Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลเร่งซ่อมสะพานแม่ฟ้าหลวงหลังน้ำท่วม สะพานขาดตัดเส้นทาง

เทศบาลนครเชียงรายเร่งซ่อมแซมสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงหลังเกิดความเสียหายจากอุทกภัย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก ทำให้โครงสร้างพื้นฐานหลายแห่งได้รับความเสียหาย หนึ่งในนั้นคือสะพานถนนแม่ฟ้าหลวง ชุมชนน้ำลัด ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย ที่คอสะพานทรุดตัวเสียหายจนไม่สามารถสัญจรได้

สะพานชั่วคราวเสียหายจากน้ำหนักเกิน

เพื่อแก้ไขปัญหาการสัญจรในเบื้องต้น เทศบาลนครเชียงรายได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตั้งสะพานเครื่องหนุนมั่นแบบเร่งด่วน (MFB) เพื่อใช้เป็นทางเชื่อมชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ได้พบว่ามีรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถทัวร์ที่มีน้ำหนักเกินกำหนด 10 ตัน ฝ่าฝืนเข้ามาใช้สะพาน ทำให้สะพานชั่วคราวเกิดความเสียหายและเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน จึงจำเป็นต้องยกเลิกการใช้งานสะพานชั่วคราวดังกล่าว

เทศบาลฯเร่งดำเนินการซ่อมแซมสะพาน

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการซ่อมแซมสะพานให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด โดยได้มอบหมายให้ผู้รับเหมาเข้าดำเนินการก่อสร้างในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 45 วัน

นายรุ่งธรรม ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลนครเชียงราย กล่าวว่า “ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างนั้น เราจะต้องรอให้ระดับน้ำลดลงจนถึงระดับที่เหมาะสมก่อน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานทางวิศวกรรม โดยเฉพาะงานฐานรากของโครงสร้าง เพื่อความแข็งแรงของคอสะพานและเชื่อมต่อตัวสะพาน” การรอให้ระดับน้ำลดลงจะช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถตรวจสอบสภาพพื้นที่และวางแผนการดำเนินงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลกระทบต่อประชาชนและการดำเนินชีวิต

การเสียหายของสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนน้ำลัดและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และตลาด

การแก้ไขปัญหาในระยะยาว

เทศบาลนครเชียงรายตระหนักถึงความสำคัญของการซ่อมแซมสะพานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และได้วางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพื่อให้สะพานมีความแข็งแรงทนทานและสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว

การดำเนินการซ่อมแซมสะพานถนนแม่ฟ้าหลวงในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลนครเชียงรายในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘เชียงราย’ เตรียมรับมือน้ำท่วม! วางแผนป้องกันภัยรอบด้าน

เชียงรายเร่งวางแผนรับมืออุทกภัย หลังฝนตกหนัก

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดประชุมด่วนเพื่อวางแผนรับมือสถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่มที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลายพื้นที่ประสบปัญหาฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย, ชลประทานจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

ประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาหารือในที่ประชุม ได้แก่:

  • สถานการณ์น้ำท่วมในอดีต: ที่ประชุมได้ทบทวนสถานการณ์น้ำท่วมและดินโคลนถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 2567 โดยวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสม ระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำลาว แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง
  • การเตรียมความพร้อม: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การสร้างอ่างเก็บน้ำ การสร้างเขื่อน และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน: ที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมของครัวเรือนในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ

  • มาตรการเชิงโครงสร้าง: การปรับปรุงสภาพลำน้ำ การใช้อ่างเก็บน้ำ เขื่อน และพนังกั้นน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม
  • มาตรการไม่ใช้โครงสร้าง: การจัดการใช้สอยที่ดิน การวางผังเมือง การควบคุมสิ่งปลูกสร้าง และการให้ความรู้แก่ประชาชน
  • การเฝ้าระวังและเตือนภัย: การติดตั้งระบบเฝ้าระวังน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงที

เป้าหมายสูงสุดของการประชุมครั้งนี้คือ

การวางแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างครอบคลุม เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเพื่อให้จังหวัดเชียงรายสามารถรับมือกับสถานการณ์ภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายบุกยึดรถดัดแปลงเสียงดัง ลดอุบัติเหตุบนถนน

ตำรวจเชียงรายเปิดยุทธการ “บุกบ้านอันธพาล” ตรวจยึดรถดัดแปลงเสียงดัง สร้างความสงบในช่วงเทศกาลลอยกระทงและปีใหม่

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ตำรวจเชียงรายได้เปิดยุทธการครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ “บุกบ้านอันธพาล จังหวัดเชียงราย 2567” ซึ่งได้รับการอำนวยการจาก พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เพื่อกวาดล้างและยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพที่มีเสียงดังเกินควรและขาดอุปกรณ์ส่วนควบตามกฎหมาย นับเป็นการดำเนินงานเพื่อลดความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนและเสริมสร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสำคัญอย่างลอยกระทงและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

บูรณาการความร่วมมือหลายหน่วยงานเพื่อบรรลุภารกิจ

การดำเนินการครั้งนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งจากหน่วยงานตำรวจ องค์กรท้องถิ่น และภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมี พ.ต.ท.พันชาติ สมตัว รอง ผกก.จร.สภ. เมืองเชียงราย, พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี รอง ผกก.ป.สภ.เมืองเชียงราย, พ.ต.ท.พรต เศรษฐกร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงราย และ พ.ต.ท.สถาพร มังคลาด สวป.สภ.เมืองเชียงราย ร่วมเป็นผู้ควบคุมและติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ในการนี้ยังมีชุดปฏิบัติการสายตรวจและชุดปฏิบัติการจราจรจาก สภ.เมืองเชียงราย พร้อมหน่วยงานเครือข่าย เช่น อำเภอเมืองเชียงราย, ขนส่งจังหวัดเชียงราย, ผู้แทนสถานศึกษา, กำนัน ต.ป่าอ้อดอนชัย และส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมบูรณาการการปฏิบัติในพื้นที่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ตรวจเข้มรถจักรยานยนต์ดัดแปลง ท่อเสียงดัง ป้องกันการก่อความรำคาญ

ตามนโยบายของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้มอบหมายให้หน่วยงานตำรวจในพื้นที่เข้มงวดกับการตรวจสอบและยึดรถจักรยานยนต์ที่มีการดัดแปลงสภาพ เช่น ท่อไอเสียเสียงดังเกินกฎหมายกำหนด หรือมีอุปกรณ์ส่วนควบที่ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลลอยกระทงและปีใหม่ ซึ่งมีการเดินทางและการเฉลิมฉลองในพื้นที่อย่างหนาแน่น การตรวจยึดรถเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดความรำคาญแก่ประชาชนแล้วยังสามารถช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถที่ไม่ปลอดภัยได้อีกด้วย

ผลการดำเนินงาน: ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ดัดแปลงสภาพรวม 86 คัน

จากการดำเนินยุทธการ “บุกบ้านอันธพาล” ที่ผ่านมานี้ ทางตำรวจสามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ถูกดัดแปลงสภาพให้มีเสียงดังและมีสภาพที่ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 86 คัน การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการรบกวนประชาชนในช่วงเทศกาลสำคัญ

แนวทางป้องกันความปลอดภัยและเสริมสร้างสังคมปลอดภัย

นอกจากการตรวจยึดรถดัดแปลงแล้ว หน่วยงานตำรวจยังได้แนะนำให้ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการดัดแปลงสภาพรถที่อาจเป็นอันตรายหรือสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น เพื่อเสริมสร้างสังคมที่ปลอดภัยและสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการลดปัญหาการดัดแปลงรถยนต์และการใช้รถที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายในชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภ.เมืองเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินกองทุนกว่า 1.9 ล้านบาท

เชียงรายเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินกองทุนกว่า 1.9 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมคณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยและดินถล่มที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

มอบเงินช่วยเหลือกว่า 1.9 ล้านบาท

ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัยใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำนวนทั้งสิ้น 1,940,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 43 หลังคาเรือน

ความช่วยเหลือครอบคลุมทุกพื้นที่

จังหวัดเชียงรายได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง โดยได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาและจัดสรรเงินกองทุนให้แก่ผู้ที่มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยมีการพิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อให้การช่วยเหลือถึงมือผู้ประสบภัยอย่างตรงจุดและทั่วถึง

ขอบคุณผู้บริจาคทุกท่าน

นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้มีเงินทุนเพียงพอในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ โดยยอดบริจาค ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และหลังจากการพิจารณาในครั้งนี้ ยังคงเหลือเงินในกองทุนอีก 1,305,716.42 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะต่อไป

ร่วมสร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัย

แม้ว่าเหตุการณ์อุทกภัยจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลกระทบยังคงอยู่ จังหวัดเชียงรายจึงขอเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมกันส่งกำลังใจและให้การสนับสนุนผู้ประสบภัย เพื่อให้พวกเขาสามารถฟื้นฟูชีวิตและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘โฮงยาไทย’ จัดประชาพิจารณ์ โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX”

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนในชื่อ “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” ที่ห้องประชุมเสม พริ้งพวงแก้ว ชั้น 4 อาคารโภชนาการ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีแพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการ ภาคประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการประชาพิจารณ์

วัตถุประสงค์และความสำคัญของโครงการ

โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” เกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการที่จอดรถที่เพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงโรงพยาบาล โครงการนี้ถูกออกแบบเพื่อดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนบนพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ขั้นตอนการดำเนินโครงการและการคัดเลือกเอกชนลงทุน

ขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการนี้ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน คณะอนุกรรมการสวัสดิการจัดทำโครงการฯ ได้เสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสวัสดิการ ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการสรรหาเอกชนเข้ามาลงทุนและทำสัญญานิติกรรม เงื่อนไขการเช่าพื้นที่ราชพัสดุขนาด 2.5 ไร่ จะกำหนดสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยการเช่านี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และค่าตอบแทนที่ระบุไว้ตามระเบียบราชการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นประโยชน์แก่ส่วนราชการ

การประสานงานกับกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย

เนื่องจากโครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนนี้ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสนามบินฝูงบิน 416 เชียงราย จึงต้องได้รับการอนุมัติจากกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินโครงการ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จะมีการประสานงานกับกองทัพอากาศในการพิจารณาความปลอดภัยของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขตปลอดภัยทางทหาร

การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ประชาพิจารณ์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดสรรทรัพยากรและการวางแผนโครงการที่โปร่งใส เพื่อให้ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยความราบรื่นและเกิดประโยชน์แก่ประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ติดตามช่วยเหลือเชียงราย สั่งเฝ้าระวังอากาศหนาว

นายกฯ สั่งติดตามช่วยเหลือเชียงราย-แม่สาย พร้อมแจ้งเตือนสภาพอากาศแปรปรวน

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานส่วนราชการในพื้นที่เชียงรายและแม่สายยังคงตรวจสอบความต้องการช่วยเหลือของประชาชน แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลงแล้ว โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและติดตามกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือครอบครัวที่ยังคงต้องการการฟื้นฟูในพื้นที่

ล่าสุด ศปช. ได้รับรายงานจาก นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.เชียงราย) ได้รับการร้องขอจากมูลนิธิกระจกเงาในการเข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านของนางจันทร์แสง หมื่นยอง อายุ 64 ปี ในชุมชนเกาะทราย อำเภอแม่สาย ซึ่งบ้านได้รับความเสียหายบางส่วนจากอุทกภัยที่ผ่านมา โดยเฉพาะส่วนของประตู หน้าต่าง ห้องครัว และห้องน้ำที่เสียหายอย่างหนัก ขณะนี้ พมจ.เชียงราย และเทศบาลตำบลแม่สายกำลังดำเนินการซ่อมแซมเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้พักอาศัย

กรมอุตุฯ แจ้งเตือนอากาศหนาวและฝนตกหนักในหลายพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนถึงสภาพอากาศแปรปรวนในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงอีก 2–4 องศาเซลเซียส ในขณะที่บริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียส และในภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2567 โดยจังหวัดที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง และพังงา

คำแนะนำในการป้องกันสุขภาพและภัยอันตรายจากอากาศหนาว

จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานควรเตรียมรับมือกับอากาศหนาวเย็นและลมแรง พร้อมทั้งดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ ทั้งนี้ อากาศแห้งและลมแรงยังอาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอัคคีภัย จึงควรระมัดระวังการจุดไฟหรือการใช้อุปกรณ์ให้ความร้อน และสำหรับภาคใต้ ควรเฝ้าระวังความเสียหายที่อาจเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรเนื่องจากฝนตกหนัก

ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพอากาศและประกาศแจ้งเตือนได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th หรือโทรสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดสะพานใหม่ อบจ.เชียงราย เพิ่มสะดวกปลอดภัยเพื่อชาวสันกลาง

อบจ.เชียงราย เปิดสะพานใหม่เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้ทำพิธีเปิดสะพานสายทางหน้าวัดหัวฝาย ที่ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายอลงกรณ์ ดีน้อย นายก อบต.สันกลาง และนายศรีวรรณ วงศ์จินา กำนันตำบลสันกลาง รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีเปิดสะพานในครั้งนี้

สะพานที่สร้างขึ้นใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย

การก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กนี้ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 จำนวน 855,000 บาท เพื่อให้ประชาชนในตำบลสันกลาง หมู่ที่ 9 บ้านหัวฝาย และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางที่เชื่อมต่อกับวัดหัวฝาย ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางศาสนาและชุมชน

พิธีเปิดสะพานและกิจกรรมเสริมสร้างสิริมงคล

ในวันเปิดสะพานนี้ มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ประชาชนและผู้เข้าร่วมงาน พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย และประธานมูลนิธิปิยวรรณพิพัฒน์เพื่อสังคม ได้กล่าวถึงความสำคัญของสะพานเส้นนี้ว่าเป็นเส้นทางสัญจรที่ใช้ทั้งในชีวิตประจำวันของประชาชนและในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาของผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

สะพานใหม่ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้ชาวตำบลสันกลาง

การก่อสร้างสะพานนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สะพานที่ชำรุดหรือไม่ปลอดภัย เป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไฟไหม้โกดังลำไยเชียงราย หวั่นผลกระทบสุขภาพ

 

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงในโกดังเก็บลำไย อบแห้งใน ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อเวลา 07.00 น. โดยนายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ได้รับแจ้งเหตุจาก อบต.ท่าก๊อ ว่าโกดังเก็บสินค้าของโรงงานอบลำไยในพื้นที่หมู่ 10 เกิดเพลิงไหม้หนัก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งรถดับเพลิงเข้าดับไฟทันที พร้อมเสริมกำลังรถจากหน่วยงานท้องถิ่นใกล้เคียงรวมกว่า 20 คัน

การดับเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากโกดังมีสินค้าจำนวนมากและมีโครงเหล็กเรียงซ้อนสูงทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลานานกว่า 9 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง หน่วยงานท้องถิ่นยังได้เตือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงให้ระวังการสูดดมควันไฟที่พวยพุ่งตลอดเวลา เนื่องจากมีผลต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้จัดหน่วยงานลงพื้นที่เพื่อติดตามสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาทางเดินหายใจ นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แนะนำให้ประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้งและสวมหน้ากากอนามัยหากต้องออกไปนอกอาคาร

การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดควันไฟกระจายทั่วบริเวณ และต้องใช้รถแบคโฮเพื่อเข้าช่วยเคลื่อนย้ายโครงเหล็กออกจากจุดที่ยังมีเชื้อเพลิง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินสถานการณ์และหามาตรการระยะยาวในการป้องกันเหตุในอนาคต

มาตรการป้องกันสุขภาพสำหรับประชาชน

  • หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่มีควันไฟ และสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 หากจำเป็นต้องออกนอกอาคาร
  • ตรวจสอบสุขภาพของตนเองและครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น หายใจลำบากหรือแน่นหน้าอก ให้ไปพบแพทย์ทันที

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการควบคุมอย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานท้องถิ่นได้วางมาตรการฟื้นฟูสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยน้ำท่วม 500 ล้าน พร้อมมาตรการรัฐเสริมทัพอีก 7 พันล้าน

เชียงรายมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและหน่วยงานรัฐร่วมเสริมทัพเยียวยากว่า 7 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากหน่วยงานราชการและเงินบริจาค รวมมูลค่ากว่า 504 ล้านบาท โดยเป็นการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน และ 8 ตุลาคม 2567 รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ประสบภัยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ครอบคลุม 28,659 ครัวเรือน รวมมูลค่ากว่า 257 ล้านบาท

มาตรการช่วยเหลือจากหน่วยงานการเงินและธนาคาร

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและธนาคารต่างๆ ได้มอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยธนาคารกรุงไทยได้จัดสินเชื่อกู้ซ่อมบ้านและกู้ฟื้นฟูกิจการ มูลค่ารวมกว่า 33.4 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารออมสินได้จัดสินเชื่อฉุกเฉินและโครงการพักหนี้อัตโนมัติ รวมมูลค่า 5,343.95 ล้านบาท ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือทั้งสิ้น 13,444 ราย

สำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ขยายเวลาชำระหนี้แก่เกษตรกร รวมถึงจัดสินเชื่อฉุกเฉินและค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านและทรัพย์สิน มูลค่า 4.39 ล้านบาท ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ลดเงินงวด 50% และลดดอกเบี้ยเหลือ 2% เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประสบภัย 182 ราย มูลค่า 342.16 ล้านบาท

ความร่วมมือเพิ่มเติมจากธนาคารอื่นๆ

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้จัดมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและขยายระยะเวลาออกไปในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 6 เดือน มูลค่ารวม 11.39 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้ให้ลูกหนี้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ 245 ราย รวมเป็นเงิน 510.2 ล้านบาท นอกจากนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้จัดโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ รวมวงเงินค้ำประกัน 172 ล้านบาท สำหรับ 266 ราย

มาตรการยกเว้นค่าเช่าจากกรมธนารักษ์

กรมธนารักษ์ยังได้ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายประเภท เช่น ที่อยู่อาศัย อาคาร และการใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม โดยมีการยกเว้นค่าเช่าให้ผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกิน 3 วัน รวมเป็นเงินช่วยเหลือจากกรมธนารักษ์หลายสิบล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 288 ราย

การดูแลสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัย

คปภ. ได้จัดการดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ โดยรวมถึงการจัดการความเสี่ยงและการให้สินไหมทดแทนแก่ประชาชนรวม 2,657 ราย มูลค่า 373.81 ล้านบาท รวมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการรวมทั้งสิ้น 18,172 ราย ทั่วจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส ไร้ควัน ปราบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถานศึกษา

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบปรามร้านบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษาให้ห่างไกลจากอบายมุขที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่และป้องกันการมอมเมาเยาวชน

การจัดการร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

จากการสืบทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าร้านชื่อ Mavap Studio ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน LINE และส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงหอพักของนักศึกษาในย่านบ้านดู่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและอยู่ไม่ไกลจากสถาบันการศึกษา การดำเนินงานในลักษณะนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปราม

การปราบปรามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รวมถึง พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ซึ่งได้ร่วมมือกันวางแผนการจับกุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมที่สุด

แผนการตรวจสอบและจับกุม

ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการ โดยมีการวางแผนเข้าตรวจสอบและทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้าน Mavap Studio ทั้งยังมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งซุ่มตรวจสอบพฤติกรรมของร้านและหอพักที่ใช้เป็นจุดเก็บสินค้าดังกล่าว เมื่อเฝ้าดูพฤติกรรมประมาณ 30 นาที พบว่ามีการส่งสินค้าโดยไรเดอร์และมีลูกค้ามารับของหน้าห้องพักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอสำหรับการจับกุม

การตรวจค้นและการยึดของกลาง

เมื่อการล่อซื้อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ณ จุดรับสินค้าบริเวณหน้าหอพักในตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น จากการตรวจสอบพบผู้ดูแลร้านจำนวน 2 คน เป็นหญิงและชาย และมีของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ รวมจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการซื้อขายในบัญชีที่ระบุว่าร้านมีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ดูแลทั้งสองไปดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ตามกฎหมาย

ข้อหาที่ผู้ต้องหาต้องเผชิญ

  1. การซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่มีความผิดตามกฎหมาย
    ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาว่าทำการซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่ห้ามนำเข้า ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของที่มีการรวมค่าอากรแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ

  2. การขายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
    นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ซึ่งระบุห้ามจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การรณรงค์สร้างสังคมปลอดควันบุหรี่ในเชียงราย

หลังจากการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านค้าที่จำหน่ายทางออนไลน์ในพื้นที่เชียงราย เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามอบายมุขในกลุ่มเยาวชนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการลดการเข้าถึงของเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News