Categories
SOCIETY & POLITICS

รัฐมนตรีเกษตรฯ นำทีม “พญานาคราช” ตรวจด่านนำเข้า ยืนยันโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

 

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังนำทีมพญานาคราชลงพื้นที่ติดตามการตรวจสอบสินค้าเกษตรนำเข้า ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ โดยมีนายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่า ในวันนี้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร กรมประมง ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายอำเภอแหลมฉบัง และกรมศุลกากร บูรณาการเข้าสุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเกษตรที่คงค้าง ณ หน้าด่านเกินกว่า 45 วัน หลังจากที่กรมศุลกากรได้แจ้งผู้ประกอบการให้เข้ามายื่นเอกสารการเสียภาษีและสำแดงรายการสินค้าภายในตู้ จำนวน 25 ตู้ จากทั้งหมด 95 ตู้ 

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ดำเนินการตรวจไปแล้ว 70 ตู้ โดยได้รับรายงานจากกรมศุลกากรว่าเป็นตู้ตกค้างและสำแดงรายการไม่ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งเบื้องต้นสามารถเข้าตรวจสอบได้ 5 ตู้ มีสินค้าเกษตรอยู่ภายในทั้งสิ้น และจากนี้กรมศุลกากรจะดำเนินการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามประเภทสินค้าที่ตรวจพบเพื่อรับมอบตู้ดังกล่าวไปทำลาย สำหรับ 20 ตู้ที่ไม่สามารถเปิดตรวจได้ในวันนี้เนื่องจากต้องขนย้ายลงมาจากที่สูง ได้มอบหมายให้อธิบดีทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเปิดตู้ตรวจสอบ และรายงานความคืบหน้ามายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรต่อไป สำหรับ 161 ตู้คอนเทนเนอร์ที่ตรวจพบว่าเป็นหมูเถื่อนก่อนหน้านี้ 

 

ได้ดำเนินการทำลายตามกระบวนการจนหมดสิ้นแล้ว พร้อมทั้งมีหลักฐานการทำลายทุกตู้ สามารถตรวจสอบได้ และเตรียมแถลงผลการดำเนินงานในเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “มาตรการต่อจากนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าเกษตรทั้งหมด จะร่วมกันบูรณาการการดำเนินงานร่วมกัน โดยจะมีการลงนาม MOU เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ปิดช่องโหว่และขจัดขบวนการนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายให้สิ้นซาก ขณะเดียวกัน ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการขยายผลไปจนถึงต้นตอของขบวนการ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เกษตรกรมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

ดันนโยบายกีฬาเยาวชนเงินล้าน ทีมวอลเลย์บอล ‘โรงเรียนดอนศิลาฯ’ เตรียมร่วม

 
เมื่อวันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 14.30 น. นายก พี่นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางสาวณิชาภา สันธิ หน.ฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ร่วมให้กำลังใจ น้องๆเยาวชนนักกีฬาวอลเลย์บอลโรงเรียนดอนศิลาฯ และคณะครูผู้ฝึกสอน ขณะเก็บตัวฝึกซ้อม และเตรียมตัว ก่อนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษา 2023 ระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2566 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายวาฑิต สมบัติปัน กำนัน ต.ดอนศิลา นายวัง ทาวี รองประธานสภา ทต.ดอนศิลา และคณะผู้บริหาร ผู้นำชุมชน ต.ดอนศิลา ร่วมให้การต้อนรับ ณ สนามวอลเลย์บอลในร่ม โรงเรียนดอนศิลาผางามวิทยาคม
 
ทั้งนี้ นายก พี่นก คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากร อบจ.เชียงราย ขอร่วมส่งกำลังใจให้เยาวชนนักกีฬาชาวเชียงราย ได้คว้ารางวัลมาให้ชาวเชียงราย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ยกระดับ Soft Power ไหมไทย “14 ปี กรมหม่อนไหม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน”

 
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน
วันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี “14 ปี กรมหม่อนไหม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 ธันวาคม 2566 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ กรมหม่อนไหม ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหม จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานที่จะส่งเสริมอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร อันนำมาสู่การสถาปนา กรมหม่อนไหมขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการส่งเสริม วิจัย และพัฒนาหม่อนไหมทั้งระบบ รวมถึงการอนุรักษ์สืบสานศิลปหัตถกรรมภูมิปัญญาไหม ให้คงอยู่คู่ประเทศไทย
 

     รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม ครบรอบ 14 ปี ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและภารกิจสำคัญของกรมหม่อนไหมที่ดำเนินงานต่อไปในอนาคต ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมหม่อนไหมได้ดำเนินงานภายใต้ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ 20 ปี และนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาดนำการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับมาตรฐานสินค้า เพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยให้เป็นที่ยอมรับมุ่งสู่ Soft Power ของไทย
 

      ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบโล่รางวัลและใบประกาศเกียรติคุณแก่นักวิจัยด้านหม่อนไหม พร้อมแสดงความยินดีถึงต้นแบบในการดำเนินการพัฒนางานด้านหม่อนไหม รวมทั้งมีส่วนช่วยเหลืองานด้านหม่อนไหมทั้งในระดับดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ
 

      นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการนำเสนอผลงานของกรมหม่อนไหม แนวทางการยกระดับ “หม่อนไหมพะเยา” สู่ความยั่งยืน การยกระดับผลิตภัณฑ์หม่อนไหมรองรับ BCG Model ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดหนองบัวลำภู (ผ้าหมี่สลับขิด) การพัฒนาผ้าไหมยกดอกลำพูน ด้วยภูมิปัญญาโดยใช้เส้นไหมไทย เทคโนโลยีพันธุ์ไหมที่เหมาะสมแก่การผลิตผ้าห่มใยไหมการผลิตเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ.5900-2565 Buriram Model และการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหมระบบแปลงใหญ่ เป็นต้น รวมถึงภายในงานมีการจัดจำหน่ายผ้าไหม ผลิตภัณฑ์หม่อนไหมจากเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม และผู้ประกอบการ เพื่อเป็นช่องทางการตลาดให้กับเกษตรกรอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า ถูกรังสรรค์โดยศิลปิน ‘ไมเคิล ลิน’

 
ผลงานชิ้นนี้ถูกรังสรรค์โดยศิลปิน ‘ไมเคิล ลิน’ ผู้ที่เปลี่ยนพื้นที่สร้างสรรค์งานจิตรกรรมจากผืนผ้าใบไปสู่อาคารโบราณที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองต่าง ๆ มาแล้วทั่วโลก ศิลปะกลางแจ้งของไมเคิลได้แรงบันดาลใจจาก ‘ลายผ้า’ ที่เป็นความทรงจำร่วมทางสังคมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น
 
 
สําหรับเชียงราย ไมเคิลได้ทำงานชิ้นใหม่ตรงหน้าอาคารศาลากลางเก่า ซึ่งเป็นตัวแทนของความเป็นสมัยใหม่ ใช้ชื่อว่า Weekend เขาผสมลวดลายและสีสันของผ้าจากชาวเขาในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยผืนผ้า เปรียบเสมือนงานฝีมือที่รำลึกถึงสหภาพแรงงานและชุมชน มันคือการผสมผสานเสียงที่หลากหลาย รวมพลังที่ขัดแย้งระหว่าวผู้ปกครองจากส่วนกลาง และฝ่ายที่ถูกปกครองจากชายขอบ ผลงานชิ้นนี้แสดงถึงการเจรจา ต่อรอง และตั้งคําถามต่อบทบาทของศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่มีความหลากหลายและสลับซับซ้อนของภูมิภาคนี้
 
 
ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 และเปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2443 เพื่อเป็นที่ทำงานของหน่วยงานรัฐบาลและข้าหลวงเมืองเชียงราย ตามนโยบายการปฏิรูปการปกครองเข้าสู่ศูนย์กลางของรัฐบาลสยาม เป็นศาลากลางที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ. บริกส์ มิชชันนารีชาวแคนาดา ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในจังหวัดเชียงราย ในนามคณะมิชชันนารีอเมริกันเพรสไบทีเรียนแห่งกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
 
 
อาคารศาลากลางหลังแรกจังหวัดเชียงราย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีโครงสร้างก่ออิฐถือปูน เป็นอาคาร 3 ชั้น ขนาดกว้าง 15 เมตร ยาว 37 เมตร การก่อสร้างเป็นรูปแบบศิลปะแบบโคโลเนียล หลังคาทรงปั้นหยา ประดับด้วยมุขหน้าต่างหลังคา ด้านหน้าอาคารก่ออิฐเป็นรูปโค้ง (Arch) ช่องเปิดที่ระเบียงอาคารด้านล่างทำเป็นโครงสร้างคานโค้งครึ่งวงกลม 3 ชุดโค้งต่อเนื่อง และมีโถงทางเดินที่เชื่อมถึงกันโดยตลอด ประตูทำจากไม้สักแบบบานเปิดคู่ ทุกห้องมีช่องแสงเหนือประตู
อาคารศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่าได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2520 และได้ยุติบทบาทในการเป็นอาคารศูนย์กลางการปกครองหัวเมืองเชียงรายมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ ปัจจุบันไม่ได้เปิดทำการเนื่องจากกำลังปรับปรุง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
 
งานศิลปะที่เห็นในภาพ ไม่ได้เพ้นท์ลงบนตัวตึกแต่เป็นโครงสร้างประกอบภาพวาด เป็นโครงสร้างเหล็กไม่ได้ยึดตรงกับตัวตัวตึกแต่อย่างใด มีแผ่นเพลทโลหะ รับน้ำหนักที่พื้น และโครงสร้างที่ติดกับตัวอาคารใช้โครงไม้ประกบรองอีกหนึ่งชั้น
ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดในการแสดงงานมหกรรมศิลปะนานาชาติระดับโลก ครั้งที่ 3 งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิด The Open World “เปิดโลก” การรับรู้ทางศิลปะ ผ่านผลงานของศิลปินจากทั่วโลก ที่จะมาร่วมเปิดมิติทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อยกระดับเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ณ จังหวัดเชียงราย
Collateral Event : เทศกาลดนตรีชาติพันธุ์ “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย”
 
 
ศิลปิน : Michae Lin (ไมเคิล ลิน)
เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 – 17.30 น.
สถานที่ : ศาลากลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) ถนนสิงหไคล 
ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : https://www.thailandbiennale.org/venues/the-old-chiang-rai-city-hall/

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กระทรวงยุติธรรม ประกาศ“ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน”

 

วันพุธที่ 6 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานมอบนโยบายเนื่องในสัปดาห์ต่อต้านทุจริตและส่งเสริมจริยธรรม “ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน” ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 10-09 (Auditorium) อาคารกระทรวงยุติธรรม และผ่านทางระบบ Facebook Live ของกระทรวงยุติธรรม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติเรื่องหลักนิติธรรมกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ สถานะของ หลักนิติธรรม พบว่า ตัวชี้วัดดัชนีหลักนิติธรรมที่สำคัญของ The World Justice Project หรือ WJP ในปี พ.ศ. 2566 จำนวน 142 ประเทศ ประเทศไทยได้อันดับที่ 82 ได้คะแนน 0.49 จากคะแนนเต็ม 1 และ สถานะของการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน พบว่า การขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) เผยแพร่ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2565 จากจำนวนประเทศ 180 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยได้ 36 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก

คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ระบุว่า รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สำคัญของประเทศ เป็นการลงทุนทำให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือที่ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ หากมองอนาคต 4 ปีข้างหน้าจะเป็น 4 ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศโดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีการดำเนินงานที่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งคุณภาพชีวิต รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน

“ยุติธรรม ไม่โกง โปร่งใส ไม่คอรัปชัน” เป็นส่วนหนึ่งของหลักนิติธรรมกับการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งภารกิจหลักของกระทรวงยุติธรรม คือ ทำให้ความยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม กับการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือความยุติธรรมนำประเทศอย่างแท้จริง เท่าเทียมเทียบเท่ากับประชาชนจากอารยประเทศที่เจริญแล้ว การขับเคลื่อนค่านิยมร่วมและวัฒนธรรมองค์กรกระทรวงยุติธรรม ที่กำหนดว่า สุจริต จิตบริการ ยึดมั่นความยุติธรรม เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมทุกคนมีจิตสำนึกในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างลึกซึ้ง มีความสัตย์ซื่อ มีจิตใจรักการบริการ ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม โดยปฏิเสธการทุจริตคอรัปชันทุกรูปแบบ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง ในโอกาสนี้ กระผมขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมประสานความร่วมมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนงานยุติธรรมด้วยหลักการว่า “ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน” กระทรวงยุติธรรมพร้อมร่วมเป็นพลังสำคัญของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมาย คือ ฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งกับป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งภาครัฐและเอกชน ระดับคะแนนดัชนีหลักนิติธรรม The World Justice Project หรือ WJP กับการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกในปี พ.ศ. 2579 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

สำหรับโครงการสัปดาห์ต่อต้านทุจริตและส่งเสริมจริยธรรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2566 เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หน่วยงานภาคเอกชน และเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วม การรวมพลังแสดงเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริตของกระทรวงยุติธรรม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริต ตลอดจนแนวทางแก้ไขปัญหา โดยภายในงานจัดให้มีการอภิปราย หัวข้อ “ปัญหาการทุจริตและแนวทางป้องกันการทุจริตในระบบราชการไทย” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งเป็นตัวแทนภาครัฐ และ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนภาคเอกชนและภาคประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กิจกรรมจิตอาสา #หนึ่งล้านความดี คริสตจักรโปรเตสแตนท์ จ.เชียงราย

 
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 09.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เปิดพิธีทำกิจกรรมจิตอาสา #หนึ่งล้านความดี และ ชื่นชม ให้กำลังใจ น้องๆเยาวชน คริสเตียนจิตอาสา คริสตจักรโปรเตสแตนท์ จ.เชียงราย ทำกิจกรรม ทำความดีเพื่อพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม โดยมี อ.พันกร จะนี่ คณะกรรมการคริสตจักรโปรเตสแตนท์ จ.เชียงราย และเยาวชนคริสเตียน ร่วมให้การต้อนรับ ทั้งนี้ยังมี นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย นางเชิดทรง ฤทธิ์จิตเพียร ผอ.กองการท่องเที่ยวและกีฬา นายณรงศักดิ์ ขันทะ หน.ฝ่ายการกีฬา นางสาวสุมิตรา บางขะกูล หน.ฝ่ายการท่องเที่ยว นางสาวณิชาภา สันธิ หน.ฝ่ายกิจการคณะผู้บริหาร นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรกองการท่องเที่ยวและกีฬา อบจ.เชียงราย เข้าร่วมในพิธีเปิด ณ อาคารคชสาร สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย
 
โดยเยาวชนคริสเตียนจิตอาสาจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมทำความดีเพื่อพ่อ ร่วมกันกับ กปจ.ต่างจังหวัด อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย เป็นการทำกิจกรรม ทำความดีเพื่อพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถวายเป็นพระราชกุศล โดยกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการทำความดีเพื่อพ่อ เพื่อสังคม เป็นเยาวชนที่ห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อแสดงความรักของพระเจ้าต่อสังคมที่เราอยู่ และสนับสนุนให้กำลังใจแก่บุคลากรภาครัฐที่ทำงานอย่างเต็มกำลัง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

6 หน่วยงาน MOU ร่วมมือ จัดบริการตรวจมะเร็งเต้านม

 

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านวิชาการ ระหว่าง 6 หน่วยงาน ได้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมการแพทย์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมเปิดการประชุมเครือข่ายการให้บริการตรวจการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2 สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงแบบครบวงจร

         นายสันติ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านมที่ทำให้ผู้หญิงไทยต้องเสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดให้ “มะเร็งครบวงจร” เป็น 1 ในนโยบายการดำเนินงาน ปี 2567 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ครอบคลุมทุกมิติอย่างเป็นระบบ ทั้งการส่งเสริมป้องกัน คัดกรอง ตรวจวินิจฉัย รักษา ดูแลฟื้นฟูกายใจ รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายการทำงานด้านโรคมะเร็งให้เกิดการดูแลแบบครบวงจร ซึ่งจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้การตรวจทางพันธุกรรมทำได้ง่ายขึ้นและมีค่าใช้จ่ายถูกลง สามารถใช้ผลการตรวจไปเป็นแนวทางการวางแผนป้องกันหรือรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้

         นายสันติ กล่าวต่อว่า แม้การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2 จะถูกกำหนดให้เป็นสิทธิประโยชน์ของคนไทยทุกคน ทุกสิทธิ ที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม รวมถึงญาติสายตรงซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 แต่พบว่ายังมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงบริการนี้ เพราะการส่งตรวจจำกัดอยู่เฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งหรือโรงเรียนแพทย์ ในขณะที่โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนอีกหลายแห่ง อย่างเช่น โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง ก็มีศักยภาพที่จะให้คำปรึกษาและเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ รวมถึงให้การดูแลผู้ป่วย ซึ่งการลงนามความร่วมมือของทั้ง 6 หน่วยงานในวันนี้ จะทำให้เกิดรูปแบบการบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง การให้คำปรึกษาก่อนตรวจ การตรวจ การให้คำปรึกษาหลังตรวจ การรักษา ติดตาม ป้องกัน ช่วยให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึงครอบคลุมมากขึ้น ที่สำคัญคือประชาชนไม่ต้องเสียเงินค่าตรวจ ถ้าแพทย์พิจารณาแล้วว่าเข้าเกณฑ์ได้รับการตรวจยีน 

          ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการลงนามครั้งนี้ ทั้ง 6 หน่วยจะร่วมกันพัฒนารูปแบบความร่วมมือที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมีการเชื่อมโยงบริการของหลายหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ และใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะร่วมกันพัฒนาด้านวิชาการให้เกิดองค์ความรู้ต่างๆ และสร้างความพร้อมในการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงเข้าถึงบริการได้มากขึ้น ผู้ที่ตรวจพบมียีนกลายพันธุ์จะได้รับการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งการรักษาจะเกิดผลสำเร็จมากกว่า ตลอดจนได้ข้อมูลคำแนะนำถึงทางเลือกอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

         ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมฯ ประกอบด้วยกิจกรรม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การอภิปรายเกี่ยวกับการเตรียมบุคลากร การขึ้นทะเบียนหน่วยตรวจ/หน่วยบริการให้คำปรึกษา การจ่ายเงินค่ารักษา การตรวจหา การกลายพันธุ์ฯ การให้คำปรึกษา การวางแผนรักษา การติดตามการรักษา โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลเอกชน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เข้าร่วมประชุม จำนวนกว่า 200 คน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการความเชื่อมโยงการดำเนินงาน จากหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐ อาทิ กรมการแพทย์ โรงสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน และหน่วยงานภาคเอกชน

          “ทุกโรงพยาบาล ที่แพทย์วินิจฉัยแล้ว อยู่ในกลุ่มต้องส่งตรวจการกลายพันธุ์ของผู้ป่วย ญาติ ก็ส่งได้ทันที ตอนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดบริการแล้วที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี และสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เพียงยกโทรศัพท์หาที่เบอร์ 042207364-6 ต่อ 312, 316, 322 หรือ 02-9510000 ต่อ 98095, 98096 หรืออีเมล rmscudonthani8@gmail.com” นายแพทย์ยงยศ กล่าวทิ้งท้าย


เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

พิธีทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ธนาคารขยะจิตอาสา วัดสันมะนะ

 
วันอังคารที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายก นก นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี วันพ่อแห่งชาติ และพิธีทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล โดย ธนาคารขยะจิตอาสา ณ วัดสันมะนะ ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย โดยมีพระเดชพระคุณพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ประธานสงฆ์พิจารณาผ้าป่า และนายสมศักดิ์ ดอนชัย รักษาการกำนัน ต.ป่าอ้อดอนชัย นายสุรพ์พลฎ์ ดุรงคชยานุรักษ์ นายก ทต.ป่าอ้อดอนชัย นายจำนงค์ มหาวงค์ ประธานคณะกรรมการวัดสันมะนะ นายบัญญัติ ปันอินทร์ ประธานสภาวัฒนธรรม ต.ป่าอ้อดอนชัย นางโสรยา ทิพย์วัฒนา ประธานกลุ่มพัฒนาสตรี ต.ป่าอ้อดอนชัย นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย นายสะอาด ปัญญาดี ส.อบจ.เชียงราย อ.เมือง เขต 4 เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ด้วย
 
งานทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ครั้งที่ 2 และวันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นโดยวัดสันมะนะได้ริเริ่มจัดตั้งธนาคารขยะจิตอาสาเพื่อพัฒนาวัดและชุมชน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2560 ซึ่งทุกวันที่ 5 ธันวาคมนั้น วัดสันมะนะได้จัดกิจกรรมทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลทุกปี เพื่อนำปัจจัยที่ได้จากการทำบุญทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลมาใช้ในกิจกรรมของทางวัด และมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับบุตรหลานในชุมชน โดยในปี 2566 ธนาคารขยะวัดสันมะนะ ได้ร่วมกับหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ได้จัด กิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ พร้อมกับถวายผ้าป่าขยะรีไซเคิล เพื่อเป็นการหาทุนสมทบกองทุนหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ในการดำเนิน กิจกรรมการออกเยี่ยมผู้ป่วย และใช้ในกิจกรรมต่างๆ ของหน่วยอบรมประชาชนประจำ ต.ป่าอ้อดอนชัย ในปี 2566 ต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องคมนตรี ติดตามการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

 

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายศุภรัชต์ อินทราวุธ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่วัง นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายอธินันทน์ นาวิกนันทน์ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานเชียงราย รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการทำนบดินห้วยป่าดำ และพัฒนาแก้มลิงหนองผาพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย

 

สำหรับโครงการทำนบดินห้วยป่าดำ และพัฒนาแก้มลิงหนองผาพร้อมระบบส่งน้ำฯ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ตามที่นายอินตา เมืองมูล ราษฎรบ้านแม่อ้อนอก หมู่ที่ 2 ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยป่าดำ เพื่อช่วยเหลือราษฎร 2 หมู่บ้าน ของตำบลแม่อ้อ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำทำการเกษตร ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงาน กปร. มีลักษณะเป็นทำนบดิน ขนาดความสูง 11 เมตร ยาว 177 เมตร กว้าง 8 เมตร พร้อมระบบท่อส่งน้ำ ความยาว 460 เมตร ไปยังหนองผา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำในพื้นที่ มีความจุประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำเพื่อการเกษตรให้แก่ราษฎรตำบลแม่อ้อ และพื้นที่ใกล้เคียงได้ 22 หมู่บ้าน 282 ครัวเรือน ประชากร 739 ราย พื้นที่เกษตรกรรม จำนวน 400 ไร่ ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ องคมนตรี ได้พบปะประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะมีการปล่อยพันธุ์ปลายี่สก จำนวน 20,000 ตัว ลงในอ่างเก็บน้ำฯ เพื่อรักษาระบบนิเวศ พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่โครงการฯ ตามลำดับด้วย
 
 
ช่วงบ่าย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วยนายศุภรัชต์ อินทราวุธ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายทวีชัย โค้วตระกูล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่วัง นายอธินันทน์ นาวิกนันทน์ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานเชียงราย รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายศัพทนา อินต๊ะ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองเชียงราย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านห้วยสัก หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
 
 
ในการนี้ ผู้แทนกรมชลประทาน ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงาน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2527 ตามที่ราษฎรตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ขอพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับทำการเกษตรและอุปโภคบริโภค ซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยสักฯ แล้วเสร็จในปี 2528 ลักษณะโครงการเป็นทำนบดิน ขนาดความสูง 14 เมตร ยาว 485 เมตร กว้าง 6 เมตร มีความจุที่ระดับเก็บกัก 4.18 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมคลองส่งน้ำ ความยาวรวม 10,235 เมตร สามารถส่งน้ำสนับสนุนให้แก่พื้นที่การเกษตรของราษฎรตำบลห้วยสัก จำนวน 10 หมู่บ้าน 2,930 ครัวเรือน ประชากร 5,542 ราย พื้นที่การเกษตร 10,000 ไร่ และเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับผลิตประปาสำหรับการอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ องคมนตรี ยังได้ให้ข้อเสนอแนะ และพบปะประชาชนในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมพื้นที่โครงการฯ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นักเรียนร่วมกันวาดภาพศิลป์สร้างสรรค์ The World of Landscapes บ้านหลายสี

 

วันที่ 4 ธ.ค. 2566 เวลา 13.00 น.-15.30 น. ณ บ้านหลายสี แม่จัน เชียงราย เปิดโลกศิลปะ The World of Landscapes บ้านหลายสี จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการจัดงาน เชียงรายเบียนนาเล่ 2023 โดยมีนักเรียน,คณะครูจากโรงเรียนบ้านแม่สลองใน,พี่น้องชนเผ่า,พ่อค้า,ประชาชน,ข้าราชการและผู้นำชุมชน จำนวน 109 คนนักเรียนร่วมกันวาดภาพศิลป์สร้างสรรค์ “แม่จันบ้านฉัน”ถ่ายทอดความรักความภาคภูมิใจในความเป็นคนแม่จันแสดงออกถึงการรับรู้ สนับสนุนประชาสัมพันธ์งาน “เชียงรายเบียนนาเล่ 2023”ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.66- 30 เม.ย. 67

 

จากนั้นเด็กนักเรียนและผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมวางก้อนหินก้อนเล็กๆสีต่างๆ รอบประติมากรรมไม้ไผ่ สัญลักษณ์ปรียบเสมือน “โลก” ส่วนก้อนหินเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้คนที่มีความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา วัฒนธรรมและภูมิประเทศ แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยมีศิลปะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ เชื่อมสัมพันธ์และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

 

ทุกๆคนร่วมกันเปิดและเข้าชมนิทรรศการศิลปะ “The World of Landscapes” จำนวน 159 ชิ้นงาน ของ อ.อภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ เป็นการแสดงออกถึงการถ่ายทอดความงามของสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกและผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นที่โครงการหลวง โครงการพระราชดำริทั่วประเทศ “ตามรอยความดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงรัชกาลที่ 9
สานต่อที่พ่อทำ ถวายความจงรักภักดี ในหลวงรัชกาลที่ 10”

เพื่อกระตุ้นเตือนให้ผู้คนรักและหวงแหนธรรมชาติให้อยู่คู่โลกของเรากิจกรรมในวันนี้ยังเป็นการสร้างเสริมกระตุ้นให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ถึงความละเอียดอ่อนละเมียดละมัยให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีสติ และสามารถนำศิลปะไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอันจะส่งผลให้เป็นคนดี และเป็นคนมีคุณภาพของสังคมโลกต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์ข่าวไทยรัฐภาคเหนือและทีมงานบ้านหลายสี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News