Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แม่สายยังไม่พ้นวิกฤต ผู้ว่าฯ เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ช่วยปชช. เตือนพายุ 4-6 ส.ค.

แม่สายเริ่มคลี่คลาย ผู้ว่าฯ-ทัพภาค 3 เร่งซ่อมพนัง มทบ.37 ตั้งโรงครัวพระราชทาน! เตือนพายุลูกใหม่จ่อถล่ม 4-6 ส.ค.นี้

เชียงราย, 30 กรกฎาคม 2568 – แม่สายคลี่คลาย แต่ “อย่าประมาท” พายุรอถล่มซ้ำ สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เริ่มคลี่คลายหลังฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวันหยุดลง ระดับน้ำในแม่น้ำสายลดต่ำกว่าตลิ่ง ขณะที่ในบางจุดยังมีน้ำท่วมขัง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระบาย ล่าสุดนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย เปิดเผยว่า จุดเสี่ยง เช่น โต๊ะสนุ๊ก บ้านเช่าริมแม่น้ำ ยังพบรูรั่ว-น้ำซึมเข้าชุมชน แต่ได้บูรณาการกับกรมการทหารช่าง เทศบาล และอำเภอเร่งอุดรอยรั่วและเสริมพนังชั่วคราวเต็มกำลัง

แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่เสียงเตือนภัยยังคงดังก้อง นายอำเภอแม่สายขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารราชการใกล้ชิด เพราะช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคมนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์จะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุลูกใหม่ อาจเกิดน้ำหลากซ้ำ หากปริมาณน้ำมากเกินแนวป้องกันจุดเดิม จึงขอความร่วมมือชาวบ้านเร่งขนของขึ้นที่สูงและเตรียมพร้อมอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์พักพิงทันทีที่มีประกาศ

ทัพภาค 3–มทบ.37 ลงพื้นที่ “ปิดรอยรั่ว–สร้างขวัญ”

เมื่อ 29 กรกฎาคม พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน กองทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่แม่สายโดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ (มทบ.37) ให้การต้อนรับ คณะฯ ได้รับฟังรายงานปัญหาจากนายอำเภอแม่สาย และพล.ท.สิรภพ ศุภวานิช (เจ้ากรมการทหารช่าง) ถึงปัจจัยหลักน้ำท่วมรอบล่าสุด เช่น การที่พนังบิ๊กแบ็กและผนังอาคารชั่วคราวโดนกระแสน้ำ-ท่อนซุงขนาดใหญ่ซัดจนเกิดโพรง รอยรั่วตามแนวคัน ส่งผลให้มวลน้ำทะลักเข้าท่วมชุมชนหลายจุด

แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้มทบ.37, กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์ฯ และหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก เสริมกำลังเข้าซ่อมแนวพนังเร่งด่วน ขณะเดียวกัน กรมการทหารช่างก็ระดมกำลังคน-เครื่องมือซ่อมแซมตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเกาะทราย จุดที่ได้รับผลกระทบหนักมาก

โรงครัวพระราชทาน พลังใจยามวิกฤต

นอกจากภารกิจด้านวิศวกรรม-ซ่อมแซม มทบ.37 ได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเคลื่อนที่ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อประกอบอาหารสดแจกประชาชนที่เดือดร้อนและเจ้าหน้าที่ภาคสนาม โดยกลุ่มแม่บ้านกิ่งกาชาดอำเภอแม่สายร่วมช่วยเหลือ เมนูยอดนิยมคือข้าวกะเพราไก่ไข่ต้มและข้าวอกไก่ทอด ผลิตวันละ 1,000 กล่อง (3 มื้อ) นำไปแจกจ่ายตามจุดพักพิง สร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวแม่สายก้าวผ่านวิกฤติร่วมกัน

เร่งผลักดันน้ำอิงลงโขง กลยุทธ์บูรณาการ “ทุกสาย”

แม่น้ำอิงซึ่งเป็นเส้นเลือดหลักรับน้ำจากจังหวัดพะเยา-เชียงราย ก็เป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่หน่วยงานรัฐกำลังเร่งระบายน้ำ โดยนายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย เผยว่าขณะนี้กำลังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 10 เครื่อง ที่สะพานอิงอุดม บ้านเต๋น ต.สถาน อ.เชียงของ สามารถผลักดันน้ำกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ลดความเสี่ยงน้ำเอ่อท่วมพื้นที่เกษตร-ชุมชนท้ายน้ำลงโขง เป็นมาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาอุทกภัยแบบองค์รวม

เชียงราย “ยังไม่พ้นวิกฤต” แต่พร้อมสู้ระลอกใหม่

สถานการณ์อุทกภัยแม่สายปี 2568 สะท้อนความเปราะบางเชิงโครงสร้างในพื้นที่น้ำหลากชายแดนฝั่งเหนือ แม้สัญญาณคลี่คลายจะเริ่มชัดเจน แต่การเตรียมพร้อมรับมือพายุระลอกใหม่ยังจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็น “พนังชั่วคราว–ผนังอาคารเก่า” ที่ยังมีจุดอ่อนง่ายต่อการทะลุซ้ำ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในระยะสั้น–ยาว

  • ซ่อมแซม–เสริมแนวป้องกันถาวร: หลังน้ำลด การรื้อถอนพนังชั่วคราวและสร้างแนวป้องกันถาวรที่แข็งแรงยั่งยืน ควรเป็นวาระเร่งด่วนของทุกภาคส่วน
  • การเยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำลด: การสำรวจ-ประเมินความเสียหาย การจัดสรรงบฯ เยียวยาชาวบ้านต้องดำเนินการรวดเร็ว-โปร่งใส สร้างความหวังให้ผู้ได้รับผลกระทบ
  • สื่อสารความเสี่ยง–แจ้งเตือนล่วงหน้า: ทุกฝ่ายต้องสื่อสารข้อมูลสภาพอากาศ การระบายน้ำ แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เข้าใจง่าย ไม่ปล่อยข่าวลือ
  • กลไกช่วยเหลือครบวงจร: การบูรณาการของหน่วยงานรัฐ ทหาร เทศบาล กลุ่มจิตอาสา และภาคประชาสังคม ยังคงเป็นหัวใจของการช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย

สู้ “น้ำ” ด้วยความร่วมมือ–ระวัง “ใจ” ให้มั่นคง

สถานการณ์แม่สายครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่สังคมไทยได้เห็นพลังความร่วมมือของภาครัฐและประชาชน ในวันที่ธรรมชาติรุนแรงเกินคาดเดา ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีคือหัวใจ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการวางแผนเชิงระบบ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว เพื่อไม่ให้แม่สาย–เชียงราย ต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตน้ำท่วมซ้ำซากอีกต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • โครงการชลประทานเชียงราย
  • ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37
  • กองทัพภาคที่ 3
  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • รายงานสถานการณ์น้ำและอุทกภัย สำนักข่าวท้องถิ่น/ภาคสนาม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายคลี่คลายแต่ไม่ประมาท! ผู้ว่าฯ ลุยเชียงของมอบถุงยังชีพ ปภ.สรุป 15 อำเภอ

เชียงรายคลี่คลายแต่ไม่ประมาท! ผู้ว่าฯ ลุยเชียงของมอบถุงยังชีพ ปภ.สรุป 15 อำเภอได้รับผลกระทบ เร่งฟื้นฟูหลังน้ำลด

เชียงราย, 27 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย หลายพื้นที่กลับสู่ปกติ แต่ยังต้องเร่งฟื้นฟูและเฝ้าระวังต่อเนื่อง แม้สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “วิภา” จะเริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่การฟื้นฟูยังดำเนินต่อเนื่องโดยไม่ลดความระมัดระวัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วที่สุด

ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่เชียงของ มอบถุงยังชีพ 252 ชุด สร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นายอำเภอเชียงของ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เทศบาลตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 252 ชุด พร้อมกล่าวให้กำลังใจแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและกำชับหน่วยงานในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนสามารถก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน

ปภ.เชียงรายสรุป 15 อำเภอ 79 ตำบล 454 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบ สัตว์เศรษฐกิจเสียหายหนัก

รายงานสถานการณ์ล่าสุดจากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.เชียงราย) ระบุว่า ระหว่างวันที่ 16-27 กรกฎาคม 2568 มีฝนตกสะสมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มใน 15 อำเภอ 79 ตำบล 454 หมู่บ้าน มีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 13,036 ครัวเรือน

ความเสียหายที่เกิดขึ้นครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สินสำคัญ ได้แก่ โรงเรียน 8 แห่ง ถนน 19 สาย สะพาน 1 แห่ง คอสะพาน 4 แห่ง วัด 3 แห่ง สัตว์เศรษฐกิจเสียหายอย่างหนัก เช่น โค 4,445 ตัว กระบือ 1,987 ตัว สุกร 3,387 ตัว แพะ-แกะ 43 ตัว สัตว์ปีก 230,879 ตัว แปลงหญ้า 699 ไร่ ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมยังอยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมข้อมูล

โชคดีที่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

สถานการณ์รายอำเภอ หลายแห่งน้ำลด หลายจุดยังต้องเฝ้าระวัง

อำเภอเทิง พญาเม็งราย (ต.ตาดควัน ต.ไม้ยา) เมืองเชียงราย เชียงของ เวียงแก่น เวียงป่าเป้า (บ้านเรือนแห้งแล้ว) แม่สรวย แม่ลาว และยางฮอม (อ.ขุนตาล) ระดับน้ำลดลงและกลับสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม ยังมีอำเภอพญาเม็งราย (ต.แม่เปา ต.เม็งราย ต.แม่ต๋ำ) ป่าแดด ขุนตาล (ต.ต้า ต.ป่าตาล) เวียงเชียงรุ้ง เวียงชัย พาน ดอยหลวง และแม่จัน ที่น้ำยังคงท่วมขังบางส่วน หรือมีน้ำขังบนผิวจราจรและพื้นที่เกษตร ต้องเฝ้าระวังฝนที่อาจตกซ้ำและปริมาณน้ำที่อาจไหลสมทบจากภูเขาตลอด 24 ชั่วโมง

เร่งฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เน้นซ่อมแซมจุดเสี่ยงคอสะพานและถนน

พื้นที่อำเภอเชียงของยังมีจุดเสี่ยงสำคัญคือ คอสะพานถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4027 ที่เกิดน้ำท่วมขังและมีการเซาะใต้ฐานสะพานบางส่วน แม้ยังสามารถสัญจรได้แต่ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนซ่อมแซมทันทีที่สถานการณ์เอื้ออำนวย ทั้งนี้ หากมีการปิดเส้นทางหรือซ่อมแซมจะมีการแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

 เชียงรายผ่านวิกฤตแต่ยังต้องไม่ประมาท

สถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับจังหวัดเชียงราย แม้จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐาน สัตว์เศรษฐกิจ และภาคเกษตรกรรมยังคงต้องใช้เวลาและงบประมาณในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป

  • การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน: คอสะพานและถนนหลายสายที่ถูกเซาะหรือพังเสียหาย ต้องได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนเพื่อคืนความปลอดภัยและความสะดวกในการสัญจร
  • การฟื้นฟูภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์: ด้วยจำนวนสัตว์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบสูง จำเป็นต้องเร่งเยียวยา จัดหาพันธุ์สัตว์ทดแทน และสนับสนุนสินเชื่อหรือเงินช่วยเหลือเพื่อให้เกษตรกรกลับมาดำรงชีพได้อย่างมั่นคง
  • การเยียวยาและประเมินความเสียหายอย่างทั่วถึง: ต้องมีการสำรวจและรวบรวมข้อมูลครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบอย่างละเอียด เพื่อจัดสรรการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเป็นธรรมและครอบคลุม
  • การป้องกันระยะยาว: จำเป็นต้องทบทวนและเสริมสร้างมาตรการป้องกันอุทกภัยระยะยาว อาทิ การบริหารจัดการน้ำต้นน้ำ การวางแผนที่ดินและพื้นที่เกษตรกรรมให้สอดคล้องกับความเสี่ยง การเสริมสร้างชุมชนให้มีศักยภาพในการรับมือภัยพิบัติ และการใช้เทคโนโลยีสื่อสารแจ้งเตือนภัย

ก้าวผ่านวิกฤตด้วยความร่วมมือ เดินหน้าฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

ภาพรวมสถานการณ์และการตอบสนองของทุกหน่วยงานสะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เชียงรายก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ด้วยความร่วมมือและกำลังใจ พร้อมเดินหน้าฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.เชียงราย)
  • สำนักงานจังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงราย, วันที่ 27 กรกฎาคม 2568
  • ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
  • ข่าวประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงรายเร่งแก้แม่น้ำกก ปนเปื้อน สารหนูเกินมาตรฐาน!

เชียงรายเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ – จับมือทุกภาคส่วนสู้ภัยสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก วันสิ่งแวดล้อมโลกชาวบ้านแห่เรียกร้อง “ปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง”

เชียงราย, 5 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวของสังคมต่อวิกฤตสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำสำคัญของภาคเหนือ “แม่น้ำกก” ซึ่งเป็นหัวใจของการดำรงชีวิตในพื้นที่เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง กลายเป็นประเด็นร้อนบนเวทีสาธารณะอีกครั้ง หลังการตรวจพบสารหนูและสารพิษโลหะหนักเกินค่ามาตรฐานในน้ำอย่างต่อเนื่อง กระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของชุมชนริมฝั่งน้ำ ทั้งยังเป็นชนวนจุดประกายให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดลุกขึ้นผนึกกำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง

นายก อบจ.เชียงราย นำทีมร่วมขบวน “ปอยหลวงปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สายรวก โขง” ย้ำจุดยืนปกป้องสิ่งแวดล้อม เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 2568

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมกิจกรรมขบวนแห่ “ปอยหลวงปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สายรวก โขง” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ซึ่งตรงกับวันสิ่งแวดล้อมโลก โดยมีนายจิรวัฒน์ ณ เชียงใหม่ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขตอำเภอเมืองเชียงราย เขต 1 เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญในครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางการรวมตัวของพี่น้องประชาชนชาวเชียงรายจำนวนมากที่มาร่วมแสดงพลังและเจตนารมณ์ร่วมกันในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัด

กิจกรรม “ปอยหลวงปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สายรวก โขง” จัดขึ้นโดยความร่วมมือของภาคประชาสังคมและเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดเชียงราย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเรียกร้องให้มีการพิจารณาและดำเนินการ “ปิดเหมือง” อันอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคุณภาพของลุ่มน้ำกก ลำน้ำสายรวก และแม่น้ำโขง ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่อาจได้รับผลกระทบจากกิจกรรมการทำเหมืองแร่ในอดีตหรือที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืน “วันสิ่งแวดล้อมโลกในปีนี้เป็นโอกาสอันดีที่เราทุกคนจะได้ทบทวนบทบาทและความรับผิดชอบในการปกป้องผืนดินและแหล่งน้ำของเรา สิ่งแวดล้อมที่ดีคือรากฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนทุกคนในปัจจุบันและในอนาคต องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลระหว่างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะสนับสนุนทุกภาคส่วนในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม”

เวทีรัฐ-ประชาชนร่วมสื่อสารสถานการณ์

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นแกนกลางนำทีมหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย สำนักงานประปาส่วนภูมิภาคเชียงราย สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย และสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ร่วมชี้แจงสถานการณ์ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเผยว่า ต้นตอของปัญหาส่วนใหญ่มาจากกิจกรรมเหมืองแร่ในต่างประเทศ จังหวัดจึงมีอำนาจและขีดความสามารถแก้ไขได้เพียงปลายเหตุ เช่น การตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก บ่อน้ำตื้น และแหล่งน้ำดิบของการประปา รวมถึงการเตรียมสำรองแหล่งน้ำจากที่อื่นไว้ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดยังยืนยันว่าได้อยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด

ที่ผ่านมา สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ มาแล้วจำนวน 4 ครั้ง พบว่าคุณภาพน้ำใต้ฝายเชียงรายในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย มีแนวโน้มดีขึ้นจากการตกตะกอนของสารปนเปื้อน ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นฐานข้อมูลสำคัญเพื่อการวิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาในอนาคต

ผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำ  ตัวเลขที่น่ากังวล

ผลการตรวจสอบโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ในเดือนพฤษภาคม 2568 พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานทั้ง 11 จุดสำรวจ ในพื้นที่เชียงรายและเชียงใหม่ อาทิ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย (0.030 มก./ลิตร), บ้านหัวฝาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย (0.023 มก./ลิตร) และจุดสูงสุดอยู่บริเวณชายแดนไทย–เมียนมา ขณะที่การตรวจในแม่น้ำโขงพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานที่ต.เวียง อ.เชียงแสน (0.026 มก./ลิตร) และต.บ้านแซว อ.เชียงแสน (0.025 มก./ลิตร)

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบดังกล่าว หน่วยงานรัฐยังพบความคลาดเคลื่อนของผลตรวจน้ำระหว่างภาครัฐกับนักวิชาการอิสระในบางจุด จึงขอความร่วมมือจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ประสานงานล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการตรวจน้ำแต่ละครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงกัน ลดความตื่นตระหนกและสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องในชุมชน

แผนรับมือเชิงระบบ – การตั้งคณะทำงาน 4 ชุด

ในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงาน 4 ชุดเพื่อรับมือกับปัญหานี้ ได้แก่

  1. ชุดประสานงานระหว่างประเทศ
  2. ชุดด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม
  3. ชุดติดตามคุณภาพน้ำ
  4. ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า

โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมจัดประชุมร่วมกับจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ ทางระบบออนไลน์ เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาให้เกิดความเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ชาวบ้านลุกขึ้นสู้ “ปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง”

ในวันเดียวกันนี้ บรรยากาศที่สวนสาธารณะแม่ฟ้าหลวงคึกคักไปด้วยประชาชน นักเรียน นักศึกษา ภาคประชาสังคม และผู้นำท้องถิ่นกว่า 1,000 คน รวมพลังแสดงจุดยืนร่วมในกิจกรรม “ปอยหลวงปิดเหมือง ฟื้นฟูลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง” เพื่อเรียกร้องปกป้องทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมจากผลกระทบของเหมืองแร่ พร้อมส่งสารถึงผู้นำประเทศและนานาชาติให้ร่วมมือกันอนุรักษ์ธรรมชาติ

การรวมพลังครั้งนี้สะท้อนถึงความตื่นตัวและความห่วงใยต่อแม่น้ำกก สาย รวก โขง ในฐานะสายชีวิตของผู้คนเชียงราย ซึ่งหากไม่มีมาตรการเชิงรุกที่ชัดเจน ปัญหาสารพิษข้ามพรมแดนจะลุกลามและกระทบวิถีชีวิตของชุมชนอย่างต่อเนื่อง

เสียงประชาชนสะท้อนถึงศูนย์กลางนโยบาย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายย้ำว่า ทางจังหวัดจะดำเนินการเต็มที่และพร้อมประสานงานกับทุกฝ่ายในทุกมิติ ขณะที่ภาคประชาชนยังคงจับตาและผลักดันให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยั่งยืน

สุดท้ายนี้ ความหวังของชาวเชียงรายและเครือข่ายภาคประชาชน คือ การได้เห็นแม่น้ำกกและลุ่มน้ำสำคัญกลับมาสะอาด บริสุทธิ์ เป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตอย่างแท้จริง ขณะที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน และสร้างการสื่อสารที่ถูกต้องต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย
  • สำนักงานประปาส่วนภูมิภาคเชียงราย
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งลุย ทลายบ่อนพนันกลางเมือง

เชียงรายฟ้าใส” ปฏิบัติการจัดระเบียบสังคม ทลายบ่อนพนันกลางเมือง จับ 13 นักพนัน พร้อมของกลางเงินสดและยาเสพติด

เชียงราย, 16 พฤษภาคม 2568 – ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาทางสังคมหลายด้าน หนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลเร่งขับเคลื่อน คือการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ล่าสุด จังหวัดเชียงราย โดยการนำของผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ดำเนินการเปิดปฏิบัติการพิเศษภายใต้ชื่อ “เชียงรายฟ้าใส” ซึ่งเป็นแผนเชิงรุกที่มุ่งจัดการกับปัญหาการลักลอบเล่นการพนันที่แพร่หลายอยู่ในพื้นที่

จุดเริ่มต้นจากเสียงของประชาชน

การปฏิบัติการครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการร้องเรียนของชาวบ้านในพื้นที่ซอย 23 บ้านเหล่าพัฒนา หมู่ที่ 14 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ที่ทนไม่ไหวกับเสียงรบกวนจากบ้านหลังหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นบ่อนการพนันลับ ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า มีนักพนันเข้าออกตลอดทั้งคืน สร้างความไม่สงบต่อวิถีชีวิตและความปลอดภัยในชุมชน

ภายใต้การอำนวยการของ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, พล.ต.ต. มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย, และเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและตำรวจท้องที่ ได้วางแผนร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มงานความมั่นคงจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบพื้นที่ตามที่ประชาชนร้องเรียน

ยุทธการเข้าตรวจค้นกลางเมือง

ในช่วงค่ำของวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่จากหลากหลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันปฏิบัติการจู่โจมเข้าตรวจสอบบ้านเป้าหมาย ซึ่งแม้ไม่มีเลขที่บ้านระบุ แต่จากข้อมูลเชิงลึกและการสืบสวน สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ลักลอบเปิดเป็นบ่อนพนันจริง

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ พบว่าภายในบ้านมีการตั้งวงพนันหลายประเภท โดยเฉพาะไพ่นกกระจอกและไฮโล อุปกรณ์ที่ตรวจพบประกอบด้วย

  • โต๊ะไพ่นกกระจอก พร้อมไพ่ 3 สำรับ
  • โต๊ะและอุปกรณ์เล่นไฮโล 1 ชุด
  • เงินสดหมุนเวียนภายในบ่อนประมาณ 150,000 บาท

ขณะเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปในที่เกิดเหตุ มีนักพนันจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คนอยู่ในวงพนัน โดยสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน แบ่งเป็นชาย 11 คน และหญิง 2 คน

ตรวจพบยาเสพติดในสถานที่เกิดเหตุ

นอกจากกิจกรรมการพนัน เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบว่า มีบุคคลครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 ได้แก่

  • ยาบ้า 21 เม็ด
  • เฮโรอีน ประมาณ 8 กรัม

โดยบุคคลที่ครอบครองของกลางดังกล่าว ยังตรวจพบว่าเสพสารเสพติดด้วย ส่งผลให้ต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมตามกฎหมาย

ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้พบ นายไมตรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี สัญชาติไทย แสดงตนเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ในการลักลอบเล่นการพนัน

ข้อกล่าวหาและการดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายไมตรี ถูกแจ้งข้อหา “จัดให้มีขึ้นซึ่งการเล่นการพนันอันระบุไว้ในบัญชี ข. ลำดับที่ 21 โดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478

ส่วนผู้ต้องหาอีก 12 ราย ถูกแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันระบุไว้ในบัญชี ข. ลำดับที่ 21 โดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีโทษเช่นเดียวกัน

ผู้ต้องหาที่มีและเสพยาเสพติด ถูกแจ้งข้อหาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ทั้งข้อหาครอบครองโดยผิดกฎหมายและเสพสารเสพติดในร่างกาย

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรแม่ยาว เพื่อดำเนินการสอบสวนและนำตัวส่งฟ้องตามกระบวนการยุติธรรม

นโยบาย “เชียงรายฟ้าใส” มุ่งสู่เมืองปลอดภัย

ปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “เชียงรายฟ้าใส” ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง

นโยบายดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากปัจจัยทางสังคมที่นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคท้องถิ่น

การมีส่วนร่วมของชุมชนคือกุญแจสำคัญ

กรณีนี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชน ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังปัญหาใกล้ตัว โดยการแจ้งเบาะแสและร้องเรียนจากประชาชนกลายเป็นข้อมูลสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินการเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ

บทวิเคราะห์และแนวโน้ม

การบุกทลายบ่อนการพนันกลางเมืองในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าแม้ในยุคที่มีกฎหมายควบคุมและเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่พฤติกรรมฝ่าฝืนยังคงมีอยู่ หากไม่ได้รับการแก้ไขที่รากฐาน เช่น การให้ความรู้เรื่องโทษของการพนันและยาเสพติด การสร้างทางเลือกในด้านสันทนาการและรายได้ รวมถึงการเสริมสร้างวินัยชุมชน

แนวโน้มในอนาคต หากนโยบาย “เชียงรายฟ้าใส” ดำเนินต่อเนื่องและมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง เชียงรายมีโอกาสเป็นต้นแบบของการพัฒนาสังคมเมืองที่สะอาด ปลอดภัย และมีความยั่งยืนได้ในระดับประเทศ

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2566 ระบุว่า มีการจับกุมคดีการพนันทั่วประเทศกว่า 38,000 คดี โดยในเขตภาคเหนือมีมากกว่า 4,000 คดี
  • คดีเกี่ยวกับยาเสพติด พบการจับกุม ผู้ต้องหามีสารเสพติดในร่างกายเฉลี่ย 400 รายต่อเดือน ในเขตภาคเหนือ
  • คดีการเปิดบ่อนพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตในเชียงราย มีแนวโน้มลดลงร้อยละ 17 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
  • สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
  • กลุ่มงานความมั่นคง จังหวัดเชียงราย
  • สถานีตำรวจภูธรแม่ยาว จังหวัดเชียงราย
  •  
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ เชียงราย เยี่ยมผู้ประสบภัย ช่วยเหลือด่วน อ.พาน

ผู้ว่าฯ เชียงราย ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยอำเภอพานอย่างใกล้ชิด

สถานการณ์วาตภัยในจังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 20 เมษายน 2568 – จากเหตุการณ์วาตภัยที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17-18 เมษายน 2568 ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงได้มีคำสั่งด่วนให้ทุกอำเภอเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย นายอำเภอพาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้พบปะพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รับฟังปัญหาความเดือดร้อน รวมทั้งประเมินสภาพความเสียหายและความต้องการเร่งด่วนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลไปกำหนดแนวทางช่วยเหลือในระยะต่อไป

การช่วยเหลือเร่งด่วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการเยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยในครั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายได้มีการมอบเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ให้แก่ผู้ประสบภัยในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.) ยังได้มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังได้เน้นย้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเต็มที่ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

สรุปความเสียหายเบื้องต้นในภาพรวม

จากการสำรวจของจังหวัดเชียงรายในเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์วาตภัยครั้งนี้จำนวนรวมทั้งสิ้น 3,079 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายในระดับที่ยังสามารถซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ และในขณะนี้ หน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งแจกจ่ายวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยครบถ้วนแล้ว

จุดวิเคราะห์และแนวทางการป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด โดยเฉพาะการวางแผนรับมือที่ครอบคลุมทั้งการเตือนภัยล่วงหน้า การเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือเบื้องต้น รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที

ในอนาคต จังหวัดเชียงรายจึงได้เตรียมแผนการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในเรื่องการป้องกันภัยธรรมชาติ พร้อมทั้งเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการภัยพิบัติของชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติในจังหวัดเชียงราย

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในช่วงปี 2567 จังหวัดเชียงรายประสบภัยจากวาตภัยรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมกว่า 7,500 หลังคาเรือน และมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเบื้องต้นกว่า 100 ล้านบาท (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย, 2567)

ทั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงรายยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยธรรมชาติอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตในทุกเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติสุขโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

  • กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘น้ำกก’ ระดับพอใช้ – เสื่อมโทรม ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเฝ้าระวังด่วน!

ผู้ว่าฯ เชียงรายเรียกประชุมด่วนแก้ปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก หลังพบสารหนูเกินมาตรฐาน

เชียงราย, 6 เมษายน 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเร่งด่วนเมื่อวันนี้ (6 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก หลังได้รับรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งพบว่าแม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ ถึง เสื่อมโทรม” และมีสารหนูเกินมาตรฐานในบางจุด ส่งผลให้ต้องขอความร่วมมือประชาชนงดสัมผัสหรือบริโภคน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง จนกว่าคุณภาพน้ำจะดีขึ้น

รายงานผลการตรวจคุณภาพน้ำ

นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) รายงานผลการลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 เพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำผิวดินของแม่น้ำกกในจังหวัดเชียงราย โดยมีการตรวจวัดโลหะหนักและสารไซยาไนด์ เพื่อหาความปนเปื้อนของสารมลพิษ ผลการตรวจพบว่า:

  • คุณภาพน้ำโดยรวม: แม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ ถึง เสื่อมโทรม” โดยมีค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์เกินมาตรฐาน บริเวณบ้านโป่งนาคำ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย แสดงถึงการปล่อยน้ำเสียจากแหล่งชุมชนและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำ
  • แบคทีเรีย: ปริมาณแบคทีเรียเกินมาตรฐานในทั้ง 3 จุดที่ตรวจวัด
  • สารหนู: พบปริมาณเกินมาตรฐาน ดังนี้
    • บ้านโป่งนาคำ: 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L)
    • สะพานข้ามแม่น้ำกก ตำบลดอยฮาง: 0.012 mg/L
    • สะพานแม่ฟ้าหลวง หน้าศาลากลางจังหวัด: 0.011 mg/L

นายอาวีระระบุว่า ค่าสารหนูที่ตรวจพบเกินมาตรฐานเล็กน้อย (มาตรฐานน้ำผิวดินกำหนดไว้ที่ 0.01 mg/L) ซึ่งในมุมมองของนักสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นปัญหาที่ยังไม่รุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำที่มีสารหนูและแบคทีเรียเกินมาตรฐานไม่เหมาะสำหรับการบริโภคโดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากสัมผัสโดยตรง เช่น อาการระคายเคือง ผื่นคัน หรือท้องเสีย

แนวทางแก้ไขและคำแนะนำ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งการในที่ประชุม ดังนี้:

  1. เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ: ขอให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพิ่มการเก็บตัวอย่างน้ำเดือนละ 1-2 ครั้ง ตลอดลำน้ำกกตั้งแต่รอยต่อจังหวัดเชียงราย ผ่านอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอแม่จัน จนถึงอำเภอเชียงแสนที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและคลายความกังวลของประชาชน
  2. สำรวจการใช้น้ำ: มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำกกในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตน้ำประปา การเกษตร อุตสาหกรรม หรือกิจกรรมท่องเที่ยว โดยให้รายงานผลภายในวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เพื่อนำข้อมูลไปวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
  3. ประชาสัมพันธ์: กำชับให้หน่วยงานสร้างความเข้าใจกับประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยใกล้แม่น้ำกก ขอให้งดลงเล่นน้ำหรือสัมผัสน้ำโดยตรง จนกว่าคุณภาพน้ำจะกลับสู่ระดับปลอดภัย

นายชรินทร์ กล่าวว่า “ถึงคุณภาพน้ำจะอยู่ในเกณฑ์พอใช้ถึงเสื่อมโทรม แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าน้ำประปาที่ผ่านกระบวนการผลิตยังปลอดภัยต่อการใช้งาน ส่วนผู้ที่สัมผัสหรือดื่มน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรงอาจได้รับผลกระทบ จึงขอให้งดกิจกรรมดังกล่าวไปก่อน”

การรับประกันความปลอดภัยของน้ำประปา

เวลา 15.30 น. สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สอบถามนายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย ถึงผลกระทบจากคุณภาพน้ำแม่น้ำกก นายทวีศักดิ์ยืนยันว่า การประปาส่วนภูมิภาคได้เริ่มกระบวนการบำบัดน้ำเพิ่มเติมตั้งแต่ทราบผลการตรวจคุณภาพน้ำจากอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำประปาที่ส่งถึงประชาชนในเขตอำเภอเมืองเชียงรายยังคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากล “เราได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกระบวนการบำบัดให้เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมั่นใจ” นายทวีศักดิ์กล่าว

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ เทศบาล สำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. คุณภาพน้ำแม่น้ำกก: จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ ปี 2567 พบว่าแม่น้ำกกในบางช่วงมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม โดยมีค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand) สูงถึง 3-5 mg/L ซึ่งเกินมาตรฐานน้ำผิวดินที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2 mg/L (ที่มา: รายงานสถานการณ์มลพิษน้ำ, กรมควบคุมมลพิษ, 2567)
  2. การปนเปื้อนสารหนู: องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสัมผัสสารหนูเกิน 0.01 mg/L ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและระบบประสาท (ที่มา: WHO Arsenic Fact Sheet, 2023)
  3. การใช้น้ำในเชียงราย: ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติระบุว่า แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำดิบหลักสำหรับการผลิตน้ำประปาในเขตอำเภอเมืองเชียงราย คิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณน้ำที่ใช้ทั้งหมด (ที่มา: รายงานทรัพยากรน้ำ, สทนช., 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • องค์การอนามัยโลก
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

‘อนุทิน’ สั่งรับพายุ เตือนผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด

รัฐบาลเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568 ทั่วประเทศ กำชับช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน

กระทรวงมหาดไทยสั่งการทุกจังหวัดเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และเร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

ประเทศไทย, 15 มีนาคม 2568 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม โดยกำหนดมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

สถิติความเสียหายจากพายุฤดูร้อนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) พบว่า ในช่วงปี 2565 – 2567 มีผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูร้อนรวม 44 ราย บ้านเรือนเสียหาย 217,639 หลัง และมีประชาชนได้รับผลกระทบมากถึง 210,186 ครัวเรือน

“พายุฤดูร้อนเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นซ้ำทุกปี ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ แต่รัฐบาลสามารถ เตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสียหายและดูแลประชาชนให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว” นางสาวไตรศุลีกล่าว

มาตรการเตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน 2568

  1. การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน
  • ติดตาม พยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา อย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนผ่านทุกช่องทางที่มีประสิทธิภาพ
  • กำชับให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน ประสานงานและเผยแพร่แนวทางปฏิบัติตัวให้ปลอดภัย เช่น การป้องกันฟ้าผ่าและวิธีขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ
  1. การตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่เสี่ยงภัย
  • ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของ อาคาร สิ่งก่อสร้าง ป้ายโฆษณา และต้นไม้ขนาดใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพังถล่ม
  • จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องมือให้พร้อมปฏิบัติงาน เช่น เครื่องจักรกลสาธารณภัย ไฟฉาย เรือท้องแบน และอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน
  1. มาตรการช่วยเหลือหลังพายุสงบ
  • สำรวจความเสียหาย ของบ้านเรือนประชาชน และดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว
  • เร่งคืนสภาพโครงสร้างพื้นฐาน ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ระบบไฟฟ้า ถนน และสะพาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

แนวทางปฏิบัติกรณีเกิดพายุฤดูร้อน

เมื่อเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นในพื้นที่ใด ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ดังนี้:

  1. หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้หน่วยแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือทันที พร้อมเร่งเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล
  2. กรณีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ให้กำหนดพื้นที่รับผิดชอบแต่ละหน่วยงาน และส่งทีมปฏิบัติการเข้าไปซ่อมแซมโดยเร็ว
  3. หากโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหาย ให้ประสาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไข
  4. กรณีผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ให้หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ร่วมมือกันสำรวจความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

ความคิดเห็นจากนักวิชาการและประชาชน

ศาสตราจารย์ ดร.วรพจน์ อินทรฉัตร นักวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า “การแจ้งเตือนล่วงหน้าและการเตรียมพร้อมในระดับชุมชนเป็นปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบจากพายุฤดูร้อน ซึ่งภาครัฐควรเน้นการ ใช้เทคโนโลยี AI และข้อมูลจากดาวเทียม เพื่อพยากรณ์ล่วงหน้าที่แม่นยำขึ้น”

ขณะที่ นายสุพจน์ วัฒนาชัย เกษตรกรจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เกษตรกรได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง หลายพื้นที่ยังขาดการช่วยเหลือที่รวดเร็ว แม้มีมาตรการจากรัฐ แต่ก็ต้องเร่งปรับปรุงขั้นตอนการเยียวยาให้เข้าถึงประชาชนโดยตรงมากขึ้น”

สถิติที่เกี่ยวข้องกับพายุฤดูร้อนในประเทศไทย

  • จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูร้อน (2565 – 2567): 44 ราย
  • จำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย: 217,639 หลัง
  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ: 210,186 ครัวเรือน
  • ช่วงเวลาที่พายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อย: มีนาคม – พฤษภาคม
  • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในรอบ 3 ปี: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ

สรุป:

  • รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และช่วยเหลือประชาชนในช่วงพายุฤดูร้อน 2568
  • มาตรการหลัก ได้แก่ การแจ้งเตือนล่วงหน้า, ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้าง, จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว
  • นักวิชาการแนะนำให้พัฒนาเทคโนโลยีการพยากรณ์ ขณะที่ประชาชนเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งปรับปรุงกระบวนการเยียวยาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย / กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ / กรมอุตุนิยมวิทยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯ ลงตรวจปฏิบัติการแพทย์ทหาร ฝูงบิน 416 เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 14.30 น. นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางไปยังฝูงบิน 416 อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการลำเลียงอาหารและถุงยังชีพ รวมถึงทีมแพทย์ทหารที่เตรียมออกปฏิบัติภารกิจโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ KA-32 ในการส่งมอบอาหารและให้บริการทางการแพทย์แก่ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่เป้าหมายบ้านเทอดไทยและบ้านจะตี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก ทำให้หลายหมู่บ้านถูกตัดขาดจากเส้นทางคมนาคม ส่งผลให้การส่งอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์ต้องอาศัยการขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลในอำเภอแม่ฟ้าหลวง เช่น บ้านเทอดไทยและบ้านจะตี ที่ถูกน้ำป่าล้อมรอบจนไม่สามารถเดินทางเข้าถึงได้

ในระหว่างการลงพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการทางอากาศว่าภารกิจการขนส่งอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์ในพื้นที่อำเภอแม่สายเมื่อวันที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความสำเร็จ โดยเฮลิคอปเตอร์ได้ลำเลียงอาหารไปถึงชาวบ้านที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม นอกจากนี้ ทีมแพทย์ทหารยังสามารถนำตัวผู้ป่วยจำนวน 3 ราย ซึ่งติดอยู่ในบ้านอันเป็นผลจากน้ำท่วมหนักออกจากพื้นที่น้ำท่วมมารักษาตัวในพื้นที่ปลอดภัยได้อย่างปลอดภัย

สำหรับภารกิจในวันนี้ ทีมเฮลิคอปเตอร์ KA-32 ได้เตรียมพร้อมลำเลียงอาหารและยารักษาโรคไปยังบ้านเทอดไทยและบ้านจะตี ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารและการรักษาพยาบาล เนื่องจากเส้นทางคมนาคมถูกน้ำป่าตัดขาด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้

ทั้งนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกล พร้อมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายยังคงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยได้เตรียมพร้อมรับมือกับการระบายน้ำและการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประชาชนที่ต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นักท่องเที่ยวคึกคัก ‘ตักบาตรดอกไม้’ อัญเชิญพระพุทธรูป 9 องค์ หนึ่งเดียวในล้านนานักท่องเที่ยวคึกคัก ‘ตักบาตรดอกไม้’

 
เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่  29 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา ที่บริเวณสวนตุงและโคมนครเชียงราย ถนนธนาลัย ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีตักบาตรดอกไม้ หนึ่งเดียวในล้านนา
 
โดยมี นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ดร.วันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษา รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย ) และ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย นำชาวเชียงรายเเละ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศร่วมกันตักบาตรดอกไม้ หนึ่งเดียวในล้านนา ซึ่งมีขบวนฟ้อนเชียงรายจากนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย
 
ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายได้จัดให้มีงานเชียงรายดอกไม้งาม ปีที่ 20 ณ บริเวณสวนตุงและโคมนครเชียงราย ในระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ถึง 15 มกราคม 2567 นี้ โดยมีการอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 9 องค์จาก 9 วัดในอำเภอเมืองเชียงราย ประดิษฐานบนรถบุษบก 9 คัน เคลื่อนไปตามถนนธนาลัย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้ร่วมกันนมัสการและร่วมตักบาตรดอกไม้เพื่อความเป็นสิริมงคลจากนั้น พระสงฆ์และสามเณรออกรับบิณฑบาตรดอกไม้ โดยพร้อมเพียงกัน 
 
มีประชาชนออกมาร่วมทำบุญใส่บาตรด้วยดอกไม้ ร่วมกันอย่างคับคั่ง ซึ่งสร้างความประทับใจให้นักผู้ร่วมทำบุญตักบาตรอย่างมาก เพราะราชรถแต่ละคันมีความสวยที่ไม่ซ้ำกัน และสร้างโดยศิลปินแต่ละจังหวัด ใช้ระยะเวลาสร้าง 9 ปี โดยในหนึ่งปีจะนำออกให้ประชาชนและนักนักท่องเที่ยวได้ชมในการร่วมพิธีที่สำคัญเพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือ ตักบาตรดอกไม้และตักบาตรวันขึ้นปีใหม่เท่านั้น
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News