Categories
NEWS UPDATE

“วราวุธ” เป็นพยาน พม. – ออมสิน แก้หนี้ ขรก.พม. เตรียมขยายแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย

 
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 67 เวลา 09.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการส่งเสริมภูมิคุ้มกันทางการเงิน (MSO FinProtect)” ระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับธนาคารออมสิน โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าฐานรากและสนับสนุนนโยบายรัฐ ร่วมลงนาม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สะพานขาว กรุงเทพฯ

นายวราวุธ กล่าวว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยถึงปัญหาหนี้สิ้นของประชาชน และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงรวบรวมปัญหาหนี้สิ้นทั้งระบบ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการวางแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากรกระทรวง พม. โดยความร่วมมือกับธนาคารออมสิน ภายใต้ “โครงการส่งเสริมภูมิคุ้มกันทางการเงิน (MSO FinProtect)” เป็นการประสานความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่บุคลากรกระทรวง พม. ตลอดจนสนับสนุนความรู้และให้คำปรึกษาแนะนำ การวางแผน และการรักษาวินัยทางการเงิน 

นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ความร่วมมือในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งสองหน่วยงานในการช่วยเหลือสวัสดิการด้านการเงินให้แก่บุคลากรกระทรวง พม. ทุกคน ทุกระดับ โดยผู้บริหารทั้งสองหน่วยงานตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสวัสดิการด้านการเงินของบุคลากร เพื่อแบ่งเบา แก้ไขปัญหาภาระหนี้สิน ด้วยการสนับสนุนข้อมูล ความรู้ การให้คำปรึกษาแนะนำ การจัดการมาตรการผ่อนปรนทางด้านดอกเบี้ย การวางแผนและการรักษาวินัยทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อบุคลากรที่พร้อมเข้าร่วมโครงการในวันนี้ จำนวน 3,233 คน มียอดหนี้สินรวมกัน 3,884,720,010 บาท ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้สินของบุคลากรกลุ่มนำร่อง จำนวน 150 คน วงเงินไม่เกิน 250,000 บาท โดยเบื้องต้นของเป้าหมายคือ ลูกหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้นอกระบบ มีจำนวนหนี้รวมทั้งหมด 16,118,109 บาท ในจำนวนเงินดังกล่าว มีภาระชำระดอกเบี้ย จำนวนเงิน 3,183,665 บาทต่อปี หากทำการปรับโครงสร้างหนี้สินกับธนาคารออมสินแล้ว จะสามารถลดภาระการชำระดอกเบี้ยได้ จำนวนเงิน 1,733,035 บาทต่อปี จะเห็นได้ว่าเบื้องต้น เป็นโครงการนำร่องจากจำนวนบุคลากร 150 เท่านั้น และหากดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สินได้ทั้งหมด 3,233 คน จะส่งผลให้ภาระหนี้สินด้านดอกเบี้ยที่จ่ายได้ผ่อนคลายลง สำหรับบุคลากรที่ได้ปรับโครงสร้างหนี้สินในเรื่องการยืดระยะเวลาชำระ ยิ่งจะส่งผลให้ลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน ทำให้สามารถบริหารการเงินส่วนบุคคลให้เกิดสภาพคล่องในการดำรงชีพได้ดียิ่งขึ้น

นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่ที่ตนได้เข้ามาทำงานที่กระทรวง พม. เมื่อเดือนกันยายน 2566 เห็นได้ว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมถึงอาสาสมัครของกระทรวง พม. มีภารกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรับฟังปัญหาและเข้าไปแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านที่อยู่อาศัย สภาพความเป็นอยู่ของแต่ละครอบครัว ดังนั้น การที่กระทรวง พม. จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดูแลคนของเรา ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะเป็นน้ำที่ไม่เคยเต็มแก้ว ดังนั้น วันนี้สิ่งที่สำคัญคือการแสดงให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. ได้เห็นว่าผู้บริหารของกระทรวง พม. ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการ เข้าใจและให้ความสำคัญกับสถานการณ์และความเป็นอยู่ของเพื่อนข้าราชการทุกคน จึงเป็นเหตุผลให้เริ่มดำเนินโครงการในวันนี้ และต้องขอขอบคุณธนาคารออมสินที่เข้ามาเป็นผู้แก้โครงสร้างหนี้สินและดูแลการจัดระเบียบของหนี้สินทั้งหลายของข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. 

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นของโครงการนี้ จะเข้ามาดูปริมาณหนี้สินทั้งหมดว่า มีจำนวนเท่าไหร่และจะมาปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นค่อนข้างสูง ดังนั้น การที่ธนาคารออมสินเข้ามาดูแลหนี้สิน ดอกเบี้ยบัตรเครดิต เราจะสามารถปรับมูลค่าดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายลดลงไปได้กว่าครึ่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ไปได้มากพอสมควร นอกจากนี้ เรายังมีแผนเจรจากับสถาบันการเงิน เรื่องหนี้ที่อยู่อาศัย เพราะปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของพี่น้องประชาชนรวมถึงเพื่อนข้าราชการกระทรวง พม. ดังนั้น การที่เราจะสามารถเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินเรื่องบ้าน ตนเชื่อมั่นว่าการทำโครงการนี้และในอนาคตนั้น จะเพิ่มศักยภาพการทำงาน
ของเพื่อนข้าราชการกระทรวง พม. ได้เป็นอย่างดี
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

พม. เตรียมทำ Sandbox พัฒนาคุณภาพ ประเมินผลสถานรองรับเด็กทั่วประเทศ

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยถึงการปฏิรูประบบบริหารจัดการสถานรองรับเด็กว่า เบื้องต้น ได้มอบหมายให้ผู้บริหารกระทรวง พม. พร้อมผู้บริหารกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ลงพื้นที่เพื่อสแกนปัญหาการปฎิบัติงานและการดูแลเด็กในสถานรองรับเด็กสังกัด ดย. จำนวน 30 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีเด็กอยู่ในความดูแลกว่า 4,000 คน โดยมีการตรวจสอบถึงชั่วโมงการทำงานของพี่เลี้ยง ระบบงานสังคมสงเคราะห์  สภาพแวดล้อม สุขอนามัย ความปลอดภัย โภชนาการ ตารางกิจกรรมตลอด 24 ชั่วโมง มิติความเป็นส่วนตัวของเด็ก โปรแกรมการปรับพฤติกรรมเด็กบางรายที่อาจจะมีปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงเด็กที่มีภาวะพฤติกรรมเบี่ยงเบน เช่น ถูกกระทำความรุนแรงจากครอบครัว ก้าวร้าว ลักขโมย ทำร้ายผู้อื่นหรือทำร้ายตัวเอง เป็นต้น อีกทั้งร่วมกับทีมสหวิชาชีพเข้าไปตรวจสอบถึงมาตรฐานการดูแลเด็กทั้งหมด รวมถึงการประเมินทักษะความสามารถ ความถนัดของเด็กแต่ละคน เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนพัฒนารายบุคคล  ในส่วนของเด็กโต มีการเสนอให้จัดตั้งสภาเด็กในสถานรองรับเด็ก โดยให้เด็กมีส่วนร่วมในการเสนอความต้องการและกำหนดกิจกรรมต่างๆ 

    นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ดูแลหรือพี่เลี้ยงเด็กจะต้องมีการประเมินการปฎิบัติงานทั้งทัศนคติ ทักษะความรู้ ศักยภาพการทำงาน รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่มากเกินไปหรือไม่ เป็นต้น โดยวิเคราะห์ภาพรวมทั้งหมดและจัดทำเป็นแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก เพื่อเสนอของบประมาณจากรัฐในการดำเนินการแต่ละด้าน ซึ่งจากเหตุการณ์พี่เลี้ยงกระทำความรุนแรงกับเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงจังหวัดสระบุรี รวมถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดในสถานรองรับเด็กเอกชน นับเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องนำมาปรับและพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานสูงขึ้น ประกอบกับในห้วงเวลาเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จึงต้องทบทวนการทำงานเพื่อเสนอรัฐบาลชุดใหม่

     นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ มีการสแกนพบปัญหาต่างๆ เช่น ทัศนคติ การขาดทักษะในการสื่อสารกับเด็ก อัตราส่วนพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลเด็กไม่ได้เป็นไปตามสัดส่วนของลักษณะปัญหาของเด็ก ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องดึงภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุน นอกจากนี้ อาจต้องอาศัยกลไกคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ซึ่งมีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและทีมสหวิชาชีพ ร่วมติดตามประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานและพัฒนาการเด็กในสถานรองรับเด็กทั้งหมด โดยให้มีการรายงานทุกเดือน จากที่ผ่านมา มีการประเมินติดตามในระดับกรม อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ โดยจะมีการรายงานประเด็นปัญหาให้ที่ประชุมรับทราบพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นที่ปัจจุบัน เด็กมีอัตราการเกิดน้อยลง แต่พบว่า มีการนำเด็กเข้าสู่สถานรองรับเด็กจำนวนมาก นับเป็นอีกข้อท้าทายที่ต้องไปดูปัญหาต้นทางที่ความเป็นอยู่ของเด็กในครอบครัว และร่วมกันเสนอทางออกว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้เด็กได้อยู่กับครอบครัวและชุมชนในพื้นที่อย่างปลอดภัย โดยรัฐเข้าไปช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS NEWS

พม. จัดงาน “KICK OFF ต่อต้านการค้ามนุษย์” TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน

พม. จัดงาน “KICK OFF ต่อต้านการค้ามนุษย์” TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 เวลา 13.30 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดงาน “KICK OFF รณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์” ภายใต้แนวคิด TOGETHER WE CAN หยุด ค้า คน โดยมี คณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  พร้อมเครือข่าย เข้าร่วมงาน ณ ศูนย์การค้า เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก กรุงเทพมหานคร อีกทั้งผ่านระบบออนไลน์ โดยมีหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการสังกัดกระทรวง พม. เครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน เครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ เข้าร่วม 

        นายอนุกูล  กล่าวว่า “การค้ามนุษย์” เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เศษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ ปัจจุบัน พบว่า ขบวนการค้ามนุษย์เปลี่ยนรูปแบบการกระทำผิดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เช่น การค้าประเวณี การหลอกเด็กหญิง เด็กชาย ผู้ชายและผู้หญิงเพื่อผลิตสื่อลามกอนาจาร และการหลอกลวงโฆษณาจัดหางาน เพื่อชักชวนคนไทยให้ไปทำงานต่างประเทศ เป็นต้น โดยปี 2565 มีคดีค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์ถึง 182 คดี คิดเป็นร้อยละ 71 ของคดีค้ามนุษย์ทั้งหมด 253 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีจำนวน  107 คดี คิดเป็นร้อยละ 70.09 ของคดีค้ามนุษย์ ทั้งหมด 188 คดี ทั้งนี้ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย 

      นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ กระทรวง พม. ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงจัดงานวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 ในวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ ห้องฟีนิกซ์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์  สำหรับวันนี้ กระทรวง พม. โดยกองต่อต้านการค้ามนุษย์  ได้จัดงาน KICK OFF วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ภายใต้แนวคิด TOGETHER WE CAN หยุด ค้ำ คน เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่เด็ก เยาวชน  และประชาชน ในการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์  และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคประชาสังคม องค์การระหว่างประเทศ และประชาชน เป็นเครือข่ายต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทยที่เข้มแข็งต่อไป 

 

การจัดงานครั้งนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 

1) การเปิดตัวทูตรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นครั้งแรกของประเทศไทย คือ นางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ ดารานักแสดง 

2) การปล่อยคาราวานรถตุ๊กตุ๊กรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ 

3) การเสวนาในหัวข้อ “สื่อออนไลน์กับการค้ามนุษย์” 

4) การแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน และ 

5) การจัดแสดงบูธนิทรรศการผลงานของภาคีเครือข่าย จำนวน 14 บูธ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม.) 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ปลัด พม. เตรียมรื้อระบบสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุเด็กถูกพี่เลี้ยงกระทำรุนแรง

ปลัด พม. เตรียมรื้อระบบสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุเด็กถูกพี่เลี้ยงกระทำรุนแรง

Facebook
Twitter
Email
Print

 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 18.00 น. นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเด็กถูกกระทำความรุนแรงในสถานสงเคราะห์เด็ก ที่จังหวัดสระบุรี ว่า ขณะนี้ กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ได้สั่งการให้พี่เลี้ยงที่กระทำความรุนแรงกับเด็กหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมทั้งแจ้งความดำเนินคดี ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงรวบรวมข้อมูลจากเด็ก 169 คน ที่อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่า มีเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงประมาณ 9 คน มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป และได้คัดแยกกลุ่มเด็กดังกล่าวออกจากพื้นที่มาอยู่ในความดูแลชั่วคราวของบ้านพักเด็กและครอบครัวในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อคลายความวิตกกังวล อีกทั้งได้ส่งนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาเข้าประเมินและฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ กระทรวง พม. ขอรับประกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ เพื่อจะได้ไม่มีความวิตกกังวล โดยได้เตรียมหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงไว้รองรับการปฎิบัติงาน 

         นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า เย็นวานนี้ (29 พ.ค. 66) มีการประชุมด่วนเพื่อหารือกับผู้บริหารกระทรวง พม. ทุกกรม ในการจัดระบบสถานสงเคราะห์และสถานรองรับทั่วประเทศใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้รับบริการทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ คนไร้ที่พึ่ง  และป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก  อีกทั้งจะให้มีการหมุนเวียนการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานที่ทำงานมานานเกิน 3 ปี เนื่องจากอาจขาดความกระตือรือร้น ความเอาใจใส่ และจะให้มีการประเมินและพัฒนาทักษะพี่เลี้ยงเป็นระยะ สำหรับเย็นวันนี้ (30 พ.ค. 66) ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวง พม. ร่วมกับหัวหน้าสถานสงเคราะห์และหน่วยงานสถานรองรับทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำแนวทางการดำเนินงานและมาตรการต่างๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนการดูแลผู้รับบริการให้ดีขึ้น 

       นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุครั้งนี้ เกิดขึ้นในสถานสงเคราะห์ของรัฐ  ซึ่งกระทรวง พม. ต้องยอมรับผิดและขอโทษสังคมอย่างยิ่ง เพราะคนในสังคมคาดหวังหน่วยงานรัฐในการช่วยเหลือดูแลเด็กอย่างดี ดังนั้น จึงต้องเร่งแก้ปัญหาทั้งระบบโครงสร้าง รวมถึงบุคลากร โดยจะนำวิกฤตเป็นโอกาสที่จะต้องจัดการทั้งระบบให้ชัดเจน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News