Categories
TOP STORIES

แอป Whoscall พบเบอร์มือถือรั่วไหล 13 ล้านเบอร์ มิจฉาชีพโทรหลอกสูงขึ้น 165%

whoscall แอปที่จะช่วยตรวจสอบเบอร์แปลกๆ ทั้งหลาย รวมไปถึงมิจฉาชีพ และบอกได้ว่าเป็นใครโทรหรือส่งข้อความมา ล่าสุดเผยสถิติประจำปี พบยอดสายมิจฉาชีพพุ่ง 165% พร้อมเบอร์มือถือคนไทยรั่วไหลกว่า 13 ล้านเบอร์ คิดเป็นจำนวนการรั่วไหลของเบอร์โทรศัพท์ในประเทศไทยกว่า 45% เป็นข้อความหลอกลวงและสแปมนับไม่ถ้วน

โดยภัยคุกคามจากการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อต้านการทุจริต (Anti-Fraud Prevention) จากข้อมูลของ Fortune Business Insight อุตสาหกรรมนี้คาดว่า จะมีมูลค่าถึง 129.2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 22.8% จากการเพิ่มขึ้นของ AI และช่องโหว่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยี เพื่อหลอกลวง และเกิดผลเสียทวีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต 

ดูเหมือนว่าที่ผ่านมามีมิจฉาชีพเกิดขึ้นทุกวัน ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะตามกลลวงให้ทันยังไง เพื่อน ๆ ทุกคนก็คงเห็นว่าคนร้ายเหล่านี้มักหามุขใหม่ ๆ มาหลอกพวกเราได้ตลอดเวลา จึงอยากแชรข้อมูลสถิตให้เราได้ระวังภัยกันมากขึ้นและรัดกุมกว่าเดิม

ซึ่ง 7 ใน 10 ครั้งของข้อความ SMS ที่คนไทยได้รับเป็นข้อความสแปมและข้อความหลอกลวง หรือคิดเป็น 73% ของข้อความที่ได้รับทั้งหมด ในส่วนของยอดสายโทรศัพท์หลอกลวงพุ่งขึ้น 165% จาก 6.4 ล้านครั้งในปี 2564 เป็น 17 ล้านครั้งในปี 2565 

มิจฉาชีพนิยมส่งข้อความหลอกลวงเนื่องจากสามารถเข้าถึงเหยื่อจำนวนมากด้วยต้นทุนต่ำ ข้อความ SMS ถูกใช้เป็น เครื่องมือเพื่อ “ติดต่อครั้งแรก” โดยหลอกให้เหยื่อกดลิงก์ฟิชชิ่งเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว เพิ่มบัญชีไลน์เพื่อหลอกให้ส่งข้อมูลหรือ โอนเงินให้ กลอุบายที่พบบ่อยได้แก่

  • การเสนอเงินกู้โดยมักอ้างรัฐบาลหรือธนาคาร 
  • การให้สิทธิ์เข้าตรงเว็บพนันออนไลน์ ที่ผิดกฎหมาย 
  • คีย์เวิร์ดของข้อความหลอกลวงที่ถูกรายงานที่พบบ่อยที่สุดเช่น “รับสิทธิ์ยื่นกู้” “เครดิตฟรี” “เว็บตรง” “คุณได้รับสิทธิ์” “คุณได้รับทุนสำรองโครงการประชารัฐ” “คุณได้รับสิทธิ์สินเชื่อ” และ “คุณคือผู้โชคดี”   

รูปแบบและประเด็นการหลอกลวงถูกปรับเปลี่ยนไปตาม  บริบทของแต่ละประเทศจากการค้นหาและระบุการหลอกลวง (รวมการโทรและข้อความ) ต่อผู้ใช้ Whoscall 1 คน ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ ที่มีข้อความและสายโทรเข้าหลอกลวง เฉลี่ย 33.2 ครั้งต่อปี (เพิ่มขึ้น 7%) ขณะที่ไต้หวันมี 17.5 ครั้ง (ลดลง 20%) และมาเลเซีย 16.5 ครั้ง  (เพิ่มขึ้น 15%) ตัวเลข ดังกล่าวตอกย้ำว่าการหลอกลวงนั้นยังคงแพร่หลายไปยังหลายประเทศ 

แถมกลหลอกลวงใหม่ๆ ในประเทศไทยมักเกิดขึ้นตามความสนใจและเทรนด์ต่าง ๆ เช่นการปล่อยเงินกู้, หลอกส่งพัสดุเพื่อเก็บเงินปลายทาง,  หลอกเป็นกรมทางหลวง, หลอกให้คลิกไปเล่นพนันออนไลน์,  หลอกว่ามีงาน part time  หลอกว่าได้รางวัลจาก TikTok และแพลตฟอร์มต่างๆ  มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลมักเป็นด่านแรกที่มิจฉาชีพใช้เข้าถึงรายละเอียดการติดต่อเพื่อหลอกลวงเหยื่อ  การรั่วไหลอาจเกิดขึ้นจากฐานข้อมูลขององค์กรหรือรัฐบาลถูกโจมตีทางไซเบอร์ หรือผู้ใช้กรอกแบบสำรวจ แบบทดสอบทางจิตวิทยา หรือแบบฟอร์มในเว็บไซต์ฟิชชิ่ง เพื่อลดภัยคุกคามตั้งแต่เริ่มต้น พบว่าในประเทศไทยมีการรั่วไหลของเบอร์โทรศัพท์ 45% ทั้งนี้ รหัสผ่าน เบอร์โทรศัพท์ และชื่อ เป็นข้อมูลส่วนตัว ที่มีการรั่วไหลมากที่สุด ตามด้วยสัญชาติ อีเมล ที่อยู่ และวันเกิด

ข้อมูลที่รั่วไหลแต่ละประเภทอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารออนไลน์หรือบัญชีโซเชียลเน็ตเวิร์ก อาจถูกขโมยได้หากรหัสผ่านรั่วไหล หรือในกรณีที่มิจฉาชีพได้ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ แม้แต่บันทึกการชำระเงินและการซื้อของ ก็จะสามารถใช้หลอกลวงทางโทรศัพท์และข้อความ SMS ได้อย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันภัยจากมิจฉาชีพเราจึงควร ใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้น (Two-Factors Authentication) เมื่อใช้บริการออนไลน์ เปลี่ยนรหัสผ่านที่รัดกุมเป็นประจำ และใช้ Whoscall เพื่อระบุสายโทรเข้าและข้อความ SMS ที่ไม่รู้จัก

วิธีป้องกันเบื้องต้น
  • ห้ามคลิก : หากได้รับลิงก์ใน SMS  โดยเฉพาะข้อความที่มาจากธนาคารหรือหมายเลขที่ไม่รู้จัก เนื่องจาก ปัจจุบัน มีข้อห้ามไม่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยส่งลิงก์ทาง SMS ให้กับลูกค้าโดยตรง
  • ห้ามกรอก: หากได้รับ SMS เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือขออัปเดตชื่อ ผู้ใช้/รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินที่มีลิงก์ไปยัง เว็บไซต์ ที่น่าสงสัย อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆเด็ดขาด
  • ห้ามเพิกเฉย: ผู้ใช้สามารถช่วยกันต่อต้านกลโกงและหลอกลวงทางโทรศัพท์ โดยการรายงานเบอร์โทรศัพท์ที่น่าสงสัย หรือหลอกลวง ทางแอปพลิเคชัน Whoscall เพื่อป้องกันและช่วยส่งคำเตือนไปยังกลุ่มผู้ใช้รายอื่นได้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : whoscall

 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
TOP STORIES

อธิบดีปกครอง สั่งยุบทิ้งสมาคมฯ ของศรีสุวรรณ

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายณพลเดช มณีลังกา โพสต์เฟสบุ๊ค ด่วนครับ มีคำสั่งนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร เพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนและใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2566 แล้วครับ 

โดยได้แนบเป็นเอกสารเป็นคำสั่งเพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยตามที่ นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งรับจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ทะเบียนเลขที่ จ.4785/2552 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 15 ชอยปทุมคงคา ถนนทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร นั้น
 
จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ ข้อเท็จจริงปรากฎว่า มีบุคคลผู้จะเป็นสมาชิกของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน ร่วมกันยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นท้องที่สำนักงานแห่งใหญ่ของสมาคมจะตั้งขึ้น พร้อมกับแนบข้อบังคับของสมาคม รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้จะเป็นสมาชิก จำนวน 11 คน และข้อเท็จจริงปรากฎภายหลังการจดทะเบียนสมาคมว่า บุคคลที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ที่จะสมัครสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำนวน 3 คน ให้ถ้อยคำยืนยันสอดคล้องต้องไม่เคยเป็นสมาชิกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยแต่อย่างใด และผู้มีรายชื่อในบัญชีจำนวน 2 รายให้ถ้อยคำยืนยันสอดคล้องกันว่า ไม่เคยเข้าร่วมประชุมคณะผู้เริ่มก่อตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 66 พฤษภาคม 2551 การที่นำรายงานการประชุมดังกล่าวแนบยื่นเป็นเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครนั้น บุคคลดังกล่าวมิได้รู้เห็นด้วยแต่อย่างใด พยานหลักฐานจึงมีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า การยื่นคำขอจดทะเบียนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยมิได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 81 กล่าวคือ มีจำนวนสมาชิกไม่ครบ 10 คน จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 49 ประกอบมาตรา 52แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เพิกถอนคำสั่งรับจดทะเบียนและใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนจัดตั้งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ทะเบียนเลขที่ จ.4785/2552 ลงวันที่ 13พฤษภาคม 2552
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : matichon / https://www.facebook.com/dr.peterping

 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

กระทรวงวัฒนธรรม ยกระดับผลิตภัณฑ์ บ้านศรีดอนชัย และบ้านเมืองรวง เชียงราย

เมื่อวันที่ 5-8 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม เอส รัชดา เลเชอร์ กรุงเทพมหานคร

กระทรวงวัฒนธรรม จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ประจำปี พ.ศ. 2566 ระหว่างวันที่ 5- 8 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรม เอส รัชดา เลเชอร กรุงเทพมหานคร เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ในด้านการออกแบบ ประโยชน์ใช้สอย รวมถึงการขยายช่องทางการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว เตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
 
วันที่ 6 มิถุนายน 2566 นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ประจำปี พ.ศ. 2566 โดยมีนางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสุภัทร กิจเวช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วิทยากร ผู้ประกอบการ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าร่วม จำนวน 70 คน
 
การอบรมฯ ในวันนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้การนำทุนทางวัฒนธรรมมาพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าทางวัฒนธรรม การพัฒนาต่อยอดสินค้าทางวัฒนธรรม การยื่นคำขอจดลิขสิทธิ์ การขยายช่องทางการจำหน่ายและสร้างเครือข่ายทางการค้า
 
วันที่ 7 มิถุนายน 2566 กิจกรรม Workshop เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไทย นำเสนอแบบแนวคิดในการพัฒนาสินค้า
 
วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ศึกษาดูงาน ณ ชุมชนคุณธรรมฯ วัดเจ็ดเสมียน จังหวัดราชบุรี และชุมชนคุณธรรมฯ บ้านจอมปลวก จังหวัดสมุทรสงคราม
 
ในการนี้ จังหวัดเชียงราย มีผู้ประกอบการเข้าร่วมประชุม จำนวน 2 แห่ง คือ
1. ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย สุดยอดเที่ยวชุมชน ยลวิถี ปี 2564 ผู้ประกอบการ จำนวน 2 ราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ผ้าทอไทลื้อศรีดอนชัย และผลิตภัณฑ์ กระเป๋าและตุ๊กตาไทลื้อศรีดอนชัย
 
2. ชุมชนคุณธรรมฯ บ้านเมืองรวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สุดยอดเที่ยวชุมชน ยลวิถี ปี 2565 ผู้ประกอบการ จำนวน 2 ราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ กาแฟอาข่ามิโน และผลิตภัณฑ์ ผ้าปักเมืองรวง
 
ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นางกัลยา แก้วประสงค์ และนายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ กลุ่มกิจการพิเศษ เข้าร่วมอบรมและอำนวยความสะดวกเครือข่ายวัฒนธรรมตลอดการจัดกิจกรรมนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

กฤษยา จันแดง,กัลยา แก้วประสงค์ : รายงาน
จิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช : ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการข่าว
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ส่งเสริมอาชีพ แปรรูปสมุนไพรเชิงการค้า

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ณ หอประชุมหมู่ 1 บ้านเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่พบปะผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 5 พัฒนาและแปรรูปสมุนไพรเชิงการค้า)

โดย โครงการพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 5 พัฒนาและแปรรูปสมุนไพรเชิงการค้า) ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการสนับสนุนให้ชุมชนมีการรวมกลุ่มอาชีพนำภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใช้ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาสินค้า

ผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยบูรณาการร่วมกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการพัฒนาทักษะ ความรู้ด้านการประกอบอาชีพ ด้านการบริหารจัดการ และด้านการตลาดให้กับกลุ่มต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดเขียงรายให้มีรายได้ และมีกิจกรรมเสริม สามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายประชาชนเป็นกลไกในการแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายเปิด โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เสริมสร้างความเข้มแข็ง รุ่นที่ 1

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ณ ศาลาอเนกประสงค์หมู่บ้านปิยพร หมู่ 13 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสจังหวัดเชียงราย กิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็ง รุ่นที่ 1 โดยมี นายอนุชา ยอดเชียงคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่สาย เขต 1 นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย นางสาวอุบล ใจวรรณา นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย มิตรภาพ นางสาวนิโลบล ชาติเงิน ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม และพี่น้องประชาชนที่เข้ารับการอบรม ให้การต้อนรับ

สำหรับ โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสจังหวัดเชียงราย กิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็ง รุ่นที่ 1องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ รวมถึงผู้ด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย สิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานด้านสวัสดิการสังคมของหน่วยงานภาครัฐ คือ การให้ประชาชนได้รับทราบสิทธิของตนตามกฎหมาย และเข้าถึงสวัสดิการสังคมที่ รัฐจัดให้ เพื่อให้ประชาชนได้รับสวัสดิการสังคมที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
 
โดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และคุณค่าของคนพิการ รู้จักวิธีการดูแลตนเอง
เบื้องต้น ลดภาระการดูแลให้แก่สมาชิกในครอบครัว ไม่เป็นปัญหาของครอบครัว ชุมชนและสังคม เพื่อให้คนพิการมีโอกาสได้รับการฝึกอาชีพที่เหมาะสมมีรายได้นำมาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว ลดรายจ่ายในครัวเรือน เพื่อให้คนพิการเป็นที่ยอมรับของสังคมในการอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณค่า มุ่งแก้ไขปัญหา สร้างโอกาส และพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพื่อสร้างจิตสำนึกและความตระหนักในการรักษาประโยชน์สาธารณะ
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เซ็นทรัลาเชียงราย เปิดพื้นที่ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 นางภัทราวดี สุทธิธนกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นางรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มงานรัฐกิจสัมพันธ์ และสรรหาที่ดิน-สถาบัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าชั้นนำของไทย ร่วมกับ กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ เปิดให้บริการสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงราย ที่บริเวณชั้น G ฝั่งโรบินสัน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เซ็นทรัลพัฒนา เราให้ความสำคัญในเรื่องการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบครันให้กับผู้มาใช้บริการและมุ่งหวังให้ศูนย์การค้าของเราเป็น “ศูนย์กลางการใช้ชีวิต” เป็นพื้นที่แห่งความสุข อำนวยความสะดวกสบายสำหรับลูกค้า และสนับสนุนกิจกรรมของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในจังหวัดเพื่อเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของชุมชนที่เราตั้งอยู่อย่างแท้จริง

สำหรับ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงราย ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น G ฝั่งโรบินสัน ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดยเซ็นทรัลพัฒนา ได้สนับสนุนพื้นที่รวมขนาดกว่า 315 ตารางเมตร เปิดให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้ามารับบริการได้ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น. และปิดทำการทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ อีกทั้งได้มีการเปิดตัวเครื่องทำหนังสือเดินทางแบบบริการด้วยตนเอง หรือเครื่อง Kiosk ซึ่งมีให้บริการ ณ สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงราย แห่งนี้เป็นที่แรกและแห่งเดียวของภาคเหนืออีกด้วย ผู้มาใช้บริการจะได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยเครื่องคีออสนี้
 
ทั้งนี้ศูนย์การค้าได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาใช้บริการ อาทิ จัดที่จอดรถที่สะดวกต่อการมารับบริการ จัดที่พักคอยและเชื่อมต่อสัญญาณไปยังจอทีวีภายในศูนย์การค้าเพื่อสะดวกในการเรียกคิว จัดเตรียมป้ายประชาสัมพันธ์และบอกทางพร้อมเจ้าหน้าที่แนะนำเส้นทาง เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ชาวเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังมอบพื้นที่เปิด “สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 7 สาขาที่ เวสต์เกต, พิษณุโลก, อุดรธานี, นครราชสีมา, ภูเก็ต ,ชลบุรี และนครศรีธรรมราช อีกด้วย
 
ผู้ที่สนใจเข้าใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะการเปิดให้บริการของสำนักงานหนังสือเดินทางทั่วประเทศก่อนเข้ารับบริการ ผ่านช่องทาง 
Call center กรมการกงสุลตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 02-572-8442 หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เพจ Facebook กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ 
Facebook สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวของแต่ละแห่ง 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : คุณสุพัทรา สุริโยทัย แผนกการตลาด 
Email : susupattra@centralpattana.co.th
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดโครงการรถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงราย นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการรถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท จังหวัดเชียงราย โดยมีนางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย แพทย์หญิงอุไรวัลย์ ตินนังวัฒนะ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ นายแพทย์ 8 จักษุแพทย์สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย มาให้คำแนะนำ ชี้แจงรูปแบบการดำเนินโครงการ ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประกอบไปด้วย สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย แพทย์อาสาประจำตำบล อสม. ครู เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กว่า 700 คน

.
นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่ารู้สึกดีใจแทน ด้วยเด็กนักเรียนในชนบท อาจไม่รู้ว่าตนเองมีสายตาบกพร่อง ทำให้เด็กนักเรียนจำนวนมาก มองเห็นไม่ชัด ขาดแคลนร้านแว่นตาที่มีคุณภาพ จึงเป็นเหตุทำให้เด็กส่วนใหญ่ขาดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ด้อยโอกาสในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านความรู้ ความสามารถ รวมถึงการประกอบอาชีพในอนาคต
.
นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าโครงการรถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท จังหวัดเชียงราย จะใช้รถตัดแว่นสายตาที่เป็นรถบัสใหญ่ ออกแบบภายในพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถประกอบแว่นสายตาบนรถได้ทันที และสามารถรับแว่นสายตาในวันเดียวกัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ จำนวน 4,000 ราย เพื่อให้เด็กๆ มีความสามารถในการมองเห็นที่ชัดเจนขึ้น มีโอกาสในการเรียนรู้ พร้อมกับดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป สามารถช่วยเหลือตัวเอง และครอบครัวอีกด้วย
.
ด้านแพทย์หญิงอุไรวัลย์ ตินนังวัฒนะ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ นายแพทย์ 8 จักษุแพทย์สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ได้ให้คำแนะนำ อธิบายหน้าที่ให้แก่ผู้เข้าอบรมกว่า 700 คน เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติ จัดเตรียมเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์การตรวจวัดสายตา พร้อมสอนวิธีให้คำปรึกษาแก่เด็กนักเรียนในชนบท การตอบปัญหาและช่วยแก้ไข ตลอดจนการปฏิบัติตัวเมื่อสายตาเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้สภากาชาดไทย ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย โดยโครงการรถตัดแว่นสายตาเคลื่อนที่สภากาชาดไทย เพื่อเด็กนักเรียนในชนบท ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 – 21 กรกฎาคม 2566 นี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ สภากาชาดไทย จังหวัดเชียงราย หรือติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 0-5371-2696

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ราชกิจจาฯ ประกาศ ระเบียบราชทัณฑ์ฉบับใหม่ เปิดช่องให้นักโทษ พักรักษานอกเรือนจำ

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566 ลงวันที่ 6 มิ.ย.2566 ซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมระเบียบกรมราชทัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน ให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2510 อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566”


ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป


ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2565 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือหนังสือสั่งการอื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน


ข้อ 4 ในระเบียบนี้ “สถานกักกัน” หมายความว่า สถานกักกัน หรือเขตกักกัน ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด สำหรับควบคุมผู้ถูกกักกัน

“ผู้ถูกกักกัน” หมายความว่า ผู้ซึ่งถูกศาลพิพากษาให้กักกัน “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งอธิบดีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2510

“อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ข้อ 5 ให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาการตามระเบียบนี้ มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้
สำหรับประกาศ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ต้องถูกกักกัน อาทิ ข้อ 36 ผู้ถูกกักกันมีสิทธิยื่นคำร้องทุกข์หรือเรื่องราวใด ๆ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการสถานกักกัน อธิบดี รัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ต่อพระมหากษัตริย์ การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือสถานที่ที่สถานกักกันจัดไว้เพื่อดำเนินการจัดส่งไปยังบุคคลหรือหน่วยงานที่ผู้ถูกกักกันประสงค์ก็ได้

ข้อ 37 ผู้ถูกกักกันจะยื่นคำร้องทุกข์ด้วยวาจา หรือโดยทำเป็นหนังสือก็ได้ ถ้ากระทำด้วยวาจา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับคำร้องทุกข์เป็นผู้บันทึกคำร้องทุกข์ ในบันทึกคำร้องทุกข์ หรือหนังสือร้องทุกข์นั้น ต้องลงลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์และพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งรับคำร้องทุกข์ด้วย

ข้อ 38 การเขียนหนังสือร้องทุกข์หรือเรื่องราวใดๆ หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ผู้ถูกกักกัน ต้องเขียนด้วยตนเอง เว้นแต่ไม่สามารถเขียนด้วยตนเองได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาให้ความช่วยเหลือ ตามความประสงค์ของผู้ถูกกักกัน ในกรณีที่ผู้ถูกกักกันไม่สามารถจัดหาเครื่องเขียนส่วนตัวได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดหาให้

ข้อ 39 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องทุกข์หรือเรื่องราวใดๆ หรือฎีกาที่ทูลเกล้าฯ ถวายแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายตรวจดูข้อความและตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วทำความเห็นเสนอ ผอ.สถานกักกัน พร้อมกับแนวทางการแก้ไขหรือการให้ความช่วยเหลือ

ข้อ 40 คำสั่งหรือคำชี้แจงตอบคำร้องทุกข์หรือเรื่องราวใดๆ หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต้องแจ้งให้ผู้ถูกกักกันซึ่งยื่นคำร้องทุกข์ หรือเรื่องราวใดๆ หรือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาทราบ และให้ผู้ถูกกักกันคนนั้นลงลายมือชื่อรับทราบไว้เป็นหลักฐาน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์จัดสัมมนา ระดับสื่อดังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 12 มิ.ย. นี้

บรรณาธิการและผู้บริหารจากหลากสื่อดังบนออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมาถกกันในหัวข้อ “ความอยู่รอดของสื่อออนไลน์ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง” ในงานสัมมนาระดับภูมิภาคในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ จัดโดย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ร่วมกับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ในงานสัมมนา หัวข้อ “Survival of Online News Providers in the Changing World” ที่จะจัด   ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส จะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสและเป็นการรวมตัวกันของผู้ผลิตสื่อออนไลน์จากประเทศไทย พม่า เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว ที่จะมาแลกเปลี่ยนและถกเกี่ยวกับปัญหา เคล็ดลับ และแนวทางการทำธุรกิจสื่อออนไลน์ในภูมิภาคนี้

นอกเหนือนี้ สัมมนานี้จะมีการถกกันเรื่องกลยุทธการนำเสนอข่าว รูปแบบการทำธุรกิจ และวิธีการสร้างรายได้จากการทำธุรกิจสื่อออนไลน์อีกด้วย

ร่วมสนับสนุนการจัดงาน โดย มูลนิธิเอสซีจี, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส, สายการบินไทยแอร์เอเชีย, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.sonp.or.th

 

Explore how online news providers survive in this changing world

 

Many editors and executives from major southeast Asia online news providers will be joining a seminar in Bangkok organized by ONLINE NEWS PROVIDERS ASSOCIATION and THAI MEDIA FUND on June 12th discussing how to survive and do business today.

 

This “Survival of Online News Providers in the Changing World” seminar will be staged at Pathumwan Princess Hotel in Bangkok. It will be an open stage dozens of major news organizations from Thailand, Myanmar, Vietnam, Malaysia, Philippines, Indonesia, Cambodia, and Laos to share and discuss about problems, tips, and how to do news-related business in this region.

 

Apart from the above, attendees will be discussing content strategies, business models, and monetization opportunities related to news providing business.

Co-sponsored by SCG Foundation, Bangkok Bank Public Company Limited, MBK Public Company Limited, Pathumwan Princess Hotel, Thai AirAsia, charoen pokphand foods public company limited, Gulf Energy Development Public Company Limited

 

More info: https://www.sonp.or.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : www.sonp.or.th

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ชวนคนไทยไปฝึกงานญี่ปุ่น พร้อมรับเบี้ยเลี้ยง ครบ 3 ปี รับเงินกว่า 1.5 แสนบาท

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อการนโยบายพัฒนาฝีมือแรงงานทัดเทียมกับมาตรฐานของนานาชาติ โดยการจัดส่งผู้ฝึกงานให้กับประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้หางานได้พัฒนาฝีมือ และผู้ฝึกงานยังได้รับเบี้ยเลี้ยงสูงกว่าค่าจ้างที่ได้รับในประเทศ 

 น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เป็นข่าวดีที่กรมการจัดหางาน เปิดรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง ผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 4 จึงขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครทางออนไลน์ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้ -18 มิถุนายน 2566 สอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบกรุงเทพมหานคร โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคฯ เดือนแรกจะได้รับเบี้ยเลี้ยง 80,000 เยน หรือประมาณ 19,893 บาท ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟ ฟรี และเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่น และ เมื่อฝึกครบตามกำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน หรือประมาณ  149,170 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2566) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่ประสงค์สมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคในประเทศญี่ปุ่น สามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th  โดยจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบ ในวันที่ 23 มิถุนายน 2566 ทางเว็บไซต์ doe.go.th/prd  หรือเว็บไซต์ doe.go.th/overseas และเพจ facebook : IMthailand  สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรมการจัดหางาน โทร. 0 2245 9428 หรือ สำนักงานจัดหางาน กรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

“พล.อ.ประยุทธ์เล็งเห็นความสำคัญของการส่งผู้ฝึกงานไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น  ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งยังแก้ปัญหาการว่างงานในประเทศได้อีกด้วย”รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ


เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการจัดหางาน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News