Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เปิด “ห้วยชมภู เกมส์ 2024” HUAYCHOMPU GAME

 

เมื่อวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดงานและสนับสนุนงบประมาณ ในการแข่งขันกีฬา “ห้วยชมภู เกมส์ 2024” HUAYCHOMPU GAME ณ สนามกีฬากลางบ้านปางขอน ม.7 ต.ห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย พร้อมด้วย นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย โดยมีนายยุทธชัย ไอ่ดอ นายก อบต.ห้วยชมภู กล่าวรายงาน และมีนายปรีชา กนกนาฏกุล กำนัน ต.ห้วยชมภู คณะผู้บริหาร หัวหน้า ส่วนราชการ ประธานสภาและสมาชิกสภา อบต.ห้วยชมภู ผอ.กลุ่มโรงเรียน ต.ห้วยชมภู ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย

 

ด้วย อบต.ห้วยชมภู ได้จัดการแข่งขันกีฬา ห้วยชมภูเกมส์ ครั้งที่ 2 มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนและเยาวชนใน ต.ห้วยชมภู ห่างไกลจากยาเสพติด และเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ไมตรี ความรัก ความสามัคคี และความมีระเบียบวินัย มีน้ำใจในความเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้อภัย โดยได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2567 ณ สนามกีฬา โรงเรียนบ้านปางขอน เริ่มแข่งขันเวลา 09.00 น. ซึ่งตารางการแข่งขันประเภทกีฬา ประกอบด้วย “ห้วยชมภู เกมส์ 2024”
– ฟุตบอล 7 คน
– ตระกร้อ -วอลเลย์บอลชาย
– วอลเลย์บอลหญิง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ประชุมพะเยาวิจัยปี 2567 อนาคตธุรกิจคาร์บอนเครดิตและอุตสาหกรรมบริการไทย

 

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 มหาวิทยาลัยพะเยาจัดให้มีการประชุมวิชาการระดับชาติพะเยาวิจัย ครั้งที่ 13 ขึ้น ในวันที่ 24 – 26 มกราคม 2567 ภายใต้หัวข้อ “Frontier area-based research for sustainable development goals” ซึ่งเป็นเวทีทางวิชาการในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างเครือข่ายระดับชาติ พัฒนาศักยภาพของนักวิจัย และสถาบันการศึกษาของไทย ที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการวิจัยและการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการการนําเสนอผลงานวิจัย นิทรรศการ และกิจกรรมสัมมนาทางวิชาการต่าง ๆ ที่หลากหลาย โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ คือ Section: “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” ได้มีเวทีการเสวนา “อนาคตธุรกิจคาร์บอนเครดิตและอุตสาหกรรมบริการไทย” รวมทั้งการบรรยายพิเศษ เรื่อง “ทิศทางและแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” และ “การส่งเสริมสุขภาพและการเที่ยวไทย” นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการ “การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอุทยานแห่งชาติและการส่งเสริมใช้แอพพลิเคชั่น ZERO CARBON” ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานโดยแผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.) โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นประธานกล่าวเปิดงานการประชุมวิชาการพะเยาวิจัย โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ร่วมเปิดงานซึ่งจัดเป็นครั้งที่ 13 ในวันที่ 25 มกราคม 2567 ณ อาคาร 99 ปี พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ มหาวิทยาลัยพะเยา

 

สำหรับการเสวนา “อนาคตธุรกิจคาร์บอนเครดิตและอุตสาหกรรมบริการไทย” ประกอบด้วยผู้ร่วมเสวนา 5 ท่าน คือ ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการแผนงานท่องเที่ยวบนฐานมรดกทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิ บพข. นายคมกริช เศรษฐบุบผา ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ในฐานะผู้แทนอธิบดีกรมอุทยานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นางสาวภคมน สุภาพพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) และ Mr.James Andrew Moore ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WAVE BCG Co., Ltd.

 

 

 

 

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช กล่าวถึงความเป็นมาของ บพข. ซึ่งเป็นผู้ที่ริเริ่มในการส่งเสริมแนวคิดการวิจัยด้านการท่องเที่ยวสุทธิเป็นศูนย์ ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 โดย แผนงานการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ได้จำลองแบบ net zero pathways ในช่วงปี 2569-2570 เนื่องจากว่ากว่าด้านวิทยาศาสตร์และวิจัยนวัตกรรมของเราได้รับ งบประมาณจากรัฐบาลมาต่อเนื่องให้เราทำงานวิจัย โดยเราจะออกแบบแผนงานที่เป็น Marketing CNT ในปี 2567  ทำร่วมกับกับ TEATA และตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เข้ามาในเมืองไทยเพื่อที่จะเตรียมความพร้อมการรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง จะให้พำนัก 10 ขึ้นไป โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 5000 บาท  มีหน่วยงานต่างๆเข้ามาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย เราทำการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และเราทำเรื่องของงานเชิงนโยบาย นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ต้องจัดการการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพด้วย  และในปลายปี 2568 -270 เราจะมี Net Zero pathways ออกมาให้พี่น้องชาวไทย เราสามารถที่จะบริการจัดภาคการท่องเที่ยว และนำไปสู่ Net Zero pathways เป็นลักษณะของการให้การทดลองการท่องเที่ยวต่างๆในโปรแกรม

 

 ด้าน รศ. ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน กล่าวว่า การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ถ้ามองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้น คือมาจากปัญหาโลกร้อนและเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนร่วมถึงภาคการท่องเที่ยว แล้วภาคการท่องเที่ยวได้มองถึงการแก้ไขปัญหาหรือเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา โดยมีประเด็นดังนี้ 1.ตัวกลางวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมต่างๆ 2.หลังจากที่ทราบตัวเลขแล้ว ควรจะมีมาตรการหรือแนวทางลดให้มากที่สุด 3.ชดเชย 4.ทุกภาคส่วนทุกฝ่ายต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน

 

 

สำหรับคุณคมกริช เศรษฐบุบผา เผยถึง ในฐานะตัวแทนของทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่มีนโยบายเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการท่องเที่ยวสุทธิเป็นศูนย์ คือหน่วยงานมีวิสัยทัศน์เพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศ ภายในปี 2569 และมีภารกิจงานด้านอนุรักษ์วิจัย งานด้านการจัดการทรัพยากรป่าไม้ งานมีส่วนร่วม และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยว และมียุทธศาสตร์ ประเด็นที่ 18 การเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

ด้าน คุณภคมน สุภาพพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกมีแอพพลิเคชั่น Zero Carbon ที่เกิดจาก ความร่วมมือกับ บพข. ซึ่งต้องบอกว่า ประโยชน์ของแอพพลิเคชันของทาง อบก. เขาเห็นถึงการท่องเที่ยวที่มีการจัดการก๊าซเรือนกระจก 1.การเดินทางของผู้ร่วมงาน 2.ที่พัก 3.อาหาร  4.ของเสีย ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถบอกเลขได้ เมื่อนำไปทดลอง พบว่า ชุมชนสามารถใช้ได้ และนอกจากนี้เด็กมัธยมต้นก็สามารถใช้แอพนี้ได้และใช้โดยไม่ใช้เงินอะไรเลย ในอนาคตเรามีการพัฒนาแอพที่ดี เราจะตัดระบบผู้ทวนสอบ  เพื่อให้งานนั้นหรือว่าการท่องเที่ยวนั้น โดยสามารถที่จะซื้อคาร์บอนในระบบได้เช่นเดียวกัน

 

ในด้านของภาคเอกชน คุณเจมส์ แอนดริว มอร์ กล่าวว่า บริษัท เวฟบีซีจี จำกัด ของเราเป็นบริษัทมหาชน เรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนมาก เราเป็นผู้สนับสนุน ในการที่จะบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน ในการเป็น Net Zero และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกได้ ที่ปรึกษาในการประเมิน และเมื่อประเทศมีการตั้งเป้าหมายแล้วจึงส่งผลต่อภาคเอกชน ทำให้ภาคเอกชนมีการตั้งเป้า เพราะเรื่องนี้เป็นการแข่งขันในภาคเอกชน เช่น ณ วันนี้ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ส่งออกสินค้าไปเข้ายุโรป เราจะต้องจ่ายภาษีคาร์บอนแพงกว่าคู่แข่งที่ยุโรป ดังนั้นความสามมารถในการแข่งขันส่งออกเราจะลดลงเรื่อย ๆ และ CBAM ที่เป็นภาษีคาร์บอนของยุโรป จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยประมาณ 14,700 ล้านบาท ถ้าเราไม่มีการปรับตัว

สำหรับโซนนิทรรศการ “การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอุทยานแห่งชาติและการส่งเสริมใช้แอพพลิเคชั่น ZERO CARBON” และการนำเสนอผลงานวิชาการรูปแบบ Oral Presentation แบบ Onsite ใน Section“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ครั้งที่ 1” มีผู้นำเสนอผลงานวิชาการเป็นเจ้าหน้าที่กรมอุทยานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จากอุทยานฯ 12 แห่ง และนักวิชาการ รวมจำนวน 15 ผลงาน ตลอดจนการประกวดผลงานสร้างสรรค์แบบออนไลน์ ประเภทภาพถ่ายและคลิปวีดีโอนักสื่อความหมายด้านการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยมีผู้ร่วมส่งผลงานจำนวน 48 ราย โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ได้นำแอพพลิเคชั่น ZERO CARBON มาใช้คำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการการจัดการประชุมและกิจกรรม  ซึ่งมีปริมาณ 14.90 ตันคาร์บอนฯ และได้ชดเชยคาร์บอน เป็นจำนวน 2,700 บาท สำหรับผู้ร่วมงานในครั้งนี้แล้วจำนวน 200 คน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานวิจัยการยกระดับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวและความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ภาคเหนือมุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยมี ผศ.ดร.สุขทัย พงศ์พัฒนศิริ สังกัดมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นหัวหน้าโครงการ ซึ่งได้รับการอุดหนุนทุนวิจัยจาก  แผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์  (บพข.) กองทุน ววน. ซึ่งมีพื้นที่วิจัยหลัก คือ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และเครือข่ายอุทยานแห่งชาติสีเขียวอีก 9 แห่งของภาคเหนือ ในปี พ.ศ. 2566 โดยงานวิจัยนี้คาดว่า การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism: CNT) นั้น จะเป็น Mega trend ที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยและพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวมูลค่าสูง และจากการติดตามร่องรอยทางนิเวศของนักท่องเที่ยว (Tracking Survey) พบว่า ค่าใช้สอยในการท่องเที่ยวเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย 2,921 บาท/วัน ซึ่งจะกระจายรายได้แก่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่พักรองรับนักท่องเที่ยวโดยรอบอุทยานฯ จำนวน  144 แห่ง และจากการสร้างความร่วมมือเครือข่ายผู้ประกอบการ 63 แห่ง ที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ CNT นำร่องแคมเปญการเตรียมตัวแบบการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิ์เป็นศูนย์มีเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนจากเดินทางท่องเที่ยว ลดการใช้ไฟฟ้าในที่พัก คัดแยกขยะ ลดการใช้การเกิด และทำการชดเชย โดยคำนวณจากแอพพลิเคชั่น ZERO CARBON คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่จะร่วมกิจกรรมนี้ 1,560 คน/ปี เป็นรายได้เพิ่มขึ้น 1,760,000 บาท/ปี จากผู้ประกอบการที่พัก 9 แห่ง

 

ทั้งนี้อุทยานฯ และผู้ประกอบการร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS)  โดยการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองและการผลิตปุ๋ยหมักจากขยะอินทรีย์  32 แห่ง คิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจก 4.9 tCO2eq โดยในอนาคตอุทยานฯ ต้องยกระดับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกภายในปี พ.ศ. 2573 ตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด หรือ Nationally Determined Contributions (NDCs) ของประเทศ โดยในงานวิจัยได้คาดการณ์จากแนวโน้มในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ 3 อุทยานฯ ร้อยละ 4 ต่อปี จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของการให้บริการของอุทยานฯจำนวน 4,898 kWh  เชื้อเพลิง 5,102 ลิตร 5.1 ตัน การใช้น้ำ 1,087 ลบ.ม. คิดเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง 60 tCO2eq/ปี ซึ่งคิดเป็นเงินต้นทุนที่ลด 229,125 บาท/ปี ในส่วนของการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น สำนักงานอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีการใช้ผลิตภัณฑ์ในบัญชีตะกร้าเขียว ฉลากเขียว ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้น  ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5  ฉลากประสิทธิภาพสูงและวัสดุธรรมชาติสูงถึง  45.28 เปอร์เซ็นต์  

 

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการเตรียมความพร้อมในการรองรับกิจกรรมทางการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) เมื่อนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจะทำให้เป็นท่องเที่ยวที่เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติต่ำ อีกทั้งในอนาคตจะมีการสื่อสารและเรียนรู้ผ่านคู่มือการท่องเที่ยว Green Travel Plans (GTPs) สำหรับท่านที่จองบ้านพักภายในอุทยานฯและและที่พักชุมชนในเครือข่ายเพื่อการเตรียมตัวมา “ท่องเที่ยวกลุ่มอุทยานแห่งชาติสีเขียวสไตล์คาร์บอนเป็นศูนย์” และ การเป็นองค์ชั้นนำในการบริการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของกรมอุทยานฯ ก้าวสู่ Net Zero Pathway และ Climate-Smart National Park

 

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษใน 2 เรื่องสำคัญคือ “ทิศทางและแนวโน้มการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” โดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ“การส่งเสริมสุขภาพและการเที่ยวไทย” โดย นายณัฐพงศ์ โพธิ์วัฒนะชัย ตัวแทนสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

 

ทั้งนี้สอดคล้องตามวิสัยทัศน์ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม “สานพลังการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย พลิกโฉมให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ยกระดับความสามารถในการ แข่งขันด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่า และพร้อมก้าวสู่อนาคต” พร้อมส่งเสริม ความร่วมมือเพื่อผลิตกําลังคนระดับสูงเฉพาะทาง และความร่วมมือในด้านการวิจัยและการสร้างสรรค์นวัตกรรมกับหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบุคคลหรือหน่วยงานในต่างประเทศต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

อาชีวศึกษาเชียงราย คว้าดับเบิ้ลแชมป์! ภาคเหนือ – ระดับประเทศทักษะการบริการ

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567  ทางวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ได้ส่งตัวแทนนักเรียน นักศึกษา เข้าทำการแข่งขันทักษะวิชาชีพและทักษะวิชาพื้นฐาน ระดับชาติ ระหว่างวันที่ 5 – 9 กุมภาพันธ์ 2567 ณ จังหวัดสุพรรณบุรี

 

ซึ่งแผนกวิชาการโรงแรม ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย คว้าแชมป์ระดับชาติ การแข่งขันทักษะการบริการอาหารและเครื่องดื่ม ในครั้งนี้ได้สำเร็จ โดยประเภททีม ระดับปวช./ปวส.ประกอบไปด้วย  นางสาวบู้เดอ เบเช / นางสาวจันทร์หอม บุญติ๊บ  / นางสาวนิระดา แสงงาม  เป็นนักศึกษาระดับชั้น ปวส. สาขาวิชาการโรงแรม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันทักษะการบริการอาหารและเครื่องดื่ม

 

ในชุดนี้เคยทำการคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทอง ในการแข่งขันทักษะการบริการอาหารและเครื่องดื่ม ระดับภาคเหนือ งานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 35 ปีการศึกษา 2566 ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มาแล้ว

 

การแข่งขันทักษะดังกล่าวฯ ดร.อรพิน ดวงแก้ว ผู้อำนวยการฯ ได้มอบหมายให้ นางพิมพ์ณดา นนประสาท หัวหน้าแผนกวิชาการโรงแรม และนายประดิษฐ์ คงตุ่น เป็นครูผู้ควบคุม ในงานประชุมวิชาการองค์การนักวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) ระดับชาติ ปีการศึกษา 2566 ณ วิทยาลัยสารพัดช่างบรรหาร-แจ่มใส จังหวัดสุพรรณบุรี

 

โดยการประชุมองค์กรวิชาชีพฯระดับชาติและการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมพัฒนาการอาชีวศึกษาสู่โลกสากล มีการพัฒนาความเป็นเลิศด้านวิชาชีพ วิชาการ และยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง ผ่านกิจกรรมการพัฒนาสมาชิกให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษา “เรียนดี มีความสุข” และถือเป็นกิจกรรมที่รวมพลังชาวอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพ และเป็นการสร้างสายใยเครือข่าย พี่ เพื่อน น้องชาวอาชีวศึกษา ส่งเสริมให้สมาชิกในองค์การ ได้แสดงออกถึงการเป็นผู้ที่มีศักยภาพ ถึงความเป็นผู้นํา ความสามารถ ตลอดจนแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น พร้อมที่จะนําพาเพื่อนสมาชิกในองค์การ ตลอดจนชุมชน สังคมและประเทศชาติ ให้พัฒนาต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

เจาะเบื้องหลังงานบริการ TrueSphere “สุจิตรา อมิตรพ่าย”

 

[Eng below]

ท่ามกลางกระแสธารและการไหลบ่าของเทคโนโลยี การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ภาคธุรกิจทุ่มสรรพกำลังเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างดีที่สุด แต่กระนั้น ความต้องการลูกค้ายังประกอบด้วยมิติด้านอารมณ์ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การแสดงความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถแทนที่ได้

 

True Blog ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับ สุจิตรา อมิตรพ่าย หัวหน้าฝ่ายงานบริหาร ฝ่ายปฏิบัติการทรูสเฟียร์และแบรนด์ดิ้งช็อป บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบงานบริการเหนือระดับที่ลูกค้าทุกท่านสามารถสัมผัสได้จากความรู้สึกแบบใจถึงใจ ที่มาพร้อมกับความแม่นยำด้านข้อมูล

 

ยึดถือความต้องการลูกค้าเป็นตัวตั้ง

 

สุจิตรา เรียกได้ว่าเป็น “ลูกหม้อ” ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่แท้จริง เริ่มต้นจากตำแหน่งจูเนียร์ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบงานขายสื่อโฆษณาทั้งหมดของ True Visions และด้วยความหลากหลายของธุรกิจภายใต้กลุ่มทรู เธอยังได้มีโอกาสโลดแล่นบนจอแก้ว ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวของช่อง TNN ไปพร้อมๆ กัน ทำให้เธอได้สัมผัสกับสนามข่าวอย่างแท้จริง ทั้งลงพื้นที่เก็บประเด็น รายงานสด อ่านข่าวในสตูดิโอ เติมเต็มความฝันในวัยเด็ก

 

แต่แล้ว ชีวิตการทำงานก็เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงระลอกใหญ่อีกครั้ง เมื่อเธอได้รับทุนการศึกษาด้านบริหารธุรกิจในระดับปริญญาโท จากโครงการ “True-ABAC Entrepreneur Scholarship” โดยความร่วมมือระหว่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และเมื่อจบหลักสูตร เธอได้รับการสอบถามจากผู้บริหารถึงความสนใจในการบริหารงานค้าปลีกหรือไม่ โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้าน True Branding Shop สาขา Flagship ใหม่ที่ศูนย์การค้า Siam Center ในขณะนั้น รวมทั้งรุ่นบุกเบิกโครงการที่สำคัญอย่าง “เถ้าแก่น้อย” (Management Trainee โดยผู้บริหารระดับสูงสุดของเครือซีพี)

 

เธอให้ข้อมูลเชิงลึกว่า บริเวณพื้นที่ “สยาม” ซึ่งครอบคลุมทั้งมาบุญครอง สยามสแควร์ สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน จัดว่าเป็น Red Zone กล่าวคือ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของผู้ให้บริการมือถือทุกค่าย การแข่งขันสูงทั้งจากคู่แข่งและ True Branding Shop เองที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ขณะที่ลูกค้าก็มีความคาดหวังและความต้องการสูง ด้วยบริบทที่กล่าวมานั้น ทำให้การทำหน้าที่ Shop Manager ของที่นี่ทวีแรงกดดันอย่างมากทั้งในแง่การชิงส่วนแบ่งยอดขายและการสร้างความแตกต่าง

 

“แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านรีเทลมาก่อนเลย แต่โอกาสมีความท้าทาย จึงตัดสินใจทดลองอย่างไม่ลังเล” สุจิตรากล่าวพร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า “เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้จริงๆ ว่าการนำเอาความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง คือวิธีคิดที่ถูกต้อง เมื่อนำมาปรับผสมผสานกับสินค้าและบริการของเรา เมื่อมองแบบ Outside-In คิดจากมุมลูกค้าว่าต้องการอะไร จากนั้นจึงพัฒนาและปรับปรุง ส่งมอบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งผลประจักษ์ชัดถึงความสำเร็จด้วยการรั้งตำแหน่งสาขาที่มียอดขาย iPhone สูงที่สุดในเวลานั้น”

 

เธอทำหน้าที่ผู้จัดการร้านอยู่ 3 ปี เมื่อผลงานผ่านการพิสูจน์ เธอจึงได้เลื่อนขั้นเป็น “ผู้จัดการเขต” จาก 1 สาขา กลายมาเป็นทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ หินและโหด ทว่า สุจิตรากลับมองว่าเป็น “ความท้าทาย” เธอเห็นความต้องการลูกค้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ และนั่นคือ “โอกาส” ในการส่งมอบบริการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าในแต่ละพื้นที่ โดยยังคงมาตรฐานกลางไว้ ซึ่ง TrueSphere & True Branding Shop นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์การขายที่สำคัญช่องทางหนึ่งของ ทรู คอร์ปอเรชั่น

 

เบื้องหลัง TrueSphere

 

สุจิตรา เล่าต่อว่า ช่วงปี 2559 ด้วยวิสัยทัศน์ของคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ทรู คอร์ปอเรชั่น (ในขณะนั้น) ที่เล็งเห็นว่าทรูควรมีบริการพิเศษเพื่อดูแลลูกค้าที่ให้ความวางใจในการใช้บริการของทรูมาอย่างยาวนาน จึงได้ริเริ่มก่อตั้ง TrueSphere ขึ้น เพื่อให้ “แตกต่างและสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ” โดยวางตำแหน่งทางการตลาดเป็น First Class Co-Working Destination ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

 

ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าใช้บริการ TrueSphere ได้นั้น จะต้องเป็นลูกค้าระดับ Black Card ประกอบด้วย 2 เกณฑ์หลัก ได้แก่ ใช้บริการทรูเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และมีค่าใช้จ่ายต่อรอบบิล 3,000 บาทขึ้นไป โดยพิจารณารวมทุกบริการในกลุ่มทรู ทั้งทรูมูฟ เอช ทรูออนไลน์ และทรูวิชันส์  อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค สิทธิพิเศษดังกล่าวถูกขยายให้ครอบคลุมกลุ่มลุกค้า Blue Member ของดีแทคอีกด้วย

 

เธอให้ข้อมูลเสริมว่า เมื่อเข้ามาใช้บริการ TrueSphere ลูกค้าได้ชุด True Welcome Set ฟรี 4 ครั้งต่อเดือน ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดื่มที่หลากหลาย และคุกกี้อัลมอนด์ข้าวโอ๊ตหอมหวานกรอบอร่อย นอกจากนี้ ยังได้สิทธิพิเศษอื่นๆ มากมายจาก TrueYou เช่น บริการล้างรถ ส่วนลดร้านอาหาร บริการผู้ช่วยส่วนตัว ฯลฯ

 

“เมื่อเข้ามาใช้บริการที่ TrueSphere ไม่ว่าจะเป็นการนัดพบปะ ดีลธุรกิจ หรือนั่งพักผ่อน ลูกค้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สมกับความเป็น First Class Co-Working Destination อย่างแท้จริง”

 

เมื่อถามถึงเบื้องหลังและแนวคิดที่มาของความเป็น First Class สุจิตรา ชี้ให้เห็นว่าขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า “2P” โดย P ตัวแรกคือ Privilege หรือสิทธิพิเศษที่แตกต่างและจับต้องได้อย่างการออกแบบตกแต่งสถานที่ที่เน้นความหรูหรา แต่อบอุ่น ให้ความเป็นส่วนตัว ในส่วน P อีกตัวหนึ่ง ก็คือ People หรือบุคลากร ที่ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งยวด

 

TrueSphere DNA เหนือชั้นด้านบริการ

 

เธอเล่าว่า กว่าจะมาเป็นพนักงานของ TrueSphere ได้นั้น จะต้องผ่านกระบวนการคัดสรรอย่างเข้มข้น โดยพิจารณาจากประสบการณ์การทำงาน ซึ่งหากมีประสบการณ์ในแวดวงการบินและการโรงแรม (Airline and Hospitality) จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนี้ บุคลิกท่าทาง การวางตัว ปฏิภาณไหวพริบ การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และทัศนคติ ยังเป็นอีกคุณลักษณะที่สุจิตรามองหาจากผู้สมัคร ซึ่งพนักงานของ TrueSphere ทุกคนจะต้องผ่านการสัมภาษณ์จากสุจิตราในทุกรายละเอียดด้วยตัวเองเลยทีเดียว

 

“เวลาสัมภาษณ์ เราจะมีคำถามสำคัญ 4-5 ข้อ เช่น เรามองตัวเองอย่างไร เราเข้าใจตัวเองอย่างไร อะไรทำได้ดี อะไรต้องปรับปรุง ชุดคำถามนี้เป็นการวัดความจริงใจของผู้สมัครอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงความสามารถในการยอมรับและเปิดเผยตัวตนของพวกเขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกรอบคิดพื้นฐานที่นำไปพัฒนาต่อยอดสู่บริการที่เป็นเลิศ” สุจิตรา อธิบาย

 

นอกเหนือจากการอบรมด้านเทคนิคที่พนักงานจำเป็นต้องรู้แล้ว TrueSphere ยังได้ร่างหลักสูตรอบรมเฉพาะทางที่เรียกว่า “TrueSphere DNA” โดยมุ่งเน้นการพัฒนางานบริการอันเป็นเลิศ ครอบคลุมทุกมิติของงานบริการ ตั้งแต่การเสิร์ฟอาหารแบบ Fine Dining การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า การส่งมอบความรู้สึกจากภายในสู่ภายนอก โดยพัฒนาร่วมกับโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ และหลักสูตร Inner to Outer โดยครูเงาะ – รสสุคนธ์ กองเกตุ นักพัฒนาบุคลิกภาพระดับแนวหน้าของไทย

 

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง

 

ทั้งนี้ การอบรมผู้สมัครแต่ละชุดจะเป็นไปอย่างเข้มข้น มีการจำลองสถานการณ์จริง เพื่อติดตามและประเมินผลความสามารถในการตัดสินใจ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

 

ถามว่าทำไม TrueSphere ถึงให้ความสำคัญกับความสามารถในการตัดสินใจนัก สุจิตรา ให้คำตอบว่า เพราะความเปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอน เกิดขึ้นได้เสมอ ที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับเหตุการณ์กราดยิงถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 และครั้งที่ 2 เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาใจกลางเมือง ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง มีพนักงานและลูกค้า เกิดความสุ่มเสี่ยงความรุนแรงและจำเป็นต้องหาทางเอาตัวรอดในภาวะคับขัน ซึ่งกรณีดังกล่าว ความปลอดภัยของลูกค้าถือเป็นความสำคัญลำดับแรก ขณะเดียวกัน การควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบก็ถือเป็นอีกความท้าทาย โดยเฉพาะในยามคับขันที่การไลฟ์วิดีโอเป็นพฤติกรรมที่เห็นได้ทั่วไปในยุคดิจิทัล สติและความนิ่งของพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการตรวจสอบความปลอดภัยของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการช่วยเหลือและควบคุมความวุ่นวายสับสน และรอจนกว่าแลนลอร์ดส่งสัญญาณปลอดภัยต่อไป

 

ปัจจุบัน TrueSphere เปิดให้บริการทั่วประเทศ 12 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวสท์เกต, เมกะบางนา, ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล อีสวิลล์, เซ็นทรัลเวิลด์, ไอคอนสยาม, บลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ท มอลล์, เซ็นทรัลพลาซ่า นครราชสีมา, สนามปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต, และล่าสุดที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ กับคอนเซ็ปต์ใหม่ที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมสุดล้ำแห่งอนาคต อธิบายภาพ Telco-Tech อย่างแท้จริง

 

Look Into Thinking and Process that Drives the Superior Services – TrueSphere – Becomes More Special

 

As fast-evolving technology including artificial intelligence (AI) has flooded the business landscape, enterprises have tried to ride the wave in their bid to best respond to the needs of their customers. But robots are still unable to replace humans when it comes to answering emotional needs, showing empathy, and solving issues that have just arisen.

 

True Blog sat down with Sujitra Amitrapai, Head of TrueSphere and Branding Shop at True Corporation

Plc on how she ensured the delivery of heartfelt, data-driven premium services to all customers.

 

Customer-Centric Approach

 

Sujitra, a “protégé” of True Corporation, first joined the company as a junior employee. Back then, she was responsible for selling ad media of paid-TV arm TrueVisions. However, as her company’s group has had a diverse range of businesses, she also got a role as a TNN newscaster. But apart from reading news inside a studio, she also went out to gather information and make live news broadcast herself. All those experiences had fulfilled her childhood dream.

 

But her career path turned a new page because she was granted a “True-ABAC Entrepreneur Scholarship” to study for a Master of Business Administration. Following her graduation, True’s executives asked if she was interested in retail management and offered her the manager post at the latest True Branding Shop in town. The offer had much significance because the shop was located at Siam Center. She also became a pioneer in one of her company’s key projects – “Taokae Noi” (Management Trainee under CP Group’s CEO)

 

According to Sujitra, “Siam” area that includes MBK, Siam Square, Siam Center and Siam Paragon has long been considered a strategic location with fierce competition as ‘Red Zone’. Fighting for customers are similar outlets operated by not just competitors but also True itself. Customers in the area have usually had high expectations too. As the Shop Manager at Siam Center, she faced a lot of pressure. But thanks to her focus on differentiation, her shop managed to steal market share from others.

 

“Although I had never worked in retail field before, I considered this challenging offer an opportunity. That’s why I grabbed it,” Sujitra said, “I also proved soon later that the customer-centric approach truly worked. The outside-in perspectives made us know what customers wanted. Then, we could mix or adjust our product / service offerings to best respond to their needs. When I implemented this approach at my shop, it became the biggest seller of iPhones”.  

 

After three years as the shop manager, Sujitra was appointed a “district manager”. As she gradually climbed up her career ladders, the number of shops under her supervision is no longer just one. Today, there are so many outlets under her guidance and they are located across Thailand. Her current job therefore is much tougher. But she appreciates this “challenge” because the current job has enabled her to see the diverse needs of customers in different areas. To her, she has thus received “opportunities” to satisfy all those customers without compromising the standards of Truesphere & True Branding Shop – which are in fact True Corporation’s strategic selling tools.

 

What is behind TrueSphere?

Sujitra recounted that in 2016, Suphachai Chearavanont – then-President of True Corporation – initiated TrueSphere to deliver exclusive services to his company’s long-time customers. TrueSphere was expected to “be different and creative” and positioned as “First Class Co-Working Destination” for the new generation.

 

TrueSphere was initially accessible to Black Card holders only. To become Black Card members, customers must have already used True services for at least six months and spent more than 3,000 baht per billing cycle. Their bill can cover TrueMove H, TrueOnline and TrueVisions. But after the amalgamation of True and dtac, this exclusive service has been made available to dtac’s Blue Members too.

 

Sujitra disclosed that TrueSphere served a complimentary True Welcome Set to each eligible customer four times a month. The set presents a variety of drinks and fragrant almond oatmeal cookies. Better still, customers are entitled to various other privileges from TrueYou like car-washing services, discounts at restaurants, and personal-assistant services.

 

“Whenever customers walk into TrueSphere for a hangout, a business discussion, or leisure, they will enjoy new experience because our space is a truly First Class Co-Working Destination,” she continued.

 

Why is TrueSphere “First Class”? Sujitra’s answer was ““2Ps”. The first P is Privilege. Customers who can access TrueSpere get tangible privileges that are exemplified by elegant and warm décor. The space also exudes privacy. The other P is People or Personnel, which have crucial importance to the delivery of services.

 

TrueSphere DNA Stands for Superior Services

 

Sujitra said TrueSphere staff had undergone stringent selection process, which focused on their qualifications and work experience. While candidates having airline and hospitality background enjoy an advantage, personality, composure, quick wits, and attitudes are also key criteria. Sujitra interviewed all TrueSphere candidates herself.

 

“Our interview generally has four to five key questions like ‘How do you describe yourself?’, ‘What do you think of yourself?’, ‘What are your strengths?” and “What are your weaknesses?’. These questions test candidates’ sincerity, self-awareness, and frankness because such qualities can contribute to the delivery of excellent services,” Sujitra continued.

 

All staff at TrueSphere have received technical training to get skills needed for their jobs. They, moreover, are given “TrueSphere DNA” via specialized training that is focused on service excellence. Addressing all aspects of services, staff are even trained in how to serve Fine-Dining dishes, solve problems at hand, and translate positive inner feelings into perceivable elements. The training has been developed through True Corporation’s collaboration with the Mandarin Oriental Bangkok Hotel. TrueSpehere has also arranged for Thailand’s leading personality training Rossukon “Kru Ngor” Gonggate to provide “Inner to Outer” training to its staff.

 

React Right

 

Training for each batch of new TrueSphere staff has been extensive. Different scenarios have been created to hone staff’s skills for proper response to each of various possible incidents. Trainers have monitored and evaluated staff’s decision-making and problem-solving skills during such training.

 

Why does TrueSphere place a strong emphasis on decision-making skills? Sujitra said these skills had much importance because anything could happen. Thailand already saw two shooting sprees, first in Nakhon Ratchasima in 2020 and again last year. Both incidents happened in the heart of the towns, with staff and customers at TrueSphere facing risks of extreme violence and struggling for survival. In such violent incidents, customer safety is the top priority with staff expected to handle the challenge of controlling the situation well. Live broadcasts on social media are common in the digital age but staff must be calm and cautious of what can endanger the safety of customers under their care. TrueSphere staff must provide assistance and stop confusion while waiting for landlords’ signal that it is safe to leave the place.

 

There are now 12 TrueSphere outlets in Thailand. They are located at EmQuartier, Siam Paragon, Central Westgate, Mega Bangna, Future Park Rangsit, Central EastVille, CentralWorld, ICONSIAM, Blue Port Hua Hin Resort Mall, CentralPlaza Nakhon Ratchasima, Happy and Healthy Bike Lane, and The Emsphere. The latest branch at The Emsphere embraces the concept of futuristic innovations to visualize what a Telco-Tech firm is.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทรู คอร์ปอเรชั่น

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” ร่วมงานเมาลิดนบี (ซ.ล.) ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ณ มัสยิดดารุลอามาน ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายราชัน รุจิพรรณ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงานเมาลิดนบี (ซ.ล.) ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445

 

ดำเนินการจัดโดย คณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดดารุลอามาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติศาสดานบีมูฮัมหมัด (ซ.ล) รำลึกถึงความดีงาม เผยแพร่จริยวัตรทางด้านศาสนาอิสลาม ให้ชาวมุสลิมนำไปปฏิบัติตามในชีวิตประจำวัน เป็นกิจกรรมวัฒนธรรมที่ทำให้ชาวมุสลิมในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้มาพบปะกัน

 

ในโอกาสนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมเป็นเกียรติในงานฯ และแสดงความยินดีให้แก่ผู้นำศาสนาอิสลาม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

เปิดศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว ณ พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย ต.บัวสลี อ.แม่ลาว จ.เชียงราย โดยมีนายบุญส่ง กาบแก้ว ประธานชมรม อพม.อ.แม่ลาว กล่าวรายงาน และมีท่านพระครูสังฆรักษ์เรวัฒน์ เรวโต ผู้อำนวยการสำนักงานวิชาการ ผู้นำชุมชน ประธานและสมาชิกสภา อบต. ผอ.รพ.สต.และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

 

ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว จัดตั้งโดยการรวมกลุ่มของ อพม.ทั้ง 5 ตำบลใน อ.แม่ลาว ได้แก่ ต.โป่งแพร่ ต.จอมหมอกแก้ว ต.ป่าก่อดำ ต.ดงมะดะ และ ต.บัวสลี มีวัตถุประสงค์ร่วมกันคือ ให้ความ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ และศูนย์ประสานงานอาสาสมัครพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ อ.แม่ลาว เป็นศูนย์ประสานงานร่วมกัน ในการอำนวยการ ประสาน ส่งต่อเพื่อขอรับความ ช่วยเหลือ การจัดทำระบบข้อมูล อพม. การระดมทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานของ อพม. การเสนอความเห็นต่อกระทรวงในการพัฒนางาน อพม. รวมทั้งช่วยเหลือผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง และผู้ยากไร้ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว เพิ่มกำลังใจในการดูแลผู้ป่วยให้ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

ถ้วยรางวัลออกแบบอาจารย์เฉลิมชัย “ART NIGHT RUN BIENNALE CHIANGRAI 2023”

 

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ที่หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย นางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อํานวยการสํานักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวงานโครงการพัฒนาเมืองกีฬา (Sports City) ประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2567 กิจกรรมวิ่ง “ART NIGHT RUN BIENNALE CHIANGRAI 2023” โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าร่วม

นางชญาณ์นันท์ เชื้อศิริถาวร ผู้อํานวยการสํานักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย กล่าวถึง งานวิ่ง ART NIGHT RUN BIENNALE CHANGRAI 2023 ว่า การแบ่งประเภทการวิ่ง แบ่งเป็น 3 ระยะทาง ได้แก่ ระยะทาง 3 กิโลเมตร ระยะทาง 6 กิโลเมตร และระยะทาง 12 กิโลเมตร สำหรับรูปแบบการวิ่งจะวิ่งจากจุดปล่อยตัว ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย ไปตามเส้นทางและทำกิจกรรมร่วมกันจุดที่ 1 บริเวณขัวศิลปะ (บ้านขัวแคร่) และวิ่งต่อไปตามเส้นทางร่วมทำกิจกรรมจุดที่ 2 บริเวณสวนสาธารณะริมน้ำกก จากนั้นวิ่งตามเส้นทางเข้าสู่เส้นชัย ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย
 
 
ซึ่งในการแต่ละเส้นทางจะมีจุดไฮไลต์ที่น่าสนใจหลายจุด รวมถึงมีจุดแสดงไฟที่สวยงามตลอดเส้นทางการแข่งขัน และกล่าวต่อไปว่ารายได้ทั้งหมดจะมอบเป็นทุนให้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กองทุนสนับสนุนการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันจังหวัดเชียงราย และมูลนิธิเพื่อการพัฒนากีฬาจังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 
ด้านนายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย กล่าวว่าเสื้อที่ใช้วิ่งในงานมีทั้งหมด 4 สี คือ ขาว แสด ชมพู และเขียว ซึ่งออกแบบโดยศิลปินชาวเชียงราย ที่ตั้งใจร่วมระดมความคิดออกแบบเสื้อ เป็นลวดลายของชนเผ่าในจังหวัดเชียงราย ส่วนถ้วยรางวัล และเหรียญรางวัลได้รับการออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สำหรับเหรียญรางวัลนั้น แรงบันดาลใจในการออกแบบเหรียญ มาจากตัวอาคารหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย ที่ต้องการให้เกิดความแตกต่างจากการออกแบบเหรียญทั่วๆ มีความพิเศษคือ ด้านล่างเหรียญสามารถหมุนและปรับได้ มีสองสี สองด้านคือ สีดำเป็นตัวแทนอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ และสีขาวเป็นตัวแทนอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ
 
 
สำหรับถ้วยรางวัล มีทั้งหมด 6 รางวัลเท่านั้น โดยมอบให้กับนักวิ่งประเภท Overall (12 กิโลเมตร) ชาย – หญิง 3 อันดับแรก ที่วิ่งเข้าเส้นชัย และที่พิเศษสุดๆ คือ มอบพร้อมลายเซ็นของอาจารย์เฉลิมชัย และกล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ยังพบกับบรรยากาศสุดอาร์ตชมงานศิลปะระดับโลกในช่วงกลางคืน แสง สี ตระการตา โซนกิจกรรมศิลปะ Body paint ร่วมสร้างงานประติมากรรม เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ร่วมกันระหว่างศิลปิน/นักวิ่ง/นักท่องเที่ยว หนึ่งเดียวในประเทศไทย มีถนนศิลปะร้านค้าศิลปะ DIY ร้านอาหานดังในเชียงรายกว่า 40 ร้าน, ลานอาหารเครื่องดื่ม และชมฟรีคอนเสิร์ต ตลอดเวลา 3 วัน 3 คืน เริ่มคืนวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กุภาพันธ์ 2567 อีกด้วย
 
 
และนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายยินดีสนับสนุนให้กับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ซึ่งจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย และสมาคมขัวศิลปะ จะจัดกิจกรรมวิ่ง “ART NIGHT RUN BIENNALE CHIANGRAI 2023” ขึ้น ในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อสร้างภาพลักษณ์เมืองกีฬาในรูปแบบ Sports Tourism ตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ประกาศให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองกีฬา Sports City รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiangrai 2023 และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองจากการใช้ยุทธศาสตร์กีฬามวลชน ที่เป็นเครื่องมือในการดึงดูดนักวิ่งทั่วประเทศเข้าร่วม และการจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกซึ่งผสานงานวิ่งในรูปแบบ Night Run กับมหกรรมศิลปะระดับโลก Thailand Biennale, Chiang Rai เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และเหล่านักวิ่งทุกคนจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนแน่นอน
 
 
 
สำหรับกิจกรรมงานวิ่ง ART NIGHT RUN BIENNALE CHIANGRAI 2023 จัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน เริ่มจัดกิจกรรมวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13.00 น. รับหมายเลขวิ่งและเสื้อที่ระลึก ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ส่วนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นวันแข่งวิ่ง โดยเริ่มปล่อยตัวนักกีฬาตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป และวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 เฉพาะงานคอนเสิร์ต เริ่มเวลา 19.00 น. ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงประชาชนทั่วไปสามารถชมคอนเสิร์ตจากศิลปินตลอดทั้ง 3 วัน ฟรีณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย
 
 
ส่วนท่านใดสนใจสมัครงานวิ่ง สามารถสมัครได้ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ที่เว็บไซต์ : https://www.runlah.com/events/anrcb2024 หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/ArtNightRunChiangraiBiennale
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กอ.รมน. เชียงราย ลงพื้นที่นำนักศึกษา สร้างการรับรู้ป้องกันไฟป่าหมอกควัน

 

พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการรณรงค์ มทบ.37 และ ชุดปฏิบัติการร่วม นักศึกษาวิชาทหาร .มทบ.37 ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การป้องกันปัญหาไฟป่าหมอกควัน พร้อมทั้งรณรงค์ลดการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ตอซัง ฟางข้าว และวิธีการป้องกันจากมลพิษฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้กับประชาชนในพื้นที่ บ้านปางริมกรณ์ ม.10 ตำบลแม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และPM2.5 ของจังหวัดเชียงราย ในช่วงก่อนการประกาศห้ามเผาของจังหวัด อีกทั้งเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ทราบถึงผลเสียผลกระทบที่เกิดจากการเผาในพื้นที่การเกษตร เน้นการสื่อสารเชิงรุก ให้แก่ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างทันเหตุการณ์ ถูกต้อง ชัดเจน อย่างต่อเนื่อง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : มือถือแก้ว เลิกเหล้าแล้วมาเลี้ยงไก่ EP. 2

 

จนวันที่ 15 ม.ค. 59 แกตัดสินใจเลิกเหล้าแบบเด็ดขาด

มาถึงตอนนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาลุงเลิกเหล้ายากมากเลยใช่มั้ยหล่ะ และในตอนนี้ของ “ขี้เหล้าหลวง เล่าเรื่อง” ก็จะมาดูว่า ลุงสนั่นเลิกเหล้าแล้ว แกหันไปทำอะไร?

เป็นไง ชีวิตลุงตอนนี้ดี๊ดีเลยนะ เดี๋ยวนี้ก็หันไปทำมาหากิน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบเรียบง่าย เห็นมั้ยความสุขของลุงก็ไม่ได้อยู่ที่การดื่มเหล้าเสมอไป

จากมือถือแก้ว ถือขวดเหล้า ก็กลายเป็นมาโปรยให้อาหารไก่ ถือไม้ไล่ไก่เข้าเล้าบ้าง โยนอาหารให้ปลาบ้าง แหน่ะ! ใช้มือรดน้ำต้นไม้ก็มี ช่วยที่บ้านจุดเตาไฟ เตรียมของไปขายที่ตลาด แถมยังช่วยป้าทำขนม ห่อขนมอีก นี่ไงที่บอก ดูแล้วหวานมั้ยหละ? ขนมอะ

พอลุงสนั่นเลิกเหล้าได้ คนที่บ้านแกก็ดีใจสุด ๆ ไปเลย อย่างลูกสาวแกนะบอกว่า ดีมากเลยตั้งแต่พ่อเลิกเหล้า สุขภาพก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วถ้าถามความรู้สึกของเมียแกตอนนี้อะเหรอ?

แล้วลุงสนั่น มีอะไร อยากจะบอกกับคนที่ยังติดเหล้ามั้ย?

จริง ๆ แล้วการเลิกเหล้า มันไม่ได้ยากขนาดนั้นนะ มันอยู่ที่ใจของเราล้วน ๆ มันไม่ต้องรอให้เจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ร้ายแรงแบบลุงสนั่นหรอก และรางวัลของคนที่เลิกเหล้าได้ มันก็ได้ใจกลับมาด้วยเช่นกัน เห็นรอยยิ้มของคนในเรื่องนี้มั้ย? นี่แหล่ะ “รางวัลของคนเลิกเหล้า” กับเรา “ขี้เหล้าหลวง … เล่าเรื่อง”

แล้วคุณหล่ะ อยู่ในชีวิตตอนไหนของลุงในเรื่องนี้ คุณเลือกเองได้ … ไปลองเช็คตัวเองได้ที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

“ดีอี” ร่วมลงนาม ‘อาเซียน-จีน’ ยกระดับความร่วมมือด้านดิจิทัล

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the People’s Republic of China on Co – operation in Communications and Digital Technology) ในช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลและสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยบันทึกความเข้าใจดังกล่าวจะมีระยะเวลา 5 ปี มีเนื้อหาและขอบเขตความร่วมมือ อาทิ
 
1) การแลกเปลี่ยนนโยบายและกฎระเบียบด้านดิจิทัลและ ICT (Policies and Regulations) เพื่อยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
 
2) ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital Infrastructure) เพื่อที่จะร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาทางตรงและทางอ้อม
 
3) ด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ (Emerging Technologies) ซึ่งประกอบด้วย 5G Use Cases, Artificial Intelligence, Cloud Computing, Big Data, Digital Governance, Smart Cities, และ Future Networks
 
4) ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล (Digital Security) เพื่อยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูล
 
5) ด้านทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy)
 
6) ด้านคลื่นความถี่และการบริหารจัดการคลื่นความถี่ (Radio Frequency Spectrum and Management) เพื่อยกระดับความร่วมมือในการประชุมการสื่อสารโทรคมนาคมวิทยุระดับโลกภายใต้กรอบการทำงานของสหภาพโทรคมนาคม หรือ International Telecommunication Union (ITU)
 
7) ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและข้อมูล (Other Fields)
 
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งอินโดนีเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (Memorandum of Understanding between the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand and The Ministry of Communications and Informatics of Indonesia on Information and Communication Technology and Digitalization Cooperation) โดยมีนายประเสริฐ รัฐมนตรีดีอี เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน สำหรับความร่วมมือสำคัญ ประกอบด้วย บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital platform services) การกำกับดูแลบริการดิจิทัล (Digital service governance) การป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (Anti-online scamming) การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital transformation) การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลส่งเสริมโอกาสและศักยภาพของประชาชนอย่างครอบคลุม (Digital inclusion) กำลังคนทางดิจิทัล (Digital manpower) และเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital economy)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News