Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นักท่องเที่ยวจีนลด -35%! ไทยเสียจังหวะในเอเชีย ต้องสร้างเหตุผลใหม่ให้คนมาเยือน

วธ.เชียงรายเร่งค้นหา “UNSEEN THAI THAI” ปั้น Soft Power สู้ศึก Tourism War ดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพระยะไกล

เชียงราย, 24 พฤศจิกายน 2568เชียงรายกำลังก้าวสู่สมรภูมิใหม่ของการท่องเที่ยว ที่ไม่ได้แข่งกันเพียงตัวเลขนักท่องเที่ยวอีกต่อไป หากแต่แข่งกันด้วย “เรื่องเล่า ประสบการณ์ และคุณค่าทางวัฒนธรรม” ท่ามกลาง “Tourism War” ที่ทำให้ประเทศไทยเสียจังหวะให้กับเพื่อนบ้านในเอเชีย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) จึงเดินหน้าเร่งค้นหา “UNSEEN THAI THAI” เพื่อใช้ทุนทางวัฒนธรรมเป็นหัวหอกสำคัญในการยกระดับจังหวัดสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มระยะไกลที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ศึก Tourism War เมื่อไทยเริ่มเสียจังหวะในสนามท่องเที่ยวเอเชีย

แม้ไทยจะยังเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของโลก แต่ตัวเลขช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 สะท้อนภาพที่น่ากังวลอย่างชัดเจน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย “หดตัวราว -8% เมื่อเทียบกับปีก่อน” ในขณะที่เวียดนามเติบโตถึง +22% และจีนเติบโตสูงถึง +27% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

ตลาดหลักอย่าง “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเคยเป็นฟันเฟืองสำคัญ กลับลดลงมากถึง -35% สวนทางกับประเทศคู่แข่งที่เร่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ความทันสมัย และประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในไทยยังมีทิศทางชะลอตัว ในขณะที่ประเทศคู่แข่งกลับมีมูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดว่า ไทยไม่สามารถพึ่ง “ชื่อเสียงเดิม” ได้อีกต่อไป หากต้องการฟื้นกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาค จำเป็นต้องสร้าง “เหตุผลใหม่” ให้คนเดินทางมาเยือน และต้องทำให้การมาเที่ยวไทยในวันนี้ “ลึกกว่า ถูกกว่า และดีกว่าเดิม” ผ่าน Soft Power และการสร้างประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมที่แตกต่างจริง ๆ

นโยบาย “ไท ไทย” และแนวคิด UNSEEN THAI THAI  วัฒนธรรมที่มีชีวิตและสร้างมูลค่าได้

ภายใต้วิสัยทัศน์ของนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นโยบาย “ไท ไทย” ถูกกำหนดขึ้นเพื่อ “ยกระดับความเป็นไทยดั้งเดิม (Traditional Thai) ให้ผสานกับความร่วมสมัย (Contemporary Thai)” เปลี่ยนจากการมองวัฒนธรรมเป็นเพียงของเก่า หรือพิธีกรรมที่อยู่ในกรอบ ไปสู่การมองว่า “วัฒนธรรมคือทุน” ที่สามารถสร้างทั้งคุณค่าทางจิตใจและมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

โครงการ “UNSEEN THAI THAI” จึงถูกออกแบบให้เป็นกลไกสำคัญในการค้นหา “ทุนทางวัฒนธรรมที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผย ไม่เคยถูกมองเห็น หรือยังไม่เคยถูกเข้าใจในเชิงลึก” ไม่ใช่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ แต่คือเรื่องราว ความหมาย และประสบการณ์ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวของวิถีชีวิตไทย เพื่อแปลงให้กลายเป็นแลนด์มาร์กวัฒนธรรมยุคใหม่ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย แต่ยังคงเคารพรากเหง้าอย่างแท้จริง

ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน  จุดเริ่มต้นของการมองเชียงรายผ่านสายตาใหม่

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่บ้านห้วยน้ำกืน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เพื่อสำรวจและค้นหา “ทุนทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น” ภายใต้แนวคิด “UNSEEN THAI THAI” โดยเน้นทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ความเชื่อ และศิลปะของชุมชน

บ้านห้วยน้ำกืนไม่ได้ถูกมองเพียงในฐานะหมู่บ้านชนบท หากแต่ถูกมองใหม่ในฐานะพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่า วิถีชีวิตดั้งเดิม และระบบความเชื่อที่สอดประสานกับธรรมชาติและภูมิประเทศ การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การ “สำรวจเพื่อทำรายการ” แต่คือการฟังเสียงชุมชน ค้นหาอัตลักษณ์ที่ชุมชนภาคภูมิใจ และมองหาโอกาสในการต่อยอดให้กลายเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จับต้องได้

เวทีคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” เชียงราย 18 อำเภอ 18 ทุนวัฒนธรรมหลากมิติ

วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2568) ที่ห้องพวงแสด ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ประจำปีงบประมาณ 2569 จังหวัดเชียงราย โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก

การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือกทุนทางวัฒนธรรมตามนโยบาย “ไท ไทย” ที่ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมกำหนดแนวทางไว้ชัดเจนว่า “ทุนทางวัฒนธรรม” หมายถึงทรัพยากรทางวัฒนธรรมทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต ค่านิยม ความเชื่อ และศิลปะของชุมชน ที่สามารถสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดให้เกิดมูลค่าในมิติเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจได้อย่างยั่งยืน

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ประสานไปยังทุกอำเภอ ขอให้คัดเลือกทุนทางวัฒนธรรมอำเภอละอย่างน้อย 1 รายการ ส่งเข้าร่วมการคัดเลือกระดับจังหวัด ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่า มีการส่งข้อมูลทุนทางวัฒนธรรมครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ เช่น

  • อำเภอเวียงป่าเป้า: วิถีชีวิตบ้านห้วยน้ำกืน
  • อำเภอเมืองเชียงราย: วิถีชีวิตบ้านลิไข่ และนาขั้นบันไดลิไข่
  • อำเภอเชียงแสน: พิธีบวงสรวงแกล้มเลี้ยงบรรพกษัตริย์ บรรพชน ไหว้อารักษ์ และพิธีกรรมสวดมนต์วัดร้าง
  • อำเภอเชียงของ: พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อปลาบึก และการเล่นลูกข่าง
  • อำเภอแม่จัน: บิณฑบาตพระขี่ม้า ประเพณีเขาะจะเว และพิธีกิ๋นอ้อผญาล้านนา
  • อำเภอพาน: ผีย่าหม้อนึ่ง
  • อำเภอเวียงแก่น: พิธีถวายหนังแดง (วันผีกิ๋นวัว)
  • อำเภอเวียงชัย: การสรงน้ำพระพุทธรูปโบราณ วัดโบราณเวียงเดิม
  • อำเภอเวียงเชียงรุ้ง: พิธีสู่ขวัญควาย
  • อำเภอแม่ฟ้าหลวง: ประเพณีปอยส่างลอง ปอยออกหว่า และประเพณี “อายก”
  • อำเภอแม่ลาว: ตาพย่านาเจ่อ นาบทือ ย่าง (การไหว้หอเสื้อบ้าน)
  • อำเภอพญาเม็งราย: พิธีสู่ขวัญ และการอ่านค่าว
  • อำเภอแม่สาย: ข้าวแรมฟืน หรือข้าวฟืน
  • อำเภอขุนตาล: โจ๊วตะโป่ดั๊บ (ต้มเต้าหู้)
  • อำเภอแม่สรวย: หลามบอน (แกงบอน)
  • อำเภอเทิง: ค่าวธรรม
  • อำเภอป่าแดด: อักษรธัมม์ล้านนา
  • และทุนทางวัฒนธรรมที่ครอบคลุมทั้ง 18 อำเภอ: ตึ่งโนง (กองตึ่งโนงล้านนา)

รายชื่อเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า เชียงรายไม่ได้มีเพียงภูเขา หมอก และกาแฟ หากแต่มี “ชั้นเชิงทางวัฒนธรรม” ที่ลึกและหลากหลาย ตั้งแต่พิธีกรรม ความเชื่อ อาหารพื้นบ้าน ตัวอักษรโบราณ ไปจนถึงประเพณีเฉพาะถิ่นที่หาไม่ได้จากที่อื่น หากสามารถถอดรหัสและเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ ทุนเหล่านี้จะกลายเป็น Soft Power ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง

Soft Power กับบทบาทของเชียงราย เมืองวัฒนธรรมในโครงสร้างใหม่ของการท่องเที่ยวไทย

ในบริบทที่ไทยกำลังเผชิญศึก Tourism War การใช้ Soft Power และการสร้าง Brand Image ที่เน้น “ประสบการณ์ลึกซึ้ง” ถูกมองเป็นกลยุทธ์สำคัญ แนวคิดอย่าง “5 Must Do” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เน้นกิจกรรมและประสบการณ์เฉพาะ เช่น ต้องกิน ต้องเที่ยว ต้องสัมผัสวิถีท้องถิ่น กลายเป็นกรอบสำคัญในการออกแบบสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวใหม่

เชียงรายในฐานะเมืองรองที่มีทั้งพื้นที่ภูเขา ชนเผ่าพื้นถิ่น พุทธศิลป์ล้านนา และวิถีชีวิตชายแดน มีศักยภาพสูงที่จะต่อยอดสู่การเป็น “เมืองประสบการณ์เชิงลึก” โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ต้องการเพียงภาพสวย ๆ แต่ต้องการเข้าไป “ใช้ชีวิตร่วมกับชุมชน” ผ่านกิจกรรมอย่าง Wellness, Micro-Retirement หรือการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้แบบเรียลจริง

การพัฒนา UNSEEN THAI THAI ในเชียงรายจึงเป็นมากกว่าการสร้างแหล่งเช็คอินใหม่ หากแต่เป็นการเตรียม “ภาษาวัฒนธรรม” ให้พร้อมใช้สื่อสารกับโลก ผ่านเรื่องเล่า แพลตฟอร์มดิจิทัล และประสบการณ์ตรงที่นักท่องเที่ยวจะนำกลับไปเล่าต่ออีกครั้ง

ตลาด Long Haul พุ่งทำสถิติใหม่  โอกาสทองของเมืองรองและชุมชนวัฒนธรรม

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) ในช่วงปี 2567–2569 ว่ากำลัง “ฟื้นตัวแรงกว่าช่วงก่อนโควิด” และสร้างสถิติใหม่ในหลายด้าน

ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เดินทางมาไทยรวม 9,790,056 คน เพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด พร้อมสร้างรายได้กว่า 588,632 ล้านบาท ซึ่งทำลายสถิติเดิมของปี 2562 ที่เคยเป็นปีดีที่สุด ตัวเลขนี้สะท้อนการกลับมาของ “กำลังซื้อระดับพรีเมียม” ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพประสบการณ์มากกว่าราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว

ททท.คาดว่าในปี 2568 นักท่องเที่ยวระยะไกลจะเพิ่มขึ้นเป็น 11,096,052 คน เติบโต 13% จากปี 2567 และสร้างรายได้ราว 668,885 ล้านบาท ขณะที่ปี 2569 คาดว่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 11,666,600 คน และสร้างรายได้รวมกว่า 700,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีกราว 10%

ข้อมูลจาก Expedia ยังระบุว่า “ความต้องการที่พักนอกเมืองท่องเที่ยวหลักเพิ่มขึ้นถึง 18%” ในปีที่ผ่านมา เมืองรองและชุมชนท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวจึงเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างชัดเจน กรณีศึกษาของเกาะสมุยที่ได้รับแรงส่งจากซีรีส์ต่างประเทศอย่าง White Lotus ทำให้ดีมานด์ของนักท่องเที่ยวอเมริกันเพิ่มขึ้น ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้สื่อและ Soft Power เชื่อมโยงกับพื้นที่ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ททท.จึงเสนอแนวคิดพัฒนา “เมืองรองแบบคลัสเตอร์” แทนการทำงานแบบเมืองเดี่ยว เช่น การเชื่อมโยง นครศรีธรรมราช–สุราษฎร์ธานี–สมุย–ขนอม โดยใช้สุราษฎร์ฯ เป็นฮับหลัก ซึ่งแนวคิดลักษณะนี้สามารถต่อยอดประยุกต์ใช้กับภาคเหนือได้เช่นกัน หากเชียงรายถูกออกแบบให้อยู่ในคลัสเตอร์เมืองวัฒนธรรม–ธรรมชาติร่วมกับจังหวัดรอบข้าง จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่ต้องการเส้นทางใหม่ ๆ และประสบการณ์ที่ลึกกว่าเดิม

จากข้อมูลสู่การตัดสินใจเชิงนโยบาย  ทำไมเชียงรายต้องรีบ “ค้นหา” ก่อนถูกแซง

เมื่อนำภาพรวม Tourism War ตัวเลขการเติบโตของตลาด Long Haul และศักยภาพของทุนวัฒนธรรมเชียงรายมาพิจารณาร่วมกัน จะเห็นชัดว่า “เวลา” เป็นปัจจัยสำคัญ หากเชียงรายไม่เร่งแปรทุนทางวัฒนธรรมให้กลายเป็นสินค้าและประสบการณ์ท่องเที่ยวที่จับต้องได้ เมืองอื่นที่ขยับตัวเร็วกว่าอาจช่วงชิงความสนใจจากตลาดโลกไปก่อน

การจัดตั้งคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ระดับจังหวัด การเชิญทุกอำเภอส่งทุนวัฒนธรรมเข้าร่วม และการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในวันนี้ จึงเป็นก้าวแรกในการ “จัดระเบียบทรัพยากรวัฒนธรรม” ให้ชัดเจนว่าเชียงรายมีอะไร อยู่ที่ไหน มีเรื่องเล่าอย่างไร และสามารถต่อยอดเป็นสินค้า หรือกิจกรรมท่องเที่ยวแบบไหนได้บ้าง

ในมุมของชุมชน การถูกมองเห็นในฐานะ “ทุนทางวัฒนธรรม” ยังช่วยสร้างความภาคภูมิใจ และเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่กลับมาสนใจรากเหง้าของตนเองมากขึ้น ขณะเดียวกัน หากมีการออกแบบระบบกระจายรายได้ที่เป็นธรรม ชุมชนจะสามารถยืนอยู่ได้บนฐานเศรษฐกิจของตนเองอย่างยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งพาเพียงการเกษตรหรือแรงงานรับจ้างเพียงทางเดียว

เชียงรายบนเส้นทางจากเมืองชายแดน สู่เมืองประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมระดับนานาชาติ

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด เชียงรายกำลังยืนอยู่บนจุดตัดสำคัญของการพัฒนาเมืองในยุคที่การท่องเที่ยวโลกแข่งขันกันด้วย “ประสบการณ์และเรื่องเล่า” มากกว่าจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

  • ฝั่งหนึ่ง โลกกำลังเปิดกว้างให้กับเมืองรองและชุมชนที่มีวัฒนธรรมลึกซึ้ง
  • อีกฝั่งหนึ่ง ไทยกำลังถูกท้าทายจากทั้งเวียดนามและจีนในศึก Tourism War
  • พร้อมกันนั้น ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลที่มีกำลังซื้อสูงกำลังเติบโต และมองหาเป้าหมายใหม่ที่ให้ความหมายมากกว่าการท่องเที่ยวผิวเผิน

ท่ามกลางสมการที่ซับซ้อนนี้ การที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเร่งเดินหน้าโครงการ “UNSEEN THAI THAI” ลงพื้นที่สำรวจชุมชนอย่างบ้านห้วยน้ำกืน เปิดเวทีให้ 18 อำเภอส่งทุนวัฒนธรรมเข้าพิจารณา และจัดประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัดอย่างเป็นระบบ จึงไม่ใช่เพียง “งานเอกสารของราชการ” แต่คือการปักหมุดอนาคตเชียงรายบนแผนที่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของเอเชีย

หากเชียงรายสามารถนำทุนทางวัฒนธรรมเหล่านี้ มาผสานกับแนวคิด Soft Power กลยุทธ์เมืองรองแบบคลัสเตอร์ และการเชื่อมโยงกับตลาด Long Haul ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องได้สำเร็จ เมื่อนั้นเชียงรายจะไม่ใช่แค่ “เมืองเหนือที่สวยงาม” แต่จะกลายเป็น “เมืองประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม” ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อ “เข้าใจ รู้สึก และจดจำ” มากกว่ามาเพียงเพื่อถ่ายรูปแล้วจากไป

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงวัฒนธรรม (นโยบาย “ไท ไทย” และแนวทางคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI”)
  • บันทึกข้อมูลการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก “UNSEEN THAI THAI” ประจำปีงบประมาณ 2569 จังหวัดเชียงราย ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) – ข้อมูลตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (ยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) ปี 2567–2569 และทิศทางการพัฒนาเมืองรองแบบคลัสเตอร์
  • ข้อมูลเชิงสถิติพฤติกรรมการท่องเที่ยวจากแพลตฟอร์มออนไลน์ (Expedia) เกี่ยวกับแนวโน้มที่พักนอกเมืองท่องเที่ยวหลัก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ชิมลาบเหนือแท้ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’จัดแข่ง ‘ลาบเมือง’ 2 เมษาฯ

การบริโภคลาบเมือง: วิถีวัฒนธรรมอาหารเหนือ กับแนวทางสุขภาพที่ปลอดภัย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสมาคมสื่อมวลชนเชียงราย จัดงาน การแข่งขันลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ในวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางาเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำลาบพื้นเมืองล้านนา พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารปรุงสุกเพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพ

ประวัติและวิวัฒนาการของลาบเมือง

ลาบเมือง ถือเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีประวัติยาวนาน นิยมใช้เนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น เนื้อควาย เนื้อหมู หรือเนื้อวัว ในการประกอบอาหาร ซึ่งแต่เดิมมีการบริโภคลาบดิบหรือที่เรียกว่า ลาบดิบ” ที่มีสมุนไพรหลายชนิดเป็นส่วนผสม อาทิ มะแขว่น มะแหลบ ตะไคร้ ข่า และพริกลาบ ที่เชื่อกันว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและพยาธิได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ประชาชนบริโภคลาบแบบปรุงสุก หรือ ลาบคั่ว” เพื่อป้องกันโรคพยาธิและแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

ลาบเหนือ vs. ลาบอีสาน: ความแตกต่างที่สะท้อนวัฒนธรรม

  1. แหล่งที่มาและการใช้เนื้อสัตว์
    • ลาบเหนือมักนิยมใช้ เนื้อควาย เนื่องจากควายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันมากในภาคเหนือที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
    • ลาบอีสานนิยมใช้ เนื้อวัว เพราะภาคอีสานเป็นที่ราบสูง มีน้ำน้อย จึงเลี้ยงวัวมากกว่าควาย
  2. รสชาติและเครื่องเทศ
    • ลาบเหนือมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด ทำให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ
    • ลาบอีสานเน้นรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และมักใส่ข้าวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  3. กระบวนการปรุง
    • ลาบเหนือใช้วิธีการสับละเอียดและคลุกเคล้ากับเครื่องเทศหลายชนิด ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม
    • ลาบอีสานนิยมปรุงแบบด่วน ใช้เวลาน้อยกว่า สามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากปรุงเสร็จ

แนวทางส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย

เพื่อสนับสนุนการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรค องค์กรสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงสุก พร้อมทั้งแนะนำแนวทางดังต่อไปนี้:

  • บริโภคลาบคั่วแทนลาบดิบ เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและพยาธิ
  • เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ปลอดภัย และผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ
  • ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรที่สดใหม่ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการใช้เลือดสดที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า:

  • ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทยเกิดจากการบริโภค อาหารดิบ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มี อัตราผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสูงที่สุด ในประเทศ
  • การบริโภคลาบดิบมี ความเสี่ยงต่อโรคพยาธิและโรคติดเชื้อทางเดินอาหารมากกว่าการบริโภคอาหารที่ปรุงสุกถึง 5 เท่า

สรุป

การแข่งขันลาบเมืองในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านล้านนา แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ผ่านแนวคิด กินสุก เป็นสุข” ซึ่งเน้นการปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงของโรคพยาธิและแบคทีเรีย โดยยังคงความอร่อยของรสชาติลาบเหนือไว้ได้เช่นเดิม

ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค อร่อยได้ ไม่ต้องดิบ” เป็นแนวคิดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมารับประทานอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรมการกินลาบแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / รวมที่เที่ยวเชียงราย – chiangrai travel / ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, 2567

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

แฟชั่นผ้าไทยเชียงราย ดีไซน์ใหม่ สร้างสรรค์สู่สากล

เชียงรายจัดประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปี 2568

เชียงราย, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – จังหวัดเชียงรายจัดงาน การประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ 2568” เพื่อส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและพัฒนาตลาดสินค้าแฟชั่นเชิงสร้างสรรค์ โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน ณ โรงแรมเอ็มบูทีค รีสอร์ท เชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย

ส่งเสริมผ้าไทย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญา

การจัดงานในครั้งนี้อยู่ภายใต้ โครงการพัฒนากิจกรรมและการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อ

  • สนับสนุนการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเป็น มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
  • ส่งเสริมและสืบสาน มรดกภูมิปัญญาด้านการทอผ้า ให้คงอยู่ต่อไป
  • กระตุ้นให้ภาครัฐ เอกชน เยาวชน และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจในการอนุรักษ์ผ้าไทย

นักออกแบบและช่างฝีมือร่วมส่งผลงานเข้าประกวด 15 ผลงาน

การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจจาก ดีไซน์เนอร์ นักออกแบบ ช่างทอผ้า ช่างเย็บผ้า และผู้ประกอบการในท้องถิ่น ที่ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 15 ผลงาน โดยผลงานที่ได้รับรางวัลจะถูกนำไปจัดแสดงใน งานแสดงแบบแฟชั่นและกิจกรรมสาธิตภูมิปัญญาผ้าทอ ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

เชียงรายเมืองแฟชั่นผ้า” การยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอพื้นเมือง

จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มี ความโดดเด่นด้านสิ่งทอพื้นเมือง โดยเฉพาะ ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ และผ้าทอมือที่เป็นเอกลักษณ์ ของชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ผ้าทอลื้อ จากอำเภอเชียงของ
  • ผ้าทอไทใหญ่ จากอำเภอแม่สาย
  • ผ้าปักลาหู่ และผ้าม้ง จากชุมชนชาติพันธุ์บนดอย

การจัดประกวดแฟชั่นผ้าไทยในครั้งนี้เป็น โอกาสสำคัญที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมผ้าทอในเชียงราย ให้ก้าวไกลสู่ตลาดที่กว้างขึ้น รวมถึง การเชื่อมโยงภูมิปัญญากับการออกแบบร่วมสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่

สถิติที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งทอพื้นเมืองในประเทศไทย

  • อุตสาหกรรมสิ่งทอในไทยมีมูลค่าตลาด กว่า 6 แสนล้านบาทต่อปี (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)
  • ตลาดแฟชั่นผ้าทอพื้นเมืองมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5-7% ต่อปี โดยเฉพาะตลาดสินค้า Eco Fashion และ Sustainable Fashion (ข้อมูลจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)
  • การส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในปี 2567 มีมูลค่า ประมาณ 8,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีตลาดหลักคือ จีน สหรัฐฯ และยุโรป (ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์)
  • ปัจจุบัน กว่า 80% ของผู้บริโภคไทยสนใจเสื้อผ้าที่มีอัตลักษณ์พื้นเมืองและผ้าทอมือ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนสินค้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ข้อมูลจาก TCDC – ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ)

แหล่งอ้างอิง

  • กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
  • สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
  • กระทรวงพาณิชย์
  • ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)

การจัดงานประกวดออกแบบแฟชั่นผ้าไทยครั้งนี้ ถือเป็น ก้าวสำคัญในการผลักดันเชียงรายให้กลายเป็น “เมืองแฟชั่นผ้าพื้นเมือง” ที่สามารถเชื่อมโยง วัฒนธรรม งานฝีมือ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้เติบโตไปพร้อมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

จุฬาราชมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เชียงราย: ความร่วมมือเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ จุฬาราชมนตรีได้ลงพื้นที่เพื่อมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นเวลา ๑๓.๐๐ น. ณ ชุมชนมุสลิมกกโท้ง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

การมอบเงินช่วยเหลือเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัย

ในวันอาทิตย์ที่กล่าวมา อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย ร่วมกันมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงราย

ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้กล่าวต้อนรับการมอบเงินช่วยเหลือนี้ พร้อมด้วยประชาชนชาวไทยมุสลิมและชาวไทยพุทธที่มาร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ ชุมชนมุสลิมกกโท้ง

คำกล่าวของอาจารย์อรุณ บุญชม

อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่จังหวัดเชียงรายประสบอุทกภัย ทางคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ออกประกาศเพื่อร่วมบริจาคเงินนำมามอบให้กับพี่น้องชาวเชียงรายที่ประสบภัย โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางศาสนาและเชื้อชาติ

การสนับสนุนจากพระมหากษัตริย์

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการอยู่ร่วมกันของทั้ง ๕ ศาสนา โดยไร้ซึ่งความขัดแย้งกัน พระมหากษัตริย์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกที่ดูแลทุกศาสนาและให้ความอนุเคราะห์อย่างเท่าเทียมกัน ทำให้บ้านเมืองของเราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

การร่วมบริจาคจากพระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง

พระไพศาลประชาทร วิ. เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ได้ร่วมสมทบเงินและสิ่งของเครื่องใช้ เพื่อให้กำลังใจและเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การมีส่วนร่วมของหน่วยงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ข้าราชการและบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมการต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานดังกล่าว

ผลกระทบของน้ำท่วมต่อชุมชนเชียงราย

น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายที่มีภูมิประเทศเป็นเขตหุบเขาและมีการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ การเกิดน้ำท่วมครั้งนี้ทำให้หลายครัวเรือนต้องสูญเสียทรัพย์สินและที่อยู่อาศัย

การฟื้นฟูและช่วยเหลือหลังน้ำท่วม

การมอบเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตได้เร็วขึ้น แต่ยังเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชนให้สามารถเผชิญกับภัยธรรมชาติในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

บทบาทของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการประสานงานและจัดสรรทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกภาคส่วน การมีส่วนร่วมจากหลายองค์กรช่วยให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ต้องการ

การสนับสนุนจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ผู้บริหารธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนทางการเงินและการจัดการทรัพยากร เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างราบรื่นและทันเวลา

ความสำคัญของความสามัคคีในชุมชน

การที่ชุมชนมุสลิมและชาวพุทธมาร่วมกันต้อนรับและให้การสนับสนุนกันแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีและความร่วมมือที่เข้มแข็งในสังคมไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและมั่นคง

การส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างศาสนา

การมีปฏิสัมพันธ์และการสนับสนุนกันระหว่างศาสนาต่างๆ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้ง ทำให้สังคมไทยสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความสุข

การตอบสนองของประชาชนในเหตุการณ์น้ำท่วม

ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างมาก หลายคนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีวิตประจำวัน การมีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มาช่วยเหลือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นได้

การมีส่วนร่วมของชุมชนในการฟื้นฟู

ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและฟื้นฟูหลังน้ำท่วม การร่วมมือกันระหว่างประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

แผนการฟื้นฟูระยะยาวสำหรับจังหวัดเชียงราย

การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมไม่เพียงแต่เน้นที่การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที แต่ยังต้องมีแผนการฟื้นฟูระยะยาวเพื่อป้องกันและเตรียมความพร้อมสำหรับภัยธรรมชาติในอนาคต

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบเตือนภัย

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อภัยน้ำท่วมและการติดตั้งระบบเตือนภัยที่ทันสมัย เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้

การวิเคราะห์และเรียนรู้จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

การประเมินผลการช่วยเหลือและการฟื้นฟู

การประเมินผลการช่วยเหลือและการฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบประสิทธิภาพของการดำเนินงานและการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรเอกชน หรือประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและสามารถเผชิญกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การส่งเสริมการมีส่วนร่วมขององค์กรต่างๆ

องค์กรต่างๆ ควรมีบทบาทในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน การจัดหาอาหารและเครื่องใช้ หรือการให้คำปรึกษาและการสนับสนุนด้านจิตใจ

สรุป

การมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เชียงรายโดยจุฬาราชมนตรีและคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือและความสามัคคีในสังคมไทย การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นฟูชีวิตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบการจัดการภัยพิบัติในอนาคต และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ ดันผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ต่อยอดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 ที่ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังแรก) นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตามโครงการการพัฒนากิจกรรมและการตลาด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กิจกรรมหลัก การส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้แทน เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งานอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ การนำมรดกทางภูมิปัญญาการทอผ้าให้คงอยู่ เกิดความภาคภูมิใจในลายผ้าอัตลักษณ์ ประจำจังหวัดเชียงราย “เชียงแสนหงส์ดำ” สีม่วงเชียงราย และผ้าลายพระราชทาน รวมทั้งสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เด็ก เยาวชนและ ประชาชน ให้ความสนใจ ในการอนุรักษ์ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย มากยิ่งขึ้น

ซึ่งกิจกรรม ประกอบด้วย การประชาสัมพันธ์ การพัฒนากิจกรรมและการตลาด การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงรายฯ ระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียนเชียงราย รีสอร์ท การจัดการประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย โดยมีผู้เข้

าร่วมประกวด จำนวนทั้งสิ้น 33 ผลงาน และคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือก 20 ผลงาน เพื่อนำมาแสดงแบบในครั้งนี้

นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายผลักดัน Soft Power ความเป็นไทย สู่ระดับโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5 F ได้แก่ Food อาหาร, Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์, Fashion การออกแบบแฟชั่นไทย, Fighting ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย และ Festival เทศกาลประเพณีไทย

รวมทั้ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ยูเนสโกได้ยกให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก  โดยนำวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น มาสร้างงาน สร้างอาชีพ สู่การเป็นวัฒนธรรมสร้างสรรค์ นำมาซึ่งรายได้สู่ชุมชน ก่อให้เกิดคุณค่าทางสังคม ได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรมประกอบด้วย

  1. กิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญา นิทรรศการผ้าทอ และการออกบูธแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ผ้า และเครื่องประดับ ของฝากของที่ระลึก
  2. จัดกิจกรรมแสดงแบบแฟชั่นจากผู้เข้าร่วมประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงรายฯ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ณ โรงแรมเอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 20 ผลงาน เพื่อนำมาแสดงแบบในวันนี้
  3. กิจกรรมการแสดงแฟชั่นจากนายแบบนางแบบกิตติมศักดิ์ ในชุด“สีสันผ้าเชียงราย สู่แฟชั่นผ้าไทยใส่ให้สนุกที่ยั่งยืน” (Sustainable Fashion Style @ Chiangrai)

     ชุดที่ 1 นายอำเภอและประธานแม่บ้านมหาดไทยอำเภอ จำนวน 18 คู่

     ชุดที่ 2 หัวหน้าส่วนราชการและคู่สมรส จำนวน  5 คู่

     ชุดที่ 3 รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ) (ชุดฟินนาเล่ Finale set)

  1. การมอบรางวัลการประกวดการออกแบบแฟชั่นผ้าไทย ผ้าถิ่น ผ้าชาติพันธุ์ ผ้าอัตลักษณ์อาภรณ์นครเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีผู้ได้รับรางวัล ดังนี้
  2. รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางแว่นแก้ว ภิรมย์พลัด ชื่อชุดผลงาน เดรสฮ้อยใจ๋สายใยไทลื้อ
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ นางสาวกนกพร ธรรมวงค์ ชื่อชุดผลงาน วัฒนธรรมแห่งภูมิปัญญา Culture of wisdom
  4. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ นางสุขาวดี ติยะธะ ชื่อชุดผลงาน ผ้าชุดไทลื้อร่วมสมัยไฉไลด้วยฝ้ายธรรมชาติ
  5. รางวัลชมเชย ได้แก่ นายลิขิต รินชมพู ชื่อชุดผลงาน กอด
  6. รางวัลชมเชย ได้แก่ นายสมชัย ธงชัยสว่าง ชื่อชุดผลงาน Drive to The Future

อีกทั้งภายในงานยังมีการแสดงแฟชั่นโชว์ การเดินแบบผ้าอัตลักษณ์เชียงราย โดยมีนายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ กลุ่มพัฒนาสตรีจังหวัดเชียงราย ร่วมเดินแบบในครั้งนี้ พร้อมทั้งกิจกรรมการสาธิตภูมิปัญญา นิทรรศการผ้าทอ และการออกบูธแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์ผ้า และเครื่องประดับ ของฝากของที่ระลึก ระหว่างวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม 2567ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก)

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ เคาะมติที่ประชุมเห็นชอบ ผู้ทำประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม

 

เมื่อวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้จัดการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติภาคีเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนโครงการ/งาน/กิจกรรม และทำประโยชน์เพื่อชุมชน สังคม ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงวัฒนธรรม  จำนวน 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทเด็กหรือเยาวชน , ประเภทบุคคลธรรมดา และประเภทนิติบุคคลหรือคณะบุคคล โดยพิจารณาคัดเลือกประเภทละ 1 ราย/แห่ง/คณะ เพื่อเสนอชื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็น ประธานการประชุมฯ  พร้อมด้วยคณะกรรมการที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งจากจังหวัดเชียงรายเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวผลการพิจารณามติที่ประชุมเห็นชอบ เสนอชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามเกณฑ์ เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีดังนี้

 

  • ประเภทเด็กหรือเยาวชน ได้แก่ นายวงศ์วริศ บูราณ นักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อำเภอเมืองเชียงราย
  • ประเภทบุคคลธรรมดา ได้แก่ นางสาวภัททิรา วิภวภิญโญ อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย
  • ประเภทนิติบุคคล หรือคณะบุคคล ได้แก่ บริษัทโตโยต้าเชียงราย จำกัด อำเภอเมืองเชียงราย

 

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายจะได้ส่งผลงานพร้อมเอกสารของผู้ได้รับการคัดเลือกฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาคัดเลือกเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ต่อไป ซึ่งผู้ได้รับคัดเลือกฯ จะได้รับโล่รางวัล “วัฒนคุณาธร” จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในวันสถาปนากระทรวงวัฒนธรรม หรือวันที่กระทรวงวัฒนธรรมกำหนด

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
VIDEO

ประมวลภาพกิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road” โดยนครเชียงรายนิวส์ l 22 ตุลาคม 2565 ณ ถนนคนเดินจังหวัดเชียงราย

ประมวลภาพกิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road” โดยนครเชียงรายนิวส์ l 22 ตุลาคม 2565 ณ ถนนคนเดินจังหวัดเชียงราย

Facebook
Twitter
Email
Print

SHORT NEWS : ประมวลภาพกิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road” โดยนครเชียงรายนิวส์ เมื่อวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2565 ณ ถนนคนเดินจังหวัดเชียงราย

โดยนครเชียงรายนิวส์ในเครือหนังสือพิมพ์นครเชียงราย ได้ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสถาบันสอนเต้น MY Dance Academy สถาบันสอนเต้นที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเชียงราย ทำกิจกรรมเปิดพื้นที่ให้กับเยาวชนจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นที่ปรึกษากิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road” จัดขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 ไปจนถึง 21.00 น. 

ซึ่งเป็นบริเวณถนนคนเดิน ทุก ๆ เย็นวันเสาร์ก็จะเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับเด็ก ๆ น้อง ๆ เยาวชนของเชียงรายได้มารวมตัวกัน มาแสดงความสามารถเป็นชุมชนของพวกเขา เป็นถนน “ละอ่อนม่วน Road” ก็คือมาปล่อยของ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
VIDEO

สัมภาษณ์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road”

สัมภาษณ์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กิจกรรม “ละอ่อนม่วน Road”

Facebook
Twitter
Email
Print

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ที่ปรึกษากิจกรรม ละอ่อนม่วน Road กล่าวว่า “พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทางผู้จัดงานนครเชียงรายนิวส์ร่วมกับทาง MY Dance Academy และอีกหลาย ภาคส่วน ทั้งสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ขัวศิลปะ และเทศบาลนครเชียงราย เห็นตรงการว่าพื้นที่สาธารณะตรงนี้ ซึ่งเป็นบริเวณถนนคนเดิน ทุก ๆ เย็นวันเสาร์ก็จะเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับเด็ก ๆ น้อง ๆ เยาวชนของเชียงรายได้มารวมตัวกัน มาแสดงความสามารถเป็นชุมชนของพวกเขา เป็นถนน “ละอ่อนม่วน Road” ก็คือมาปล่อยของ มีความสามารถอะไร ทั้งด้านดนตรี ด้านเต้นรำ ด้านเพลงต่าง ๆ มาแสดงกัน มาสนุกกัน มาม่วนกัน” 

“ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว เราเห็นน้อง ๆ คอสเพลย์กลุ่มหมวกฟางมาแต่งตัวเป็นคอสเพลย์ต่าง ๆ และมีน้อง ๆ ที่รักการเต้น ทั้งเต้นฮิปฮอป เต้นสตรีทแดนซ์ มาประชันกัน และมีน้อง ๆ มาร้องเพลงแร๊พ เพลงป๊อบต่าง ๆ ได้มาแสดง มาแต่งตัว มาพูดคุยกัน มาชื่นชมกัน นี่คือสัฃคมของน้อง ๆ เด็ก ๆ ที่มาปล่อยของกัน แล้วก็มารวมตัวทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ก็อยากเห็นกิจกรรมแบบนี้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ทำให้เมืองเชียงรายของเราเป็นเมืองสร้างสรรค์ ครีเอทีฟซิตี้ได้”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

ศึกษาพื้นที่มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

ศึกษาพื้นที่มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

Facebook
Twitter
Email
Print

วันที่ 25  พฤษภาคม 2566 การศึกษาพื้นที่ (Site Visit) ในการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

 
สำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เดินทางไปศึกษาพื้นที่ (Site Visit) เพื่อเตรียมสร้างสรรค์ผลงานเพื่อจัดแสดงในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยมีคณะทำงานศึกษาพื้นที่ นำโดย คุณกฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์, คุณมนุพร เหลืองอร่ามภัณฑารักษ์, คุณอังกฤษ อัจฉริยโสภณ ภัณฑารักษ์, คุณอรพินท์ วิพัฒนกำจร, คุณอัจจิมา กวีญาณ และคุณพชรพร ตัณฑะตะนัย พร้อมด้วยศิลปินจากต่างประเทศ คณะทำงานฯ ได้เดินทางร่วมสำรวจสถานที่ ที่จะใช้จัดแสดงผลงานในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือนเมษายน 2567 ซึ่งมีการลงพื้นที่สำรวจในระหว่างวันที่ 23-27 เมษายน 2566 ณ จังหวัดเชียงราย โดยในวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม 2566 คณะทำงานฯ ได้เดินทางเข้าสำรวจพื้นที่ ดังนี้
 
1. วนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย
2. โบสถ์บ้านอธิษฐาน (ดูแลโดย บริษัท เอเชียน อินเตอร์เซอร์วิส จำกัด) อำเภอเมืองเชียงราย
3. วัดพระธาตุดอยกองข้าว อำเภอเมืองเชียงราย
 
ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้
นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ และนายนิติกร ปันแก้ว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ร่วมลงพื้นที่สำรวจ ประสานงาน และอำนวยความสะดวกให้แก่คณะดังกล่าว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

พัชรนันท์ แก้วจินดา , นายนิติกร ปันแก้ว, สุทธิดา ตราชื่นต้อง : รายงาน
นายสุพจน์ ทนทาน , สุทธิดา ตราชื่นต้อง : ภาพ
อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการ
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE