Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เที่ยวป่าส้มแสง เชียงราย สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตไม่ซ้ำใคร

แอ่วล้ำแอ่วเหลือ: เชียงรายชวนสัมผัส “ป่าส้มแสง” ป่าชุ่มน้ำอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในอาเซียน

เชียงรายเปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน สู่ “ป่าส้มแสง” บ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล อำเภอขุนตาล แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่โดดเด่นและไม่เหมือนใครในภูมิภาคอาเซียน ด้วยความพิเศษของระบบนิเวศป่าชุ่มน้ำตามฤดูกาล (Seasonal Wetland) ที่ผสมผสานความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างลงตัว

เสน่ห์ของป่าส้มแสง: อัตลักษณ์แห่งธรรมชาติ

ป่าส้มแสงมีพื้นที่ประมาณ 85 ไร่ เป็นส่วนหนึ่งของป่าลุ่มน้ำอิง อุดมไปด้วยต้นส้มแสง หรือชุมแสง ซึ่งมีอายุมากกว่า 300 ปี ระบบนิเวศของป่าส้มแสงมีความพิเศษ คือ ต้องแช่น้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก 4-5 เดือนต่อปี โดยระดับน้ำสามารถสูงถึง 4-6 เมตร เพื่อเป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจากแม่น้ำอิงและแม่น้ำโขง ในช่วงน้ำลด ป่าส้มแสงจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น เป็นบ้านของสัตว์ป่า เช่น นก ไก่ป่า กระรอก และสัตว์ท้องถิ่นอื่น ๆ

ชุมชนบ้านป่าข่าได้พัฒนาป่าส้มแสงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยสร้างสะพานทางเดินชมธรรมชาติ (สกายวอร์ค) ยาว 378 เมตร ให้ผู้มาเยือนสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดกิจกรรมที่สะท้อนวิถีชีวิตพื้นบ้านเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และดื่มด่ำกับความงามของพื้นที่

กิจกรรมแนะนำ: ใกล้ชิดธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวบ้าน

  1. เดินสกายวอร์ค ชมป่าส้มแสง เพลิดเพลินกับการเดินชมป่าส้มแสงผ่านสะพานไม้ยาว ที่เปิดให้เห็นวิวธรรมชาติรอบด้านทั้งในช่วงน้ำหลากและน้ำลด

  2. เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้าน ร่วมสัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน เช่น การหาปลาด้วยแหและอวน การทำอาหารพื้นบ้านอย่างลาบปลา ต้มปลา และปลาเผาสดจากแม่น้ำอิง

  3. พายเรือในหนองมน สนุกกับการพายเรือในหนองมน แหล่งน้ำที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของหมู่บ้าน พร้อมชมธรรมชาติที่เงียบสงบ

  4. จุดกางเต็นท์ริมแม่น้ำอิง สัมผัสบรรยากาศแคมปิ้งริมน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามในยามเช้าและค่ำคืน

  5. ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล นมัสการพระครูวรกิติวิมล เจ้าอาวาสวัดบ้านป่าข่า และเดินชมทิวทัศน์รอบวัดที่เงียบสงบ

นโยบายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

ชุมชนบ้านป่าข่าได้รวมตัวกันตั้งคณะกรรมการดูแลพื้นที่และจัดการท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืน โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการท่องเที่ยวจะถูกนำไปพัฒนาชุมชน เช่น การปรับปรุงเส้นทาง การจัดหาเครื่องจักรสำหรับแก้ปัญหาไฟป่าและ PM2.5 และการสร้างธนาคารน้ำใต้ดินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาได้สะดวกมากขึ้น ด้วยถนนเชื่อมสายใหม่จากทางหลวง R3A ระยะทางเพียง 1,200 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ง่ายดายและปลอดภัย

แพ็กเกจท่องเที่ยวสุดคุ้ม

  • เที่ยวป่าส้มแสงแบบ 1 วัน: ราคา 200 บาท/คน รวมมัคคุเทศก์นำเที่ยว
  • เที่ยวเชิงวิถีชีวิต 1 วัน 1 คืน: ราคา 1,200 บาท/คน รวมอาหารจากชุมชนและกิจกรรมทั้งหมด (รองรับได้สูงสุด 20 คนต่อทริป)

มุมมองอันล้ำค่า: เชียงราย เมืองแห่งความหลากหลายทางธรรมชาติ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย การเที่ยวชมป่าส้มแสงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติให้อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน

“เชียงรายจะไม่หยุดอยู่แค่จุดหมายปลายทาง แต่จะเป็นที่ที่ผู้คนสามารถกลับมาเติมเต็มความสุขและแรงบันดาลใจได้เสมอ” ชาวบ้านป่าข่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

มาเป็นส่วนหนึ่งของการสัมผัสธรรมชาติและสร้างความทรงจำดี ๆ ที่ป่าส้มแสง จังหวัดเชียงราย พร้อมสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
CULTURE TRAVEL

เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27

สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมชนเผ่าและชาเลิศรสในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27”

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก จังหวัดเชียงราย เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของศิลปะและวัฒนธรรมชนเผ่าในงาน “เทศกาลชิมชา วัฒนธรรมชนเผ่า และของดีดอยแม่สลอง ครั้งที่ 27” ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ณ พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ดอยแม่สลอง: เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมชนเผ่าและธรรมชาติ

ดอยแม่สลองถือเป็นพื้นที่สำคัญที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงาม ภูมิประเทศบนยอดเขาสูงที่มีถึง 5 ยอด และระดับความสูงเฉลี่ย 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดปี พื้นที่รวมกว่า 115.26 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 72,045 ไร่

ในช่วงฤดูหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิต่ำสุดอาจลดลงถึง 3 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและเพลิดเพลินกับกิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงานที่ไม่ควรพลาด

  1. การประกวดชาคุณภาพของดอยแม่สลอง
    งานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ปลูกชาและผู้ผลิตชาคุณภาพในพื้นที่ได้แสดงศักยภาพผ่านการประกวดชาชั้นนำ
  2. การประกวดธิดาชา
    สาวงามผู้มีความรู้และความสามารถเกี่ยวกับชาและวัฒนธรรมชนเผ่าจะแข่งขันกันในงานนี้
  3. การแข่งขันทำอาหารชนเผ่า
    พบกับอาหารพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนเผ่าดอยแม่สลอง
  4. การแสดงชาติพันธุ์ชนเผ่า
    เพลิดเพลินกับการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชนเผ่าต่าง ๆ ทั้งการแต่งกาย เสียงเพลง และท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์
  5. การประกวดขบวนชาติพันธุ์ชุมชนดอยแม่สลอง
    ชมขบวนแห่ที่สื่อถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันหลากหลาย
  6. นิทรรศการมากมาย
    เรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาชุมชนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างสร้างสรรค์

เชียงราย: เมืองสร้างสรรค์ระดับโลก

เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยได้รับการผลักดันจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่มองเห็นศักยภาพในอดีตและอนาคตของพื้นที่นี้

ในปี 2566 เชียงรายต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 6.14 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 46,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ 20-30 และในปี 2567 ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมเพียงเดือนเดียวมีผู้เยี่ยมชมแล้วกว่า 4.9 ล้านคน

ปิดท้ายด้วยการสนับสนุนการพัฒนาท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่เพื่อส่งเสริมเชียงรายในฐานะอุทยานธรณีโลกที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • สถานที่จัดงาน: พิพิธภัณฑ์วีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติภาคเหนือ ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
  • วันที่: 28 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568
  • ติดต่อสอบถาม: องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร. 053-765129

ร่วมสนุกและสัมผัสวัฒนธรรมอันงดงามได้ในงานนี้!

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 เชียงราย ไฮไลต์สุดยิ่งใหญ่

เชียงรายหนาวนี้! เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 พร้อม 7 ไฮไลต์สุดประทับใจ

หนาวนี้ทาง คอลัมน์ แอ่วล้ำแอ่วเหลือ ชวนเที่ยวศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ที่ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง), จังหวัดเชียงราย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลนครเชียงราย, กระทรวงวัฒนธรรม, ขัวศิลปะ และสิงห์เลม่อนโซดา จัดงาน เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ครั้งที่ 4 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มกราคม 2568 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงรายในช่วงฤดูหนาว

7 ไฮไลต์สุดพิเศษในงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”

  1. ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
    ดอยตุงร่วมสร้างสรรค์ต้นคริสต์มาสหมอกพันวาสูง 15 เมตร ภายใต้แนวคิด “Chiang Rai The Sense of Art” โดยใช้ผ้าย้อมสีธรรมชาติจากชาวเขาดอยตุง ตกแต่งด้วยลูกสนจากทางมะพร้าว พร้อมดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ นำเสนอความงดงามทางศิลปะท้องถิ่น
  2. สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต
    เพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองจาก 6 ชนเผ่าและเมนูพิเศษที่รังสรรค์จากดอกไม้นานาชนิด พร้อมกิจกรรม Workshop งานคราฟต์, Face Paint และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเด็กๆ เชียงราย
  3. Christmas Carols (24-26 ธันวาคม 2567)
    สนุกกับขบวน Santa & Friends ที่มาสร้างบรรยากาศแห่งความสุขช่วงคริสต์มาส ท่ามกลางความอลังการของต้นคริสต์มาสหมอกพันวา
  4. Happy Year End (30 ธันวาคม 2567)
    ร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินวง Better Weather ที่จะมามอบเสียงเพลงแห่งความสุข

4.Kids Day @สีสันกาสะลองไนท์มาร์เก็ต (11-12 มกราคม 2568)
กิจกรรมพิเศษต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ จัดเต็มความสนุก ร้อง เล่น เต้น พร้อมแจกของขวัญสุดพิเศษจำนวน 5,000 ชิ้น

5.สุขต้นปี (11 มกราคม 2568)
ครั้งแรกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กับการแสดงสุดอลังการของ ระเบียบวาทะศิลป์” หมอลำชื่อดังที่ยกเวทีความสุขมาให้ชาวเชียงราย

6.โชว์สุดพิเศษปิดงาน (31 มกราคม 2568)
ชมการแสดงพิเศษส่งท้ายงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกคน 

นอกจากนี้ เซ็นทรัล เชียงราย ยังจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก The1 ที่ช้อปหรือทานอาหารครบ 15,000 บาทขึ้นไป รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษ จานเซรามิกแฮนด์เมด ที่ออกแบบเฉพาะเทศกาลนี้เท่านั้น

กระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงรายอย่างยั่งยืน

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” นอกจากจะเป็นการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนาแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งจากชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น และเชิญชวนประชาชนร่วมงานพร้อมสัมผัสวัฒนธรรมล้านนาแบบใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ

ความพิเศษของเทศกาลนี้

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ยังเน้นการส่งเสริมความยั่งยืนผ่านกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัสดุจากธรรมชาติในงานคราฟต์และการนำเสนอดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเชียงราย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ได้นำเสนอสินค้าหัตถกรรมและอาหารพื้นเมือง

นักท่องเที่ยวที่แวะมาเที่ยวงานนี้ นอกจากจะได้สัมผัสความสวยงามของเมืองเชียงรายแล้วยังได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองช่วงฤดูหนาวที่อบอวลไปด้วยความสุขและสีสันที่ไม่เหมือนใคร

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เชิญชวนทุกคนปักหมุดแวะมาสัมผัสเสน่ห์ล้านนาในฤดูหนาวที่ไม่ควรพลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ชูแนวคิด The Magical Garden

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden”

เชียงรายเปิดม่านงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน Chiangrai Flower and Art Festival 2024 ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” เชิญสัมผัสบรรยากาศสวนดอกไม้และงานศิลปะอันน่าหลงใหล เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยปีนี้ได้นำเสนอแนวคิดใหม่ ที่ผสมผสานมนตร์เสน่ห์ของดอกไม้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

ไฮไลต์ของงาน:

  1. Zone 1: The Magic World
    • Angel of Wish: สร้างฝันด้วยมนตร์เสน่ห์
    • The Magic Ball: ลูกแก้ววิเศษที่ทุกคนต้องลองสัมผัส
    • Abracadabra: การร่ายเวทมนตร์ในบรรยากาศแฟนตาซี
  2. Zone 2: Aura Trail
    • Little Guardian: ตัวละครน่ารักที่รอคอยทุกคน
    • Enchanted Dome: ถ้ำมนตราแห่งสีสัน
    • Giant’s Garden: ดอกไม้ยักษ์ที่ใกล้ชิดเมฆ
  3. Zone 3: Dancing Tree
    • ต้นไม้ที่สามารถเต้นรำในจังหวะเสียงดนตรี
  4. Zone 4: Moonlight Oasis
    • ป่าต้องมนตร์พร้อมแสงจันทร์ส่องสว่าง

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:

  • ชมการแสดงแสง สี เสียงสุดตระการตาในช่วงเวลา 19:00 – 22:00 น.
  • พบกับร้านค้า OTOP และผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น

การฟื้นฟูแม่สายและการกระจายเศรษฐกิจ

งานในปีนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูอำเภอแม่สาย ซึ่งเพิ่งเผชิญมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเปิดโอกาสให้ชาวบ้านและผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการจัดแสดง ประติมากรรมพญานาคเกี้ยว สวนดอกไม้แนวตั้งในลวดลายผ้าทอพื้นถิ่น และดอยนางนอน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย แต่ยังสร้างรายได้และรอยยิ้มให้กับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวของเชียงรายให้ก้าวสู่ระดับสากล”

 

นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้นำชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น นายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอแม่สาย และพระครูประภัสร์จิตสังวร เจ้าอาวาสวัดถ้ำเสาหินพญานาค

“The Magical Garden” สวนดอกไม้แห่งเวทมนตร์

สวนไม้งามริมน้ำกกและวัดถ้ำเสาหินพญานาค ถูกเนรมิตเป็นสวนดอกไม้ในธีมเวทมนตร์ พร้อมโซนจัดแสดงที่หลากหลาย เช่น

  • โซน Moonlight Oasis: ป่าต้องมนตร์ท่ามกลางแสงจันทร์
  • โซน Aura Trail: เส้นทางดอกไม้ยักษ์ใกล้เมฆ
  • โซน Enchanted Dome: ถ้ำมนตราที่งดงาม

นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงน้ำพุดนตรี และสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นผ่านร้าน OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงดนตรีและศิลปะพื้นบ้านเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงาน

การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Social Impact

แนวคิด “Social Impact Tourism” ถูกนำมาใช้ในปีนี้ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่และสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเสริมว่า “งานนี้แสดงถึงศักยภาพของเชียงรายในฐานะเมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเมืองท่องเที่ยวที่ใส่ใจสังคม การฟื้นฟูและพัฒนาแม่สายจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่”

เชียงรายจัดมหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2024: จุดประกายเศรษฐกิจ ฟื้นฟูแม่สาย

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้การนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้จัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiangrai Flower and Art Festival 2024” ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึง 5 มกราคม 2568 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก จังหวัดเชียงราย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงการจัดงานว่า “การจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายในปีนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยี่ยมชมเชียงราย”

งานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม:

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงรายครั้งนี้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08:00 – 22:00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ CRPAO Official

งานนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความงดงามของเชียงราย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของชุมชนและศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ล่องเรือหรู Bohème สัมผัสแม่น้ำโขงสุดพิเศษในลาว

“Mekong Kingdoms เปิดตัวเรือหรู Bohème สัมผัสประสบการณ์ล่องแม่น้ำโขงสุดหรูในลาว”

วันที่ 10 ธันวาคม 2567 Mekong Kingdoms บริษัทล่องเรือแม่น้ำสุดหรูชื่อดัง เปิดตัวเรือลำใหม่ล่าสุด Bohème ยาว 164 ฟุต พร้อมเริ่มการเดินทางครั้งแรกวันที่ 9 ธันวาคม 2567 กับเส้นทางไปกลับระหว่างหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ประเทศลาว ภายในระยะเวลา 6 วัน 5 คืน สัมผัสความหรูหรา วัฒนธรรม และความเงียบสงบในทริปเดียว

การเดินทางสุดพิเศษบน Bohème

นักท่องเที่ยวสามารถเริ่มต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางด้วยการพักที่โรงแรม Avani+ Luang Prabang Hotel หนึ่งในจุดหมายที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ในหลวงพระบาง บนเรือ Bohème แขกผู้โดยสารจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมงาน 20 คน รวมถึงผู้จัดการเรือ พ่อครัวใหญ่ นักปรุงเครื่องดื่ม และผู้เชี่ยวชาญด้านสปา

ในช่วงเช้า นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการดูนกบนดาดฟ้าเรือหรือผ่อนคลายด้วยการนวดในห้องบำบัดเฉพาะทางสองแห่ง ช่วงบ่ายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยววัฒนธรรม ส่วนยามเย็นเป็นมื้ออาหารหรูริมน้ำ และยังมีกิจกรรมเรียนทำอาหารและค็อกเทลกับผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย

การผจญภัยบนฝั่งที่น่าจดจำ

เรือ Bohème จะพาผู้โดยสารสำรวจสถานที่สำคัญในลาว เช่น ถ้ำปากอู ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นพระพุทธรูปในห้องหินโบราณ, น้ำตกกวางสี น้ำตกที่งดงามและเป็นที่นิยม รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การทำกระดาษสาและเครื่องปั้นดินเผาในหมู่บ้านดั้งเดิม

หนึ่งในจุดเด่นของทริปคือการเยี่ยมชม ศูนย์อนุรักษ์ช้างไซยะบุรี ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับช้างและเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสัตว์เหล่านี้

ความหรูหราบน Bohème

เรือ Bohème รองรับผู้โดยสารเพียง 26 ท่านในห้องพัก 13 ห้อง ซึ่งมีให้เลือก 3 รูปแบบ:

  • Deluxe Suites (323 ตร.ฟุต): ห้องพักกว้างขวางพร้อมระเบียงส่วนตัว
  • Premier View Suites (280 ตร.ฟุต): มีระเบียง Juliet พร้อมวิวแม่น้ำสุดพิเศษ
  • Royal Suite (646 ตร.ฟุต): ห้องพักหรูหราสูงสุดพร้อมบริการพ่อบ้านส่วนตัว

ราคาและเส้นทางการเดินทาง

เริ่มต้นที่ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 116,000 บาท ต่อคนสำหรับห้อง Deluxe Suite (พักคู่) มี 2 เส้นทางให้เลือก:

  1. Downstream Cruise: เริ่มจากหลวงพระบางไปเวียงจันทน์
  2. Upstream Cruise: เริ่มจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง

เรือ Bohème มอบประสบการณ์ล่องเรือแม่น้ำโขงสุดหรู พร้อมผสมผสานวัฒนธรรมและธรรมชาติของลาวอย่างลงตัว ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : mekongkingdoms

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ตำบลบ่อสวก น่าน คว้ารางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก 2024

ตำบลบ่อสวก น่าน คว้ารางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก Best Tourism Village 2024

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข่าวดีว่า องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ได้มอบรางวัล Best Tourism Village 2024 ให้แก่ชุมชนตำบลบ่อสวก จังหวัดน่าน ถือเป็นรางวัลชุมชนท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลกแห่งแรกของประเทศไทย สะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนโดยชุมชน

นายจิรายุระบุว่า ตำบลบ่อสวกมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และแหล่งโบราณคดี โดยเฉพาะเตาเผาเครื่องปั้นโบราณที่มีชื่อเสียง รวมถึงงานหัตถกรรมพื้นบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่หลากหลาย นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน พร้อมทั้งเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมร่วมกับคนในพื้นที่

“ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน รวมถึงการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายต่างๆ” นายจิรายุกล่าว พร้อมย้ำว่ารางวัลนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหมู่บ้านและตำบลในประเทศไทยที่สามารถก้าวขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก หากได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม

โครงการประกวดรางวัล Best Tourism Villages by UN Tourism เริ่มขึ้นในปี 2563 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนสู่มาตรฐานสากล ลดความเหลื่อมล้ำ สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา โดยมีเกณฑ์การประเมิน 9 ด้าน เช่น การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมวัฒนธรรม การพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจชุมชน และการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

นายจิรายุยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “รัฐบาลขอเชิญชวนผู้นำท้องถิ่นค้นหาสิ่งดีๆ ในชุมชนของตน เพื่อแสดงศักยภาพและเผยแพร่ความงดงามของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก” ทั้งนี้ ประเทศไทยมีหมู่บ้านกว่า 74,000 แห่งและอำเภอมากกว่า 800 แห่งที่รอการพัฒนาสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

รางวัล Best Tourism Village 2024 ไม่เพียงช่วยยกระดับตำบลบ่อสวกให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับนานาชาติ แต่ยังตอกย้ำถึงศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและความยั่งยืนในประเทศไทยอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น / น่าน บันดาลใจ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS TRAVEL

อนันตรา เชียงราย เปิดตัวต้นคริสต์มาสน้องโต ผสานศิลปะรักษ์โลก

อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ร่วมกับดอยตุง สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาส “น้องโต” รักษ์โลก ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้จับมือกับโครงการพัฒนาดอยตุง เปิดตัวต้นคริสต์มาสสุดสร้างสรรค์ในชื่อ “น้องโต” ประติมากรรมรักษ์โลกที่ผสานความเชื่อท้องถิ่นและวัฒนธรรมคริสต์มาส ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี โดยต้นคริสต์มาสดังกล่าวได้แรงบันดาลใจจาก “น้องโต” สัตว์มงคลในตำนานของชาวไทใหญ่ ที่มีศีรษะคล้ายกวางและลำตัวเหมือนสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเป็นสิริมงคล

ต้นคริสต์มาส “น้องโต” มีความสูงกว่า 6 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณโถงล็อบบี้ของโรงแรม ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกที่เน้นการใช้วัสดุเหลือใช้จากโครงการพัฒนาดอยตุง เช่น เศษผ้าที่เหลือจากการทอผ้า และวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยทีมออกแบบได้นำเศษผ้ามาผูกติดกับโครงสร้างทีละชิ้นด้วยมือทั้งหมด รวมถึงเย็บเป็นเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ลูกบอลกลมและกล่องของขวัญ เพิ่มสีสันและความสวยงาม

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล พื้นโดยรอบต้นคริสต์มาสได้ตกแต่งด้วยเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่เก็บรวบรวมจากป่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโรงแรมในช่วงเทศกาล

นายสมชาย วัฒนธรรม ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม กล่าวว่า “น้องโต” ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของโรงแรมในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนที่เรายึดมั่นเสมอมา”

นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในสไตล์รักษ์โลก พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมและแพ็คเกจพิเศษที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่โทร. 053-784-084

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นและนานาชาติได้อย่างลงตัว พร้อมส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนในเทศกาลแห่งความสุขนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี

เทศบาลตำบลแม่สายจัดงานมหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10 เฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษ

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. เทศบาลตำบลแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้จัดงานแถลงข่าวประชาสัมพันธ์การจัดงาน “มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10” ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น ในมูลนิธิชัยพัฒนา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์จากประเทศอาเซียน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ก้าวไกลสู่ตลาดระดับอาเซียน

เฉลิมฉลองหนึ่งทศวรรษของมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย


งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สายในปีนี้เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของการจัดงาน ภายใต้แนวคิด “1 ทศวรรษ มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 – 11 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยปีนี้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น

กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน


งานในครั้งนี้มีการจัดแสดงที่หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในอำเภอแม่สาย โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย

  1. ขบวนพาเหรด Carnival ที่สะท้อนวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์
  2. การจำลองวิถีชีวิต ของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงการแสดงศิลปะพื้นบ้านและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
  3. โซนอาหารและสินค้าพื้นบ้าน ที่นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารท้องถิ่นและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP จากทั่วประเทศ
  4. การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการแสดงของเยาวชนในชุมชน
  5. นิทรรศการส่งเสริมวัฒนธรรม และกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ

มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์ กับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น


การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่มุ่งส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิต แต่ยังเน้นย้ำถึงการสนับสนุนเศรษฐกิจของอำเภอแม่สาย และจังหวัดเชียงรายโดยรวม ด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงาน สร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กับชุมชน รวมถึงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในท้องถิ่นกับตลาดอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

เทศบาลตำบลแม่สาย ขอเชิญชวนชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวทุกท่าน มาร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของกลุ่มชาติพันธุ์ในงาน “มหัศจรรย์ 10+ ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10” ระหว่างวันที่ 6 – 11 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษ พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น และเสริมสร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมที่หลากหลายของเมืองแม่สาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

งานดอกบัวตองบานที่ไม้ยา เชียงราย ชมวิวธรรมชาติสุดงดงาม

เชียงรายเปิดงาน “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ “ดอกบัวตองบานที่ไม้ยา” ประจำปี 2567 โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย และ นายนิคม ยะป๊อก ส.อบจ.เชียงราย ร่วมงาน ในการนี้ นายชูสวัสดิ์ สวัสดี นายอำเภอพญาเม็งราย ได้กล่าวต้อนรับ และ นายบรรจง จอมศิลา นายกเทศมนตรีตำบลไม้ยา ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน

จุดประสงค์ของการจัดงาน

การจัดงานในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง เทศบาลตำบลไม้ยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานราชการ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงสุขภาพ และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก ทั้งในและนอกจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังมุ่งเน้นการ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมการจ้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้าน รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนและสินค้า OTOP ของตำบลไม้ยา

ความงดงามของดอกบัวตองและจุดชมวิวที่ไม้ยา

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมของทุกปี ดอกบัวตอง จะบานสะพรั่งสองข้างทางขึ้นไปยังจุดชมวิว ทำให้พื้นที่ตำบลไม้ยาเต็มไปด้วยสีเหลืองสดใสที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ จุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ตั้งอยู่ระหว่าง หลักกิโลเมตรที่ 7 ถึง 8 บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4017 ซึ่งเป็นถนนสายบ้านห้วยก้างถึงบ้านสันม่วงคำ โดยจุดชมวิวดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณ บ้านห้วยก้างตลาด หมู่ 12 ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบและอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางทิวทัศน์ของดอกบัวตองที่บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ งานดอกบัวตองในปีนี้ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมยาวนานถึง 2 เดือน ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสมาเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง

ส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการ ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเชิงนิเวศ ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการจำหน่ายสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น อาหารพื้นบ้าน ของฝากจากชุมชน และงานหัตถกรรมต่างๆ

นายก อบจ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีความสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเน้นการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและยั่งยืน

เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่ไม้ยา

งานดอกบัวตองบานที่ตำบลไม้ยาปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมวิว การถ่ายภาพ การจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน รวมถึงการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเดินทางมายังตำบลไม้ยาได้ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม เพื่อสัมผัสความงดงามของดอกบัวตองที่บานสะพรั่ง และเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE TRAVEL

ทริปไหว้พระ 9 วัดดัง เชียงราย เสริมสิริมงคลครบในวันเดียว

แจกพิกัดไหว้พระ 9 วัดในเชียงราย สายมูห้ามพลาด! ทริปวันเดียวครบในตัวเมือง

เชียงรายในฤดูหนาวกำลังคึกคัก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวสายบุญและสายมูที่ต้องการเสริมสิริมงคลให้ชีวิต วันนี้เราขอแนะนำทริปไหว้พระ 9 วัดในตัวเมืองเชียงราย วันเดียวไหว้ครบ แถมไม่ต้องเดินทางไกล พิกัดแน่น ๆ แบบ One Day Trip! เริ่มจากจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้

เริ่มต้นทริปที่ อนุสาวรีย์พญามังราย

อนุสาวรีย์พญามังราย ตั้งอยู่ที่ห้าแยกพ่อขุน ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งเมืองเชียงราย สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติแก่พระปรีชาสามารถของพญามังราย กษัตริย์ล้านนาผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย พระบรมรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ประดับด้วยเครื่องทรงล้านนาโบราณ ประทับยืนบนฐานสูงประมาณ 3 เมตร พระหัตถ์ซ้ายถือดาบยืนอย่างสง่างาม

หลังจากนั้นเราขอแนะนำเส้นทางไหว้พระ 9 วัด ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ง่าย ๆ ในตัวเมืองเชียงราย ไหว้ครบจบในวันเดียว รับรองทั้งอิ่มใจและอิ่มบุญตามแบบฉบับสายมู ใครมาถึงเชียงรายแล้วห้ามพลาดทริปนี้!

1.วัดศรีบุญเรือง เชียงราย

วัดศรีบุญเรือง เชียงราย

แนะนำวัดศรีบุญเรือง เชียงราย สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนา เริ่มต้นทริปไหว้พระเสริมบุญที่ “วัดศรีบุญเรือง” วัดเก่าแก่ใจกลางเมืองเชียงราย ตั้งอยู่ในตำบลเวียง อำเภอเมือง ซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 1982 แม้จะเคยกลายเป็นวัดร้างและเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา แต่ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยคุ้มเจ้าหลวงและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2489 ภายในวัดมีทั้งพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอฉัน หอระฆัง และศาลาพักร้อน โดยทั้งหมดสร้างด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาอันงดงามสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของล้านนา

ด้านหลังวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เปิดให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา เรียกได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่ต้องการซึมซับความเป็นล้านนาแท้ ๆ อีกทั้งใกล้ ๆ วัดยังมีร้านอาหารพื้นเมืองรสชาติเยี่ยมให้ได้ลองชิม บอกได้คำเดียวว่ามาเยือนเชียงรายทั้งที ต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยววัดศรีบุญเรือง!

  • Location: หมู่ที่ 3 ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/kA1zrHRt4sN145x5A
2.วัดเชตวัน(พระนอน) เชียงราย

วัดเชตวัน (พระนอน) เชียงราย วัดเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

อีกหนึ่งวัดที่น่าสนใจในเชียงราย คือ “วัดเชตวัน (พระนอน)” วัดราษฎร์ฝ่ายมหานิกาย ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “วัดพระนอน” วัดนี้ถูกเชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนเม็งรายมหาราช พร้อมกับการก่อตั้งเมืองเชียงราย โดยชื่อ “เชตวัน” นั้นอาจมีรากศัพท์มาจากคำว่า “ตะวัน” ซึ่งหมายถึงพระอาทิตย์ เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง

ความสำคัญของวัดเชตวันเพิ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2423 เมื่อครูบาหงษ์หรือกาวิโลภิกขุ เดินทางธุดงค์มาจากเชียงใหม่และได้พบบริเวณที่มีเจดีย์ลูกนิมิตและต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่มีความรกและมีน้ำท่วม เขาจึงตัดสินใจบูรณะพื้นที่นี้ให้เป็นวัด โดยตั้งชื่อว่า “วัดเชตวัน (ป่าแดด)” สื่อถึงฤดูแล้งที่ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอก เห็นแสงแดดเจิดจ้า

ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์ หรือ “พระนอน” ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2491 นับเป็นจุดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมักมาเคารพสักการะ นอกจากนี้ วัดเชตวันยังได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ชุมชนแห่งแรกของเชียงราย และมีการตั้งชมรมตีกลองปู่จาเพื่ออนุรักษ์ประเพณีการตีกลองอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมกลองปู่จาและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดได้อย่างใกล้ชิด

  • Location: บ้านหนองบัว ตำบลเวียง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://maps.app.goo.gl/xDQsQDWCqjdxfe978
3.วัดกลางเวียงเชียงราย

วัดกลางเวียง เชียงราย จุดศูนย์กลางแห่งความศรัทธาในเวียงเชียงราย

หากคุณเป็นสายมูที่เดินทางมาถึงเชียงรายแล้ว วัดกลางเวียง ถือเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาด วัดนี้เคยถูกเรียกว่า “วัดจันทน์โลก” หรือ “จั๋นต๊ะโลก” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดกลางเวียง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นศูนย์กลางของเมืองเชียงรายและมี “สะดือเวียง” หรือเสาหลักเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ภายในวัดด้วย

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1975 วัดนี้ได้รับการเคารพบูชาเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านในยุคแรกๆ ชื่อเดิมมาจากต้นจันทน์แดงใหญ่ที่เคยขึ้นอยู่ในบริเวณวัด ก่อนจะโค่นลงตามกาลเวลา เมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงรายครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2417 ชาวเมืองได้รังวัดจากทั้ง 4 มุมเมือง และพบว่าวัดนี้อยู่กลางใจเมืองพอดี จึงได้ตั้งชื่อใหม่ว่า “วัดกลางเวียง”

จุดเด่นของวัดนี้คือเสาหลักเมืองเชียงรายที่ตั้งอยู่ภายในมณฑปทรงฟักทองยอดแหลม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 รอบพระชนมายุในปี พ.ศ. 2535 บริเวณรอบมณฑปมีรูปปั้นท้าวจตุโลกบาลทำหน้าที่ปกป้องสะดือเวียง สร้างความศักดิ์สิทธิ์และงดงามให้กับพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีเจดีย์และพระอุโบสถในศิลปะล้านนาประยุกต์ที่งดงามสะดุดตา ควรค่าแก่การเยี่ยมชม

4.วัดพระสิงห์ เชียงราย พระอารามหลวง

วัดพระสิงห์ เชียงราย พระอารามหลวง

วัดพระสิงห์ เชียงราย จุดศูนย์กลางแห่งความศรัทธาและศิลปะล้านนา

วัดพระสิงห์ เชียงราย หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองล้านนาและจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ วัดพระสิงห์เป็นพระอารามหลวงที่มีประวัติยาวนานและความสำคัญทางศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย

ประวัติความเป็นมา วัดพระสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่ โดยสันนิษฐานว่าก่อสร้างในราวปี พุทธศักราช 1928 ระหว่างปี พุทธศักราช 1888 ถึง 1943 คำว่า “พระสิงห์” หมายถึงวัดที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระสิงห์ หรือ พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ชาวไทยให้ความเคารพ

พระพุทธรูปสำคัญ ภายในพระอุโบสถของวัดพระสิงห์ มีพระพุทธสิหิงค์สององค์ ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์หรือพระสิงห์เชียงแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปชนิดสำริดปิดทอง ขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 204 เซนติเมตร สูงทั้งฐาน 284 เซนติเมตร ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงราย

สถาปัตยกรรมและการบูรณะ วัดพระสิงห์มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทยสมัยเชียงแสน โครงสร้างเดิมเป็นไม้เนื้อแข็ง และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในปี พุทธศักราช 2504 และปี พุทธศักราช 2533 บานประตูหลวงที่ประดับด้วยไม้แกะสลักจิตกรรมอย่างประณีต วิหารและพระเจดีย์ที่ตกแต่งด้วยทองแผ่นทองแดงเพิ่มความงดงามให้กับวัด

เรื่องเล่าและตำนาน ตามตำนาน เจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองกำแพงเพชรเพื่อหล่อจำลองและประดิษฐานไว้ที่วัดพระสิงห์ เชื่อกันว่าพระพุทธสิหิงค์องค์จริงถูกยืมไปประดิษฐานที่เชียงรายเพื่อเป็นแบบหล่อขึ้นใหม่

กิจกรรมและประเพณี วัดพระสิงห์เป็นที่จัดงานประเพณีและกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ ตลอดทั้งปี รวมถึงการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแข่งขันตีกลองปู่จา ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีโบราณของล้านนา

จุดน่าสนใจภายในวัด

  • พระพุทธสิหิงค์คู่เมือง: พระพุทธรูปปฏิมากรรมที่งดงามและมีขนาดใหญ่
  • บานประตูหลวง: ประดับด้วยไม้แกะสลักจิตกรรมอย่างละเอียดและวิจิตรบรรจง
  • พระเจดีย์เก่าแก่: สถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย มีพระพุทธรูปทองคำและเงินประดิษฐานอยู่ภายใน
  • รอยพระพุทธบาทจำลอง: สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช

การเยี่ยมชมวัดพระสิงห์ วัดพระสิงห์เปิดให้เข้าชมทุกวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสิริมงคลหรือสนใจศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนา นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมพระพุทธรูป ศาลาการเปรียญ และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ภายในวัดได้อย่างใกล้ชิด

แวะมาทำบุญและเสริมสิริมงคลที่วัดพระสิงห์ ไม่ว่าคุณจะมาเพื่อทำบุญหรือเพื่อศึกษาความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนา วัดพระสิงห์เชียงรายเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งของเชียงราย

 

  • Location: ถนนท่าหลวง เมืองเชียงราย, เชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/HVuKmg3
5.วัดมิ่งเมืองเชียงราย

วัดมิ่งเมือง เชียงราย วัดเก่าแก่และศูนย์รวมความศรัทธาของชาวไทยใหญ่

เชียงราย – เข้าสู่ช่วงครึ่งทางของทริปไหว้พระ 9 วัด เชียงราย คราวนี้มาถึง “วัดมิ่งเมือง” หนึ่งในวัดสำคัญของเมืองเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนไตรรัตน์ เป็นวัดเก่าแก่ที่ชาวไทยใหญ่เรียกว่า “วัดเงี้ยว” หรือ “วัดช้างมูบ” และยังถือว่าเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมไทยใหญ่และล้านนาอย่างโดดเด่น

ประวัติความเป็นมา วัดมิ่งเมืองก่อตั้งขึ้นโดยเจ้านางตะละแม่ศรี พระมเหสีของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ธิดาของกษัตริย์จากหงสาวดี จึงทำให้วัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นจุดศูนย์รวมความศรัทธาของชุมชนชาวไทยใหญ่ ภายในวัดมีพระธาตุมิ่งเมือง เจดีย์ศิลปะล้านนาประดับฉัตรทองที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างงดงามและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้มอบเป็นพระราชทานให้กับวัด

สถาปัตยกรรมและสถานที่สำคัญภายในวัด วัดมิ่งเมืองเป็นที่ตั้งของพระวิหารไม้ลายคำ ซึ่งสะท้อนศิลปะผสมผสานระหว่างไทยใหญ่และล้านนา ภายในพระวิหารประดิษฐานพระศรีมิ่งเมือง พระประธานปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะแบบเชียงแสนสิงห์ 1 อายุกว่า 400 ปี ด้านหน้าพระวิหารยังมีบ่อน้ำโบราณชื่อ “บ่อน้ำช้างมูบ” พร้อมซุ้มโขงช้างตกแต่งด้วยประติมากรรมที่หายาก

เสน่ห์ของวัดมิ่งเมือง วัดมิ่งเมืองยังคงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ รวมถึง “ประตูขัวดำ” หรือประตูเมืองเก่า ซึ่งผู้คนเชื่อว่าบ่อน้ำที่นี่เป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ผู้ที่ดื่มและล้างหน้ามีสิริมงคลก่อนไปท่องเที่ยวหรือเดินทางต่อ นอกจากนี้ หากต้องการเติมพลังแนะนำให้ลองชิม “ก๋วยจั๊บน้ำข้น” ร้านเด็ดหลังวัดที่ขึ้นชื่อในรสชาติ 

วัดมิ่งเมือง จุดแวะที่คุณไม่ควรพลาดในทริปเชียงราย ด้วยบรรยากาศของวัดที่เต็มไปด้วยศิลปะล้านนาและความศรัทธาโบราณ วัดมิ่งเมืองเชียงรายจะทำให้คุณรู้สึกสงบและเสริมสิริมงคลให้กับการเดินทาง

6. วัดพระแก้ว เชียงราย

วัดพระแก้ว เชียงราย จุดหมายสำคัญแห่งพระพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์

หลังเติมพลังเสร็จ เราขอพาเข้าสู่ครึ่งหลังของทริปไหว้พระ 9 วัดในเชียงราย โดยมีจุดหมายที่ “วัดพระแก้ว” วัดอารามหลวงชั้นตรีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมล้านนา วัดนี้เป็นสถานที่ค้นพบพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ

ประวัติความเป็นมาและการค้นพบพระแก้วมรกต วัดพระแก้วแต่เดิมชื่อว่า “วัดป่าเยียะ” ภายในบริเวณวัดมีไม้เยียะขึ้นอยู่มากมาย แต่ในปี พ.ศ. 1977 ได้เกิดเหตุการณ์เจดีย์ของวัดถล่มลงมา เผยให้เห็นพระพุทธรูปปูนปั้นที่กะเทาะออกจนเห็นเนื้อมรกตภายใน ทำให้ผู้คนขนานนามวัดนี้ใหม่ว่า “วัดพระแก้ว” นับเป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ก่อนจะย้ายไปกรุงเทพฯ ในปัจจุบัน

สถานที่สำคัญภายในวัด

  • หอพระหยก: อาคารทรงล้านนาที่ประดิษฐาน “พระหยกเชียงราย” ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบ 90 พรรษา
  • พระอุโบสถทรงเชียงแสน: พระวิหารที่มีลักษณะหลังคาเตี้ยและลาดต่ำ เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องในความงดงามตามศิลปะแบบล้านนา
  • โฮงหลวงแสงแก้ว: พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญของวัด รวมถึงจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

วัดพระแก้วเชียงรายแห่งนี้เป็นมากกว่าสถานที่ปฏิบัติธรรม เพราะเป็นทั้งจุดท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์พุทธศิลป์ล้านนา ใครที่มาเชียงรายไม่ควรพลาดแวะมาสักการะที่นี่สักครั้ง

มาทำบุญและเยี่ยมชมความงามแห่งล้านนาได้ที่วัดพระแก้ว เชียงราย

7.วัดดอยงำเมือง

วัดดอยงำเมือง เชียงราย จุดหมายสายมู สร้างมิตรภาพและโชคลาภ

วัดดอยงำเมือง หรือวัดงำเมือง เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ผู้คนสายมูไม่ควรพลาด เพราะเชื่อกันว่าใครที่มาไหว้พระที่นี่จะได้เสริมมิตรภาพและโชคลาภอย่างไม่ขาดสาย วัดแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเชียงราย ตั้งอยู่บนดอยงามเมืองและเป็นสถานที่ประดิษฐานของกู่พญามังรายที่สร้างโดยพญาไชยสงคราม โอรสของพญามังรายมหาราช

วัดดอยงำเมืองมีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ที่งดงาม โดยเฉพาะพระวิหารที่มีราวบันไดเป็นรูปมกรคายนาคและประดับตกแต่งด้วยลายคำทองอย่างละเอียด อีกทั้งภายในยังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา ซึ่งแสดงถึงความสง่างามและศรัทธาในพุทธศาสนา

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังวัดพระแก้วเชียงราย โดยสามารถเดินทางผ่านถนนงำเมืองและเข้าไปได้ง่าย ผู้ที่เดินทางมาสามารถขับรถขึ้นเนินเล็กๆ ไปยังวัดได้สะดวก

หากคุณกำลังมองหาสถานที่เสริมสิริมงคลและบรรยากาศสงบเงียบในเชียงราย วัดดอยงำเมืองเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรแวะเยือน

  • Location: ถนนอาจอำนวย บ้านฮ่อมดอย (ชุมชนราชเดชดำรง) หมู่ที่1 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/fErJ2Lh

8.วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง (หรือวัดพระธาตุดอยตอง ตามสำเนียงคนเชียงราย)

วัดพระธาตุดอยจอมทอง วัดเก่าแก่เชียงราย คู่ประวัติศาสตร์เมืองล้านนา

วัดพระธาตุดอยจอมทอง หรือวัดพระธาตุดอยทอง เป็นวัดสำคัญในเชียงรายที่สายมูและนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ควรพลาด วัดนี้มีความเก่าแก่และเป็นที่นับถือในฐานะวัดที่คู่กับการสร้างเมืองเชียงราย ตามตำนานเล่าว่า วัดพระธาตุดอยจอมทองถูกสร้างขึ้นก่อนที่พ่อขุนเม็งรายจะทรงสร้างเมืองเชียงราย โดยภายในวัดมีพระธาตุจอมทองที่เป็นเจดีย์ตามศิลปะแบบล้านนา-พุกาม หุ้มด้วยทองคำอันงดงามและมีชื่อมงคล

ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อพระพุทธศาสนามีอายุได้ประมาณ 936 ปี พระเถระเจ้ารูปหนึ่งนามว่าพระพุทะโฆษา ได้นำพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 16 องค์มาถวายแก่พระเจ้าพังคราช เจ้าเมืองโยนกนาคพันธุ์ในขณะนั้น พระองค์ได้นำส่วนหนึ่งบรรจุลงในมหาสถูปบนดอยทองและตั้งชื่อว่าพระธาตุดอยจอมทอง ส่วนอีกส่วนนำไปประดิษฐานที่ดอยน้อยหรือวัดพระธาตุจอมกิตติในปัจจุบัน

นอกจากนี้ วัดพระธาตุดอยจอมทองยังมีเสาสะดือเมืองเชียงราย ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2530 เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการรำลึกถึงพ่อขุนเม็งรายและในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเสานี้ถือเป็นศูนย์กลางจักรวาลตามคติความเชื่อของชาวล้านนา มีการแกะสลักจากหินโดยนายสิงห์คำ สมเครือ ช่างฝีมือชาวพะเยา ปัจจุบันเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของเชียงรายที่นักท่องเที่ยวแวะมาเคารพสักการะ

หากมีโอกาสเยือนเชียงราย อย่าลืมแวะสักการะวัดพระธาตุดอยจอมทองและเสาสะดือเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลและเพื่อสัมผัสบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ของเมืองล้านนา

  • Location: ถนนอาจอำนวย ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://goo.gl/maps/1XaMew7HwEfRtd3H6

9.วัดเจ็ดยอด เชียงราย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี

วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวงเชียงราย ความงดงามแห่งเมืองล้านนา

ปิดท้ายทริปไหว้พระในเชียงรายด้วยวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวงชั้นตรี ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย วัดเจ็ดยอดเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ล้านนา ถึงแม้จะไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มีการบูรณะวัดครั้งสำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2386 โดยพระครูบาคันธะคนฺธวํโส ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสคนแรกของวัด ท่านได้เชิญชวนชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธามาร่วมกันพัฒนาวัด จนพบซากวัดเก่าที่มีพระธาตุเจ็ดองค์ตั้งเรียงกันทั้งใหญ่และเล็ก จึงได้บูรณะใหม่ตามแบบวัดเจ็ดยอดในเมืองเชียงใหม่

พระพุทธรูปประธานในอุโบสถของวัดเจ็ดยอดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบล้านนา ก่ออิฐถือปูนและปิดทองทั้งองค์ ภายในอุโบสถเงียบสงบ เหมาะแก่การเจริญสติและสมาธิ ฝ้าเพดานด้านหน้าพระอุโบสถประดับด้วยภาพเขียนสีที่งดงามมาก

วัดเจ็ดยอดมีชื่อเสียงจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่องค์พระธาตุเจ็ดยอดในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้ผิวคอนกรีตด้านนอกแตกกะเทาะออกจนเห็นอิฐด้านใน แต่โครงสร้างหลักไม่ได้รับความเสียหาย และยังคงเป็นจุดสำคัญที่ผู้ศรัทธาแวะเวียนมาทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลอยู่เสมอ

การเดินทางมาวัดเจ็ดยอด
จากแยกหอนาฬิกาเชียงราย ขับรถตามถนนเจ็ดยอดประมาณ 500 เมตร วัดเจ็ดยอดจะอยู่ทางขวามือ

วัดเจ็ดยอดเป็นหนึ่งในพระอารามหลวงที่แฝงด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะล้านนาโบราณ ใครมาเชียงรายแล้วไม่ควรพลาดที่จะเยี่ยมชม

 

  • Location: ตำบลเวียง อำเภอเชียงราย จังหวัดเชียงราย
  • Google Map: https://g.co/kgs/PDdpdYA

ทริปไหว้พระ 9 วัดดังในเชียงราย ไหว้ครบได้ในวันเดียว!

และนี่คือทริปไหว้พระ 9 วัดดังในตัวเมืองเชียงรายที่เรานำมาฝากกันค่ะ รับรองว่าเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นสายมูหรือสายบุญก็สามารถไหว้ครบทุกวัดได้ภายในวันเดียว ใครที่อยู่ต่างจังหวัดและอยากตามรอยทริปดี ๆ แบบนี้ ก็จัดกระเป๋าแล้วมุ่งหน้าเชียงรายกันได้เลย บอกเลยว่าทั้งอิ่มบุญและยังได้สัมผัสความงดงามของวัดเก่าแก่ที่มีตำนานยาวนานอีกด้วย!

คอลัมน์โดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร

เครดิตภาพ : กีรติ ชุติชัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News