Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘ไดกิ้น’ ส่ง “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” ยกระดับอากาศสถานศึกษาเชียงราย

ห้องเรียนปลอดฝุ่นนวัตกรรมเพื่ออนาคตเด็กไทยจากไดกิ้น

เชียงราย, 21 พฤษภาคม 2568 – ในยามที่หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปกคลุมท้องฟ้าของจังหวัดเชียงราย เด็ก ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้องเผชิญกับภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของพวกเขา อากาศที่ปนเปื้อนมลพิษภายในอาคารกลายเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่เผชิญกับปัญหาฝุ่นควันอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของเด็กน้อยวัย 5 ขวบที่ต้องหยุดเรียนบ่อยครั้งเพราะอาการภูมิแพ้กำเริบจากฝุ่นละออง กลายเป็นภาพสะท้อนของความท้าทายที่สถานศึกษาทั่วประเทศกำลังเผชิญ

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ ไดกิ้น ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมระบบปรับอากาศ ได้ก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการเปิดตัว ห้องเรียนปลอดฝุ่น” โครงการต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ด้านคุณภาพอากาศภายในอาคารแห่งแรกในภาคเหนือ ณ โรงแรมแสนโฮเทล เชียงราย ซึ่งไม่เพียงเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศในสถานศึกษา แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับเด็กปฐมวัยทั่วประเทศไทย

เมื่อภัยเงียบจากฝุ่นละอองรุกคืบ

ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ภาคเหนือของประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เด็ก ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมักใช้เวลานานในห้องเรียนที่มีระบบระบายอากาศไม่เพียงพอ ทำให้มลพิษจากภายนอกและภายในอาคารสะสมตัว ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด หรือแม้แต่พัฒนาการที่ล่าช้า

ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่พื้นที่เปิดโล่ง แต่ภายในอาคารเองก็เป็นแหล่งสะสมของมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) จากวัสดุก่อสร้าง หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากการหายใจของเด็ก ๆ และบุคลากรในห้องเรียนที่หนาแน่น สถานการณ์นี้กลายเป็นแรงผลักดันให้ไดกิ้นและพันธมิตรตระหนักถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศในสถานศึกษา โดยเฉพาะในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เด็ก ๆ ใช้เวลาเกือบทั้งวัน

การรวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ ความร่วมมือเพื่ออนาคต

เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ ไดกิ้นได้จับมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ได้แก่ กรมอนามัย กรมการปกครอง สมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี รวมถึง บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ร่วมกันพัฒนาโครงการ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างต้นแบบศูนย์การเรียนรู้ที่สามารถขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่น ๆ ทั่วประเทศ

โครงการนี้ได้รับเกียรติจาก นายรุจติศักดิ์ รังษี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมแสนโฮเทล เชียงราย พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานพันธมิตรที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายในงานมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ ปัญหาคุณภาพอากาศภายในอาคารและการจัดการคุณภาพอากาศภายในอาคารสาธารณะและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของมลพิษทางอากาศและแนวทางการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ห้องเรียนปลอดฝุ่น

หัวใจสำคัญของโครงการ “ห้องเรียนปลอดฝุ่น” คือการติดตั้ง ระบบระบายอากาศประสิทธิภาพสูง และ ระบบกรองอากาศ HRV (Heat Reclaim Ventilation) ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และคุณภาพอากาศภายในอาคารอย่างครบวงจร ระบบนี้สามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5 และมลพิษจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนนำอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ห้องเรียน พร้อมติดตั้ง เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ครูและผู้ดูแลสามารถเฝ้าระวังและบริหารจัดการคุณภาพอากาศได้อย่างต่อเนื่อง

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยซ้อ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสถานที่ตั้งของห้องเรียนปลอดฝุ่นแห่งแรกในภาคเหนือ และได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากกรมอนามัยในฐานะที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานด้านสุขภาพอนามัย นอกจากนี้ ยังมีการอบรมครูและเจ้าหน้าที่ในศูนย์เพื่อเสริมสร้างทักษะในการดูแลระบบคุณภาพอากาศอย่างยั่งยืน

นายคาสุฮิสะ ฮินาสึ กรรมการบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไดกิ้นมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศที่ดีภายในอาคารมีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัยทั้งทางร่างกายและสติปัญญา เราเชื่อว่านวัตกรรมของเราจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่เสี่ยง และสามารถขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศไทย”

สร้างอนาคตที่ยั่งยืน

การเปิดตัวห้องเรียนปลอดฝุ่นไม่ใช่เพียงการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการผสานนวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคม เด็ก ๆ ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยซ้อจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากมลพิษ ลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้ ขณะที่ครูและบุคลากรได้รับความรู้และเครื่องมือในการบริหารจัดการคุณภาพอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ของโครงการนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งเดียว ไดกิ้นและพันธมิตรตั้งเป้าที่จะขยายผลไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยใช้ห้องเรียนปลอดฝุ่นแห่งนี้เป็นต้นแบบในการพัฒนามาตรฐานคุณภาพอากาศในอาคารที่ปลอดภัยและยั่งยืน การลงทุนในคุณภาพอากาศวันนี้จึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและอนาคตของเด็กไทยในวันหน้า

ทำไมห้องเรียนปลอดฝุ่นถึงสำคัญ

การจัดการคุณภาพอากาศในสถานศึกษาไม่เพียงช่วยปกป้องสุขภาพของเด็กและบุคลากร แต่ยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้และพัฒนาการในระยะยาว การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5 และ VOCs เป็นเวลานานอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือแม้แต่ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง การติดตั้งระบบระบายอากาศและกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสามารถลดความเข้มข้นของมลพิษเหล่านี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของเด็ก

นอกจากนี้ การอบรมบุคลากรในสถานศึกษาให้มีความรู้และทักษะในการจัดการคุณภาพอากาศยังช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ครูและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมจะสามารถดูแลและบำรุงรักษาระบบได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชนรอบข้าง ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ฝุ่น PM2.5 และผลกระทบต่อเด็ก จากรายงานของ IQAir ในปี 2566 ประเทศไทยติดอันดับที่ 36 ของโลกในด้านมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ภาคเหนือเผชิญกับระดับ PM2.5 สูงเกินมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งกำหนดไว้ที่ 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉลี่ยในเชียงรายพบระดับ PM2.5 สูงถึง 50-100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในบางวัน
  • ผลกระทบต่อสุขภาพ การศึกษาโดยกรมอนามัยระบุว่า เด็กปฐมวัยที่สัมผัสกับ PM2.5 ในระดับสูงมีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น 30% และอาจมีพัฒนาการทางสติปัญญาลดลง 10-15% เมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์
  • คุณภาพอากาศในอาคาร จากข้อมูลของสมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร พบว่า 80% ของอาคารสถานศึกษาในประเทศไทยมีระบบระบายอากาศที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีการสะสมของ CO2 และฝุ่นละอองภายในอาคารในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมอนามัย สมาคมส่งเสริมคุณภาพอากาศในอาคาร
  • บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด
  •  ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลห้วยซ้อ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สสส. มอบหมวกกันน็อคเด็กเล็ก เชียงรายตั้งธนาคารหมวกนิรภัย

สสส. มอบหมวกกันน็อคเด็กเล็ก สร้างธนาคารหมวกนิรภัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เชียงรายเป็นต้นแบบ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีรับมอบหมวกกันน็อคสำหรับเด็กเล็ก จำนวน 323 ใบ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยทางถนน

สานพลังทุกภาคส่วน มอบหมวกกันน็อคสร้างความปลอดภัยให้เด็กเล็ก

การมอบหมวกกันน็อคครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของผู้รักกีฬาแบดมินตันจาก สโมสรกีฬาแบด FUN Saturday บริษัท สปอร์ตอัลติเมท จำกัด (ผู้แทนจำหน่ายแบรนด์หลี่หนิง) และเพจ จองนาว” โดยหมวกทั้งหมดจะนำไปจัดตั้งเป็น ธนาคารหมวกนิรภัยสำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งเปิดโอกาสให้ครอบครัวที่ไม่มีหมวกกันน็อคสามารถยืมไปใช้

เชียงรายมุ่งเป็นต้นแบบเมืองแห่งความปลอดภัย

นายประเสริฐ กล่าวว่า ธนาคารหมวกกันน็อคนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยให้กับเด็กเล็ก พร้อมปลูกฝังผู้ปกครองให้ใส่ใจการสวมหมวกกันน็อคสำหรับลูกหลาน โดยข้อมูลจากการสำรวจพบว่า อัตราการสวมหมวกกันน็อคในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น

  • ผู้ขับขี่: เพิ่มจากร้อยละ 40 (ปี 2561) เป็นร้อยละ 45 (ปี 2562)
  • คนซ้อน: เพิ่มจากร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 17
  • เด็กเล็ก: เพิ่มจากร้อยละ 6-7 เป็นร้อยละ 16

ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 10 แห่ง และ 1 โรงเรียนได้รับมอบหมวกกันน็อค

หมวกนิรภัยสำหรับเด็กเล็กจำนวน 323 ใบ ถูกจัดสรรให้แก่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 10 แห่ง และโรงเรียน 1 แห่งในจังหวัดเชียงราย ได้แก่

  1. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว
  2. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย
  3. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กม่วงคำ อำเภอพาน
  4. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดอยผาหมี เทศบาลตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย
  5. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดพรหมวิหาร เทศบาลแม่สาย อำเภอแม่สาย
  6. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต. ท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย
  7. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านปอกลาง อำเภอเวียงแก่น
  8. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย
  9. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงของ
  10. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจันจว้า อำเภอแม่จัน
  11. โรงเรียนห้วยหินลาดใน อำเภอเวียงป่าเป้า

สรุปใจความสำคัญ

สสส. และพันธมิตรในวงการกีฬา ร่วมส่งมอบหมวกกันน็อค 323 ใบ สร้างธนาคารหมวกนิรภัยให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเชียงราย โดยมุ่งหวังให้จังหวัดเป็นต้นแบบในด้านความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ปกครองใส่ใจเรื่องการสวมหมวกกันน็อค สร้างความตระหนักในสังคมเกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยในการใช้ถนน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

โรงพยาบาลแม่ลาว เปิดบ้าน EF พัฒนาเด็ก และผู้ปกครองห่างไกลจากหน้าจอ

 
วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่พุทธมณฑลสมโภช 750 ปี ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย นายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่ลาว จัดให้มีกิจกรรม เปิดบ้าน EF อำเภอแม่ลาว ประจำปี 2566 โดยมี นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว เป็นประธานในพิธี และมีกลุ่มคณะครู เด็กๆ จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 6 แห่ง ตลอดจนผู้ปกครองในพื้นที่ให้ความสนใจเดินทางเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
 
 
โดยกิจกรรมนอกจากจะมีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาบรรยายธรรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเด็กในยุคลปัจจุบันแล้ว ยังมีลานกิจกรรมสำหรับเด็กจำนวน 6 ฐาน อาทิฐานก้าวเดิน ฐานขับขี่ปลอดภัยและฐานศิลปะสร้างสรรค์ เป็นต้น และมีฐานการเรียนรู้ที่ให้ผู้ปกครองแลถะเด็กๆได้ทำกิจกรรมร่วมกันอีกจำนวน 9 ฐานอาทิ ฐานโรงเล่น พิพิธภัณฑ์เด็กเล่นได้ ฐานเมนูเด็ดแก้จน ฐานขยะเปลี่ยนโลก ฐานEFและพัฒนาการเป็นต้น ซึ่งได้สร้างความรู้และความสนุกสนานเป็นอย่างมากให้กับทั้งเด็กและผู้ปกครอง
 
 
นายแพทย์คงศักดิ์ กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดมีจุดมุ่งหวังที่จะให้เด็กนักเรียนในระดับปฐมวัย โดยเฉพาะที่อยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต่างๆ ผู้ปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกิจกรรมร่วมกันในการพัฒนาด้านการรับรู้แก่เด็กๆ พัฒนาสมองส่วนหน้า เพื่อเตรียมความของเด็กที่ก้าวเข้ามาสู่โลกสมัยใหม่ ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเด็กจะต้องเจอสถานการณ์ต่างๆที่ผันผวนและไม่แน่นอน มีความซับซ้อนไม่ตรงไปตรงมา กิจกรรมนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้เด้กได้มีทักษะการดูแลตนเอง การแก้ไขปัญหาและการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขร่วมกับครอบครัว นำไปสู่การพัฒนาด้านการเรียนและการทำงานในอนาคต ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดให้มีอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยผู้ปกครองและศุนย์พัฒนาเด็กเล็กจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเหล่านี้ให้กับเด็กๆ
 
 
ด้าน แพทย์หญิงพรชนิตว์ ใจทา แพทย์ประจำโรงพยาบาลแม่ลาว กล่าวว่า บ้าน EF จะช่วยให้เด็กคิดเป็น ทำเป็นและ เรียนรู้เป็นเพื่อให้อยู่ในสังคมอนาคตให้ได้ ซึ่งเด็กที่มาทำกิจกรรมจะมีการพัฒนาทั้ง 9 ด้านของเด้กไม่ว่าจะเป็นด้านการจดจำ คิดวางแผนและการคิดริเริ่ม เป็นต้น โดยมีการพัฒนาผ่านฐานการเรียนต่างๆโดยมีผู้ปกครองเป็นคนช่วยสอน ซึ่งเด้กชอบการเล่น จึงนำกิจกรรมการเล่นมาให้เด็กโดยสอดแทรกความรู้เข้าไป เนื่องจากเด็กในยุคปัจจุบันมีความยับยั้งช่วงใจไม่ค่อยดี ทำให้เกิดเหตุตามสื่อต่างๆในทางที่ไม่ดี โรงพยาบาลแม่ลาวจึงร่วมกับทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อจัดกิจกรรมให้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยส่วนหนึ่้งอยากแนะนำให้ผู้ปกครองควรควบคุมการให้เด็กใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ในเด็กวัยเล็ก เพราะเป็นการสื่อสารทางเดียว จะไม่ได้โต้ตอบควรที่จะให้เด็กมีการพุดคุยและทำกิจกรรมมากกว่าจะทำให้การพัฒนาของเด้กนั้นดีขึ้น
 
 
นางสุจิตตรา แข่งขัน อายุ 30 ปี ผู้ปกครองเด็กนักเรียนชาว อ.แม่ลาว กล่าวว่า โครกงารนี้ถือว่าดีมากๆ ที่ได้เปิดโอกาสให้ทางเด็กและครอบครัวมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน และมีประโยชน์ที่จะทำให้เด็กห่างไกลจากจอคอมพิเวตอร์หรือโทรศัพท์ ซึ่งสมัยนี้แตกต่างจากอดีตที่มีการการเล่นหมากเก็บ การเล่นซ่อนหาหรือวิ่งไล่กัน แต่ปัจจุบันเด็กมีโลกส่วนตัวหมกมุ่นกับโทรศัพท์ การมาร่วมกิจกรรมทำให้นอกจากจะได้รับความรู้ ความสนุกสนาน ยังได้ความผุกพันธ์กับลูกมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยากให้มีกิจกรรมแบบนี้บ่อยๆและให้มีอย่างต่อเนื่อง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News