Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ไทม์ไลน์ระบุเงินช่วย ‘ค่าล้างโคลน’ “เชียงราย” รับเงินก่อน 10 เม.ย. นี้

จังหวัดเชียงรายเร่งจัดสรรเงินทดรองราชการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ปี 2568

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการจัดสรรเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยมีวงเงินรวมทั้งสิ้น 292,147,249 บาท แบ่งเป็นเงินช่วยเหลือสำหรับอำเภอแม่สาย จำนวน 134,776,273 บาท และอำเภอเมืองเชียงราย จำนวน 157,770,976 บาท การจัดสรรครั้งนี้เกิดขึ้นตามคำสั่งด่วนจากนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด ที่ ชร 0021/ว 749 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2568 เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที

การจัดสรรเงินทดรองราชการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการดำรงชีพตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2563 รวมถึงค่าใช้จ่ายในการล้างทำความสะอาดดินโคลนและซากวัสดุบริเวณที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัยที่เป็นเจ้าของบ้าน โดยกำหนดวงเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาท เงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวงเงินขยายเพิ่มเติม 300 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง ข้อ 8 (8) และข้อ 8 วรรคสอง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้น

ความเป็นมาของการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

เหตุอุทกภัยในจังหวัดเชียงรายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนของปี 2567 โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นเขตที่มีความเสี่ยงสูงต่อน้ำท่วมเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ลุ่มน้ำสำคัญ เช่น แม่น้ำโขงและแม่น้ำสายอื่น ๆ ที่ไหลผ่านจังหวัด ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ เช่น ถนน ระบบระบายน้ำ และสถานที่ราชการบางแห่งด้วย อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงรายได้ยื่นขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากจังหวัดเชียงราย ตามหนังสือด่วนที่สุดจากอำเภอแม่สาย ที่ ชร 1018.3/1105 และ ชร 1018.3/1106 รวมถึงจากอำเภอเมืองเชียงราย ที่ ชร 0118.3/1460 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2568 เพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน

จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่ามีครัวเรือนจำนวนมากในทั้งสองอำเภอที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำและบริเวณใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งดินโคลนและซากวัสดุที่ถูกน้ำพัดพามาได้สร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินของประชาชน ด้วยเหตุนี้ จังหวัดเชียงรายจึงได้เร่งดำเนินการจัดสรรเงินทดรองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้นายอำเภอทั้งสองอำเภอดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด

รายละเอียดการจัดสรรและขั้นตอนการเบิกจ่าย

ตามหนังสือที่ส่งถึงนายอำเภอแม่สายและนายอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายได้กำหนดให้มีการจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินทดรองราชการ เช่น ใบสำคัญรับเงินและรายงานการใช้จ่าย ไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับเงินจากคลังจังหวัด เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายได้อย่างโปร่งใส นอกจากนี้ ยังขอให้ทั้งสองอำเภอรายงานผลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวกลับมาที่จังหวัด เพื่อประเมินผลกระทบและความครอบคลุมของการช่วยเหลือ

วงเงินที่จัดสรรทั้งหมด 292,147,249 บาท ถือเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณขยายเพิ่มเติม 300 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีฉุกเฉิน โดยเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ตามหลักเกณฑ์ที่ระบุในระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2563 ซึ่งครอบคลุมหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น การช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ (ข้อ 5.1.4 ถึง 5.1.16) และการอนุมัติการปฏิบัติที่นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ในกรณีจำเป็น โดยเฉพาะการล้างทำความสะอาดดินโคลนและซากวัสดุ ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนในพื้นที่เผชิญอยู่

แผนการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ

เพื่อให้การช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว จังหวัดเชียงรายได้กำหนดกรอบระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการ โดยคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 13 วันทำการ (ไม่รวมวันหยุดราชการ) ดังนี้

  • 20 มีนาคม 2568: ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดเชียงราย (กชภจ.) เพื่อพิจารณาแผนการช่วยเหลือ
  • 21 มีนาคม 2568: ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายอนุมัติการจัดสรรเงินให้อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย
  • 22-24 มีนาคม 2568: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย) เสนอขออนุมัติเงินยืมจากคลังจังหวัด
  • 24-25 มีนาคม 2568: ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติเงินยืมให้ทั้งสองอำเภอ
  • 26-27 มีนาคม 2568: ปภ.จ.เชียงรายดำเนินการเบิกเงินและโอนให้อำเภอ
  • 27-28 มีนาคม 2568: อำเภอรับเงินยืมจากจังหวัด
  • 29 มีนาคม – 10 เมษายน 2568: อำเภอเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยตามรายชื่อที่ได้รับการสำรวจและอนุมัติ

กรอบระยะเวลานี้แสดงถึงความพยายามของจังหวัดในการเร่งรัดกระบวนการเพื่อให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม หากความเสียหายในพื้นที่มีมูลค่าเกินกว่าวงเงินที่จัดสรร อำเภอสามารถยื่นขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากจังหวัดได้ตามความจำเป็น

ความสำคัญของการช่วยเหลือครั้งนี้

เหตุอุทกภัยในจังหวัดเชียงรายไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากจังหวัดนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากในช่วงฤดูฝน การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น และฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของประชาชนให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาทสำหรับการล้างดินโคลนและซากวัสดุ ถือเป็นมาตรการที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องเผชิญกับบ้านเรือนที่เต็มไปด้วยโคลนและสิ่งสกปรกหลังน้ำลด

นอกจากนี้ การจัดสรรเงินทดรองราชการยังสะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ ตามที่ระบุในระเบียบกระทรวงการคลัง ซึ่งกำหนดให้การช่วยเหลือต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสมและให้ความช่วยเหลือถึงมือผู้เดือดร้อนอย่างแท้จริง

บริบทของน้ำท่วมในประเทศไทยและจังหวัดเชียงราย

น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำซากในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมของทุกปี เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ซึ่งส่งผลกระทบต่อ 65 จังหวัด และสร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 1.43 ล้านล้านบาท ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้มีการออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว

สำหรับจังหวัดเชียงราย อุทกภัยในปี 2567 ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอำเภอแม่สาย ซึ่งเป็นจุดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา และมักเผชิญกับน้ำท่วมจากแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงที่เอ่อล้น รวมถึงอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจของจังหวัด การที่ทั้งสองอำเภอนี้ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวนมาก แสดงถึงความรุนแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้น และความจำเป็นในการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน

การบริหารจัดการงบประมาณน้ำท่วมในอดีต

หากย้อนดูงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำท่วมในประเทศไทย จะพบว่ารัฐบาลได้จัดสรรเงินจำนวนมหาศาลเพื่อรับมือกับภัยพิบัตินี้ ในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งเป็นปีล่าสุดที่มีข้อมูลครบถ้วน งบประมาณทั้งหมดของประเทศอยู่ที่ 3.185 ล้านล้านบาท โดยมีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมรวม 53,377.55 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 1.68% ของงบประมาณทั้งหมด งบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม เช่น เขื่อนป้องกันตลิ่ง (19,821.42 ล้านบาท) ระบบระบายน้ำและประตูระบายน้ำ (6,899.69 ล้านบาท) และฝายต่าง ๆ (5,441.61 ล้านบาท) ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังมีงบกลางที่ถูกนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยในช่วงปี 2560-2566 มีการอนุมัติงบกลางเพื่อน้ำท่วมรวม 97,832.80 ล้านบาท โดยปี 2566 เป็นปีที่มีการเบิกจ่ายสูงเป็นอันดับ 3 ซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการก่อสร้างและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน (8,171.60 ล้านบาท) การช่วยเหลือผู้ประสบภัย (6,258.54 ล้านบาท) และการฟื้นฟูถนนที่เสียหาย (3,786.55 ล้านบาท) การจัดสรรเงินทดรองราชการในครั้งนี้จึงสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งเน้นทั้งการป้องกันและการเยียวยา

ความท้าทายและข้อกังวล

ถึงแม้ว่าการจัดสรรเงินทดรองราชการครั้งนี้จะเป็นการตอบสนองต่อความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันท่วงที แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นคือความล่าช้าในกระบวนการเบิกจ่าย ซึ่งอาจเกิดจากขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารหรือการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ แม้ว่าจะมีการกำหนดกรอบระยะเวลา 13 วันทำการ แต่หากเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ เช่น การขาดแคลนบุคลากรหรือความล่าช้าในการสำรวจผู้ประสบภัย อาจทำให้เงินถึงมือประชาชนช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

อีกประเด็นหนึ่งคือความเพียงพอของวงเงินช่วยเหลือ เงินครัวเรือนละ 10,000 บาทอาจเพียงพอสำหรับการล้างดินโคลนและซากวัสดุในบางครัวเรือน แต่สำหรับบ้านที่มีความเสียหายหนักหรือมีพื้นที่กว้างขวาง อาจไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูทั้งหมด ผู้ประสบภัยบางรายอาจต้องใช้เงินส่วนตัวเพิ่มเติม ซึ่งอาจสร้างภาระให้กับครัวเรือนที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว

ทัศนคติเป็นกลาง: มุมมองทั้งสองฝั่ง

จากมุมมองของผู้สนับสนุนการจัดสรรเงินทดรองราชการ การดำเนินการครั้งนี้แสดงถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลในการดูแลประชาชนในยามวิกฤต การกำหนดวงเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 10,000 บาท และการจัดสรรเงินเกือบ 300 ล้านบาทให้สองอำเภอที่ได้รับผลกระทบหนัก เป็นหลักฐานถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ การกำหนดกรอบระยะเวลาและขั้นตอนที่ชัดเจนยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงต่อการทุจริต ผู้ที่เห็นด้วยอาจมองว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฟื้นฟู และหากวงเงินไม่เพียงพอ อำเภอยังสามารถขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมได้ ซึ่งแสดงถึงความยืดหยุ่นของระบบ

ในทางกลับกัน ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อาจมองว่าการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว เงิน 10,000 บาทต่อครัวเรือนอาจดูเหมือนเป็นจำนวนที่น้อยเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และการที่ต้องรอถึงวันที่ 29 มีนาคมถึง 10 เมษายน 2568 กว่าผู้ประสบภัยจะได้รับเงิน อาจช้าเกินไปสำหรับบางครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือทันที นอกจากนี้ การที่งบประมาณส่วนใหญ่ในอดีตถูกใช้ไปกับการก่อสร้างมากกว่าการพัฒนาระบบเตือนภัยหรือการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อาจทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของนโยบายการจัดการน้ำท่วมโดยรวมของรัฐบาล

ทั้งสองมุมมองมีเหตุผลในตัวเอง การช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นสิ่งจำเป็นและควรได้รับการชื่นชมในแง่ของความรวดเร็วในการตอบสนอง แต่การป้องกันภัยพิบัติในอนาคตและการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การสร้างสมดุลระหว่างการเยียวยาระยะสั้นและการลงทุนระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่จังหวัดเชียงรายและรัฐบาลต้องพิจารณาต่อไป

สถิติที่เกี่ยวข้อง

จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) และสำนักงบประมาณ:

  • ปี 2567: อุทกภัยในประเทศไทยระหว่างวันที่ 4 สิงหาคม – 2 กันยายน 2567 ส่งผลให้มีพื้นที่น้ำท่วมรวม 1,231,323 ไร่ ครอบคลุม 11 จังหวัด และมีผู้ได้รับผลกระทบ 241,875 ครัวเรือน (ที่มา: ระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่น้ำท่วม, GISTDA)
  • ปี 2566: งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมทั้งหมด 53,377.55 ล้านบาท โดยงบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งสูงสุดที่ 19,821.42 ล้านบาท คิดเป็น 37.13% ของงบน้ำท่วมทั้งหมด (ที่มา: รายงานงบประมาณลงพื้นที่จังหวัด ปีงบประมาณ 2566, สำนักงบประมาณ)
  • ปี 2554: มหาอุทกภัยสร้างความเสียหายมูลค่า 1.43 ล้านล้านบาท พื้นที่เกษตรกรรมเสียหาย 11,798,241 ไร่ และกระทบประชาชนกว่า 13 ล้านคน (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

สถิติเหล่านี้สะท้อนถึงความรุนแรงและความถี่ของปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทย รวมถึงความพยายามของรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้รับการรวบรวมและวิเคราะห์โดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น GISTDA และสำนักงบประมาณ

การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย แต่ยังคงต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าความช่วยเหลือจะถึงมือผู้เดือดร้อนอย่างทั่วถึงและทันเวลา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย (ปภ.จ.เชียงราย)
  • สำนักงบประมาณ
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)
  • Rocket Media Lab
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มอบผ้าห่ม ช่วยชาวเชียงรายต้านภัยหนาว

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือกองทัพไทย มอบผ้าห่มกันหนาวช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย ชี้ภัยหนาวเสี่ยงอันตรายรุนแรง

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก ณัฐพัชร หนองแสง ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 35 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ผู้แทนจากกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ร่วมกันส่งมอบ ผ้าห่มกันหนาวและถุงยังชีพ ที่บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค เวชภัณฑ์ และสิ่งของจำเป็น ให้กับประชาชนในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะอากาศหนาวจัด

ผ้าห่มที่มอบในครั้งนี้ผลิตจาก ขวดพลาสติกรีไซเคิล (Upcycling) โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านวัดจากแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ผู้ประสบภัยแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการลดขยะพลาสติก ตอกย้ำถึงการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และกองทัพไทยต่างเล็งเห็นความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาวะภัยหนาวที่มักส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คน

อากาศหนาวจัด: ภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพ

อากาศหนาวจัดอาจดูไม่อันตราย แต่ในความเป็นจริง ภัยหนาว สามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายได้รุนแรง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว

ข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี อุณหภูมิในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักลดต่ำลงถึง 8-10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่สูง เช่น ดอยแม่สลองและดอยตุง จ.เชียงราย ซึ่งอุณหภูมิอาจลดต่ำถึง 5 องศาเซลเซียส

จากสถิติของ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี 2566 มีผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศหนาวเย็นที่พบได้บ่อย ได้แก่

  1. โรคทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และหลอดลมอักเสบ
  2. ภาวะตัวเย็นเกิน (Hypothermia) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลว
  3. โรคผิวหนัง เช่น ผื่นคันและผิวหนังแห้งแตกจากการสูญเสียน้ำในร่างกาย

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวอย่างเป็นระบบ

การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์ฯ และกองทัพไทยในครั้งนี้ นอกจากเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าแล้ว ยังถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดความตระหนักถึงอันตรายจากอากาศหนาวในวงกว้าง

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล กล่าวว่า
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน โดยการนำแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ ผ่านการผลิตผ้าห่มจากขวดพลาสติกรีไซเคิล ช่วยทั้งผู้ประสบภัยและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับมือกับภัยหนาว ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าให้ความอบอุ่นเพียงพอ หมั่นดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำความร้อนที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย

ความร่วมมือเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

การดำเนินโครงการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง พลังแห่งความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมกันสร้างโอกาสในการเข้าถึงการช่วยเหลือในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน การแจกจ่ายผ้าห่มและถุงยังชีพในครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาภัยหนาวที่กำลังทวีความรุนแรงในหลายพื้นที่ และเป็นกำลังใจให้ประชาชนก้าวผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างปลอดภัย

ข้อแนะนำสำหรับประชาชนในช่วงฤดูหนาว

  1. สวมใส่เสื้อผ้าหนาและปิดมิดชิด เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกาย
  2. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะอาหารร้อน เช่น น้ำขิง ซุป และอาหารโปรตีนสูง
  3. หมั่นออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น

การมอบผ้าห่มกันหนาวและสิ่งของจำเป็นในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของการช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างแท้จริง สร้างความตระหนักถึงอันตรายจากภัยหนาว พร้อมทั้งร่วมผลักดันการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ฝ่ายสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย คืนรอยยิ้มชาวชุมชน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแม่สาย

ทวงคืนรอยยิ้มชาวแม่สาย อบจ.เชียงรายลงพื้นที่ฟื้นฟูหลังสาธารณภัย

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายอนุชา ยอดเชียงคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เขต 1 อำเภอแม่สาย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและบุคลากรของ อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย เพื่อดำเนินการตามโครงการช่วยเหลือประชาชน เยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุสาธารณภัยในพื้นที่ ซึ่งเป็นการดำเนินงานครั้งที่ 4 ภายใต้เป้าหมายสำคัญในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัย

การลงพื้นที่ช่วยเหลือและฟื้นฟู

ในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้ลงพื้นที่ในตำบลแม่สาย ครอบคลุมหลายหมู่บ้าน ได้แก่

  • หมู่ 1 บ้านเหมืองแดงใต้
  • หมู่ 3 บ้านสันผักฮี้
  • หมู่ 4 บ้านเวียงหอม
  • หมู่ 5 บ้านสันมะนะ
  • หมู่ 6 บ้านป่ายางชุม
  • หมู่ 9 บ้านสันทราย
  • หมู่ 11 บ้านสันทรายใหม่

รวมจำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือกว่า 1,900 ราย โดยมีผู้นำท้องที่และผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

รายละเอียดการช่วยเหลือ

การมอบความช่วยเหลือในครั้งนี้ อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาด้านการดำรงชีพ 4 รายการ ตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ซึ่งประกอบด้วย:

  1. ค่าเครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท
  2. ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
  3. ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท
  4. ค่าเครื่องนอน รายละไม่เกิน 1,000 บาท

ความห่วงใยจากนายก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้กล่าวให้กำลังใจผู้ประสบภัยทุกคน พร้อมเน้นย้ำถึงความพร้อมของ อบจ.เชียงราย ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม หากมีผู้ที่ประสบภัยแล้วยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือรายชื่อตกหล่น สามารถแจ้งความจำนงได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือเทศบาลตำบลในพื้นที่ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้ดำเนินการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการจังหวัดเชียงรายพิจารณาอีกครั้ง

ฟื้นฟูความเป็นอยู่ด้วยพลังชุมชน

โครงการช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในระยะสั้น แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว

อบจ.เชียงราย ยังคงยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้กลับมามีรอยยิ้มและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอีกครั้ง พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างชุมชนที่มั่นคงและปลอดภัย

ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ สามารถติดต่อ อบจ.เชียงราย หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ของตน เพื่อขอรับการเยียวยาเพิ่มเติมได้ตลอดระยะเวลาโครงการ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายมอบเงินช่วยเหลือ ฟื้นฟูบ้านหลังน้ำท่วมและดินถล่ม

จังหวัดเชียงรายมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูบ้านเรือนหลังเหตุการณ์น้ำท่วมและดินถล่ม

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง และ อำเภอแม่สาย โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี แทน นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณ ที่ว่าการอำเภอแม่ฟ้าหลวง

การมอบเงินช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูบ้านเรือน

ในพิธีครั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้มอบเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย โดยในพื้นที่ อำเภอแม่ฟ้าหลวง ได้มอบเงินช่วยเหลือเพื่อการฟื้นฟูบ้านเรือนจำนวน 7 หลังคาเรือน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 410,000 บาท จากนั้นคณะทำงานได้เดินทางต่อไปยัง อำเภอแม่สาย เพื่อมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 32 หลังคาเรือน รวมเป็นเงิน 1,380,000 บาท

หลักเกณฑ์การพิจารณาการช่วยเหลือ

คณะทำงานได้พิจารณาการจัดสรรเงินช่วยเหลือตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ โดยคำนึงถึงความเสียหายของบ้านเรือนจากอุทกภัยและดินถล่มที่เกิดขึ้น โดยคณะทำงานได้ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องก่อนการมอบเงิน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสมและโปร่งใส

สถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายได้ประสบกับสถานการณ์ อุทกภัยและดินโคลนถล่ม ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2567 ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงได้จัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูบ้านเรือน

เงินกองทุนที่ได้รับมาจากการสนับสนุนของภาคเอกชน องค์กร และประชาชน ได้ถูกนำมาใช้เพื่อ สมทบค่าก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือในชุมชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในพื้นที่

แผนการช่วยเหลือและการฟื้นฟูในระยะยาว

ทางจังหวัดเชียงรายมีแผนการดำเนินการฟื้นฟูบ้านเรือนและพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังมีการวางแผน ป้องกันภัยพิบัติในอนาคต เพื่อให้ชุมชนสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอีก

สรุป

การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จในการร่วมมือกันของหน่วยงานภาครัฐและประชาชน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการยืนยันถึง ความสามัคคีของชุมชน ที่พร้อมจะก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ต.ริมกก 2,429 ราย

อบจ.เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยหลังอุทกภัย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ดำเนินการโครงการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุสาธารณภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงรายที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก

อบจ.เชียงรายลงพื้นที่เยียวยาผู้ประสบภัย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะได้ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัย ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในตำบลริมกก จำนวน 2,429 ราย เข้าร่วมรับการช่วยเหลือ

การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

การดำเนินการช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนของ อบจ.เชียงราย ที่ได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ อาทิ ค่าเครื่องนุ่งห่ม ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ ค่าเครื่องครัว และค่าเครื่องนอน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

เป้าหมายเพื่อฟื้นฟูชีวิตผู้ประสบภัย

นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า “เราเข้าใจดีว่าเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก อบจ.เชียงรายจึงเร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด”

แผนการช่วยเหลือในระยะยาว

นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว อบจ.เชียงรายยังได้วางแผนที่จะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในระยะยาว โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ เพื่อบูรณาการการทำงานและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัยทั่วทั้งจังหวัด

สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย อบจ.เชียงรายก็ได้เตรียมการที่จะลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาจากความรุนแรงของความเสียหายและความต้องการความช่วยเหลือของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูชุมชน

การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยและความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการดูแลพี่น้องประชาชน และเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูชีวิตกลับมาให้ดีขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบเงินสร้างบ้านใหม่ “เวียงแก่น”

เชียงรายเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินสไลด์ ล่าสุดจังหวัดเชียงรายได้เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือเพื่อสมทบค่าก่อสร้างบ้านให้กับผู้ที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า “การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย เราหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูบ้านเรือนกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ”

สำหรับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นอกจากอำเภอเวียงแก่นแล้ว

ยังมีอีก 2 อำเภอที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งรวมแล้วมีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 43 ครัวเรือน ด้วยวงเงินรวม 1,940,000 บาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที”

สำหรับยอดเงินบริจาคของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และล่าสุดได้รับเงินบริจาคจากบริษัท ไทยยามาฮ่า ร่วมกับสินธานีกรุ๊ป เพิ่มเติมอีก 200,000 บาท

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินกองทุนกว่า 1.9 ล้านบาท

เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินกองทุนกว่า 1.9 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยและดินถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

มอบเงินช่วยเหลือกว่า 1.9 ล้านบาท

ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัยใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวนทั้งสิ้น 1,940,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 43 หลังคาเรือน

ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกพื้นที่

จังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง โดยได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาและจัดสรรเงินกองทุนให้แก่ผู้ที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยมีการพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อให้การช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยอย่างตรงจุดและทั่วถึง

ขอบคุณผู้บริจาคทุกท่าน

นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้มีเงินทุนเพียงพอในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ โดยยอดบริจาค ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และหลังจากการพิจารณาในครั้งนี้ ยังคงเหลือเงินในกองทุนอีก 1,305,716.42 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะต่อไป

ร่วมสร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัย

แม้ว่าเหตุการณ์อุทกภัยจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลกระทบยังคงอยู่ จังหวัดเชียงรายจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันส่งกำลังใจและให้การสนับสนุนผู้ประสบภัย เพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูชีวิตและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยน้ำท่วม 500 ล้าน พร้อมมาตรการรัฐเสริมทัพอีก 7 พันล้าน

เชียงรายมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและหน่วยงานรัฐร่วมเสริมทัพเยียวยากว่า 7 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากหน่วยงานราชการและเงินบริจาค รวมมูลค่ากว่า 504 ล้านบาท โดยเป็นการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน และ 8 ตุลาคม 2567 รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ประสบภัยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ครอบคลุม 28,659 ครัวเรือน รวมมูลค่ากว่า 257 ล้านบาท

มาตรการช่วยเหลือจากหน่วยงานการเงินและธนาคาร

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและธนาคารต่างๆ ได้มอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยธนาคารกรุงไทยได้จัดสินเชื่อกู้ซ่อมบ้านและกู้ฟื้นฟูกิจการ มูลค่ารวมกว่า 33.4 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารออมสินได้จัดสินเชื่อฉุกเฉินและโครงการพักหนี้อัตโนมัติ รวมมูลค่า 5,343.95 ล้านบาท ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือทั้งสิ้น 13,444 ราย

สำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ขยายเวลาชำระหนี้แก่เกษตรกร รวมถึงจัดสินเชื่อฉุกเฉินและค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านและทรัพย์สิน มูลค่า 4.39 ล้านบาท ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ลดเงินงวด 50% และลดดอกเบี้ยเหลือ 2% เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประสบภัย 182 ราย มูลค่า 342.16 ล้านบาท

ความร่วมมือเพิ่มเติมจากธนาคารอื่นๆ

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้จัดมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและขยายระยะเวลาออกไปในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 6 เดือน มูลค่ารวม 11.39 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้ให้ลูกหนี้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ 245 ราย รวมเป็นเงิน 510.2 ล้านบาท นอกจากนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้จัดโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ รวมวงเงินค้ำประกัน 172 ล้านบาท สำหรับ 266 ราย

มาตรการยกเว้นค่าเช่าจากกรมธนารักษ์

กรมธนารักษ์ยังได้ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายประเภท เช่น ที่อยู่อาศัย อาคาร และการใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม โดยมีการยกเว้นค่าเช่าให้ผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกิน 3 วัน รวมเป็นเงินช่วยเหลือจากกรมธนารักษ์หลายสิบล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 288 ราย

การดูแลสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัย

คปภ. ได้จัดการดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ โดยรวมถึงการจัดการความเสี่ยงและการให้สินไหมทดแทนแก่ประชาชนรวม 2,657 ราย มูลค่า 373.81 ล้านบาท รวมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการรวมทั้งสิ้น 18,172 ราย ทั่วจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลแม่ยาวเร่งฟื้นฟูหลังฝนถล่ม มอบความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เทศบาลตำบลแม่ยาวลงพื้นที่ตรวจความเสียหายหลังฝนตกหนักและมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย

เมื่อวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมด้วยทีมบริหาร รองปลัดเทศบาล กองช่าง สมาชิกสภาเขต 1 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านทุ่งหลวง และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านศิริราษฎร์ ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในพื้นที่ตำบลแม่ยาว

ตรวจความเสียหายจากฝนตกหนักในหลายจุด


การลงพื้นที่ครั้งนี้ ทีมงานได้เริ่มจากตรวจสอบที่จุดที่ 1 บริเวณถนนคันบ่อปลาซึ่งถูกน้ำฝนกัดเซาะจนทำให้ถนนบางช่วงขาด ทำให้การสัญจรในบริเวณดังกล่าวมีอุปสรรค ทีมงานจากเทศบาลได้เร่งสำรวจความเสียหายและวางแผนที่จะซ่อมแซมเพื่อให้ถนนกลับมาใช้งานได้ตามปกติในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบดินสไลด์ที่ถมทับเส้นทางสัญจรซึ่งทำให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ โดยทีมงานได้กำหนดแผนแก้ไขเพื่อฟื้นฟูเส้นทางการสัญจรให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

ตรวจงานก่อสร้างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน


ในระหว่างการลงพื้นที่ ทีมงานเทศบาลยังได้ตรวจงานเทคอนกรีตเสริมเหล็กที่บ้านห้วยชมภู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านห้วยขมนอก รวมถึงการตรวจงานเทถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในหมู่ที่ 1 บริเวณบ้านห้วยขมใน โดยงานก่อสร้างดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานของเทศบาลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งยังได้ตรวจงานถมดินบริเวณปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ตำบลแม่ยาว โดยการถมดินในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของถนนและช่วยป้องกันดินทรุดตัวเมื่อเกิดฝนตกหนัก

มอบเงินช่วยเหลือจากมูลนิธิไต้หวันแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม


ในโอกาสนี้ เทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้ร่วมมอบเงินช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิจากประเทศไต้หวัน สำหรับชาวบ้านในบ้านรวมมิตร หมู่ที่ 2 และบ้านแคววัวดำ หมู่ที่ 12 ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหนัก การมอบเงินช่วยเหลือนี้มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยเทศบาลตำบลแม่ยาวจะติดตามให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ประชุมร่วมเรือนจำและฝ่ายปกครองเพื่อมอบบ้านน็อคดาวน์


ในช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. นายอภิรักษ์และคณะได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองในพื้นที่ตำบลแม่ยาว ตำบลดอยฮาง ตำบลรอบเวียง และตำบลริมกก เพื่อหารือเกี่ยวกับการมอบบ้านน็อคดาวน์แก่ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ในพื้นที่ที่ประสบภัย โดยโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัยได้รับบ้านที่มั่นคงและปลอดภัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

โออาร์ ร่วม CIB ช่วยแม่สาย ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม

โออาร์และ CIB ส่งมอบกำลังใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยแม่สายในโครงการ “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม”

โออาร์ร่วมมือ CIB ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ฟื้นฟูชีวิตหลังน้ำลด

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จัดโครงการจิตอาสา “จากใจ สู่ใจ ฟื้นฟูภัยน้ำท่วม” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีการมอบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น หม้อหุงข้าวและพัดลม รวมทั้งหมด 80 ชิ้น โดยนายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโออาร์ เป็นผู้มอบให้แก่ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในพิธีมอบ ณ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรุงเทพฯ

โออาร์ร่วมสนับสนุนเครื่องดื่มคาเฟ่ อเมซอน มอบให้ผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ โออาร์ยังได้มอบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ อเมซอน จำนวน 1,000 แก้ว เพื่อส่งเสริมกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยเครื่องดื่มนี้ถูกส่งไปยังโรงเรียนบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ศูนย์รวมผู้ประสบภัยภายในโครงการ โออาร์แสดงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูชีวิตและสนับสนุนชุมชนผ่านการมอบสิ่งของที่จำเป็น โดยการสนับสนุนครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดการช่วยเหลือที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

การช่วยเหลือเพิ่มเติมใน 7 จังหวัดภาคเหนือ

โออาร์ยังได้ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ปตท. ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มอบก๊าซหุงต้มจำนวน 3,223 กิโลกรัม ถุงยังชีพ 3,250 ชุด น้ำดื่ม 9,500 ขวด และถุงบิ๊กแบ๊กจำนวน 1,000 ถุง เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันน้ำในจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา เชียงราย น่าน แพร่ และสุโขทัย เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชุมชนและช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัย

มุ่งมั่นสานต่อความช่วยเหลือและเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด

โออาร์ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนความช่วยเหลือที่จำเป็นและเป็นกำลังใจให้ชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่สายให้สามารถฟื้นฟูชีวิตและก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News