Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สศร. คัดเลือก ‘เชียงราย’ 1 ใน 13 หอศิลป์ พัฒนาสู่ภูมิภาค

สศร. ประกาศผลคัดเลือกหอศิลป์ภูมิภาค 13 แห่ง พัฒนาเครือข่ายศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

เสริมสร้างพื้นที่ศิลปะในภูมิภาค กระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาเครือข่ายศิลปะร่วมสมัยระดับชาติ

เชียงราย, 3 มีนาคม 2568 – นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เปิดเผยว่า สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้ประกาศผลการคัดเลือก หอศิลป์และแหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม หรือพื้นที่ทางศิลปะ (Art Space) ในส่วนภูมิภาค ภายใต้โครงการพัฒนาหอศิลป์ร่วมสมัยสู่ภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (รอบที่ 1) โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 13 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่:

รายชื่อหอศิลป์และพื้นที่ทางศิลปะที่ได้รับการคัดเลือก

  1. Grow Home-Stay and Space จ.เชียงราย
  2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย จ.เชียงราย
  3. AHIFH: Artist Home International จ.เชียงราย
  4. Gallery Seescape จ.เชียงใหม่
  5. บ้านศิลปะจุมพล อภิสุข จ.น่าน
  6. หออัตลักษณ์นครน่าน วิทยาลัยชุมชนน่าน จ.น่าน
  7. Khontemporary จ.ขอนแก่น
  8. ALIEN Artspace (เอเลี่ยน อาร์ตสเปซ) จ.ขอนแก่น
  9. หอศิลป์คลังจัตุรัส จ.ชัยภูมิ
  10. นัวโรว์ อาร์ตสเปซ (NOIR ROW ART SPACE) จ.อุดรธานี
  11. หอสินกางธ่งมหาสารคาม (หอสิน กธม) จ.มหาสารคาม
  12. หอศิลป์นครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
  13. หอศิลป์สงขลา จ.สงขลา

พัฒนาเครือข่ายศิลปวัฒนธรรม เชื่อมโยงสู่ระดับนานาชาติ

นางเกษร กล่าวเพิ่มเติมว่า หอศิลป์และแหล่งเรียนรู้ที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 13 แห่ง จะได้เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และร่วมจัดแสดงนิทรรศการ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหอศิลป์ในภูมิภาค โดย สศร. จะทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับหอศิลป์เหล่านี้เป็นระยะเวลา 2 ปี

ภายใต้ข้อตกลงนี้ หอศิลป์ที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับ งบประมาณสนับสนุน สำหรับการจัดนิทรรศการและกิจกรรมศิลปะร่วมสมัย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนในพื้นที่ได้เข้าถึงศิลปะร่วมสมัยได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อ ยกระดับมาตรฐานของหอศิลป์ไทยและผลักดันให้เกิดความร่วมมือระดับนานาชาติ

บทบาทของหอศิลป์ต่อการพัฒนาสังคม

การพัฒนาหอศิลป์ร่วมสมัยในภูมิภาคเป็นกลยุทธ์สำคัญในการ ส่งเสริมการเรียนรู้ทางศิลปะ และกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยพื้นที่เหล่านี้จะทำหน้าที่เป็น ศูนย์กลางการสร้างสรรค์งานศิลปะ สนับสนุนศิลปินท้องถิ่น และเป็นเวทีให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงผลงาน นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในภูมิภาค ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อีกด้วย

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

จากข้อมูลของ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) และกระทรวงวัฒนธรรม พบว่า:

  • ปัจจุบันประเทศไทยมีหอศิลป์และพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยมากกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ
  • ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการสนับสนุนหอศิลป์ระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นกว่า 50%
  • กว่า 60% ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยให้ความสนใจกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม
  • การลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 8-10%

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) / กระทรวงวัฒนธรรม / ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจสร้างสรรค์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปินเชียงรายผนึกสิบสองปันนา สร้างสัมพันธ์ผ่านงานศิลปะ

ศิลปินเชียงรายร่วมสร้างสรรค์งานศิลปะกระชับสัมพันธ์กับศิลปินสิบสองปันนา

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ศิลปินไทยจากสมาคมขัวศิลปะเชียงรายได้เดินทางไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อศึกษาดูงานและร่วมสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมร่วมกับกลุ่มศิลปินสิบสองปันนา โดยกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม และพระพุทธศาสนาระหว่างสองเมือง นับเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและยั่งยืน

กิจกรรมสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยนความรู้

คณะศิลปินไทยนำโดยสุวิทย์ ใจป้อม ประธานสมาคมขัวศิลปะเชียงราย พร้อมด้วยศิลปินทรงเดช ทิพย์ทอง, เสงี่ยม ยารังษี, พิชิต สิทธิวงศ์, กำธร สีฟ้า และคณะรวม 12 คน ได้ร่วมกับศิลปินสิบสองปันนาในการวาดภาพสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น เช่น วัดไทยลื้อ หมู่บ้านชาวไทยลื้อบ้านหัวนา และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่สิบสองปันนา

การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างผลงานศิลปะ แต่ยังเป็นการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของชาวไทยลื้อ ซึ่งสะท้อนผ่านงานจิตรกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลงานเหล่านี้จะถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะเพื่อประชาสัมพันธ์ความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นในทั้งสองประเทศ

กระชับความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง

นายสุวิทย์ ใจป้อม กล่าวว่าศิลปินจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาและเชียงรายมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานผ่านการแลกเปลี่ยนศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงการศึกษาในด้านพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองเมือง

ในครั้งนี้ ศิลปินสิบสองปันนาได้แสดงความยินดีและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเดินทางมายังจังหวัดเชียงรายในอนาคตเพื่อตอบแทนการต้อนรับที่อบอุ่นและมิตรภาพอันดีจากศิลปินไทย การแลกเปลี่ยนนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงผลงานศิลปะจากทั้งสองประเทศให้ผู้คนได้ชื่นชม พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของกันและกัน

เชื่อมโยงศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษา

ในฐานะตัวแทนศิลปินไทย นายสุวิทย์ ใจป้อม ยังได้เชิญชวนให้ศิลปินจากสิบสองปันนาเยือนจังหวัดเชียงรายเพื่อร่วมงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยไทยพร้อมให้การต้อนรับและจัดกิจกรรมเพื่อสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

กิจกรรมในครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของศิลปินทั้งสองฝ่ายในการใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางเพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันอย่างยั่งยืน

การเดินหน้าความสัมพันธ์ในอนาคต

ความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินไทยและศิลปินสิบสองปันนาจะยังคงดำเนินต่อไปผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนต่างๆ ในอนาคต อันเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่เพียงแสดงถึงความงดงามของศิลปะ แต่ยังแสดงถึงพลังแห่งความร่วมมือระหว่างสองวัฒนธรรม

กิจกรรมดังกล่าวช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของจังหวัดเชียงรายและเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และตอกย้ำถึงความสำคัญของศิลปะในฐานะสะพานเชื่อมโยงวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมขัวศิลปะเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

กราฟฟิตี้รุ่นใหม่แต่งแต้มวัดร่องขุ่น สร้างสีสันใหม่เชียงราย

อ.เฉลิมชัย สนับสนุนศิลปะกราฟฟิตี้ สร้างแลนด์มาร์คใหม่ที่วัดร่องขุ่น

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 เฟซบุ๊ก “นรินทร์ ทามาส” ลูกศิษย์ใกล้ชิดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย เผยแพร่คลิปและภาพผลงานกราฟฟิตี้อันงดงามบนกำแพงข้าง วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นฝีมือของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ 3 คน ที่อาจารย์เฉลิมชัยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

ศิลปะที่เกิดจากการแอบสร้าง กลายเป็นจุดเช็คอินใหม่

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คนจากเชียงรายและเชียงใหม่แอบสร้างสรรค์งานกราฟฟิตี้บนกำแพงข้างวัดร่องขุ่น อาจารย์เฉลิมชัยเมื่อเห็นผลงาน ได้ไลฟ์สดตามหาศิลปินเหล่านี้ พร้อมเปิดโอกาสให้กลับมาทำผลงานให้สมบูรณ์ โดยย้ำว่า ไม่ต้องแอบทำ มาให้เสร็จสวยงามเลย” พร้อมมอบเงินจำนวน 10,000 บาทเพื่อสนับสนุนการซื้ออุปกรณ์พ่นสี

หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นติดต่อกลับ พวกเขาก็เริ่มต้นทำงานอีกครั้ง โดยเปลี่ยนผลงานใหม่ให้โดดเด่นและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อาจารย์เฉลิมชัยถึงกับกล่าวชื่นชมในคลิปว่า ฝีมือดีขึ้นเยอะมาก สวยงามจนต้องมอบเงินค่าขนมเพิ่ม”

กราฟฟิตี้ที่สร้างความประทับใจ

ผลงานกราฟฟิตี้นี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว แต่ยังสะท้อนถึงการสนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่ในแบบที่ไม่ซ้ำใคร หลายคนในโซเชียลต่างเข้ามาชื่นชม เช่น สวยงามมากค่ะ เด็กๆ เก่งมากค่ะ”, ยอดเยี่ยมมากครับ”, และ ตามทุกที่ กำลังใจทุกงานครับอาจารย์”

วัดร่องขุ่น: จุดหมายปลายทางแห่งศิลปะ

วัดร่องขุ่นซึ่งเป็นผลงานศิลปะระดับโลกที่ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์โดยอาจารย์เฉลิมชัย ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และตอนนี้กำแพงข้างวัดที่ประดับด้วยกราฟฟิตี้จากศิลปินรุ่นใหม่ก็เพิ่มสีสันให้กับการเยี่ยมชม โดยเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปและสัมผัสบรรยากาศแห่งความสร้างสรรค์

สนับสนุนศิลปะรุ่นใหม่และส่งเสริมเชียงราย

การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความใจกว้างของอาจารย์เฉลิมชัย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการผลักดันเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งศิลปะที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยผลงานกราฟฟิตี้นี้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์และความรักในงานศิลปะเข้ากับชุมชน

ร่วมชมศิลปะกราฟฟิตี้แห่งใหม่ที่วัดร่องขุ่น

สำหรับผู้สนใจสามารถมาชมผลงานนี้ได้ที่กำแพงข้างวัดร่องขุ่น พร้อมดื่มด่ำกับความงามที่เต็มไปด้วยจินตนาการและความตั้งใจจากศิลปินรุ่นใหม่ งานนี้ไม่ควรพลาด!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ชมจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เชิญชมผลงานนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 ณ เชียงราย

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ได้มีพิธีเปิดนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 อย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี ร่วมกับผู้ชมและผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการที่มาร่วมเยี่ยมชมผลงานจิตรกรรมที่ได้รับการคัดเลือกจากการประกวดถึง 81 ผลงาน

ภายในงานนี้ยังได้มีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กว่า 4 ทศวรรษ จิตรกรรมบัวหลวง” โดยศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่มอบความรู้และแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะไทย นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมการสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยในท้องถิ่นเชียงราย และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจงานศิลปะ

การประกวดจิตรกรรมบัวหลวง: เวทีสำหรับศิลปินรุ่นใหม่

มูลนิธิบัวหลวงได้จัดการประกวดจิตรกรรมบัวหลวงมาตั้งแต่ปี 2517 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานจิตรกรรมให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีและมีคุณค่า การประกวดครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 45 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2567 โดยมีการประกวดในสามประเภท ได้แก่ จิตรกรรมไทยแบบประเพณี จิตรกรรมไทยแนวประเพณี และจิตรกรรมร่วมสมัย ซึ่งมีศิลปินเข้าร่วมส่งผลงานทั้งสิ้น 117 ราย จำนวนรวม 148 ภาพ

ผลงานที่ชนะเลิศในแต่ละประเภทของการประกวด

สำหรับประเภทจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ผลงานที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงได้แก่ “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” ของนายสิปปภาส แก้สรากมุข ซึ่งเป็นผลงานที่สะท้อนเรื่องราวทางวัฒนธรรมได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ “มโนราห์บูชายัญ” ของนายณัฐดนัย ทองเติม และ “พุทธเจ้าโปรดเท้าพญามหาชมพูบดี” ของนายสุริวัฒน์ แดงประดับ

ในประเภทจิตรกรรมไทยแนวประเพณี รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ประตูเปิดแล้ว” ของนายเจษฎา กีรติเสวี ที่แสดงถึงความสำคัญของประเพณีและศิลปะไทย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงานชื่อ “ยมกปาฏิหาริย์” ของรองศาสตราจารย์นิโรจน์ จรุงจิตวิทวัส และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวง ได้แก่ผลงาน “ชุมชนมัสยิดมหานาค” ของนายอัซมาวีย์ การี

สำหรับประเภทจิตรกรรมร่วมสมัย รางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงตกเป็นของผลงาน “ตนิจิต 1/2567” ของนายระพีพัฒน์ ผลรัตนไพบูลย์ ซึ่งเป็นผลงานที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และความร่วมสมัย ส่วนรางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงได้แก่ผลงาน “มายาแห่งความคิด” ของนายจรัญ พานอ่อนตา และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงได้แก่ผลงาน “พื้นที่จินตนาการแห่งความสุข” ของนายจตุพล สีทา

เงินรางวัลและสิทธิพิเศษสำหรับศิลปินผู้ชนะการประกวด

ผู้ชนะที่ได้รับรางวัลที่ 1 เหรียญทองบัวหลวงในแต่ละประเภท จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 200,000 บาท พร้อมสิทธิพิเศษในการรับทุนทัศนศึกษางานศิลปะในต่างประเทศ รางวัลที่ 2 เหรียญเงินบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 150,000 บาท และรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงบัวหลวงจะได้รับเงินรางวัลรางวัลละ 100,000 บาท

เชิญชมนิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45

นิทรรศการจิตรกรรมบัวหลวงสัญจร ครั้งที่ 45 จัดแสดงผลงานของศิลปินที่ผ่านการคัดเลือกจากการประกวด โดยนิทรรศการจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน – 16 ธันวาคม 2567 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ซึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.

การจัดแสดงผลงานครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจในศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่จะได้สัมผัสกับผลงานจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าและสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของศิลปินรุ่นใหม่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า ถูกรังสรรค์โดยศิลปิน ‘ไมเคิล ลิน’

 
ผลงานชิ้นนี้ถูกรังสรรค์โดยศิลปิน ‘ไมเคิล ลิน’ ผู้ที่เปลี่ยนพื้นที่สร้างสรรค์งานจิตรกรรมจากผืนผ้าใบไปสู่อาคารโบราณที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองต่าง ๆ มาแล้วทั่วโลก ศิลปะกลางแจ้งของไมเคิลได้แรงบันดาลใจจาก ‘ลายผ้า’ ที่เป็นความทรงจำร่วมทางสังคมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น
 
 
สําหรับเชียงราย ไมเคิลได้ทำงานชิ้นใหม่ตรงหน้าอาคารศาลากลางเก่า ซึ่งเป็นตัวแทนของความเป็นสมัยใหม่ ใช้ชื่อว่า Weekend เขาผสมลวดลายและสีสันของผ้าจากชาวเขาในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยผืนผ้า เปรียบเสมือนงานฝีมือที่รำลึกถึงสหภาพแรงงานและชุมชน มันคือการผสมผสานเสียงที่หลากหลาย รวมพลังที่ขัดแย้งระหว่าวผู้ปกครองจากส่วนกลาง และฝ่ายที่ถูกปกครองจากชายขอบ ผลงานชิ้นนี้แสดงถึงการเจรจา ต่อรอง และตั้งคําถามต่อบทบาทของศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่มีความหลากหลายและสลับซับซ้อนของภูมิภาคนี้
 
 
ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 และเปิดดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2443 เพื่อเป็นที่ทำงานของหน่วยงานรัฐบาลและข้าหลวงเมืองเชียงราย ตามนโยบายการปฏิรูปการปกครองเข้าสู่ศูนย์กลางของรัฐบาลสยาม เป็นศาลากลางที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ ออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ. บริกส์ มิชชันนารีชาวแคนาดา ที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในจังหวัดเชียงราย ในนามคณะมิชชันนารีอเมริกันเพรสไบทีเรียนแห่งกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
 
 
อาคารศาลากลางหลังแรกจังหวัดเชียงราย เป็นสถาปัตยกรรมที่มีโครงสร้างก่ออิฐถือปูน เป็นอาคาร 3 ชั้น ขนาดกว้าง 15 เมตร ยาว 37 เมตร การก่อสร้างเป็นรูปแบบศิลปะแบบโคโลเนียล หลังคาทรงปั้นหยา ประดับด้วยมุขหน้าต่างหลังคา ด้านหน้าอาคารก่ออิฐเป็นรูปโค้ง (Arch) ช่องเปิดที่ระเบียงอาคารด้านล่างทำเป็นโครงสร้างคานโค้งครึ่งวงกลม 3 ชุดโค้งต่อเนื่อง และมีโถงทางเดินที่เชื่อมถึงกันโดยตลอด ประตูทำจากไม้สักแบบบานเปิดคู่ ทุกห้องมีช่องแสงเหนือประตู
อาคารศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่าได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานของกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2520 และได้ยุติบทบาทในการเป็นอาคารศูนย์กลางการปกครองหัวเมืองเชียงรายมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ ปัจจุบันไม่ได้เปิดทำการเนื่องจากกำลังปรับปรุง โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
 
งานศิลปะที่เห็นในภาพ ไม่ได้เพ้นท์ลงบนตัวตึกแต่เป็นโครงสร้างประกอบภาพวาด เป็นโครงสร้างเหล็กไม่ได้ยึดตรงกับตัวตัวตึกแต่อย่างใด มีแผ่นเพลทโลหะ รับน้ำหนักที่พื้น และโครงสร้างที่ติดกับตัวอาคารใช้โครงไม้ประกบรองอีกหนึ่งชั้น
ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดในการแสดงงานมหกรรมศิลปะนานาชาติระดับโลก ครั้งที่ 3 งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิด The Open World “เปิดโลก” การรับรู้ทางศิลปะ ผ่านผลงานของศิลปินจากทั่วโลก ที่จะมาร่วมเปิดมิติทางศิลปวัฒนธรรม เพื่อยกระดับเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ณ จังหวัดเชียงราย
Collateral Event : เทศกาลดนตรีชาติพันธุ์ “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย”
 
 
ศิลปิน : Michae Lin (ไมเคิล ลิน)
เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 – 17.30 น.
สถานที่ : ศาลากลางจังหวัดเชียงราย (หลังเก่า) ถนนสิงหไคล 
ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : https://www.thailandbiennale.org/venues/the-old-chiang-rai-city-hall/

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

นับถอยหลังสู่การจัดงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 

วันนี้ (17 สิงหาคม 66) เวลา 10.00-12.00 น. ณ The Jim Thompson Art Center กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จัดพิธีแถลงข่าวโครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale,Chiangrai Rai 2023 ครั้งที่ 2 โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะอนุกรรมการ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และคณะภัณฑารักษ์ ศิลปินเครือข่ายจากจังหวัดเชียงราย สมาคมขัวศิลปเชียงราย และสื่อมวลชน เข้าร่วมแถลงข่าวฯ เปิดตัวศิลปิน รอบสอง 20 คน pavilions แสดงงานของกลุ่มศิลปินต่าง ๆ 10 Pavilions อาทิ Korean Paivilion,MOMA Warsaw,Production Zamia ,สล่าขิ่น,กลุ่มศิลปินสีน้ำนานาชาติ และกิจกรรมคู่ขนานต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์โครงการการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale,Chiangrai Rai 2023 สู่สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการ ดังกล่าว

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปเชียงราย ผู้แทนมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กลุ่มศิลปินเชียงราย ร่วมในพิธีแถลงข่าว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

พัชรนันท์ แก้วจินดา : รายงาน
ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย: ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว :บรรณาธิการ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News