Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งรับมือไฟป่า หมอกควัน PM2.5 สร้าง “เชียงรายฟ้าใส”

เชียงรายเตรียมพร้อมรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ตั้งแนวทาง “เชียงรายฟ้าใส” 3 ระยะ

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สำหรับปี 2568 โดยมีคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และวางแผนการบริหารจัดการปัญหาในปีนี้

แนวทางการขับเคลื่อนมาตรการ “เชียงรายฟ้าใส” จังหวัดเชียงรายได้กำหนดมาตรการสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

  1. ระยะเตรียมความพร้อม
    ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน การจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยง และการเตรียมชุดปฏิบัติการเผชิญเหตุให้พร้อม
  2. ระยะเผชิญเหตุ
    ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดจากการเผาในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร โดยมุ่งเน้นการเฝ้าระวัง การใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับจุดความร้อน (Hotspot) และการจัดการเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ
  3. ระยะฟื้นฟู
    ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 ตุลาคม 2568 โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน พร้อมทั้งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

การดำเนินงานใน 3 พื้นที่เป้าหมาย

  • พื้นที่ป่า: จัดตั้งชุดลาดตระเวนและปฏิบัติการดับไฟป่า พร้อมเพิ่มการตรวจจับจุดเผาไหม้
  • พื้นที่เกษตร: ส่งเสริมการทำเกษตรปลอดการเผา และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุเกษตร
  • พื้นที่เมือง: เพิ่มจุดแจกหน้ากากอนามัยและสถานที่ปลอดฝุ่น PM2.5 พร้อมจัดทำศูนย์ข้อมูลและศูนย์ประชาสัมพันธ์ร่วม

การประชาสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง นายประเสริฐเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อกฎหมาย สิทธิประโยชน์ มาตรการต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจ เพื่อป้องกันการละเมิดข้อกำหนดและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชน

มาตรการเสริมสร้างความร่วมมือ จังหวัดเชียงรายได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของการบริหารจัดการปัญหา นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีตรวจจับจุดความร้อนจากภาพถ่ายดาวเทียม และจัดอบรมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงาน

ผลกระทบและเป้าหมาย ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ มาตรการ “เชียงรายฟ้าใส” จึงมุ่งหวังลดความรุนแรงของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

บทสรุป จังหวัดเชียงรายมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับพื้นที่จังหวัดเชียงรายและภูมิภาคโดยรอบ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส เดินหน้าปราบบุหรี่ไฟฟ้า ปกป้องเยาวชน

เชียงรายเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบบุหรี่ไฟฟ้าปกป้องเยาวชน

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อต่อต้านและจัดการกับปัญหาการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน

เหตุการณ์การจับกุมร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้า

การปฏิบัติการในครั้งนี้ เกิดจากการสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านร้านค้าในพื้นที่ ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน LINE และจัดส่งผ่านไรเดอร์ เพื่อปกปิดการกระทำผิด

ร้านที่เป็นเป้าหมายตั้งอยู่ใกล้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง

การปฏิบัติการจับกุม

ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าฯ ชรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง ได้แก่

  • นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย
  • พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงราย

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจวางแผนเข้าจับกุม โดยเริ่มจากการล่อซื้อสินค้าและเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย พบว่ามีการจัดส่งบุหรี่ไฟฟ้าผ่านไรเดอร์หลายครั้ง เมื่อถึงจุดนัดหมาย เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเข้าตรวจค้นบ้านเช่าในพื้นที่ดังกล่าว

ของกลางและข้อกล่าวหา

จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบของกลางดังนี้:

  • บุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ กว่า 500 ชิ้น มูลค่ารวมหลักแสนบาท
  • บัญชีรายรับรายจ่าย ระบุรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
  • ยาทรามาดอลและมอร์ฟีนชนิดน้ำ จำนวนมาก

ผู้ต้องสงสัย 2 ราย (ชาย 1 หญิง 1) ถูกตั้งข้อหา ดังนี้:

  1. ซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
  2. ผลิตและจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

ความสำคัญของปฏิบัติการ

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” เน้นการจัดระเบียบสังคมและป้องกันเยาวชนจากการยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นภัยร้ายแรงในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าปราบปรามทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส ไร้ควัน ปราบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถานศึกษา

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบปรามร้านบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษาให้ห่างไกลจากอบายมุขที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่และป้องกันการมอมเมาเยาวชน

การจัดการร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

จากการสืบทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าร้านชื่อ Mavap Studio ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน LINE และส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงหอพักของนักศึกษาในย่านบ้านดู่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและอยู่ไม่ไกลจากสถาบันการศึกษา การดำเนินงานในลักษณะนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปราม

การปราบปรามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รวมถึง พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ซึ่งได้ร่วมมือกันวางแผนการจับกุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมที่สุด

แผนการตรวจสอบและจับกุม

ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการ โดยมีการวางแผนเข้าตรวจสอบและทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้าน Mavap Studio ทั้งยังมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งซุ่มตรวจสอบพฤติกรรมของร้านและหอพักที่ใช้เป็นจุดเก็บสินค้าดังกล่าว เมื่อเฝ้าดูพฤติกรรมประมาณ 30 นาที พบว่ามีการส่งสินค้าโดยไรเดอร์และมีลูกค้ามารับของหน้าห้องพักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอสำหรับการจับกุม

การตรวจค้นและการยึดของกลาง

เมื่อการล่อซื้อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ณ จุดรับสินค้าบริเวณหน้าหอพักในตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น จากการตรวจสอบพบผู้ดูแลร้านจำนวน 2 คน เป็นหญิงและชาย และมีของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ รวมจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการซื้อขายในบัญชีที่ระบุว่าร้านมีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ดูแลทั้งสองไปดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ตามกฎหมาย

ข้อหาที่ผู้ต้องหาต้องเผชิญ

  1. การซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่มีความผิดตามกฎหมาย
    ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาว่าทำการซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่ห้ามนำเข้า ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของที่มีการรวมค่าอากรแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ

  2. การขายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
    นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ซึ่งระบุห้ามจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การรณรงค์สร้างสังคมปลอดควันบุหรี่ในเชียงราย

หลังจากการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านค้าที่จำหน่ายทางออนไลน์ในพื้นที่เชียงราย เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามอบายมุขในกลุ่มเยาวชนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการลดการเข้าถึงของเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการจับซ้ำ บุหรี่ไฟฟ้าร้านเดิม ลักลอบขายอีกครั้ง

 

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” จัดระเบียบสังคมฯ ป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ตามนโยบาย มท.1 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชื่อร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 หมู่ที่ 15 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งขณะนั้นจำกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ได้ทำการสืบทราบมาว่า ร้านดังกล่าวกลับมาเปิดลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้ง แต่เปลี่ยนสถานที่ และรูปแบบในการจำหน่าย โดยมีการตั้งกลุ่มไลน์ในการซื้อขาย นัดรับ และส่งของ โดยในไลน์กลุ่มจะพบว่าร้านดังกล่าวมีสาขาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อีกสองสาขา ได้แก่ สาขาตะวันแดง และสาขาบ้านดู่เมืองใหม่ โดยจะใช้วิธีการโอนเงินแต่เพียงอย่างเดียว โดยชื่อบัญชีผู้รับโอนจะเป็นคนเดียวกันซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครปฐม แล้วผู้ใช้บริการถึงเลือกว่าจะให้ทางร้านส่งของให้ผ่านทางไรเดอร์ หรือนัดรับตามจุดที่ทางร้านแจ้ง ซ้ำร้านดังกล่าวยังมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาต้อนรับเปิดเทอม ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันทุกสาขา อันเป็นการมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา และเป็นการมอมเมา เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก

 

     ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย  พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 พร้อมเจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว โดยวิธีล่อซื้อ และปลอมตัวเป็นไรเดอร์เพื่อเข้าทำการจับกุม และอีกชุดซุ่มดูพฤติกรรมอยู่บริเวณบ้านเช่าที่คาดว่าเป็นที่เก็บบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งระหว่างที่ทำการซุ่มดูอยู่ประมาณ 15 นาที ทางร้านมีการออกไปส่งของกว่า 5 ครั้ง และมีไรเดอร์เข้ามารับของอยู่ตลอดเวลา เมื่อทำการตกลงซื้อขายและนัดรับของ โดยทางร้านแจ้งให้มารับของที่บริเวณ ข้างวิทยาลัยเทคนิค เชียงราย โดยผู้ส่งของได้ออกจากบ้านเช่าเลขที่ 194/39 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยใช้มอเตอร์ไซต์ ออกมาส่งของ เมื่อมาถึงจุดรับรับเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว พร้อมพามาตรวจค้นในบริเวณบ้านเช่า ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว จากการตรวจสอบพบผู้ดูแล จำนวน 2 คน เป็นหญิงและหนึ่งในนั้น เคยถูกจับมาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 จากการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ จำนวนกว่า 300 ชิ้น มูลค่ากว่า แสนบาท ยังพบบัญชีซึ่งมีรายได้ต่อเดือนกว่า 500,000 บาท และเจ้าหน้าที่ยังพบคำสั่งปิดร้าน ร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 หมู่ที่ 15 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย อยู่ในบ้านเช่าหลังดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 2 ราย โดยแจ้งข้อหา 

 

           1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

          2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

           เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกล่าวโทษเจ้าของบัญชี ต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) ผู้ว่าฯ จับซ้ำ บุหรีไฟฟ้าร้านเดิมในรอบไม่ถึงเดือน

 
เมื่อวันที่ (15 พฤษภาคม 2567) เวลา 13.50 น. ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงรายได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ 
 
 
นำโดยนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 นายธีรัตน์ อิทธิพลาลักษณ์ ปลัดอำเภอเมืองเชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน
 
 
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ชุดจัดระเบียบสังคมได้เข้าทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าชื้อร้าน บ้านควันหอม (สาขาตลาดล้านเมือง) ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และได้นำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้นชุดจัดระเบียบสังคมฯ ได้รับข้อมูลจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่าร้านดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้งหลังจากถูกจับกุม ไม่ถึงเดือน 
 
 
โดยยังคงเปิดหน้าร้านและมีการวางน้ำหอมตบตาเจ้าหน้าที่เช่นเดิม ซึ่งพฤติกรรมยังคงพบมีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงลูกค้าทั่วไปเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าวพบว่าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจำแล้ว 3 ร้าน คือ
 

      1. ร้านบ้านควันหอม (สาขาตลาดล้านเมือง) ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล ซึ่งร้านนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าจับกุมไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567
      2. ร้านบ้านควันหอม (สาขาในเมืองหอนาฬิกา) ตั้งอยู่ที่ 531 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล
      3. ร้าน P-VAPE ตั้งอยู่ที่ 197/8 ม.15 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 4 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล ซึ่งร้านดังกล่าวขณะเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ พบว่าร้านมีการปิดประตูม้วนเหล็กลงอย่างมิดชิด เมื่อเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์อยู่หน้าร้านสักพัก พบว่ามีพนักงานปิดประตูม้วนออกมาจากด้านใน เหมือนจะออกมาส่งของ (บุหรี่ไฟฟ้า) เจ้าหน้าที่จึงเปิดหน้าต่างและเรียนพนักงาน พนักงานดังกล่าวจึงเข้ามาถามว่าได้สั่งของ (บุหรี่ไฟฟ้า) ไหม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและพาตรวจสอบภายในร้านแล้ว จากการตรวจสอบภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้ของกลางกว่า 1,000 ชิ้น มูลค่าหลักแสนบาท
 

และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันลหลายหมื่น บาทต่อวัน ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 7 ราย โดยแจ้งข้อหา 
 

          1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
 

         2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้านและขายออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

“เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน) สั่งบุกจับกุม ร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า

 
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดเผยถึงการดำเนินการ ของชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงรายหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนว่ามีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ตนจึงได้มอบหมายให้ นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และ นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย สั่งการ นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกันจังหวัดเชียงราย บูรณาการกำลังกับสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงรายที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ร่วมปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยได้ลงพื้นที่เข้าจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่จำนวน 2 ร้าน พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้ารวมกันราว 1,000 ชิ้น ทั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ได้ทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 

การปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมากจากได้รับร้องเรียนมาจากผู้ปกครอง บุคลาการทางการศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที และพบว่ามีร้านที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจำนวน 2 ร้าน ซึ่งได้มีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และ 1 ใน 2 ร้าน มีการวางน้ำหอม ตั้งโชว์บริเวณหน้าตู้กระจก แต่จะเก็บบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในลิ้นชักเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊ค หรือสื่อสังคมต่างๆ 

 

ทั้งยังพบในร้านมีการแจกคูปองเพื่อไว้ให้ลูกค้าลุ้นรางวัลด้วย โดยทั้ง 2 ร้าน ดังกล่าวประกอบด้วย ร้าน VMC HUB Chiangrai ตั้งอยู่ที่ 34/5 หมู่ 11 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 2 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล และ ร้านบ้านควันหอม ตั้งอยู่ที่ 66/23 หมู่ 11 ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย พบผู้ต้องหา 1 คนแสดงตัวเป็นผู้ดูแล พร้อมกับยึดของกลางได้เป็นจำนวนมากคือ 1.เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัวน้ำยา จำนวน 15 เครื่อง 2.หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 522 ชิ้น 3.บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 382 ชิ้น 4.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 25 ชิ้น และ 5.คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 71 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่ารวมหลายแสนบาท” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าว

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ได้เข้าตรวจสอบและยึดของกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ทำการตรวจสอบรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้านเพิ่มเติม และพบว่า แต่ละร้านมีรายได้ต่อวัน ตั้งแต่วันละ 10,000 – 40,000 บาทต่อวัน หรือตกเดือนละประมาณ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบว่า เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิให้กับผู้กระทำผิดทั้ง 3 คนทราบแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาดังนี้ 

1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ 

2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

“บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างมาก ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้สูบเป็นอย่างมาก อาทิ การก่อให้เกิดมะเร็งปอด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูบ ครอบครัว และชุมชนในระยะยาวอย่างแน่นอน จึงต้องดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในความร่วมมือร่วมใจ และขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ในฐานะผู้ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านช่วยเป็นหูเป็นตา ระแวดระวังบ้านเมืองของเรา หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบ สามารถแจ้งข้อมูล และร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง” นายพุฒิพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News