Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ความหลากหลายเบ่งบาน เชียงรายเตรียมจัด Pride Month ยิ่งใหญ่ 22 มิ.ย.

เชียงรายพร้อมจัดงาน Chiang Rai Pride Month 2025 อย่างยิ่งใหญ่ เดินหน้าส่งเสริมความเท่าเทียม สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกกลุ่มหลากหลายทางเพศ

เชียงราย, 11 มิถุนายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าขับเคลื่อนสังคมแห่งความเท่าเทียมและเปิดกว้างสู่ความหลากหลายทางเพศอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการเตรียมจัดงาน “Chiang Rai Pride Month 2025” อย่างยิ่งใหญ่ โดยมุ่งสร้างบรรยากาศของการยอมรับและความเข้าใจในความแตกต่างของทุกกลุ่มคน สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของเมืองเหนือในฐานะพื้นที่ที่เคารพและให้เกียรติทุกอัตลักษณ์ พร้อมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เวทีประชุมระดมความคิด รัฐ-เอกชน-ภาคีเครือข่ายร่วมมือ

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมอูหลง ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนกิจกรรม Chiang Rai Pride Month 2025 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายหลากหลาย เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศของการประชุมเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะทำให้กิจกรรมครั้งนี้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขและแรงบันดาลใจสำหรับคนเชียงรายและผู้มาเยือนจากทั่วทุกภูมิภาค

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวเปิดการประชุมว่า
“วันนี้เราได้เปิดเวทีหารือร่วมกัน เพื่อต่อยอดแนวทางจัดกิจกรรม Chiang Rai Pride Month 2025 ให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีความเป็นเอกภาพ สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดทั้งในมิติการท่องเที่ยว สังคม และความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมและพื้นที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ เราต้องการให้เชียงรายเป็นจังหวัดนำร่องในด้านนี้อย่างแท้จริง”

งานไฮไลท์กลางเดือนมิถุนายน จุดประกายสีสันแห่งความภาคภูมิใจ

เดือนมิถุนายนของทุกปีทั่วโลกถูกยกให้เป็น “Pride Month” หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยจังหวัดเชียงรายร่วมกับมูลนิธิเอ็มพลัส สาขาเชียงราย เตรียมจัดกิจกรรม Chiang Rai Pride Month 2025 ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 ณ ลานกิจกรรมหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า และลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

กิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เฉลิมฉลองอัตลักษณ์อย่างเท่าเทียม” (Celebrate Identity with Equality) โดยตั้งเป้าสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักรู้เกี่ยวกับความหลากหลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมขับเคลื่อนพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนมีโอกาสแสดงออกอย่างเสรี ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ+ รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มในสังคมสามารถแสดงศักยภาพของตนเองได้เต็มที่

ไฮไลท์กิจกรรมพาเหรด เสวนา การแสดงวัฒนธรรม ประกวด Pride Ambassador

กิจกรรมสำคัญจะประกอบด้วย

  • ขบวนพาเหรด Pride Parade: เริ่มต้นจากลานหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า เคลื่อนผ่านอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผ่านหอนาฬิกา และสิ้นสุดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย สร้างสีสันและพลังแห่งการรวมตัวของผู้คนทุกวัย ทุกกลุ่ม
  • เวทีเสวนา: หัวข้อเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย
  • การประกวด Pride Ambassador: เปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถในกลุ่มหลากหลายทางเพศได้แสดงออกถึงศักยภาพ สร้างแรงบันดาลใจ
  • การแสดงทางวัฒนธรรม: นำเสนอศิลปะและวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ ผสมผสานความเป็นพื้นถิ่นกับสากลอย่างกลมกลืน

เป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และความเท่าเทียม

คณะผู้จัดงานมีเป้าหมายชัดเจนว่า Chiang Rai Pride Month 2025 จะเป็นทั้งเวทีสื่อสารเชิงบวกในระดับจังหวัดและภูมิภาค ช่วยสร้างบรรยากาศของการยอมรับ ความกลมเกลียวในสังคม ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งความเท่าเทียมและความหวัง

เชียงรายกับบทบาทผู้นำเมืองปลอดภัยและเท่าเทียม

การจัดกิจกรรมนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ตลอดจนตอกย้ำบทบาทของจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองแห่งโอกาสและความหวังสำหรับทุกคน หากความสำเร็จของงานปีนี้เดินหน้าต่อเนื่อง จะเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศนำไปขยายผล สร้างสังคมที่เปิดกว้างและเป็นมิตรกับทุกกลุ่มประชากร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • มูลนิธิเอ็มพลัส สาขาเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ชุมชน ‘เวียงป่าเป้า’ สร้างดาว! “วัดเวียงกาหลง” โมเดลท่องเที่ยวยั่งยืน

เวียงกาหลงสุดยอด! วัดคว้า 5 ดาว ท่องเที่ยวยั่งยืน

เชียงราย, 2 พฤษภาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “เมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลง” ได้เผยแพร่ข่าวสารความสำเร็จของ “วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลง” ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับสูงสุด 5 ดาว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้โครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) หลังจากผ่านการประเมินตามเกณฑ์ STGs Easy (Sustainable Tourism Goals) เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 โดยประกาศนียบัตรดังกล่าวมีอายุ 2 ปี และจะหมดอายุในวันที่ 28 เมษายน 2570

วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลงตั้งอยู่ ณ เลขที่ 98 หมู่ 15 ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 093-2560187 เป็นหนึ่งในห้าแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายที่ได้รับตราสัญลักษณ์ STAR-C00389 ระดับ 5 ดาว ซึ่งนับว่าเป็นระดับสูงสุดของมาตรฐานนี้ โดยการรับรองดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ที่เน้นการยกระดับผู้ประกอบการตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ

คำขวัญของพื้นที่ “เมืองวัฒนธรรม แดนพุทธภูมิ ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไล” สะท้อนถึงรากฐานทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชุมชนเวียงกาหลง ซึ่งวัดพระยอดขุนพลเป็นศูนย์รวมของความศรัทธาและการเรียนรู้สู่การท่องเที่ยวยั่งยืนในรูปแบบนันทนาการและวัฒนธรรม

โครงการ STAR: Sustainable Tourism Acceleration Rating ถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศดำเนินกิจการโดยยึดถือหลักความยั่งยืนใน 4 มิติหลัก ได้แก่ ธรรมาภิบาล เศรษฐกิจ-สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ผ่านเป้าหมาย STGs รวม 17 ข้อ ซึ่งพัฒนาต่อยอดจาก SDGs ของสหประชาชาติ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการ STAR เป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเน้นการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ บนรากฐานของความปลอดภัยและความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “มาร่วมสร้างท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน” ผ่านการสร้างมาตรฐาน High Value Services & Standard เพื่อมอบประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า (Valued Experiences) แก่นักท่องเที่ยว และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism)

โครงการ STAR ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานวิชาการ เช่น ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีระบบการจัดระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืนใน 3 ระดับ ได้แก่:

  • 3 ดาว สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์ STG13 (ลดก๊าซเรือนกระจก), STG16 (ปลอดภัยในการท่องเที่ยว) และ STG17 (ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน)
  • 4 ดาว สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์หลักทั้ง 3 ข้อข้างต้น และเป้าหมายเพิ่มเติมอีก 6 ข้อ รวมเป็น 9 ข้อ
  • 5 ดาว สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์หลักทั้ง 3 ข้อ และเป้าหมายอื่นไม่น้อยกว่า 9 ข้อ รวมเป็น 12 เป้าหมายขึ้นไป

วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลงสามารถผ่านเกณฑ์สูงสุด 5 ดาว ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการเชิงอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีการจัดกิจกรรมพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การฝึกอาชีพ การปลูกป่า การสอนภาษา และการจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

นางสาวมารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของโครงการ STAR และกล่าวสนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวที่ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า ธรรมชาติคือทรัพยากรต้นทุนสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หากไร้ความรับผิดชอบในการเดินทาง ก็เท่ากับทำลายจุดขายของประเทศ

วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลงถือเป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนเป้าหมาย STG13, STG16 และ STG17 อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแหล่งเรียนรู้การท่องเที่ยวยั่งยืนที่มีชีวิตจริงในชุมชน ซึ่ง ททท. วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้แหล่งอื่น ๆ ปรับตัวเข้าสู่เกณฑ์เดียวกัน เพื่อสร้าง “ประเทศไทย” ให้เป็น Sustainable Destination ในระดับโลก

การยกระดับวัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลงสู่ระดับ 5 ดาว ไม่เพียงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ แต่ยังตอกย้ำว่าการท่องเที่ยวยั่งยืนไม่ใช่เพียงแนวคิด หากแต่คือแนวทางที่สามารถนำไปสู่การเติบโตทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • เพจเมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลง
  • ข้อมูลการประเมิน STGs Easy และระบบ STAR: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), 2566-2568
  • ฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์ STAR ระดับ 5 ดาว: www.tourismthailand.org/star
  • รายงานสถิติการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ปี 2567: สำนักงานสถิติจังหวัดเชียงราย
  • บทสัมภาษณ์ ผศ.ชล บุนนาค, ศูนย์วิจัย SDG Move
  • รายงานความคืบหน้าโครงการ Shape Supply และ SDG ของ ททท.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

อนันตราเปิดเต็นท์หรู สัมผัสธรรมชาติสามเหลี่ยมทองคำ

อนันตราเปิดตัว The Mekong Explorer Tent เต็นท์แคมป์ลักชัวรี่ใจกลางธรรมชาติสามเหลี่ยมทองคำ

เชียงราย, 25 มีนาคม 2568 – อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย เปิดตัวเต็นท์แคมป์สุดหรูแห่งใหม่ “The Mekong Explorer Tent” อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งในที่พักแบบเต็นท์ที่หรูหราที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงสุดของรีสอร์ท บนพื้นที่กว่า 16 ไร่ โอบล้อมด้วยป่าไผ่อันเขียวขจี มองเห็นแม่น้ำโขงและทิวทัศน์ของสามประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และเมียนมาร์ ได้อย่างชัดเจนแบบพาโนรามา

เต็นท์สุดหรูสไตล์โคโลเนียลผสานล้านนา

The Mekong Explorer Tent ได้รับแรงบันดาลใจจากนักสำรวจในอดีต ผสานศิลปะตะวันตกแบบโคโลเนียลกับความงามแบบล้านนา ห้องพักออกแบบอย่างประณีตด้วยวัสดุไม้สีเข้ม หนังแท้ และผ้าไหมจิม ทอมป์สัน เพิ่มความหรูหรา กลมกลืนกับธรรมชาติอย่างลงตัว

ภายในประกอบด้วย 2 ห้องนอนขนาดใหญ่ เตียงคิงไซส์ พร้อมห้องน้ำในตัวและอ่างอาบน้ำกลางแจ้งบนระเบียงส่วนตัวขนาด 22 ตารางเมตร รวมพื้นที่ใช้สอย 75 ตารางเมตรต่อห้อง มีสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาด 3×5 เมตร รองรับผู้ใหญ่สูงสุด 3 ท่าน และเด็ก 1 คน หรือผู้ใหญ่ 2 ท่านกับเด็ก 2 คน

เปิดประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับ

แพ็คเกจการเข้าพักเริ่มต้นที่ราคา 110,000 บาทต่อคืน ซึ่งรวมบริการพิเศษมากมาย อาทิ

  • บัตเลอร์ส่วนตัว
  • อาหารเช้าสไตล์ In-Tent Dining
  • ดินเนอร์สุดพิเศษแบบ 3 คอร์ส ณ ห้องอาหารแสมสาร
  • อาหารครบ 3 มื้อ พร้อมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ไม่จำกัด
  • Sky Bite Adventure ชมทัศนียภาพแม่น้ำโขงและฝูงช้างบนความสูง 40 เมตร
  • เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หอฝิ่นเพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์สามเหลี่ยมทองคำ
  • ล่องเรือหางยาวบนแม่น้ำโขง

ของที่ระลึกสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น

ในห้องพักมีของที่ระลึกที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชุมชนของภาคเหนือ อาทิ

  • ชาสวรรค์บนดิน จากกลุ่มชาวบ้าน
  • ช็อกโกแลตจาก Kad Kokoa จังหวัดเชียงใหม่
  • คุกกี้เนยรูปช้างโฮมเมด
  • ผลิตภัณฑ์เห็ดอบกรอบจากดอยตุง
  • ถุงผ้าทอมือแพรวา อัตลักษณ์ของชนเผ่าภาคเหนือ

ทั้งหมดเลือกใช้วัสดุที่ยั่งยืน สื่อถึงความเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมของรีสอร์ท

กิจกรรมหลากหลายเติมเต็มการพักผ่อน

อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ ยังมีกิจกรรมมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม เช่น

  • Walking with Giants เดินเคียงข้างช้างพร้อมควาญ
  • คลาสเรียนทำอาหารไทย Spice Spoons
  • รับประทานอาหารบนกระเช้าลอยฟ้า Canopy
  • คลาสโยคะ พิลาทิส และแพคเกจสปาทรีตเมนต์ส่วนตัว

เชียงรายยกระดับสู่จุดหมายลักชัวรี่ระดับโลก

การเปิดตัว The Mekong Explorer Tent เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายในฐานะแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนที่มองหาประสบการณ์พิเศษ และมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ราคาเริ่มต้นการเข้าพัก: 110,000 บาท/คืน (ข้อมูลจาก Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort)
  • ขนาดห้องพัก: 75 ตารางเมตร/ห้อง พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว
  • จำนวนห้องพักในโครงการ The Mekong Explorer Tent: 1 ยูนิต (เต็นท์แบบ Exclusive)
  • พื้นที่รีสอร์ทโดยรวม: กว่า 16 ไร่ (ข้อมูลจาก อนันตรา เชียงราย)
  • จำนวนกิจกรรมภายในรีสอร์ท: มากกว่า 10 รายการ (ข้อมูล ณ มีนาคม 2568)

Anantara Golden Triangle Unveils The Mekong Explorer Tent: Where Luxury Meets Adventure in the Heart of Northern Thailand

 

Bangkok, 24th February 2025 – Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort unveils one of Thailand’s most unique and luxurious stays – The Mekong Explorer Tent. The exceptional hillside retreat offers unrivaled panoramic views of Northern Thailand’s breathtaking landscapes, serving as a serene haven for stargazers, nature enthusiasts, and intrepid explorers alike.

Located just 4 km from the iconic Golden Triangle, The Mekong Explorer Tent sits where the borders of Thailand, Laos, and Myanmar converge. Nestled in a 160-acre bamboo forest, the tent offers sweeping views of the verdant jungle, the mighty Mekong River, and the Golden Triangle Asian Elephant Foundation’s 20 rescued elephants roaming below.

The two-bedroom luxury retreat is thoughfully designed with explorers in mind, featuring a tasteful mix of leather, wood, and accents of Jim Thompson fabrics that exude timeless elegance. Handcrafted furniture and locally sourced amenities immerse guests in the region’s rich culture, including locally made, sustainable teas from Sawanabondin, chocolates from Kad Kakao in Northern Thailand, homemade elephant shaped butter cookies, crispy mushrooms in collaboration with DoiTung, and a Praewa cloth bag, traditionally used by hilltribes in the Lanna region. Each spacious bedroom boasts an en-suite bathroom and oversized king-size beds for unparalleled comfort. Outside, two private terraces each feature a 5m x 3m infinity pool and an outdoor bathtub, offering a serene soak amidst nature.

Guests of The Mekong Explorer Tent also enjoy tailored luxuries, including an Explorer’s Arrival via traditional longtail boat, a Sky Bike adventure, full-board gourmet dining, unlimited non-alcoholic beverages, a fully stocked minibar, and access to the Hall of Opium Museum. Additionally, each night’s stay includes a choice of unforgettable activities, such as the Walking with Giants elephant experience, a Spice Spoons cooking class with a local market visit, a 60-minute spa treatment, or a private yoga or Pilates session.

The resort will further elevate its offerings with the introduction of the Mekong Explorer Suites. These suites, inspired by intrepid explorers of the Mekong River, blend Thai Lanna elements with colonial influences. Dark wood paneling, elephant-inspired décor, and antique-style travel trunks evoke a sense of tradition and adventure. Each suite features a balcony with jungle views, a cantilevered Thai daybed, a rain shower, a terrazzo soaking tub, and locally sourced amenities.

The Mekong Explorer Tent is part of the resort’s array of unique luxury accommodations, including the Jungle Bubble and Jungle Bubble Lodge, which offer guests an unforgettable safari-style experience. Guests can dine on a private deck overlooking elephants and enjoy personalized butler service, two bedrooms, and a private plunge pool in these off-the-grid retreats.

 

Anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort is renowned for its commitment to sustainable tourism and wildlife conservation. The resort provides sanctuary for 20 rescued elephants through the Golden Triangle Asian Elephant Foundation, offering guests ethical and educational interactions with these gentle giants. Guests can also enjoy world-class amenities, including luxurious suites, fine dining inspired by the region’s three countries, a rejuvenating spa, and a 30-meter infinity pool overlooking the elephant plains. From birdwatching in the 160-acre bamboo forest to breakfast in the treetops with the Canopy dining experience, every moment at Anantara Golden Triangle is extraordinary. The resort also offers a truly sustainable experience. From the complete elimination of single-use plastic to a reliance on solar power, the resort is also home to its own farm, complete with herb and vegetable gardens, grey Oyster mushroom farm, bee hives, and free-range chickens.

A stay in The Mekong Explorer Tent* starts from $3,800++ per night, including an Explorer’s Arrival, a Sky Bike adventure, full-board gourmet dining, unlimited non-alcoholic beverages, a fully stocked minibar, and access to the Hall of Opium Museum. Additionally, each night’s stay includes a choice of unforgettable activities. For more information and the best available rates, visit anantara.com/en/golden-triangle-chiang-rai, email goldentriangle.ccc@contact.anantara.com, or call +66 53 784 084. For the latest news, follow the resort on Instagram @anantara_goldentriangle

*The Mekong Explorer Tent

  • 2 King Bedrooms 52 sqm with a 22 sqm private balcony, totaling 75 sqm per unit.
  • 2 x oversized king-size beds
  • 2 x bathrooms
  • Outdoor bathtub on the deck for a serene soak amidst nature
  • Private swimming pool measuring L4.8m x W3.15m.
  • Maximum 3 adults & 1 child or 2 adults & 2 children

**The Golden Triangle Luxury Explorer Package includes return luxury airport transfers, full board dining, inclusive of breakfast, lunch and dinner, as well as in-room dining, unlimited non-alcoholic beverages, in-room minibar and admission to the Hall of Opium Museum. Every guest also receives one unforgettable activity for every night stayed including an elephant experience, Spice Spoons cooking class, a 60-minute spa treatment or a 60-minute private yoga or Pilates class.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • อนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท – www.anantara.com

  • ข้อมูลรีวิวจาก TripAdvisor และ Booking.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ล่องแพแม่น้ำคำ เชียงราย พัฒนาท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชน

อบจ.เชียงราย ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “ล่องแพลำน้ำคำ” ตำบลแม่ฟ้าหลวง ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น สร้างรายได้ชุมชน

ผนึกกำลังทุกภาคส่วน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติ พายเรือเก็บขยะ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวตำบลแม่ฟ้าหลวง ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ณ ลำน้ำคำ บ้านสามัคคีใหม่ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.เชียงราย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “ล่องแพลำน้ำคำ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือ และยกระดับรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เปิดเส้นทาง “ลำน้ำคำ” เส้นเลือดธรรมชาติ เชื่อมชุมชนสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ

กิจกรรมหลักภายในงาน ได้แก่ การล่องแพสำรวจเส้นทางธรรมชาติของลำน้ำคำ ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านชุมชนบ้านสามัคคีใหม่ บรรยากาศโดยรอบยังคงอุดมด้วยธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และวิถีชีวิตพื้นบ้านที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพายเรือคายัคเก็บขยะในลำน้ำ เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำในพื้นที่

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาร่วมงาน คือการ “สร้างฝ่ายเบี่ยงทางน้ำ” เพื่อควบคุมระดับน้ำให้เหมาะสมต่อการล่องแพในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันตลิ่งพังและช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศของลำน้ำในระยะยาว

ย้ำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ต้องควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยไม่ละเลยประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยโครงการในลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่

“เราต้องการให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นสร้างรายได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะความงดงามของธรรมชาติ คือหัวใจของการท่องเที่ยวเชียงราย” นายรามิลกล่าว

ด้านผู้แทนจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ระบุว่า เส้นทาง “ล่องแพลำน้ำคำ” เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Eco Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน และการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คงอยู่ในระยะยาว

เสียงจากคนในพื้นที่ – การท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจชุมชน

นางสาคร สมบุญ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าแปรรูป เช่น กล้วยตาก ผ้าทอพื้นเมือง และอาหารท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

“เมื่อก่อนลำน้ำคำแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้คนเริ่มมาเที่ยวมากขึ้น ชาวบ้านก็ได้มีโอกาสขายของ บางคนก็เอาเรือมาพายให้บริการล่องแพ เป็นรายได้เสริมที่สำคัญมากในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้” นางสาครกล่าว

ในขณะเดียวกัน นายสุริยา แก้วคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสามัคคีใหม่ กล่าวว่า การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุนทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นและพร้อมจะร่วมมือในการพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวอยากกลับมาอีกครั้ง

มุมมองจากนักอนุรักษ์ – ควรติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่นักสิ่งแวดล้อมบางรายให้ความเห็นว่า จำเป็นต้องมีการติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความสมดุลของระบบนิเวศในลำน้ำคำ การสร้างฝ่ายเบี่ยงน้ำและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ ควรมีการศึกษาและวางแผนร่วมกับนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติเพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – ข้อดีควบคู่กับความระมัดระวัง

ในภาพรวม โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวลำน้ำคำของตำบลแม่ฟ้าหลวงนับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ห่างไกล แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการวางระบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายรูปแบบการท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันไปยังพื้นที่อื่นของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมพื้นที่แม่ฟ้าหลวง ปี 2567: ประมาณ 85,000 คน (สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย)
  • รายได้เฉลี่ยจากการขายสินค้าชุมชนต่อครัวเรือน/เดือน ในพื้นที่ตำบลแม่ฟ้าหลวง: 4,500 บาท (จากการสำรวจโดย อพท.เชียงราย)
  • จำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมล่องแพและพายเรือเก็บขยะ: 37 ครัวเรือน
  • พื้นที่ลำน้ำคำที่ใช้ในการจัดกิจกรรม: ประมาณ 3.5 กิโลเมตร
  • งบประมาณที่ใช้ในกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ครั้งนี้: 350,000 บาท (จาก อบจ.เชียงราย และการสนับสนุนร่วมจากภาคีเครือข่าย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.เชียงราย)
  • ข้อมูลภาคประชาชนจากบ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง
  • รายงานผลกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ประจำปีงบประมาณ 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เชียงรายติดอันดับ Google Maps เผย ที่เที่ยวรีวิวเยอะ

เชียงรายโดดเด่นบน Google Maps: สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดในประเทศไทย

ประเทศไทย, 14 มีนาคม 2568 – Google Maps ฉลองครบรอบ 20 ปีของการเป็นเครื่องมือนำทางที่ทรงพลัง ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การนำทางเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนค้นพบสถานที่ใหม่ ๆ ได้แบบเรียลไทม์ และเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นเติบโตผ่านการรีวิวจากผู้ใช้ ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ได้ง่ายขึ้น

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอาหารที่ขึ้นชื่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Google Maps ได้รวบรวม 10 อันดับสถานที่ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดในประเทศไทย และจากข้อมูลดังกล่าว จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีสถานที่สำคัญติดอันดับสูงสุดในหลายหมวดหมู่ ได้แก่ วัดร่องเสือเต้น วัดร่องขุ่น และพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

เชียงราย: เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม

เชียงรายเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมไทยล้านนา ที่นี่เป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดังอย่าง อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้สร้าง วัดร่องขุ่น และ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ นอกจากนี้ยังมีวัดร่องเสือเต้น ซึ่งเป็นผลงานของ สล่านก (พุทธา กาบแก้ว) ศิลปินผู้สืบทอดงานศิลปะจากอาจารย์เฉลิมชัย ทำให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

สถานที่ในเชียงรายที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดบน Google Maps

  1. วัดร่องเสือเต้น (22,374 รีวิว)

วัดร่องเสือเต้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย ด้วยสถาปัตยกรรมสีน้ำเงินที่ตัดกับทองคำเปลวอย่างงดงาม วัดนี้สร้างโดยศิลปินท้องถิ่นและกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัด การออกแบบของวัดเต็มไปด้วยรายละเอียดที่งดงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสงานศิลปะที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมพุทธศาสนา

  1. วัดร่องขุ่น (21,753 รีวิว)

วัดร่องขุ่นเป็นผลงานสร้างสรรค์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัดแห่งนี้มีโครงสร้างสีขาวบริสุทธิ์ที่สะท้อนแสงแดดอย่างสวยงาม และสื่อถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา นอกจากความงดงามแล้ว วัดร่องขุ่นยังเป็นสถานที่ที่มีความหมายทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาเยี่ยมชมมากที่สุด

  1. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ (12,298 รีวิว)

บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นสถานที่ที่รวบรวมผลงานของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินระดับโลกที่สร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบของบ้านไม้สีดำขลับ ซึ่งภายในจัดแสดงงานศิลปะที่สะท้อนถึงความลึกซึ้งของปรัชญาชีวิตและวัฒนธรรมไทยล้านนา ความลึกลับและเสน่ห์ของบ้านดำทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเชียงราย

เชียงราย: จุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทาง

นอกจากวัดและพิพิธภัณฑ์แล้ว เชียงรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ดอยแม่สลอง ดอยตุง และดอยช้าง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศของประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่ชา เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตชา และสัมผัสอากาศเย็นสบายตลอดปี

ร้านอาหารและคาเฟ่ในเชียงรายที่ได้รับการรีวิวสูงสุดบน Google Maps

  • Chivit Thamma Da Coffee House, Bistro & Bar (คาเฟ่ริมแม่น้ำกกที่มีบรรยากาศอบอุ่น)
  • Melt in Your Mouth (คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่มีวิวแม่น้ำสุดโรแมนติก)
  • ริมกกคาเฟ่ (คาเฟ่ที่ให้บรรยากาศธรรมชาติริมแม่น้ำกก เหมาะแก่การพักผ่อน)

10 อันดับ สวนสาธารณะและอุทยานฯ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. สวนลุมพินี กรุงเทพฯ (35,617 รีวิว)
  2. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา (15,423 รีวิว)
  3. อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี (14,016 รีวิว)
  4. อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (10,350 รีวิว)
  5. อุทยานหินเขางู จ.ราชบุรี (9,098 รีวิว)
  6. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา (8,534 รีวิว)
  7. พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา (7,874 รีวิว)
  8. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ (7,602 รีวิว)
  9. อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี (7,200 รีวิว)
  10. อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา จ.ชลบุรี (6,892 รีวิว)

10 อันดับ พิพิธภัณฑ์ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. ปราสาทสัจธรรม จ.ชลบุรี (26,932 รีวิว)
  2. พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน กรุงเทพฯ (14,412 รีวิว)
  3. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ จ.เชียงราย (12,298 รีวิว)
  4. พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ (11,127 รีวิว)
  5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ (7,692 รีวิว)
  6. พิพิธภัณฑ์ริปลีย์ บีลิฟอิท ออ นอท พัพิพทยา  จ.ชลบุรี (7,567 รีวิว)
  7. มิวเซียมสยาม กรุงเทพฯ (7,116 รีวิว)
  8. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย กรุงเทพฯ (5,169 รีวิว)
  9. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กรุงเทพฯ (4,583 รีวิว)
  10. ศูนย์ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาด จ.กาญจนบุรี (4,344 รีวิว

10 อันดับ วัด บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ (39,926 รีวิว)
  2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพ (37,399 รีวิว)
  3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ (33,154 รีวิว)
  4. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ (24,167 รีวิว)
  5. วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา (23,032 รีวิว)
  6. วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย (22,374 รีวิว)
  7. วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย (21,753 รีวิว)
  8. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ (21,206 รีวิว)
  9. วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา (19,521 รีวิว)
  10. วัดพระธาตุดอยคำ จ.เชียงใหม่ (19,290 รีวิว)

10 อันดับ ร้านอาหาร บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด

  1. ร้านอาหารปูเป็น ซีฟู้ด จ.ชลบุรี (15,862 รีวิว)
  2. Tandoori จ.ภูเก็ต (15,854 รีวิว)
  3. ชอคโกแลต วิลล์ กรุงเทพฯ (14,548)
  4. สุกี้ตี๋น้อย ศรีนครินทร์-สมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ (14,237 รีวิว)
  5. นานาพลาซ่า กรุงเทพฯ (14,108 รีวิว)
  6. มุมอร่อย สาขานาเกลือ จ.ชลบุรี (13,308)
  7. โคตรทะเล เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ กรุงเทพฯ (14,753 รีวิว)
  8. ระเบียงทะเล จ.สมุทรปราการ (13,158 รีวิว)
  9. The Village Farm To Café จ.กาญจนบุรี (12,725  รีวิว)
  10. โคตรทะเล ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ กรุงเทพฯ (12,520 รีวิว)

10 อันดับ คาเฟ่ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด

  1. maidreamin MBK กรุงเทพฯ (17,380 รีวิว)
  2. The Village Farm To Café จ.กาญจนบุรี (12,725 รีวิว)
  3. Cafe Phuket Viewpoint จ.ภูเก็ต (8,662 รีวิว)
  4. เพลินคาเฟ่ บางปู จ.สมุทรปราการ (6,314 รีวิว)
  5. Nami_Dessert&Coffee by Chaokhun (Nami Central Mahachai) จ.สมุทรสาคร (5,684 รีวิว)
  6. ป้าบุญคาเฟ่ สาขาพัทยา จ.ชลบุรี (5,353 รีวิว)
  7. มีนา คาเฟ่ จ.กาญจนบุรี (4,769 รีวิว)
  8. THE COFFEE CLUB – River City กรุงเทพฯ (4,405 รีวิว)
  9. Café 8.98 Ao Nang จ.กระบี่ (4,144 รีวิว)
  10. โอทู คอฟฟี่ แอนด์ บิสโตร จ.นครปฐม (3,716 รีวิว)

ข้อสรุป

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักท่องเที่ยว Google Maps ได้แสดงให้เห็นถึงความนิยมของสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายผ่านจำนวนรีวิวที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น วัดร่องเสือเต้น วัดร่องขุ่น หรือพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

นอกจากนี้ เชียงรายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม คาเฟ่บรรยากาศดี และอาหารเหนือที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Google Maps (2568) / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เที่ยวเชียงรายสัมผัสธรรมชาติ 6 เส้นทางวิถีชุมชน คนกับป่า

พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้สู่ชุมชน

เชียงราย, 10 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ 6 เส้นทางหมู่บ้านท่องเที่ยว “วิถีชุมชนคนกับป่า” ณ โรงเรียนปางมะกาดวิทยาคม ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยมีนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย, นายพงศ์ศักดิ์ เพชรคงแก้ว นายอำเภอเวียงป่าเป้า, นางสาวทัศนาภรณ์ จันทร์ดง พัฒนาการอำเภอเวียงป่าเป้า พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม

พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชื่อมโยงคนกับธรรมชาติ

อำเภอเวียงป่าเป้าถือเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยมีหลายหมู่บ้านที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ บ้านขุนลาว บ้านห้วยคุณพระ บ้านปางมะกาด บ้านห้วยน้ำกืน บ้านห้วยมะเกลี้ยง และบ้านแม่หาง เส้นทางเหล่านี้มีจุดเด่นด้านการ ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวิถีชุมชน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสธรรมชาติ เที่ยวป่าต้นน้ำ ชมน้ำตก ชิมชา กาแฟอินทรีย์ และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น

การเปิดเส้นทาง “วิถีชุมชนคนกับป่า” เป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน และสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังเป็นการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน

6 เส้นทางหมู่บ้านท่องเที่ยว เชื่อมโยงธรรมชาติและวัฒนธรรม

1. หมู่บ้านปางมะกาด (หมู่ 8 ต.แม่เจดีย์)

  • สักการะพระธาตุปางมะกาด

  • เยี่ยมชมสวนชาและกาแฟ

  • เที่ยวน้ำตกเลาลี

  • ชมสวนดอกซิมมีเดียมและดอกนางลาว

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ น้ำผึ้งป่า

2. บ้านห้วยน้ำกืน (หมู่ 13 ต.แม่เจดีย์)

  • ไหว้พระเจ้าพ่อคูณสาม

  • ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ดอยป่า ดอยมด

  • ชมดอกซากุระและดอกกุหลาบพันปี

  • เยี่ยมชมสวนชาและกาแฟ

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ น้ำผึ้งป่า

3. บ้านขุนลาว (หมู่ 7 ต.แม่เจดีย์ใหม่)

  • ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ

  • เที่ยวน้ำตกขุนลาว

  • ชมสวนชาและกาแฟพันธุ์พิเศษ

  • เดินชมวิถีชีวิตชุมชน

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ สบู่กาแฟ น้ำพริกตาแดง

4. บ้านห้วยคุณพระ (หมู่ 12 ต.แม่เจดีย์ใหม่)

  • นมัสการพระที่อาราม

  • เดินชมวิถีชีวิตชุมชน

  • เยี่ยมชมสวนชาและกาแฟ

  • เช็คอินที่ “แผ่นดินหวิด”

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ น้ำผึ้งป่า

5. บ้านแม่หาง (หมู่ 7 ต.ป่างิ้ว)

  • เยี่ยมชมไร่ชาในชุมชน

  • เที่ยวน้ำตกห้วยต้นซ้อ

  • ไหว้พระขอพรที่วัดแม่หาง

  • ท่องเที่ยวดอยแปคมดาบ

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ น้ำผึ้งป่า

6. บ้านห้วยมะเกลี้ยง (หมู่ 8 ต.ป่างิ้ว)

  • ชมวิถีชีวิตชุมชนปกาเกอะญอ

  • นมัสการพระธาตุดุสิตาผาโง้ม

  • ไหว้พระเจ้าทันใจ

  • ศึกษาเส้นทางธรรมชาติ

  • ช้อปผลิตภัณฑ์ชุมชน: ชา กาแฟ น้ำผึ้งป่า

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในเชียงราย เพิ่มรายได้ให้ชุมชนกว่า 30% ภายในปีแรก และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567) ระบุว่า เชียงรายมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายแสดงความกังวลว่าการพัฒนาการท่องเที่ยวอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาขยะและการใช้ทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น นักอนุรักษ์เสนอให้มีมาตรการควบคุมและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ธรรมชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567) / รายงานการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ปี 2567 / ข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แพเปียก ‘แม่สรวย’ เปิดแล้ว อบจ.เชียงราย หนุนท่องเที่ยวชุมชน

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว ล่องแพเปียกแม่สรวย เปิดฤดูกาลปี 2568

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายเปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน “การล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย” อย่างเป็นทางการ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีเปิดกิจการดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

พิธีเปิดกิจกรรมล่องแพเปียกแม่สรวย

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณลำน้ำแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางสาวณิชาภา สันธิ หัวหน้าฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร และ นางสาวสุมิตรา บางขะกูล หัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยว ร่วมเปิดตัวกิจกรรมสำคัญนี้

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นางสาวสุภาภรณ์ ยาลังคำ ปลัดอำเภอแม่สรวย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมรับฟังรายงานจาก นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก และมีผู้นำท้องที่และท้องถิ่นเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

การส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน

กิจกรรม ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย – ลำน้ำแม่ลาว จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2568 ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมอาชีพและการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน เป็นเวทีสำคัญในการสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

นอกจากนี้ การจัดงานยังมุ่งเน้นการสร้างเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ล่องแพเปียก ท่ามกลางความงดงามของธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กิจกรรมการล่องแพเปียกได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิด การสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่เจ้าของแพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าท้องถิ่น และธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นายประดิษฐ์ สุวรรณ์ ประธานกลุ่มแพเปียก กล่าวว่าการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ได้สร้างรายได้หมุนเวียนให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดความร่วมมือระหว่างชาวบ้านในการพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

แนวทางการพัฒนาในอนาคต

อบจ.เชียงราย มีแผนพัฒนาโครงการล่องแพเปียกให้มีความปลอดภัยและยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น โดยมีแผนพัฒนาในด้านต่าง ๆ ได้แก่:

  • การเพิ่มมาตรการความปลอดภัย – กำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ช่วยชีวิตและการอบรมไกด์นำเที่ยว
  • การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ – ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน – ปรับปรุงท่าเทียบแพ จุดจอดรถ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

สรุป

การเปิดตัว ล่องแพเปียกลำน้ำแม่สรวย 2568 ถือเป็นก้าวสำคัญของการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่สามารถสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้กิจกรรมนี้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การล่องแพเปียกแม่สรวยมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
    ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับแพ็คเกจท่องเที่ยวที่เลือก โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มแพเปียกแม่สรวยได้
  2. การล่องแพเปียกเหมาะกับทุกวัยหรือไม่?
    กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับทุกวัย แต่ควรมีการดูแลเด็กและผู้สูงอายุเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัย
  3. นักท่องเที่ยวควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
    ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม เตรียมอุปกรณ์กันน้ำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย
  4. สามารถจองล่องแพล่วงหน้าได้หรือไม่?
    สามารถจองล่วงหน้าผ่านกลุ่มแพเปียกแม่สรวย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความสะดวก
  5. มีมาตรการด้านความปลอดภัยอะไรบ้าง?
    มีอุปกรณ์ชูชีพ การอบรมไกด์นำเที่ยว และการตรวจสอบสภาพแพเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

คืนชีพ “บ้านเขียว” แพร่เปิด ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้มรดก 120 ปี

แพร่เปิด “บ้านเขียว” ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อนุรักษ์มรดกล้านนา

รมว.ทส. นำเปิดศูนย์เรียนรู้ ฟื้นฟูอาคารประวัติศาสตร์ 120 ปี สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

แพร่, 21 กุมภาพันธ์ 2568บ้านเขียว” อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการฟื้นฟูและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ อย่างเป็นทางการ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมทั้งมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ 6 หน่วยงาน ที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมล้านนา

พิธีเปิดจัดขึ้นที่ สวนรุกขชาติเชตวัน จังหวัดแพร่ ภายใต้แนวคิด ฟื้นบ้านเขียว สู่อ้อมกอดชาวแพร่” โดยภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์การทำไม้ของประเทศไทย ควบคู่กับกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ หัตถกรรม และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่อย่างยั่งยืน

บ้านเขียว: อาคารประวัติศาสตร์ที่เป็นพยานยุคทองของอุตสาหกรรมป่าไม้

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวถึง บ้านเขียว” ว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2444 (สมัยรัชกาลที่ 5) และเคยเป็น สำนักงานป่าไม้ ที่สำคัญในยุคล้านนา เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมป่าไม้ที่รุ่งเรืองในภาคเหนือ โดยอาคารแห่งนี้เคยผ่านการพัฒนา 5 ยุคสมัย ก่อนจะถูกรื้อถอนในปี พ.ศ. 2563

“บ้านเขียวไม่ใช่แค่อาคารเก่า แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของยุคทองแห่งการป่าไม้ในล้านนา การบูรณะครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การฟื้นฟูอาคาร แต่เป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรม และสืบทอดองค์ความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลัง” ดร.เฉลิมชัยกล่าว

การบูรณะบ้านเขียว: ฟื้นฟูสถาปัตยกรรม ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากร

การฟื้นฟู บ้านเขียว ให้เป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่ ได้ดำเนินการโดยคำนึงถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมดั้งเดิม พร้อมพัฒนาให้เป็น พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ให้ความรู้ด้านทรัพยากรป่าไม้และการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการบูรณะได้รับการสนับสนุนจาก 6 หน่วยงานหลัก ได้แก่:

  1. กรมศิลปากร – ให้คำแนะนำด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิม
  2. สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ – ช่วยออกแบบและฟื้นฟูโครงสร้างอาคาร
  3. เทศบาลเมืองแพร่ – สนับสนุนงบประมาณและการดำเนินงาน
  4. เทศบาลตำบลป่าแมต – มีบทบาทในการดูแลพื้นที่โดยรอบ
  5. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ – ส่งเสริมโครงการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
  6. สมาคมรักษ์เมืองเก่าแพร่ – ผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์และฟื้นฟูบ้านเขียว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้: เปิดมิติใหม่ของการศึกษาและท่องเที่ยว

ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่นี้ จะเป็น แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์การป่าไม้ ที่ครอบคลุมถึง:

  • วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมป่าไม้ในประเทศไทย ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
  • การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและป่าไม้ล้านนา ที่สะท้อนถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
  • การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอแนวทางการฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ศูนย์ฯ ยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ประชาชน นักเรียน นักศึกษา และนักวิจัยด้านป่าไม้ รวมถึงเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ สถาปัตยกรรมล้านนา และ การใช้ชีวิตของชาวแพร่ในอดีต

กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น

ภายในงานเปิดตัวศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ ยังมีการจัด กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวบรวมศิลปะ งานหัตถกรรม และสินค้าท้องถิ่นของจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยตลาดนัดแห่งนี้มีการจำหน่าย:

  • ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมล้านนา เช่น ผ้าทอเมืองแพร่ เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องจักสาน
  • ผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมือง เช่น แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และกาแฟพื้นเมือง
  • สินค้าสร้างสรรค์และงานศิลปะ จากศิลปินท้องถิ่น

ตลาดแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ช่วยสร้างความตื่นตัวด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่ให้เติบโตต่อไป

ศูนย์เรียนรู้บ้านเขียว: จุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวและนักอนุรักษ์

การเปิดศูนย์เรียนรู้การป่าไม้บ้านเขียว เป็นก้าวสำคัญของจังหวัดแพร่ในการส่งเสริมการศึกษา การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมกัน โดยศูนย์แห่งนี้จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป และคาดว่าจะเป็น แหล่งเรียนรู้และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคเหนือ

นอกจากนี้ การฟื้นฟูบ้านเขียวให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น และดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตของเมืองแพร่อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

  • บ้านเขียว อาคารประวัติศาสตร์อายุ 120 ปี ได้รับการบูรณะและเปิดเป็น ศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แห่งใหม่
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบโล่เชิดชูเกียรติให้ 6 หน่วยงาน ที่ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเขียว
  • ศูนย์เรียนรู้ฯ จะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์การป่าไม้ และ พิพิธภัณฑ์มีชีวิตด้านสถาปัตยกรรม
  • จัดกิจกรรม กาดฮิมยม” ตลาดนัดวินเทจที่รวมสินค้าหัตถกรรม อาหารพื้นเมือง และงานศิลปะท้องถิ่น
  • เปิดให้ประชาชนเข้าชมอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

บอลลูนนานาชาติเชียงราย สุดอลังการรับวาเลนไทน์

บอลลูนนานาชาติสุดอลังการ! สิงห์ปาร์ค เชียงราย จัดกิจกรรมบอกรักบนฟ้ารับวาเลนไทน์

เชียงราย, 14 กุมภาพันธ์ 2568 – สิงห์ปาร์ค เชียงราย ต้อนรับเทศกาลแห่งความรักด้วยกิจกรรมสุดโรแมนติกในงาน เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025″ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมพิเศษ “Balloon Love 2025” ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเทศกาลนี้

กิจกรรมสุดพิเศษ “Balloon Love 2025”

ปีนี้ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เปิดโอกาสให้ 14 คู่รักผู้โชคดีจากการคัดเลือกกว่า 150 คู่ ได้สัมผัสประสบการณ์ลอยฟ้าเหนือเชียงรายในช่วงเช้ากับบอลลูนหลากสีสันกว่า 30 ลูก จาก 11 ประเทศทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกของวันวาเลนไทน์ พร้อมชมทิวทัศน์เชียงรายแบบ 360 องศา สร้างความประทับใจให้กับคู่รักที่เข้าร่วมงานอย่างเต็มเปี่ยม

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย, หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารบริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด รวมถึงประชาชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในกิจกรรมอันน่าประทับใจนี้

การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติและกิจกรรมที่น่าสนใจ

นอกจากกิจกรรม “Balloon Love 2025” แล้ว เทศกาลบอลลูนนานาชาติปีนี้ยังมีกิจกรรมที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ ได้แก่:

  • การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ มีบอลลูนเข้าร่วมแข่งขันกว่า 30 ลูก จาก 13 ประเทศ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นทุกวันระหว่างเวลา 16.30 – 18.00 น. พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท
  • การแสดงบอลลูนแสง สี เสียง จัดขึ้นทุกคืนบริเวณทะเลสาบภายในสิงห์ปาร์ค เชียงราย สร้างบรรยากาศสุดอลังการให้กับผู้เข้าร่วมงาน
  • คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง ที่จะมาร่วมสร้างสีสันและความบันเทิงตลอดทั้ง 5 วันของเทศกาล

โขนกลางแปลง “สัจจะ เดชา พญามาร” เสริมวัฒนธรรมไทย

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของปีนี้คือการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย โขนกลางแปลงชุดใหญ่” ตอนพิเศษ สัจจะ เดชา พญามาร” โดยคณะศิลปินวังหน้าและเยาวชนจากจังหวัดเชียงรายกว่า 160 ชีวิต ซึ่งจะจัดแสดงบริเวณริมทะเลสาบในวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อส่งเสริมศิลปะการแสดงไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

บทสรุป

เทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2025 ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นงานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้าร่วม ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความรักและความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น “Balloon Love 2025” การแข่งขันบอลลูนระดับนานาชาติ และการแสดงทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความงดงามของศิลปะไทย ทำให้งานนี้เป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่ไม่ควรพลาดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

‘ห้วยตึงเฒ่า’ แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ใกล้ชิดพระราชดำริ

ห้วยตึงเฒ่า” โครงการหมู่บ้านตัวอย่าง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแหล่งท่องเที่ยวในเขตทหาร จังหวัดเชียงใหม่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้ พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี พ.ศ. 2523 ทรงมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 3 สร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเกษตร และตั้ง โครงการหมู่บ้านตัวอย่างห้วยตึงเฒ่า” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในพื้นที่

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าครอบคลุมพื้นที่กว่า 300 ไร่ มีความจุประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยราษฎรที่ได้รับจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินกว่า 61 ครอบครัว สามารถดำรงชีพด้วยอาชีพเกษตรกรรม และไม่มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติม

ในปี พ.ศ. 2550 กองทัพบกมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตทหาร ได้จัดตั้ง สำนักงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า” ขึ้น โดยเน้นให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และสนับสนุนกำลังพลในกองทัพบก รวมถึงประชาชนทั่วไป

กิจกรรมที่น่าสนใจในอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

  1. ชมจุดทรงประทับยืน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมหอคอยชมวิว 5 ชั้น
  2. สักการะพระพุทธรูป “พระพุทธรัตนชัย สุรพลารักษ์” และองค์เจ้าแม่กวนอิม
  3. รับประทานอาหารในซุ้มริมน้ำ ชมวิวธรรมชาติ
  4. นั่งรถรางชมพื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำ
  5. เดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ระยะทาง 4 กิโลเมตร
  6. กิจกรรมตกปลาและปั่นจักรยานน้ำ
  7. ป้อนอาหารน้องแกะและเล่นน้ำกับครอบครัว
  8. ถ่ายรูปกับ “ครอบครัวคิงคองยักษ์” และกังหันลมสวิตเซอร์แลนด์

 

ความสำคัญของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผสมผสานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การส่งเสริมอาชีพของราษฎร และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน โดยในปัจจุบันยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างสวัสดิการให้แก่ชุมชน

แม่ทัพภาคที่ 3

ได้เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศที่สวยงามของอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมสัมผัสลมหนาวและธรรมชาติบริเวณทิวเขาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 053-121119 หรือเว็บไซต์ www.rta.mi.th/hueytuengtao

 

ข้อมูลสรุป

อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าเป็นโครงการพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของราษฎรในพื้นที่เชียงใหม่ นอกจากการเป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ชมธรรมชาติ สักการะพระพุทธรูป ไปจนถึงการทำกิจกรรมกับครอบครัว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News