Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ตรวจสอบเหตุคุ้มคลั่งเมืองเชียงราย ตามเหตุแจ้งความมั่นคง สายด่วน 1374

ตรวจสอบเหตุคุ้มคลั่งเมืองเชียงราย ตามเหตุแจ้งความมั่นคง สายด่วน 1374

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ พร้อมด้วยกำลังพล กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย ร่วมกับชุดปฏิบัติการนรสิงห์ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ชุดปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบตามการแจ้งเหตุเบาะแสความมั่นคง สายด่วน 1374 เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา กรณีที่มีบุคคลเสพกัญชาและยาบ้า จนมีอาการหลอนอารมณ์ฉุนเฉียนคุ้มคลั่ง เหตุเกิด ณ บ้านเลขที่ 66 ม.13 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 

ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่หลังบริเวณ ร.ร.เทศบาล 4 มีประชาชนแจ้งร้องเรียนมราบชื่อภายหลัง คุณฉัตรทริกา (สงวนนามสกุล) เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่ปลอดภัยกับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบทราบว่าผู้แจ้งเหตุเป็นพี่สาวของบุคคลดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า นายณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) โดยมีประวัติการเสพกัญชามาเป็นเวลา 6 ปี และมีใบส่งตัวไปรับการตรวจรักษา ณ รพ.สวนปรุง จ.เชียงใหม่ เมื่อ 18 พ.ค.66 ที่ผ่านมา โดยนายณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) มีความประสงค์ที่จะทำบัตรประชาชนใหม่ เพื่อใช้ในการสมัครงานหลังจากเข้ารับการรักษาตามคำสั่งของแพทย์

ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 ชุดปฏิบัติการนรสิงห์ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองเชียงราย ได้อำนวยความสะดวกให้กับ นายณัฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) ไปทำบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย จ.เชียงราย และทางด้านครอบครัวจะได้ส่งตัวไปรักษาในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

กอ.รมน. จ.เชียงราย ถอดบทเรียน ปัญหาไฟป่าหมอกควันประจำปี 2566

กอ.รมน. จ.เชียงราย ถอดบทเรียน ปัญหาไฟป่าหมอกควันประจำปี 2566

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 น. พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าวฯ เข้าร่วมการประชุมถอดบทเรียนหลังการปฏิบัติ AAR การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันร่วมกับ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย,ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย,เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย,เกษตรจังหวัดเชียงราย,สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ Zoom Meeting ร่วมกับ ศอ.ปกป.ภาค 3 โดยมี พล.ท.วีรวัฒน์ วิวัฒน์วานิช รอง ผอ.ศอ.ปกป.ภาค 3 เป็นประธานการประชุม ณ ศอ.ปกป.ภาค 3 /นาย สุรศักดิ์ วณิชอนุกูล ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อม ทสจ.ชร. เป็นประธานจังหวัดเชียงรายฯ ณ ห้องประชุม กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. ชั้น2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 ร่วมคณะอาจารย์ และนักศึกษา ทำกิจกรรมศึกษาป่าชุมชนบ้านห้วยหยวกป่าโซ

มทบ.37 ร่วมคณะอาจารย์ และนักศึกษา ทำกิจกรรมศึกษาป่าชุมชนบ้านห้วยหยวกป่าโซ

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา เวลา 09.00 น. ร.ต.วชิรศักดิ์ ตันชัยสิริมณีกุล หน.ชป.บ้านห้วยหยวกป่าโซ พร้อมด้วยกำลังพล ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ คณะอาจารย์ และนักศึกษาจากชมรมอนุรักษ์สัตว์ป่าและป่าไม้ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ทำกิจกรรมศึกษาป่าชุมชนบ้านห้วยหยวกป่าโซ ณ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ.ห้วยหยวกป่าโซ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

รางวัลการประกวดธิดาชาวสวน เทศกาลลิ้นจี่และของดีจ.เชียงราย ปี 66

รางวัลการประกวดธิดาชาวสวน เทศกาลลิ้นจี่และของดีจ.เชียงราย ปี 66

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการมอบรางวัลการประกวดธิดาชาวสวน ในงานเทศกาลลิ้นจี่และของดีจังหวัดเชียงราย ณ เทศบาลตำบลแม่จัน ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 – 28 พฤษภาคม 2566 โดยการจัดงานดังกล่าวเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่าง อบจ.เชียงราย และเทศบาลตำบลแม่จัน โดยเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ จำหน่ายผลผลิตถึงมือผู้บริโภค โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ในการนี้ นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น สมาชิกสภา อบจ. อำเภอแม่จัน เขต 1 ร่วมด้วย

 
การประกวดธิดาชาวสวนในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประกวดรวม 9 สาวงาม โดยมีผลการประกวด ดังนี้
 
รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวศุณิษรา อินต๊ะมารค
 
รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นางสาวนัทธมน พาดา
 
รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวกุลกันยา อาจอ
 
รางวัลขวัญใจประชาชน ได้แก่ นางสาวปภาดา พรหมณี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

สนง.คุมประพฤติ สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1

สนง.คุมประพฤติ สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นางภัทราวดี สุทธิธนกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ สานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด รุ่นที่ 1 โดยมีนางสุรีย์ ภู่เพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และอาสาสมัครคุมประพฤติ เข้าร่วมพิธี

ตามที่กรมคุมประพฤติ ได้ให้สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงรายดำเนินการแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด ภายใต้โครงการสานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด ซึ่งเป็นการอบรมเชิงจิตวิทยาเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และดำเนินการในลักษณะกลุ่มสัมพันธ์สันทนาการ เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้สำรวจตนเอง พร้อมทั้งความสามารถของตนเองอันนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และได้รับการเสริมสร้างทักษะในการตัดสินใจ ทักษะการแก้ปัญหา และได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 
 
โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วยผู้ถูกคุมความประพฤติที่ศาลมีคำสั่งให้นำเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติมาใช้แทนการลงโทษตามมาตรา 166 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิดคดียาเสพติดหรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่ศาลมีคำสั่งให้คุมความประพฤติตามมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือผู้ถูกคุมความประพฤติที่ได้รับการปล่อยตัวพักการลงโทษและลดวันต้องโทษในฐานความผิดคดียาเสพติด และมีผลการประเมินความเสี่ยงปานกลาง จำนวน 40 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ วิทยากร และผู้สังเกตการณ์ รวม 54 คน
.
โครงการสานสัมพันธ์ น้อง-พี่ เสริมพลังต้านยาเสพติด เป็นการดำเนินการภายใต้กระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติ ที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญทางด้านการป้องกันและปราบปรามรวมถึงแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติดและผู้ติดยาเสพติดปัจจุบันใช้กระบวนการทางระบบสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยเหลือให้ผู้เสพและผู้ติดยาได้เข้ารับการบำบัดรักษา โดยเข้าโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟูและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สามารถกลับมาใช้ชีวิต ร่วมกับครอบครัวและสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

คณะวุฒิสภาศึกษาดูงาน โรงเรียนนิคม สร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย

คณะวุฒิสภาศึกษาดูงาน โรงเรียนนิคม สร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.30 นาฬิกา คณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา นำโดย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พร้อมคณะ เดินทางศึกษาดูงาน ณ โรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังประวัติความเป็นมา การดำเนินงาน และศึกษาความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียนโรงเรียนนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวเขา ซึ่งอยู่ในเครือมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมทั้งมอบทุนการศึกษาและสิ่งของบริจาคให้กับโรงเรียน โดยมีนายเกียรติณรงค์ มงคลดี ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู และนักเรียน ให้การต้อนรับ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

เชียงราย มอบโล่เกียรติคุณอาสาดับไฟป่า ในวาระการประชุมกรมการจังหวัด

เชียงราย มอบโล่เกียรติคุณอาสาดับไฟป่า ในวาระการประชุมกรมการจังหวัด

Facebook
Twitter
Email
Print
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ก่อนวาระการประชุมกรมการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ประจำจังหวัดเชียงราย นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน ครั้งที่ 5/2566 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานมอบโล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดับไฟป่า ให้แก่ มูลนิธิกระจกเงา 

เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ยกย่องและเชิดชูเกียรติ แบบอย่างที่ดีแก่สังคม โดยมีนายครรชิต ชมภูแดง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงานพร้อมนำเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิกระจกเงาเข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณฯ ตามที่จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 

ซึ่งได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตั้งแต่ห้วงเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมา พร้อมทั้งได้บังคับใช้กฎหมายและมาตรการควบคุมการเผาในระดับสูงสุด ในห้วงห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2566 รวมระยะเวลา 75 วัน ซึ่งการบริหารสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันของจังหวัดเชียงราย ในปี 2566 นี้ 

สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เข้าสู่ภาวะปกติได้ เนื่องด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา การขับเคลื่อนและการประสานงานการปฏิบัติในทุกภาคส่วนและทุกระดับ โดยมูลนิธิกระจกเงา เป็นภาคประชาสังคมอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการระงับเหตุไฟป่า ลาดตระเวน และจัดทำแนวกันไฟ ด้วยความมุมานะ อุตสาหะ และอุทิศตนโดยยึดถือประโยชน์ของการปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้และคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเชียงรายเป็นสำคัญ จนผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนทั่วไป

 

หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้มอบทุนอุปการะเด็กยากจนและด้อยโอกาสของกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566 ของหน่วยงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย โดยมีนายวิทยา ชมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย นำผู้เข้ารับมอบทุนฯ จากอำเภอเมือง อำเภอเวียงชัย อำเภอเชียงของ อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอป่าแดด อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเวียงแก่น อำเภอขุนตาล อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ลาว อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง และ อำเภอแม่สรวย รวมทั้งสิ้น 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย เข้ารับมอบทุนฯ

 

นายวิทยา ชมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดตั้งกองทุนพัฒนาเด็กชนบทขึ้นเมื่อปี พ.ศ 2522 เพื่อเป็นกองทุนในการช่วยเหลือเด็กก่อนวัยเรียน ที่ครอบครัวมีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในชนบท ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาเด็ก เพื่อให้เด็กในชนบทได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึง ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณารับกองทุนพัฒนาเด็กชนบทไว้ในพระราชูปถัมภ์ 


โดยพระราชทานพระราชานุญาติให้ใช้ชื่อว่า “กองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพฯพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” และกองทุนได้จัดกิจกรรมเพื่อหารายได้สมทบกองทุนฯ ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยในส่วนของจังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการทอดผ้าป่าสมทบกองทุนฯ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ณ วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งยอดบริจาคสมทบเป็นเงิน 435,348 บาท และนำดอกผลของเงินทุนฯ ดังกล่าว ช่วยเหลือเด็กก่อนวัยเรียน 


โดยมอบเป็นทุนช่วยเหลือเด็กยากจนและด้อยโอกาสเป็นประจำทุกปี และปัจจุบันมีทรัพย์สินกองทุนฯ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 จำนวน 3,866,140.22 บาท ดังนี้ บัญชีเงินฝากธนาคารกรุง ไทยประเภทเงินฝากออมทรัพย์ จำนวนเงิน 859,431.01 บาท บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ฝากประจำ จำนวนเงิน 865,221.93 บาท และตั๋วสัญญาใช้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์กรมการพัฒนาชุมชน จำกัด จำนวน 1 ฉบับ เป็นเงิน 2,141,487.28 บาท โดยกองทุนพัฒนาเด็กชนบทO จังหวัดเชียงราย ได้จัดสรรให้เด็กที่อยู่ในครัวเรือนตกเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ปี 2565 จำนวน 34 ราย และให้อำเภอคัดเลือกเด็กที่อยู่ในครัวเรือนขากจน อำเภอละ 5 ราย รวม 90 ทุน รวมทั้งสิ้น จำนวน 164 ทุนๆ ละ 1,500 บาท รวมเป็นเงิน 246,000 บาทถ้วน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

รักษาความมั่นคง ครม. บริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ

รักษาความมั่นคง ครม. บริหารจัดการ การทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ

Facebook
Twitter
Email
Print

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (30 พฤษภาคม 2566) รับทราบการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ ดังนี้
 
1. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว  3 สัญชาติ (กัมพูชา
และเมียนมา) ซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU)  ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ซึ่งวาระการจ้างงานครบ  4 ปี
– กลุ่มเป้าหมาย :   คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูซา ลาว และเมียนมา) ที่เข้ามาทำงานตาม MOU ที่วาระการจ้างงานครบกำหนด 4 ปี ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 – 31 ธันวาคม 2565  และที่ครบกำหนด 4 ปี ระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2566 – 31 กรกฎาคม 2566
– แนวทางการดำเนินการ :  ผ่อนผันให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 โดยใช้หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน หรือเอกสารตามที่กรมการจัดหางานกำหนดเป็นหลักฐานแสดงการผ่อนผัน  ซึ่งระหว่างการผ่อนผันนี้ ให้นายจ้างรายเดิมหรือรายใหม่ที่ประสงค์ จะจ้างคนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย ดำเนินการขออนุญาตนำคนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายซึ่งได้รับการผ่อนผันเข้ามาทำงานตาม MOU ควบคู่ไปด้วย  ทั้งนี้ ให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายที่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด สามารถเดินทางกลับประเทศได้ หรือเมื่อครบกำหนดการผ่อนผันแล้วให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายเดินทางกลับประเทศต้นทางโดยไม่มีความผิด
 
2. การขยายระยะเวลาจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและการตรวจลงตรา ของคนต่างด้าว 4 สัญชาติ (ก้มพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์  2566 ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทน หนังสือเดินทาง และการตรวจลงตรา ได้ทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566
– กลุ่มเป้าหมาย  :  คนต่างด้าว  4 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  5 กรกฎาคม 2565 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งไม่สามารถจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือไม่สามารถประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ทันภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566
– แนวทางการดำเนินการ  : ผ่อนผันให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษและทำงานเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 โดยให้ใช้ใบรับคำขออนุญาตทำงานฉบับเดิมเป็นหลักฐานการผ่อนผัน  และเมื่อได้รับหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแล้ว ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจลงตรา และตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 และตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566
 
อย่างไรก็ตาม  เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว  ให้กระทรวงแรงงานเสนอเรื่องเพื่อพิจารณายกเลิกมติคณะรัฐมนตรีหรือปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
 
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จะประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง ผู้ประกอบการ แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องให้รับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง และขั้นตอนการดำเนินการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานตามระบบ MOU  รวมทั้งการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏหมายคนเข้าเมืองและกฏหมายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว 3 สามสัญชาติ กัมพูชา ลาวและเมียนมา เพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นการผ่อนผันให้นายจ้างและแรงงานต่างด้าว กลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องการทำงานต่อไป มีระยะเวลดำเนินการจัดทำเอกสารในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน  โดยเมื่อคนต่างด้าวเดินทางกลับประเทศต้นทางแล้วจะสามารถเข้ามาทำงานได้ตาม MOU ครั้งใหม่  ทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนนายจ้าง  สถานประกอบการที่ยังต้องการจ้างแรงงานเหล่านั้นต่อ โดยแรงงานยังอยู่ในกำกับและการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งนี้    เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับระบบเศรษฐกิจไทย  หลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลายและกันและยังเป็นประโยชน์เป็นผลให้คนงานต่างด้าวหลับได้รับการทำงานได้รับการจัดงานโดยถูกต้องตามกฏหมายต่อไปโดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ปัญหาการจัดการแรงงานต่างด้าวครั้งนี้ว่า   เป็นไปตามภายใต้กรอบระยะของรัฐบาลชุดปัจจุบัน 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

มติ ครม. ประกันรายได้ชาวสวน พร้อมดันส่งออกน้ำมันปาล์มลดผลผลิตส่วนเกิน

มติ ครม. ประกันรายได้ชาวสวน พร้อมดันส่งออกน้ำมันปาล์มลดผลผลิตส่วนเกิน

Facebook
Twitter
Email
Print

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (30 พฤษภาคม 2566)  รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 โดยมีพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ  เป็น ประธานในการประชุม  ได้ทบทวนและพิจารณา และมีมติเห็นชอบดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 2566 และโครงการประกันรายได้ เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565-2566   จากการคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตอาจได้มากกว่าความต้องการใช้ในแต่ละเดือน เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของราคาและกระทบต่อรายได้   สรุปรายละเอียด ดังนี้
 
1. โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 2566 
 
(1) วัตถุประสงค์  :  เพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกินในประเทศให้เข้าสู่ระดับสมดุล และยกระดับราคาปาล์มทะลายที่เกษตรกรขายให้สูงขึ้น
(2) การดำเนินโครงการ  สนับสนุนค่าบริหารจัดการการส่งออกเฉพาะปาล์มน้ำมันดิบ 150,000 ตัน เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ และค่าปรับปรุง โดยมีเงื่อนไขการสนับสนุนค่าบริหารจัดการส่งออก เมื่อระดับสต็อก น้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหาร จัดการมีความยืดหยุ่นและทันต่อเหตุการณ์ เห็นควรกำหนดให้ เงื่อนไขระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำไว้ที่ 250,000 ตัน และให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณา
(3) งบประมาณและแหล่งงบประมาณ  : 309 ล้านบาท (งบกลางฯ) แบ่งเป็น ค่าบริหารจัดการให้แก่ผู้ส่งออกตามโครงการ ปริมาณ 150,000 ตัน อัตรากิโลกรัมละ 2 บาท รวมเป็น 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของส่วนราชการ 9 ล้านบาท (ไม่เกินร้อยละ 3 ของวงเงินดำเนินการ)
(4) ระยะเวลาดำเนินการ   ระยะเวลาส่งออก ตั้งแต่ได้รับการอนุมัติ-กันยายน 2566 โดยระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ได้รับการอนุมัติ-ธันวาคม 2566
 
2. โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565-2566
 
(1) วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปัญหาผลผลิตล้นตลาด และราคาผลผลิตตกต่ำ
(2) การดำเนินโครงการ   ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในกรณีที่ราคาขายปาล์มน้ำมัน ในประเทศตกต่ำผ่านการประกันราคาปาล์มน้ำมัน (ผลปาล์มทะลาย อัตราน้ำมันร้อยละ18) ราคา กก. ละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และต้องเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้ว โดยจะจ่ายเงินชดเชย ส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาตลาดอ้างอิงให้แก่เกษตรกร ทุก 30 วัน
(3) งบประมาณและแหล่งงบประมาณ  : 3,133.17  ล้านบาท (ธ.ก.ส. สำรองจ่ายจากแหล่งเงินทุนของ ธ.ก.ส. และขอรับจัดสรรงบฯ ประจำปี เพื่อให้รัฐบาลชำระคืนตามที่เกิดขึ้นจริง) แบ่งเป็น วงเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ 3,075.00 ล้านบาท และวงเงินบริหารจัดการของ ธ.ก.ส.  58.17 ล้านบาท
(4) ระยะเวลาดำเนินการ   ระยะเวลาการจ่ายเงิน เดือน กันยายน  2565 – สิงหาคม 2566 โดยระยะเวลาโครงการ เดือน กันยายน 2565 -ธ.ก.ส. ได้รับการชดเชยงบฯ ตามที่ทดรองจ่าย
 
ทั้งนี้  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ. 2563  รวมถึงพิจารณากรอบวงเงินงบฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตาม ม. 28  แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ด้วย
 
นอกจากนี้  ที่ประชุม กปน.  ยังหารือถึงแนวทางการจัดทำโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม  เพราะเดิมราคาปาล์มน้ำมัน ซึ่งยังไม่มีการกำหนดโครงสร้างราคาที่แน่นอน ใช้อ้างอิงจากราคาของความต้องการในตลาด (Demand-Supply) ซึ่งมีความผันผวนไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ของราคาน้ำมันปาล์มและรายได้ของเกษตรกร  จึงมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม  และ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สนับสนุนทุนเพื่อศึกษาสมการโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้ง พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน รวมทั้งให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ยกร่างคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานร่วมภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรในจำนวนที่เท่าเทียมกัน เสนอประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
All

ศุลกากรนิวซีแลนด์ลงนามโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ

ศุลกากรนิวซีแลนด์ลงนาม โครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2566  นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร และ Ms. Christine Stevenson ตำแหน่ง Comptroller and Chief Executive ของศุลกากรนิวซีแลนด์ ได้ลงนามความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangement: MRA) สำหรับโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอ (Authorized Economic Operators: AEO) ระหว่างกรมศุลกากรและศุลกากรนิวซีแลนด์ ในการประชุม WCO Asia Pacific Regional Head of Customs Administration Conference ครั้งที่ 24 ณ เมืองเพิร์ท เครือรัฐออสเตรเลีย

สำหรับผลจากการลงนามในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ส่งของออกระดับมาตรฐานเออีโอของประเทศไทยได้รับการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร เมื่อส่งของออกไปยังประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งความตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangement: MRA) ฉบับนี้  จัดเป็นความตกลงฯ ในระดับทวิภาคี ลำดับที่ 6 ที่ประเทศไทยได้ลงนามโดยสมบูรณ์ ร่วมกับหน่วยงานศุลกากรของประเทศต่าง ๆ ต่อจาก เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศนิวซีแลนด์ มีความเข้มแข็งด้วยมูลค่าทางการค้ารวมทั้งสิ้น กว่า 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (รอบปีบัญชี มิถุนายน 2565) ดังนั้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและการค้าระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศ กรมศุลกากรและศุลกากรนิวซีแลนด์จึงได้เริ่มการเจรจาการจัดทำความตกลงดังกล่าว ตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม ปี 2564 และได้ดำเนินการตรวจสถานประกอบการร่วมกัน (Joint Site Validation) ในปี 2565
         
ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้ดำเนินโครงการผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอตามกรอบมาตรฐานความปลอดภัย SAFE Framework of Standards to Secure and Facilitate Global Trade (SAFE Framework) ขององค์การศุลกากรโลก (World Customs Organization: WCO) มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายขยายการจัดทำ MRA กับหน่วยงานศุลกากรของประเทศอื่น ๆ ต่อไป เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการระดับมาตรฐานเออีโอของประเทศไทยต่อไป

AEO-MRA Signing Ceremony between the Customs Department of the Kingdom of Thailand and the New Zealand Customs Service

On 29 May 2023, Mr. Patchara Anuntasilpa, Director-General of the Thai Customs Department and Ms. Christine Stevenson, Comptroller and Chief Executive of the New Zealand Customs Service have officially signed the Mutual Recognition Arrangement (MRA) on Authorized Economic Operators (AEO) between the Customs Department of the Kingdom of Thailand and the New Zealand Customs Service at the 24th World Customs Organization regional heads meeting held in Perth, Australia. Upon the execution of this MRA, Thai AEOs would be able to enjoy the benefits of trade facilitation on customs procedures when exporting to New Zealand. This MRA will become the 6th fully executed MRA that Thailand has entered into, following the MRAs with other customs administrations; Hong Kong, South Korea, Singapore, Australia, and Japan.

Thailand and New Zealand has been having a well-established trading relationship, with two-way trade worth $4.4 billion for the year ended in June 2022. Accordingly, to enhance the cooperation between the customs administrations to strengthen the security and the efficiency of the supply chain, as well as the international trade, the Thai Customs Department and the New Zealand Customs started the negotiation on this MRA in May 2021, and both continued to conduct Joint-site Validation in 2022.

Thai Customs Department has been implementing the AEO program under the SAFE Framework of Standards to Secure and Facilitate Global Trade, governed by World Customs Organization, and will continue working toward establishing MRAs with other customs authorities to facilitate international trade for Thai AEOs.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมศุลกากร 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News