Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เปิดกิจกรรมความเสมอภาค เสริมสร้างความเข้าใจ รุ่นที่ 2

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสจังหวัดเชียงราย กิจกรรมเข้าถึงความเสมอภาค เสริมสร้างความเข้าใจ รุ่นที่ 2 พร้อมด้วย นายสรายุธ ฟูวงศ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 1 โดยมี นายปกรณ์เกียรติ พิสัยเลิศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวาวี และผู้เข้าอบรม ให้การต้อนรับ

 

สำหรับโครงการดังกล่าว มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสทุกกลุ่มอายุในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้เล็งเห็นความสำคัญของกลุ่มบุคคลดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ดูแล มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ และการเข้าถึงบริการของรัฐอย่างทั่วถึง ได้รับการพัฒนา ส่งเสริม และการจัดสวัสดิการทางสังคมที่เหมาะสม สามารถดำเนิน
ชีวิตได้อย่างปกติสุข และมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลสภาพร่างกาย ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
 
 
โดยมี กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมอบรมครั้งนี้ ประกอบด้วยคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ อาสาสมัครดูแลคนพิการ และองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 120 คน ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากศูนย์บริการคนพิการจังหวัดเชียงราย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงรายกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ยกช่อฟ้าอุโบสถ ฉลองวัดครบ 111 ปี วัดป่าแขม ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ ในพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ เนื่องในวันฉลองวัดครบ 111 ปี วัดป่าแขม ต.ป่าหุ่ง อ.พาน จ.เชียงราย พร้อมด้วย นายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ว่าที่ ร.ต.ปภาวิน ปวงใจ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 1 อ.พาน โดยมีพระครูพิพิธ พัฒนโกวิท เจ้าคณะอำเภอพาน เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายกฤษณะ แก้วดี นายก อบต.ป่าหุ่ง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และมีคณะผู้บริหาร อบต.ป่าหุ่ง ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ มาร่วมทำบุญกันอย่างคับคั่ง

การห่มผ้าพระธาตุเจดีย์ แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระพุทธเจ้า และเพื่อทะนุถนอมสิ่งที่บรรพชนสร้างพระธาตุเจดีย์มา ให้คงอยู่ยั่งยืน แสดงถึงความรัก ความห่วงใยมีไมตรีจิต มีความห่วงหาอาลัยในพระพุทธเจ้า มีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นกับพระพุทธเจ้า อยากที่จะทะนุถนอมให้พระธาตุฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้จูงจิตตนเองและผู้อื่นให้เกิดความศรัทธาในพระพุทธองค์ ซึ่งจะนำไปสู่การศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ศรัทธาในเหตุดีที่เราได้กระทำ และเป็นการสืบพระศาสนา สืบคุณงามความดีต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI VIDEO

ขี้เหล้าหลวงเล่าเรื่อง : มือถือแก้ว เลิกเหล้าแล้วมาเลี้ยงไก่ EP. 1

 

วันนี้จะมาเล่าเรื่องลุงคนนึงให้ฟัง ลุงคนเนี้ย! ชื่อลุงสนั่น แกเป็นขี้เหล้าหลวงแห่งเมืองเจียงฮาย บ้านอยู่แถวๆ อำเภอเวียงชัย แต่ก่อนแกเป็นคนดื่มเก่ง เมาทู๊กกกกวัน อายุประมาน 14-15 ก็เริ่มดื่มแล้ว พออายุมากขึ้นเริ่มหาเงินเองได้ก็ยิ่งดื่มหนักเข้าไปใหญ่ นี่แหละ ที่มาของเรื่องเล่าในวันนี้ “ขี้เล่าหลวง …. เล่าเรื่อง”


และนี่ พระเอกของเรา ลุงสนั่น อายุ 65 ปี แต่ก่อนวันๆนึงลุงดื่มเหล้าเกือบ 2 ขวด ดื่มวันค่ำ (หมายถึง ดื่มมันทั้งวันนั่นแหละ)

แกเล่าว่าเริ่มแรกก็ไปดื่มตอนช่วยกันปลูกข้าว พอตกเย็นมาก็มีคนเอามาให้ดื่ม พอฝนตกมาก็ดื่มอีก แก้หนาว ว่างั้น! พอเลิกทำนาก็หยุดได้หน่อย แต่พอถึงช่วงเทศกาล ก็จะเลี้ยง จะดื่มกันยาวไปจน 3 วัน 3 คืนก็มี

แต่ที่แปลกคืออะไรรู้มั้ย? มันเป็นความเคยชินของสังคมบ้านเราตามต่างจังหวัด บางทีไปช่วยงานกัน พอเสร็จงานจบงาน ก็จะเลี้ยงเหล้ากันเป็นการตอบแทน

จริงๆแล้ว นอกจากจะต้องแก้ที่ตัวคนดื่ม ยังต้องไปแก้ที่ตัวคนเลี้ยงเป็นเจ้าภาพด้วยรึเปล่า

ส่วนเมียลุงหรอ โอโห ป้าแกบ่นว่าแต่ก่อนนี้ เบื่อมากเลย รู้สึกไม่มีความสุข รู้สึกกระวนกระวาย เพราะเมื่อไหร่ที่ลุงดื่มมา จะมาอาละวาดตลอด และที่สำคัญนะ มีเรื่องพีคกว่านั้นอีก

ทุกคนสงสัยใช่มั้ยว่า คุณป้า เขาไม่ขอให้ลุงเลิกเหล้าหรอ?

แล้วจุดเปลี่ยน มันก็อยู่ตรงนี้ ปี 57 ลุงสนั่นแกเมาแล้วขับ จนรถยนต์ไปชนกับเสาไฟฟ้า หลังจากนั้นลูกชายของลุงก็เกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ

มาถึงตอนนี้น่าจะเป็นจุดพีคของเรื่องลุงแล้วสินะ ว่าแต่เรื่องราวต่อไปจะเป็นยังไง อย่าลืมติดตามต่อ บอกใบ้ให้นิดนึงชีวิตลุงเขา หวานมาก แล้วคุณหล่ะลองเช็คตัวเองดูก่อนมั้ย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

SONP จัดอบรมเชิงปฏิบัติการระดับผู้บริหารองค์กรสื่อดิจิทัล

 

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องฟอร์จูน 3-4 ชั้น 3 โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) ร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ในโครงการความร่วมมือองค์กรสื่อขับเคลื่อนพัฒนาวิชาชีพและส่งเสริมจริยธรรมสื่อเพื่อสร้างระบบนิเวศสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จัดให้มีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ในระดับผู้บริหารองค์กรสื่อดิจิทัล สมาชิกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ SONP รวมทั้งนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน องค์กร หน่วยงานและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารการตลาด ให้ความสนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์

 

โครงการ One Day Training แลกเปลี่ยน – เรียนรู้กับกูรูออนไลน์ ประจำปี 2566 ครั้งที่ 3 หัวข้อ “Navigating Change: Strategies for Survival of Online News Providers in the Evolving Media Landscape” ในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ จะได้แลกเปลี่ยน ทำความเข้าใจแนวโน้มและความท้าทายในปัจจุบันของอุตสาหกรรมข่าวออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, สำรวจกลยุทธ์ที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการสร้างและการเผยแพร่เนื้อหาในยุคดิจิทัล, สำรวจแหล่งรายได้ที่แตกต่างกันนอกเหนือจากการโฆษณาแบบเดิม ๆ แนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ผลิตข่าวออนไลน์
 
 
การอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณ Chia Ting Ting, CEO of FG Media (Exclusive Business Arm for Malaysiakini Group) Experienced Leader Driving Commercial Success in Media Innovation มาเป็นวิทยการ
คุณ Chia Ting Ting กล่าวในเวทีสัมมนา โดยให้คำแนะนำว่า เทรนด์โลกตอนนี้เป็นเรื่องการแชร์ข่าวเข้าสู่แพลตฟอร์มส่วนตัว เช่น Line whatsapp คนรุ่นใหม่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มส่วนตัว ดังนั้นผู้ผลิตคอนเทนต์ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ แม้แต่ข่าวสถานการณ์ทั่วไปหรือข่าวที่แชร์บนโซเชียลมีเดีย กลุ่มวัยรุ่นก็ยังแชร์เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเพื่อถกเถียงหาข้อสรุปและความน่าเชื่อถือของข้อมูล ผลกระทบของโซเซียลมีเดียกว้างมาก ฉะนั้นทำยังไงเราจะสร้างและกระจายตรงนี้ไปได้ ต้องเลือกรูปแบบของแพลตฟอร์มใหม่ และทำยังไงให้ข้อมูลเข้าถึงผู้ฟัง
 
 
“ยกตัวอย่าง ไลฟ์สไตล์ปัจจุบันคนทั่วไปมักจะใส่หูฟังตลอดเวลา ดังนั้นเราจะต้องทำยังไงให้คอนเทนต์หมาะสำหรับคนที่ฟังหูฟังตลอดเวลา หรือบางกลุ่มเบื่อการเมือง แต่สนใจเรื่องทำมาหากิน หรือสิ่งที่ตัวเองทำมากกว่า หรือออกกำลังกายแล้วสามารถฟังข่าวสารใกล้ตัวไปด้วย บางทีข่าวการเมืองหรือข่าวแย่ ๆ ทำให้คนเลิกอ่านข่าวไปเลย เพราะเบื่อข่าวซ้ำ ๆ ทั้งที่มาเลเซียและที่ไทยก็มีเหตุการณ์เหมือนกัน”
 
 
คุณ Chia Ting Ting แนะว่า ผู้ผลิตคอนเท้นท์ยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแต่ข่าวเดียวหรือข่าวซ้ำ ๆ ควรดู trending ในช่วงเวลานั้นว่าคนสนใจเรื่องอะไร เราก็ผลิตคอนเทนต์ที่เข้าถึงความสนใจ เช่น เรื่องความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม สังคม สิทธิมนุษยชน สิ่งที่น่าสนใจของคน การช่วยเหลือคน การอพยพของผู้คน มีเรื่องราวหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตของคน หรือการหลอกลวง scramble โดยการนำเสนอจะต้องทำให้เห็นว่าการใช้สื่อจะมีประโยชน์ต่อเขาอย่างไร การนำเสนอเรื่องการหลอกลวงต่าง ๆ เพื่อให้เขาสามารถป้องกันตัวได้อย่างไร ไม่ใช่มีเพียงแต่ข่าวการเมือง ข่าวรายวันเท่านั้น
 
 
นอกจากนั้น คุณ Chia Ting Ting ยังพูดถึงโมเดลการสร้างรายได้บนคอนเทนต์ออนไลน์ด้วยรูปแบบของการบอกรับสมาชิก (Subscription) ว่า เราต้องหาทางให้ได้ว่าทำยังไงให้เขายอมจ่าย จะให้คนจ่ายเขาต้องรู้ว่าจะได้ข่าวพิเศษอย่างไร สิ่งสำคัญต้องรู้ว่ามีสิทธิพิเศษอะไรให้ผู้สมัครบ้าง และเราจะมีส่วนร่วมกับข่าวหรือคอนเทนต์ ของเราได้อย่างไร
“เราต้องแยกให้ออกระหว่าง คนดูทั่วไป กับคนที่สมัครสมาชิก คนสมัครเขาย่อมต้องการอะไรที่มากกว่าคนเสพข่าว เขาไม่ได้แค่ต้องการเสพข่าวเขาต้องการ ดีเบต การโต้วาที มีปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ เขาถึงจะเห็นว่าคุ้มค่าในการเข้ามาตามเรา ต้องดึงดูดให้เขามามีส่วนร่วม”
 
 
เรื่องของเทรนด์คอนเท้นท์ในปี 2024 คุณ Chia Ting Ting เชื่อว่าเราจะหนีไม่พ้น AI อย่างแน่นอน ในฐานะผู้ผลิตข่าว ในที่สุดแล้ว เทคโนโลยียังไงก็ต้องมีเข้ามาในงานของเรา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำมาประยุกต์ใช้ยังไง ไม่ใช่แค่มารอแต่ Traffic คนเข้ามาดูเยอะ ๆ อย่างเดียว เราต้องเตรียมตัวให้มาก ต้องดูว่าเราเตรียมตัวแค่ไหนในการรับมือแต่เราต้องตระหนักว่าจะนำมาใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคอนเท้นท์นั้น ๆ ได้อย่างไร
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All NEWS UPDATE

“รองโจ๊ก” นำคณะพบ ผบ.ตร.กัมพูชา ส่ง 22 หมายจับสำคัญ ให้ช่วยเร่งรัดจับกุม

 

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้นำคณะ ศูนย์พิทักษ์เด็กสตรีครอบครัวป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อพบปะ แลกเปลี่ยนความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันมายาวนานในการป้องกันและปราบปรามตามแนวชายแดน และมีกำหนดการจะนัดประชุมหารือในวันพรุ่งนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา

 

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่าประเด็นสำคัญที่จะมาติดตามในวันนี้ก็คือขอให้ทางการกัมพูชาเร่งรัดติดตามความคืบหน้ากรณีหมายจับในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงลงทุน และการค้ามนุษย์ โดยในครั้งนี้ได้นำเอกสารสำคัญเกี่ยวกับหมายจับ ผู้ต้องหา 22 คนสำคัญ หรือ เรดโนติส มาส่งมอบให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชาเพื่อขอให้เร่งรัดดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาสำคัญให้กับประเทศไทยเพื่อจะนำไปขยายผลในการดำเนินคดี

 

หมายแดง หรือ Red Notice มีความหมายยังไง? 

หมายแดง หรือ Red Notice ของ Interpol นั้น ความจริงแล้วไม่ใช่หมายจับ อีกทั้ง INTERPOL เองก็ไม่มีอำนาจบังคับให้ประเทศสมาชิกจับผู้ที่มีหมายแดงติดตัว ในกรณีการจับกุมผู้ต้องหา การตัดสินใจจับหรือไม่จับเป็นอำนาจของประเทศ 100% หากตัดสินใจไม่จับก็ไม่ผิดกฎของ Interpol แต่อย่างใด 

 

อย่างไรก็ตาม ตามกฎของ Interpol เอง ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าหมายแดงไม่ใช่หมายจับ (It is not an international arrest warrant) ฉะนั้นแล้วประเทศที่เจอผู้ที่มีหมายแดงติดตัวจะจับหรือไม่จับบุคคลผู้นั้นก็ได้ เนื่องจาก Interpol ไม่ได้มีอำนาจอะไรที่จะบังคับประเทศสมาชิกว่าต้องจับผู้ที่มีหมายแดง (INTERPOL cannot compel any member country to arrest an individual who is the subject of a Red Notice)

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ยกรถโรงหนังเฉลิมทัศน์สัญจรเชียงราย งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในการส่งเสริมการเรียนรู้แลกเปลี่ยน ความคิดสร้างสรรค์ สร้างจินตนาการผ่านงานด้านวัฒนธรรม รวมไปถึงเยาวชนทั่วประเทศมีโอกาสเรียนรู้อย่างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสื่อต่างๆผ่านงานภาพยนตร์ ล่าสุดทางโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) วธ. ออกเดินทางสู่จังหวัดเชียงราย เพื่อจัดกิจกรรมรถโรงหนัง ฉายภาพยนตร์แก่เด็กนักเรียน-ครู ประชาชน และเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยมีโปรแกรมจัดกิจกรรมใน 4 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 17 มกราคม – 14 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ณ วัดจอเจริญสุขุมวาท อ.เวียงชัย, องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย โดยขณะนี้จอดให้บริการนักเรียนและประชาชนอยู่ที่ ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นจุดฉายที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 7กุมภาพันธ์ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่า กิจกรรมดังกล่าวสร้างความประทับใจให้กับเด็กและเยาวชน ครูอาจารย์ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน นักเรียนสนใจเข้าคิวรับชมฉายภาพยนตร์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากนี้ไปก็จะสัญจรไปต่อที่ ช้างแวร์เฮ้าส์ โกดังห้วยเกี๋ยง อ.เชียงแสน ระหว่างวันที่ 8 – 14 กุมภาพันธ์นี้

 

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยต่อว่า ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ได้มีการจัดโปรแกรมพิเศษบนรถโรงหนัง ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมืองเชียงราย เวลา 9.00 – 12.00 น. กับกิจกรรมอบรมบรรยายเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ “การใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อเพื่อการเรียนรู้” สำหรับผู้สนใจนำภาพยนตร์ไปใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ เช่น โรงหนังโรงเรียน, วิชาภาพยนตร์ และ การนำภาพยนตร์ไปใช้สนับสนุนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ สามารถเข้าไปลงทะเบียนสำรองที่นั่งเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมบรรยายพิเศษล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/cinemobile-workshop รองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ 70 ที่นั่งหรือติดต่อสอบถามข้อมูลกิจกรรมได้ที่  094 770 6999 คุณวุฒินันท์ แช่มช้อย นักจัดจัดกิจกรรมและสิ่งเกี่ยวเนื่อง หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ติดตามภารกิจของรถโรงหนังเฉลิมทัศน์เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/thaicinemobile

 

          ทั้งนี้ มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 กำหนดจัดในพื้นที่เหนือสุดของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ภายใต้แนวคิด “เปิดโลก (The Open World)” โดยจะจัดขึ้นในพื้นที่สำคัญทั่วจังหวัดเชียงราย กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

​เสริมศักดิ์ ปลื้ม! แลนด์มาร์ค Thailand Biennale ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรมตามกรอบนโยบายหลัก “วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ”พร้อมทั้งขับเคลื่อน Soft Power สร้างเสน่ห์วิถีไทย ครองใจคนทั้งโลก โดยการสำรวจรวบรวมทุนทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์และยกระดับงานวัฒนธรรมเดิมให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นการเปิดมุมมองแห่งความสำเร็จจากการใช้วัฒนธรรมสร้างพลังแห่งอนาคตตามเป้าหมายในปี 2567
นอกเหนือจากการโครงการส่งเสริมการสร้างรายได้ด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้ว งาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธ.ค. 66 – 30 เม.ย. 67 เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกศิลปะวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ และส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายก้าวกระโดดสู่นิเวศของการเป็น “เมืองศิลปะระดับโลก” นอกจากนิทรรศการหลักของศิลปินทั้ง 60 คนและ 13 พาวิลเลี่ยนแล้ว 

 

ยังมีการนำเสนอผลงานศิลปะในลักษณะ Collateral Event จัดแสดงคู่ขนานเกิดขึ้นอีกหลายแห่งในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะงานศิลปะบนนาข้าว(Tanbo Art)  ในคอนเซปต์ “ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”ที่โด่งดังในกระแสโซเชียล สร้างความสนใจให้สื่อต่างประเทศนำไปเผยแพร่ เชิญชวนให้มาท่องเที่ยว แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับ “ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน” พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหลักของ“Thailand Biennale Chiangrai 2023”อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย

 


“ในน้ำมีปลา ในนามีแมว”เป็นไอเดียที่น่าชื่นชมของคุณธันยพงศ์  ใจคำ เจ้าของ”เกี้ยวตะวัน ธัญฟาร์ม” ในอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ที่ทำงานร่วมกับศิลปินนักออกแบบชาวเชียงราย นักปราชญ์  อุทธโยธา และทีมงานอีกกว่า 200 คน โดยนำงานวิจัยพันธุ์ข้าวสรรพสีจากโครงการ MOU เพื่อทำวิจัยร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน ทั้งหมด 7 สายพันธุ์มีสายพันธุ์ดั้งเดิม 2 สายพันธุ์และอีก 5 สายพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัย เป็นการผสมผสานงานวัฒนธรรมการปลูกข้าว เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนกลายเป็นงานศิลปะที่โดดเด่นด้วย สีสันของพันธุ์ข้าวสีรุ้ง ที่มีหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีม่วงเข้มไปจนถึงสีเหลืองอ่อน ซึ่งขณะนี้ข้าวสรรพสีพากันออกรวงสีทองอร่ามงามตา ต้อนรับการมาเยือนของนักเที่ยว โดยคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงระยะเวลา 145 วันหลังการเพาะปลูกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเสร็จสิ้นงานงาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023”ในช่วงเดือนเมษายน 2567    

 


ศิลปะบนนาข้าวจึงเป็น อีกหนึ่งสำคัญในการนำซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศมาพัฒนาต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่า สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริม การต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนโดยเริ่มต้นจากต้นข้าวเล็กๆ เติบโตสู่พื้นที่สร้างสรรค์งานศิลปะให้งอกงามและเบ่งบานอยู่ในใจผู้คนอย่างมีคุณค่า  

 

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังเร่งเดินหน้าผลักดัน Soft Power ศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องใน “งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 4 Thailand Biennale 2025” ซึ่งจังหวัดภูเก็ต เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน โดยเฉพาะการนำเอา Soft Power ที่มีพลังในความเป็นไทย และความภาคภูมิใจของภูเก็ต ส่งผ่านงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เชื่อมไทย เชื่อมโลก ก้าวไปสู่การเป็นหมุดหมายสำคัญของการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต รวมทั้งการนำงานศิลปะร่วมสมัยทั้ง 9 สาขามาขับเคลื่อน Soft Power สร้างเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั้งโลก อาทิ ส่งเสริมให้เกิด 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft power การผลีกดัน Bangkok เมืองแฟชั่น และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชิญชวนนักวิ่งเปิดประสบการณ์ “Art Night Run Chiangrai Biennale 2023”

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วธ. เปิดเผยว่า งาน Art Night Run Chiangrai Biennale 2023 ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 9 – 11 กุมภาพันธ์ 2567 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย นับเป็นครั้งแรกของการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานทุกภาคส่วน ของจังหวัดเชียงราย โดยสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสมาคมขัวศิลปะ จัดงานวิ่งในรูปแบบ Night Run หนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่เปิดโอกาสให้นักวิ่งและผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพได้สัมผัสประสบการณ์เปิดโลก ศิลปะ ดนตรี กีฬา ไปพร้อม ๆ กันด้วยกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพ และการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในงานมหกรรมศิลปะระดับโลก Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ท่ามกลางบรรยากาศถนนศิลปะและวัฒนธรรม ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น จากร้านอาหารขึ้นชื่อของเมืองเชียงรายกว่า 40 ร้าน พร้อมด้วยฟรีคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย ณ หอศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM)

 


โดยจะมีพิธีเปิด ณ บริเวณจุดปล่อยตัว ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) ในวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19.00 น. แบ่งการวิ่งออกเป็น 3 ระยะทางได้แก่ 12 km, 6 km, และ 3 km ซึ่งนอกจากโล่รางวัลอันงดงามทรงคุณค่าสำหรับผู้ชนะเลิศในประเภท 12 km (Overall) แล้ว นักวิ่งจะได้รับเหรียญรางวัลและเสื้อที่ระลึกในงาน  “Art Night Run Chiangrai Biennale 2023” ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษ โดยท่านศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกขัวศิลปะเชียงราย เป็นผู้ร่วมออกแบบ ความพิเศษอย่างมีอัตลักษณ์หนึ่งเดียวในประเทศไทยของเหรียญรางวัล ซึ่งทำจากโลหะมีขนาดประมาณ 8 เซนติเมตร ห้อยด้วยสายหนัง บริเวณด้านล่างของเหรียญซึ่งเป็นลายเส้นรูปศิลปินแห่งชาติทั้งสองท่าน ออกแบบให้สามารถหมุนปรับได้ โดยทั้งสองด้านแตกต่างกันด้วยโทนสีขาวและสีดำ ด้านสีขาวเป็นตัวแทนของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ส่วนด้านสีดำเป็นตัวแทนของ อาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้มีคุณูปการต่อวงการศิลปะร่วมสมัย และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับโลก

 

นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) เผยว่า นอกจากทิวทัศน์อันสวยงามของจังหวัดเชียงรายแล้ว นักวิ่งและผู้ร่วมโครงการ Art Night Run จะได้ชมบรรยากาศแสง สี ความงดงามตระการตาของผลงานศิลปะระดับโลก ในช่วงเวลายามค่ำคืนอย่างอิ่มเอมใจ พร้อมด้วยกิจกรรมศิลปะ Body paint และกิจกรรมสร้างสรรค์งานประติมากรรมชิ้นประวัติศาสตร์ ที่ศิลปิน นักวิ่งและนักท่องเที่ยวจะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นในบริเวณหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย โดยผู้จัดงานได้เนรมิตพื้นที่โดยรอบหอศิลป์ให้เป็นถนนศิลปะวัฒนธรรม มีร้านค้าศิลปะ งาน D.I.Y และร้านอาหารชื่อดังในจังหวัดเชียงรายมาให้บริการมากกว่า 40 ร้าน พร้อมด้วยฟรีคอนเสิร์ต วงดนตรีชั้นนำระดับตำนาน เช่น ModernDog, Bom the voice, Tamsaxo และ SL music ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำ ศิลปะ ดนตรี และกีฬา มาผสมผสานให้เกิดการขับเคลื่อนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจใน พื้นที่จังหวัดเชียงรายและภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ตามแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาลด้วย

 


ทั้งนี้รายได้จากงาน  “Art Night Run Chiangrai Biennale 2023” (หลังหักค่าใช้จ่าย) จะนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กองทุนสนับสนุนการป้องกันเเก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงราย และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาการกีฬาจังหวัดเชียงรายต่อไป

 

สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ นักท่องเที่ยว และประชาชนผู้สนใจ 

สมัครได้ที่: https://www.runlah.com/events/anrcb2024  หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Official Facebook: https://www.facebook.com/ArtNightRunChiangraiBiennale

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เปิดตัวรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับของไทยหนุนระบบอัตโนมัติช่วยลดอุบัติเหตุ

 

เมื่อวันที่ 31 ม.ค. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการสาธิตการใช้งานรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบร่วมกับการสื่อสารด้วยโมบายแอปพลิเคชั่นด้วยเทคโนโลยี 5G คันแรกของไทย โดยมี นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าโครงการวิจัย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน และหัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มจธ. เข้าร่วม ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

นางสาวศุภมาส กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบฯ ดำเนินการโดย มจธ. และ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) โดยมี วศ. ร่วมในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อพัฒนางานวิจัยและองค์ความรู้ด้านรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ และเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G รวมทั้งดำเนินการทดสอบและสาธิตการใช้งานรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับในเขตโบราณสถานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายจะได้แบ่งปันองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนบุคลากร ในการดำเนินโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติร่วมกัน เพื่อพัฒนางานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริงและยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

 

“นี่ถือเป็นโครงการแรกๆ ของประเทศในการพัฒนารถไร้คนขับ ซี่งจะนำมาสู่การพัฒนาและต่อยอดได้ในอนาคต โดยมีเป้าหมายสร้างรถที่ช่วยลดอุบัติเหตุ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ และเมื่อเทคโนโลยี C-V2X (Cellular Vehicle-to-Everything) แพร่หลายมากขึ้น ยานยนต์ไฟฟ้ามีการนำไปเชื่อมต่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ในเส้นทางสัญจร จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางร่วมกัน เพราะระบบอัตโนมัติจะมาช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และจะเป็นการนำเครือข่าย 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคด้วย” และเป็นหน่วยบริการสำคัญให้กับทุกภาคส่วนต่อไป” รมว.อว.กล่าว

 

ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวถึงบทบาทความร่วมมือสำคัญของ วศ. ในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ว่า โครงการดังกล่าว วศ. ได้ร่วมพัฒนาและทดสอบระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ หรือ Advanced Driver-Assistance System: ADAS ไปจนถึงระบบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (Connected and Autonomous Vehicle: CAV) พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาวิธีทดสอบสมรรถนะ และระบบความปลอดภัยของยานยนต์สมัยใหม่ ที่จะมีบทบาทสำคัญสำหรับอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ฯลฯ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมระดับ Mega Trend ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ อีกทั้ง วศ. ได้จัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (T-CAV) ที่ EECi วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง เพื่อจัดทำเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์แห่งอนาคตของประเทศ นอกจากนี้ วศ. ตั้งเป้าใช้ประโยชน์จากศูนย์ T-CAV เป็นแหล่งให้บริการศึกษาวิจัยด้านความปลอดภัยในการขับขี่และผู้ใช้ถนน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงอุดมศึกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล.พัฒนาพลิกโฉมสมุนไพรไทย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องคำมอกหลวง อาคาร M-Square มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พร้อมด้วยผู้บริหาร ร่วมต้อนรับคณะคณะทำงานสนับสนุนข้อมูลการวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน ในคณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยมี พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา เป็นประธานในการประชุมเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมุนไพร ภายใต้โครงการศูนย์กลางความรู้ต้นแบบด้านสมุนไพรเพื่อการใช้ประโยชน์ทางสุขภาพอย่างยั่งยืน Hub of Knowledge: Herbs for sustainable health and well-being 

 

เพื่อให้เกิดการพัฒนาและพลิกโฉมสมุนไพรไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 100 คน ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา คณะทำงานสนับสนุนข้อมูลการวิจัยทางคลินิกและการจัดการข้อมูลการใช้สมุนไพรในคน ในคณะกรรมาธิการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา ผู้เชี่ยวชาญจากกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เครือข่ายโรงพยาบาล สถาบันการศึกษา/สถาบันวิจัย ที่มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพร รวมถึงผลิตวัตถุดิบต้นทาง หน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัย องค์การเภสัชกรรม สมาคม/สมาพันธ์ มูลนิธิขับเคลื่อนงานด้านสมุนไพร และเครือข่ายภาคเอกชนมากกว่า 40 หน่วยงาน

 

สำหรับการพัฒนาและพลิกโฉมสมุนไพรไทยนั้น มีความจำเป็นต้องพัฒนาศูนย์กลางความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาสมุนไพร โดยการจัดตั้งเครือข่าย (Consortium) ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยสมุนไพร และพัฒนากลไกที่ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดกระบวนการทำวิจัยร่วมกันตลอดจนการพัฒนารูปแบบ (Template) การเก็บรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ งานวิจัย โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และนำไปสู่การพัฒนาฐานข้อมูลสมุนไพรใน Knowledge Hub ที่มีรูปแบบเดียวกัน 
 
 
เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง และการวิเคราะห์ช่องว่างของการวิจัยและพัฒนางานด้านสมุนไพร (Gap analysis) ที่เป็นสมุนไพรเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2566-2570 เพื่อส่งเสริมให้เกิด Hub of Knowledge ที่ทำงานร่วมกับนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญในระดับนานาชาติ และประชาสัมพันธ์ Hub of Knowledge ด้านสมุนไพรของประเทศไทย
 
 
นอกจากนี้ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการงานวิจัยด้านสมุนไพร และบูธผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากเครือข่ายภาคเอกชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพืชสมุนไพรและผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News