Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายปลูก “พระศรีมหาโพธิฯ” มิ่งมงคลทั่วแผ่นดิน

พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” จังหวัดเชียงราย สะท้อนพลังศรัทธาและความสามัคคีของพุทธศาสนิกชน

เชียงราย, 11 พฤษภาคม 2568 – ในวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก จังหวัดเชียงรายได้จัดพิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ณ พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว ด้วยความศรัทธาและความพร้อมเพรียงของพุทธศาสนิกชน ข้าราชการ และผู้นำชุมชนจากทุกอำเภอในจังหวัด พิธีนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชาวเชียงรายในการสืบสานพระพุทธศาสนาและส่งเสริมความร่มเย็นเป็นสุขในสังคม

ความหมายของวันวิสาขบูชาและพระราชศรัทธา

วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญที่ระลึกถึงการประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในปี 2568 วันวิสาขบูชาตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม ซึ่งนับเป็นโอกาสพิเศษที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกจะได้ร่วมกันทำความดีและบำเพ็ญกุศลเพื่อความเป็นสิริมงคล ในประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาอันมั่นคงในฐานะพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานต้นพระศรีมหาโพธิ์เพื่อปลูกใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมพระราชทานนามว่า “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ซึ่งมีความหมายว่า “พระศรีมหาโพธิ์พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา ความร่มเย็น และความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา การปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ในครั้งนี้ยังมีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งราชวงศ์จักรี

จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับพระราชทานต้นพระศรีมหาโพธิ์ และได้จัดพิธีปลูกอย่างยิ่งใหญ่ที่พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย พิธีนี้ไม่เพียงเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ยังเป็นการรวมพลังของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป

บรรยากาศและขั้นตอนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ที่จังหวัดเชียงรายเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ณ พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส และพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระรัตนมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย นำพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป และพระสังฆาธิการจังหวัดเชียงรายอีก 73 รูป ร่วมประกอบพิธี

ขบวนอัญเชิญอันงดงาม

ก่อนเริ่มพิธี เวลา 09:00 น. นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้นำขบวนอัญเชิญ “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” พร้อมด้วยดินมงคลและน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งน้ำสำคัญใน 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ขบวนนี้ประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วน โดยมีคณะช่างฟ้อนจากอำเภอแม่ลาวจำนวน 140 คน ร่วมฟ้อนรับขบวนอย่างสง่างาม ขบวนได้เดินเวียนรอบมณฑลปลูก 3 รอบ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนอัญเชิญพระศรีมหาโพธิ์ ดินมงคล และคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์วางไว้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พิธีการอันศักดิ์สิทธิ์

เมื่อถึงเวลา 09:20 น. นายชรินทร์ ทองสุข ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและถวายธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้แก่จังหวัดเชียงราย และนำอัญเชิญพระศรีมหาโพธิ์ไปยังมณฑลปลูก

เวลา 09:29 น. ซึ่งเป็นฤกษ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน นายชรินทร์ ทองสุข ได้ประกอบพิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา พระราชวชิรคณี ประธานฝ่ายสงฆ์ นำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำทิพย์ 18 อำเภอ ประพรมต้นพระศรีมหาโพธิ์และบริเวณมณฑลปลูก เพื่อความเป็นสิริมงคล

การเผยแพร่ธรรมะพระราชทาน

หลังพิธีปลูก ผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมรับชมวิดีทัศน์ “ธรรมะนาวาวัง ธรรมะพระราชทาน เนื่องในวันวิสาขบูชา” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเพื่อเผยแพร่หลักธรรมอันทรงคุณค่าแก่พุทธศาสนิกชน การรับชมวิดีทัศน์นี้เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกทางศาสนาและเสริมสร้างความเข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

พิธีนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ประกอบด้วยข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด อัยการ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพุทธศาสนิกชนจากทุกอำเภอในจังหวัดเชียงราย การรวมตัวกันของทุกภาคส่วนสะท้อนถึงความสามัคคีและพลังศรัทธาที่แข็งแกร่งของชาวเชียงราย

ความสำคัญของพิธีและผลกระทบต่อชุมชน

พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ไม่เพียงเป็นการปฏิบัติตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ยังเป็นการสร้างจุดศูนย์รวมจิตใจให้แก่พุทธศาสนิกชนในจังหวัดเชียงราย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ปลูก ณ พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย จะกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนสามารถมากราบไหว้และปฏิบัติธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลและความสงบสุขในชีวิต

นอกจากนี้ พิธีนี้ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมาย เช่น วัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว และวัดพระธาตุดอยตุง พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย จะกลายเป็นจุดหมายใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในวัฒนธรรมและศาสนา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

การมีส่วนร่วมของช่างฟ้อนจากอำเภอแม่ลาวและการใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 18 อำเภอ ยังสะท้อนถึงการรวมพลังของชุมชนในทุกอำเภอของจังหวัด ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ท้องถิ่น การจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่และเป็นระเบียบเรียบร้อยแสดงถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของจังหวัดเชียงรายในการรักษามรดกทางศาสนาและวัฒนธรรม

พลังศรัทธาและการสืบสานพระพุทธศาสนา

พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ในจังหวัดเชียงราย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสานระหว่างพระราชศรัทธาและพลังของชุมชน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ทางศาสนา แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้พุทธศาสนิกชนยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะในยุคสมัยที่สังคมเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้ปลูกพร้อมกันทั่ว 77 จังหวัด แสดงถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างความเป็นเอกภาพของชาติผ่านศาสนา พิธีนี้ไม่เพียงเสริมสร้างความเข้มแข็งของพระพุทธศาสนาในระดับท้องถิ่น แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการรักษาคุณค่าทางจิตวิญญาณในสังคมไทย

สำหรับจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีประชากรหลากหลายทั้งชาวไทยพื้นเมือง ชาวไทยภูเขา และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ พิธีนี้เป็นโอกาสในการรวมใจของทุกกลุ่มให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้ร่มพระพุทธศาสนา การมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชน ข้าราชการ และประชาชนจากทุกอำเภอ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของจังหวัดในการบริหารจัดการและประสานงานเพื่อให้พิธีสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์

ในแง่ของผลกระทบระยะยาว ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ปลูกในครั้งนี้จะเป็นมรดกทางศาสนาที่ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง การดูแลรักษาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้จะเป็นภารกิจของชุมชน ซึ่งจะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม การที่พิธีนี้จัดขึ้นในวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกให้ความสำคัญ ยังช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมในภาคเหนือของประเทศไทย

สถิติและแหล่งอ้างอิง

เพื่อให้เห็นภาพความสำคัญของพิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” และบริบทของจังหวัดเชียงราย ข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:

  1. จำนวนผู้เข้าร่วมพิธี:
    • พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ที่พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย มีผู้เข้าร่วมประมาณ 2,500 คน ประกอบด้วยข้าราชการ พระสงฆ์ ผู้นำชุมชน และพุทธศาสนิกชนจาก 18 อำเภอ
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2568)
  2. ความสำคัญของวันวิสาขบูชา:
    • ในประเทศไทย มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชาทั่วประเทศกว่า 5 ล้านคน ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่เข้าร่วมพิธีเวียนเทียนและฟังธรรม
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (2567)
  3. การท่องเที่ยวเชิงศาสนาในจังหวัดเชียงราย:
    • จังหวัดเชียงรายมีนักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ราว 3.2 ล้านคนต่อปี (ข้อมูลปี 2567) โดยวัดร่องขุ่นและวัดพระธาตุดอยตุงเป็นจุดหมายยอดนิยม
    • แหล่งอ้างอิง: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย (2567)
  4. จำนวนวัดในจังหวัดเชียงราย:
    • จังหวัดเชียงรายมีวัดที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 1,200 วัด และมีพระสงฆ์จำพรรษากว่า 8,000 รูป (ข้อมูลปี 2567)
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย (2567)

สรุปและคำแนะนำ

พิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร” ที่จังหวัดเชียงราย เป็นเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงความศรัทธา ความสามัคคี และความมุ่งมั่นของพุทธศาสนิกชนในการสืบสานพระพุทธศาสนา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ปลูกในครั้งนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญาและความร่มเย็นของจังหวัดเชียงราย และจะกลายเป็นมรดกทางศาสนาที่ส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง

สำหรับพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป แนะนำให้ติดตามกิจกรรมทางศาสนาที่พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย และร่วมปฏิบัติธรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและดูแลรักษาต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างความสงบสุขและความภาคภูมิใจให้กับชาวเชียงรายและผู้มาเยือนต่อไ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

  • สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย (2567)

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย (2567)

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2568)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

มทบ.37 ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 นำโดย พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนชาวเชียงราย ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชดำริในการคิดค้นโครงการฝนหลวงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและช่วยเหลือพสกนิกร

พระราชดำริอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี แห่งการกำเนิดโครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้นวิจัยหาวิธีการทำฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

โครงการฝนหลวง พระราชทาน

โครงการฝนหลวงเป็นโครงการอันเกิดจากพระราชดำริ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนตกตามต้องการ โครงการนี้ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย

ความสำคัญของโครงการฝนหลวง

โครงการฝนหลวงมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตทางการเกษตรและคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ โครงการฝนหลวงยังเป็นตัวอย่างของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวง

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวงนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบสภาพอากาศและการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

บทบาทของมณฑลทหารบกที่ 37

มณฑลทหารบกที่ 37 ได้ให้การสนับสนุนโครงการฝนหลวงมาโดยตลอด โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฝนหลวง เช่น การร่วมปฏิบัติการทำฝนหลวง การให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฝนหลวงแก่ประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การสืบสานพระราชปณิธาน

การจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวงในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฝนหลวง และร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงราย ประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

 

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่วัดพระแก้ว พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงราย ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนกระทรวง ทั้ง 20 กระทรวง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนชาวเชียงรายเข้าร่วมพิธี ซึ่งจัดพร้อมกันทั่วประเทศ 76 จังหวัด

 

โดยในพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีพิธีการขั้นตอนดังนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย โดยมี พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ อาราธนาศีล จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชิญใบพลู 7 ใบ ถวายประธานสงฆ์เจิมใบพลู และถวายแด่พระสงฆ์เถราจารย์ มีพระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาดับเทียนชัย พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ประโคมฆ้องชัย ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้นประธานฝ่ายสงฆ์พรมน้ำพระพุทธมนต์ที่ขันสาคร และมอบขันสาครให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แล้วกล่าวคาถาตักน้ำ
 
 
ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่เปิดห่อผ้าขันสาคร เปิดฝาขันสาคร เปิดฝาคนโท แล้วส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อตักน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากขันสาครใส่จนถึงคอคนโทตามกำหนด หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และข้าราชการประเคนภัตตาหาร ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 10 รูป ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกรวดน้ำรับพรเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีในช่วงเช้า และเวลา 12.00 น. เป็นพิธีบายศรีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ บัณฑิตประจำจุดโต๊ะบายศรี และเบิกแว่นเวียนเทียน และส่งแว่นเทียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อวักแว่นเทียนเข้าหาตัว 3 ครั้ง แล้วใช้มือขวาโบกควันออกไปยังคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นส่งต่อให้คนที่อยู่ทางซ้ายมือ เวียนไปจนครบ 3 รอบ เมื่อครบแล้วคนสุดท้ายจึงส่งให้บัณฑิตผู้ทำหน้าที่เบิกแว่นเทียนแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อันเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ลงจากแท่นพิธีเพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยผู้เข้าร่วมพิธีตั้งแถวรอส่งคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2567 จังหวัดเชียงราย จะได้เชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย ต่อไป
 
 
สำหรับพิธีในส่วนกลางจะมีการจัดมหรสพสมโภช ในระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง ก่อนจะเชิญคนโทน้ำพุทธมนต์มาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 จากนั้นจะมีการเชิญน้ำพระพุทธมนต์ฯ จากวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในช่วงเช้าของวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเตรียมจัดกิจกรรมเดินวิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ

 
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567  ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการจัดกิจกรรม อีกทั้งเพื่อพิจารณาการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรม การกำหนดเส้นทาง รูปแบบ พิธีการเปิดกิจกรรม รูปแบบขบวน รูปแบบธงตราสัญลักษณ์ รวมถึงการมอบหมายภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

 

           ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้จัดโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณ รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมในห้วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 โดยจังหวัดเชียงรายกำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ถึงวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 โดยในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2567 พิธีเปิด ณ ด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเริ่มออกเดิน วิ่ง ปั่น จากด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางหลังแรก) อำเภอเมืองเชียงราย และในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2567 จัดให้มีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมเฉลิมฉลองธงตราสัญลักษณ์ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางหลังแรก) และในวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 เริ่มออกเดิน วิ่ง ปั่น จากศาลากลางหลังแรก ไปยังจุดส่งมอบธงตราสัญลักษณ์หน้า อบต.แม่เย็น อำเภอพาน เพื่อส่งต่อให้จังหวัดพะเยาเป็นจังหวัดถัดไป

 

ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความสมัครสมานสามัคคีอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อำเภอเวียงแก่นจังหวัดเชียงราย

 
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา10.30 น. ณ ลานหมู่บ้านห้วยปอ หมู่ 17 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ประจำจังหวัด มอบผ้าห่มกันหนาว และชุดยาเวชภัณฑ์พระราชทาน จำนวน 3,500 ชุด ให้แก่ราษฎร และตัวแทนราษฎรใน 7 อำเภอ ประกอบไปด้วย อำเภอแม่ลาว อำเภอเชียงของ, อำเภอพญาเม็งราย, อำเภอเชียงแสน, อำเภอเวียงชัย, อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบให้อำเภอละ 500 ชุด
 
 
โอกาสนี้รองประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังได้อัญเชิญพระราชกรณียกิจพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงเสียสละพระองค์เพื่อปวงชนชาวไทยในด้านต่าง ๆ ทำให้ทุกคนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข และได้เล่าถึงที่มาของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ก่อกำเนิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ด้วยต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ให้ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว อันจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และผ่อนคลายความทุกข์ร้อนของประชาราษฎร์ทุกหนแห่ง และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในทุกพื้นที่ของประเทศไทย พระองค์ได้พระราชทานความช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์และความเดือดร้อนแก่ราษฎรของพระองค์ในทุกเหตุการณ์ และทรงรับสั่งให้เตรียมความพร้อมและติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายและสามารถให้ความช่วยเหลือราษฎรได้ทันการ
 
 
สำหรับสถานการณ์ภัยหนาวของจังหวัดเชียงรานในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทรงให้ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคง และประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อัญเชิญผ้าห่มกันหนาวพระราชทานมามอบให้ราษฎรจังหวัดเชียงราย ประกอบไปด้วย ชุดยาเวชภัณฑ์พระราชทาน จำนวน 3,500 ชุด ให้แก่ราษฎรและตัวแทนราษฎรใน 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ลาว อำเภอเชียงของ อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเชียงแสน, อำเภอเวียงชัย อำเภอแม่สาย และอำเภอเวียงแก่น โดยมอบให้อำเภอละ 500 ชุด ซึ่งให้นายอำเภอทั้ง 7 อำเภอเป็นผู้แทนในการรับมอบ เพื่อนำไปให้ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยสุขภาพอนามัยของราษฎร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ยากไร้ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น ยังความปลื้มปิติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และอยากให้ตัวแทนทุกคนได้นำเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดไปเล่าสู่กันฟัง เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงห่วงใยในราษฎรเสมอมา
.
จังหวัดเชียงรายมีภูมิศาสตร์อยู่ทางเหนือสุดของประเทศไทย มีสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง สภาพอากาศจึงค่อนข้างหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวหลายพื้นที่มักจะมีสภาพอากาศที่หนาวจัด จังหวัดเชียงรายจึงได้สำรวจความต้องการเครื่องกันหนาวประจำปีงบประมาณ 2567 พบว่ามีราษฎรที่ประสบภัยหนาวต้องการเครื่องกันหนาว รวมทั้งสิ้น 304,016 ชิ้น ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายได้บูรณาการหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิการกุศลต่างๆเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ป.ป.ส. จัดงานมหกรรมกองทุนแม่ฯ แก้ปัญหายาเสพติด ประจำปี ๒๕๖๖ “รวมศรัทธา สืบสานพัฒนา ประชาร่มเย็น” 

 
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 02566 เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “รวมศรัทธา สืบสานพัฒนา ประชาร่มเย็น” โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ผู้ว่าราชการจังหวัด 73 จังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน ร่วมรับเสด็จ จำนวน 2,400 คน ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี 
 
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2566 นี้ นับเป็นปีแรกที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินแก่หมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินใหม่ ประจำปี 2566 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่หมู่บ้าน/ชุมชนต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัจจุบันมีหมู่บ้าน/ชุมชนที่เข้าร่วมกองทุนแม่ของแผ่นดินทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2547 – 2565 จำนวน 26,507 แห่ง คิดเป็น 30.99 % เปอร์เซ็นต์ จากหมู่บ้านทั้งหมดในประเทศไทย จำนวน 85,522 หมู่บ้าน และมีการขยายจำนวนหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มขึ้นทุกปี 
 
โดยในปี 2566 มีหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดิน เข้ารับพระราชทานเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มขึ้น จำนวน 1,053 แห่ง รวมเป็น 27,560 แห่ง คิดเป็น 32.00% โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด 73 จังหวัด เป็นผู้แทนรับมอบ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมสำคัญเกี่ยวกับการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับงานยาเสพติด นิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินจากพื้นที่ต่าง ๆ การแสดงของศิลปินนักร้องที่ได้รับความนิยมจากรายการโทรทัศน์แชมป์เพลงเอก และรายการ Golden Song การแสดงฟ้อนรำของชมรมบาสโลบเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดสมุทรปราการ และการแสดงดนตรีบรรเลงวงดุริยางค์ของโรงเรียนประชานิเวศน์ตลอดทั้งวัน นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า 
 
 
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงห่วงใยปัญหายาเสพติด และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จนก่อเกิดเป็นกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนแม่ของแผ่นดิน จำนวน 3,163,574 ครัวเรือน มีสมาชิก 4,680,501 คน มีเงินกองทุนแม่ของแผ่นดินทั้งสิ้น 541,441,458 บาท และเป็นเงินที่ได้รับพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดินหมู่บ้านละ 8,000 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 212,056,600 บาท เมื่อหมู่บ้านชุมชนได้รับทุนตั้งต้นแล้วจะนำทุนที่ได้ไปต่อยอดในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง โดยเน้นแนวทางสันติวิธี ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือ ประคับประคอง ให้โอกาสผู้เสพได้กลับตัวเพื่อหลุดพ้นจากปัญหายาเสพติด และร่วมกันดูแลเสริมสร้างให้หมู่บ้าน/ชุมชนปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวงของปวงชนชาวไทย ด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อลูกหลานของเรา และหากพบเบาะแสยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ป.ป.ส.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2566

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2566

Facebook
Twitter
Email
Print

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2566 พระยาแรกนาได้เสี่ยงทายหยิบผ้าได้ 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนา จะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี และพระโคกินหญ้าและเหล้า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี การคมนาคมสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง 

 
          วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 08.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต มายังพลับพลาที่ประทับเพื่อเป็นองค์ประธานในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ปีพุทธศักราช 2566 ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
 
             พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประกอบด้วยพระราชพิธี 2 พิธีรวมกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคล 
อันเป็นพิธีสงฆ์ ซึ่งเป็นการประกอบพระราชพิธีวันแรกที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง             ในวันอังคารที่ 16 พฤษภาคม 2566 เป็นพิธีทำขวัญพืชพันธุ์ธัญญาหารที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอธิษฐาน 
เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน)    อันเป็นพิธีพราหมณ์ โดยประกอบพระราชพิธีในวันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีการซึ่งกระทำขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริมบำรุงขวัญเกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก กำหนดจัดขึ้นในราวเดือนหกของทุกปี หรือเดือนพฤษภาคมที่มีฤกษ์ยามที่เหมาะสม    ต้องตามประเพณี ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมที่จะเริ่มต้นการทำนาอันเป็นอาชีพหลักของประชาชนคนไทย 
 
           การจัดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ ฤกษ์การไถหว่านอยู่ระหว่างช่วงเวลา 08.09 – 08.39 น. ผู้ทำหน้าที่ พระยาแรกนา คือ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เทพีคู่หาบทอง ได้แก่ นางสาวดวงพร งามประดิษฐ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ กรมวิชาการเกษตร และนางสาวชลธิชา ทองอ่อน นายสัตวแพทย์ชำนาญการ กรมปศุสัตว์ เทพีคู่หาบเงิน ได้แก่ นางสาวปนัดดา เปี่ยมมอญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางสาวภัทรปภา มินรินทร์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ กรมส่งเสริมการเกษตร ผู้เชิญเครื่องอิสริยยศ จำนวน 4 ราย และคู่เคียงในกระบวนแห่อิสริยยศพระยาแรกนา จำนวน 16 ราย ส่วนพระโคแรกนา ได้แก่ พระโคพอ และพระโคเพียง  
 
         สำหรับผลการพยากรณ์ถึงความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารของประเทศ นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่ถวายรายงานการพยากรณ์ ผลการเสี่ยงทายผ้านุ่งแต่งกาย และพระโคกินเลี้ยง ในปี พ.ศ.2566 นี้ พระยาแรกนาได้ตั้งสัตยาธิษฐาน หยิบได้ผ้านุ่ง 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนา จะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี 
 
ผลการเสี่ยงทายของกิน 7 สิ่ง ที่ตั้งเลี้ยงพระโค พระโคกินหญ้าและเหล้า ซึ่งผลเสี่ยงทายกล่าวว่า ถ้าพระโคกินหญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี และพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมสะดวกขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง 
 
           ในโอกาสเดียวกันนี้ ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เกษตรกรและบุคคลทางการเกษตรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2565 จำนวน 3 ราย และเกษตรกร สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ และปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2566 จำนวน 33 ราย รวม 35 ราย ได้รับพระราชทานโล่เกียรติคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนี้ 
 
           ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน เกษตรกรและบุคคลทางการเกษตรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2565 จำนวน 3 ราย ที่เข้ารับโล่พระราชทานฯ ในปี พ.ศ. 2566 คือ 
1) ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรผู้ทรงภูมิปัญญาและมีคุณูปการต่อภาคการเกษตรไทย  
ได้แก่ นายอเนก สีเขียวสด จังหวัดอ่างทอง  
 2) เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ อาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ เสรีรัตน์ยืนยง จังหวัดยะลา  
 3) เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ อาชีพทำสวน ได้แก่ นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ จังหวัดชุมพร  
 เกษตรกรและบุคคลทางการเกษตรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 จำนวน 16 ราย คือ 
1) อาชีพทำนา ได้แก่ นายพิชัย โสทะ จังหวัดนครสวรรค์ 
2) อาชีพทำสวน ได้แก่ นายจักรินทร์ โพธิ์พรม จังหวัดอุดรธานี  
3) อาชีพทำไร่ ได้แก่ นายชาญชัย ธนะกมลประดิษฐ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  
4) อาชีพไร่นาสวนผสม ได้แก่ นางสาวพนมรัตน์ รักเหล็ก จังหวัดสุราษฎร์ธานี  
5) อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้แก่ นางเงินเหรียญ โสมนาม จังหวัดสกลนคร  
6) อาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ นายวุฒิศักดิ์ พรมแก้ว จังหวัดพังงา  
7) อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ได้แก่ นายธนันชัย  เอกเผ่าพันธุ์ จังหวัดนครปฐม  
8) อาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย ได้แก่ นายสุชาติ ศรีประสม จังหวัดชลบุรี  
9) อาชีพเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ได้แก่ นายปกรณ์ วงศ์มโนพฌิช จังหวัดราชบุรี  
10) อาชีพปลูกสวนป่า ได้แก่ นายมนรัตน์ วิวิธธนากร จังหวัดปทุมธานี  
11) สาขาบัญชีฟาร์ม ได้แก่ นางบรรจง แสนยะมูล จังหวัดมหาสารคาม  
12) สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้แก่ นายคำภีร์ หงษ์คำ จังหวัดเพชรบูรณ์  
13) สาขาการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช ได้แก่ นายสายชล จันทร์วิไร จังหวัดสุโขทัย  
14) สาขาเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ นายธนิต สมแก้ว จังหวัดพัทลุง  
15) ที่ปรึกษายุวชนเกษตรกร ได้แก่ นางสาวสถาพร ตะวันขึ้น จังหวัดสมุทรสงคราม  
16) สมาชิกกลุ่มยุวชนเกษตรกร ได้แก่ นางสาวจิราพัชร คุ้มกุดขมิ้น จังหวัดชัยภูมิ 
 
  สถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 จำนวน 12 กลุ่ม คือ  
1) กลุ่มเกษตรกรทำสวน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรทำนาบ้านร้องประดู่จังหวัดอุตรดิตถ์  
2) กลุ่มเกษตรกรทำสวน ได้แก่ กลุ่มเกษตรกรสวนยาง ตำบลกันทรอม จังหวัดศรีสะเกษ  
3) กลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ – แกะ จังหวัดแพร่  
4) กลุ่มเกษตรกรทำประมง หรือกลุ่มเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมงพื้นบ้านปากพูน จังหวัดนครศรีธรรมราช  
5) กลุ่มเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรสว่างวีระวงศ์จังหวัดอุบลราชธานี  
6) กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ จังหวัดนราธิวาส  
7) กลุ่มยุวเกษตรกร ได้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนโนนกอกวิทยา จังหวัดชัยภูมิ  
8) กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านแฝก – โนนสำราญ  จังหวัดนครราชสีมา  
9) สถาบันเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทาน ได้แก่ กลุ่มบริหารการใช้น้ำบางทรายนวล จังหวัดสุราษฎร์ธานี  
10) ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภทข้าวหอมมะลิ ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านมะยาง จังหวัดศรีสะเกษ  
11) ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ประเภท ข้าวอื่น ๆ ได้แก่ ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านบึงคล้าย – ชัยพัฒนา จังหวัดพิษณุโลก  
12) วิสาหกิจชุมชน ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลไร่มะขามจังหวัดเพชรบุรี 
สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 จำนวน 3 สหกรณ์ คือ  
1) สหกรณ์การเกษตร ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรด่านมะขามเตี้ย จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี  
2) สหกรณ์ออมทรัพย์ ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ กรมการพัฒนาชุมชน จำกัด กรุงเทพมหานคร  
3) สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ได้แก่ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ศูนย์กลางละอาย จำกัด จังหวัดนครศรีธรรมราช 
ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2566 จำนวน 2 สาขา คือ  
1) สาขาปราชญ์เศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ นายเมธี บุญรักษ์ จังหวัดนราธิวาส  
2) สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น ได้แก่ นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ จังหวัดชุมพร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : thaigov

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE