Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

CopsCombat2025 ตำรวจไทยโชว์บู๊ ‘เชียงราย’ โชว์เหนือมีคว้าทองกลับบ้าน

ตำรวจเชียงรายคว้าชัย Cops Combat 2025 รุ่นน้ำหนักเกิน 85 กก.” สร้างชื่อเสียงในเวทีระดับประเทศ

ประเทศไทย, 8 พฤษภาคม 2568 – รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานครระบุว่า การแข่งขันกีฬาศิลปะการต่อสู้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในรายการ “Cops Combat 2025” ซึ่งจัดขึ้น ณ เวทีมวยราชดำเนิน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะในรอบชิงชนะเลิศที่มีการประลองฝีมืออย่างเข้มข้นจากผู้เข้าแข่งขันหลากหลายสังกัด ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ของการแข่งขันคือชัยชนะของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดเชียงราย

ตำรวจภูธรภาค 5 สร้างผลงานโดดเด่น

ในการแข่งขันครั้งนี้ ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงราย ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 2 นาย ใน 2 รุ่นน้ำหนัก ได้แก่

  1. ส.ต.อ.เมธาสิทธิ์ กาวี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เวียงชัย จังหวัดเชียงราย คว้าชัยชนะในรุ่นน้ำหนักเกิน 85 กิโลกรัม ได้อย่างสง่างาม
  2. ร.ต.อ.เขตต์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองสารวัตร นปพ. ภ.จว.เชียงราย ทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้จัดการทีม และเข้าร่วมแข่งขันในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 56 กิโลกรัม

สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของ ส.ต.อ.เมธาสิทธิ์ ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงานในระดับประเทศ และได้ให้กำลังใจแก่ ร.ต.อ.เขตต์ ในการแข่งขันครั้งต่อไป

บรรยากาศการแข่งขันคึกคักท่ามกลางเสียงเชียร์

การแข่งขัน Cops Combat 2025 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ เวทีมวยราชดำเนิน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลากหลายสังกัด ทั้งชายและหญิง เข้าร่วมแข่งขันในรายการดังกล่าวจำนวนมาก การแข่งขันแบ่งออกเป็นทั้งหมด 16 รุ่นน้ำหนัก รวมกว่า 48 คู่แข่งขัน โดยการแข่งขันในแต่ละคู่ดำเนินไปในรูปแบบ 1 ยก ใช้เวลาชก 3 นาที เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันสามารถแสดงทักษะการต่อสู้ป้องกันตัวในเวลาจำกัด

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน และเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมอาชีพและประชาชนที่เดินทางมาร่วมชมอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างยิ่ง

Cops Combat กีฬาที่พัฒนาทักษะพร้อมเสริมสร้างร่างกายและจิตใจ

โครงการ “Cops Combat” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมกีฬาประจำปีของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทบทวนและฝึกฝนทักษะการต่อสู้ป้องกันตัว ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในการเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉิน การควบคุมสถานการณ์ และการรับมือกับผู้กระทำผิด

การแข่งขันยังเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพร่างกาย ความแข็งแรง และความมั่นใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่ตำรวจจากหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

ผู้เข้าแข่งขันจากทั่วประเทศรวมพลังในสนามเดียวกัน

ผู้มีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรายการนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ อาทิ

  • กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9
  • กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
  • กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.)
  • กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)
  • กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.)
  • กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.)
  • กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)
  • โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.)
  • รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ภายใต้สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

การรวมตัวกันของเจ้าหน้าที่จากหลากหลายสังกัดเช่นนี้ ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเป็นโอกาสในการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพื้นที่

ผบ.ตร.ร่วมเปิดการแข่งขัน มอบขวัญกำลังใจนักกีฬา

ในพิธีเปิดการแข่งขัน ได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาเป็นประธานในพิธี โดยกล่าวเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ พร้อมกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทุ่มเทฝึกซ้อมและเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะทำหน้าที่มอบเหรียญรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งขันในแต่ละรุ่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติและเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อไป

ตำรวจรุ่นใหม่กับความพร้อมรอบด้าน

การแข่งขัน Cops Combat ไม่ได้เป็นเพียงเวทีกีฬาธรรมดา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการพัฒนาข้าราชการตำรวจไทยรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบในสังคมอย่างมืออาชีพ

ชัยชนะของตำรวจเชียงรายในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เหรียญรางวัล แต่ยังสะท้อนถึงคุณภาพของกำลังพลและการฝึกฝนที่เข้มข้นในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานในภูมิภาคอื่นๆ เดินหน้าในการพัฒนาบุคลากรด้านทักษะการต่อสู้เชิงยุทธวิธีต่อไป

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน

  • ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดในรายการ Cops Combat 2025: 96 คน (ชาย/หญิง)
  • แบ่งการแข่งขันออกเป็น 16 รุ่นน้ำหนัก
  • แข่งขันแบบ 1 ยก 3 นาที จำนวน 48 คู่
  • รุ่นน้ำหนักเกิน 85 กก. มีผู้เข้าแข่งขัน 6 คน
  • ส.ต.อ.เมธาสิทธิ์ กาวี ชนะคะแนนแบบเอกฉันท์ในรอบชิงชนะเลิศ
  • ผู้ชมในเวทีมวยราชดำเนินประมาณ 1,200 คน
  • มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 13 กองบัญชาการ และ 5 โรงเรียนตำรวจ เข้าร่วมการแข่งขัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

  • กองประชาสัมพันธ์ ตร.

  • ผู้สื่อข่าวสนามเวทีมวยราชดำเนิน

  • สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายฟ้าใส บุกจับคาราโอเกะดัง ใช้เด็กต่ำกว่า 18 ทำงาน

เชียงรายเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” เดินหน้าจัดระเบียบสังคม ปราบค้ามนุษย์จริงจัง หลังจับร้านคาราโอเกะใช้เด็กต่ำกว่า 18 ปี บริการลูกค้า

เริ่มต้นยุทธการ เดินหน้าเต็มสูบตามนโยบายมหาดไทย

เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายภายใต้การนำของนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” อย่างเป็นทางการ เพื่อจัดระเบียบสังคม ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น สอดคล้องกับนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ที่มุ่งมั่นผลักดันการยุติการแสวงหาประโยชน์จากเด็กในทุกมิติ

เบื้องหลังการข่าว และการสืบสวนอย่างละเอียด

สืบเนื่องจากการประสานข้อมูลจากอำเภอแม่จัน ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีร้านคาราโอเกะในพื้นที่เปิดบริการเกินเวลา จำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และที่สำคัญมีการนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มานั่งบริการลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงเริ่มกระบวนการสืบสวนและวางแผนเข้าตรวจสอบ โดยเน้นให้ความสำคัญกับการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ เพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยงของผู้กระทำผิดกับขบวนการค้ามนุษย์

การลงพื้นที่เข้าจับกุม ปฏิบัติการกลางดึกตีแผ่ความจริง

เมื่อเวลา 00.45 น. ของวันที่ 24 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ “ร้านแสงจันทร์คาเฟ่” ตั้งอยู่เลขที่ 219 หมู่ 9 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยมีการวางกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กองอาสารักษาดินแดน และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ตรวจจริงภายใต้การวางแผนล่วงหน้า

จากการตรวจค้นภายในร้านพบว่ามีการจัดห้องคาราโอเกะแบบ VIP พร้อมโต๊ะบริการลูกค้า 11 โต๊ะ พบหญิงสาวให้บริการ 11 คน โดยในจำนวนนั้นมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 2 คน (ต่ำสุด 15 ปี) นอกจากนี้ยังพบผู้ใช้บริการอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน โดยไม่พบว่าทางร้านได้ดำเนินการตรวจสอบบัตรประชาชนก่อนเข้าใช้บริการแต่อย่างใด

เอกสารไม่ครบ-เปิดเกินเวลา ความผิดซ้ำซ้อนที่ไม่อาจปฏิเสธ

ผู้ดูแลร้านคือ นางสาวชมภิศา อายุ 49 ปี ซึ่งแสดงเอกสารใบอนุญาตบางส่วน เช่น ใบอนุญาตจำหน่ายสุราและหนังสือแจ้งจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร แต่ไม่สามารถนำใบอนุญาตสถานบริการมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการคาราโอเกะตามกฎหมาย

ที่สำคัญ ร้านแห่งนี้ยังมีประวัติถูกจับกุมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำ

 แจ้งข้อหาเบื้องต้นสะท้อนเจตนากระทำผิดชัดเจน

จากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหลายกระทง ได้แก่

  1. เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
  3. ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม
  4. จ้างแรงงานเด็กผิดกฎหมาย
  5. มีพฤติการณ์เข้าข่ายค้ามนุษย์

ซึ่งหลังจากนี้จะมีการนำเด็กหญิงที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อผู้เสียหายโดยทีมสหวิชาชีพ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองและเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตามกฎหมายคุ้มครองเด็กและ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551

บทวิเคราะห์ ปัญหาค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดนไทย – สะท้อนระบบต้องขับเคลื่อนจริงจัง

กรณีของร้านแสงจันทร์คาเฟ่ เป็นตัวอย่างของความซับซ้อนที่เกิดขึ้นจากธุรกิจบริการในพื้นที่ชายแดน ที่เปิดช่องให้มีการแสวงหาประโยชน์จากเด็กและเยาวชน ซึ่งไม่เพียงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศในเวทีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการดำเนินนโยบายป้องกันค้ามนุษย์อย่างมีระบบ ทั้งในเชิงกฎหมาย การบังคับใช้ และกระบวนการคัดแยกช่วยเหลือเหยื่อ ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีความเข้าใจในบริบทพื้นที่

แผนปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส” เดินหน้าสะสางทุกจุดเสี่ยง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าแผน “เชียงรายฟ้าใส” อย่างเป็นระบบ โดยกำหนดเป้าหมายเร่งด่วนในการตรวจสอบสถานบริการทุกแห่งในจังหวัด เพื่อป้องกันการกระทำผิดในลักษณะเดียวกัน พร้อมเร่งส่งข้อมูลเชิงลึกไปยังหน่วยงานระดับกระทรวง เพื่อให้มีการปรับปรุงมาตรการเฝ้าระวังและจัดระเบียบพื้นที่ชายแดนให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานของกรมการปกครอง ระบุว่า ปี 2567 มีการตรวจสอบสถานบริการทั่วประเทศรวม 4,213 แห่ง พบการกระทำผิดด้านค้ามนุษย์จำนวน 89 แห่ง
  • จากข้อมูลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน พบว่า ปี 2566 มีเด็กเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์มากกว่า 1,150 คน ทั่วประเทศ
  • รายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า เชียงรายติดอันดับ 1 ใน 5 จังหวัดที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการนำเด็กต่ำกว่า 18 ปีเข้าร่วมกิจกรรมบริการในสถานบันเทิงมากที่สุดในภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
  • กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • สำนักงานอัยการสูงสุด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

“ระเบิดสะพานโจร”ตำรวจผนึก 32 หน่วยงาน ใช้ไม้แข็งชายแดน

เชียงรายเดินหน้าปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฉก.88 จับมือ 32 หน่วยงาน ใช้มาตรการ “ระเบิดสะพานโจร” หวังเห็นผลใน 3 เดือน

แถลงข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

กรุงเทพฯ, 21 เมษายน 2568 – ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ฉก.88) เป็นประธานการประชุมสำคัญร่วมกับผู้บัญชาการระดับสูงและตัวแทนจาก 32 หน่วยงาน เพื่อกำหนดทิศทางปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่

ตั้งคณะทำงานตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

การประชุมในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากคำสั่งของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 83/2568 ที่ให้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน โดยเน้นการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อควบคุมอาชญากรรมชายแดนที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการลักลอบเข้า-ออกประเทศ และการใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รายงานสถานการณ์ปัจจุบันของอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์

ในการประชุมมีการรายงานสถานการณ์ล่าสุดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งมีพฤติกรรมเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ โดยอาศัยช่องว่างชายแดนไทย-เมียนมา และไทย-กัมพูชา เป็นทางผ่าน ผู้ต้องหาส่วนใหญ่อ้างว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี แต่จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีพฤติกรรมร่วมกระทำความผิดอย่างมีนัยสำคัญ

สถิติการจับกุมล่าสุด

ในการปฏิบัติการฝั่งประเทศกัมพูชา มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องชาวไทยจำนวน 175 คน ซึ่งไม่พบว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์แต่อย่างใด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีในประเทศไทยใน 4 ข้อหาหลัก ได้แก่

  1. สมคบคิดฉ้อโกงประชาชน
  2. ฟอกเงิน
  3. กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
  4. มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

นโยบาย “ระเบิดสะพานโจร” สกัดวงจรอาชญากรรม

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ได้รับการกล่าวถึงในที่ประชุมคือ “ระเบิดสะพานโจร” ซึ่งเน้นการตัดวงจรเชื่อมโยงของอาชญากรรมทุกมิติ ประกอบด้วย:

  1. ปราบปรามเทคโนโลยีสนับสนุนอาชญากรรม
  • ดำเนินการตัดสายเคเบิลเถื่อน
  • ทำลายเสาสัญญาณเถื่อน
  • ปิดกั้นซิมผี
  • วิเคราะห์ข้อมูลจาก IP address เพื่อระบุแหล่งต้นตอของแก๊ง
  1. ควบคุมเส้นทางการเงินทั้งระบบธนาคารและคริปโต
  • ตรวจสอบการเปิดบัญชีม้า
  • ติดตามการถอนเงินบริเวณแนวชายแดน
  • ปิดช่องโหว่การขนเงินสดข้ามแดน
  • วิเคราะห์เครือข่ายบัญชีคริปโตเพื่อหาจุดเชื่อมโยงถึงหัวหน้าเครือข่าย
  1. ควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศอย่างเข้มงวด
  • ตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย
  • ปิดช่องทางธรรมชาติที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • สกัดไม่ให้ไทยกลายเป็นทางผ่านของแรงงานผิดกฎหมายและกลุ่มแก๊ง

การวิเคราะห์เชิงนโยบาย

พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในยุคปัจจุบันถือเป็นภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่หรือ “สงครามไซเบอร์” (Cyber War) ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการของทุกหน่วยงานอย่างแท้จริง ไม่เพียงแค่การใช้กำลังหรือกฎหมาย แต่ต้องควบคู่กับการวิเคราะห์ข้อมูล ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของเจ้าหน้าที่รัฐ

ความหวังในระยะ 3 เดือน

เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างชัดเจนในการประชุมครั้งนี้คือ การทำให้มาตรการปราบปรามเห็นผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน โดยมีการวางตัวชี้วัด (KPI) ครอบคลุมทั้งด้านการจับกุม ด้านการปราบเทคโนโลยีสนับสนุนอาชญากรรม และด้านการป้องกันล่วงหน้า

บทสรุปและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องอาศัยทั้งยุทธศาสตร์ระยะสั้นและระยะยาว โดยต้องเน้นการสร้างฐานข้อมูลกลาง การสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจไม่ร่วมสนับสนุนการกระทำผิด การขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ และการใช้เครื่องมือทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการปฏิรูปกระบวนการรับข้อมูลข่าวสารในพื้นที่แนวชายแดนให้รวดเร็วและเท่าทันสถานการณ์

สถิติและแหล่งอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ปี 2567 มีการแจ้งความเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั่วประเทศมากกว่า 13,200 คดี
  • ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของไทยเผยว่า ปี 2566 มีประชาชนถูกหลอกโอนเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 1.6 แสนราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 38,000 ล้านบาท
  • รายงานของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ระบุว่า เฉพาะไตรมาสแรกของปี 2568 มีการจับกุมซิมผีและบัญชีม้าแล้วกว่า 6,000 รายการ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
  • กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
  • ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย
  • สำนักนายกรัฐมนตรี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566

คลิกที่ภาพ

 

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566


1ขอนแก่นคึกคัก ชาวบ้านแห่ขายทอง หลังราคาพุ่งทุบสถิติ ชี้อาจสูงกว่านี้อีก

2.ส่อเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท จาก 1 ก.พ.เป็นไตรมาส1 ปี67

3. ยกเลิกค่าหัวกระสือ 1 ล้าน หลังกลุ่มล่ากระสือทำชาวบ้านเดือดร้อน

4.เพจสภาฯ เฉลยเอง ส.ว.พ้นวาระ 5 ปี จะได้เงินเลี้ยงชีพอีก 10 ปี รับ 12,000 ทุกเดือน

5. ‘ฝีดาษลิง’ โผล่ลำปาง! ชายวัย 30 ไม่ได้ไปต่างประเทศ-ออกนอกจังหวัด สสจ.ยันเอาอยู่ ขออย่าตื่นตระหนก

6.ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมตำรวจโลก จับมือ ‘เกาหลี’ ช่วยกันดูแลภัยไซเบอร์ข้ามชาติ

7.พีระพันธุ์” หารือ รมช.กระทรวงพลังงานรัสเซียให้สนับสนุนพลังงานคุณภาพดี ราคาถูกให้ประชาชนไทย

8.ประธานาธิบดีอัล-ซีซีของอียิปต์ เปิดพรมแดนเมืองราฟาห์ชั่วคราว ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าไปยังกาซาได้ราว 20 คัน

9.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมปล่อยตัว เจดอน ซานโช่ ออกจากทีมมกราคมปีหน้า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News