Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเตรียมความพร้อมสู่ เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Pre-EIT)

 

 

เมื่อวันอังคาร ที่ 20 มิถุนายน 2566 นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการสัมมนาการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการส่งเสริมพัฒนาพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Pre-EIT) จังหวัดเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีอุตสากรรมจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทน เจ้าหน้าที่ ท้องที่ ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เข้าร่วมสัมมนา ที่ห้องประชุมนารายณ์ ชั้น 2 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย และผ่านระบบออนไลน์

 
 
การสัมมนาถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ในครั้งนี้ เป็นกรอบการทำงานที่สำคัญกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาพื้นที่ให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย “เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม” โดยเป้าหมายภายในปี พ.ศ.2575 ประเทศไทยจะมีต้นแบบ “เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม” ไม่น้อยกว่า 40 พื้นที่ใน 37 จังหวัด และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในอนาคต ในการสัมมนา มีการบรรยายให้ความรู้จากวิทยากรในเรื่องฉากทัศน์การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบการ และเรื่องการบริหารการจัดการขยะภาคอุตสาหกรรมภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG
เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมเหนี่ยวนำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ และการบริหารจัดการในพื้นที่ให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ โดยแบ่งระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็น 5 ระดับ คือ ระดับที่ 1 การมีส่วนร่วม ระดับที่ 2 การส่งเสริม ระดับที่ 3 ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร ระดับที่ 4 การพึ่งพาอาศัย ระดับที่ 5 เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามเกณฑ์ข้อกำหนดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
 
 
นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงราย มีการพัฒนาพื้นที่ตำบลผางาม และตำบลเวียงชัย อำเภอเวียงชัย สู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับที่ 5 คือ เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม เป็นแนวคิดที่ออกแบบเพื่อการสร้างการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม โดยเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นฟันเฟืองหลัก ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ชุมชน วัด บ้าน โรงเรียน ในพื้นที่ ร่วมกันออกแบบพื้นที่ด้วยการกำหนดนโยบาย วิสัยทัศน์ ทิศทางการพัฒนาตามบริบทของชุมชน โดยขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนปฏิบัติการ โครงการ กิจกรรมต่างๆ สอดคล้องกับ 5 มิติ คือ กายภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และการบริหารจัดการ ซึ่งในแต่ละมิติจะเป็นไปตามแนวทางเกณฑ์ข้อกำหนดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงอุตสาหกรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

ยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเชียงราย สู่ Product MICE Premium

 

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 66 นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมกิจกรรมการยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium ครั้งที่ 2 จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เข้าร่วม ที่ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย

 
ด้วยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สสปน. หรือ ทีเส็บ ผู้ดำเนินโครงการกิจกรรมการยกระดับการพัฒนาและการมีส่วนร่วมของชุมชนสู่ Product MICE Premium ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย มาสร้างเสน่ห์ที่แตกต่างเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการของกิจกรรมไมซ์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 และเป็นการสรุปผลการคัดเลือกสินค้าและบริการจาก 14 ชุมชนให้เหลือ 5 ชุมชน ที่จะเป็นตัวแทนในการนำผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นในจังหวัดเชียงรายไปเผยแพร่ และจะได้รับการต่อยอด พัฒนาเป็นสินค้าหรือ ของชำร่วย ของที่ระลึก สร้างความประทับใจแก่นักเดินทางไมซ์ต่อไป
 
นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่มีศักยภาพ ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 4 จังหวัดเป้าหมายของพื้นที่ภาคเหนือ ในการทำการตลาดเมือง (Destination Marketing) เพื่อมุ่งนำเสนออัตลักษณ์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชนผ่านกลไกไมซ์เพื่อชับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับเชียงรายเป็นไมซ์ชิตี้ในอนาคต
 
ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงราย ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของจังหวัดเชียงรายมาโดยตลอด ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเชียงรายของทีเส็บ ที่จะนำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมาสร้างเสน่ห์ที่ป็นอัตลักษณ์ มีความแตกต่างหลากหลาย เป็นสินค้าและบริการที่เกิดจากการทำงานของเครือข่ายหลายภาคส่วนในพื้นที่ มีกระบวนการคัดเลือกสินค้าและบริการจากชุมชนต่างๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนชุมชนที่มีคุณภาพ ในนามผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปเผยแพรให้เป็นที่รับรู้ได้กว้างขวาง และสามารถนำไปขยายผลเพิ่มเติม สร้างประโยชน์ สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็ง ให้ชุมชนของจังหวัดเชียงราย อย่างยั่งยืนต่อไป
 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

งานเปิดนิทรรศการเคลื่อนที่”มองสยามตามรอยพระปกเกล้า”

 

เมื่อวันนศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ฐานเจ้าแม่กวนอิม วัดห้วยปลากั้ง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดนิทรรศการเคลื่อนที่ “มองสยามตามรอยพระปกเกล้า” โดยมี พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง กล่าวสัมโมทนียกถา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนหน่วยงาน ครูจากโรงเรียนต่าง ๆ และผู้สนใจในจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมงานเปิดนิทรรศการฯ ดังกล่าว จัดโดย สถาบันพระปกเกล้าร่วมกับวัดห้วยปลากั้ง


นิทรรศการเคลื่อนที่ “มองสยามตามรอยพระปกเกล้า” จัดแสดงระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน – 15 กันยายน 2566 เรียนรู้พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดรัชสมัย อีกทั้งยังได้เรียนรู้เรื่องราวการเสด็จฯ เลียบมณฑลฝ่ายเหนือและมณฑลพายัพจังหวัดเชียงราย และการเสด็จประพาสเมืองเชียงแสนอีกด้วย
 

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม เข้าร่วมงานเปิดนิทรรศการเคลื่อนที่ “มองสยามตามรอยพระปกเกล้า” ในครั้งนี้
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

กรมการกงสุล ลงพื้นที่จ.เชียงราย หลังพบคนไทย ถูกหลอกไปทำงานรัฐฉานพุ่ง 140 ราย

กรมการกงสุล ลงพื้นที่จ.เชียงราย หลังพบคนไทย ถูกหลอกไปทำงานรัฐฉานพุ่ง 140 ราย

Facebook
Twitter
Email
Print
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นำคณะเข้าประชุมหารือกับนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย น.ส.ภาณี จันทร์ตัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาคนไทยถูกหลอกไปทำงานและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในประเทศเมียนมา โดยช่วงแรกจะเป็นการรับทราบสถานการณ์ล่าสุดและติดตามผลการดำเนินการของหน่วยงานต่างๆ ที่ผ่านมาเพื่อจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
.
โดย พ.ต.อ.สัญญา เนียมประดิษฐ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และ น.ส.พิมพ์ ไชยสาร์น กงสุลสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง แจ้งต่อที่ประชุมว่าในปัจจุบันมีคนไทยลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศเมียนมาโดยผิดกฎหมายและหลายรายหลงเชื่อการรับสมัครงานผ่านสื่อสาธารณะหรือโซเซียลมีเดียต่างๆ ที่เสนอรายได้และสวัสดิการที่ดี เหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่มีคนในพื้นที่ จ.เชียงราย เหยื่อบางรายมีการนัดสัมภาษณ์งานผ่านวิดีโอทางไกลเพื่อให้น่าเชื่อถือแต่เมื่อไปทำงานจริงกลับพบว่าเป็นงานที่ไม่ตรงกับที่ตกลงกันเอาไว้ กระนั้นเนื่องจากได้ถูกยึดหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ตไปแล้วและทำสัญญาจ้างงาน รวมทั้งถูกข่มขู่ทำให้จำใจต้องทำงาน ทั้งนี้ข้อมูลกลุ่มบุคคลที่ถูกหลอกไปทำงานพบว่าส่วนใหญ่เป็นคนจากพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด
.
นายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กล่าวว่าปัญหาสำคัญคือไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ที่ร้องทุกข์เป็นเหยื่อจริงหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่เขียนคำร้องทุกข์ถึงเจ้าหน้าที่ไปในทิศทางเดียวกันคือถูกหลอกให้ไปทำงาน ดังนั้นจึงเสนอให้จัดตั้งศูนย์สอบสวนเพื่อลงโทษผู้ที่แจ้งความเท็จอย่างจริงจังและอยากให้ลดขั้นตอนการช่วยเหลือเหลังจากเดิมใช้เวลารายละ 2-3 เดือน เนื่องจากมีเบาะแสแล้วถึง 140 ราย แต่ช่วยเหลือกลับมาได้พียง 63 ราย
.
ด้านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.เชียงราย แจ้งว่าปัญหาหลักคือผู้ที่ลักลอบเข้าไปทำงานออกไปตามช่องทางธรรมชาติที่ไม่ใช่ด่านหลักทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามบุคคลได้โดยง่าย และผู้ที่ลักลอบก็มักจะเต็มใจที่จะไปทำงานแต่เมื่อครบสัญญาจ้างแล้วอาจไม่ได้รับค่าจ้างตรงกับที่คาดการณ์ไว้จึงจะเดินทางกลับประเทศไทย แต่เนื่องจากกระทำผิดด้วยการหลบหนีออกเมืองจึงไม่อยากถูกดำเนินคดี จึงได้แจ้งญาติให้บอกเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นเหยื่อถูกหลอกไปทำงานเพื่อให้รับการช่วยเหลือกลับประเทศไทย ซึ่งพบบางรายหลังจากได้รับช่วยเหลือแล้วยังกลับไปทำงานซ้ำอีก ทั้งนี้ได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างไทยและเมียนมาในการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานในประเทศเมียนมา พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่สืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการ Callcenter และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งต่างชาติและบุคลสัญชาติไทย โดยได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหยุดหลงเชื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มขบวนการ พร้อมออกตรวจประชาสัมพันธ์สถานที่เสี่ยง อาทิ ร้านให้บริการโทรศัพท์มือถือที่มีการจำหน่าย ชิมการ์ด และสถาบันทางการเงินในพื้นที่อีกด้วย
.
รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงปลายปี 2565-2566 คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ฝ่ายไทย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้ประสานไปยัง TBC ฝ่ายเมียนมา จำนวน 6 ครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือคนไทยจำนวน 18 คน ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 11 คน โดยช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2565 และเดือน ม.ค.2566 พบมีผู้ถูกหลอกให้ไปทำงานค้าประเวณีและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไมได้รับการช่วยเหลืออีก 7 คน บางรายไปเป็นกลุ่ม 5 คน ส่วนที่เหลือรายละ 1 คน ส่วนใหญ่มีอายุน้อยตั้งแต่ 20-30 ปี
.
เหยื่อส่วนใหญ่ทราบประกาศรับคนงานทางเฟซบุ๊ก,Line,TIKTOK ให้ไปทำงานที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย อ้างว่าจะมีเงินเดือนๆ ละขั้นต่ำ 10,000 บาท มีที่พักและอาหารฟรี แต่เมื่อไปทำงานจริงกลับถูกส่งไปทำงานตามเมืองใหญ่ๆ ในรัฐฉานซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลชายแดน เช่น เมืองปางซาง เมืองล็อกกิ่งหรือเล่าไก ฯลฯ บางรายถูกให้ลงนามในสัญญาที่เป็นภาษาจีนจึงไม่ทราบรายละเอียด แท้จริงสัญญาระบุให้ทำงาน 6 เดือน หากอยากลาออกต้องจ่ายเงินให้ผู้จ้าง 50,000-200,000 บาท หากไม่มีให้ต้องทำงานจนกว่าจะหมดหนี้ บางรายปฏิเสธงานตั้งแต่ต้นก็ต้องเสียเงินให้นายหน้ารายละ 50,000 บาท ไม่รวมค่าเดินทางกลับด้วย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

ผู้ประกอบการภาคเหนือตอนบน 2 เตรียมงาน East-Northern Thailand & GMS Expo

ผู้ประกอบการภาคเหนือตอนบน 2 เตรียมงาน East-Northern Thailand & GMS Expo

Facebook
Twitter
Email
Print
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ที่ห้องยูโทเปีย โรงแรมเลอเมอริเดียนเชียงราย รีสอร์ท อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย ในฐานะพาณิชย์จังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ระดมผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่ จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และจังหวัดน่าน เพื่อประชุมเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ 
 
โดยมี นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ภายใต้โครงการบูรณาการการค้าการลงทุน ปีงบประมาณ 2566 เตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (East-Northern Thailand & GMS Expo) โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2566 นี้ ที่ลาน The Road ณ UD TOWN EXPO จังหวัดอุดรธานี กิจกรรมภายในงานจัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรม การสาธิตความบันเทิง กิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าตลอดการจัดงาน อาทิ กิจกรรมเจรจาธุรกิจ กิจกรรมการจัดนิทรรศการ East-Northern Thailand Pavilion และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
 
นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มีศักยภาพด้านที่ตั้งสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่มีศิลปวัฒนธรรม ประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มล้านนาตะวันออก ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหัตถกรรม อุตสาหกรรม สินค้าชุมชน เป็นฐานการผลิตสินค้าการเกษตร โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ชา กาแฟ และผลไม้ (ลำไย ลิ้นจี่) ประกอบกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีแผนในการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก (Local Economic) 
 
โดยมีเป้าหมายในการผลักดันสินค้า (Local Plus) จำนวน 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ 1. กลุ่ม BCG ที่มุ่งเน้นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สินค้าออแกนิค 
2. กลุ่มสินค้าอัตลักษณ์ ที่ต้องการรักษาภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น คุณค่าทางวัฒนธรรม และ 
3. กลุ่มสินค้านวัตกรรม ที่ต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าชุมชน
 
ในการนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้แทนสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการค้าและการค้าชายแดนมุ่งสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้โครงการบูรณาการการค้าการลงทุน เพื่อเพิ่มช่องทางการค้า สร้างเครือข่าย เพิ่มขีดความสามารถทางการค้าการลงทุน ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการภาคเหนือตอนบน 2 โดยมี ผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตำบล 2 จำนวนกว่า 160 คน เข้าร่วมกิจกรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

มอบกระบือ 2 ตัว ให้เกษตรกร บ้านตีนดอย อ.แม่สรวย

มอบกระบือ 2 ตัว ให้เกษตรกร บ้านตีนดอย อ.แม่สรวย

Facebook
Twitter
Email
Print

 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่คอกกักสัตว์บ้านเหล่าตีนดอย หมู่ที่ 8 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบกระบือพระราชทาน โครงการอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย โดยมีนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย และนายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนบ้านตีนดอยเข้าร่วม ซึ่งในพิธีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบแม่พันธุ์กระบือได้รับพระราชทานมาจาก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้นายสวัสดิ์ ยาวิลาด เกษตรกรบ้านตีนดอย จำนวน 2 ตัว เพื่อลดรายจ่าย และสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อผู้เลี้ยง


นายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอแม่สรวย กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่อำเภอแม่สรวยประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และยังได้รับการสนับสนุน ช่วยเหลือจากโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ จำนวน 338 ราย และชาวเกษตรกรบ้านตีนดอย ยังเป็นหมู่บ้านตามโครงการ 1 ตำบล 1 หมู่บ้านยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทยอีกด้วย

ด้านนายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนากระบือไทย พระราชทานกระบือที่ทรงไถ่ชีวิต และพระราชทานกระบือดังกล่าวไปให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร คือนายสวัสดิ์ ยาวิลาด อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่ที่ 8 ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย และกล่าวต่อไปว่า กระบือพระราชทานที่นำมามอบในวันนี้ ได้รับการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรียบร้อย และได้ขนย้ายจากคอกกักสัตว์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ารู้สึกยินดีกับผู้ได้รับมอบกระบือพระราชทานในวันนี้ ซึ่งกระบือเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มหาศาลต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรไทย ลูกกระบือเปรียบเสมือนเงินฝากประจำรายปี ปุ๋ยที่ได้จากมูลกระบือ จะช่วยลดรายจ่ายและสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่ผู้เลี้ยง จึงควรแก่ความภาคภูมิใจที่ได้รับ จึงขอให้เกษตรกรที่ได้รับกระบือเลี้ยงดูกระบืออย่างดี เสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว และปฏิบัติตามระเบียบของโครงการฯอย่างเคร่งครัดต่อไป

ทั้งนี้ผู้ที่รับมอบกระบือพระราชทาน ต้องกล่าวปฏิญาณตน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ โดยจะต้องไม่ฆ่า ไม่ขาย พร้อมเลี้ยงดูอย่างดีจนกว่ากระบือจะสิ้นอายุขัย รวมถึงประกอบอาชีพ ที่สุจริตไม่ผิดศีลธรรมหรือจารีตประเพณีที่ดีงาม เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเพิ่มขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชุมชน-ตอบโจทย์ นักเดินทางกำลังซื้อสูง

เชียงราย เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ชุมชน-ตอบโจทย์ นักเดินทางกำลังซื้อสูง

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ที่ร้านสวรรค์บนดิน ฟาร์ม แอนด์ ที ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย นายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ไมซ์สร้างสรรค์ รวมพลังชุมชนภาคเหนือยกระดับการพัฒนา และการมีส่วนร่วม สู่ Product MICE Premium จังหวัดเชียงราย โดยมีนางศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมจะได้รับความรู้จากวิทยากรผู้ชำนาญการ รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ประกอบการด้วยกัน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมช่องทางการตลาดอีกด้วย

นางศุภาดา ชัยวงษ์ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า Product MICE Premium โปรเจ็กต์ของทีเส็บ (TCEB) สำนักงานภาคเหนือ เป็นโครงการสนับสนุนการนำอัตลักษณ์ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าโดยช่างฝีมือท้องถิ่น เช่น อาหาร ของชำร่วย หรือของฝาก ตอบโจทย์นักเดินทางไมซ์ (นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง) ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับการพัฒนาสินค้าผ่านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และทรัพยากรชุมชนให้เกิดประโยชน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างความแตกต่างให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความประทับใจ

ด้านนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็น 1 ใน 4 ของพื้นที่ภาคเหนือ ที่ทางทีเส็บให้ความสำคัญ ในฐานะเมืองที่มีศักยภาพ ทั้งยังเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ มีพรมแดนเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว และเมียนมา) ซึ่งสามารถใช้กลไกไมซ์ เป็นเครื่องมือสร้างเครือข่ายในการบริหารจุดแข็งร่วมกัน และเตรียมพร้อมสู่การขยายความร่วมมือไปยังประเทศในกลุ่มอนุภาคลุ่มน้ำโขง หรือ Greater Mekong Subregion (GMS) ในอนาคต และยังเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์หลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งสินค้าของที่ระลึก หรือของชำร่วยเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หากได้รับการพัฒนาให้สินค้าที่สามารถสะท้อนอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ของจังหวัดเชียงรายได้ จะทำให้เป็นที่จดจำสำหรับผู้มาเยือน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาสินค้าหรือของชำร่วย จึงจำเป็นต้องดำเนินการโดยอ้างอิงข้อมูลอื่น ที่เป็นตัวตนของจังหวัดเชียงราย ทำให้สินค้าหรือของชำร่วยของเรา มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เป็นที่จดจำ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มคุณค่าสินค้าให้ดูดี น่าใช้ น่าซื้อ อยู่ในระดับพรีเมี่ยม และสามารถนำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ต่อไป
Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE