นายกฯ แพทองธาร นำทีมคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มุ่งสู่ปี 2568 ที่สดใส

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 เพื่อหารือและวางแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ไขปัญหาหนี้สิน และกระตุ้นการลงทุน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2568

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคของภาครัฐ การลงทุนภาครัฐ การส่งออก การท่องเที่ยว และภาคก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้มากกว่านี้ จึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้น เพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ

  • เพิ่มรายได้และลดรายจ่าย: รัฐบาลจะดำเนินมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
  • แก้ไขปัญหาหนี้สิน: รัฐบาลจะร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาออกแบบมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน ทั้งหนี้บ้าน หนีรถ และหนี้เอสเอ็มอี เพื่อบรรเทาภาระหนี้สินและฟื้นฟูความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชน
  • กระตุ้นการลงทุน: รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 สำหรับผู้สูงอายุ

ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการแนวทางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ และต้องไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ คาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายนี้ไม่เกิน 4 ล้านคน โดยจะเร่งจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนไม่เกินเดือนมกราคม 2568

เป้าหมายระยะยาว:

รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมนวัตกรรม และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 จะเริ่มจ่ายเมื่อไหร่? คาดว่าจะเริ่มจ่ายเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชนไม่เกินเดือนมกราคม 2568
  2. ใครบ้างที่สามารถเข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ได้? ผู้ที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐสำเร็จ และต้องไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ
  3. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการมีอะไรบ้าง? นอกจากโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาทแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การอุดหนุนค่าครองชีพสำหรับกลุ่มเปราะบาง การแก้ไขปัญหาหนี้สิน และการส่งเสริมการลงทุน
  4. รัฐบาลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตได้เท่าใด? รัฐบาลเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ
  5. ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้จากช่องทางใดบ้าง? ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากเว็บไซต์ของรัฐบาล สื่อมวลชน หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR