Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

ยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าเชียงรายพุ่ง 135 คัน ชี้ผู้บริโภคใส่ใจสิ่งแวดล้อมและประหยัด

เชียงรายติดเทรนด์รักษ์โลก ยอดจดทะเบียนรถไฟฟ้าเดือนตุลาคมพุ่ง 135 คัน สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคยุคประหยัดใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขนส่งฯ ชี้ทั้งประเทศแตะ 45.37 ล้านคัน รถใหม่พลังงานไฟฟ้าทะลุ 13.16% เร่งผลักดันบริการดิจิทัลลดแออัด

เชียงราย, 13 พฤศจิกายน 2568 – สัญญาณ “เขียว” ของระบบคมนาคมเชียงรายกำลังชัดกว่าที่เคย เพียงเดือนตุลาคม 2568 จังหวัดเชียงรายมีการจดทะเบียนรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) 135 คัน ขณะที่กลุ่มไฮบริดทุกรูปแบบ (HEV/PHEV) รวม 152 คัน ส่งผลให้ “ยานยนต์พลังงานสะอาด” ที่จดใหม่รวม 287 คัน จากรถใหม่ทั้งสิ้น 2,975 คัน ในเดือนเดียว ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนภาพผู้บริโภคที่หันมาพิจารณาค่าใช้จ่ายระยะยาว (Total Cost of Ownership) มากขึ้น แต่ยังชี้ถึงการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เมืองรองที่มีภูมิประเทศและระยะทางเดินทางสั้น กลางเหมาะกับสมรรถนะของรถไฟฟ้า

ในมุมมหภาค กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) รายงานว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ประเทศไทยมีรถจดทะเบียนสะสม 45,376,703 คัน ขณะที่รถใหม่พลังงานไฟฟ้าในเดือนกันยายนแตะ 24,891 คัน คิดเป็น 13.16% ของรถใหม่ทั้งหมด แบ่งเป็น HEV 11,629 คัน, BEV 11,907 คัน, PHEV 1,355 คัน สะท้อน “จุดพลิกผัน” ของตลาดที่พลังงานไฟฟ้าเข้าใกล้สถานะ “กระแสหลัก” ขนส่งฯ ยังรายงานใบอนุญาตขับรถออกใหม่เดือนกันยายน 143,114 ฉบับ เพิ่มขึ้น 18.08% และการขอ ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ 18,034 ฉบับ โดยเกือบ ครึ่งหนึ่ง (49.58%) ทำผ่านแอป “เป๋าตัง”—เป็นหลักฐานว่าบริการดิจิทัลของภาครัฐกำลังตอบโจทย์พฤติกรรมประชาชนยุคออนไลน์

ภาพใหญ่เริ่มจากภาพเล็ก ทำไม “เชียงราย” ถึงวิ่งไปกับ EV

1) โครงสร้างค่าใช้จ่ายและเส้นทางชีวิตประจำวัน
เชียงรายเป็นเมืองที่มีระยะเดินทางในชีวิตประจำวันไม่ยาวเท่ากรุงเทพฯ การใช้รถไฟฟ้าจึงคุ้มค่าในเชิงค่าไฟต่อกิโลเมตรและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์สันดาป ผู้ใช้จำนวนมากเป็นครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการ “ค่าดำเนินการที่คงที่และคาดการณ์ได้” ในช่วงราคาพลังงานผันผวน

2) เมืองรอง โอกาสใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน
แม้หัวใจของโครงสร้างชาร์จพลังงานยังกระจุกในหัวเมืองใหญ่ แต่การขยายสถานีชาร์จตามทางหลวงและจุดบริการภาคเอกชนเริ่มหนาแน่นขึ้นในภาคเหนือ เมื่อต้นทุนแบตเตอรี่ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงลดลงและระยะวิ่งเฉลี่ยต่อการชาร์จเพิ่มขึ้น “ความกังวลระยะทาง” (range anxiety) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ซื้อในเชียงรายพร้อมตัดสินใจมากขึ้น

3) อัตลักษณ์เมืองท่องเที่ยว เกษตร บริการ
เชียงรายคือจุดหมายท่องเที่ยวและเมืองบริการที่เติบโต การเลือกใช้ EV ช่วยเสริมภาพลักษณ์สถานประกอบการที่ต้องการสื่อสารด้านความยั่งยืน ทั้งโรงแรม คาเฟ่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และธุรกิจโลจิสติกส์เบา (last-mile) ในเขตเมือง

ตัวเลข “เดือนเดียว” ที่น่าคิด โครงสร้างรถใหม่เชียงราย ต.ค. 2568

ชนิดเชื้อเพลิง (รถใหม่)

จำนวน (คัน)

ไฟฟ้า 100% (BEV)

135

ไฮบริด (HEV)

141

ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)

11

รวม EV/Hybrid

287

เบนซิน

2,382

ดีเซล

296

รวมทั้งสิ้น

2,975

สัญญาณน่าสนใจ

  • สัดส่วน EV/Hybrid ต่อรถใหม่รวมเดือนตุลาคมอยู่ราว 9.6% (287/2,975) — ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรถพลังงานไฟฟ้า “ทั้งประเทศ” ในเดือนกันยายนที่ 13.16% แต่ BEV เพียวๆ ในเชียงรายมีจำนวน เฉียดเท่า HEV ในเดือนเดียว (135 vs 141) ซึ่ง “ไม่ธรรมดา” สำหรับเมืองรอง เพราะสะท้อนความมั่นใจต่อโครงสร้างชาร์จและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น
  • กลุ่มเบนซินยังครองสัดส่วนสูง (2,382 คัน) สอดคล้องกับโครงสร้างรายได้และความเคยชินการถือครอง แต่การไต่ระดับของ EV/Hybrid แปลว่าตลาดกำลัง “เปลี่ยนทิศอย่างเงียบๆ”

ประเทศไทยแตะเส้น “ไฟฟ้ากลายเป็นเรื่องปกติ” ข้อมูลขนส่งฯ เดือนกันยายน 2568

  • รถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศ 45,376,703 คัน
  • รถใหม่จดทะเบียนเดือนกันยายน 191,195 คัน (จากรถดำเนินการรวม 215,572 คัน) โดย รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล 72.33% และ รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน 21.80%
  • รถใหม่พลังงานไฟฟ้า (รวม HEV/BEV/PHEV) 24,891 คัน (13.16% ของรถใหม่ทั้งหมด)
  • จังหวัดที่มีปริมาณการดำเนินการด้านทะเบียนและภาษีสูงสุด กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, เชียงใหม่

นอกจากพอร์ตยานยนต์เปลี่ยนเร็ว ตัวเลข “การออกใบขับขี่ใหม่” เดือนกันยายนที่ 143,114 ฉบับ (+18.08%) และการใช้บริการ DLT Smart Queue, อบรมออนไลน์, Drive Thru For Tax บ่งชี้ว่า “ดีมานด์จริง” ของการเคลื่อนย้ายคนและของยังคึกคัก ขณะที่ภาครัฐก็ “ขยับพร้อมกัน” ด้าน e-Service เพื่อให้ธุรกรรมรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ลดต้นทุนเวลาและค่าเสียโอกาสของประชาชน

กรมฯ มุ่งพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการผ่านระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดภาระในการเดินทางมายังสำนักงานขนส่ง” —ถ้อยคำสรุปภาพรวมจาก นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ที่สะท้อนยุทธศาสตร์รัฐชัดเจน “บริการต้องไปหาประชาชน ไม่ใช่ประชาชนต้องไปหาบริการ”

เชียงรายกับโจทย์ “EV เมืองรอง” โอกาส ข้อจำกัด การบ้านร่วม

โอกาส 1 เศรษฐกิจฐานบริการและท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน
ที่พัก ร้านอาหาร และผู้ให้บริการท่องเที่ยวที่รองรับจุดชาร์จ (AC 7–11 kW สำหรับข้ามคืน / DC 50–120 kW ในจุดทางผ่าน) จะดึงดูดลูกค้ากำลังซื้อสูงขึ้นตามพฤติกรรมผู้ใช้ EV ที่วางแผนเส้นทางจากจุดชาร์จเป็นสำคัญ

โอกาส 2 โลจิสติกส์ระยะสั้น กลาง
งานขนส่งในเมือง/อำเภอใกล้เคียง (last-mile, e-commerce, ซัพพลายท่องเที่ยว) คือ sweet spot ของ BEV น้ำหนักเบา เพราะต้นทุนต่อกิโลเมตรต่ำและบำรุงรักษาง่าย

ข้อจำกัด/การบ้าน

  • ความหนาแน่นสถานีชาร์จ ยังไม่สม่ำเสมอในบางอำเภอ จำเป็นต้องเร่ง “แม็พพอยต์” ให้ครอบคลุมเส้นทางท่องเที่ยว—เศรษฐกิจ เช่น เมืองเชียงราย แม่จัน แม่สาย เชียงของ/เชียงแสน
  • ไฟฟ้า ที่จอด นิติฯ อาคาร อพาร์ตเมนต์/คอนโด/โฮมออฟฟิศ ต้องมีแนวทางติดตั้งปลั๊กชาร์จร่วม (shared charging) ที่โปร่งใสเรื่องค่าไฟ/การจองคิว
  • ทักษะบุคลากร อู่และศูนย์บริการอิสระควรอัปสกิลด้านแรงดันสูง ระบบความปลอดภัย เพื่อรองรับตลาดมือสอง EV ที่จะใหญ่ขึ้นใน 2–4 ปีข้างหน้า

 

ตัวเลขที่ “เล่าเรื่อง” การเปลี่ยนผ่าน

  1. BEV เชียงราย 135 คันใน 1 เดือน —สำหรับเมืองรอง นี่คือจุดตัดเชิงจิตวิทยา ประสบการณ์ผู้ใช้เริ่มส่งต่อปากต่อปาก ยอดไม่ได้เกิดจาก “ฮือฮารุ่นเดียว” แต่สะท้อนพอร์ตตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น
  2. สัดส่วน EV ใหม่ทั้งประเทศ 13.16% —เมื่อรถไฟฟ้าทุกแบบ (HEV/BEV/PHEV) เกิน 1 ใน 8 ของรถใหม่ ตลาดกำลังเข้าสู่ “ช่วงรับรู้ประโยชน์เป็นวงกว้าง” มากกว่ากลุ่มบุกเบิก
  3. ใบขับขี่ใหม่ +18% และใบขับขี่สากล 18,034 ฉบับ (49.58% ผ่าน ‘เป๋าตัง’) —คนไทยเดินทางมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ บริการดิจิทัลทำให้ต้นทุนเวลาในการทำธุรกรรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริการดิจิทัลของขนส่งฯ เมื่อ “คิว ภาษี อบรม” อยู่ในมือ

  • DLT Smart Queue จองคิวธุรกรรมทะเบียน ใบขับขี่
  • อบรมออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์อบรมของกรมฯ ลดเวลาหน้างาน
  • ต่อภาษีปี เว็บไซต์ e-Service, แอป DLT Vehicle Tax Plus, ตู้ Kiosk, เคาน์เตอร์เซอร์วิส และ Drive Thru For Tax ที่ “ต่อโดยไม่ต้องลงจากรถ”
  • ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ทำผ่านแอป เป๋าตัง” ได้แล้วเกือบครึ่งของธุรกรรมทั้งหมด

ความหมายต่อเชียงราย ผู้ใช้รถในจังหวัดสามารถปรับแผนธุรกรรมให้เข้ากับฤดูกาลท่องเที่ยว/ทำงาน ลดเวลาเดินทางมาสำนักงาน และหลีกเลี่ยงความแออัดในช่วงพีก โดยเฉพาะผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ “เวลาคือรายได้”

สิ่งที่ผู้บริโภคเชียงรายควรรู้ ก่อนตัดสินใจ EV

  1. รูปแบบการใช้งานของคุณคือคำตอบ   หากวิ่งเฉลี่ยไม่เกิน 150–200 กม./วัน และมีที่จอด/ไฟบ้าน BEV จะให้ต้นทุนต่อกิโลเมตรต่ำสุด ส่วนผู้ที่เดินทางไกลไม่แน่นอน HEV/PHEV ยังเป็นทางสายกลาง
  2. โครงสร้างชาร์จ   ตรวจจุดชาร์จใกล้บ้าน ที่ทำงาน เส้นทางประจำ (AC สำหรับข้ามคืน / DC สำหรับเดินทางไกล)
  3. บริการหลังการขายและการรับประกันแบตเตอรี่ – เปรียบเทียบเงื่อนไขรับประกัน เซอร์วิส และค่าอะไหล่ที่สำคัญ
  4. สิทธิประโยชน์ ค่าโอน ภาษี   ติดตามนโยบายภาครัฐและจังหวัดที่อาจสนับสนุนการติดตั้งชาร์จหรือสิทธิด้านภาษีท้องถิ่นในอนาคต
  5. ราคาขายต่อ   ตลาดมือสอง EV ขยายเร็ว เลือกรุ่นที่มีโครงข่ายบริการกว้างและการอัปเดตซอฟต์แวร์ต่อเนื่อง

นัยเชิงนโยบายท้องถิ่น เชื่อมเศรษฐกิจเขียวกับชีวิตประจำวัน

  • เทศบาล/อบจ. สามารถกำหนดแนวทาง “ที่จอดพร้อมจุดชาร์จสาธารณะ” ในพื้นที่ท่องเที่ยว/ตลาดชุมชน เพื่อสร้างแรงจูงใจเชิงพฤติกรรม
  • สถานศึกษา/โรงพยาบาล/ราชการ เป็น early adopter ของ fleet EV เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิงและปล่อยคาร์บอน พร้อมเปิดจุดชาร์จให้ชุมชนใช้หลังเวลาราชการ
  • SME เชียงราย (โรงแรม คาเฟ่ รีเทล) การติดตั้ง AC charger 7–11 kW เพียง 1–2 หัวต่อสถานประกอบการ สามารถเปลี่ยน “เวลาชาร์จ” ให้เป็น “เวลาจับจ่าย” ได้จริง

มุมผู้กำกับดูแล วิสัยทัศน์ “ขนส่งทางบกดิจิทัล” ต้องไปพร้อม “ความปลอดภัย”

ถ้อยคำของ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 วางหมุดหมายสำคัญไว้ 3 ประการ

  1. คุณภาพ ความปลอดภัย ครอบคลุม  ระบบต้องมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
  2. บริการต้องสะดวก  ลดงานเอกสาร แออัด ให้ทำได้หลายช่องทาง โดยเฉพาะออนไลน์
  3. ตอบสนองความต้องการจริง  จากการต่อภาษี สอบใบขับขี่ ไปจนถึงบริการเฉพาะอย่าง ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ที่ครึ่งหนึ่งทำผ่าน “เป๋าตัง” แล้ว

ทิศทางนี้ส่งผลเชิงบวกต่อเมืองรองอย่างเชียงราย เพราะทำให้ “ต้นทุนธุรกรรม” ลดลงและเปิดโอกาสให้ประชาชนและธุรกิจเข้าถึงบริการรัฐอย่างเสมอภาค

ควรติดตามใน 6–12 เดือนข้างหน้า

  • สัดส่วน EV/Hybrid ในเชียงราย จะไต่ทะลุ 10–12%/เดือน ได้หรือไม่ หากโครงสร้างชาร์จและโปรโมชันผู้ผลิตเอื้อ?
  • BEV vs HEV ในเชียงราย ใครจะขึ้นนำ? ต.ค. 2568 ทั้งสองใกล้เคียงกัน (135 vs 141) อีกเพียงจังหวะเดียวตลาด BEV อาจแซง
  • บริการดิจิทัลของกรมฯ จะขยายไปสู่ “one-stop mobile” แค่ไหน เช่น การรวมอบรม สอบทฤษฎี คิวตรวจสภาพในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อย่นเวลาหน้างานให้มากขึ้นอีก

เมื่อ “ไฟฟ้า” ไม่ใช่แฟชั่น แต่คือโครงสร้างใหม่ของการเดินทางเชียงราย

ตัวเลขเดือนตุลาคม 2568 ของเชียงรายบอกเราชัด—135 BEV ในเดือนเดียว พร้อม EV/Hybrid รวม 287 คัน คือแรงส่งที่มองเห็นได้ ไม่ใช่กระแสชั่วคราว ขณะที่ระดับประเทศ รถใหม่พลังงานไฟฟ้า 13.16% และ บริการดิจิทัลของขนส่งฯ ที่ทำให้ธุรกรรมรถง่ายขึ้น เป็น “รันเวย์นโยบาย” ที่ช่วยให้เมืองรองเดินหน้าได้เร็วขึ้น

ในปีถัดไป “สมการตัดสินใจ” ของผู้ใช้เชียงรายจะชัดเจนขึ้น หากเราเติม สถานีชาร์จให้ครอบคลุมเส้นทางชีวิต, ทำให้ บริการรัฐอยู่ในมือถือ, และสร้าง ระบบบริการหลังการขาย ความปลอดภัยมาตรฐานเดียว เมืองภาคเหนือแห่งนี้จะไม่ได้เป็นเพียง “ผู้ตามเทรนด์” แต่จะกลายเป็น ต้นแบบเมืองรองด้านการเดินทางไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง—ทั้งคุ้มค่า ประหยัด และหายใจได้สะอาดขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) – สถิติการดำเนินงานด้านการขนส่งทางบก เดือนกันยายน 2568:
    • รถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศ 45,376,703 คัน
    • รถใหม่จดทะเบียน 191,195 คัน
    • รถใหม่พลังงานไฟฟ้า 24,891 คัน (HEV 11,629 / BEV 11,907 / PHEV 1,355 = 13.16%)
    • ใบอนุญาตขับรถออกใหม่ 143,114 ฉบับ (+18.08%)
    • ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ 18,034 ฉบับ (49.58% ผ่านแอป “เป๋าตัง”)
    • ช่องทางบริการดิจิทัล: เว็บไซต์ e-Service กรมการขนส่งทางบก, แอป DLT Vehicle Tax Plus, DLT Smart Queue, ระบบอบรมออนไลน์, บริการ Drive Thru For Tax และข้อมูลสถิติผ่านเว็บไซต์ “กลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก” (web.dlt.go.th/statistics)
  • สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ปรับเงื่อนไขร่วมลงทุนศูนย์ขนส่งสินค้า เชียงของ จ.เชียงราย 2,864 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 กรมการขนส่งทางบกปรับเงื่อนไขจูงใจเอกชนร่วมลงทุน (PPP) โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่าย รูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย !!! ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนได้ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ถึง 20 กันยายน 2567 นี้

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 วงเงินโครงการรวมกว่า 2,864 ล้านบาท โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้า อุปกรณ์สำนักงานและส่วนประกอบ และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ และเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) ทั้งหมด รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 15 ปี นับจากปีเปิดให้บริการ ทั้งนี้ ประกาศเชิญชวนฉบับนี้ ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขบางส่วนให้สอดรับกับความต้องการของภาคเอกชน และสถานการณ์การขนส่งในปัจจุบัน เฉพาะในส่วนที่ไม่ขัดต่อหลักการของโครงการร่วมลงทุนตามที่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย จัดเป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ของกรมการขนส่งทางบก ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ประชิดด่านพรมแดนเชียงของ และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ – ห้วยทราย) บนเนื้อที่กว่า 335 ไร่ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งสินค้าทางถนน เป็นสถานีปรับเปลี่ยนการขนส่งระหว่างประเทศไปสู่ภายในประเทศ รองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R3A เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนฝั่งตะวันตก (นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน) รองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงาน CIQ ซึ่งจะช่วยสนับสนุน

ให้เป็นศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สามารถดำเนินพิธีการที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว และยังรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางราง ผ่านโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย โดยปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก

อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการในระยะที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการภายในปี พ.ศ. 2569 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) จะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ประสบความสำเร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของภาคเอกชน ควบคู่กับการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ซึ่งการออกประกาศเชิญชวนในครั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ได้มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขบางส่วนให้จูงใจภาคเอกชนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

โดยโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ของภาคเหนือ (Northern Logistics Hub) ช่วยลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการขนส่งสินค้า ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางให้เป็นระบบการขนส่งหลัก (Backbone) ของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ภาคเอกชนที่สนใจสามารถติดต่อขอซื้อเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ในราคาชุดละ 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ได้ที่ส่วนพัสดุและแผ่นป้ายทะเบียนรถ อาคาร 6 ชั้น 4 กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ถึง 20 กันยายน 2567 ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 09.00 น. ถึง 15.00 น. และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากประกาศเชิญชวน โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย

โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ www.dlt.go.th หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ สำนักการขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก โทร. 0 2271 8492 – 3 ในวันและเวลาราชการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS NEWS

เตือน! ใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ

เตือน! ใช้ป้ายทะเบียนรถปลอม มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ

Facebook
Twitter
Email
Print

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ป้ายทะเบียนรถถือเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้โดยแสดงว่ารถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือยานพาหนะนั้น ๆ ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และออกให้ใช้เฉพาะสำหรับรถคันที่จดทะเบียนไว้ 1 คัน ต่อ 1 หมายเลขทะเบียนเท่านั้น โดยข้อมูลหมวดอักษร หมายเลขทะเบียน จังหวัด ที่ปรากฏในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) ต้องถูกต้องและตรงกัน ณ ปัจจุบัน ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์มีมิจฉาชีพใช้ป้ายทะเบียนปลอมที่ผิดกฎหมายในหลายกรณี อาทิ ใช้ป้ายทะเบียนด้านหน้ารถและด้านหลังรถเป็นคนละหมายเลขกัน ใช้ป้ายทะเบียนรถที่หมายเลขไม่ตรงกับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ใช้ทะเบียนรถป้ายแดงปลอม หรือใช้ป้ายทะเบียนที่มีพื้นหลังเป็นลวดลายกราฟิกแต่ไม่ใช่ป้ายทะเบียนรถเลขสวยที่มีลักษณะพิเศษ (ป้ายประมูล) รวมถึงประชาชนอาจหลงเชื่อซื้อป้ายทะเบียนรถผ่านอินเทอร์เน็ต มีความเสี่ยงจะได้ป้ายทะเบียนปลอมและสูญเสียทรัพย์สิน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ขอเตือนผู้ที่ทำป้ายทะเบียนปลอมจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 ฐานปลอมเอกสารราชการ ส่วนเจ้าของรถที่ใช้แผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ฐานใช้เอกสารราชการปลอม มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท นอกจากนี้ มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ มาตรา 11 ฐานติดแผ่นป้ายทะเบียนรถไม่ถูกต้องตามที่ทางราชการกำหนดปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ป้ายทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมายออกโดย ขบ. สามารถสังเกตได้จากตัวย่อนูน ขส ที่มุมด้านล่างขวา ต้องมีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการ ขบ. (รูปมาตุลีเทพบุตรขับรถเทียมม้า) ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะของสีแผ่นป้ายทะเบียนจะมีความสด สะท้อนแสง ตัวหนังสือหมวดอักษร ตัวเลขมีความคมชัด และจะต้องตรงกันกับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ในส่วนของป้ายแดงแต่ละบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถจะมีหมวดและหมายเลขป้ายแดงหมุนเวียนต้องใช้คู่กับสมุดคู่มือประจำรถและใบอนุญาตให้ใช้รถด้วย โดยผู้ใช้รถป้ายแดงต้องจดบันทึกข้อมูลการใช้รถลงในสมุดคู่มือประจำรถข้อมูลดังกล่าวได้แก่ ชื่อ – นามสกุลผู้ขับรถ ชื่อชนิดรถ หมายเลขตัวรถ หมายเลขเครื่องยนต์ ความประสงค์ในการขับรถยนต์ วันเดือนปีและระยะเวลาที่นำรถออกไปใช้ สำหรับผู้ซื้อรถป้ายแดงต้องตรวจสอบจำนวนวันการใช้รถขณะติดป้ายแดงต้องไม่เกิน 30 วัน นับจากวันรับรถ

นอกจากนี้ป้ายทะเบียนรถเลขสวยลักษณะพิเศษ (ป้ายประมูล) ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะมีลักษณะ คือ พื้นหลังจะเป็นลวดลายกราฟิกมีตัวย่อ ขส ที่มุมด้านขวาล่าง และมีคำหรือข้อความที่มีตัวอักษร 2 ตัว ผสมสระหรือวรรณยุกต์ หรือตัวอักษรมากกว่า 2 ตัว โดยสามารถใช้ตัวอักษรผสมสระ หรือวรรณยุกต์ได้ หมายเลข ตัวอักษร สระรวมแล้วต้องไม่เกิน 7 หลัก และต้องไม่มีข้อความลักษณะต้องห้าม เช่น ข้อความที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร หรือหยาบคาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมหรือวัฒนธรรมอันดี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE