลายแง่มุมจะเกี่ยวข้องกับความนิยมของตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทย รวมถึงการแบ่งแยกแนวคิดทางการเมืองระหว่างอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยม แต่ก็ยังคงมีการพูดถึงประเด็นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งมีมุมมองที่น่าสนใจดังนี้

o ประเด็นปากท้อง: บางส่วนให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก

o ความสงบของบ้านเมือง: มีการแสดงความคิดเห็นที่เน้นความสำคัญของเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม

Insight ที่น่าสนใจจาก Reaction ของผู้คนบนเฟซบุ๊ก

การวิเคราะห์การแสดงอารมณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับนายกฯ แพทองธารผ่าน Reaction บนเฟซบุ๊ก พบประเด็นที่น่าสนใจ คือโดยปกติผู้ใช้เฟซบุ๊กมักจะกดไลค์ (Like) เพราะกดง่าย แตกต่างจาก Reaction อื่นที่ต้องเลื่อนเพื่อจะเลือก แต่จากการศึกษาโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับนายกฯ แพทองธารซึ่งมี Engagement สูงกว่า 10,000 ครั้ง กลับพบว่ามีการกดปุ่ม “หัวเราะ” เฉลี่ยสูงถึง 29% ของ Reaction ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

การตีความ Reaction “หัวเราะ”:

– ไม่ได้สะท้อนถึงความขบขันจากเนื้อหาโพสต์โดยตรง

– อาจบ่งชี้ถึงทัศนคติเชิงลบต่อนายกรัฐมนตรีและระบบการเมือง

– อาจเป็นการแสดงความไม่เชื่อมั่นหรือการเยาะเย้ย

นัยยะทางสังคม: การใช้ Reaction “หัวเราะ” บนโซเชียลมีเดียอาจเป็นวิธีที่ผู้คนใช้เพื่อแสดงความรู้สึกอย่างปลอดภัยและเป็นที่ยอมรับในบริบทของสื่อสังคมออนไลน์ ประเด็นนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่คนไทยในยุคดิจิทัลเลือกแสดงความไม่พอใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่านฟีเจอร์ที่มีอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

ท้ายที่สุดแล้ว เสียงสะท้อนของประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียได้เผยให้เห็นภาพอันซับซ้อนของความรู้สึกที่มีต่อสถานการณ์การเมืองไทย แม้จะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อวงจรปัญหาทางการเมืองที่ดูเหมือนไร้ทางออก แต่ยังคงมีประกายแห่งความหวังต่อการเปลี่ยนแปลง ประชาชนยังคงตั้งความหวังไว้กับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปฏิรูประบบการเมือง และยกระดับการบริหารประเทศ ความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความท้อแท้และความคาดหวังนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเผชิญ ในการที่จะสร้างความเชื่อมั่นและนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ประชาชนต้องการ

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมข้อมูลจาก DXT360 (Social Listening and Media Monitoring Platform) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (dataxet:infoquest) โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 15-18 สิงหาคม 2567

 

เกี่ยวกับ DXT360

DXT360 เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารได้ทั้งจากโซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ สื่อบรอดคาสท์ และสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voices) คอนเทนต์จาก Influencers และ KOLs ไปจนถึงข่าวจากสื่อมวลชน ที่รวบรวมเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Dashboard ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละราย (Customizable Dashboard) จึงทำให้เข้าใจและเห็น Insight ในประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้เห็นทิศทางการสื่อสารของแบรนด์ต่าง ๆ สามารถนำมาต่อยอดเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันอังคารที่ 24 ตุลาคม 2566

คลิกที่ภาพ

 

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566


1.อธิบดีปศุสัตว์ ลุยฟ้อง “อัจฉริยะ” หมิ่นกล่าวหาเอี่ยวทุจริตนำเข้าหมูเถื่อน

2. “แพทองธาร” ลั่นพร้อมเปลี่ยนเพื่อไทยให้เป็นพรรคที่พร้อมตลอดเวลา ยันพร้อมแล้วประชุม หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ศุกร์นี้

3. ‘ถาวร เสนเนียม’ อดีตแกนนำพรรคไทยภักดี สวมเสื้อ รทสช. ลั่นอุดมการณ์เหมือนเดิม ไม่ละเว้นคนชั่วเด็ดขาด

4.พิเชษฐ์ ติงส.ส.เพื่อไทย นี่คือความล้มเหลว รับสู้ก้าวไกลไม่ได้ ปมยื่นญัตติกฎหมายล่าช้า

5.สธ.ตั้งกรรมการสอบรพ.มหาราชมีเอี่ยวช่วย “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หลบหนีหรือไม่

6.อนุทิน สั่ง มท.กวาดล้างยาเสพติด-สถานบริการไม่มีใบอนุญาต หนุน สส.ดูสัปเหร่อ

7. ‘ต้องเต’ เตรียมแก้บนครั้งใหญ่ หลังหนัง ‘สัปเหร่อ’ จักรวาลไทบ้าน พุ่งสู่ 500 ล้าน

8.ตำรวจจีนยึดมือถือ 2.6 หมื่นเครื่อง ใช้ปั่นยอดวิวให้ลูกค้าไลฟ์สดขายของ

9. Google Maps ปิดใช้งานชั่วคราวใน #อิสราเอล และ #กาซา ตามคำขอ #กองทัพอิสราเอล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News