Categories
NEWS UPDATE

สรรพสามิตเปิดตัว QR บุหรี่ สแกนรู้ทันที แท้หรือเถื่อน

กรมสรรพสามิตเปิดตัว “QR บุหรี่” ตรวจสอบสินค้าด้วยมือถือ รู้ทันทีว่าบุหรี่แท้หรือเถื่อน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวเปิดตัว “ระบบ QR บุหรี่ ตรวจ-ติด-ตาม” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการตรวจสอบและติดตามบุหรี่ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลบุหรี่ได้อย่างง่ายดาย เพียงใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่

ระบบ QR Code เพื่อความโปร่งใสและป้องกันบุหรี่เถื่อน

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ระบบ QR Code ที่พัฒนาขึ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ป้องกันการปลอมแปลง และ ตรวจสอบการชำระภาษี ของบุหรี่ทุกซองที่จำหน่ายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี Unique QR Code ที่มีรหัสตรวจสอบ 13 หลักไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ตรวจสอบความถูกต้องของการเสียภาษีได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

QR Code ที่พิมพ์บนดวงแสตมป์ยาสูบจะประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญ เช่น

  • วันที่ชำระภาษี
  • ผู้ประกอบการ
  • ตราสินค้า
  • รายละเอียดสินค้า
  • สถานที่ผลิตและจัดส่ง

วิธีการใช้งานง่าย แค่สแกนก็รู้ข้อมูลทันที

ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ ร้านค้า เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป สามารถตรวจสอบความถูกต้องของบุหรี่ที่ซื้อมาได้ เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่ ข้อมูลทั้งหมดจะปรากฏบนหน้าจอทันที ทำให้รู้ได้ว่า

  • บุหรี่ซองนั้นชำระภาษีแล้วหรือไม่
  • ผลิตเมื่อไหร่
  • เป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
  • บุหรี่แท้หรือเถื่อน

ประโยชน์ของระบบ QR บุหรี่ต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

ระบบนี้จะช่วยสร้าง ความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ว่าสินค้าที่ซื้อเป็นของแท้และชำระภาษีถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วย ป้องกันการระบาดของบุหรี่เถื่อน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บุหรี่เถื่อนแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง

ด้านผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นของสินค้าที่จำหน่าย และยังสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าที่รับมาจำหน่ายได้ว่าถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

ผลกระทบเชิงบวกต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐ

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการแล้ว ระบบ QR Code ยังช่วยให้ภาครัฐสามารถ ติดตามการจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มากขึ้น เนื่องจากสามารถตรวจสอบและติดตามการเคลื่อนย้ายของบุหรี่แต่ละซองได้แบบ เรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเลี่ยงภาษีและบุหรี่เถื่อน

การนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค

ข้อมูลที่ได้รับจากระบบ QR Code ยังสามารถนำไปใช้ในการ วิเคราะห์แนวโน้มการบริโภคบุหรี่ ในเชิงลึกได้ ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวางแผนนโยบายและมาตรการควบคุมการบริโภคบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อนาคตของการขยายการใช้งานระบบ QR Code

ในระยะต่อไป กรมสรรพสามิตมีแผนที่จะขยายการใช้งานระบบ QR Code สำหรับบุหรี่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อให้การควบคุมและตรวจสอบสินค้ามีความครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาบุหรี่เถื่อนที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ระบบ QR บุหรี่มีวัตถุประสงค์อะไร?
    เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและตรวจสอบการชำระภาษีของบุหรี่ทุกซอง

  2. ผู้บริโภคสามารถใช้งานระบบนี้ได้อย่างไร?
    เพียงใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่ ข้อมูลจะปรากฏบนหน้าจอทันที

  3. ระบบนี้จะช่วยป้องกันบุหรี่เถื่อนได้อย่างไร?
    ช่วยให้เจ้าหน้าที่และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะบุหรี่ได้ทันทีว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

  4. การขยายการใช้งานระบบในอนาคตเป็นอย่างไร?
    กรมสรรพสามิตมีแผนที่จะนำระบบไปใช้กับบุหรี่ที่นำเข้าจากต่างประเทศในอนาคต

  5. ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับคืออะไร?
    ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าที่จำหน่ายและป้องกันการรับสินค้าปลอมเข้ามาขายในตลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมสรรพสามิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
SOCIETY & POLITICS

จ.สงขลา จับกุมบุหรี่หนีภาษี กว่า 5 แสนซอง มูลค่ากว่า 42 ล้าน

สรรพสามิตจับกุมผู้กระทำผิดบุหรี่หนีภาษีล็อตใหญ่ โดยสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา พร้อมบูรณาการร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพเรือภาคที่ 2 ศร.ชล.ภาค 2  ฝ่ายปกครอง ศุลกากรภาคที่ 4 และ กอ.รมน. สงขลา ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 บุหรี่หนีภาษียี่ห้อ Gold Mount ล็อตใหญ่จำนวน 532,500 ซอง ประมาณการมูลค่าสินค้า 42,000,000 บาท ประมาณการมูลค่าภาษี 33,400,000 บาท ณ สถานที่เกิดเหตุบริเวณท่าเทียบเรือ อ.จะนะ จ.สงขลา  

นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า “วันที่ 3 สิงหาคม 2566 ภายใต้การอำนวยการของ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายวิวัฒน์ เขาสกุล ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต โดยการผนึกกำลังในการจัดการของผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 สรรพสามิตพื้นที่สงขลา ผอ.สตป.สภ.9 รักษาการ หน.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 หน.ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา และสรรพสามิตพื้นที่สาขาเมืองสงขลา สายตรวจสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9 สายตรวจสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สงขลา บูรณาการร่วมกับกองทัพเรือภาคที่ 2 ศร.ชล. ภาค 2 ฝ่ายปกครอง ศุลกากรภาคที่ 4 กอ.รมน. สงขลา ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ที่ลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศที่มิได้เสียภาษีแบบทันท่วงที ณ สถานที่เกิดเหตุบริเวณ ท่าเทียบเรือ อ.จะนะ จ.สงขลา”  
 
สำหรับผลการจับกุมนั้น สามารถจับผู้ต้องหาได้จำนวน 15 คน โดยมีของกลางประกอบด้วย 1. รถยนต์กระบะตู้ทึบ จำนวน 8 คัน 2. เรือประมง จำนวน 1 ลำ และ 3. ยาสูบต่างประเทศ ยี่ห้อ Gold Mount ที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิต จำนวน 532,500 ซอง โดยกรมสรรพสามิตได้ทำการจับกุม และได้มีการประมาณการมูลค่าสินค้า 42,000,000 บาท ประมาณการภาษี 33,400,000 บาท โดยมีการส่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
 
นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรมสรรพสามิตได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร. บ.ภาษีสรรพสามิต 2560 อย่างเคร่งครัด โดยครั้งนี้เป็นการจับกุมล็อตใหญ่ที่หากเล็ดลอดไปได้จะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของความชอบธรรมที่ต้องมีให้กับผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต รวมถึงการดูแลความปลอดภัยด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวไทยจากการได้รับสินค้าปลอมแปลงที่อาจเกิดปัญหาหรือส่งผลต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน”  
      
ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสหรือพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตสามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศหรือ สายด่วน 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมล์ excise_hotline@excise.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 9

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

พลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอให้สามารถนำเอทานอลไปผลิตอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ นอกเหนือการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา สอดรับหลักการ BCG Model ด้านกรมสรรพสามิตขานรับนโยบายหนุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bio Plastic) รองรับการขยายตัวตามเทรนด์โลกในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สร้างมาตรฐานสากล  เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 รับทราบแนวทางส่งเสริมการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากการเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตสุรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG อันจะเป็นการสร้างระบบนิเวศน์เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสำหรับผู้ผลิตเอทานอลในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608 กระทรวงการคลังจึงกำหนดแนวทางการส่งเสริม   การนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดการผลิตเม็ดพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในชั้นบรรยากาศ รวมถึงลดการใช้ปิโตรเคมีจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตเม็ดพลาสติก

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร พร้อมดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงการคลัง โดยจะสนับสนุนให้นำเอทานอลไปผลิตพลาสติกชีวภาพได้ โดยกำหนดให้ผู้ใช้เอทานอลจะต้องใช้เอทานอลที่ผลิตในประเทศก่อนเป็นลำดับแรก

สำหรับแนวทางในการนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ สามารถสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. จัดทำมาตรฐานการผลิตเอทานอลภายในประเทศ ซึ่งมีสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำมาตรฐานการผลิตเอทานอลร่วมกับผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศ ผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอล รวมถึงสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานทางเทคนิคและการพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็นผู้ตรวจประเมินตามมาตรฐานที่กำหนด


2. กระทรวงการคลังจะแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาปริมาณการผลิตเอทานอลที่เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับร่วมกันระหว่างผู้ผลิตเอทานอลและผู้ใช้เอทานอลจากผู้ผลิตในประเทศล่วงหน้าในแต่ละปี ในกรณีที่ผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถผลิตเอทานอลได้ตรงตามมาตรฐานและไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้เอทานอล จะกำหนดปริมาณการนำเข้าเอทานอลที่จะได้รับสิทธิอากรขาเข้าในอัตราพิเศษเพื่อนำมาใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ


3. ภาครัฐให้การสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในประเทศให้สามารถจำหน่าย เอทานอลในราคาที่สามารถแข่งขันกับเอทานอลนำเข้าได้อย่างยั่งยืน


4. กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจะพิจารณาดำเนินการออกมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการนำเอทานอลไปใช้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ

โดยคาดว่าในเบื้องต้นจะมีความต้องการใช้เอทานอลประมาณ 450 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งแนวทางการส่งเสริมเอทานอลชีวภาพในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรและผู้ผลิตเอทานอลในการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพของเอทานอลในประเทศไทย รวมถึงเป็นการเพิ่มตลาดใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านการใช้เอทานอลในภาคการขนส่งจากนโยบายการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า” นายเอกนิติกล่าว  

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการผลิตพลาสติกจากวัตถุดิบปิโตรเลียม ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก ซึ่งหากเปลี่ยนวัตถุดิบเป็นเอทานอลที่มาจากพืช เช่น อ้อย หรือมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบชีวภาพ (Bio-based) จะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จำนวนมาก โดยกระบวนการปลูกพืช  เพื่อนำมาผลิตเอทานอลและนำไปใช้ในการผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพเป็นกระบวนการผลิตที่มี Carbon Footprint ต่ำ สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 15 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร จึงเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก และหากประเทศไทยสามารถปรับกระบวนการผลิตเป็นพลาสติกชีวภาพได้ทั้งหมด 5 ล้านตัน จะช่วยสนับสนุนความต้องการเอทานอลมากกว่า 10,000 ล้านลิตรต่อปี ทำให้เกษตรกรและผู้ผลิตมีความมั่นใจในการลงทุนพัฒนาคุณภาพเอทานอลในประเทศให้มีมาตรฐานระดับสากล ส่งเสริมและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งส่งผลดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจากโอกาสดังกล่าว ที่สำคัญยังเป็นการตอบสนองต่อฉันทามติสากลในการลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG อย่างแท้จริง

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมสรรพสามิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News