Categories
SOCIETY & POLITICS

ดีอี และ สตช. เตรียมจัดการซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด

 

วัน24 พฤศจิกายน 2566 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่ กระทรวง ดีอี และ สตช. ให้จัดการเรื่องซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด

และ บ่ายวันนี้ ได้มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มี รมว.ดีอี เป็นประธาน ได้มีการหารือ 4 เรื่องสำคัญดังนี้

1. การออกประกาศ เพื่อให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ต้องมาลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งการออกประกาศอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คณะกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียบ ไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ

โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย

2. ผลการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 24 ชม.) วันที่ 1 – 23  พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามา 62,306 สาย สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 5329 บัญชี มีการจับกุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 389 ราย และมีคดีใหญ่ แก๊ง call center ที่มีเงินหมุนเวียน 7,000 ลบ. ด้วย

ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ AOC สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และสามารถอายัดบัญชี ได้เฉลี่ยเวลา 15 นาที

ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด   เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯขอเตือนประชาชนในเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์และขอความร่วมมือกับภาคธนาคารให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก็งคอลเซ็นเตอร์ต่อไปด้วย

3. ด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ หรือ เพจ ผิดกฎหมายโดยรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม  – 22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 16,359 เว็บไซต์ เฉลี่ย 309 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 55 เว็บต่อวัน

สำหรับ การปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม  – 22 พฤศจิกายน 2566 ปิดได้ สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ เฉลี่ย 66 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 5 เว็บต่อวัน

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ ยังได้พิจารณาเห็นชอบแผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ มี 3 เป้าหมาย ประกอบด้วย

1. ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ และลดพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงรู้วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหา

2. ประชาชนมีเครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงในการป้องกันภัยออนไลน์

3. หน่วยงานมีความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยออนไลน์

“ดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการรณรงค์ สร้างการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์  รวมทั้งการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง (National Fact Checking) ” นายประเสริฐ กล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS TOP STORIES

ตำรวจไซเบอร์ รวบ! ผู้ขายซิมม้าออนไลน์เวียงป่าเป้า

ตำรวจไซเบอร์ รวบ! ผู้ขายซิมม้าออนไลน์เวียงป่าเป้า

Facebook
Twitter
Email
Print
ตามที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 ได้รับคำสั่งให้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างวันที่ 15-31 พ.ค. 66 โดยมีเป้าหมายการระดมกวาดล้างเกี่ยวกับ การกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ได้แก่ เป็นธุระจัดหาโฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขาย เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ (เป็นคนกลางประกาศขายซิมการ์ดผี) ซึ่ง ตร.ได้กำชับให้ บช.สอท. เร่งรัดดำเนินการตาม พ.ร.ก.มาตรการฯโดยเฉพาะการกวดขันจับกุมผิดใดๆ เกี่ยวกับ บัญชีม้าและซิมม้า
 
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบพบ มีการโพสต์โฆษณา จำหน่ายซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้ว ใน Facebook ในกลุ่มสาธารณะชื่อ “ซื้อขายซิม ไม่ลงทะเบียน และ ลงทะเบียน ทุกค่าย AIS DTAC TRUE” โดยโพสต์ดังกล่าวเป็นโพสต์สาธารณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ “สุพัตรา มณีวงษ์” ได้โพสต์โฆษณาขายซิมการ์ดโดยมีข้อความว่า “ขายซิมดีแทคปกสุขใจ ลงทะเบียนไม่เปิดเบอร์ มี 175 ซิม ขายเหมาที่ซิมละ 39 พร้อมส่งฟรีค่ะ” โดยโพสต์เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 66 เวลา 17.30 น.
 
ต่อมาวันที่ 20 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่าได้รับพัสดุ ซึ่งกล่องหีบห่อพัสดุอยู่ในสภาพปิดผนึกเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการเปีด งัดแงะ หรือฉีกขาด แต่อย่างใดโดยระบุชื่อผู้ส่งคือ นางสุพัตราฯ หมายเลขโทรศัพท์ 092-4656656 จึงนำมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้สอบพัสดุดังกล่าว พบว่าภายในกล่องบรรจุชิมการ์โทรศัพท์ระบบ DTAC จำนวน 20 ใบ ซึ่งลงทะเบียนแล้ว ตรงตามที่สายลับได้ทำการสั่งซื้อจากการตรวจสอบชิมการ์ด หมายเลขโทรศัพท์ 094-4175955 พบว่าได้มีการลงทะเบียนใช้งานบุคคลอื่นแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดชิมการ์ดที่ได้รับดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 66 เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำหมายค้นศาลแขวงเวียงป่า เพื่อตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ซึ่งเปิดเป็นร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและ อุปกรณ์ไอที ชื่อร้าน “ไอทีคอมพิวเตอร์” และเป็นที่พักอาศัยของผู้ต้องหานี้ด้วย เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมโดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ดังกล่าวพบ นางสุพัตรา มณีวงษ์ อายุ 43 ปี ชาว จ.เชียงราย แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้นให้กับนางสุพัตราฯ ดูจนเป็นที่พอใจ แจ้งวัตถุประสงค์ให้ทราบ ยินยอมให้ทำการตรวจค้น และเป็นผู้นำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นด้วยตนเอง ผลการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
 
จากการสอบถามนางสุพัตรา มณีวงษ์ฯ รับว่าตนได้ขายชิมการ์ดระบบ DTAC ที่ลงทะเบียนแล้ว ให้กับสายลับ (ไม่ประสงค์ออกนาม) จำนวน 20 ใบ ในราคา 900 บาท จริง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 66 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกล่องพัสดุที่ได้รับจากสายลับและซิมการ์ดระบบ DTAC จำนวน 20 ใบ ที่บรรจุในกล่องดังกล่าว มาแสดงต่อหน้านางสุพัตราฯ สอบถามนางสุพัตราฯ ยอมรับว่ากล่องพัสดุดังกล่าวตนเป็นผู้ใช้บรรจุชิมการ์ดและที่สายลับสั่งซื้อส่งให้กับสายลับจริง และชิมการ์ดจำนวน 20 ใบดังกล่าว เป็นของตนซึ่งได้ขายให้กับสายลับจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาให้นางสุพัตราฯ ทราบว่า “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดเพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 นางสุพัตราฯ ทราบและเข้าใจในข้อกล่าวหาเป็นอย่างดีแล้วให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวทา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงทำการเชิญตัวนางสุพัตราฯ มาที่ สภ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เพื่อจัดทำบันทึกร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.สภ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
 
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4, พ.ต.อ.สุขสันต์ เปาอินทร์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4, ได้สั่งการ พ.ต.ท.อนุรักษ์ พรมเมือง รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.4 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News