Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอเวียงแก่นจังหวัดเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา10.30 น. ณ ลานหมู่บ้านห้วยปอ หมู่ 17 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ประจำจังหวัด มอบผ้าห่มกันหนาว และชุดยาเวชภัณฑ์พระราชทาน จำนวน 3,500 ชุด ให้แก่ราษฎร และตัวแทนราษฎรใน 7 อำเภอ ประกอบไปด้วย อำเภอแม่ลาว อำเภอเชียงของ, อำเภอพญาเม็งราย, อำเภอเชียงแสน, อำเภอเวียงชัย, อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบให้อำเภอละ 500 ชุด
 
 
โอกาสนี้รองประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังได้อัญเชิญพระราชกรณียกิจพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงเสียสละพระองค์เพื่อปวงชนชาวไทยในด้านต่าง ๆ ทำให้ทุกคนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และได้เล่าถึงที่มาของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ก่อกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ด้วยต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในทุกพื้นที่ของประเทศไทย พระองค์ได้พระราชทานความช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์และความเดือดร้อนแก่ราษฎรของพระองค์ในทุกเหตุการณ์ และทรงรับสั่งให้เตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายและสามารถให้ความช่วยเหลือราษฎรได้ทันการ
 
 
สำหรับสถานการณ์ภัยหนาวของจังหวัดเชียงรานในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทรงให้ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคง และประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อัญเชิญผ้าห่มกันหนาวพระราชทานมามอบให้ราษฎรจังหวัดเชียงราย ประกอบไปด้วย ชุดยาเวชภัณฑ์พระราชทาน จำนวน 3,500 ชุด ให้แก่ราษฎรและตัวแทนราษฎรใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ลาว อำเภอเชียงของ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเชียงแสน, อำเภอเวียงชัย อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบให้อำเภอละ 500 ชุด ซึ่งให้นายอำเภอทั้ง 7 อำเภอเป็นผู้แทนในการรับมอบ เพื่อนำไปให้ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยของราษฎร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ยากไร้ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ยังความปลื้มปิติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และอยากให้ตัวแทนทุกคนได้นำเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดไปเล่าสู่กันฟัง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงห่วงใยในราษฎรเสมอมา
.
จังหวัดเชียงรายมีภูมิศาสตร์อยู่ทางเหนือสุดของประเทศไทย มีสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง สภาพอากาศจึงค่อนข้างหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวหลายพื้นที่มักจะมีสภาพอากาศที่หนาวจัด จังหวัดเชียงรายจึงได้สำรวจความต้องการเครื่องกันหนาวประจำปีงบประมาณ 2567 พบว่ามีราษฎรที่ประสบภัยหนาวต้องการเครื่องกันหนาว รวมทั้งสิ้น 304,016 ชิ้น ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายได้บูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิการกุศลต่างๆเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โครงการผู้นำนักศึกษา ยุคใหม่ หัวใจทำดี สร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคม

 
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2566 เวลา 17.00 น. นายก พี่นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่พบปะผู้นำนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในโครงการผู้นำนักศึกษา ยุคใหม่หัวใจทำดี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 ธันวาคม 2566 ณ โรงเรียนบ้านแหลว – นาล้อม ต.สันทราย อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมี นายธนาวุฒิ อินต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารนักศึกษา มร.ชร. นายธีรวัฒน์ วังมณี ผอ.กองพัฒนานักศึกษา มร.ชร. นายสงกราณ เกเย็น นายก อบต.สันทราย นางสาวณัฏฐณิชา ขันใจ ผอ.โรงเรียนบ้านแหลว – นาล้อม ผู้นำชุมชน ประชาชน และนักเรียนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ
 
ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้นำนักศึกษาได้เรียนรู้การแบ่งปัน การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นำไปสู่การสร้างนักศึกษาที่มีคุณภาพ และศักยภาพที่ดีกลับคืนสู่สังคมตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และนายก พี่นก กล่าวว่า อบจ.เชียงราย ยินดีที่จะร่วมส่งเสริมนักศึกษาทุกคน ในฐานะเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ มีพื้นที่สร้างสรรค์ให้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และประเทศชาติ ตามนโยบายสภาเยาวชนร่วมกำหนดอนาคตเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สรุปผลโหวต LINE TODAY POLL 2023 พิธา – แอนโทเนีย – วอลเลย์บอลหญิงไทย

 
สรุปผลโหวต LINE TODAY POLL OF THE YEAR 2023 ที่เปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม – 20 ธันวาคม 2566 ซึ่งมีผลโหวตดังนี้
ข่าวแห่งปี

ปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่มีข่าวดั่งระดับประเทศและระดับโลกมากมาย ไม่แพ้ปี 2565 จากตัวเลือกที่ทาง LINE TO DAY คัดเลือกข่าวเด่นให้ผู้ใช้งานร่วมโหวตว่าข่าวไหนจะเป็นที่สุดแห่งข่าวเด่นปีนี้ซึ่งผลโหวตออกมาเป็นตามนี้

 

อันดับ 1 – พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ-คดีหุ้น ITV-หยุดปฏิบัติหน้าที่ – 28.03%

ผลการเลือกตั้งใหญ่ 2566 ตกเป็นของพรรคก้าวไกล ที่คว้าคะแนนจากคนไทยไป 14 ล้านเสียง

ทำให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวของพรรคถูกจับตามองทันทีเป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ที่ประชาชนลงใจให้

 

แต่สถานการณ์พลิกผัน มรสุมเล่นงาน ‘พิธา’ ทันที ถูกยื่นสอบคดีถือหุ้นสื่อ ITV ที่แม้จะแสดงความมั่นใจว่าไม่กระทบการจัดตั้งรัฐบาล แต่ผลสุดท้ายก็อย่างที่รู้กัน ‘พิธา’ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะถือว่าการถือหุ้นสื่อ เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็น สส.

อันดับ 2 – สงครามอิสราเอล-ฮามาส – 10.18%

อันดับ 3 – เยาวชนวัย 14 กราดยิงพารากอน – 10.1%

อันดับ 4 – ชูวิทย์ แฉตู้ห่าว-แฉคนมีชื่อเสียง – 8.94%

อันดับ 5 – ทักษิณ ชินวัตร กลับไทยในรอบ 17 ปี – 8.68%

 

อันดับ 6 – คดีกำนันนก-สารวัตรศิว – 8.38%

 

อันดับ 7 – เพื่อไทย-พรรคร่วม ตั้งรัฐบาล-เศรษฐา นายกฯ คนที่ 30 – 5.88%

 

อันดับ 8 – หมอกฤตไท เพจสู้ดิวะ ป่วยมะเร็ง – 4.4%

 

อันดับ 9 – เสี่ยแป้ง นาโหนด แหกคุก – 3.65%

 

อันดับ 10 – เรือดำน้ำไททันระเบิดสูญหาย – 2.18%

 

 

 

นักการเมืองแห่งปี

ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีปรากฎการณ์ทางการเมืองมากมายให้คนไทยได้ติดตาม ทั้งสถานการณ์ชวนลุ้นอย่าง ‘การเลือกตั้งทั่วไป 2566’ การอภิปรายในสภาที่สุดแสนจะเข้มขันในทุกแมตช์ จุดสิ้นสุดของยุครัฐบาล คสช. นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงการกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และสำหรับโพลนี้ มีดังนี้

 

อันดับ 1 – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ – 5,897 คะแนน 36.35%

‘นายพิธา ลิมเจริญรัตน์’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลที่

ได้รับคะแนนโหวตใน ‘การเลือกตั้งทั่วไป’ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 กวาดคะแนนบัญชีรายชื่อกว่า 14ล้านเสียง ขึ้นเป็นพรรคอันดับ 1 และรวมเก้าอี้สส.ได้ 151 ที่นั่ง

 

อย่างไรก็ตามพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวมเสียง สว. เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ในขณะเดียวกันนายพิธาถูกตั้งข้อหาถือหุ้น ITV และถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 และยังรอคำวินิจฉัยจากศาลจนถึงวันนี้

 

นายพิธานับเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในการเมืองไทย ทั้งการนำทัพพรรคก้าวไกลให้พลิกชนะ ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่เป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาตลอด 20 ปี อีกทั้งยังใช้กลยุทธการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด จนเป็นที่มาของแฮชแท็ก

#หอมกลิ่นความเจริญ รวมถึง #ด้อมส้ม ที่ชาวเน็ตใช้เรียกแทนโหวตเตอร์ของพรรคก้าวไกลอีกด้วย

 

อันดับ 2 – เศรษฐา ทวีสิน – 2,677 คะแนน 16.5%

อันดับ 3 – วราวุธ ศิลปอาชา – 2,173 คะแนน 13.4%

อันดับ 4 – ประยุทธ์ จันทร์โอชา – 1,983 คะแนน 12.22%

อันดับ 5 – ชาดา ไทยเศรษฐ์ – 890 คะแนน 5.49%

 

Soft Power แห่งปี

 

Soft Power หากแปลเป็นไทยคือ ‘มานานุภาพ หมายถึง ความสามารถในการดึงดูดและสร้างการมีส่วนร่วม โดยไม่ต้องบังคับหรือให้เงิน ในปัจจุบันถูกใช้ในกรณีของการเปลี่ยนแปลงและสร้างอิทธิพลต่อความคิดของสังคมและประซาชน ‘ในประเทศอื่น’คราวนี้มาดูกันว่า ชาว LINE TODAY มองเห็นอะไรเป็น Soft Power ของไทยกันบ้าง

 

อันดับ 1 – กางเกงช้าง – 26.94%

 

แฟชั่นนี้ว่ากันว่าได้รับความนิยมเนื่องจากตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งมักมีข้อกำหนดห้ามนุ่งสั้น ทำให้กางเกงช้างกลายเป็นกางเกงถูกระเบียบขวัญใจ นักท่องเที่ยว และกลายเป็นของฝากที่ซื้อกลับประเทศ นอกจากนี้ ไอดอลชื่อดั่งจากเกาหลีและศิลปินคนดังจากต่างประเทศหลายๆ ก็นิยมใส่เวลามาไทยเช่นกัน

อันดับ 2 – ข้าวเหนียวมะม่วง – 17.96%

อันดับ 3 – สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย พระพรหม, พระแม่ลักษมี – 8.84%

อันดับ 4 – หมูกระทะ – 8.52%

อันดับ 5 – สตรีทฟู้ด – 8.43%

 

 

ข่าวกีฬาแห่งปี

 

ตลอดปี 2566 ในแวดวงกีฬาบ้านเรา มีเหตุการณ์สำคัญ ๆ มากมายที่เป็นประวัติศาสตร์ และ

เหตุการณ์ที่ทั้งนักกีฬาและคนเชียร์เองก็ลืมไม่ลง หลังการเปิดโหวตข่าวกีฬาแห่งปี 2566 นี่คือ

เหตุการณ์ในวงการกีฬาปีนี้ที่คนไทยยกให้เป็น 3 อันดับแรก

 

อันดับ 1 – วอลเลย์บอลหญิงไทย ผลงานโดดเด่น ได้ใจคนไทยทั้งประเทศ – 29.15% โดยเฉพาะปิ นี้ ผลงานของพวกเธอโดดเด่นมาตั้งแต่ต้นปี สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศมาต่อเนื่อง ตั้งแต่เหรียญทอง สมัยที่ 16 การแข่งขันซีเกมส์ 2023, อันดับที่ 14 วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2023, แซมปัซี. วีลีก 2023 สนามที่ 1, แซมป์ซี. วีลีก 2023 สนามที่ 2,แชมป์วอลเลย์บอลหญิงชิงแช่มป์เอเชื่ย 2023, อันดับ 4 กลุ่มซีวอลเลย์บอลหญิง โอลิมปีกเกมส์ 2024 รอบคัดเลือก และเหรียญทองแดง เอเชียนเกมส์ 2022

 

อันดับ 2 – ‘เทนนิส-พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ นักเทควันโด โดนโกงจนเกือบไม่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์  – 17.48%

อันดับ 3 – ‘วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ คว้าแชมป์ชายเดี่ยว สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก – 13.76%

 

ข่าวบันเทิงแห่งปี

ตลอดปี 2556 ที่ผ่านมาวงการบันเทิงของทยมีทั้งเรื่องราวดีๆ ให้ร่วมยินดีมากมาย แต่ก็ไม่วายที่

จะมีเรื่องดรามามาให้ติดตามกันแบบต่อเนื่อง เดี๋ยวรักเดี่ยวเลิก มือที่สาม ผลัดกันแฉกันอย่างดุ

เดือด ล่าสุดหลังจากเปิดโหวต ‘ข่าวบันเทิงแห่งปี’ ไปก่อนหน้านี้ และนี่คือ 3 อันดับแรกของข่าว

บันเทิงที่คนชื่นชอบมากที่สุด

 

อันดับ 1 – แอนโทเนีย คว้ารอง 1 มิสยูนิเวิร์ส – 40.17%

เป็นอีกเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้คนไทยมีความสุขถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นใครทำอาชีพไหนก็ต่างพากัน

พร้อมใจเชียร์ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ในวันแข่งข้น และเธอนั่นก็ไม่ทำให้ผิดหวังสามารถเข้ารอบลึกที่สุดในรอบหลายปี จับมือคว้ารองอันดับหนึ่งมาครองได้สำเร็จ

อันดับ 2 – นนกุล-แอฟ เปิดใจกำลังคุยกันอยู่ – 14.84%

อันดับ 3 – ต้องเต ผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ รายได้หลายร้อยล้าน – 9.34%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

จับตา 10 คดี ‘คอร์รัปชัน’ แห่งปี 2023 ACT เสนอรัฐปฏิรูป “ตำรวจ-ราชทัณฑ์-ป.ป.ช.”

 

เมื่อเร็วๆ นี้ เพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันและMana Nimitmongkol  ได้เผยแพร่บทความเขียนโดยนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT  มีสาระสำคัญความว่า “โกงไม่อายใคร ท้าทายไม่เกรงกลัว” ปรากฏชัดมากขึ้นในปีที่ผ่านมาโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมราชทัณฑ์และ ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานที่น่ากังขา ขณะที่ตำรวจ ป.ป.ป. ก้าวมาเป็นความหวังใหม่ พฤติกรรมฉ้อฉลแบบย้อนยุคของนักการเมืองกำลังหวนคืน กลไกรัฐหลงอำนาจและซื้อขายได้กลายเป็นโอกาสให้เอกชนบางรายเอาเปรียบสังคม ดังปรากฏพบความเกี่ยวข้องกับ 10 คดีคอร์รัปชันหรือกรณีคาบเกี่ยวกับการทุจริตในรอบปี 2566  ประกอบด้วย

  1. คดีส่วยสินบนกรมอุทยานแห่งชาติ อดีตอธิบดีถูกจับพร้อมหลักฐานซองเงินค่าวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งและค่ารักษาเก้าอี้ เงินส่วย เงินทอน และกระเช้าของขวัญจำนวนมาก กรมนี้มีงบประมาณปีละ 1 หมื่นล้านบาท บุคลากร 4 หมื่นคน ดูแลผืนป่า 73.61 ล้านไร่
  2. คดีทุนจีนสีเทา อาชญากรรมข้ามชาติมีเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองสนับสนุน ช่วยเหลือ ปกป้อง นำไปสู่การเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวอื่นๆ เช่น กรณีตู้ห่าวและผับจินหลิง กรณีนายหยู ชิน ซี ที่ตั้งสมาคมเถื่อนเป็นช่องทางจัดหาวีซ่าให้คนจีนเข้าประเทศมากถึง 7 พันคนในช่วงปี 2563 – 2564 กรณีสารวัตรซัว นายตำรวจพัวพันบ่อนออนไลน์เครือข่ายใหญ่ กรณีบ่อนมินนี่และเว็บพนันออนไลน์888 ที่มีนายพลตำรวจสายไอทีมีเอี่ยว จนสังคมสงสัยว่า การที่แก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ระบาดเต็มบ้านเต็มเมืองได้เพราะนายตำรวจหลายคนไปรับเงินจากขบวนการจีนเทาด้วย ใช่หรือไม่
  3. คดีโกดังพลุเถื่อนระเบิดที่บ้านมูโน๊ะ นราธิวาส ทั้งที่ตั้งอยู่กลางตลาดและเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษของทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กอ.รมน. ศอ.บต. จึงเชื่อว่างานนี้ต้องมีคนรับส่วยกินสินบนค่าปิดตามองไม่เห็นแน่นอน ล่าสุดเจ้าของโกดังต้องคดี แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดถูกแจ้งข้อหา คนตาย 11 ราย บาดเจ็บ 389 ราย เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน 649 หลัง โรงเรียน 4 หลัง ยานพาหนะของชาวบ้านอีกจำนวนมาก แม้ทางการระบุมูลค่าความเสียหายไวเพียง 146 ล้านบาท แต่ค่าเสียหายจริงและความบอบช้ำสำหรับชาวบ้านแล้วประเมินค่ามิได้
  4. คดีดัง 2 ส.ว. กับพฤติกรรมใช้อำนาจฉ้อฉล ได้แก่ คดี ส.ว. ซุกกิ๊ก ก่อเรื่องฉาวซ้อมทหารรับใช้หญิงยศสิบโท สะท้อนการเอาเปรียบหลวงของเครือข่ายผู้มีอำนาจในวงการทหาร ตำรวจและการเมืองที่ให้การอุปถัมภ์พวกพ้องอย่างน่ารังเกียจ ถึงปัจจุบันเรื่องเงียบหายไป ส.ว. คนดังไม่มีความผิด และอีกคดีคือ ส.ว. ชื่อดังถูกอัยการสั่งฟ้อง 6 ข้อหาพัวพันเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติและธุรกิจมืดชายแดนพม่าช่วงแรกที่เกิดคดี ประชาชนให้ความสนใจติดตามเป็นอย่างมาก นอกจากตำรวจแล้วยังมีหน่วยงานอื่นเข้าร่วมสอบสวนมากเป็นประวัติการณ์ เช่น ป.ป.ช. สตง. ดีเอสไอ กรมสรรพากร ป.ป.ง. ป.ป.ท. และกระทรวงมหาดไทย
  5. คดีกำนันนก นักธุรกิจท้องถิ่นผู้มีอิทธิพล ช่วง 12 ปี ได้งานจากรัฐ 1,200 โครงการ มูลค่าราว 7 พันล้านบาท คดีนี้พัวพันการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ธุรกิจสีเทา ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง การฟอกเงิน และเครือข่ายบ้านใหญ่ในจังหวัด
  6. คดีหมูแช่แข็งเถื่อน ลักลอบนำเข้าต่อเนื่องมา 3 ปีนับหมื่นตู้คอนเทนเนอร์ รัฐขาดรายได้จากภาษีไม่น้อยกว่า 2.5 พันล้านบาท แต่กระทบต่อความอยู่รอดของผู้เลี้ยงหมูและอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูอย่างรุนแรงชัดเจน คดีนี้พัวพันระหว่างพ่อค้านำเข้า ห้างค้าส่ง โรงงานแปรรูปอาหาร แต่ที่หลบในมุมมืดคือ นักการเมืองใหญ่อดีต รมช. สองกระทรวง กับอีก 3 หน่วยงานรัฐคือ กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมประมง  
  7. กรณีลูกเขยนายชาดา รมช. มหาดไทยถูกจับเพราะเรียกรับเงิน 6 แสนบาทจากผู้รับเหมาฯ งานนี้สังคมอยากรู้ว่า รัฐบาลจะกำจัดผู้มีอิทธิพลหรือกำจัดคู่แข่งของผู้มีอิทธิพลได้ก่อนกัน
  8. คดีเสาไฟกินรี และโครงการประเภท “คิด ทำ ทิ้ง” ทั่วประเทศ เช่น เครื่องออกกำลังกาย เครื่องกรองน้ำและโซล่าเซลล์ ลานออกกำลังกายชุมชน เครื่องผลิตน้ำประปา เสาไฟโซล่าเซลล์ ฯลฯ คดีเสาไฟกินรีเฉพาะที่ อบต. ราชาเทวะเพียงแห่งเดียว จัดซื้อไปแล้ว 871 ล้านบาท ทำให้ประเมินว่าทั่วประเทศมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท แต่มากเท่าไหร่นั้นยากจะระบุชัด เพราะจัดซื้อโดยหน่วยราชการและ อปท. ทั่วประเทศ โดยใช้ชื่อโครงการจัดซื้อหรือเรียกชนิดสินค้าแตกต่างกันอย่างมาก จนปัจจุบันการจัดซื้อเสาไฟกินรียังทำได้ไม่มีข้อห้าม คดีที่ ป.ป.ช. สอบสวนตั้งแต่ปี 2558 ยังไร้บทสรุป สำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ต่างไม่มีข้อกำหนดใดออกมา
  9. กรณีส่วยทางหลวง สติ๊กเกอร์และขบวนการรีดไถรถบรรทุก มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ทั้งตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง ตำรวจท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนถึงอัยการจังหวัดบางคน
  10. กรณีโกงนมโรงเรียน (งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท) อาหารกลางวันเด็ก (งบประมาณ 2.85 หมื่นล้านบาท) ตำราเรียน (งบประมาณ 5.18 พันล้านบาท)

ทั้งนี้ นายมานะระบุว่า ทุกเรื่องมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทุกคนจึงขอเชิญชวนประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง สอดส่อง เพราะจากคดีดังกล่าวสะท้อนภาพชัดเจนว่า ห่วงโซ่คอร์รัปชันโกงกินร่วมกันระหว่างข้าราชการ-นักการเมือง-กลุ่มทุนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ยิ่งการที่คนของรัฐกลับมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คอร์รัปชันเสียเอง ยิ่งจำเป็นต้องอาศัยเจตน์จำนงของผู้นำประเทศเข้มงวด เคี่ยวกรำ กำราบ เพราะหากก้าวข้ามคอร์รัปชันไม่ได้ รัฐบาลคิดทำอะไรก็ยากจะสำเร็จ เพราะคนจ้องจะคดโกงมีมาก จนสังคมไม่ไว้วางใจ ไม่ร่วมมือ

 

 “เพื่อหยุดวิกฤตนี้ รัฐบาลต้องใส่ใจจริงจัง ต่อสู้เชิงรุกโดยประกาศให้การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ จัดตั้งวอร์รูมโดยนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะทำงานร่วมกับภาคประชาชน”  เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวและว่า ขนานกันไปยังจำเป็นต้องอาศัยพลังประชาชนร่วมกันติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังเพื่อให้เกิดผลในทางป้องกัน ทั้งนี้ จาก 10 คดีคอร์รัปชัน สามารถใช้เครื่องมือจับโกงโดยเครื่องมือหลักยังเป็น ACTAi (https://actai.co)  ดังนี้

 

กลุ่มแรก คดีกำนันนก, คดีลูกเขยนายชาดา, คดีก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ, โครงการรถไฟทางคู่, การขยายอาคารผู้โดยสารสนามบิน, คดีเสาไฟกินรี เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง สามารถสืบค้นข้อมูลโครงการที่ “จับโกงจัดซื้อจัดจ้าง” (https://actai.co) และ จับโกงงบ อบจ. https://localbudgeting.actai.co/

 

กลุ่มที่สอง คดีหมูแช่แข็งเถื่อน, คดีสวยสินบนกรมอุทยาน, คดีจับลูกเขยนายชาดา และคดีนักการเมืองครอบครองที่ดินผิดกฎหมาย เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้กับเครือข่าย ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้อมูลนักการเมือง ท่านสามารถสืบค้นความสัมพันธ์เชิงเครือญาติผ่านนามสกุล ได้ผ่านเครื่องมือ “จับโกงเครือข่ายความสัมพันธ์” (http://bit.ly/actai-connection) และเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประวัติการทำงาน การโยกย้ายตำแหน่ง ข้อมูลบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน และความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ผ่านเครื่องมือ “ฐานข้อมูลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูง” (https://poldata.actai.co/) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเพิ่มเติมข้อมูลในระบบ

 

กลุ่มที่สาม กรณีโกงในโรงเรียน ทั้งครู ผู้ปกครอง นักเรียนสามารถเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการส่งเสริมธรรมาภิบาลในโรงเรียนผ่านการลงมือทำ ด้วยการใช้เครื่องมือ “โรงเรียนโปร่งใส” (https://schoolgov.actai.co/)

 

นอกจากนั้น เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ยังได้ตั้งประเด็นถึง เรื่องน่าสงสัยในกระบวนการลงโทษคนโกง ประกอบด้วย (1) กรมราชทัณฑ์ลดโทษ ขออภัยโทษให้นักโทษคดีคอร์รัปชัน รวมถึงปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างเท่าเทียม ไม่มีอภิสิทธิ์ชน เช่นกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ  (2) หลายคดีที่ ป.ป.ช. ชี้ว่ามีมูลความผิดแต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือ สตง. เห็นว่าไม่ผิด หลายคดีที่ศาลตัดสินว่าผิดแต่ให้รอลงอาญา และหน่วยงานต้นสังกัดของจำเลยทำแค่สั่งลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรง (3) คดีนายอิทธิพล คุณปลื้ม หนีไปต่างประเทศ หลังป.ป.ช.ส่งสำนวนถึงอัยการล่าช้ามาก (4) คดีก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ นักการเมืองพ้นผิด แต่ตำรวจติดคุก 8 นาย เช่นเดียวกับ (5) คดีรุกป่าเขาใหญ่ นายสุนทร นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ พ้นผิด แต่ข้าราชการติดคุก (6) นักการเมืองครอบครองที่ดินผิดกฎหมาย แม้หลายคนโดนลงโทษแล้ว แต่ยังเหลืออีกมากกว่า 10 คดีในมือ ป.ป.ช. เช่น ครอบครัวนักการเมืองใหญ่รุกที่ดินการรถไฟที่เขากระโดง บุรีรัมย์

ปิดท้ายด้วย กรณีต้องจับตาในปี 2567 การประมูลงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่  (1) การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ล้มและเลื่อนยาวเพราะเจ้าหน้าที่รัฐทำเรื่องไม่ชอบมาพากลซ้ำซ้อน (2) สัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จบการประมูล 5 ปีแล้วแต่เอกชนผู้ชนะยังขอเจรจาอยู่แล้วแต่เอกชนผู้ชนะยังขอเจรจาอยู่ โดยไม่เปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้สิ่งที่เปลี่ยนไป ถือเป็นการทำลายหลักพื้นฐานการประมูลงานอย่างเป็นธรรม (3) โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน 1.79 แสนล้านบาท ที่ล่าช้า ยืดเยื้อ มากข้อขัดแย้ง (4) สินบนข้ามชาติไม่คืบหน้า สินบนโรลส์รอยซ์ สวนปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซีย เหมืองทอง   (5) โครงการรถไฟทางคู่ที่กำลังก่อสร้างและจะประมูลเพิ่มเติม (6) การขยายอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เฟสสอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

นิด้าเผย โพลส่วนใหญ่ยังหนุน”พิธา” เป็นนายกฯ ส่วนคะแนนพรรค ‘ก้าวไกล’ ความนิยมนำโด่ง

 
 
24 ธันวาคม 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสปี 2566” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

 

                   จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 39.40 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ มีความเป็นผู้นำ เป็นคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ดี บุคลิกดี และเข้าถึงประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 22.35 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความรู้ความสามารถ ตรงไปตรงมา และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 18.60 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 5.75 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคและนโยบายพรรคเพื่อไทย และชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร อันดับ 5 ร้อยละ 2.40 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีความรู้ความสามารถ มีความน่าเชื่อถือ ตรงไปตรงมา และมีความซื่อสัตย์สุจริต อันดับ 6 ร้อยละ 1.70 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ตรงไปตรงมา และชื่นชอบผลงานที่ผ่านมา อันดับ 7 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีประสบการณ์ด้านการบริหารประเทศ และต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ ร้อยละ 3.90 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายชัยธวัช ตุลาธน (พรรคก้าวไกล) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) นายวราวุธ ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน (พรรคประชาธิปัตย์) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนากล้า) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) นายเฉลิม อยู่บำรุง (พรรคเพื่อไทย) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (พรรคไทยศรีวิไลย์) และ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ และร้อยละ 4.25 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

                  ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 44.05 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 24.05 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.10 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 3.60 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 3.20 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 6 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 1.45 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 1.85 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคไทยสร้างไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อไทยรวมพลัง พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคเสรีรวมไทย และร้อยละ 3.95 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

                 เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.60 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.95 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.45 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.75 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.10 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.90 เป็นเพศหญิง

 

                 ตัวอย่าง ร้อยละ 12.90 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.80 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 18.95 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.65 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.70 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.10 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.20 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.70 นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอื่น ๆ

 

                 ตัวอย่าง ร้อยละ 33.25 สถานภาพโสด ร้อยละ 64.80 สมรส และร้อยละ 1.95 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 25.15 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.25 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.45 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 25.05 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 5.10 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 9.10 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.55 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.45 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 12.85 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 15.85 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.55 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 4.65 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

 

                ตัวอย่าง ร้อยละ 21.40 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 21.05 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.65 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.85 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.70 ไม่ระบุรายได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดศูนย์ผ้า ‘ปางห้า’ คงอัตลักษณ์ของผ้าทอเชียงราย แบบที่เรียกว่า “ชิ้นเดียวในโลก” และพิเศษเฉพาะคุณ

 

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2566 สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ จินนาลักษณ์ กระดาษสา เทศบาลตำบลแม่สายและบริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป จำกัด เปิดศูนย์ผ้าปางห้า และร้าน ModalooM ภายใต้ Welcome to Chiang Rai Shop สาขาที่ 3 อย่าง เป็นทางการ ณ ศูนย์ผ้าปางห้า หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

 

สำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า โครงการจำหน่ายสินค้าของสมาชิกสมาคมสตรี นักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย ร่วมกับสินค้า 10 ชาติพันธุ์แม่สาย พัฒนาแผนงานเพื่อส่งเสริมผ้าไทยของจังหวัดเชียงราย แบบเต็มรูปแบบจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ และหลักการนำเสนอตัวสินค้าที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และการเชื่อมโยงการพัฒนาตัวสินค้าให้ตรงตามกับความต้องการของตลาด และยังคง มี อัตลักษณ์ของผ้าทอเชียงรายแบบที่เรียกว่า “ชิ้นเดียวในโลก” และพิเศษเฉพาะคุณ โดยสนับสนุนให้สินค้าและบริการของสมาชิกทำการตลาดและการขาย ให้เป็นไปตามกลไกของสถานการณ์ปัจจุบัน นำของที่ไม่ได้ใช้มาใช้ หรือสินค้าที่มีอยู่เพิ่มช่องทาง เสริม เล็งเห็นจุดเชื่อมในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของสินค้าที่ผลิตในเชียงราย

 

โดยคนเชียงราย ส่งเสริมเชียงราย สร้างงาน สร้างคน สร้างรายได้ ทำอย่างไรที่จะ นำเอา สินค้าต่างๆโดยเฉพาะ เริ่มต้นจากกลุ่มสมาชิก ในการมีส่วนร่วมในผลิตภัณฑ์และบริการให้เกิดการพัฒนาตัวสินค้าให้ถึงความต้องการของลูกค้า ของที่มีประโยนช์เก็บไว้นำมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ ตีตรามาจากเชียงราย รับประกัน คุณภาพ รวมถึงการขยาย ทั้งกลุ่มลูกค้า พัฒนา ทำการตลาดในทุกช่องทาง แบบ ขายตรง ขายส่ง ทั้งในเชียงราย ในไทยและต่างประเทศ

 

การเชื่อมต่อคือ เอาสินค้ามาเสนอขายและเป็น supplier ของ บางธุรกิจในเชียงราย เช่น ผลิตสินค้าใช้ใน ร้านอาหาร และโรงแรม เราสามารถ กล่าวได้ว่า การสนับสนุนสินค้าในจังหวัดเชียงราย ช่วยเหลือสนับสนุนสร้างความยั่งยืน ในจังหวัดก่อน ออกนอกจังหวัด
 
ทั้งนี้ สมาคมสตรี ได้ตั้งทีมบริหารโครงการเพื่อรวบรวมสินค้าของสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมสมาคมสตรีจัดเตรียม พื้นที่ขาย สินค้าของสมาชิกเพิ่มช่องทางการขาย และร่วมในการพัฒนาตัวสินค้า
 
สาขาแรก : เปิดขายภายใต้ชื่อ WELCOME TO CHIANGRAI SHOP ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายเปิดร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าในวันที่ :8 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทย และ นักท่องเที่ยว
 
สาขาที่ 2 : เปิดขายภายใต้ชื่อ WELCOME TO CHIANGRAI SHOP ณ วัดพระธาตุดอยเวา เปิดร้านจำหน่ายสินค้าในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทย ชาวต่างชาติและ นักท่องเที่ยว
 
สาขาที่ 3 เปิดขายภายใต้ชื่อ ModalooM ณ ศูนย์ผ้าปางห้า เปิดร้านจำหน่ายสินค้าในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ นักท่องเที่ยวการส่งออกนอกประเทศ trade การค้า และเปิดกลุ่มลูกค้าทางการค้าส่งออก หรือ ส่งขายนอกพื้นที่เชียงราย เป้าหมายการเปิดร้านจากเชียงรายสู่ทั่วประเทศ อาทิเช่น เซ็นทรัลเชียงใหม่ กรุงเทพ พัทยา และศูนย์การค้าสยามพารากอน ไอคอนสยาม จังชีลอน ภูเก็ต
 
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนประสานงานที่ปรึกษาสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย โทร. 061 659 4540, โทร. 097 135 7074
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพ จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘ครูบาอริยชาติ’ นำพระเกจิ ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกเหรียญ ‘บิ๊กต่อ’ ร่วม

 
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.66 ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ ได้จัดทำพิธี บวงสรรวงเทพยดา และพิธีมหาพุทธาภิเษก เจริญพุทธมนต์เหรียญอาร์ม ตราโล่ตำรวจ รุ่น “ต่อศักดิ์ ต่อบารมี” โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆาราวาส นำข้าราชการตำรวจ พุทธศานิกชน ประชาชนทั่วไป เข้าร่วมในพิธีจำนวนมาก ที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
 
 
 
ซึ่งการจัดสร้างเหรียญดังกล่าวมีวัตถุประสงฆ์เพื่อนำรายได้มอบให้สาธารณกุศล ตามแต่ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เห็นสมควร และจัดซื้อ อุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลตำรวจ มอบปัจจัยให้กับสมาคมแม่บ้านตำรวจ เพื่องานสาธารณกุศล และสมทบทุนก่อสร้างพระมหาเจดีย์ วัดแสงแก้วโพธิญาณ
 
 
 
สำหรับพระมหาเจดีย์ “พระมหาเจติยะธาตเจ้าเจดีย์” มีความสูง 119 เมตร สร้างในเนื้อที่ 4 ไร่ มีขนาด 9 ชั้น กว้าง 65 เมตร ยาว 65 เมตร สามารถขึ้นไปชมความสวยงามได้ 7 ชั้น ออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมล้านนา ผสม พม่า ภายในออกแบบ สถาบัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาหลายๆ ประเทศ จนสุดท้ายไปสิ้นสุดที่อินเดีย ชั้นที่ 7 จะประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธเมตตาหยกแคนนาดา องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หน้าตัก 75 นิ้ว ให้ญาติโยมเข้าไปสักการะได้
 
 
โดยมีการจัสร้างเหรียญ ชุดประธานอุปถัมภ์จำนวน 108 ชุด เนื้อทองคำบริสุทธิ์นำฤกษ์ จำนวน 9 เหรียญ เนื้อทองคำลงยา แดง เขียว น้ำเงิน รวม 52 เหรียญ เนื้อทองคำบริสุทธิ์ฝังเพชร จำนวน 9 เหรียญ เนื้อน้ำเงินลงยาน้ำเงินหน้ากากทองคำ 1 ด้าน จำนวน 299 เหรียญ เนื้อเงินลงยาแดงขอบดำ จำนวน 499 เหรียญ เนื้อเงินบริสุทธิ์ จำนวน 599 เหรียญ เนื้อนวะโลหะลงยาแดงหน้ากากเงิน จำนวน 666 เหรียญ เนื้อนวะโลหะจำนวน 99 9 เหรียญ เนื้อมหาชนวนชุบสามกษัตริย์จำนวน 666 เหรียญ ชุดกรรมการ จำนวน 1499 ชุด เนื้อทองแดงรมดำโบราณ จำนวน 9999 ชุด และเหรียญสำหรับแจกมีสองรายการคือเนื้อมหาชนวน จำนวน 5555 เหรียญและเนื้อมหาชนวนกะไหล่ทองวงเล็บกรรมการ จำนวน 5555 เหรียญ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘ลาลีวรรณ’ นำทีม ก.วัฒนธรรม ลงพื้นที่มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 2023 เชียงราย

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 ณ พื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื้อเยี่ยมชมงานศิลปะโครงการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ต้อนรับคณะและนำชมงานศิลปะของศิลปิน จำนวน 4 แห่ง ดังนี้

  1. ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า รัชกาลที่ 5 ตำบลเวียง
  2. ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ตำบลห้วยสัก
  3. หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) ตำบลริมกก
  4. ขัวศิลปะเชียงราย ตำบลริมกก

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพัชรนันท์ แก้วจินดา ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ติดตามและอำนวยความสะดวกให้แก่คณะผู้บริหาร ดังกล่าว

จังหวัดเชียงราย ร่วมกับ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินงานโครงการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมต่อยอด และแสดงศักยภาพในการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัยของศิลปิน บูรณาการความร่วมมือเชิงรุกของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นการใช้มิติทางศิลปะสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้จากต้นทุนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม  

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

กีฬาสัมพันธ์ตำบลสถาน เชียงของ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว

 
เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 09.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ตำบลสถาน ประจำปี 2566 ณ โรงเรียนบ้านน้ำม้า อ.เชียงของ จ.เชียงราย พร้อมด้วยนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายวสุพล จตุรคเชนทรเดชา ส.อบจ.เชียงราย อ.เชียงของ เขต 1 โดยมีนายช่วง กันทะ นายก อบต.สถาน เป็นผู้กล่าวต้อนรับ นายประเสริฐ สมทะนะ กำนันตำบลสถาน เป็นผู้กล่าวรายงาน และ นายอภิรมย์ บุญต่อม ผอ.รพ.สต.น้ำม้า นายปรีชา ก๋าเงิน อดีตกำนันตำบลสถาน นายธีระประสิทธิ์ เดชะนัน นายกพุทธ สมาคม จ.เชียงราย สาขาเชียงของ ผอ.รร.ในพื้นที่ บุคลากรศูนย์เครือข่ายการศึกษา ต.สถาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สมาชิกสภา ทต.สถาน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย
 
การแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ตำบลสถาน จัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนในศูนย์เครือข่ายการศึกษาตำบลสถานได้แสดงความสามารถในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ และอย่างทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนในตำบลสถานได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว โดยการเล่นกีฬาและห่างไกลจากสารเสพติด เพื่อให้เยาวชนและประชาชนในตำบลสถาน รักและสามัคคี มีความสมานฉันท์ซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนาทักษะด้านกีฬาแก่เยาวชนและประชาชน ในเขตตำบลสถาน นายก นก ได้ร่วมชม ขบวนพาเหรด การแสดง ของน้องๆนักเรียนและสมาชิกแม่บ้าน พร้อมมอบเงินรางวัลสนับสนุนให้แต่ละการแสดงเพื่อเป็นกำลังใจในการจัดแสดงครั้งต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เปิดเพลงในร้านฟินฟรียกคลังไม่ยั้ง ถึง 15 มี.ค. 67

 

สสว. DIP และ PNR ลงนาม MOU เรื่องช่วยเอสเอ็มอีลดค่าใช้จ่ายเรื่องลิขสิทธิ์ มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้เอสเอ็มอีที่เป็นสมาชิก สสว. เปิดเพลงยกคลัง ฟินฟรีไม่ยั้ง 3 เทศกาล “ปีใหม่ ตรุษจีน และ วาเลนไทน์ ” เพื่อช่วยเรื่องส่งเสริมการขาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สสว. กรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป. หรือ DIP) และ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (PNR) เพื่อมอบสิทธิพิเศษในลิขสิทธิ์เพลงแก่ผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก สสว.

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)กล่าวว่า สสว. ตระหนักถึงความสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ในการประกอบธุรกิจ และเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการ จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จึงได้จัดทำงานพัฒนาสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการ MSME ภายใต้แนวคิด SME Privilege Club คลับพิเศษสำหรับ SME ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์ในการทำธุรกิจด้านต่างๆ

“การลงนาม MOU ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในสถานประกอบการ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและประโยชน์ รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำในการเข้าถึงงานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง และเป็นรูปธรรม การเชื่อมโยงพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้กับผู้ประกอบการ โดย สสว. จะประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์หรือบริการ และกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นประโยชน์แก่เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนเอสเอ็มอีผู้รับบริการภาครัฐ ผ่านสื่อต่างๆ ของ สสว. รวมถึงคัดเลือกและเชิญ
เอสเอ็มอี และวิสาหกิจรายย่อย ที่เป็นผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนผู้รับบริการภาครัฐ เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ” ผอ.สสว. ระบุ

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ผู้ประกอบการ SME
ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้องปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้คล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค วิธีการหนึ่งที่ได้ผลก็คือการเปิดเพลงในสถานประกอบการ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี สร้างความแตกต่าง และเพิ่มความน่าสนใจให้กับกิจการของตน อย่างไรก็ดี จากการที่เพลงต่างๆ เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์

 

โดยที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าใช้สิทธิให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้มีอำนาจจัดเก็บตามกฎหมาย ซึ่งเป็นต้นทุนทางธุรกิจประการหนึ่ง กรมทรัพย์สินทางปัญญา สสว. และโฟโนไรทส์ (PNR) จึงร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการ ที่เป็นสมาชิกของ สสว. ให้ได้ใช้งานเพลงที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องในราคาพิเศษ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ สร้างความตระหนักเกี่ยวกับการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งยังจะเป็นการสร้างธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงได้อีกทางหนึ่ง

 

นายคเณศวร์ เพิ่มทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัท โฟโนไรทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า PNR Music Delivery Service เป็นบริษัทบริหารลิขสิทธิ์เพลงเผยแพร่ต่อสาธารณชนและการจัดส่งเพลงในสถานประกอบการให้ค่ายเพลงสากล และ ค่ายเพลงไทยคุณภาพ กว่า 60 ค่าย มีเพลงในระบบกว่า 30 ล้านเพลง ขอมอบของขวัญให้กับผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงการใช้เพลงในสถานประกอบการอย่างถูกลิขสิทธิ เพื่อต้อนรับ 3 เทศกาลใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยของขวัญกล่อง ที่ 1 คือ ทดลองใช้บริการเปิดเพลงในสถานประกอบการ จาก PNR ฟรี จนถึงวันที 15 มีนาคม 2567 และ ของขวัญกล่องที่ 2 หากสถานประกอบการต้องการเปิดเพลงต่อไป สามารถสมัครแพ็กเกจรายปี ในราคาสุดพิเศษ เริ่มต้นเพียงวันละ 14 บาทเท่านั้น หรือลดสูงสุด 55% โดยได้รับความร่วมมือจากทาง บริษัท เอ็มพีซี มิวสิค จำกัด (MPC) ตัวแทนจัดเก็บค่าบริการจ่ายจบครบที่เดียว หมดกังวล ถูกลิขสิทธิ์ 100% และ บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี ประเทศไทย จำกัด (MCT) ดำเนินงานด้านบริหารจัดการสิทธิในงานดนตรีกรรมของนักประพันธ์

 

ผู้ประกอบการสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ www.sme.go.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : https://www.sme.go.th/

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News