Categories
AROUND CHIANG RAI LIFESTYLE

Downtown MC ขนฮาร์เลย์ 300 คันบุกเชียงราย! มอบทุนพัฒนาโรงเรียนและชุมชนกว่า 130,000 บาท สะท้อนวัฒนธรรมไบค์เกอร์ไทย

กลุ่มมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ระดับชาติ “ดาวน์ทาวน์ เอ็มซี” จัดทริปใหญ่เชียงราย 700 คน มอบทุนพัฒนาโรงเรียนและชุมชนกว่า 130,000 บาท สะท้อนวัฒนธรรมไบค์เกอร์ไทยที่แบ่งปันสู่สังคม

เชียงราย, 6 ธันวาคม 2568 — ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของหน้าหนาวภาคเหนือ ขบวนมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสันกว่า 300 คันจากทั่วประเทศ ได้เดินทางเข้าสู่จังหวัดเชียงรายอย่างคับคั่ง ภายใต้ชื่อ “ดาวน์ทาวน์ เอ็มซี ไทยแลนด์” (Downtown MC Thailand) หนึ่งในชมรมมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ของประเทศที่มีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วไทยถึง 800 คน เพื่อร่วมทริปท่องเที่ยวสายบุญและคืนกำไรสู่สังคมในช่วงวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568

กิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยวตามแบบฉบับของกลุ่มไบค์เกอร์ทั่วไปเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมมอเตอร์ไซค์ในไทย จากภาพลักษณ์เดิมที่มักถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ก้าวร้าว มาสู่การเป็นกลุ่มที่มีจิตสำนึกต่อสังคม พร้อมคืนกำไรและสร้างคุณประโยชน์แก่ชุมชนท้องถิ่น

ทริปใหญ่แห่งปี เส้นทางสายเหนือที่เปี่ยมความหมาย

สำหรับสมาชิกของ Downtown MC Thailand ที่เดินทางมาครั้งนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจาก 8 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ Downtown MC The North (ภาคเหนือ), The South (ภาคใต้), The North East (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), The East (ภาคตะวันออก), The Central Region (ภาคกลาง) และแม้กระทั่งสาขาระหว่างประเทศอย่าง Australia, San Diego และ Lao P.D.R.

“อ้วน ดาวน์ทาวน์” หนึ่งในตัวแทนของชมรมที่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ ได้เล่าด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมความประทับใจว่า “เราอิจฉาจังหวัดคุณครับ ขอบคุณพี่น้องเชียงรายที่น่ารักมากๆ ยังไงก็ฝากกราบขออภัยเรื่องมลภาวะทางเสียง เพราะเรามีสมาชิกทั่วประเทศ 800 คน 800 คัน และครั้งนี้สมาชิกสายเหนือเป็นผู้ดำเนินการจัดการ”

สำหรับทริปเชียงรายในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมประจำปีที่ชมรมจัดขึ้นสลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยปีที่แล้วได้จัดที่จังหวัดน่าน และครั้งนี้ได้เลือกเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทาง มีสมาชิกเดินทางมาร่วมกว่า 700 คน โดยใช้มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสันประมาณ 300 คัน รวมถึงมีสมาชิกจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและสมาชิกจากภาคใต้สุดอย่างจังหวัดยะลาเดินทางมาร่วมด้วย

การเดินทางที่ท้าทาย กว่า 700 กิโลเมตรบนเส้นทางสองล้อ

“อ้วน ดาวน์ทาวน์” เล่าถึงเส้นทางการเดินทางว่าตนเองขับขี่มอเตอร์ไซค์มาจากกรุงเทพมหานครระยะทางกว่า 700 กิโลเมตร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลในการขับขี่มอเตอร์ไซค์และความรักในกิจกรรมกลุ่ม “เราชื่นชอบในการขี่มอไซค์ จากกรุงเทพฯ 700 กว่ากิโลมาเชียงราย” เขากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

การเดินทางในลักษณะขบวนใหญ่ของกลุ่มมอเตอร์ไซค์นับร้อยคัน ย่อมสร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านในพื้นที่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องเสียงดังจากท่อไอเสีย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสัน อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของชมรมได้แสดงความเข้าใจและขออภัยอย่างจริงใจ “ฝากขอโทษและขอบคุณพี่น้องชาวเชียงรายที่น่ารักมากต้อนรับดี ทักร้านเลยครับ” เขากล่าวทิ้งท้าย

องค์ประกอบของสมาชิกคนมีที่แบ่งปัน

สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือองค์ประกอบของสมาชิกภายในชมรม ซึ่งส่วนใหญ่ถึง 90% เป็นเจ้าของกิจการ ทำให้กลุ่มนี้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีกำลังพอที่จะช่วยเหลือสังคม “คนที่มางานส่วนมาก เจ้าของกิจการ 90% เราแบ่งปัน ช่วยเหลือ ตามโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่” อ้วน ดาวน์ทาวน์ อธิบาย

ความเป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมไบค์เกอร์ในไทย จากอดีตที่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่อาจถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มนอกกฎหมายในบางบริบท มาสู่ยุคปัจจุบันที่ไบค์เกอร์ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ มีการศึกษาดี และต้องการใช้งานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายจากการทำงานหนัก

กิจกรรมคืนกำไรสู่สังคม มอบทุนกว่า 130,000 บาท

หัวใจสำคัญของทริปครั้งนี้คือกิจกรรมเพื่อสังคมที่กลุ่มได้เตรียมการมาอย่างดี โดยได้ประสานงานกับวัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดเชียงราย เพื่อใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมมอบทุนและอุปกรณ์ต่างๆ แก่โรงเรียนและชุมชนในพื้นที่

รายการบริจาคในครั้งนี้ประกอบด้วย

  1. ทุนสร้างห้องน้ำให้โรงเรียนบ้านสันกลาง มูลค่า 100,000 บาท — เป็นทุนหลักที่จะช่วยพัฒนาสุขาภิบาลพื้นฐานให้กับนักเรียน ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยเฉพาะในโรงเรียนชนบทที่อาจขาดแคลนงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
  2. หมวกกันน็อค มูลค่า 15,000 บาท — การมอบหมวกกันน็อคสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กลุ่มไบค์เกอร์เองต้องเป็นแบบอย่างที่ดี การมอบหมวกกันน็อคให้กับเยาวชนในพื้นที่จึงเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยตั้งแต่เนิ่นๆ
  3. อุปกรณ์กีฬาและทุนการศึกษา มูลค่า 15,000 บาท — การพัฒนาทักษะด้านกีฬาและสนับสนุนการศึกษาเป็นการลงทุนในอนาคตของเยาวชน โดยอุปกรณ์กีฬาจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ ส่วนทุนการศึกษาจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว

รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 130,000 บาท ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กและชุมชนท้องถิ่น นอกจากนี้ ชมรมยังได้ขอบคุณวัดร่องขุ่นที่ให้ความอนุเคราะห์สถานที่ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้

วัดร่องขุ่น แลนด์มาร์กแห่งเชียงรายที่เป็นฉากหลังของกิจกรรม

วัดร่องขุ่น หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักในชื่อ “White Temple” เป็นวัดพุทธที่ตั้งอยู่ในตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 และยังคงดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

วัดแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยสีขาวบริสุทธิ์ประดับด้วยกระจกสีเงินแวววาว สะท้อนแสงระยิบระยับในยามที่แสงแดดส่องถึง โดยอาจารย์เฉลิมชัยได้อธิบายไว้ว่า สีขาวหมายถึงพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า ส่วนกระจกขาวหมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล

วัดร่องขุ่นได้รับความนิยมอย่างสูงจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยติดอันดับเป็นหนึ่งในวัดที่สวยที่สุดในโลกหลายครั้งจากการจัดอันดับของสื่อนานาชาติ สถาปัตยกรรมที่งดงามและแนวคิดที่ลึกซึ้งทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดเชียงราย และเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มาเยือนภาคเหนือ

กิจกรรมในช่วง 3 วัน เที่ยว กิน พัก และทำบุญ

ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน สมาชิกของ Downtown MC Thailand ได้วางแผนกิจกรรมอย่างครบครัน โดยในวันที่ 5-6 ธันวาคม สมาชิกได้พักที่โรงแรมเฮอริเทจ (Heritage Hotel) เชียงราย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับมาตรฐานที่รองรับกลุ่มใหญ่ได้

ในวันที่ 6 ธันวาคม กลุ่มได้จัดกิจกรรมสรังสรรค์ร่วมกันที่ร้านอาหารในตัวเมืองเชียงราย โดยมีสมาชิกกว่า 700 คนร่วมทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกจากแต่ละภูมิภาคได้พบปะและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

นอกจากนี้ กลุ่มยังได้วางแผนเที่ยวชมสถานที่สำคัญต่างๆ ของจังหวัดเชียงราย อาทิ ดอยต่างๆ วัดสวยงาม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างดอยเชียงดาว ผาฮี้ และอื่นๆ โดย “อ้วน ดาวน์ทาวน์” ระบุว่า “มี ทำบุญตามที่ลง เพจไปครับ จัดท่องเที่ยวต่อไปตามดอยต่างๆ วัดสวยงาม มีไปดอยเชียงดาว ผาฮี้ไปอีก”

สำหรับการเดินทางกลับ สมาชิกส่วนใหญ่จะเริ่มทยอยกลับในวันที่ 7 ธันวาคม แต่ก็มีสมาชิกบางส่วนที่ต่อเที่ยวยาวกว่านั้น เพื่อสำรวจความงดงามของภาคเหนือเพิ่มเติม

ขบวนรถ 200 กว่าคัน ภาพที่น่าประทับใจบนท้องถนนเชียงราย

หนึ่งในช่วงเวลาที่สร้างความประทับใจให้กับชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยวคือการเห็นขบวนมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์กว่า 200 คันเดินทางไปยังวัดร่องขุ่น ซึ่ง “อ้วน ดาวน์ทาวน์” ได้โพสต์ข้อความว่า “200 กว่าลำ กำลังไป วัดร่องขุ่น ปลอดภัยทุกท่าน ขออภัยในมลภาวะทางเสียงอีกครั้ง เราอยากมาชื่นชมความสวยงามของเชียงรายจริงๆ”

ข้อความนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของกลุ่มที่ต้องการเป็นแขกที่ดี แม้จะสร้างเสียงดังบ้างก็ตาม แต่ก็เป็นลักษณะเฉพาะของมอเตอร์ไซค์ประเภทนี้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือทุกคนเดินทางอย่างปลอดภัยและเคารพกฎจราจร

Downtown MC Thailand ประวัติและวัฒนธรรมของชมรม

Downtown MC Thailand หรือที่มักเรียกย่อๆ ว่า DTMC เป็นชมรมมอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสันที่ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565 โดยมีสมาชิกก่อตั้งเริ่มแรก 270 คน และได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนมีสมาชิกกว่า 800 คนในปัจจุบัน กระจายอยู่ทั่วประเทศและมีสาขาในต่างประเทศด้วย

อัตลักษณ์ของกลุ่มคือ “ความเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งขอบเขตในการใช้ชีวิต” ด้วยการปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบที่มีสีสัน ทันสมัย และศิวิไลซ์ สีประจำชมรมคือ สีดำและสีทอง (หรือเครื่องยนต์สีทอง) และใช้เลข 19 เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งมาจากวันเกิดของกลุ่ม (วันที่ 9 เดือนที่ 1)

สโลแกนของกลุ่มคือ “ยุครุ่งเรืองของชนชั้นวัยรุ่น” และ “พวกเซียนเค้าไม่เรียนบทเดิม” ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่ต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการไบค์เกอร์ไทย โดยเน้นความสนุกสนาน ไม่ต้องมีพิธีรีตองที่ซับซ้อน และสร้างสรรค์แนวทางใหม่ในการจัดกิจกรรมที่ทันสมัย

ปรัชญาของกลุ่มคือ “ไม่เน้นยศ ไม่มีตำแหน่ง” แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพ เสียงหัวเราะ และความจริงใจ โดยใช้จิตสำนึกพื้นฐานในการทำกิจกรรมกลุ่ม และช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความจริงใจ ซึ่งเป็นค่านิยมที่แตกต่างจากกลุ่มมอเตอร์ไซค์แบบดั้งเดิมที่อาจมีลำดับชั้นและกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด

ไบค์เกอร์ไทยยุคใหม่ จากภาพลักษณ์เดิมสู่การสร้างสรรค์สังคม

ทริปเชียงรายของ Downtown MC Thailand ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของไบค์เกอร์ในสังคมไทย ในอดีต กลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะฮาร์เลย์-เดวิดสัน มักถูกมองด้วยความหวาดระแวง บางครั้งเชื่อมโยงกับกลุ่มอันธพาลหรือแก๊งมอเตอร์ไซค์ที่มีปัญหา

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของไบค์เกอร์ไทยได้เปลี่ยนไปอย่างมาก กลุ่มไบค์เกอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันประกอบด้วยผู้ประกอบการ นักธุรกิจ แพทย์ ทนายความ และผู้ที่มีการศึกษาสูง ซึ่งใช้การขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นงานอดิเรกเพื่อผ่อนคลายจากการทำงาน

มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์-เดวิดสัน ซึ่งเป็นยี่ห้อที่มีราคาสูงและมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาไม่น้อย ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและฐานะทางสังคมในระดับหนึ่ง การเป็นเจ้าของรถฮาร์เลย์จึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางการเงิน และการเข้าร่วมชมรมฮาร์เลย์ยังเป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจอีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มไบค์เกอร์ยุคใหม่ยังมีจิตสำนึกในการคืนกำไรสู่สังคม ดังจะเห็นได้จากกิจกรรมของ Downtown MC Thailand ที่ไม่เพียงแต่จัดทริปท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางทุกครั้ง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น มากกว่าการท่องเที่ยว

การเดินทางของกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่เช่นนี้มิได้สร้างแต่เพียงความสนุกสนานให้กับสมาชิกเท่านั้น แต่ยังส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ การที่มีนักท่องเที่ยว 700 คนพักค้างคืน 2 คืนในจังหวัดเชียงราย หมายถึงรายได้จากค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น

หากคำนวณเบื้องต้นโดยประมาณ สมาชิกแต่ละคนอาจมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่พัก และอาหาร อยู่ที่ประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อคนสำหรับทริป 3 วัน 2 คืน รวมแล้วอาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเชียงรายได้มากกว่า 3.5-7 ล้านบาท ยังไม่รวมถึงการมอบทุนและอุปกรณ์มูลค่า 130,000 บาท

นอกจากนี้ การที่สมาชิกของชมรมกลับไปแล้วพูดถึงความประทับใจในจังหวัดเชียงราย ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ที่มีคุณค่า อาจกระตุ้นให้คนในเครือข่ายของพวกเขาสนใจมาเที่ยวเชียงรายในอนาคต ซึ่งเป็นการสร้าง soft power ด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ

ความปลอดภัยและความรับผิดชอบ บทเรียนสำคัญ

การเดินทางเป็นขบวนใหญ่ของมอเตอร์ไซค์กว่า 300 คัน ย่อมมีความท้าทายด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะการขับขี่ในเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวของภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม จากรายงานพบว่าการเดินทางครั้งนี้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยและปลอดภัย ไม่มีรายงานอุบัติเหตุร้ายแรงใดๆ

ความสำเร็จด้านความปลอดภัยนี้มาจากการเตรียมตัวที่ดี การมีผู้นำกลุ่มที่มีประสบการณ์ และความมีวินัยของสมาชิกในการปฏิบัติตามกฎจราจร นอกจากนี้ การที่กลุ่มมอบหมวกกันน็อคให้กับเยาวชนในพื้นที่ ยังสะท้อนถึงความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยที่พวกเขาต้องการถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อไป

มิติด้านสิ่งแวดล้อม ข้อควรพิจารณาสำหรับอนาคต

แม้ว่ากิจกรรมครั้งนี้จะได้รับการต้อนรับและสร้างประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมที่ควรได้รับการให้ความสำคัญ การที่มีมอเตอร์ไซค์กว่า 300 คันเดินทางมาพร้อมกัน หมายถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศจำนวนหนึ่ง รวมถึงมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ชมรมได้รับรู้และขอโทษเรื่องเสียงรบกวน พร้อมทั้งชดเชยด้วยการทำกิจกรรมเพื่อสังคม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความตั้งใจที่จะเป็นแขกที่ดี สำหรับอนาคต อาจมีการพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เช่น การจำกัดจำนวนรถในแต่ละขบวน หรือการเลือกใช้เส้นทางที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนน้อยที่สุด

เชียงราย จุดหมายปลายทางที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว

จังหวัดเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มท่องเที่ยวแบบนี้ ด้วยความมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งวัดวาอารามที่สวยงาม ธรรมชาติที่สมบูรณ์ วัฒนธรรมชนเผ่าที่น่าสนใจ และโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่พร้อมรับนักท่องเที่ยว

ยิ่งไปกว่านั้น ชาวเชียงรายมีชื่อเสียงในเรื่องความเป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่น ดังที่ “อ้วน ดาวน์ทาวน์” กล่าวถึงว่า “พี่น้องชาวเชียงรายน่ารักมากต้อนรับดี” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจและต้องการกลับมาเยือนอีก

นอกจากนี้ เส้นทางการเดินทางจากกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่อื่นๆ มายังเชียงราย เป็นเส้นทางที่ท้าทายและน่าสนใจสำหรับไบค์เกอร์ โดยเฉพาะการผ่านภูเขาและทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง ทำให้การเดินทางเองก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่น่าจดจำ

แนวโน้มในอนาคต ทริปสลับหมุนเวียนทั่วประเทศ

จากข้อมูลที่ได้รับ Downtown MC Thailand มีนโยบายจัดทริปใหญ่ประจำปีโดยสลับหมุนเวียนกันไปในแต่ละภูมิภาค ปีที่แล้วจัดที่จังหวัดน่าน ปีนี้จัดที่เชียงราย ซึ่งหมายความว่าในอนาคตจะมีการจัดทริปในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป

รูปแบบการท่องเที่ยวแบบนี้มีประโยชน์หลายประการ ทั้งการกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ การทำให้สมาชิกได้รู้จักประเทศของตนเองมากขึ้น และการสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่นในหลายพื้นที่

สำหรับจังหวัดต่างๆ การได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเช่นนี้ถือเป็นโอกาสดีในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มในรูปแบบของการมอบทุนและอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับโรงเรียนและชุมชน

โมเดลใหม่ของการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์

ทริปเชียงรายของ Downtown MC Thailand ครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่แค่การมาเที่ยวและใช้จ่าย แต่ยังคืนกำไรสู่ชุมชนในรูปแบบที่เป็นรูปธรรม

การมอบทุนสร้างห้องน้ำ หมวกกันน็อค และอุปกรณ์กีฬา รวมมูลค่ากว่า 130,000 บาท อาจดูเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนักสำหรับกลุ่มที่มีสมาชิก 800 คน แต่สำหรับโรงเรียนบ้านสันกลางและชุมชนท้องถิ่น เงินจำนวนนี้มีความหมายและสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ การที่กลุ่มไบค์เกอร์แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบ ความมีวินัย และการใส่ใจต่อชุมชน ยังช่วยเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของไบค์เกอร์ในสังคมไทย จากภาพเดิมที่อาจเป็นลบ มาสู่ภาพที่เป็นบวกและสร้างแรงบันดาลใจ

สุดท้ายนี้ “อ้วน ดาวน์ทาวน์” ได้ทิ้งข้อความที่ชวนให้คิดไว้ว่า “เราอิจฉาจังหวัดคุณครับ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความประทับใจในความงดงามของเชียงรายอย่างแท้จริง และ “ขอให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ดี” ซึ่งเป็นคำอวยพรที่แสดงถึงความหวังดีต่อทุกคนที่เดินทาง

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การสัมภาษณ์โดยตรง — ข้อมูลจากการสนทนากับ “อ้วน ดาวน์ทาวน์” ตัวแทนของ Downtown MC Thailand โดยทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568
  • เพจ Facebook: Downtown MC Thailand
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย
  • วัดร่องขุ่น (White Temple) Official
  • ข้อมูลชุมชนและโรงเรียน — โรงเรียนบ้านสันกลาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นผู้รับการสนับสนุนดาวน์ทาวน์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ยืนยัน 1 ม.ค. 69 วัดร่องขุ่นปรับค่าเข้าชมชาวต่างชาติเป็น 200 บาท พร้อมเพิ่มสิทธิ “เข้าชมถ้ำฟรี”

วัดร่องขุ่น” ขยับค่าเข้าชมชาวต่างชาติเป็น 200 บาท มีผล 1 ม.ค. 2569 ตอกย้ำคุณค่าศิลปะระดับโลก เดินหน้าแผนบริหารจัดการพื้นที่-ยกระดับประสบการณ์ผู้เยือน

เชียงราย, 7 พฤศจิกายน 2568 – อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติและผู้สร้าง “วัดร่องขุ่น” ยืนยันปรับค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก 100 บาทเป็น 200 บาทต่อคน เริ่ม 1 มกราคม 2569 โดยคนไทยยังเข้าชมฟรีเหมือนเดิม พร้อมเพิ่มสิทธิ “เข้าชมถ้ำฟรี” และ “ยืมผ้าถุงฟรี” เพื่อรักษามาตรฐานความเหมาะสมในการแต่งกาย ขณะที่ฝ่ายท่องเที่ยวมองเป็นโอกาสยกระดับคุณภาพ สอดรับแนวโน้มท่องเที่ยวคุณภาพสูงของเชียงราย

เช้าวันหนึ่งที่ “ขาวจัด—คมชัด—และงอกงาม”

ยามแสงเช้ากระทบปลีเสาศิลาปูนปั้นสีขาว เจิมประกายกระจกนับพันบนสิมวัด ภาพจำของ “วัดร่องขุ่น” หรือ “วัดขาว” ในอำเภอเมืองเชียงราย ยังทำให้ผู้มาเยือนหยุดหายใจสั้น ๆ ด้วยความตื่นตา วัดร่วมสมัยที่ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ไม่เพียงเป็นหมุดหมายด้านศิลปวัฒนธรรม หากยังแปลงร่างเป็น “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ที่ต้องดูแล บำรุงรักษา และจัดการผู้เยือนนับล้านอย่างเป็นระบบ

ในฉากหลังอันงดงามนั้น ความเปลี่ยนแปลงสำคัญกำลังจะเริ่มต้นขึ้น การปรับ “ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ” จาก 100 บาทเป็น 200 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยอาจารย์เฉลิมชัยยืนยันผ่านสื่อสังคมว่า การปรับราคาสะท้อน “ศักดิ์ศรีงานศิลปะระดับโลก” และช่วยรองรับต้นทุนการบริหาร ดูแล และรักษามาตรฐานพื้นที่อันซับซ้อนของวัดร่วมสมัยที่ยังคงสร้าง-ซ่อม-เสริมรายละเอียดไม่สิ้นสุด  

ทำไม “200 บาท” จึงสมเหตุสมผล เมื่อศิลปะต้องคู่มาตรฐานการจัดการ

มิติคุณค่าและความสากลของผลงาน วัดร่องขุ่นมิใช่วัดโบราณที่หยุดนิ่ง หากเป็น “โครงการศิลปกรรมขนาดใหญ่” ที่ค่อย ๆ เติบโตมาตลอดกว่าสองทศวรรษ การเพิ่มค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติเป็น 200 บาทจึงเป็นการ “ราคาให้สมคุณค่า” เมื่อเทียบกับแลนด์มาร์กทางศิลปะและพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลกซึ่งประเมินค่าเข้าชมสูงกว่านี้หลายเท่า อาจารย์เฉลิมชัยชี้ว่า ราคาดังกล่าวยังต่ำเมื่อเทียบกับค่าเข้าชมสถานที่ศิลปะขนาดย่อมในต่างประเทศ และตน “รอจังหวะเหมาะสม” มาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จนถึงวันนี้จึงแจ้งกำหนดใช้จริง

มิติมาตรฐานประสบการณ์ สิทธิพิเศษใหม่สองรายการ

มาตรการใหม่ไม่ใช่เพียง “ขึ้นราคา” แต่เป็น “ยกระดับแพ็กเกจประสบการณ์” ชัดเจนผ่าน 2 สิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าชมชาวต่างชาติ ได้แก่

  • เข้าชม “ถ้ำ” ฟรี ส่วนจัดแสดงงานศิลปะเฉพาะพื้นที่ของวัด ซึ่งเคยจำกัดหรือมีค่าใช้จ่ายตามโอกาส จะเปิดโอกาสให้สัมผัสมากขึ้นในบัตรเดียว
  • ยืมผ้าถุงฟรี เพื่อสนับสนุนความเหมาะสมตามธรรมเนียมการแต่งกายเข้าพื้นที่ศาสนา ลดภาระการเช่าจากร้านรอบวัด และทำให้การควบคุมมาตรฐานการแต่งกายละเอียดขึ้น (แนวปฏิบัติเรื่องการแต่งกายเข้าเขตพุทธาวาสและความยาวท่อนล่างมีการสื่อสารในช่องทางชุมชน ตัวอย่างข้อแนะนำสาธารณะเรื่องครอบไหล่/ยาวคลุมเข่า

มิติความเป็นธรรมคนไทยเข้าฟรีเหมือนเดิม

แม้จะขึ้นค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติ แต่ คนไทยยังคงเข้าฟรี แนวทางที่วัดร่องขุ่นยึดถือมายาวนานเพื่อให้ชุมชนไทยเข้าถึงศิลปะร่วมสมัยได้ไม่เป็นภาระ (สอดคล้องกับข้อมูลปัจจุบันที่สะท้อนว่า “ชาวต่างชาติ 100 บาท/คน ก่อนปรับเป็น 200 บาท”

ผลกระทบ “บวก” ที่คาดหมาย จากหน้าประตูวัดสู่เศรษฐกิจเมือง

การบริหารพื้นที่และความปลอดภัย วัดร่วมสมัยที่มีองค์ประกอบละเอียดอ่อน จากงานปูนปั้น กระจกโมเสก ไปจนถึงภูมิทัศน์และระบบทางเดิน ย่อมต้องมีต้นทุนดูแลสูง ทั้งงานทำความสะอาดเชิงเทคนิค การบำรุงซ่อมแซมเฉพาะทาง และการควบคุมฝูงชนช่วงพีก ค่าเข้าชมที่เพิ่มขึ้นถูกอธิบายว่า “คืนกลับ” ในรูปมาตรฐานการจัดการพื้นที่ที่เข้มขึ้น ตั้งแต่วัสดุ อุปกรณ์บุคลากร ไปจนถึงระบบอำนวยความสะดวก

การคัดกรองและยกระดับ “คุณภาพการเยือน” ประสบการณ์ของแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกชี้ว่า ราคาบัตรที่สะท้อนคุณค่าช่วย “คัดกรองความตั้งใจ” ของผู้เยือน ทำให้สัดส่วนผู้เข้าชมที่มุ่งหมายทางศิลปวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น กระตุ้นพฤติกรรมท่องเที่ยวรับผิดชอบ (responsible tourism) และลดแรงกดดันต่อทรัพยากร

เศรษฐกิจท้องถิ่นและคลัสเตอร์บริการเม็ดเงินจากผู้เยือนต่างชาติที่ “ไม่มากเกินไป” แต่ “เพียงพอ” ต่อการดูแลสถานที่ สามารถหมุนกลับสู่ห่วงโซ่บริการรอบวัดไกด์พื้นที่ ผู้ให้บริการขนส่ง ร้านอาหาร ของที่ระลึก และโฮมสเตย์ ในภาพใหญ่ระดับจังหวัด แนวโน้มนี้สอดคล้องกับนโยบายท่องเที่ยวคุณภาพและการใช้ soft power ของเชียงราย ซึ่งในช่วงหลังโควิดกลับมาฟื้นตัวดีแม้ตัวเลขเชิงลึกแบบรายจังหวัดต้องติดตามจากฐานข้อมูลรัฐอย่างเป็นทางการ แต่ทิศทางมหภาคสะท้อนผ่านดัชนีท่องเที่ยวและรายได้ท่องเที่ยวของประเทศที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง

ไทม์ไลน์และข้อเท็จจริงเชิงบริบท จาก “100 บาท” สู่ “200 บาท”

  • ก่อนหน้า หลายปีที่ผ่านมา วัดร่องขุ่นสื่อสารนโยบาย “คนไทยเข้าฟรีชาวต่างชาติ 100 บาท” ต่อเนื่อง
  • ประกาศใหม่ อาจารย์เฉลิมชัยยืนยัน ปรับเป็น 200 บาท เริ่ม 1 ม.ค. 2569 โดยให้เหตุผลด้านคุณค่าและต้นทุนการบริหารจัดการ พร้อมสื่อสารสิทธิพิเศษเพิ่มเติม
  • ระหว่างนี้ แนวปฏิบัติเรื่องการแต่งกายที่เหมาะสมยังคงเข้มงวดคลุมไหล่/ยาวคลุมเข่าและมี “บริการผ้าถุง” เพื่อช่วยให้ผู้เยือนแต่งกายได้ตามธรรมเนียม

วิเคราะห์เชิงนโยบาย “ราคาบัตร” กับ “ธรรมาภิบาลแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม”

1) ราคาบัตรคือเครื่องมือกำกับคุณภาพ (price as a governance tool)
ในแหล่งมรดกหรือพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ราคารองรับบทบาทสำคัญ เป็นทั้ง “สัญญาณคุณค่า” และ “ทรัพยากรเพื่อบำรุงรักษา” ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (preventive conservation) ซึ่งเหมาะกับงานศิลปะที่เสี่ยงต่อการผุกร่อนจากฝุ่นละอองและความชื้น รวมถึงความเสียหายจากการสัมผัส

2) Differentiated pricing ความเป็นธรรมระหว่าง “เจ้าของวัฒนธรรม” กับ “ผู้มาเยือน”
การคงสิทธิคนไทยเข้าฟรี สะท้อนแนวคิด “ทำให้ศิลปะกลับสู่สังคมไทย” และยืนยันว่าชาวเชียงราย/ไทยยังเข้าถึงได้โดยไม่ถูกต้นทุนกีดกัน ขณะที่ “ผู้มาเยือนต่างชาติ” มีส่วนร่วมสมทบค่าดูแลที่สอดคล้องกับความสามารถในการจับจ่ายเป็นแนวทางที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหลายแห่งใช้

3) มาตรฐานประสบการณ์และความเหมาะสม (dress code)
การประกาศ “ยืมผ้าถุงฟรี” ลดแรงเสียดทานหน้างานแทนที่จะผลักภาระไปยังร้านค้าเอกชนเพียงด้านเดียว วัดเลือก “อำนวยความสะดวก” ภายใต้กรอบความเหมาะสมของพื้นที่ศาสนา ซึ่งท้ายที่สุดช่วยยกระดับภาพรวมประสบการณ์และความเคารพสถานที่

มุมมองผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความท้าทายที่ต้องสื่อสารให้ตรงจุด

แม้สังคมออนไลน์จำนวนหนึ่งอาจตั้งคำถามเรื่อง “ผลกระทบต่อจำนวนผู้เยือน” แต่ในมุมปฏิบัติ ค่าเข้าชม 200 บาทสำหรับผู้เดินทางข้ามพรมแดนซึ่งมักใช้จ่ายทริปละหลายพันถึงหลายหมื่นบาท แทบไม่ใช่ตัวแปรหลักในการตัดสินใจเดินทางเทียบกับ ความคุ้มค่าของประสบการณ์ และ เวลาเข้าชมที่ราบรื่น มากกว่า นอกจากนี้ การประกาศล่วงหน้าพร้อมเหตุผลชัดเจนและสิทธิพิเศษที่เพิ่มเป็นสิ่งสะท้อน “ธรรมาภิบาลการสื่อสาร” ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการทัวร์ ไกด์ และแพลตฟอร์มจำหน่ายบัตร ปรับข้อมูลบริการได้ทันกำหนด

ในทางกลับกัน ผู้ดูแลวัดจำเป็นต้อง ติดตามผลเชิงข้อมูล อย่างใกล้ชิดทั้งจำนวนผู้เยือนต่อวัน ช่วงพีก การร้องเรียนเรื่องแออัด/รอคิว ตลอดจนผลสะเทือนต่อร้านค้ารอบวัด เพื่อโยง “รายได้จากบัตร” กลับไปสู่งานพัฒนาพื้นที่และบริการเชิงประจักษ์ เช่น ป้ายทางเดินหลายภาษา ระบบเข้าคิวอัจฉริยะ ห้องน้ำสะอาด-เพียงพอ จุดพักร่ม ระบบอธิบายงานศิลป์ (interpretation) ที่เข้าถึงคนทั่วไปและผู้มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว

เชียงรายในระยะยาว เมืองศิลปะ-วัฒนธรรม-ธรรมชาติ ที่ต้องบริหาร “สมดุล”

จังหวัดเชียงรายสะสมทุนทางวัฒนธรรม ศิลปะร่วมสมัย ธรรมชาติ และอีเวนต์คุณภาพไว้แน่นจากวัดร่องขุ่น สิงห์ปาร์ค พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ไปจนถึงเทศกาลเชิงวัฒนธรรมหลากหลายล้วนวางเชียงรายไว้ในแผนที่ “ท่องเที่ยวคุณภาพ” ของไทย ในบริบทเช่นนี้ การปรับค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวหลักให้สมเหตุสมผลกับคุณค่าและต้นทุนดูแล ถือเป็น “องค์ประกอบหนึ่ง” ของยุทธศาสตร์ระยะยาวควบคู่กับการกระจายผู้เยือนไปยังอำเภอรอบนอก เส้นทางกาแฟ-ชา-ชุมชนสร้างสรรค์ และการพัฒนาการเดินทางสาธารณะภายในจังหวัด

คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับผู้เยือนต่างชาติ (สรุปเร็ว)

  • เตรียมงบค่าเข้าชม 200 บาท/คน เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2569
  • คนไทยเข้าฟรี พกบัตรประชาชนเพื่อยืนยันตน
  • แต่งกายสุภาพ คลุมไหล่ กางเกง/กระโปรงคลุมเข่า หากไม่พร้อม มีบริการยืมผ้าถุงฟรี ณ จุดเข้าชมตามประกาศล่าสุด
  • วางแผนเวลา ช่วงเช้าและบ่ายแก่ ๆ แสงสวย หลีกเลี่ยงช่วงพีกทัวร์รวม หากมากับครอบครัวหรือผู้สูงอายุให้เผื่อเวลาเดินชมมากขึ้น

 “ราคาบัตร” คือสัญญาและภารกิจดูแลมรดกศิลป์ร่วมสมัยของไทย

การขยับ “200 บาท” ของวัดร่องขุ่นจึงไม่ใช่เพียงตัวเลขหน้าประตู หากเป็น “สัญญา” ระหว่างผู้สร้าง ผู้ดูแล และผู้มาเยือน ว่าศิลปะร่วมสมัยอันงอกงามของไทยจะได้รับการดูแลด้วยมาตรฐานสากล พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่ากว่าเดิม ทั้งในมิติความงาม ความรู้ และความสงบในวิถีวัฒนธรรมล้านนา ขณะเดียวกัน ก็เป็นบททดสอบธรรมาภิบาล รายได้จากบัตรต้อง “ไหลกลับ” สู่คุณภาพหน้างานอย่างสัมผัสได้ เพื่อให้สังคมไทยและผู้มาเยือนทั่วโลกมั่นใจว่า ทุกบาทที่จ่าย คือการร่วมกันรักษา “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ชิ้นเอกของเชียงรายให้คงอยู่อย่างสง่างาม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • วัดร่องขุ่น – Wat Rong Khun – White Temple , Chiang Rai , Thailand 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เชียงรายติดอันดับ Google Maps เผย ที่เที่ยวรีวิวเยอะ

เชียงรายโดดเด่นบน Google Maps: สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดในประเทศไทย

ประเทศไทย, 14 มีนาคม 2568 – Google Maps ฉลองครบรอบ 20 ปีของการเป็นเครื่องมือนำทางที่ทรงพลัง ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การนำทางเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนค้นพบสถานที่ใหม่ ๆ ได้แบบเรียลไทม์ และเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นเติบโตผ่านการรีวิวจากผู้ใช้ ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือคาเฟ่ได้ง่ายขึ้น

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ และอาหารที่ขึ้นชื่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่ Google Maps ได้รวบรวม 10 อันดับสถานที่ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดในประเทศไทย และจากข้อมูลดังกล่าว จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีสถานที่สำคัญติดอันดับสูงสุดในหลายหมวดหมู่ ได้แก่ วัดร่องเสือเต้น วัดร่องขุ่น และพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

เชียงราย: เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม

เชียงรายเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมไทยล้านนา ที่นี่เป็นบ้านเกิดของศิลปินชื่อดังอย่าง อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้สร้าง วัดร่องขุ่น และ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ นอกจากนี้ยังมีวัดร่องเสือเต้น ซึ่งเป็นผลงานของ สล่านก (พุทธา กาบแก้ว) ศิลปินผู้สืบทอดงานศิลปะจากอาจารย์เฉลิมชัย ทำให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

สถานที่ในเชียงรายที่ได้รับการรีวิวมากที่สุดบน Google Maps

  1. วัดร่องเสือเต้น (22,374 รีวิว)

วัดร่องเสือเต้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย ด้วยสถาปัตยกรรมสีน้ำเงินที่ตัดกับทองคำเปลวอย่างงดงาม วัดนี้สร้างโดยศิลปินท้องถิ่นและกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัด การออกแบบของวัดเต็มไปด้วยรายละเอียดที่งดงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาสัมผัสงานศิลปะที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมพุทธศาสนา

  1. วัดร่องขุ่น (21,753 รีวิว)

วัดร่องขุ่นเป็นผลงานสร้างสรรค์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัดแห่งนี้มีโครงสร้างสีขาวบริสุทธิ์ที่สะท้อนแสงแดดอย่างสวยงาม และสื่อถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา นอกจากความงดงามแล้ว วัดร่องขุ่นยังเป็นสถานที่ที่มีความหมายทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาเยี่ยมชมมากที่สุด

  1. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ (12,298 รีวิว)

บ้านดำ หรือ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นสถานที่ที่รวบรวมผลงานของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินระดับโลกที่สร้างสรรค์ศิลปะในรูปแบบของบ้านไม้สีดำขลับ ซึ่งภายในจัดแสดงงานศิลปะที่สะท้อนถึงความลึกซึ้งของปรัชญาชีวิตและวัฒนธรรมไทยล้านนา ความลึกลับและเสน่ห์ของบ้านดำทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเชียงราย

เชียงราย: จุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทาง

นอกจากวัดและพิพิธภัณฑ์แล้ว เชียงรายยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ดอยแม่สลอง ดอยตุง และดอยช้าง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกชาและกาแฟชั้นเลิศของประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่ชา เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตชา และสัมผัสอากาศเย็นสบายตลอดปี

ร้านอาหารและคาเฟ่ในเชียงรายที่ได้รับการรีวิวสูงสุดบน Google Maps

  • Chivit Thamma Da Coffee House, Bistro & Bar (คาเฟ่ริมแม่น้ำกกที่มีบรรยากาศอบอุ่น)
  • Melt in Your Mouth (คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่มีวิวแม่น้ำสุดโรแมนติก)
  • ริมกกคาเฟ่ (คาเฟ่ที่ให้บรรยากาศธรรมชาติริมแม่น้ำกก เหมาะแก่การพักผ่อน)

10 อันดับ สวนสาธารณะและอุทยานฯ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. สวนลุมพินี กรุงเทพฯ (35,617 รีวิว)
  2. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา (15,423 รีวิว)
  3. อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี (14,016 รีวิว)
  4. อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (10,350 รีวิว)
  5. อุทยานหินเขางู จ.ราชบุรี (9,098 รีวิว)
  6. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา (8,534 รีวิว)
  7. พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา (7,874 รีวิว)
  8. อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ.เชียงใหม่ (7,602 รีวิว)
  9. อุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี (7,200 รีวิว)
  10. อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา จ.ชลบุรี (6,892 รีวิว)

10 อันดับ พิพิธภัณฑ์ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. ปราสาทสัจธรรม จ.ชลบุรี (26,932 รีวิว)
  2. พิพิธภัณฑ์บ้าน จิม ทอมป์สัน กรุงเทพฯ (14,412 รีวิว)
  3. พิพิธภัณฑ์บ้านดำ จ.เชียงราย (12,298 รีวิว)
  4. พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ (11,127 รีวิว)
  5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพฯ (7,692 รีวิว)
  6. พิพิธภัณฑ์ริปลีย์ บีลิฟอิท ออ นอท พัพิพทยา  จ.ชลบุรี (7,567 รีวิว)
  7. มิวเซียมสยาม กรุงเทพฯ (7,116 รีวิว)
  8. พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย กรุงเทพฯ (5,169 รีวิว)
  9. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กรุงเทพฯ (4,583 รีวิว)
  10. ศูนย์ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาด จ.กาญจนบุรี (4,344 รีวิว

10 อันดับ วัด บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด 

  1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ (39,926 รีวิว)
  2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพ (37,399 รีวิว)
  3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กรุงเทพฯ (33,154 รีวิว)
  4. วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ (24,167 รีวิว)
  5. วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา (23,032 รีวิว)
  6. วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย (22,374 รีวิว)
  7. วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย (21,753 รีวิว)
  8. วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ (21,206 รีวิว)
  9. วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา (19,521 รีวิว)
  10. วัดพระธาตุดอยคำ จ.เชียงใหม่ (19,290 รีวิว)

10 อันดับ ร้านอาหาร บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด

  1. ร้านอาหารปูเป็น ซีฟู้ด จ.ชลบุรี (15,862 รีวิว)
  2. Tandoori จ.ภูเก็ต (15,854 รีวิว)
  3. ชอคโกแลต วิลล์ กรุงเทพฯ (14,548)
  4. สุกี้ตี๋น้อย ศรีนครินทร์-สมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ (14,237 รีวิว)
  5. นานาพลาซ่า กรุงเทพฯ (14,108 รีวิว)
  6. มุมอร่อย สาขานาเกลือ จ.ชลบุรี (13,308)
  7. โคตรทะเล เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ กรุงเทพฯ (14,753 รีวิว)
  8. ระเบียงทะเล จ.สมุทรปราการ (13,158 รีวิว)
  9. The Village Farm To Café จ.กาญจนบุรี (12,725  รีวิว)
  10. โคตรทะเล ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ กรุงเทพฯ (12,520 รีวิว)

10 อันดับ คาเฟ่ บน Google Maps ประเทศไทย ที่ได้รับการรีวิวมากที่สุด

  1. maidreamin MBK กรุงเทพฯ (17,380 รีวิว)
  2. The Village Farm To Café จ.กาญจนบุรี (12,725 รีวิว)
  3. Cafe Phuket Viewpoint จ.ภูเก็ต (8,662 รีวิว)
  4. เพลินคาเฟ่ บางปู จ.สมุทรปราการ (6,314 รีวิว)
  5. Nami_Dessert&Coffee by Chaokhun (Nami Central Mahachai) จ.สมุทรสาคร (5,684 รีวิว)
  6. ป้าบุญคาเฟ่ สาขาพัทยา จ.ชลบุรี (5,353 รีวิว)
  7. มีนา คาเฟ่ จ.กาญจนบุรี (4,769 รีวิว)
  8. THE COFFEE CLUB – River City กรุงเทพฯ (4,405 รีวิว)
  9. Café 8.98 Ao Nang จ.กระบี่ (4,144 รีวิว)
  10. โอทู คอฟฟี่ แอนด์ บิสโตร จ.นครปฐม (3,716 รีวิว)

ข้อสรุป

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการผสมผสานระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักท่องเที่ยว Google Maps ได้แสดงให้เห็นถึงความนิยมของสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงรายผ่านจำนวนรีวิวที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น วัดร่องเสือเต้น วัดร่องขุ่น หรือพิพิธภัณฑ์บ้านดำ

นอกจากนี้ เชียงรายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม คาเฟ่บรรยากาศดี และอาหารเหนือที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Google Maps (2568) / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

กราฟฟิตี้รุ่นใหม่แต่งแต้มวัดร่องขุ่น สร้างสีสันใหม่เชียงราย

อ.เฉลิมชัย สนับสนุนศิลปะกราฟฟิตี้ สร้างแลนด์มาร์คใหม่ที่วัดร่องขุ่น

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก “นรินทร์ ทามาส” ลูกศิษย์ใกล้ชิดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย เผยแพร่คลิปและภาพผลงานกราฟฟิตี้อันงดงามบนกำแพงข้าง วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นฝีมือของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ 3 คน ที่อาจารย์เฉลิมชัยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ศิลปะที่เกิดจากการแอบสร้าง กลายเป็นจุดเช็คอินใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คนจากเชียงรายและเชียงใหม่แอบสร้างสรรค์งานกราฟฟิตี้บนกำแพงข้างวัดร่องขุ่น อาจารย์เฉลิมชัยเมื่อเห็นผลงาน ได้ไลฟ์สดตามหาศิลปินเหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้กลับมาทำผลงานให้สมบูรณ์ โดยย้ำว่า ไม่ต้องแอบทำ มาให้เสร็จสวยงามเลย” พร้อมมอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อสนับสนุนการซื้ออุปกรณ์พ่นสี

หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นติดต่อกลับ พวกเขาก็เริ่มต้นทำงานอีกครั้ง โดยเปลี่ยนผลงานใหม่ให้โดดเด่นและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อาจารย์เฉลิมชัยถึงกับกล่าวชื่นชมในคลิปว่า ฝีมือดีขึ้นเยอะมาก สวยงามจนต้องมอบเงินค่าขนมเพิ่ม”

กราฟฟิตี้ที่สร้างความประทับใจ

ผลงานกราฟฟิตี้นี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว แต่ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร หลายคนในโซเชียลต่างเข้ามาชื่นชม เช่น สวยงามมากค่ะ เด็กๆ เก่งมากค่ะ”, ยอดเยี่ยมมากครับ”, และ ตามทุกที่ กำลังใจทุกงานครับอาจารย์”

วัดร่องขุ่น: จุดหมายปลายทางแห่งศิลปะ

วัดร่องขุ่นซึ่งเป็นผลงานศิลปะระดับโลกที่ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยอาจารย์เฉลิมชัย ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และตอนนี้กำแพงข้างวัดที่ประดับด้วยกราฟฟิตี้จากศิลปินรุ่นใหม่ก็เพิ่มสีสันให้กับการเยี่ยมชม โดยเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปและสัมผัสบรรยากาศแห่งความสร้างสรรค์

สนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่และส่งเสริมเชียงราย

การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความใจกว้างของอาจารย์เฉลิมชัย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการผลักดันเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งศิลปะที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยผลงานกราฟฟิตี้นี้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์และความรักในงานศิลปะเข้ากับชุมชน

ร่วมชมศิลปะกราฟฟิตี้แห่งใหม่ที่วัดร่องขุ่น

สำหรับผู้สนใจสามารถมาชมผลงานนี้ได้ที่กำแพงข้างวัดร่องขุ่น พร้อมดื่มด่ำกับความงามที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความตั้งใจจากศิลปินรุ่นใหม่ งานนี้ไม่ควรพลาด!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อ.เฉลิมชัย ประกาศยุติบทบาท แต่ศิลปินต้องไปต่อ.. รวมเป็น “หนึ่งเดียวกัน ”

 

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 ณ วัดร่องขุ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สมาคมขัวศิลปะ จัดประชุมใหญ่ประจำปี 2567 โดยมี ศาตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมขัวศิลปะ เป็นประธานในการประชุมฯ โดยมีศิลปินสมาชิกจากสมาคมครัวศิลปะจำนวน 300 คน ซึ่งประกอบด้วยศิลปินอาวุโส คณะกรรมการบริหารสมาคมนำโดย อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ

 

โดยการประชุมครั้งนี้อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้กล่าว ต้อนรับและให้โอวาทต่างๆแก่สมาชิกสมาคมขัวศิลปะในครั้งนี้อาจารย์ได้กล่าวว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่อาจารย์จะเข้าร่วมประชุมของสมาคมภายหลังได้ประกาศยุติบทบาทในการร่วมกิจกรรมสังคมต่างๆ แต่ทั้งนี้ อาจารย์ได้ให้แนวทางในการบริหารสมาคมต่อไปซึ่งภายหลังจากการจบไทยแลนด์เบียนนาเล่, เชียงราย 2023 สมาคมขัวศิลปะจะได้ทำการย้ายไปยังหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงรายอย่างถาวร และในการนี้ได้ชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการภายหลังต่อจากนี้ โดยในที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบและปฏิบัติตามแนวทางที่อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้ให้แนวทางไว้ โดยนายสุวิทย์ ใจป้อม เป็นนายกสมาคมขัวศิลปะ พร้อมชุดคณะกรรมการบริหาร และเบื้องต้นจะจัดให้มีการจัดตั้งบอร์ดบริหารที่คอยกำกับกิจการผลประกอบการและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตภายใต้ สมาคมขัวศิลปะเดิมแต่จะมีการบริหารงานที่ รัดกุมโปร่งใส
 
 
ในที่นี้ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ยังได้เสนอแนวทางให้คณะกรรมการบริหารสมาคมขัวศิลปะ ชุดปัจจุบันทำหน้าที่ไปพรางก่อน และจะให้สมาชิกได้หารือเพื่อทำการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ภายในปีหน้า ซึ่งอาจารย์อยากให้การจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติไทยแลนด์เบนาเล่ย์เชียงราย 2023 ในครั้งนี้เสร็จสิ้นไปก่อน โดยในที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางปฏิบัติดังกล่าว
 
 
ในช่วงท้ายยังได้มีการให้ศิลปินทั้งศิลปินอาวุโส นายกสมาคมศิลปะ ได้กล่าวถึง และเสนอแนะแนวทางการบริหารสมาคมสืบไปและเหนือสิ่งอื่นใด อาจารย์ยังทิ้งท้ายอยากจะให้ศิลปินทั้งศิลปินอาวุโสศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังจะเติบโตช่วยกันและสามัคคี ร่วมกันรักษา และต่อยอดขัวศิลปะ ต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมศิลปะ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES VIDEO

(มีคลิป) ผิดคาด! “อ.เฉลิมชัย” เจอศิลปินรุ่นใหม่ พ่นสีกำแพงทางออกวัด ‘ไม่ด่า แถมให้เงิน’

 

เมื่อวานนี้ (27 ต.ค. 66) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ตามติดชีวิต อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้เผยแพร่เรื่องราวที่น่าประทับใจ ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ที่ได้ออกมาชื่นชมกลุ่มคนรุ่นใหม่ศิลปิน Street Art หลังจากที่ได้แอบมาวาดภาพที่กำแพงทางออกที่จอดรถวัดร่องขุ่นในเวลากลางคืน

ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัย ได้เล็งเห็นความสำคัญของผลงานศิลปะทุกแขนง จึงได้อัดคลิปวีดีโอเชิญชวนให้กลุ่มน้อง ๆ ศิลปิน Street Art มาวาดภาพที่กำแพงในเวลากลางวันได้เต็มที่ พร้อมกับมอบเงินสนับสนุนให้เป็นค่าอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานอีกจำนวน 10,000 บาท

และหลังจากนั้น ก็ได้มีการอัพเดตความคืบหน้าของผลงานศิลปะจากกลุ่มน้อง ๆ ศิลปิน Street Art เป็นระยะ โดยทั้งนี้ ยังมีผู้ใหญ่ใจดีอีกหลายท่าน ที่จะให้การสนับสนุนอาหารทุกมื้อกับกลุ่มศิลปินจนเสร็จงาน

เรื่องราวนี้ทำให้ชาวเชียงราย และประชาชนผู้ที่ชื่นชอบ  หลงใหลในงานศิลปะ ต่างก็รู้สึกประทับใจ และภูมิใจที่ศิลปินแห่งชาติชื่อดังในจังหวัดเชียงราย รวมไปถึงผู้ใหญ่ใจดีอีกหลายท่านให้การสนับสนุน และไม่ปิดกั้นความสามารถของเด็กรุ่นใหม่ ทำให้เด็ก ๆ และเยาวชนคนรุ่นใหม่สามารถคิด และแสดงออกถึงความสามารถได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเด็ก ๆ และเยาวชนเหล่านี้ก็จะจดจำและเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ และผู้ให้ที่ดีต่อไปในอนาคต


เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ตามติดชีวิต อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ / Dropfib

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News