Categories
ENVIRONMENT

UNDP เผย 3 แนวทางรับมือภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงในอ่าวไทย

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาตินำเสนอแนวทางการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศสำหรับอ่าวไทย

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (DCCE) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (DMCR) ได้เปิดเผย 3 แนวทางสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถของประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการปรับตัวและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่งของอ่าวไทย โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (Green Climate Fund) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการวางแผนและบูรณาการมาตรการปรับตัวด้านภูมิอากาศ

แนวทางที่นำเสนอมีดังนี้:

  1. แพลตฟอร์มการคาดการณ์ความเสี่ยงทางภูมิอากาศ
    แพลตฟอร์มนี้พัฒนาโดยโครงการ “Thailand Adaptation Platform” ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของ DCCE โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนำเสนอข้อมูลการคาดการณ์ความเสี่ยง การประเมินความเปราะบาง และคู่มือการวางแผนการปรับตัวต่อภูมิอากาศ เพื่อให้ผู้นำในระดับท้องถิ่นสามารถวางแผนพัฒนาพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

  2. มาตรการปรับตัวในพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่ง
    มาตรการนี้นำเสนอการแก้ปัญหาทางธรรมชาติ เช่น การสร้างธนาคารทรัพยากรทางทะเล การสร้างรั้วกันทรายเพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง และการปลูกป่าชายเลน ซึ่งได้ทดสอบใน 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา

  3. กลยุทธ์การเงินเพื่อสนับสนุนการปรับตัว
    โครงการนี้ได้พัฒนากลยุทธ์การเงินเพื่อนำเสนอสู่ภาครัฐและเอกชน เน้นการลงทุนเพื่อสร้างความยืดหยุ่นในพื้นที่ชายฝั่งและทะเล

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล
พื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียแนวปะการัง 74.8 ตารางกิโลเมตร ทุ่งหญ้าทะเล 150 ตารางกิโลเมตร และป่าชายเลน 2,502 ตารางกิโลเมตร โครงการนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศและการลดความเปราะบางในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

บทสรุป
โครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างความสามารถของประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว และจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางแผนพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่ชายฝั่งต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สื่อสารองค์กร โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ENVIRONMENT

6 จุดหมายของประเทศไทย ติดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รับข่าวดีเมื่อหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยได้รับการยอมรับในรายชื่อ Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน รายชื่อดังกล่าวถูกเสนอโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (DASTA) โดยเน้นถึงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดจากหลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ

จุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับ

จังหวัดเชียงคานและเมืองสงขลาได้รับการยอมรับในหมวดหมู่ “Thriving Communities” สำหรับการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน เมืองโบราณอู่ทองได้รับการยกย่องในหมวดหมู่ “Destination Management” สำหรับการจัดการจุดหมายปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เวียงภูเพียงแช่แห้งได้รับการยกย่องในหมวด “Culture and Tradition” สำหรับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น

สำหรับหัวหินและอุทัยธานี หัวหินได้รับการยกย่องในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศในหมวด “Environment and Climate” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเทศบาลในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ขณะที่อุทัยธานีได้รับการยอมรับในด้านการรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเทศบาลของทั้งสองเมืองมีส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม

คำกล่าวของผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ DASTA เทศบาลเมืองหัวหิน เทศบาลเมืองอุทัยธานี และประชาชนในทั้งหกจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยอมรับในด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำว่า “การได้รับการยอมรับในครั้งนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ TAT ในการมุ่งเน้นประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน”

โครงการที่ได้รับการยกย่อง

ในปีนี้เรื่องราวดี ๆ ของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสามารถดาวน์โหลดได้ผ่านหลายลิงก์ ได้แก่

  • เชียงคาน: การจัดการผลกระทบจากการท่องเที่ยวด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม (Managing Tourism Impact through Participatory Processes)
  • หัวหิน: เส้นทางสู่การเป็นเมืองไร้ขยะ (The Journey to Becoming a Garbage-Free City)
  • เมืองสงขลา: การฟื้นฟูเมืองเก่าสงขลาโดยชุมชน (Songkhla Old Town Revival: A Community-Driven Transformation)
  • เมืองโบราณอู่ทอง: การฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านสังคมพลเมือง (U Thong’s Heritage Revival: Committed to Sustainable Development through Civil Society)
  • อุทัยธานี: การอนุรักษ์ความภาคภูมิใจของเรา: ชุมชนแพสุดท้ายในประเทศไทย (Preserving Our Pride: The Last Raft House Community in the Country)
  • เวียงภูเพียงแช่แห้ง: ร่วมกันสู้เพื่อฟื้นฟูงานประเพณีหกเป็ง นมัสการพระธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง (Together We Rise: The Transformation of the Hok Peng Festival)

จุดหมายปลายทางเหล่านี้เข้าร่วมกับเรื่องราวที่โดดเด่นอีก 10 เรื่องจากประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับใน Green Destinations Top 100 Stories ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2023 โดยมีสองเรื่องเด่น ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงชุมชนของห้วยปูเก่ง และความพยายามในการลดคาร์บอนของเกาะหมาก ซึ่งได้รับรางวัล Green Destinations Story Awards ที่งาน ITB Berlin 2023 นอกจากนี้ เชียงคานยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะจุดหมายแรกของอาเซียนที่ได้รับรางวัล Silver ใน Green Destinations Award ที่ ITB Berlin 2024

พิธีการประกาศรายชื่อ Green Destinations Top 100 ปี 2024

Green Destinations ได้ประกาศรายชื่อเรื่องราวที่ดีที่สุดใน Green Destinations Top 100 ประจำปี 2024 ในงานประชุมระดับโลก Green Destinations 2024 Global Conference ที่จัดขึ้นในชิลี ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 โดยปีนี้มีเรื่องราวดี ๆ จาก 32 ประเทศทั่วโลก

บทสรุป

การยอมรับใน Green Destinations Top 100 ปี 2024 ของหกจุดหมายปลายทางในประเทศไทยเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการพัฒนาชุมชนด้วยการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืนและสร้างความทรงจำให้กับนักท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

Traveloka เผยยอดจองที่พักพุ่ง 127% จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองได้รับความนิยมสูงสุด

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 Traveloka แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยถึงความสำเร็จจากแคมเปญ 10.10 Travel Fest ที่สร้างยอดการค้นหาการจองที่พักและเที่ยวบินช่วงวันหยุดปลายปีเพิ่มขึ้นถึง 127% นับเป็นการส่งสัญญาณถึงความต้องการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันหยุดที่สูงขึ้น โดยแคมเปญนี้นำเสนอส่วนลดสูงสุดถึง 50% ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าและเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวได้ในราคาที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ

ซีซาร์ อินทรา ประธานบริษัท Traveloka กล่าวว่า แคมเปญ 10.10 Travel Fest ไม่เพียงเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์โรงแรมและผู้ให้บริการด้านการเดินทางระดับโลก อาทิ Qatar Airways, Millennium Hotels & Resorts และ Universal Studios Singapore

การตอบรับจากผู้ใช้และพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลง

จากการเปิดเผยข้อมูลของ Traveloka พบว่านักท่องเที่ยวกว่า 60% ทำการจองเที่ยวบินล่วงหน้ามากกว่า 30 วัน เพื่อให้ได้ข้อเสนอพิเศษในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี เทรนด์นี้สะท้อนถึงความต้องการวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้าเพื่อรับประโยชน์จากส่วนลดที่มีระยะเวลาจำกัด นอกจากนี้ การจองที่พักและแพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทยได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เวียดนาม และสิงคโปร์ ส่วนในประเทศ เมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดได้แก่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ หาดใหญ่ ภูเก็ต และอุบลราชธานี

แนวโน้มใหม่ในพฤติกรรมการท่องเที่ยว

นอกจากการจองเที่ยวบินและที่พักแล้ว ยังพบว่าเทรนด์การล่องเรือสำราญมีการเติบโตขึ้นถึงเท่าตัว โดยนักท่องเที่ยวสนใจประสบการณ์การล่องเรือสำราญแบบ All-Inclusive ที่สามารถเยี่ยมชมหลายเมืองในคราวเดียว และเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและการพักผ่อนบนเรือได้อีกด้วย อีกทั้งนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมองหาที่พักที่ให้ประสบการณ์ด้านวัฒนธรรมที่แท้จริง เช่น โรงแรมเรียวกังแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มียอดจองเพิ่มขึ้นถึง 101% และโรงแรมริยาจสไตล์โมร็อกโกที่เพิ่มขึ้น 63%

การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค

แคมเปญ 10.10 Travel Fest ไม่เพียงช่วยให้นักท่องเที่ยวได้วางแผนการเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี แต่ยังเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซีซาร์ อินทรา ได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Traveloka ในการนำเสนอบริการที่ปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะบุคคล และช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบได้ในราคาที่คุ้มค่า

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Traveloka หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Traveloka เพื่อสำรวจข้อเสนอพิเศษและเทรนด์การท่องเที่ยวล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนวันหยุดปลายปีหรือต้นปี 2568 โดย Traveloka พร้อมที่จะมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวหลายล้านคน

การสนับสนุนจากพันธมิตรการท่องเที่ยว

แคมเปญนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรการท่องเที่ยวชั้นนำมากมาย อาทิ Qatar Airways และ Millennium Hotels & Resorts โดยอาลี แอสเกอร์ เลห์รี รองประธานฝ่ายบริหารรายได้ประจำภูมิภาคเอเชียของ Millennium Hotels and Resorts ได้แสดงความพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้รับจากแคมเปญนี้ และมองเห็นโอกาสในการขยายความร่วมมือกับ Traveloka ในอนาคต เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับผู้เข้าพัก

แนวโน้มการท่องเที่ยวที่น่าสนใจในช่วงสิ้นปี

ในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ เทรนด์การท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชี้ให้เห็นว่านักท่องเที่ยวไม่เพียงมองหาการพักผ่อนในจุดหมายปลายทางยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังสนใจประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และสมจริงมากขึ้น โดยมีการจองที่พักสไตล์ดั้งเดิมและเรือสำราญเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แคมเปญ 10.10 Travel Fest ของ Traveloka ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นประสบการณ์และการสัมผัสวัฒนธรรม

นักท่องเที่ยวสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษได้ที่ Traveloka เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการวางแผนการเดินทางที่น่าประทับใจในราคาที่ดีที่สุด

สรุปเนื้อหาสำคัญ:

  1. Traveloka ประสบความสำเร็จจากแคมเปญ 10.10 Travel Fest เพิ่มยอดจองที่พักและเที่ยวบินถึง 127%
  2. จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย ได้แก่ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเมืองในไทย เช่น เชียงใหม่และภูเก็ต
  3. เทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวเน้นประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์ เช่น ล่องเรือสำราญและที่พักวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : traveloka

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

สำรวจความคิดเห็นการท่องเที่ยวไทยปี 67 ประชาชนพอใจนโยบายรัฐ

 

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 นายสานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลในปี 2567 โดยผลสำรวจดังกล่าวได้เก็บข้อมูลจากประชาชน 1,500 รายทั่วประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว

ความพึงพอใจต่อการบริหารจัดการท่องเที่ยวของรัฐบาล

จากผลสำรวจพบว่าประชาชนพอใจต่อการบริหารจัดการท่องเที่ยวของรัฐบาลปัจจุบันถึง 61.2% โดยแบ่งเป็นพอใจมาก 32.5% และพอใจในระดับปานกลาง 28.7% ขณะที่มีประชาชนที่พอใจในระดับกลาง 20.4% ไม่พอใจ 12.3% และไม่พอใจอย่างมาก 6.1%

เปรียบเทียบการท่องเที่ยวในปี 2567 กับปีก่อน

เมื่อเปรียบเทียบกับการบริหารจัดการท่องเที่ยวของปีที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 55.7% เห็นว่าการท่องเที่ยวไทยในปี 2567 ดีขึ้น ส่วนอีก 22.8% เห็นว่าเหมือนเดิม และ 21.5% คิดว่าแย่ลง

การมีส่วนช่วยของการท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจไทย

จากการสอบถามถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจไทย พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าภาคการท่องเที่ยวมีส่วนช่วยเศรษฐกิจมากที่สุดในระดับมากถึง 35.4% รองลงมาคือระดับมาก 27.8% ระดับปานกลาง 18.3% ระดับน้อย 12.6% และระดับน้อยที่สุด 5.9%

มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นประโยชน์

ในส่วนของมาตรการที่ประชาชนเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สุด ได้แก่ การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและการทำประกันนักท่องเที่ยววงเงิน 1 ล้านบาท 27.3% ตามมาด้วยการส่งเสริมการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 16.8% และการเร่งพัฒนาสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน 12.1%

โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม

เมื่อสอบถามถึงโครงการที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 2567 พบว่าโครงการ “Amazing Thailand 365 วัน มหัศจรรย์เมืองน่าเที่ยว” ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ 22.7% ตามมาด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรอง 16.3% และโครงการการทำตลาดท่องเที่ยวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ 10.7%

ผลกระทบเชิงบวกต่อผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยว

จากการสอบถามผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการท่องเที่ยวของรัฐบาลมีส่วนช่วยฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

การสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกของประชาชนและผู้ประกอบการต่อมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล และการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นอร์ทกรุงเทพโพล มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

สถิตินักท่องเที่ยวเชียงรายพุ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี รายได้ทะลุ 46,000 ล้าน

สถิติการท่องเที่ยวเชียงรายในช่วงปี 2562-2566

เชียงรายเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือของประเทศไทยที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ในช่วงระหว่างปี 2562 ถึง 2566 เชียงรายมีความเปลี่ยนแปลงด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมาก จากรายงานของศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) พบว่าสถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและการเติบโตที่น่าสนใจ

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รายงานการเปรียบเทียบสถิติการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายในช่วงปี 2562 ถึง 2566 โดยการสำรวจครอบคลุมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในแต่ละปี ซึ่งแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัด

สถิติการท่องเที่ยวในปี 2562

ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายรวมทั้งสิ้น 3,729,148 คน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 3,091,201 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 637,947 คน รายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้รวมอยู่ที่ 29,292.00 ล้านบาท โดยที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสร้างรายได้จำนวน 22,474.22 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินำรายได้เข้าจังหวัด 6,817.49 ล้านบาท

สถิติการท่องเที่ยวในปี 2563

ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มส่งผลกระทบอย่างมาก การท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก จำนวนนักท่องเที่ยวรวมลดลงเหลือ 2,173,683 คน โดยมีนักท่องเที่ยวชาวไทย 2,059,088 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 114,595 คน รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงเหลือ 14,950 ล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยสร้างรายได้ 13,968.15 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียง 981.4 ล้านบาท

สถิติการท่องเที่ยวในปี 2564

ในปี 2564 จำนวนผู้มาเยือนจังหวัดเชียงรายลดลงถึงระดับต่ำสุดที่ 1,389,418 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 1,382,407 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 7,011 คน รายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 7,948.17 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่มีรายได้น้อยที่สุดในช่วงเปรียบเทียบ โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ 7,898.12 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 50.05 ล้านบาท

การฟื้นฟูในปี 2565

ปี 2565 มีการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 5,086,460 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 4,796,289 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 290,171 คน รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 34,338.14 ล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยสร้างรายได้ 31,647.89 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2,690.25 ล้านบาท

สถิติการท่องเที่ยวในปี 2566

ปี 2566 เป็นปีที่จังหวัดเชียงรายมีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมถึง 6,147,860 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 5,391,039 คน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 756,821 คน รายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 46,773.91 ล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยสร้างรายได้ถึง 37,680.03 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสร้างรายได้ 9,093.88 ล้านบาท

สรุป

จากการเปรียบเทียบสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ระหว่างปี 2562 ถึง 2566 พบว่าปี 2566 เป็นปีที่จังหวัดมีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 6,147,860 คน และรายได้จากการท่องเที่ยวสูงกว่า 46,773.91 ล้านบาท ขณะเดียวกันปี 2564 ถือเป็นปีที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ต่ำสุด โดยมีนักท่องเที่ยวเพียง 1,389,418 คน และรายได้รวม 7,948.17 ล้านบาท

ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จัดทำโดย: ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว (CTRD) สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เตรียม Kick Off เปิดเมืองเชียงราย 26 ต.ค. 67 กระตุ้นการท่องเที่ยว

รองผู้ว่าราชการเชียงรายวางแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวส่งเสริมเศรษฐกิจจังหวัด

การประชุมวางแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุมพวงแสด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเพื่อหารือแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยว รวมถึงการประชาสัมพันธ์และการตลาด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย การประชุมมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

แนวทางการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยว

ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการนำเสนอแนวทางการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยเน้นการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงปฏิทินกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีที่จัดโดยหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เห็นภาพรวมของการพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายอย่างชัดเจน

การฟื้นฟูการท่องเที่ยวและช่วยเหลือผู้ประกอบการ

ในช่วงแรกของแผนการฟื้นฟู จะมุ่งเน้นที่การเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ และช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การดำเนินการนี้จะควบคู่กับการสร้างการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวให้กลับคืนมาอีกครั้ง เพื่อให้ผู้มาเยือนเกิดความเชื่อมั่นและกระตุ้นการเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายในช่วงปลายปีนี้

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปี

ตัวอย่างกิจกรรมที่วางแผนไว้ เช่น ททท.สำนักงานเชียงรายกำหนดจัดกิจกรรมเปิดการท่องเที่ยวภาคเหนือ “เหนือ..พร้อมเที่ยว” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ณ จังหวัดเชียงราย โดยจะมีพิธีสืบชะตาหลวงล้านนาเพื่อเสริมสิริมงคลแก่เมืองเชียงราย มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีจำนวน 300 คน นอกจากนี้ยังร่วมกับสายการบิน Thai Air Asia นำคณะสื่อมวลชน บล็อกเกอร์ และ KOL จากกรุงเทพฯ มาเดินทางจัดทำคอนเทนต์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย

กิจกรรม Kick Off เปิดเมืองเชียงราย

เทศบาลนครเชียงรายจัดกิจกรรม Kick Off เปิดเมืองในวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ณ สวนตุงและโคมเมืองเชียงราย โดยมีกิจกรรมถนนคนเดินและกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวต่อเนื่องไปจนถึงงานลอยกระทงริมคลอง การจัดกิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเชียงรายมากยิ่งขึ้น

การประกวดติ๊กต๊อกเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

หอการค้าจังหวัดเชียงราย (YEC) จะจัดประกวดติ๊กต๊อกเพื่อสื่อสารให้จังหวัดเชียงรายมีภาพจำที่น่าท่องเที่ยว โดยมีรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ร้านอาหาร และร้านกาแฟในจังหวัดเชียงราย สำหรับการท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการโปรโมทจังหวัด

ความร่วมมือเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยว การผสมผสานระหว่างการท่องเที่ยว กีฬา ผลิตภัณฑ์ชุมชน และวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น จะช่วยให้จังหวัดเชียงรายสามารถเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมตลอดทั้งปี

ในฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ จังหวัดเชียงรายจะมีกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยมีการจัดงานประชุม สัมมนา และกิจกรรมต่างๆ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และท้องถิ่น เช่น เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเชียงราย

การฟื้นฟูการท่องเที่ยวในเชียงรายไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเมืองเชียงรายในสายตานักท่องเที่ยว การมีสภาพแวดล้อมที่สะอาดและมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ จะทำให้เชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีความน่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล

บทสรุป

การประชุมวางแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวของรองผู้ว่าราชการเชียงราย เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการฟื้นฟูและพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกันของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การจัดกิจกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายชัดเจน จะช่วยให้เชียงรายกลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดและส่งเสริมเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

อาหารบนกระเช้าลอยฟ้า Canopy หนึ่งเดียวที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย

 
อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย เปิดตัว Canopy กระเช้าลอยฟ้าที่จะนำคุณขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์อีกขั้นของการรับประทานอาหารแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ท่ามกลางทิวทัศน์ของสามประเทศ พร้อมรื่นรมย์กับมนต์เสน่ห์ของแม่น้ำโขงในแบบ 360 องศา ได้ทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อค่ำ
 
Canopy ตั้งอยู่บนยอดไม้ บนความสูงกว่า 52 เมตร ถูกออกแบบมาในรูปทรงของแคปซูล คล้ายกับรวงผึ้งที่โอบล้อมต้นไม้ตามธรรมชาติ โดยเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติและสีเอิร์ธโทนเป็นหลัก เพื่อให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศของผืนป่าและสภาพแวดล้อมของรีสอร์ทสุดหรู โดยคุณสามารถใช้เวลาในการรับประทานอาหาร ดื่มด่ำรับแสงแรกยามเช้า และอาทิตย์อัศดงยามพลบค่ำ ไปพร้อมๆกับชมความงดงามของทิวเขา และลำน้ำโขง รวมถึงยังสามารถส่องวิถีชีวิตของเหล่าโขลงช้างที่ออกหากินในปางช้างอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
 
 
สำหรับอาหาร ทางโรงแรมจะจัดสำรับพร้อมเสิร์ฟมาในภาชนะปิ่นโตแบบตำรับไทย ซึ่งเชฟได้สร้างสรรค์เมนูทั้งคาวและหวานอย่างพิถีพิถัน ให้เลือก 3 เซ็ทเมนูตามความชอบได้แก่ Mekong Discovery ที่นำเสนอความโดดเด่นของเมนูอาหารพื้นถิ่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรอยต่อ 3 แผ่นดิน ไทย ลาว และพม่า อาทิ ไคแผ่น สแนคของลาวเสิร์ฟพร้อมกับลาบปลาทูน่ารสจัดจ้าน, แกงฮังเลหมู อาหารขึ้นชื่อของภาคเหนือ ฯลฯ Culinary Adventure เมนูที่ผสมผสานระหว่างอาหารตะวันออก และตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวและน่าลิ้มลอง เช่น ซี่โครงวากิวเนื้อนุ่ม เสิร์ฟบนขนมปังโฮลวีตโฮมเมดแบบดั้งเดิม, ล็อบสเตอร์ภูเก็ตคุณภาพพรีเมียม เสิร์ฟพร้อมสลัดอโวคาโด หรือของหวานอย่าง เครมบูเล่ ท็อปด้วยลูกฟิก จากมูลนิธิโครงการหลวง, ชูว์ครีมสตรอเบอรี่สดจากไร่ ฯลฯ และ Gourmet Odyssey ที่ชูอาหารพื้นถิ่นเมืองเหนือ กับวัตถุดิบชั้นเลิศมารังสรรค์ให้กลายเป็นเซ็ทเมนูที่โดดเด่นและพิเศษยิ่งขึ้น อาทิ เนื้อวากิว M5, หอยเชลล์ยักษ์นำเข้า และคาเวียร์โครงการหลวง หรือของหวานรสเลิศอย่าง Financier ฟินองเซียของฝรั่งเศส รสชาตินุ่มนวล, เค้กมูสกุหลาบ และฟักทอง หรือ เครมบูเล่มะพร้าวน้ำหอมจากภาคเหนือ ฯลฯ
 
เชฟพิสิษฐ์ จิโนพงป์ หรือ เชฟจีโน่ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟจากอนันตราสามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารมากว่า 30 ปีกล่าวว่า “หัวใจสำคัญที่ลูกค้าจะได้รับนอกจากการพักผ่อนสุดพิเศษในรีสอร์ทที่ดีที่สุดของเชียงรายแล้ว ก็คือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตระหว่างคนเมืองกับธรรมชาติให้อยู่กันอย่างสมดุล ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน ดังนั้น Canopy จึงเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความใส่ใจของเรา ด้วยการมอบพื้นที่ให้แขกได้มีโอกาสสัมผัส และมีส่วนร่วมรื่นรมย์กับธรรมชาติ ในระหว่างรับประทานอาหารแต่ละมื้ออย่างมีคุณค่ามากที่สุด”
 
สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารเหนือระดับที่ Canopy โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปราคาเริ่มต้น ที่ 14,000++บาท ต่อ 2 ท่าน เปิดให้บริการทุกวัน สำหรับมื้อเช้า เวลา 7.30-11.00 น. มื้อกลางวัน เวลา 12.30-16.30 น. และมื้อค่ำ เวลา 17.30-19.00 น. 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งโทร.053-784-084
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

นายกเทศมนตรีเชียงรายฟื้นฟูท่องเที่ยวพร้อมจัดงานดอกไม้อย่างยิ่งใหญ่

นายกเทศมนตรีเชียงรายเสนอกลยุทธ์ฟื้นฟูการท่องเที่ยว พร้อมจัดงานดอกไม้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เสนอแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสรวงศ์ เทียนทอง และปลัดกระทรวงนัทรียา ทวีวงศ์ ในการประชุมที่จัดขึ้นที่สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างหนัก

การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชียงราย

นายกเทศมนตรีเชียงรายและทีมงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมประชุมกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงผู้แทนเครือข่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ ชุมชนที่ได้รับผลกระทบมากถึง 52 ชุมชน มีบ้านเรือนประชาชนประสบภัยถึง 12,000 หลังคาเรือน และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับความเสียหายหนัก

แผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการจัดงานดอกไม้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

นายกเทศมนตรีเชียงรายได้เสนอแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและเป็นระบบ ซึ่งรวมถึงการจัดงานลอยกระทงในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 และการจัดงาน “เชียงรายดอกไม้งาม” ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 งานดอกไม้นี้จะเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดที่เคยจัดมากว่า 20 ปี โดยจะจัดขึ้นที่หาดนครเชียงราย ภายใต้แนวคิด “ปิ๊กบ้านเฮา จาวเจียงฮาย” ซึ่งเน้นการใช้ดอกไม้ ม่านหมอก สายน้ำ และขุนเขาเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างบรรยากาศและดึงดูดนักท่องเที่ยว

การสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เสนอแผนฟื้นฟูที่มีกิจกรรมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว “เหนือ…พร้อมเที่ยว” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และแคมเปญ “แอ่วเหนือ คนละครึ่ง” ซึ่งมอบส่วนลดสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว จำนวน 10,000 สิทธิ์ และวงเงิน 800 บาท นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมการตลาดผ่าน influencer ระดับนานาชาติ เพื่อเพิ่มการรับรู้และดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังเชียงรายมากยิ่งขึ้น

การฟื้นฟูสถานที่ท่องเที่ยวและการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

การฟื้นฟูพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในการกลับมาเยือนเชียงรายอีกครั้ง โดยมีการดำเนินการฟื้นฟูทุกแห่งตามแผนที่รัฐบาลวางเอาไว้ รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนและสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมล้างฝุ่นและทำความสะอาดเพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์และเพิ่มความน่าสนใจให้กับสถานที่ท่องเที่ยว

การร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อความสำเร็จของแผนฟื้นฟู

นายกเทศมนตรีเชียงรายเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยว ซึ่งการสนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายจะช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเชียงรายฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงในอนาคต

สรุปและมองไปสู่อนาคตที่สดใสสำหรับการท่องเที่ยวเชียงราย

ด้วยการวางแผนฟื้นฟูที่ชัดเจนและการจัดงานที่ใหญ่กว่าเดิม นายกเทศมนตรีเชียงรายเชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายจะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต การฟื้นฟูการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังสร้างความภูมิใจให้กับประชาชนในพื้นที่และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเชียงรายในสายตานักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เลื่อนจัดงาน ชา-กาแฟ เชียงราย 2024 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้จัดงาน

ทีเส็บเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ หลังน้ำลด พร้อมดันงานอีเวนต์ปลายปี ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ (TCEB) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ซึ่งประกอบด้วยการจัดประชุม งานแสดงสินค้า และอีเวนต์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย ได้ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านการจัดงานขนาดใหญ่หลายงานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงการจัด เทศกาลประจำจังหวัด ต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริม ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของรัฐบาลไทย โดยการนำเสนอวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ผ่านการจัดงานต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ไมซ์ดันรายได้ท่องเที่ยวพุ่ง 3 เท่า

นายจิรุตถ์กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติถึง 3 เท่าครึ่ง ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยที่ผ่านมา ทีเส็บ ได้ร่วมมือกับ หอการค้าไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการส่งเสริมการจัดงานในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อลดความหนาแน่นของการจัดงานในเมืองใหญ่ และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เช่น การจัดงานเทศกาลประจำจังหวัด หรือการจัดนิทรรศการเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

“ขอนแก่นปลาร้าเฟสติวัล” จัดปลายปี เน้นอัตลักษณ์ท้องถิ่น

ในเดือนธันวาคมนี้ ทีเส็บเตรียมสนับสนุนการจัดงาน ขอนแก่นปลาร้าเฟสติวัล ซึ่งเป็นการนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่น และวัฒนธรรมการทำปลาร้าในจังหวัดขอนแก่น โดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และส่งเสริมภาพลักษณ์ของขอนแก่นในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวจะเป็นต้นแบบของการจัดงานในรูปแบบ “ระเบิดจากภายใน” (Inside-Out) ซึ่งเป็นการผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างแท้จริง และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริม Soft Power ผ่านวัฒนธรรมท้องถิ่น

 
ฟื้นฟูพื้นที่จัดงานหลังน้ำลดในเชียงใหม่-เชียงราย

นายจิรุตถ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ ทีเส็บอยู่ระหว่างการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่จัดงานในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะ เชียงใหม่ และ เชียงราย หลังจากระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลง เช่น โรงแรมและสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ที่ต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ (Big Cleaning Day) เนื่องจากได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ทั้งนี้ ทีเส็บจะเร่งฟื้นฟูพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้พร้อมสำหรับการจัดงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการจัดงานไมซ์และอีเวนต์มากที่สุด

“ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 (ต.ค.-ธ.ค.) เป็นช่วงเวลาสำคัญของการจัดงานไมซ์และอีเวนต์ในประเทศไทย เราจึงต้องเร่งฟื้นฟูและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับงานต่าง ๆ เช่น งาน ชา-กาแฟ ของจังหวัดเชียงราย ที่แม้สถานที่จัดงานจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้จัดงาน เราอาจต้องมีการเลื่อนการจัดงานไปอีกเล็กน้อย” นายจิรุตถ์ กล่าว

เตรียมบิดงานอีเวนต์ระดับโลกเข้าประเทศในปี 68

สำหรับปี 2568 ทีเส็บเตรียมดำเนินการเสนอแผนการจัดงานประชุมและอีเวนต์ระดับโลกในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้ามาจัดงานในไทยมากขึ้น ผ่านการเพิ่มสิทธิประโยชน์ และการสนับสนุนการจัดงานขนาดใหญ่ พร้อมทั้งฟื้นฟูภาพลักษณ์ของจังหวัดต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ และ เชียงราย ที่มีศักยภาพในการจัดงานระดับนานาชาติ และสามารถดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป: “ไมซ์” กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลังน้ำลด

การฟื้นฟูและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปี 2567 นี้ โดยเฉพาะการจัดงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เช่น เชียงใหม่ และเชียงราย ที่ทีเส็บกำลังเร่งฟื้นฟูเพื่อให้กลับมาพร้อมรับการจัดงานและดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ทั้งนี้ การฟื้นฟูและดึงดูดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสนับสนุนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดงานประชุมและนิทรรศการในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : World Tea & Coffee Expo 2024

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIAL & LIFESTYLE

นายกฯ ตรวจพื้นที่น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย พร้อมทีมแพทย์ช่วยประชาชน”

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.00 – 12.00 น. ณ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย พ.อ. กิติพันธ์ เฮงสนั่นกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (มทบ.37) และหน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ให้การต้อนรับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและทีมงาน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่โดยละเอียด เพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก โดยเน้นการอพยพผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง และจัดหาสถานที่พักพิงชั่วคราวที่มีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างละเอียด ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่การเกษตร เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกด้าน

ในระหว่างการตรวจเยี่ยม น.ส. แพทองธาร ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู พร้อมทั้งสอบถามถึงความต้องการเร่งด่วนและปัญหาต่าง ๆ ที่พบระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด นอกจากนี้ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชยังได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู เพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะน้ำท่วมขัง

โดยทีมแพทย์ได้เน้นการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจความดันโลหิต การตรวจหาโรคทางเดินหายใจ และโรคผิวหนัง รวมถึงการแจกจ่ายยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ เพื่อป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคตาแดง และโรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ยังได้ให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงหลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกวิธี

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการฟื้นฟูระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อ.แม่สาย และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการฟื้นฟูและป้องกันการเกิดอุทกภัยในระยะยาว โดยการจัดทำระบบการเตือนภัยล่วงหน้า การจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่ม และการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวและฟื้นฟูได้อย่างยั่งยืน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้ยังคงมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังและต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมทันที เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้มีการร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือผ่านการบริจาคสิ่งของและเงินสนับสนุน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาวิกฤตนี้

การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครั้งนี้ของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ไม่เพียงแต่แสดงถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน แต่ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทุ่มเทและเสียสละในการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News