Categories
All

ไฟป่าเริ่มลามจากเมียนมา แม่สายระดมกำลังต้าน เห็นเปลวไฟแต่เข้าดับไม่ได้

 

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ได้เกิดไฟไหม้ป่าละเมาะขึ้นบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งไทยคือหมู่บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม และบ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยไฟได้ลุกไหม้มาจากฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และจะเข้าสู่ฝั่งไทยซึ่งมีถนนเลียบชายแดนกั้นอยู่ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ม.2 ฉก.ทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุงฯ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ได้ระดมกำลังกันเข้าระงับเหตุโดยเฉพาะบริเวณช่องทางศูนย์บำบัดผาหมีที่มีหญ้าและต้นไม้แห้งปกคลุมอยู่มาก

 
เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่ไฟก็ลามเข้ามาไหม้ในฝั่งไทยจนมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย ประมาณ 6 ไร่ แต่ไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหลังไฟลุกลามยังคงมีการคุกรุ่นและลุกไหม้ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านยังคงต้องเฝ้าระวังรวมทั้งพากันทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟที่อาจจะลุกลามเข้ามาอีกเพระฝั่งไทยมีต้นไม้โดยเฉพาะต้นสนหนาแน่น รวมทั้งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ด้วย
 
 
วันเดียวกันนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่กำกับติดตามการรับมือไฟป่า หมอกควันในพื้นที่อ.เชียงแสน และอ.เชียงของ หลังเริ่มมีสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ และค่าหมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 มีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ค่าฝุ่นสูงขึ้น คือ หมอกควันข้ามแดน จึงได้สั่งการให้นายอำเภอ ประสานงาน และเจรจาขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างเต็มที่
 
 
รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณพร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 พร้อมทั้งยังได้แสดงความชื่นชมทุกในการเสียสละแรงกาย และแรงใจ เพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชน โดยเน้นย้ำว่าทางจังหวัดเชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและ PM2.5 อย่างเต็มที่
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.แม่สาย เร่งเพิ่มเครื่องฟอกอากาศ รับสถานการณ์ PM 2.5

 

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 67 สภาพอากาศพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่ามีฝุ่นละอองและหมอกควันหนาตากว่าที่ผ่านมา และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) รายงานว่ามีค่าฝุ่นละอองขนาด PM 2.5 เกินมาตรฐานตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 มี.ค.ครอบคลุมทุกจังหวัดโดย จ.เชียงราย เกินมาตรฐานแล้ว 35 วัน ส่วนกรมควบคุมมลพิษรายงานเวลา 07.00 น.วันเดียวกันว่ามีค่า PM 2.5 สูงถึง 119.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศเมตร และมีค่าคุณภาพอากาศอยู่สูงถึง 245 AQI 

 

ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แตกต่างจากเขต อ.เมืองเชียงราย ที่มีปริมาณ PM 2.5 เพียง 46.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและค่าคุณภาพอากาศอยู่ที่ 125 AQI ทั้งๆๆ ที่ อ.แม่สาย ไม่พบจุดความร้อนจากการตรวจด้วยดาวเทียมเลยตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-5 มี.ค.นี้ กระนั้นสำนักงานฯ รายงานว่าดาวเทียมระบุว่าจุดความร้อนพบว่าในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ จนเกิดเป็นกลุ่มสีแดงอย่างชัดเจน

 

.
ด้านนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่าได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่อ.แม่สาย จัดทำห้องปลอดฝุ่นพร้อมเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งให้มีจำนวน 130 แห่ง และได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกเดินเคาะประตูบ้านให้คำแนะนำกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคระบบทางเดินหายใจ และผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง สำหรับประชาชนทั่วไปควรสวมหน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางเดินหายใจ รวมไปถึงให้อยู่แต่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้านหรืออาคาร ฯลฯ ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือหากมีเครื่องฟอกอากาศควรจะเปิดเอาไว้ตลอดด้วย
 
.
ล่าสุดนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เดินทางไปดูความพร้อมที่ อ.แม่สาย พบว่าได้มีการเตรียมห้องปลอดฝุ่นไว้แล้ว 130 ห้อง ทั้งในโรงพยาบาลแม่สาย 50 ห้อง มีระบบความดันอากาศ 14 ห้อง สำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย 1 ห้อง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 12 ห้อง ขณะที่โรงพยาบาลแม่สายได้เพิ่มเครื่องฟอกอากาศจากจำนวน 97 เครื่อง เป็น 205 เครื่องแล้ว โดยนำไปประจำทุกจุดบริการ ขณะที่มีกลุ่มเสี่ยงต่อฝุ่น PM 2.5 เช่น โรคทางเดินหายใจ หัวใจ ฯลฯ รวมจำนวนกว่า 21,825 คน.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” ครั้งที่ 2 สร้างเวทีพัฒนาเครือข่าย

 

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ห้องเธียเตอร์ ชั้น 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาระบบกลไกการมีส่วนร่วม “สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” (Regional Educational Assembly) ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ โดยมีรองเลขาธิการสภาการศึกษา ศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานด้านการศึกษา ภาคีเครือข่ายสมัชชาสภาการศึกษาจังหวัด ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานภาคเอกชน มูลนิธิ และภาควิชาชีพต่างๆ เข้าร่วม

 

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและภาคีเครือข่ายการศึกษาภาคเหนือ จัดการประชุมยกระดับกลไกการมีส่วนร่วม”สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” (Regional Educational Assembly) ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อสร้างเวที พัฒนาเครือข่ายและกลไกการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนบทบาทการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของทุกภาคส่วนในระดับภูมิภาคให้มีคุณภาพ เข้มแข็ง และยั่งยืน และเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินงานของสมัชชาการศึกษาสภาการศึกษา และภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาระดับภูมิภาคตามมติของการประชุมสมัชชาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 1 
 
 
อีกทั้งเพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการศึกษาในมุมมองฉากทัศน์อนาคต (Scenario) และปรับปรุงประเด็นและมติสมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค เพื่อเสนอเป็นระเบียบวาระในการประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ (National Education Assembly)
 
 
สำหรับจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม มีความเข้มแข็ง และมีการรวมตัวของภาคีเครือข่ายการศึกษาในทุกภาคส่วน และมีศักยภาพในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาด้วยคนในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาของภาคประชาชนระดับพื้นที่ ด้วยตระหนักว่าความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของภาคีเครือข่ายที่ดำเนินงานในพื้นที่ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกำหนดและผลักดันนโยบายสาธารณะด้านการศึกษาเพื่อคนทุกภาคส่วนต่อไป
 
 
ภายในการประชุม มีการเสวนา ในหัวข้อ “สภาการศึกษา X กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แชร์ผลลัพธ์ ปรับมุมใหม่ สมัชชาการศึกษาแบบไหนตรงใจคนบ้านเรา และการรับรองมติสมัชชาสภาการศึกษาระดับภูมิภาค กิจกรรมสร้างเครือข่าย ละลายพฤติกรรม การเสวนาคลินิกเพื่อนสมัชชาสภาการศึกษา Best Practice จากสมัชชาที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ รวมถึงเปิดเวทีเพื่อแชร์กลไกแก้ปัญหาเชิงพื้นที่จากผู้แทนจังหวัดต่าง ๆ อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องคมนตรี ติดตามการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

 

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายศุภรัชต์ อินทราวุธ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่วัง นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายอธินันทน์ นาวิกนันทน์ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานเชียงราย รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการทำนบดินห้วยป่าดำ และพัฒนาแก้มลิงหนองผาพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

 

สำหรับโครงการทำนบดินห้วยป่าดำ และพัฒนาแก้มลิงหนองผาพร้อมระบบส่งน้ำฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ตามที่นายอินตา เมืองมูล ราษฎรบ้านแม่อ้อนอก หมู่ที่ 2 ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยป่าดำ เพื่อช่วยเหลือราษฎร 2 หมู่บ้าน ของตำบลแม่อ้อ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำทำการเกษตร ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงาน กปร. มีลักษณะเป็นทำนบดิน ขนาดความสูง 11 เมตร ยาว 177 เมตร กว้าง 8 เมตร พร้อมระบบท่อส่งน้ำ ความยาว 460 เมตร ไปยังหนองผา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำในพื้นที่ มีความจุประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่ราษฎรตำบลแม่อ้อ และพื้นที่ใกล้เคียงได้ 22 หมู่บ้าน 282 ครัวเรือน ประชากร 739 ราย พื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 400 ไร่ ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ องคมนตรี ได้พบปะประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะมีการปล่อยพันธุ์ปลายี่สก จำนวน 20,000 ตัว ลงในอ่างเก็บน้ำฯ เพื่อรักษาระบบนิเวศ พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่โครงการฯ ตามลำดับด้วย
 
 
ช่วงบ่าย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายศุภรัชต์ อินทราวุธ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่วัง นายอธินันทน์ นาวิกนันทน์ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานเชียงราย รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายศัพทนา อินต๊ะ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองเชียงราย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านห้วยสัก หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
 
 
ในการนี้ ผู้แทนกรมชลประทาน ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงาน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2527 ตามที่ราษฎรตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ขอพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับทำการเกษตรและอุปโภคบริโภค ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยสักฯ แล้วเสร็จในปี 2528 ลักษณะโครงการเป็นทำนบดิน ขนาดความสูง 14 เมตร ยาว 485 เมตร กว้าง 6 เมตร มีความจุที่ระดับเก็บกัก 4.18 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมคลองส่งน้ำ ความยาวรวม 10,235 เมตร สามารถส่งน้ำสนับสนุนให้แก่พื้นที่การเกษตรของราษฎรตำบลห้วยสัก จำนวน 10 หมู่บ้าน 2,930 ครัวเรือน ประชากร 5,542 ราย พื้นที่การเกษตร 10,000 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับผลิตประปาสำหรับการอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ องคมนตรี ยังได้ให้ข้อเสนอแนะ และพบปะประชาชนในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่โครงการฯ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

เตรียมเสริมความสัมพันธ์ Sister City 4 ประเทศ ชายแดนจีน – ลาว เมียนมา – ไทย

 
วันนี้ ( 25 ตุลาคม 2566 ) ที่ห้องประชุมพญาภิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะทำงานดำเนินความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง Sister City ของจังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือ 4 ประเทศ 9 ฝ่ายเขตชายแดนจีน – ลาว – เมียนมา – ไทย (ครั้งที่ 9) ณ แขวงหลวงน้ำทา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แสดงถึงมิตรภาพอันจริงใจอย่างต่อเนื่อง และข้อเสนอใหม่ๆ เพื่อความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ การคมนาคม การท่องเที่ยว การศึกษาและวัฒนธรรม รวมถึงด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง การเกษตร และสาธารณสุข และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ไมตรีระหว่าง 4 ประเทศ อันจะนำไปสู่ความร่วมมือด้านนโยบายสำคัญเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเสริมสร้างความสัมพันธ์ และความเข้าใจที่ดีต่อกันในระดับประชาชนต่อไป
 
 
จังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือในรูปแบบเมืองพี่เมืองน้อง Sister City เชื่อมโยงและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 และยุทธศาสตร์กระทรวงมหาดไทย โดยได้ดำเนินการเป็นไปตามมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ซึ่งการประชุมความร่วมมือ 4 ประเทศ 9 ฝ่ายเขตชายแดนจีน – ลาว เมียนมา – ไทย ประกอบด้วยประเทศไทย (จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่) เขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน แขวงบ่อแก้ว แขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กำหนดการประชุมความร่วมมือทุก 1 ปี โดยพลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ เริ่มตั้งแต่การประชุม 3 ประเทศ 6 ฝ่ายเขตชายแดน ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันกลายเป็นการประชุม 4 ประเทศ 9 ฝ่ายเขตชายแดน โดยมีสมาชิกเพิ่ม คือ แขวงอุดมไชย สปป.ลาว จังหวัดท่าขี้เหล็ก จังหวัดเชียงตุง สหภาพเมียนมา และในการประชุมครั้งที่ 9 สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เสนอรายชื่อสมาชิกของกลไดความร่วมมือดังกล่าวฯ ได้แก่ แขวงพงสาลี สปป.ลาว และเมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ เป็นการขยายขอบเขตการประชุมความร่วมมือเป็น 5 ประเทศ 11 ฝ่าย
 
 
เนื่องจากการจัดประชุมความร่วมมือฝ่ายเขตชายแดนฯ เมืองพี่เมืองน้อง Sister City ครั้งที่ 9 กำหนดจัดขึ้น ณ แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2566 ในการนี้ จังหวัดเชียงราย จึงได้จัดการประชุมเพื่อหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมข้อเสนอบรรจุในวาระการประชุมฯ ต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘สุภาพรรณ’ เปิดนิทรรศการให้ความรู้ “โรคหลอดเลือดสมอง”

 
วันนี้ (24 ต.ค.)ที่ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 9 โดยมี นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.เชียงราย มูลนิธิ องค์กรการกุศล หน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
 
.
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ไปจนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2566 ซึ่งภายในงาน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการให้ความรู้เรื่องหลอดเลือดสมองจำนวน 6 บูธ ประกอบไปด้วย 1.บูธ Stroke รู้ เร็ว รอด 2.บูธ Digital Health & Chiang Rai Wellness City 3. บูธ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 4.บูธ First AID – CPR&AED 5.บูธ ก้าวท้าใจ และ6.บูธ Young Thai Fight stroke ซึ่งในปีนี้จัดในหัวข้อ”คนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อนไทยไร้สโตรค”โดยกลุ่มเป้าหมายในการร่วมนิทรรศการ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนทั่วไป
 
.
โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต เฉลิมพระเกียรติ จัดเป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจ และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกาย และเพื่อรณรงค์เชิญชวนคนไทยหันมาออกกำลังกายเพื่อห่างไกลโรค
 
.
จึงขอเชิญชวนชาวเชียงราย และผู้สนใจร่วมกิจกรรมการออกกำลังกายเดิน – วิ่ง ป้องกันอัมพาต ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 เวลา 05.30 น. ที่สวนตุงและโคมเทศบาลนครเชียงราย ซึ่งในปีนี้จังหวัดเชียงรายมีประชาชนสนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง 3,385 คน โดยประชาชนที่ร่วมกิจกรรมควรเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ได้แก่ เตรียมร่างกายให้แข็งแรง โดยเริ่มจากคืนก่อนวิ่งควรพักผ่อนให้เพียงพอ ควรมาถึงสนามก่อน 20 นาที เพื่ออบอุ่นร่างกาย ควรดื่มน้ำก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง และหลังวิ่ง ดื่มครั้งละน้อยๆ ไม่ควรดื่มเยอะ ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม หากเกิดอาการจุก หรือหายใจไม่ทัน บาดเจ็บขณะร่วมกิจกรรมแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยจังหวัดเชียงรายได้จัดทีมพยาบาลพร้อมด้วยทีมแพทย์ และพยาบาลคอยดูแลผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ กระจายอยู่ทุกระยะเพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมมั่นใจในระบบบริการเพื่อความปลอดภัยอย่างดีที่สุด
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย รับรางวัลดีเด่นด้านการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์

 
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ห้องฟีนิกซ์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดนนทบุรี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงานการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เนื่องในวันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2566 “Together We Can หยุด ค้า คน” เพื่อสื่อถึงการรวมพลังทุกภาคส่วนในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นจากประเทศไทย โดยนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนจังหวัดเชียงรายรับรางวัลดีเด่นด้านการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ และมีนางสาวภาณี จันทร์ตัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย เข้าร่วม
 
รัฐบาลตระหนักถึงอันตรายของการค้ามนุษย์ เนื่องจากเป็นอาชญากรรม ข้ามชาติ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จึงได้กำหนดให้ วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์” เพื่อแสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังของประเทศไทยในการต่อต้านการค้ามนุษย์ และให้ความสำคัญ กับการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย
 
ทั้งนี้นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้แทนจังหวัดเชียงรายรับรางวัลดีเด่นด้านการป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยภายในงานมีผู้เข้ารับโล่เกียรติยศ และเงินรางวัล จำนวน 4 ประเภท รวมทั้งสิ้น 26 รางวัล บุคคลต้นแบบ จำนวน 2 รางวัล บุคคลดีเด่น จำนวน 15 รางวัล หน่วยงานดีเด่น จำนวน 6 รางวัล และจังหวัดต้นแบบตามกลไกการส่งต่อระดับชาติจำนวน 3 รางวัล นอกจากนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังได้จัดการประกวดคลิปวิดีโอ TIK TOK เพื่อรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News