Categories
NEWS UPDATE

องค์กรไทยเผชิญความเสี่ยง! Jobsdb เตือนเมิน Gen Z พลาดรถด่วนเศรษฐกิจดิจิทัล

Jobsdb by SEEK เตือนองค์กรไทย “อย่าเมิน Gen Z” – เสี่ยงขาดนวัตกรรมและมุมมองใหม่ พลาดรถด่วนตลาดแรงงานยุคดิจิทัล

ประเทศไทย, 13 กันยายน 2568 – ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดิจิทัลเร่งสปีดและการแข่งขันระหว่างประเทศดุเดือดที่สุดรอบทศวรรษ สัญญาณเตือนสำคัญดังขึ้นจาก Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มหางานชั้นนำของไทย: องค์กรที่มองข้ามหรือกีดกันแรงงาน Gen Z กำลังยืนอยู่บน “จุดเสี่ยง” ที่จะเสียเปรียบคู่แข่งทั้งในด้าน นวัตกรรม และ มุมมองสดใหม่ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักของการเติบโตในเศรษฐกิจยุคใหม่

สัญญาณนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้บริหารที่ติดตามแนวโน้มแรงงาน แต่ความคมชัดของข้อสรุป—และจังหวะเวลา—ทำให้สารดังกล่าวดังเป็นพิเศษในวันนี้ เพราะขณะที่หลายองค์กรยังพยายามดึงพนักงานกลับออฟฟิศแบบเต็มรูปแบบ และใช้เกณฑ์ประเมินผลแบบเดิมกับโจทย์ธุรกิจชุดใหม่ Gen Z กลับเดินเข้ามาพร้อมชุดความคาดหวังที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย ย้ำในบทสัมภาษณ์ว่า “องค์กรไทยต้องเปิดใจว่า Gen Z ไม่ได้ทำงานเพื่อค่าตอบแทนอย่างเดียว พวกเขาให้ความสำคัญกับ โอกาสพัฒนาในสายอาชีพอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่นในการทำงาน คุณภาพชีวิต และค่านิยมองค์กรที่สอดคล้อง หากเราสร้างวัฒนธรรมที่ตอบโจทย์ได้ จะได้เปรียบชัดเจนในการดึงดูด–รักษาคนเก่งกลุ่มนี้”

Gen Z ไม่ได้ขอแค่ “ข้อเสนอเงินเดือน” แต่ขอ “ข้อเสนอการเติบโตของชีวิต”

ภาพใหญ่ที่ Jobsdb by SEEK ถ่ายทอดคือ Gen Z โตมากับเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว พวกเขามักคาดหวังว่าองค์กรจะก้าวทันทั้งเครื่องมือและแนวโน้มใหม่ อยู่กับข้อมูล (data) ได้ คล่องกับแพลตฟอร์ม และพร้อมทดลองแนวทางที่ไม่คุ้นชินกับวิถีเดิม หากองค์กรยังเชื่อว่า “ทำอย่างที่เคยทำมา” แล้วจะได้ผลเช่นเดิม นั่นเท่ากับมองข้าม “ความพิเศษ” ของแรงงานรุ่นนี้ไปโดยไม่ตั้งใจ

สิ่งที่ Gen Z ให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ได้แก่

  • เส้นทางเติบโต: งานที่เปิดพื้นที่ให้เรียนรู้ทักษะใหม่ มีโค้ชหรือพี่เลี้ยงชัดเจน เห็นภาพอนาคตใน 12–24 เดือนข้างหน้า
  • ความยืดหยุ่นและคุณภาพชีวิต: โหมดทำงานแบบรีโมต/ไฮบริดตามลักษณะงาน สนับสนุนสุขภาพจิต เวลาทำงานที่เน้นผลลัพธ์มากกว่า “การนั่งเฝ้าเวลา”
  • ค่านิยมองค์กร: ความรับผิดชอบต่อสังคม–สิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส ความเท่าเทียม และบรรยากาศทำงานที่ “ปลอดภัยทางจิตใจ” (psychological safety)
  • เทคโนโลยีทันสมัย: แพลตฟอร์มงานที่คล่องตัว เครื่องมือดิจิทัลที่ช่วยให้ทำงานฉลาดขึ้น ไม่ใช่หนักขึ้น

นี่คือ “ข้อเสนอคุณค่า” ที่แตกต่างจากยุคที่งานถูกกำหนดด้วยสถานที่และเวลามากกว่าผลลัพธ์ การพูดคุยกับ Gen Z จึงไม่ใช่แค่เรื่องแพ็กเกจค่าตอบแทน แต่คือบทสนทนาว่าพวกเขาจะ เติบโตไปกับองค์กรอย่างไร

2 มิติความเสี่ยง หากองค์กรยัง “ปิดประตู” ใส่ Gen Z

Jobsdb by SEEK ระบุชัดว่าการกีดกันหรือมองข้าม Gen Z ทำให้องค์กรเสียเปรียบอย่างน้อยสองมิติ

  1. นวัตกรรมและมุมมองใหม่หายไป – Gen Z คล่องกับสื่อดิจิทัล เข้าใจผู้ใช้รุ่นใหม่ รู้จังหวะและภาษาแพลตฟอร์ม หากไม่มีคนกลุ่มนี้ องค์กรจะช้าลงในการปรับตัวทั้งผลิตภัณฑ์ การตลาด และบริการลูกค้า
  2. วิกฤตคนเก่งในระยะยาว – เมื่อ Gen Z กำลังขึ้นมาเป็นสัดส่วนหลักในตลาดแรงงาน การไม่รองรับความคาดหวังของพวกเขาเท่ากับปฏิเสธฐาน talent ขนาดใหญ่ องค์กรจะเผชิญ ช่องว่างกำลังคน ที่เติมเท่าไรก็ไม่เต็ม

ในทางกลับกัน Jobsdb by SEEK ก็ชี้ว่า Gen Z เองต้องปรับตัว: เปิดใจเรียนรู้การทำงานร่วมกับรุ่นพี่ พัฒนาทักษะเทคโนโลยีไปพร้อมกับ soft skills เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และวุฒิภาวะเมื่อรับ feedback

จาก “ความต่าง” สู่ “ความร่วมมือ” แนวทางปฏิบัติสำหรับองค์กรไทย

เพื่อไม่ให้พลาดรอบใหญ่ของตลาดแรงงานยุคดิจิทัล Jobsdb by SEEK แนะนำ สามแกนปรับตัว ที่ทำได้ทันทีและเห็นผลในทางปฏิบัติ

1) สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมรุ่น

  • Reverse mentoring: ให้คนรุ่นใหม่ถ่ายทอดความรู้ด้านดิจิทัล/วิธีคิดแบบแพลตฟอร์ม ขณะคนรุ่นพี่ถ่ายทอดบริบทธุรกิจ เครือข่าย และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  • เส้นทางทักษะ (skills pathway): ทำแผนพัฒนารายบุคคล (IDP) ที่ผูกกับเป้าหมายงานจริง มี checkpoint ชัดเจนทุกไตรมาส
  • พื้นที่ทดลอง (sandbox): อนุญาตให้ทีม cross-function ทดลองไอเดียเล็กๆ บนงบประมาณและขอบเขตที่ควบคุมได้ เพื่อเร่งวงจร “คิด–ทำ–เรียนรู้”

2) ทำงานแบบยืดหยุ่นแต่ชัดเจนเรื่องผลลัพธ์

  • Hybrid by design: กำหนดหลักเกณฑ์กะทัดรัดว่า งานประเภทใดต้องออนไซต์/ทำรีโมตได้แค่ไหน ลดการตีความส่วนบุคคล
  • วัดผลด้วย OKR/KPI ที่สะท้อนคุณค่าจริง มากกว่าตัวชี้วัดเชิงเวลา
  • สนับสนุนสุขภาวะ: จัดบริการดูแลสุขภาพจิต/โค้ชชิ่งผู้จัดการ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางจิตใจ

3) สื่อสารโปร่งใส เปิดพื้นที่เสียงของทุกเจเนอเรชัน

  • ฟอรัมภายในรายเดือน ให้ถาม–ตอบแบบตรงไปตรงมา
  • Surveys สั้นแต่ถี่ เพื่อติดตามอุณหภูมิทีม และสื่อสารผล–แนวทางแก้ไขกลับไปเสมอ
  • นโยบายต่อต้านอคติข้ามรุ่น (age bias) พร้อมตัวอย่างพฤติกรรมที่คาดหวัง

ผลลัพธ์ที่มักเกิดขึ้นจากโมเดลนี้คือองค์กรไม่ต้อง “เลือกข้างรุ่น” แต่ได้ ประโยชน์จากทุกรุ่น: ประสบการณ์เชิงลึกของ Gen X, พลังบริหารจัดการของ Gen Y และความสดใหม่คล่องดิจิทัลของ Gen Z

 “Gen Z เปลี่ยนงานบ่อย เอาแน่เอานอนไม่ได้?”

Jobsdb by SEEK ชี้ว่าปรากฏการณ์เปลี่ยนงานเร็วในบางตำแหน่ง เป็นผลจากแรงกดดันของตลาดดิจิทัล ที่จังหวะเรียนรู้และเติบโตก้าวกระโดด ความคาดหวังเรื่อง “เส้นทางเติบโต” และ “โอกาสลองของจริง” จึงสูง ถ้าองค์กรทำให้เห็นทางชัดเจน มีคำมั่นเรื่องทักษะ–บทบาท–ค่าตอบแทนตามผลงาน Gen Z พร้อมผูกพัน ไม่ต่างจากรุ่นใด การมองด้วย “เลนส์ปัจเจก” (ดูคนเป็นรายคน) แทน “เลนส์เหมารวมรุ่น” จะทำให้ได้ภาพที่ยุติธรรมกว่า

ภาพใหญ่ตลาดแรงงานไทย ทำไมต้องเร่งตอนนี้

ภูมิทัศน์แรงงานไทยกำลังเผชิญ หลายคลื่นเปลี่ยนผ่านพร้อมกัน—ดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชัน, การใช้งาน AI/ระบบอัตโนมัติ, การแข่งขันดึงตัวคนเก่งระดับภูมิภาค, โครงสร้างประชากรสูงวัย และความคาดหวังเรื่อง ESG/ความยั่งยืน—เมื่อรวมกันแล้ว องค์กรต้องการ ทักษะผสม ที่ได้ทั้ง “คิดธุรกิจเป็น” และ “คล่องเทคโนโลยี” โดยธรรมชาติของทักษะผสมนี้ Gen Z มีแต้มต่อ เพราะเติบโตมากับแพลตฟอร์มและการเรียนรู้ด้วยตนเองบนโลกออนไลน์

การตัดสินใจวันนี้จึงไม่ใช่แค่ “จะจ้าง Gen Z มากน้อยแค่ไหน” แต่คือจะ ออกแบบระบบนิเวศงาน ให้ทุกเจเนอเรชันทำงานร่วมกันได้ดีแค่ไหน—เพราะ ความเร็วของนวัตกรรม จะขึ้นอยู่กับ “ความเร็วในการเรียนรู้ร่วมกัน” ของทั้งองค์กร

เปิดพื้นที่ให้รุ่นใหม่—ได้มากกว่าคน ทำได้มากกว่าภาพลักษณ์

สารจาก Jobsdb by SEEK ไม่ได้มุ่งตำหนิองค์กรที่ยังลังเลกับการเปลี่ยนแปลง แต่ชี้ชัดว่าการเมิน Gen Z มีต้นทุนแฝง ที่อาจไม่เห็นทันที: ความคิดสร้างสรรค์ถดถอย ผลิตภัณฑ์ล้าจังหวะลูกค้า การตลาดไม่เข้าแพลตฟอร์ม และรอยรั่วบุคลากรในอีก 2–3 ปีข้างหน้า ในมุมกลับ เพียงองค์กรยอม เปิดพื้นที่–เปิดใจ–เปิดระบบ ให้การทำงานร่วมรุ่นเกิดขึ้นจริง แรงงานรุ่นใหม่จะไม่ใช่ “ตัวแปรเสี่ยง” แต่เป็น ตัวเร่ง ให้ธุรกิจเดินเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และยั่งยืนขึ้น

“ท้ายที่สุด เป้าหมายไม่ใช่จะเอาใจรุ่นไหนเป็นพิเศษ แต่คือการสร้างวัฒนธรรมที่คนทุกเจเนอเรชันรู้สึกว่าตนเอง เติบโต และ มีคุณค่า กับงาน” ดวงพร พรหมอ่อน ทิ้งท้าย “เมื่อเราทำได้ องค์กรก็จะมีทั้ง คนเก่ง และ อนาคต ไปพร้อมกัน”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Jobsdb by SEEK ประเทศไทย
  • SEEK Asia – Employer/Jobseeker Insights
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.)
  • องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประเทศไทย
  • World Economic Forum – Future of Jobs Report
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

สหรัฐฯ สร้างฟาร์มยั่งยืน เลี้ยงแกะใต้โซลาร์เซลล์

การผสานพลังงานแสงอาทิตย์และการเลี้ยงแกะ นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา, 12 พฤษภาคม 2568 – ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน สหรัฐอเมริกากำลังก้าวไปข้างหน้าด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่และน่าทึ่ง: การผสมผสานระหว่างการเลี้ยงแกะและฟาร์มโซลาร์เซลล์ หรือที่เรียกว่า Agrivoltaics สองสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีวันมาบรรจบกันได้ กลับกลายเป็นพันธมิตรที่สมบูรณ์แบบ ช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม พร้อมทั้งส่งเสริมการผลิตพลังงานสะอาดและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในเวลาเดียวกัน

ความท้าทายของการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม

ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเผชิญกับการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของ American Farmland Trust ระหว่างปี 2001 ถึง 2016 สหรัฐสูญเสียพื้นที่เกษตรและทุ่งเลี้ยงสัตว์ไปเฉลี่ยวันละ 2,000 เอเคอร์ หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป คาดว่าภายในปี 2040 สหรัฐจะสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรมที่มีขนาดเทียบเท่ารัฐเซาท์แคโรไลนา การสูญเสียที่ดินเกษตรที่มีคุณภาพสูงนี้ไม่เพียงแต่คุกคามความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นและความยั่งยืนของระบบนิเวศ

หนึ่งในสาเหตุสำคัญของการสูญเสียที่ดินเกษตรคือการขยายตัวของฟาร์มโซลาร์เซลล์ ซึ่งกลายเป็นทางเลือกหลักในการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มักใช้พื้นที่เกษตรกรรมที่มีศักยภาพสูง สร้างความขัดแย้งระหว่างการผลิตพลังงานและการรักษาความมั่นคงทางอาหาร คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้น: เราจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างอาหารและพลังงานสะอาดหรือไม่?

คำตอบคือไม่จำเป็น ด้วยแนวคิด Agrivoltaics ซึ่งเป็นการใช้ที่ดินแบบผสมผสานเพื่อการเกษตรและการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในเวลาเดียวกัน แนวคิดนี้กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของการจัดการที่ดินในสหรัฐอเมริกา และ แกะ ได้กลายเป็นตัวเอกที่ไม่คาดคิดในเรื่องราวนี้

Agrivoltaics และบทบาทของแกะในฟาร์มโซลาร์

Agrivoltaics คือการรวมกันของคำว่า agriculture (เกษตรกรรม) และ photovoltaics (พลังงานแสงอาทิตย์) ซึ่งหมายถึงการใช้ที่ดินเดียวกันเพื่อผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ควบคู่ไปกับกิจกรรมทางการเกษตร เช่น การปลูกพืช การเลี้ยงปศุสัตว์ หรือการเลี้ยงผึ้ง แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างการใช้ที่ดิน แต่ยังสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับทั้งเกษตรกรและผู้ผลิตพลังงาน

หนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Agrivoltaics คือการเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์เซลล์ หรือที่เรียกว่า solar grazing การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำเป็นต้องมีการควบคุมพืชพรรณรอบๆ เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าสูงเกินไปจนบดบังแผง ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า การตัดหญ้าแบบดั้งเดิมต้องใช้เชื้อเพลิง แรงงาน และอุปกรณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง อีกทั้งยังก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

การนำแกะเข้ามาเลี้ยงในฟาร์มโซลาร์เซลล์จึงเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนและประหยัดต้นทุน แกะสามารถกินหญ้าและวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรหรือสารเคมีกำจัดวัชพืช งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Applied Animal Behaviour Science ปี 2022 ระบุว่า แกะที่เลี้ยงในฟาร์มโซลาร์ใช้เวลากินหญ้ามากกว่าแกะที่เลี้ยงในพื้นที่โล่ง เนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์ให้ร่มเงา ช่วยลดความเครียดจากความร้อนและส่งเสริมสุขภาพของแกะให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ การเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพดิน การเคลื่อนที่ของแกะช่วยเหยียบย่ำวัสดุพืชเก่าๆ ลงสู่พื้นดิน ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนสารอาหารและเพิ่มปริมาณคาร์บอนในดิน SolarPower Europe รายงานว่า ดินที่เลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์สามารถกักเก็บคาร์บอนได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับดินทั่วไป และมีความชื้นในดินสูงขึ้น 20-30% ซึ่งช่วยลดการพังทลายของดินและส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของที่ดิน

ตัวอย่างความสำเร็จจากเกษตรกรสู่ผู้ประกอบการ

เจอาร์ โฮเวิร์ด เกษตรกรผู้เลี้ยงแกะในรัฐเท็กซัส เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จจาก solar grazing ในปี 2021 เขาเริ่มต้นด้วยการนำแกะของเขาไปเลี้ยงในฟาร์มโซลาร์ขนาดเล็กเพื่อควบคุมวัชพืช จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย ปัจจุบัน โฮเวิร์ดได้ก่อตั้งบริษัท Texas Solar Sheep ซึ่งมีฝูงแกะกว่า 8,000 ตัว และพนักงาน 24 คน ธุรกิจของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีลูกค้ามากเกินกว่าที่จะรับไหว และเขาคาดว่าจะเพิ่มพนักงานอีก 20 คนภายในสิ้นปีนี้

โฮเวิร์ดให้สัมภาษณ์กับ The Independent ว่า “การเติบโตของธุรกิจนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก มันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับฉันและครอบครัว” ความสำเร็จของเขาไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาให้กับฟาร์มโซลาร์ แต่ยังเพิ่มรายได้จากการขายเนื้อและขนแกะ ซึ่งเป็นผลจากการที่แกะมีสุขภาพดีขึ้นจากการเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

การขยายตัวของ Agrivoltaics ในสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน การเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในภูมิภาคมิดเวสต์และตะวันออก ตามข้อมูลจาก American Solar Grazing Association มีแกะประมาณ 80,000 ตัวเลี้ยงในฟาร์มโซลาร์กว่า 500 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 40,000 เฮกตาร์ใน 27 รัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา

นอกจากการเลี้ยงแกะแล้ว Agrivoltaics ยังครอบคลุมถึงการปลูกพืชและการเลี้ยงผึ้งในฟาร์มโซลาร์ ตัวอย่างโครงการที่โดดเด่น ได้แก่:

  • Elizabethtown College, เพนซิลเวเนีย: ฟาร์มโซลาร์ของวิทยาลัยผลิตไฟฟ้าได้ 20% ของความต้องการทั้งหมด โดยใช้พื้นดินที่มีพืชคลุมดินที่เป็นมิตรต่อผึ้งและนก รวมถึงมีรังผึ้งเพื่อการศึกษาและวิจัย
  • Grafton Solar, แมสซาชูเซตส์: ฟาร์มโซลาร์ชุมชนแห่งนี้ปลูกผักกาดหอมและสควอชระหว่างแถวของแผงโซลาร์ และมีวัวเลี้ยงในบางส่วนของพื้นที่ นักวิจัยจาก UMass Amherst กำลังศึกษาผลกระทบของแผงโซลาร์ต่อผลผลิตทางการเกษตร
  • Jack’s Solar Garden, โคโลราโด: โครงการนี้ติดตั้งแผงโซลาร์สูง 2 เมตรเพื่อให้สามารถปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้าน Agrivoltaics สำหรับชุมชน
  • Oregon Agrivoltaic Research Facility, โอเรกอน: ตั้งอยู่ที่ Oregon State University โครงการนี้มุ่งเน้นการปลูกพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น ลาเวนเดอร์และสมุนไพรพิเศษ ใต้แผงโซลาร์ เพื่อศึกษาผลกระทบของร่มเงาต่อผลผลิตและสุขภาพดิน

การแก้ไขปัญหาด้วยความยั่งยืน

การพัฒนา Agrivoltaics ในสหรัฐอเมริกาไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม การเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและสารเคมีในการบำรุงรักษา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ในขณะเดียวกัน เกษตรกรได้รับรายได้เพิ่มเติมจากการให้บริการ solar grazing และการขายผลิตภัณฑ์จากแกะ

สำหรับชุมชนท้องถิ่น Agrivoltaics ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียที่ดินเกษตร โดยแสดงให้เห็นว่าพลังงานสะอาดและการเกษตรสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน โครงการเหล่านี้ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกร ผู้เลี้ยงผึ้ง และชุมชนในท้องถิ่น ผ่านการจ้างงานและการพัฒนาทักษะใหม่ๆ

โอกาสและความท้าทาย

Agrivoltaics มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการที่ดินในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในบริบทที่ความต้องการพลังงานสะอาดและอาหารเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การขยายแนวคิดนี้ให้ครอบคลุมในวงกว้างยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ:

  1. ต้นทุนการก่อสร้าง: การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของฟาร์มโซลาร์ เช่น การยกแผงให้สูงขึ้นหรือเพิ่มระยะห่างระหว่างแถวเพื่อให้เหมาะสมกับการเกษตร อาจเพิ่มต้นทุนการก่อสร้างถึง 10% ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีและการออกแบบที่ประหยัดต้นทุนจะเป็นกุญแจสำคัญ
  2. การเข้าถึงน้ำ: ในพื้นที่ที่มีสภาพแห้งแล้ง เช่น ภาคตะวันตกของสหรัฐ การจัดหาน้ำสำหรับปศุสัตว์และการชลประทานอาจเป็นอุปสรรค การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  3. การเลือกพืชที่เหมาะสม: ร่มเงาจากแผงโซลาร์อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชบางชนิด การเลือกพืชที่ทนต่อร่มเงา เช่น ผักใบเขียวหรือสมุนไพร จะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
  4. ความเสียหายต่ออุปกรณ์: การอนุญาตให้เกษตรกรใช้เครื่องจักรในฟาร์มโซลาร์อาจเสี่ยงต่อความเสียหายของแผงโซลาร์หรือโครงสร้าง การวางแผนและการจัดการที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
  5. สุขภาพดิน: การก่อสร้างฟาร์มโซลาร์อาจทำให้ดินอัดแน่นหรือสูญเสียหน้าดิน การใช้เทคนิคการเกษตรที่ยั่งยืน เช่น การปลูกพืชคลุมดิน จะช่วยรักษาคุณภาพดิน

ถึงกระนั้น โอกาสที่ Agrivoltaics นำมานั้นมีมากกว่าความท้าทาย การวิจัยจาก National Renewable Energy Laboratory (NREL) และโครงการ InSPIRE แสดงให้เห็นว่า Agrivoltaics สามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในบางกรณี เช่น การปลูกพืชที่ได้รับประโยชน์จากร่มเงา หรือการเลี้ยงแกะที่มีสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ การสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผึ้งและแมลงผสมเกสรในฟาร์มโซลาร์ยังช่วยเพิ่มผลผลิตของพืชในพื้นที่ใกล้เคียง

ตัวอย่างจากต่างประเทศและอนาคตของ Agrivoltaics

ในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังพัฒนา Agrivoltaics อย่างรวดเร็ว ประเทศในยุโรป เช่น สเปน อิตาลี และฝรั่งเศส ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้มานานหลายปี ตัวอย่างเช่น บริษัท Iberdrola ในโปรตุเกสใช้แกะ 300 ตัวในการบำรุงรักษาพื้นที่ฟาร์มโซลาร์ เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟป่าและส่งเสริมความยั่งยืน ในสหราชอาณาจักร โครงการฟาร์มโซลาร์ขนาด 1 กิกะวัตต์ในนอตติงแฮมเชอร์คาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการตัดหญ้าได้ถึง 5 ล้านปอนด์ตลอดอายุ 40 ปี ด้วยการใช้แกะ 9,000 ตัว

ในอนาคต Agrivoltaics มีศักยภาพในการขยายไปสู่การเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น กระต่ายหรือหมู รวมถึงการปลูกพืชที่หลากหลายมากขึ้น การทดลองในปัจจุบัน เช่น การปลูกข้าวโพด มันฝรั่ง หรือมะเขือเทศ ใต้แผงโซลาร์ กำลังแสดงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ การสนับสนุนจากรัฐบาลในรูปแบบเงินอุดหนุนหรือนโยบายส่งเสริมจะช่วยเร่งการนำ Agrivoltaics ไปใช้ในวงกว้าง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. การสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม:
    • สหรัฐสูญเสียพื้นที่เกษตรและทุ่งเลี้ยงสัตว์ 2,000 เอเคอร์ต่อวัน ระหว่างปี 2001-2016
    • คาดการณ์สูญเสียพื้นที่เทียบเท่ารัฐเซาท์แคโรไลนาภายในปี 2040
    • ที่มา: American Farmland Trust
  2. การเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์:
    • แกะ 80,000 ตัวเลี้ยงในฟาร์มโซลาร์ 500 แห่ง ครอบคลุม 40,000 เฮกตาร์ใน 27 รัฐ
    • เพิ่มขึ้น 10 เท่าใน 2 ปี
    • ที่มา: American Solar Grazing Association
  3. ผลกระทบต่อดิน:
    • ดินในฟาร์มโซลาร์ที่เลี้ยงแกะกักเก็บคาร์บอนได้มากขึ้น 80%
    • ความชื้นในดินเพิ่มขึ้น 20-30%
    • ที่มา: SolarPower Europe
  4. ผลตอบแทนทางการเงิน:
    • เกษตรกรสามารถสร้างรายได้ 300-500 ดอลลาร์ต่อเอเคอร์ต่อปีจากการให้บริการ solar grazing
    • ที่มา: Cornell University
  5. ประชากรแกะในสหรัฐ:
    • ปัจจุบันมีแกะประมาณ 5 ล้านตัว ลดลงจาก 50 ล้านตัวในปี 1947
    • ที่มา: The Independent

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • American Farmland Trust: รายงานการสูญเสียพื้นที่เกษตรกรรม, 2001-2016
  • American Solar Grazing Association: ข้อมูลการเลี้ยงแกะในฟาร์มโซลาร์, 2025
  • SolarPower Europe: รายงานผลกระทบของ solar grazing ต่อดินและระบบนิเวศ
  • Cornell University: การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินจาก solar grazing
  • Applied Animal Behaviour Science: การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินหญ้าของแกะในฟาร์มโซลาร์, 2022
  • The Independent: บทสัมภาษณ์เจอาร์ โฮเวิร์ด, 2025
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. จัดวันนวัตกรรม โชว์ศักยภาพวิจัย เปิดตัว Maker Space

มฟล. จัดงาน MFU Innovation Day 2025 โชว์ศักยภาพวิจัย เปิดตัว COSMETIC MAKER SPACE

เชียงราย, 6 กุมภาพันธ์ 2568 –  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จัดงาน MFU Innovation Day 2025 อย่างยิ่งใหญ่ แสดงศักยภาพด้านการวิจัยและนวัตกรรม พร้อมเปิดตัว MFU COSMETIC MAKER SPACE และ COSMETIC LAB โดยมีนางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี

มฟล. โชว์ศักยภาพด้านวิจัยและนวัตกรร

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า งาน MFU Innovation Day 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ 2568 ณ อาคาร E-Park และ I-Park มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญหลายส่วน ได้แก่

  • MFU IGNITE 2025 Pitching Showcase: นำเสนอแผนธุรกิจจากผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์
  • นิทรรศการใน 3 โซนหลัก:
    • MFU INNOVATION PLAYGROUND: แสดงผลงานและกิจกรรมของนักศึกษา
    • INNO JUMP MARKET 2025: รวบรวมสินค้านวัตกรรมจากผู้ประกอบการ
    • นิทรรศการวิชาการ: แสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม

เปิดตัว MFU COSMETIC MAKER SPACE และ COSMETIC LAB

ไฮไลท์สำคัญของงานคือการเปิดตัว MFU COSMETIC MAKER SPACE และ COSMETIC LAB ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวง อว. เพื่อยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพและความงามแบบครบวงจร โดย มฟล. มีความโดดเด่นด้านองค์ความรู้และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ซึ่งสอดคล้องกับโอกาสทางการตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ปาฐกถาพิเศษจากหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง อว.

นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. ได้กล่าวในปาฐกถาพิเศษถึงนโยบายและผลงานสำคัญของกระทรวง อว. ภายใต้นโยบาย “เรียนดี มีความสุข มีรายได้” และ “วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” โดยมีเป้าหมายสำคัญ “2 ลด 2 เพิ่ม” คือ ลดภาระ ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มทักษะ และเพิ่มโอกาส พร้อมผลักดัน 12 แผนงานสำคัญในปี 2568 รวมถึงการปฏิรูปอุดมศึกษาด้วยเทคโนโลยี AI และการผลักดันให้ไทยเป็น Education Hub

ส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย

นางสาวสุณีย์ยังกล่าวถึงการจัดตั้ง COSMETIC MAKER SPACE และ COSMETIC LAB ว่าจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยให้มีคุณภาพมาตรฐาน ทันสมัย และปลอดภัย พร้อมผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องสำอางในอาเซียน โดยใช้จุดแข็งด้านวัตถุดิบธรรมชาติที่เป็น “ขุมทรัพย์ความงามระดับโลก” ซึ่งจะช่วยพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามจากผลิตผลทางการเกษตรที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น

กิจกรรมต่อเนื่องและรางวัล MFU INNO Prize 2025

ภายในงานยังมีการมอบรางวัล MFU INNO Prize 2025 และกิจกรรมต่อเนื่องในวันที่สอง อาทิ Workshop การทำน้ำหอมสูตรเฉพาะ กิจกรรม Flash Sale และ Business Matching & Consulting เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการในภูมิภาค

มฟล. ศูนย์กลางพัฒนานวัตกรรมและสนับสนุนผู้ประกอบการ

งาน MFU Innovation Day 2025 สะท้อนความมุ่งมั่นของ มฟล. ในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมและการสนับสนุนผู้ประกอบการในภาคเหนือ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

สรรพสามิตเปิดตัว QR บุหรี่ สแกนรู้ทันที แท้หรือเถื่อน

กรมสรรพสามิตเปิดตัว “QR บุหรี่” ตรวจสอบสินค้าด้วยมือถือ รู้ทันทีว่าบุหรี่แท้หรือเถื่อน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงข่าวเปิดตัว “ระบบ QR บุหรี่ ตรวจ-ติด-ตาม” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการตรวจสอบและติดตามบุหรี่ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลบุหรี่ได้อย่างง่ายดาย เพียงใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่

ระบบ QR Code เพื่อความโปร่งใสและป้องกันบุหรี่เถื่อน

นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ระบบ QR Code ที่พัฒนาขึ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ป้องกันการปลอมแปลง และ ตรวจสอบการชำระภาษี ของบุหรี่ทุกซองที่จำหน่ายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี Unique QR Code ที่มีรหัสตรวจสอบ 13 หลักไม่ซ้ำกัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ตรวจสอบความถูกต้องของการเสียภาษีได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

QR Code ที่พิมพ์บนดวงแสตมป์ยาสูบจะประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญ เช่น

  • วันที่ชำระภาษี
  • ผู้ประกอบการ
  • ตราสินค้า
  • รายละเอียดสินค้า
  • สถานที่ผลิตและจัดส่ง

วิธีการใช้งานง่าย แค่สแกนก็รู้ข้อมูลทันที

ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ ร้านค้า เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป สามารถตรวจสอบความถูกต้องของบุหรี่ที่ซื้อมาได้ เพียงแค่ใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่ ข้อมูลทั้งหมดจะปรากฏบนหน้าจอทันที ทำให้รู้ได้ว่า

  • บุหรี่ซองนั้นชำระภาษีแล้วหรือไม่
  • ผลิตเมื่อไหร่
  • เป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
  • บุหรี่แท้หรือเถื่อน

ประโยชน์ของระบบ QR บุหรี่ต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ

ระบบนี้จะช่วยสร้าง ความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ว่าสินค้าที่ซื้อเป็นของแท้และชำระภาษีถูกต้อง นอกจากนี้ยังช่วย ป้องกันการระบาดของบุหรี่เถื่อน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่บุหรี่เถื่อนแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง

ด้านผู้ประกอบการก็จะได้รับประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นของสินค้าที่จำหน่าย และยังสามารถตรวจสอบสถานะของสินค้าที่รับมาจำหน่ายได้ว่าถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้มากขึ้น

ผลกระทบเชิงบวกต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐ

นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการแล้ว ระบบ QR Code ยังช่วยให้ภาครัฐสามารถ ติดตามการจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มากขึ้น เนื่องจากสามารถตรวจสอบและติดตามการเคลื่อนย้ายของบุหรี่แต่ละซองได้แบบ เรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเลี่ยงภาษีและบุหรี่เถื่อน

การนำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค

ข้อมูลที่ได้รับจากระบบ QR Code ยังสามารถนำไปใช้ในการ วิเคราะห์แนวโน้มการบริโภคบุหรี่ ในเชิงลึกได้ ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถวางแผนนโยบายและมาตรการควบคุมการบริโภคบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อนาคตของการขยายการใช้งานระบบ QR Code

ในระยะต่อไป กรมสรรพสามิตมีแผนที่จะขยายการใช้งานระบบ QR Code สำหรับบุหรี่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อให้การควบคุมและตรวจสอบสินค้ามีความครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาบุหรี่เถื่อนที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. ระบบ QR บุหรี่มีวัตถุประสงค์อะไร?
    เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและตรวจสอบการชำระภาษีของบุหรี่ทุกซอง

  2. ผู้บริโภคสามารถใช้งานระบบนี้ได้อย่างไร?
    เพียงใช้สมาร์ทโฟนสแกน QR Code ที่อยู่บนซองบุหรี่ ข้อมูลจะปรากฏบนหน้าจอทันที

  3. ระบบนี้จะช่วยป้องกันบุหรี่เถื่อนได้อย่างไร?
    ช่วยให้เจ้าหน้าที่และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะบุหรี่ได้ทันทีว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

  4. การขยายการใช้งานระบบในอนาคตเป็นอย่างไร?
    กรมสรรพสามิตมีแผนที่จะนำระบบไปใช้กับบุหรี่ที่นำเข้าจากต่างประเทศในอนาคต

  5. ประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับคืออะไร?
    ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าที่จำหน่ายและป้องกันการรับสินค้าปลอมเข้ามาขายในตลาด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมสรรพสามิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE