Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

จากประวัติศาสตร์สู่ Creative Economy! ถ้ำพระเชียงรายเปิดฐานเรียนรู้ ตอกลายโลหะ-ทำสวยกาบ ตามนโยบาย “ไท ไทย”

วธ.เชียงรายนำภาคีจัดพิธีใหญ่ “120 ปี รัชกาลที่ 6 เสด็จถ้ำพระ” เชื่อมถวายราชกุศลพระพันปีหลวง สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

เชียงราย, 11 ธันวาคม 2568 – บริเวณโบราณสถานถ้ำพระ อำเภอเมืองเชียงราย ในช่วงเช้าจรดเย็นของวันที่ 11 ธันวาคม 2568 เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสงบ ศรัทธา และความภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น เมื่อสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (วธ.ชร.) ผนึกกำลังกับคณะสงฆ์ หน่วยงานท้องถิ่น สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน จัดพิธีบำเพ็ญถวายราชกุศลครั้งสำคัญ ควบคู่กับกิจกรรมสืบสานภูมิปัญญาวัฒนธรรมในระดับพื้นที่อย่างเป็นระบบ

งานในครั้งนี้มี “สองวาระหลัก” ที่มีนัยสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ การรำลึกครบรอบ 120 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เสด็จประพาสโบราณสถานถ้ำพระ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2448 และพิธีบำเพ็ญถวายราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันสวรรคต 24 ตุลาคม 2568

ตลอดเวลาตั้งแต่ 09.00–18.00 น. บริเวณถ้ำพระจึงกลายเป็น “เวทีร่วม” ที่ผสานมิติประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าด้วยกัน ภายใต้กรอบนโยบาย “ไท ไทย” ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่ต้องการนำความเป็นไทยดั้งเดิมให้ก้าวเดินเคียงคู่ไปกับความร่วมสมัย สร้างทั้งพลังทางจิตวิญญาณและมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว

รำลึก 120 ปี เสด็จประพาสถ้ำพระ ประวัติศาสตร์ที่ “ยังมีชีวิต”

โบราณสถานถ้ำพระ เป็นหนึ่งในพื้นที่ทางศาสนาและโบราณคดีที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย มีความผูกพันกับชุมชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่ทำให้วันที่ 11 ธันวาคม 2568 มีความหมายเป็นพิเศษ คือการครบรอบ 120 ปี การเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศ เป็นมงกุฎราชกุมาร และทรงเสด็จตรวจเยี่ยมดินแดนภาคเหนือในปลายสมัยรัชกาลที่ 5

วาระ “120 ปี” จึงไม่ใช่เพียงการนับตัวเลขของกาลเวลา หากเป็นการย้ำเตือนว่าพื้นที่เล็ก ๆ ริมขุนเขาและป่าไม้ของเชียงรายแห่งนี้ เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงดินแดน การปกครอง และการดูแลทุกข์สุขของราษฎรในอดีต การจัดพิธีบำเพ็ญถวายราชกุศลในครั้งนี้จึงมีนัยของการ “เชื่อมอดีตกับปัจจุบัน” ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นภาพที่ต่อเนื่องกันของประวัติศาสตร์ชาติและชุมชน

ในช่วงเช้า นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ คณะสงฆ์ และประชาชน ร่วมประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีพิธีทางศาสนาและการกล่าวรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่เคยมีต่อดินแดนล้านนาและประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบและสมพระเกียรติ แสดงให้เห็นว่าการรำลึกถึงพระมหากษัตริย์ในอดีต ไม่ได้ดำรงอยู่เพียงในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์หรือห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถถูก “ปลุกให้ตื่น” ในพื้นที่จริง ผ่านการประกอบพิธีกรรม วัฒนธรรม และกิจกรรมการเรียนรู้ที่จับต้องได้

ถวายราชกุศล “พระพันปีหลวง” เชื่อมสายใยศรัทธาในยุคปัจจุบัน

อีกหนึ่งวาระสำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ คือพิธีบำเพ็ญถวายราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันสวรรคต 24 ตุลาคม 2568 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาไม่นานนักในมิติประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของคนไทย

พิธีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึง “สายใยแห่งความผูกพัน” ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับชุมชนท้องถิ่นในภาคเหนือ การเลือกจัดงาน ณ ถ้ำพระ ซึ่งเป็นโบราณสถานด้านพุทธศาสนา ยังสื่อถึงความตั้งใจในการเชื่อมโยงพระราชกรณียกิจด้านศาสนา วัฒนธรรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ที่พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญมาตลอดพระชนมชีพ

ในเชิงสัญลักษณ์ การจัดให้มีพิธีถวายราชกุศลสองวาระในวันเดียวกัน – ทั้งรัชกาลที่ 6 ในมิติประวัติศาสตร์เมื่อ 120 ปีก่อน และพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในมิติร่วมสมัย – ทำให้ถ้ำพระในวันนี้กลายเป็น “สะพานเชื่อมเวลา” ระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ผ่านพิธีกรรมและวัฒนธรรมที่ยังคงดำรงอยู่

จากพิธีกรรมสู่การเรียนรู้ ฐานภูมิปัญญาท้องถิ่น และบทบาทของเยาวชน

สิ่งที่ทำให้กิจกรรมครั้งนี้แตกต่างจากพิธีรำลึกเชิงสัญลักษณ์ทั่วไป คือการขยายมิติจาก “พิธีกรรม” ไปสู่ “การเรียนรู้” อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการออกแบบ “ฐานการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น” เพื่อให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้ลงมือสัมผัสวัฒนธรรมด้วยตนเอง

ภายใต้โครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นและมรดกภูมิปัญญา ประจำปีงบประมาณ 2569 วธ.เชียงรายได้เชิญคณะครูและนักเรียนจากหลายสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ รวมมากกว่า 100 คน ให้เข้าร่วมกิจกรรมฐานเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ

หนึ่งในฐานสำคัญคือ “ฐานการตอกลายโลหะ” ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้โดยนายพงศกร ไกรกิจราษฎร์ และนายนัยยะ เหมือนนิ่ม จากศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนเชียงราย อำเภอเชียงแสน ฐานนี้ไม่ได้สอนเพียงการใช้ค้อนและเหล็กตอกลายลงบนแผ่นโลหะ หากยังเป็น “พื้นที่สนทนา” เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศิลปะการตกแต่งวัตถุโลหะในสังคมล้านนา และการนำทักษะดังกล่าวไปต่อยอดเป็นอาชีพ หรือผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ในยุคปัจจุบัน

อีกฐานหนึ่งคือ “ฐานการทำสวยกาบ” ซึ่งมีนางสาวนงคราญ สมบัติหลาย และนางเพ็ญพักตร์ มหาวรรณ จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย ทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ การทำสวยกาบ หรือพานบายศรีแบบล้านนา ไม่ได้เป็นเพียงงานประดิษฐ์ตกแต่ง แต่เกี่ยวข้องกับความหมายเชิงพิธีกรรม ความเชื่อ การแสดงความเคารพ และการใช้ในงานบุญประเพณีต่าง ๆ การให้เยาวชนได้ฝึกทำด้วยตนเองจึงเป็นทั้งการรักษา “ภาษาทางพิธีกรรม” และการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการต่อยอดออกแบบผลิตภัณฑ์พิธีกรรมแบบร่วมสมัยในอนาคต

ในมิติของการสร้างแรงบันดาลใจเชิงศิลปะ วธ.เชียงรายยังเชิญศิลปินและกลุ่มศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่มาร่วมถ่ายทอดผลงานอย่างใกล้ชิด อาจารย์ฉลอง พินิจสุวรรณ ศิลปินอาวุโสเชียงราย ผู้ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติทั้งระดับ “เพชรราชภัฏ–เพชรล้านนา” และ “เพชรพระนคร” สาขาวรรณศิลป์ ได้นำเครื่องดนตรีพื้นบ้าน “ปี่น้ำเต้า” มาบรรเลงในพื้นที่โบราณสถาน เสียงปี่ที่เป่าด้วยลมหายใจของศิลปินผู้คร่ำหวอดในงานวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เข้าร่วมงานสัมผัสได้ถึง “ความต่อเนื่องของลมหายใจทางวัฒนธรรม” จากรุ่นสู่รุ่น

ขณะเดียวกัน การแสดง “อื่อกะโลง” ถ่ายทอดบทกวีโดยอาจารย์ธัญญณัฐ ชาวเหนือ การแสดงดนตรีจากมหาวิทยาลัยวัยที่สาม เทศบาลนครเชียงราย และการฟ้อนชุด “สร้อยแสงแดง” โดยกลุ่มแม่บ้านบ้านป่าอ้อ ตำบลแม่ลาว ล้วนเป็นส่วนเสริมที่ทำให้กิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เพียงงานรำลึกในเชิงพิธีกรรม แต่เป็น “เทศกาลการเรียนรู้วัฒนธรรมขนาดย่อม” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางโบราณสถานที่มีชีวิต

บูรณาการเครือข่าย วัฒนธรรมไม่ได้อยู่ลำพังในห้องทำงานราชการ

เบื้องหลังความสำเร็จของกิจกรรมที่ดำเนินตลอดทั้งวันอย่างเป็นระบบ คือการประสานความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ในการจัดงานครั้งนี้ วธ.เชียงรายได้บูรณาการความร่วมมือกับ สำนักสงฆ์โบราณสถานถ้ำพระ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย เทศบาลตำบลแม่ยาว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย รวมถึงเครือข่ายวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตลอดจนภาคประชาชนในชุมชนรอบถ้ำพระ

ในเชิงการบริหารจัดการ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายภารกิจให้ทีมงานมืออาชีพด้านวัฒนธรรมหลายฝ่าย อาทิ นายกำพล จาววัฒนาสกุล นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม, นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม, และนางสาวณพิชญา นันตาดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ พร้อมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมออกแบบและขับเคลื่อนกิจกรรมภาคสนามให้ดำเนินการได้อย่างเรียบร้อย

ภาพรวมของการทำงานจึงสะท้อนให้เห็นว่า “งานวัฒนธรรม” ไม่ใช่กิจกรรมที่ปฏิบัติโดยหน่วยงานราชการเพียงลำพัง แต่เกิดขึ้นจาก “โครงข่าย” ของพระสงฆ์ ท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ศิลปิน กลุ่มแม่บ้าน เยาวชน และประชาชนทั่วไปที่ต่างมีบทบาทของตนเองในพื้นที่เดียวกัน

เชื่อมโยงนโยบาย “ไท ไทย” สู่เศรษฐกิจวัฒนธรรมในระดับพื้นที่

ด้านนโยบายระดับชาติ กิจกรรมครั้งนี้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับแนวคิด “ไท ไทย” ภายใต้วิสัยทัศน์ “สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน” ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ผลักดันให้เป็นกรอบใหญ่ในการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมของประเทศ

หัวใจสำคัญของแนวคิด “ไท ไทย” คือการยกระดับ “ความเป็นไทยดั้งเดิม” (Traditional Thai) ให้ผสานกับ “ความร่วมสมัย” (Contemporary Thai) และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่คนสามารถสัมผัสได้จริงในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงวัฒนธรรมที่สงวนอยู่ในพิพิธภัณฑ์หรืออยู่ในภาพจำของอดีตเท่านั้น

หากมองจากรูปแบบของกิจกรรมที่ถ้ำพระในครั้งนี้ จะพบว่ามีการทำงานบนสามมิติหลัก ได้แก่

  1. มิติการสืบสาน – ผ่านพิธีบำเพ็ญถวายราชกุศล การเป่าปี่น้ำเต้า การทำสวยกาบ การฟ้อน และฐานการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ทำให้เยาวชน “ได้สัมผัสของจริง”
  2. มิติการสร้างสรรค์ – ผ่านการออกแบบฐานเรียนรู้และกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้มีการต่อยอดองค์ความรู้ เช่น การนำทักษะตอกลายโลหะหรือออกแบบพานบายศรีไปเชื่อมกับผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ
  3. มิติการมองไปข้างหน้า – ผ่านการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การสร้าง “ประสบการณ์วัฒนธรรม” ให้กับนักท่องเที่ยว และการใช้กิจกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ในระดับจังหวัด

แม้ในวันจัดงานจะยังไม่มีตัวเลขเชิงเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการ แต่การมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน จากหลายสถาบัน และการผนวกกลุ่มเป้าหมายทั้งครู นักเรียน ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน แสดงให้เห็นว่า “วัฒนธรรม” กำลังถูกใช้เป็นฐานในการสร้างทั้งทุนทางสังคม (Social Capital) และทุนทางเศรษฐกิจ (Economic Capital) อย่างค่อยเป็นค่อยไปในพื้นที่เชียงราย

จากถ้ำพระสู่อนาคตเชียงราย ความทรงจำ ประวัติศาสตร์ และทุนวัฒนธรรมร่วมสมัย

หากพิจารณาในภาพกว้างของจังหวัดเชียงราย ซึ่งกำลังผลักดันตนเองให้เป็น “นครแห่งศิลปะ สีสัน และเทศกาลตลอดปี” กิจกรรมที่ถ้ำพระในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 จึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่างานเทศกาลใหญ่ในตัวเมือง

ถ้ำพระในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงโบราณสถานเก่าแก่ในหุบเขา หากแต่เริ่มกลายเป็น “จุดหมายทางวัฒนธรรม” ที่เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนสถานท้องถิ่น ภูมิปัญญาชุมชน และนโยบายวัฒนธรรมระดับชาติไว้ในพื้นที่เดียวกัน

สำหรับประชาชนในพื้นที่ การได้เห็นข้าราชการ นักวิชาการวัฒนธรรม ศิลปิน และเยาวชนมาร่วมกันทำกิจกรรมในวันเดียวกัน ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษนั้น “ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง” แต่กำลังถูกนำกลับมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความภาคภูมิใจและโอกาสทางอาชีพในอนาคต

สำหรับเยาวชน การได้ลองตอกลายโลหะ ทำสวยกาบ เป่าปี่น้ำเต้า หรือฟังบทกวี “อื่อกะโลง” ท่ามกลางบรรยากาศของถ้ำพระ อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของคำถามสำคัญในใจว่า “วัฒนธรรมท้องถิ่นของเรา สามารถกลายเป็นอาชีพ เป็นงานสร้างสรรค์ หรือเป็นธุรกิจได้อย่างไรบ้าง” ซึ่งคำถามเหล่านี้เองคือหัวใจของการผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระยะยาว

สำหรับผู้กำหนดนโยบายระดับจังหวัด กิจกรรมในครั้งนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้ “จุดแข็งด้านวัฒนธรรม” มาสร้างความโดดเด่นให้พื้นที่นอกเขตเมืองใหญ่ ช่วยกระจายจุดท่องเที่ยวและประสบการณ์ให้กว้างออกไปจากตัวเมืองเชียงราย เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไปสู่ชุมชนอื่น ๆ รอบนอก

ในท้ายที่สุด กิจกรรมรำลึก 120 ปี รัชกาลที่ 6 เสด็จประพาสถ้ำพระ และพิธีถวายราชกุศลสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ผสานเข้ากับฐานการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการแสดงศิลปวัฒนธรรม จึงไม่ใช่เพียง “งานพิธีครั้งหนึ่งแล้วผ่านไป” แต่เป็นเสมือน “บทเรียนภาคสนาม” ที่แสดงให้เห็นว่า หากมีการออกแบบอย่างรอบคอบ วัฒนธรรมสามารถเป็นทั้งความทรงจำร่วมของผู้คน เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน และเป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาเมืองได้ในเวลาเดียวกัน

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วธ. เชียงราย จัดงานสรงน้ำพระ สืบสานภูมิปัญญา

เชียงรายสืบสานมรดกวัฒนธรรมผ่านประเพณีสรงน้ำพระโบราณสถานถ้ำพระ รำลึก 120 ปี รัชกาลที่ 6 และ 100 ปี รัชกาลที่ 7

เชียงราย, 19 พฤษภาคม 2568 – ณ โบราณสถานถ้ำพระ ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้จัดงาน “โครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นและมรดกภูมิปัญญา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมและสืบสานภูมิปัญญาและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ในงานประเพณีสรงน้ำพระโบราณสถานถ้ำพระ โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมอบน้ำดื่มและขนม และบริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ที่มอบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร ประชาชน เด็ก และเยาวชนกว่า 200 คน ร่วมกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์และสืบสานมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของจังหวัดเชียงราย

ถ้ำพระ สัญลักษณ์แห่งศรัทธาและประวัติศาสตร์

ในหุบเขาที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบริมแม่น้ำกก ห่างจากตัวเมืองเชียงรายเพียง 6 กิโลเมตร โบราณสถานถ้ำพระตั้งตระหง่านเป็นดั่งมรดกแห่งศรัทธาและประวัติศาสตร์ของชุมชนตำบลแม่ยาว ภูเขาหินสูงราว 800 เมตรแห่งนี้ซ่อนความงดงามของถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หินงอกหินย้อยที่เกิดจากธรรมชาติ และฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ถ้ำพระไม่เพียงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพุทธศาสนิกชน แต่ยังเป็นโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติ ด้วยการเคยต้อนรับการเสด็จประพาสของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ในปี พ.ศ. 2448 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2469

ทุกเดือนพฤษภาคม ชุมชนตำบลแม่ยาวและพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศจะมารวมตัวกันในงานประเพณีสรงน้ำพระ เพื่อแสดงความเคารพต่อพระพุทธรูปและรำลึกถึงความสำคัญของถ้ำพระ ทว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป การถ่ายทอดมรดกวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นใหม่กลายเป็นความท้าทาย เด็กและเยาวชนจำนวนมากเริ่มหันเหความสนใจไปสู่โลกดิจิทัลและวิถีชีวิตสมัยใหม่ ทำให้ความรู้เกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่นและภูมิปัญญา เช่น การทำกรวยดอกไม้ (สรวยดอก) หรือการตัดตุงล้านนา (ตุงไส้หมู) ค่อยๆ เลือนหายจากชุมชน

เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้ริเริ่มโครงการส่งเสริมและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเลือกถ้ำพระเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมโยงชุมชนกับมรดกวัฒนธรรม และรำลึกถึงวาระครบรอบ 120 ปี การเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 6 และ 100 ปี การเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 7 ผ่านงานประเพณีสรงน้ำพระในวันที่ 19 พฤษภาคม 2568

การสืบสานวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในงานประเพณีสรงน้ำพระ

เมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2568 ณ โบราณสถานถ้ำพระ ตั้งแต่เวลา 08.30 ถึง 15.30 น. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้จัดงานที่เปี่ยมด้วยความหมาย โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่:

กิจกรรมสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้และทักษะด้านวัฒนธรรมล้านนา โดยจัดตั้งฐานเรียนรู้สองฐาน ดังนี้:

  • ฐานเรียนรู้ที่ 1: เครื่องสักการะล้านนา (การทำกรวยดอกไม้)
    นำโดยนายยรัชสิทธิ์ แสงทอง และนายโภคิน วงค์แก้ว นักศึกษาแขนงการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ผู้เข้าร่วมกว่า 50 คน ซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนแม่ยาววิทยา ได้เรียนรู้การประดิษฐ์กรวยดอกไม้ หรือ “สรวยดอก” ซึ่งเป็นเครื่องสักการะที่ใช้ในพิธีกรรมทางพุทธศาสนาและประเพณีล้านนา
  • ฐานเรียนรู้ที่ 2: การตัดตุงล้านนา
    นำโดยนายวุฒิพงศ์ วรรณคำ และนายณัฐนนท์ ขัติกันทา นักศึกษาแขนงเดียวกัน ภายใต้การควบคุมของผู้ช่วยศาสตราจารย์นครินทร์ น้ำใจดี ประธานแขนงวิชาการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม ผู้เข้าร่วมได้ฝึกการตัด “ตุงไส้หมู” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองและความเชื่อในวัฒนธรรมล้านนา

กิจกรรมทั้งสองฐานนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจถึงความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ยังสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชุมชน โดยเฉพาะในหมู่เยาวชนที่ได้ลงมือปฏิบัติจริง

กิจกรรมเสวนา “ลิลิตพายัพรำลึก”

ในช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. ได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ “ลิลิตพายัพรำลึกครบรอบ 120 ปี รัชกาลที่ 6 และ 100 ปี รัชกาลที่ 7 เสด็จประพาสโบราณสถานถ้ำพระ” เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงานเฉลิมฉลองในช่วงเดือนธันวาคม 2568 ถึงมกราคม 2569 การเสวนานี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้แก่:

  • พระศิริชัย สิริชโย ประธานสำนักสงฆ์โบราณสถานถ้ำพระ
  • คุณอภิชิต ศิริชัย นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
  • นางสาวนงไฉน ทะรักษา นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่
  • นายปรัตถกร การเร็ว กำนันตำบลแม่ยาว
  • นายเดช จิ่งมาดา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • นางสาวธณิกานต์ วรธรรมานนท์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน

การเสวนานี้เริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดโดยอาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง และดำเนินรายการโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภาพร เตวิยะ ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ผู้ร่วมเสวนาได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความสำคัญของถ้ำพระในมิติประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมถึงแนวทางการอนุรักษ์เพื่อส่งต่อมรดกนี้สู่คนรุ่นหลัง

งานนี้ได้รับการสนับสนุนด้านอาหารและเครื่องดื่มจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนในการส่งเสริมความยั่งยืนทางวัฒนธรรม โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 200 คน รวมถึงพระราชวชิรคณี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย และนางธนัญญา เชิดโฉม รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย

การเชื่อมโยงชุมชนสู่ความยั่งยืนทางวัฒนธรรม

กิจกรรมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ประสบความสำเร็จอย่างมากในการบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยสามารถจุดประกายความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชน เด็ก และเยาวชนเกี่ยวกับความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น การลงมือปฏิบัติในฐานเรียนรู้ เช่น การทำกรวยดอกไม้และตัดตุงล้านนา ช่วยให้เยาวชนจากโรงเรียนแม่ยาววิทยาได้สัมผัสถึงคุณค่าของภูมิปัญญาดั้งเดิม ขณะที่การเสวนา “ลิลิตพายัพรำลึก” ได้สร้างความเข้าใจในมิติประวัติศาสตร์ของถ้ำพระ และวางรากฐานสำหรับการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ในอนาคต

การมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะผู้นำท้องถิ่นอย่างกำนันและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย แสดงถึงความเข้มแข็งของเครือข่ายชุมชนในการอนุรักษ์วัฒนธรรม การสนับสนุนจากภาคเอกชนอย่างซีพี ออลล์ และซีพีแรม ยังเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงานและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน

นอกจากนี้ การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองวาระสำคัญในอนาคต โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายได้วางแผนจัดงานรำลึกครบรอบ 120 ปี การเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 6 ในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 และครบรอบ 100 ปี การเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 7 ในวันที่ 18 มกราคม 2569 ซึ่งจะเป็นโอกาสในการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและส่งเสริมถ้ำพระให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

ผลลัพธ์และความท้าทายของการอนุรักษ์วัฒนธรรม

ผลลัพธ์ของงานประเพณีสรงน้ำพระโบราณสถานถ้ำพระและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 สามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ:

การถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น

การจัดฐานเรียนรู้การทำกรวยดอกไม้และตัดตุงล้านนาเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดเยาวชนให้มีส่วนร่วม การลงมือปฏิบัติช่วยให้ผู้เข้าร่วม โดยเฉพาะเด็กนักเรียน ได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความผูกพันกับวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เข้าร่วมในฐานเรียนรู้ (มากกว่า 50 คน) ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในพื้นที่ แสดงถึงความจำเป็นในการขยายการประชาสัมพันธ์และเพิ่มโอกาสให้เยาวชนจากโรงเรียนอื่นๆ เข้าร่วมในอนาคต

การรำลึกประวัติศาสตร์

การเสวนา “ลิลิตพายัพรำลึก” เป็นเวทีที่ทรงพลังในการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน การนำวิทยากรจากหลากหลายสาขา เช่น นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี และผู้นำชุมชน ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมองที่หลากหลายและครอบคลุม ผลจากการเสวนานี้ไม่เพียงสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของถ้ำพระในฐานะโบราณสถาน แต่ยังวางรากฐานสำหรับการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงข้อมูลประวัติศาสตร์ของถ้ำพระในวงกว้างยังคงจำกัด เนื่องจากเอกสารอย่าง “ลิลิตพายัพ” อาจไม่เป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชนทั่วไป

ความร่วมมือระหว่างภาคส่วน

ความสำเร็จของงานนี้เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สำนักสงฆ์โบราณสถานถ้ำพระ และภาคเอกชนอย่างซีพี ออลล์ และซีพีแรม การสนับสนุนด้านอาหารและเครื่องดื่มจากภาคเอกชนช่วยลดภาระด้านงบประมาณและเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาการสนับสนุนจากภายนอกอาจเป็นความท้าทายในระยะยาว หากไม่มีการวางแผนด้านงบประมาณที่ยั่งยืน

ความท้าทายในการอนุรักษ์

แม้ว่ากิจกรรมจะประสบความสำเร็จในการสร้างความตระหนักรู้ แต่การอนุรักษ์วัฒนธรรมในระยะยาวยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ได้แก่:

  • การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต: เยาวชนในยุคดิจิทัลอาจไม่เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นหากไม่มีการเชื่อมโยงกับบริบทสมัยใหม่ เช่น การใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์
  • ข้อจำกัดด้านทรัพยากร: การจัดงานขนาดใหญ่ เช่น การเฉลิมฉลองในปี 2568-2569 อาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร
  • การเข้าถึงชุมชนที่กว้างขึ้น: การมีส่วนร่วมของชุมชนในตำบลอื่นๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงยังคงจำกัด ซึ่งอาจลดผลกระทบของโครงการในระดับภูมิภาค

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายควรพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้:

  • การใช้เทคโนโลยี: สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น วิดีโอสอนการทำกรวยดอกไม้ หรือแอปพลิเคชันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ถ้ำพระ เพื่อดึงดูดเยาวชน
  • การขยายเครือข่าย: เชิญชวนโรงเรียนและชุมชนจากพื้นที่อื่นๆ เข้าร่วม เพื่อเพิ่มการรับรู้ในวงกว้าง
  • การสร้างแรงจูงใจ: จัดตั้งรางวัลหรือโครงการแข่งขันด้านวัฒนธรรมสำหรับเยาวชน เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม

สถิติและแหล่งอ้างอิง

เพื่อให้เห็นภาพความสำเร็จและบริบทของการอนุรักษ์วัฒนธรรมในงานประเพณีสรงน้ำพระโบราณสถานถ้ำพระ ข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:

  1. จำนวนผู้เข้าร่วม:
    • ผู้เข้าร่วมทั้งหมด: มากกว่า 200 คน
    • ผู้เข้าร่วมฐานเรียนรู้การทำกรวยดอกไม้และตัดตุงล้านนา: มากกว่า 50 คน (ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนแม่ยาววิทยา)
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2568). รายงานผลการดำเนินงานโครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นและมรดกภูมิปัญญา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
  2. การสนับสนุนจากภาคเอกชน:
    • น้ำดื่มและขนมจากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
    • อาหารปรุงสุกพร้อมรับประทานจากบริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM)
    • แหล่งอ้างอิง: รายงานการประชาสัมพันธ์กิจกรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2568)
  3. ความสำคัญของถ้ำพระ:
    • ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524
    • เป็นสถานที่เสด็จประพาสของรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2448) และรัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2469)
    • แหล่งอ้างอิง: กรมศิลปากร (2568). รายงานโบราณสถานจังหวัดเชียงราย
  4. การมีส่วนร่วมของเยาวชนในกิจกรรมวัฒนธรรม:
    • จำนวนเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงราย ปี 2567: ประมาณ 1,500 คน
    • จำนวนเยาวชนที่เข้าร่วมในปี 2568 (คาดการณ์): เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (2568). สถิติการมีส่วนร่วมของเยาวชนในกิจกรรมวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักสงฆ์โบราณสถานถ้ำพระ
  • สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • กรมศิลปากร
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย
  • บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE