Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อบจ.เชียงรายระดมพลช่วยชีวิตสัตว์! เร่งขนย้ายหมู-ไก่กว่า 1,000 ตัวหนีน้ำท่วมเทิง

อบจ.เชียงรายระดมพลช่วยชีวิตสัตว์! เร่งขนย้ายหมู-ไก่กว่า 1,000 ตัว หนีน้ำท่วมเทิง หลังพายุ “วิภา” ถล่มหนัก

เชียงราย, 24 กรกฎาคม 2568 – ภัยพิบัติซ้อนภัย วิกฤตน้ำท่วมเทิง-สัตว์เศรษฐกิจตกอยู่ในอันตราย อบจ.เชียงรายลุยช่วยทุกชีวิต สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายช่วงนี้ รุนแรงและซับซ้อนกว่าทุกปีจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “วิภา” ที่พัดผ่าน ก่อให้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันจนปริมาณน้ำป่าล้นไหลหลากท่วมเข้าชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเขตบ้านห้วยไคร้ หมู่ที่ 6 อำเภอเทิง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงสุกรและไก่สำคัญของจังหวัด สร้างความเดือดร้อนต่อเกษตรกรและชาวบ้านอย่างหนัก

น้ำป่าทะลัก-สัตว์เศรษฐกิจตกค้างในเขตอันตราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากบ้านห้วยไคร้ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พบว่ามีฟาร์มสุกรและฟาร์มไก่จำนวนมากตกค้างอยู่ในพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะหมูมากกว่า 1,000 ตัว และไก่อีกหลายร้อยตัวที่ต้องอพยพด่วน นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น ๆ ที่เกษตรกรต้องเร่งอพยพเพื่อป้องกันการสูญเสีย

ซึ่งได้สั่งการให้ นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สนธิกำลังกับหน่วยงานท้องถิ่น อาสาสมัคร และชาวบ้าน เร่งเข้าช่วยเหลือทั้งชีวิตคนและสัตว์อย่างแข็งขัน ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงค่ำ ด้วยความหวังว่าจะลดการสูญเสียให้ได้มากที่สุด

ภารกิจช่วยเหลือสุดระทึก “เรือยนต์-เรือท้องแบน” ขาดแคลน ชาวเน็ตระดมเครือข่ายช่วยด่วน

สถานการณ์ล่าสุด ข้อมูลจากผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Chaiwat Yawirad ระบุว่า มีการช่วยขนย้ายหมูออกไปแล้ว 100 ตัว แต่ยังเหลือหมูอีกกว่า 1,000 ตัวในพื้นที่อันตราย ต้องการเรือยนต์และเรือท้องแบนเป็นจำนวนมากเพื่อการอพยพอย่างเร่งด่วน สร้างปรากฏการณ์ “ระดมทรัพยากร” ผ่านโซเชียลฯ ซึ่งเปิดสายตรงให้ผู้ที่พร้อมช่วยเหลือติดต่อมายังบ้านห้วยไคร้ หมู่ 6 อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ได้ที่เบอร์ 081-002-9110

ไม่เพียงแค่ปศุสัตว์ที่ถูกคุกคาม ชาวบ้านจำนวนหนึ่งยังต้องการความช่วยเหลือในการอพยพคนชรา เด็ก และผู้ป่วยออกจากพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง อบจ.เชียงรายจึงจัดทีมลงพื้นที่แบบต่อเนื่อง ประสานหน่วยงานในและนอกพื้นที่ ขอกำลังเสริม เรือยนต์ เรือท้องแบน อุปกรณ์ยกย้าย และถุงยังชีพเพิ่ม

มุมวิเคราะห์ “น้ำท่วมสัตว์” บทพิสูจน์ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติและ “ความใส่ใจในทุกชีวิต”

  1. เจตนารมณ์ใหม่ของการช่วยเหลือ:
    การที่ อบจ.เชียงราย ขยายภารกิจจากการอพยพคน สู่การช่วยชีวิตสัตว์เศรษฐกิจสะท้อนถึงแนวคิด “One Health – สุขภาพเดียวกันของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม” เพราะการสูญเสียปศุสัตว์นอกจากกระทบจิตใจ ยังเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและปากท้องของเกษตรกรโดยตรง
  2. ประสิทธิภาพการตอบสนองฉุกเฉิน:
    การมอบหมายเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และประสานอาสาสมัครทันทีหลังเกิดเหตุ แสดงให้เห็นความพร้อมและว่องไวของกลไกช่วยเหลือในภาวะวิกฤต แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านทรัพยากรและการเข้าถึงจุดอพยพ
  3. บทบาทสื่อโซเชียล:
    การใช้โซเชียลมีเดียโพสต์ขอความช่วยเหลือถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การระดมทรัพยากรทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปดำเนินไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยเติมเต็มการช่วยเหลือของภาครัฐในจุดที่ขาดแคลน
  4. ความท้าทายด้านทรัพยากร:
    กรณีนี้สะท้อนว่าการบริหารภัยพิบัติในพื้นที่ห่างไกลยังต้องอาศัยอุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น เรือยนต์ เรือท้องแบน รวมถึงทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการอพยพสัตว์จำนวนมาก ซึ่งควรจัดเตรียมและบูรณาการไว้ล่วงหน้าก่อนฤดูน้ำหลาก
  5. แนวทางฟื้นฟูหลังน้ำลด:
    เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย หน่วยงานควรมีมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูทั้งทุนทรัพย์ อุปกรณ์ฟาร์ม พันธุ์สัตว์ทดแทน และองค์ความรู้ด้านสุขภาพสัตว์ เพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและช่วยเกษตรกรฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน

สรุป

ภัยพิบัติครั้งนี้กลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าการช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินของไทยพัฒนาขึ้นทั้งในเชิงระบบและจิตวิญญาณ “ทุกชีวิตมีค่า” ไม่ใช่เพียงสโลแกน หากแต่เป็นพันธกิจที่ อบจ.เชียงรายและเครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่กำลังปฏิบัติจริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

  • ข้อมูลจากผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Chaiwat Yawirad

  • ข่าวและข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดเชียงราย (เช่น กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รฟท. หยุดสร้างรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รับมือพายุ “วิภา” เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

พายุ “วิภา” ถล่มเหนือ! รฟท. สั่งหยุดงานโครงการรถไฟเด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ ชั่วคราว “ผู้ว่าฯ วีริศ” ย้ำ “ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”

เชียงราย, 24 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุ “วิภา” โครงการรถไฟสายยุทธศาสตร์ต้องหยุดชะงัก พายุโซนร้อน “วิภา” ที่สร้างผลกระทบหนักต่อหลายจังหวัดในภาคเหนือในสัปดาห์นี้ มิได้ส่งผลกระทบเพียงประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังสร้างแรงสะเทือนต่อโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศอย่างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ ซึ่งเป็นโครงการยุทธศาสตร์ระดับชาติด้านโลจิสติกส์และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-จีน-ลาว

ภายใต้สถานการณ์ฝนตกหนักและสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้ประกาศสั่ง “หยุดหรือชะลอการดำเนินงานชั่วคราว” ในบางช่วงของโครงการ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพนักงาน วิศวกร และโครงสร้างต่างๆ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งครอบคลุมงานสำคัญ อาทิ การยกชิ้นส่วนโครงสร้าง (Girder), การติดตั้งนั่งร้านในที่สูง, และงานระบบไฟฟ้าต่างๆ

มาตรการเข้มงวด! เฝ้าระวัง 24 ชม. ป้องกันอุบัติเหตุและช่วยเหลือประชาชน

นอกจากคำสั่งหยุดงานแล้ว รฟท. ยังจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ ในโครงการให้เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์และแผนตอบโต้เหตุฉุกเฉิน เพื่อเข้าแก้ไขทันทีหากเกิดสถานการณ์คับขัน นอกจากนี้ยังมอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่คอยประสานงานและให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่โครงการและชุมชนโดยรอบอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ผลกระทบจากเหตุการณ์ธรรมชาติครั้งนี้ “น้อยที่สุด”

ผู้ว่าการรถไฟฯ ยังเน้นย้ำว่า รฟท. มีการประเมินสถานการณ์พายุและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดโดยอาศัยข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อวางแผนการทำงานและปรับแผนก่อสร้างแบบวันต่อวัน หากสภาพอากาศเอื้ออำนวยจะสามารถ “กลับเข้าสู่ภาวะปกติ” และเดินหน้าก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว

ความปลอดภัยต้องมาก่อนทุกความก้าวหน้า”  โมเดลบริหารจัดการในยุคภัยธรรมชาติรุนแรง

การตัดสินใจของ รฟท. ในครั้งนี้สะท้อนปรัชญา “ความปลอดภัยต้องมาก่อนความก้าวหน้า” อย่างแท้จริง แม้จะส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์ของโครงการ ซึ่งมีเป้าหมายจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคในอนาคต แต่การยึดมั่นในมาตรการป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงในสถานการณ์วิกฤตถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องและได้รับการยอมรับในระดับสากล

ในช่วงที่สภาพภูมิอากาศผันผวนรุนแรงบ่อยครั้ง โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั่วโลกต่างต้องปรับแผน “บริหารความเสี่ยงเชิงรุก” มากขึ้น ตัวอย่างเช่น รฟท. ที่สั่งหยุดงานทันทีในงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การยกโครงสร้างหนักและงานบนที่สูง เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของบุคลากร รวมถึงปกป้องโครงสร้างที่อยู่ระหว่างก่อสร้างไม่ให้ได้รับความเสียหายรุนแรง

นอกจากนี้ รฟท. ยังนำข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยามาใช้ในการตัดสินใจและวางแผนงานอย่างเป็นระบบ (Data-driven Decision Making) เพื่อให้แต่ละช่วงของโครงการมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงที

ผลกระทบและความท้าทาย การชะลอโครงการและโอกาสสู่การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย

แม้มาตรการหยุดงานชั่วคราวจะทำให้เกิดความล่าช้าต่อแผนการก่อสร้างรถไฟสายเด่นชัย–เชียงราย–เชียงของ แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญในการทบทวนและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในโครงการขนาดใหญ่ของไทยในยุคสภาพภูมิอากาศรุนแรง การบริหารความเสี่ยงและการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติได้อย่างเป็นระบบจะเป็น “ต้นแบบใหม่” ให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ในอนาคต

ประเด็นวิเคราะห์สำคัญ

  • การสร้างสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและความปลอดภัย: การตัดสินใจหยุดงานในจุดเสี่ยงโดยไม่คำนึงถึงกำหนดเวลาที่ต้องเร่งรัด แสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่ากับชีวิตและสุขภาพคนงานมากกว่าตัวเลขเป้าหมาย
  • การบูรณาการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ: ใช้ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและเครือข่ายเตือนภัยมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติงานประจำวัน
  • ความรับผิดชอบต่อชุมชน: การเตรียมแผนช่วยเหลือประชาชนรอบพื้นที่โครงการ สะท้อนจริยธรรมองค์กรและความโปร่งใสในการบริหาร

ความท้าทายที่ยังต้องจับตา

  • ผลกระทบต่อไทม์ไลน์: โครงการจะต้องเร่งฟื้นฟูการทำงานเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย เพื่อให้กระทบกับกำหนดการน้อยที่สุด
  • ความยืดหยุ่นและแผนสำรอง: ในอนาคต การปรับปรุงระบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นสูง และมีแผนสำรองที่ชัดเจน จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อโครงการขนาดใหญ่

มาตรการรับมือภัยธรรมชาติของ รฟท. ในสถานการณ์พายุ “วิภา” ครั้งนี้ คือบทพิสูจน์สำคัญของ “ภาวะผู้นำเชิงรุก” ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพชีวิตและความปลอดภัยของทุกฝ่ายอย่างสูงสุด แม้ต้องแลกมาด้วยเวลาที่ล่าช้าลงบ้าง แต่ถือเป็นแนวทางที่ทุกโครงการขนาดใหญ่ควรนำไปปรับใช้ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและปลอดภัยสำหรับประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News