ในยุคที่โลกของเรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ผลกระทบของมันไม่ได้อยู่แค่ในข่าวสารที่เราได้ยินเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างชัดเจน ซึ่งต้นเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โครงการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอน หรือ Low Carbon Tourism จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ทั้งสนุกและรับผิดชอบต่อโลกใบนี้
Low Carbon Tourism: เที่ยวสนุกแบบมีความรับผิดชอบ
หลายคนอาจสงสัยว่า “การท่องเที่ยวเกี่ยวอะไรกับการลดคาร์บอน?” คำตอบคือ ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ทั้งการใช้พาหนะที่ปล่อยมลพิษ การบริหารจัดการของเสียในแหล่งท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเลือกซื้อสินค้าในท้องถิ่น ล้วนส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น การเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวเพียงเล็กน้อย เช่น การเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถสาธารณะ การเข้าพักในโฮมสเตย์ที่มีมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม หรือการเข้าร่วมกิจกรรมที่สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า สภาวะโลกร้อนในปัจจุบันส่งผลกระทบทั้บเรื่องมลพิษและก๊าซเรือนกระจก จนทำให้โลกกำลังก้าวเข้าสู่สภาวะโลกเดือด ซึ่งในอนาคตอันใกล้หากทั้งโลกไม่ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในทุกกิจกรรมของการดำเนินชีวิต จะส่งผลให้สภาพอากาศและสมดุลทางธรรมชาติแปรปรวน ซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งหมดบนโลก รวมถึงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมการท่องเที่ยวกับสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ออกเดินทางโดยใช้พาหนะต่างๆ ตลอดจนการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมของสถานประกอบการ ทำให้พบว่ามีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกมากขึ้น
โครงการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอน
กรมการท่องเที่ยวได้ริเริ่มโครงการนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ และชุมชนท้องถิ่น เห็นความสำคัญของการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ กิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงการมีหลากหลาย ตั้งแต่การจัดอบรมพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวลดคาร์บอน การสร้างต้นแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐาน เช่น เส้นทางโฮมสเตย์ไทย หรือการท่องเที่ยวโดยชุมชน ไปจนถึงการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดในหลายภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งมี 11 เส้นทางทั่วประเทศครอบคลุมทุกภูมิภาคของไทย ประกอบด้วย เส้นทางขอนแก่น – ชัยภูมิ, อุดรธานี – หนองคาย, เลย – เพชรณ์, จันทบุรี – ตราด, กาญจนบุรี – ราชบุรี, สมุทรสงคราม – สมุทรสาคร, เชียงราย – พะเยา, เชียงใหม่ – ลำปาง, อุทัยธานี – นครสวรรค์, กระบี่ – สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต – พังงา
ตัวอย่างเส้นทางที่น่าสนใจ ได้แก่
ร่วมมือเพื่อความยั่งยืน
โดยการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องลดความสนุก แต่เป็นการเพิ่มมิติใหม่ของการท่องเที่ยวที่ใส่ใจโลกและช่วยสร้างความยั่งยืน ทุกก้าวเดินของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกที่พัก การเดินทาง หรือกิจกรรมในท้องถิ่น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลโลกใบนี้ให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นต่อไป
อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวทิ้งท้ายว่า กิจกรรมประชาสัมพันธ์ต้นแบบเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำที่กรมการท่องเที่ยว จัดขึ้นในครั้งนี้ มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน และชุมชนท่องเที่ยว เกิดความตระหนักรู้ในเรื่อง การลดก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากทุกกิจกรรมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สร้างการมีส่วนร่วมเพื่อรับผิดชอบต่อส่วนรวมของคนในพื้นที่ สร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงกันทั่วประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืนอย่างแท้จริงตามกระแสและกฎระเบียบใหม่ของโลก
ชมวัดร่องขุ่น ศิลปะงดงามแห่งความยั่งยืน
หากพูดถึงจุดหมายปลายทางที่ทั้งงดงามและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย คงเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความวิจิตรตระการตาของสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) วัดร่องขุ่นจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศ
ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่การออกแบบอันมีเอกลักษณ์ ใช้เวลาสร้างสรรค์ยาวนานกว่า 13 ปี โดยสะท้อนถึงความรักในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการก่อสร้าง ทุกมุมมองของวัดล้วนเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ถ่ายทอดความหมายเชิงศาสนาอย่างลึกซึ้ง
นอกจากความงดงาม วัดร่องขุ่นยังยึดมั่นในแนวทางการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดการขยะที่เป็นระบบ เช่น การคัดแยกขยะ การใช้เตาเผาขยะไร้ควัน และการส่งถุงพลาสติกจากนักท่องเที่ยวไปรีไซเคิล นี่คือตัวอย่างที่ดีของการท่องเที่ยวที่ไม่เพียงแต่สนุก แต่ยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ข้อมูลเพิ่มเติม:
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีพื้นที่เกษตรกรรม ไร่ชา และธรรมชาติที่สวยงามในพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ ในช่วงฤดูหนาวมีทุ่งดอกคอสมอส ทุ่งปอเทือง และผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ พุทราพันธุ์ซื่อหมี่ และชาสูตรพิเศษนานาชนิดที่เป็นสูตรเฉพาะจากไร่
และยังมีกิจกรรมให้เช่าจักรยานปั่นภายในไร่ การโหนซิปไลน์ ชมไร่ชาในมุมสูงรอบทิศ 360 องศา รถรางบริการนำเที่ยวชมในไร่ตามจุดต่าง ๆ และให้อาหารสัตว์ เช่น ยีราฟ ม้าลาย อย่างใกล้ชิด
ในการเดินทางท่องเที่ยวที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมและเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ, สิงห์ปาร์ค ในจังหวัดเชียงรายนับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าสนใจที่สุด ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่สวยงามทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
สิงห์ปาร์คได้ส่งเสริมการปลูกพืชและปลูกป่าร่วมกับชุมชน เพื่อลดการเผาป่าและการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และควันไฟฟ้าควันอื่นๆ ที่เป็นผลพวงจากกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากนี้ การร่วมมือกันเหล่านี้ยังช่วยให้ชุมชนมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
การดูแลแหล่งน้ำกว่า 50 บ่อที่สิงห์ปาร์คนั้นเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบธรรมชาติและเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่รองรับกิจกรรมการเกษตรในพื้นที่ รวมถึงการใช้เป็นแหล่งน้ำในการช่วยเหลือเหตุการณ์ดับไฟป่าที่อาจเกิดขึ้นได้
อีกทั้งการควบคุมการใช้สารเคมีต่างๆ ถือเป็นการปกป้องชุมชนและสิ่งแวดล้อมจากการสัมผัสสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย การปฏิบัติการอย่างเข้มงวดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของสิงห์ปาร์คที่จะรักษาสุขภาพของชุมชนและความสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่
การเยือนสิงห์ปาร์คในเชียงรายจึงไม่เพียงแต่ให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่สวยงามและผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่ช่วยให้ทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้รับประโยชน์ร่วมกัน นี่คือการท่องเที่ยวนอกเส้นทางที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้รับการตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย.
ข้อมูลเพิ่มเติม:
สำรวจการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำที่ชุมชนบ้านโป่งแดง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย
การท่องเที่ยวชุมชนบ้านโป่งแดงให้คุณได้เห็นแง่มุมใหม่ของการเกษตรที่ก้าวหน้าแต่ยังคงรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งได้พัฒนาจากการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่เกษตรอัจฉริยะ หรือ “Smart Farming” ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการจัดการและปรับปรุงคุณภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูง.
ทัวร์ชมศูนย์การเรียนรู้ Smart Farm and Smart Home
การเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับ Smart Farm and Smart Home ที่บ้านโป่งแดงจะให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ระบบสั่งงานด้วยมือถือในการบริหารจัดการเกษตรกรรม ช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานและประโยชน์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.
ชมการแปรรูปสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า
ในการเดินทางครั้งนี้ คุณจะได้ชมการสาธิตการแปรรูปสมุนไพรที่ทางชุมชนได้พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตร การเรียนรู้วิธีการเหล่านี้จะทำให้เห็นถึงความสำคัญของการนำความรู้และเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น.
สัมผัสวิธีการผลิตข้าวเกรียบว่าวแบบดั้งเดิม
ตอนหนึ่งของการท่องเที่ยวที่ทำให้คุณได้สัมผัสความเป็นมาของอาหารพื้นบ้าน คือการดูการผลิตข้าวเกรียบว่าว ที่ยังคงรักษากรรมวิธีแบบดั้งเดิมไว้อย่างดี การรับชมขั้นตอนเหล่านี้ให้ความรู้สึกที่แท้จริงของวัฒนธรรมอาหารและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน.
เดินป่าและกิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกป่า
การเดินทางผ่านป่าชายเขาและร่วมกิจกรรมยิงหนังสติ๊กปลูกป่าเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมโดยตรงกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและการฟื้นฟูป่าไม้.
พักผ่อนที่น้ำพุร้อน
ปิดท้ายวันด้วยการแช่น้ำพุร้อนให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย สนุกสนานกับการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจากกิจกรรมทั้งหมด.
การเดินทางท่องเที่ยวที่บ้านโป่งแดงไม่เพียงมอบประสบการณ์ที่สนุกสนานและสร้างความผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้และมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตร่วมกันกับโลกและชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.
ท่าเรือวัดติโลกอาคาม: จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
ท่าเรือวัดติโลกอาคาม ตั้งอยู่ในจังหวัดพะเยา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการดำเนินการที่มุ่งหวังให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ซึ่งการเลือกใช้พลังงานทดแทนและการเดินทางด้วยการขนส่งที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ถือเป็นหัวใจหลักในการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและไม่ทำลายธรรมชาติ
กิจกรรมใส่บาตรข้าวเหนียว: ประเพณีที่เชื่อมโยงกับชุมชน หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญในท่าเรือวัดติโลกอาคามคือการใส่บาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นประเพณีที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชุมชน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีความยั่งยืน โดยกิจกรรมนี้จะช่วยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
ความยั่งยืนในการท่องเที่ยวริมกว๊านพะเยา การท่องเที่ยวริมกว๊านพะเยาเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กว๊านพะเยาเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ การสนับสนุนให้ผู้มาเยือนท่องเที่ยวด้วยการเดินทางที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้จักรยานหรือการเดินเท้า เป็นวิธีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและรักษาความงามของแหล่งท่องเที่ยวนี้
การเดินทางคาร์บอนต่ำในพื้นที่: วิธีการเดินทางที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
ในการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ การเลือกการเดินทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้จักรยาน เดินเท้า หรือรถสาธารณะที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ การใช้ยานพาหนะไฟฟ้าหรือพลังงานทดแทนก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเดินทางไปยังท่าเรือวัดติโลกอาคามและริมกว๊านพะเยา การเลือกกิจกรรมท่องเที่ยวที่รักษาสิ่งแวดล้อม การเลือกกิจกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น การเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติ การเข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่าย เป็นตัวอย่างของกิจกรรมที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ ข้อดีของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น อีกทั้งยังทำให้ผู้ท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาธรรมชาติ
ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมในกิจกรรมใส่บาตรข้าวเหนียว
การเข้าร่วมกิจกรรมใส่บาตรข้าวเหนียวไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนและนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีคุณธรรมและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบที่ยั่งยืนการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นโดยการส่งเสริมให้ชุมชนใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ การสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในบริเวณกว๊านพะเยา กว๊านพะเยาเป็นพื้นที่ที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดี การท่องเที่ยวในบริเวณนี้ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความงามของแหล่งน้ำสำคัญ แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ บทบาทของชุมชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ชุมชนเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ พวกเขามีบทบาทในการให้ข้อมูล การแนะนำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ: ข้อแนะนำในการวางแผนท่องเที่ยว ในการวางแผนท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ควรคำนึงถึงการเลือกกิจกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้ยานพาหนะที่ลดการปล่อยคาร์บอน และการพิจารณาความยั่งยืนของการเดินทาง การรักษาความสะอาดในพื้นที่ท่องเที่ยว การรักษาความสะอาดในพื้นที่ท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญ การจัดกิจกรรมทำความสะอาด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย ช่วยลดการสะสมของขยะและรักษาความงามของสถานที่ท่องเที่ยว การลดการใช้พลังงานในการท่องเที่ยว การลดการใช้พลังงานในระหว่างการท่องเที่ยวสามารถทำได้โดยการใช้แหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ การเดินทางด้วยจักรยาน หรือการเข้าพักในที่พักที่มีการใช้พลังงานจากแหล่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อนาคตของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในจังหวัดพะเยา การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในจังหวัดพะเยามีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคต เนื่องจากการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและชุมชนท้องถิ่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะช่วยรักษาความสมดุลของธรรมชาติและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
กิจกรรม เยี่ยมชมตลาดชุมชน / ชมสวนเศรษฐกิจพอพียง / workshop eco print /สาธิตกาทำอาหารพื้นเมือง
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนวิถีชีวิตชุมชน หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ เส้นทางการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำของชุมชนบ้านดอกบัวท่าวังทอง ในตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผสมผสานการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การท่องเที่ยวเส้นทางคาร์บอนต่ำที่ชุมชนบ้านดอกบัวท่าวังทอง จังหวัดพะเยา เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง โดยไม่ละเลยความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระยะยาว ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่างและมีคุณค่า เส้นทางนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ!
กิจกรรมที่น่าสนใจในบ้านดอกบัวท่าวังทอง
เยี่ยมชมตลาดชุมชน
ตลาดชุมชนบ้านดอกบัวเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อสินค้าออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ผลิตขึ้นโดยชาวบ้าน และงานหัตถกรรมที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของชุมชน
ชมสวนเศรษฐกิจพอเพียง
เรียนรู้วิถีชีวิตที่พึ่งพาตนเองผ่านสวนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจัดแสดงการทำเกษตรอินทรีย์ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และการปลูกพืชผักที่หลากหลายภายในพื้นที่เล็ก ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร
Workshop Eco Print จากธรรมชาติ
หนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตคือการทำ Eco Print โดยใช้ใบไม้หรือดอกไม้พิมพ์ลวดลายลงบนผ้า นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้กระบวนการที่ละเอียดอ่อน ตั้งแต่การเลือกใบไม้ในท้องถิ่น เช่น ใบสัก ใบมะม่วง ใบละหุ่ง จนถึงการนำผ้าไปนึ่งที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ลวดลายและสีสันที่ไม่ซ้ำกัน
สาธิตการทำอาหารพื้นเมือง
สัมผัสเสน่ห์ของอาหารพื้นบ้านภาคเหนือผ่านการสาธิตและลงมือทำอาหารด้วยตนเอง เมนูยอดนิยม เช่น ส้มตำ ตำมะม่วง หรือจะลาบ ก็สร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยรสชาติและความอบอุ่นจากชาวบ้าน
เรียนรู้วิถีชุมชนคนลุ่มน้ำอิง
ชุมชนบ้านดอกบัวตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำอิง นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ระบบนิเวศที่เชื่อมโยงระหว่างเขา ป่า นา และน้ำ พร้อมกับการใช้ชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติอย่างยั่งยืน
การส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน
กรมการท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยการสนับสนุนและอบรมผู้ประกอบการให้มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการก๊าซเรือนกระจก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ชุมชนและนักท่องเที่ยวมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะอย่างเหมาะสม และการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เส้นทางนี้ ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ: การท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
เครดิตภาพ : กีรติ ชุติชัย
ข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
Copyright © 2023 by G Good Media Co., LTD. & Nakhon Chiang Rai News. All Rights Reserved.