Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘โฮงยาไทย’ จัดประชาพิจารณ์ โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX”

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้จัดประชาพิจารณ์โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนในชื่อ “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” ที่ห้องประชุมเสม พริ้งพวงแก้ว ชั้น 4 อาคารโภชนาการ อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีแพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เจ้าหน้าที่จากส่วนราชการ ภาคประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในการประชาพิจารณ์

วัตถุประสงค์และความสำคัญของโครงการ

โครงการที่จอดรถเอกชนลงทุน “โฮงยาไทย PARKING COMPLEX” เกิดขึ้นเนื่องจากความต้องการที่จอดรถที่เพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ในการเข้าถึงโรงพยาบาล โครงการนี้ถูกออกแบบเพื่อดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 ที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนบนพื้นที่ราชพัสดุ เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ขั้นตอนการดำเนินโครงการและการคัดเลือกเอกชนลงทุน

ขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการนี้ได้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน คณะอนุกรรมการสวัสดิการจัดทำโครงการฯ ได้เสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการสวัสดิการ ซึ่งเมื่อได้รับอนุมัติแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการสรรหาเอกชนเข้ามาลงทุนและทำสัญญานิติกรรม เงื่อนไขการเช่าพื้นที่ราชพัสดุขนาด 2.5 ไร่ จะกำหนดสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยการเช่านี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และค่าตอบแทนที่ระบุไว้ตามระเบียบราชการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นประโยชน์แก่ส่วนราชการ

การประสานงานกับกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย

เนื่องจากโครงการที่จอดรถเอกชนลงทุนนี้ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสนามบินฝูงบิน 416 เชียงราย จึงต้องได้รับการอนุมัติจากกองทัพอากาศในด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินโครงการ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จะมีการประสานงานกับกองทัพอากาศในการพิจารณาความปลอดภัยของโครงการ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขตปลอดภัยทางทหาร

การเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ประชาพิจารณ์ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการ เพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดสรรทรัพยากรและการวางแผนโครงการที่โปร่งใส เพื่อให้ทุกขั้นตอนดำเนินไปด้วยความราบรื่นและเกิดประโยชน์แก่ประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ ติดตามช่วยเหลือเชียงราย สั่งเฝ้าระวังอากาศหนาว

นายกฯ สั่งติดตามช่วยเหลือเชียงราย-แม่สาย พร้อมแจ้งเตือนสภาพอากาศแปรปรวน

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานส่วนราชการในพื้นที่เชียงรายและแม่สายยังคงตรวจสอบความต้องการช่วยเหลือของประชาชน แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลงแล้ว โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและติดตามกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือครอบครัวที่ยังคงต้องการการฟื้นฟูในพื้นที่

ล่าสุด ศปช. ได้รับรายงานจาก นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พมจ.เชียงราย) ได้รับการร้องขอจากมูลนิธิกระจกเงาในการเข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านของนางจันทร์แสง หมื่นยอง อายุ 64 ปี ในชุมชนเกาะทราย อำเภอแม่สาย ซึ่งบ้านได้รับความเสียหายบางส่วนจากอุทกภัยที่ผ่านมา โดยเฉพาะส่วนของประตู หน้าต่าง ห้องครัว และห้องน้ำที่เสียหายอย่างหนัก ขณะนี้ พมจ.เชียงราย และเทศบาลตำบลแม่สายกำลังดำเนินการซ่อมแซมเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้พักอาศัย

กรมอุตุฯ แจ้งเตือนอากาศหนาวและฝนตกหนักในหลายพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนถึงสภาพอากาศแปรปรวนในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงอีก 2–4 องศาเซลเซียส ในขณะที่บริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1–3 องศาเซลเซียส และในภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ระหว่างวันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2567 โดยจังหวัดที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง และพังงา

คำแนะนำในการป้องกันสุขภาพและภัยอันตรายจากอากาศหนาว

จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานควรเตรียมรับมือกับอากาศหนาวเย็นและลมแรง พร้อมทั้งดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้พิการ ทั้งนี้ อากาศแห้งและลมแรงยังอาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอัคคีภัย จึงควรระมัดระวังการจุดไฟหรือการใช้อุปกรณ์ให้ความร้อน และสำหรับภาคใต้ ควรเฝ้าระวังความเสียหายที่อาจเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรเนื่องจากฝนตกหนัก

ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพอากาศและประกาศแจ้งเตือนได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th หรือโทรสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เปิดสะพานใหม่ อบจ.เชียงราย เพิ่มสะดวกปลอดภัยเพื่อชาวสันกลาง

อบจ.เชียงราย เปิดสะพานใหม่เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้ทำพิธีเปิดสะพานสายทางหน้าวัดหัวฝาย ที่ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายอลงกรณ์ ดีน้อย นายก อบต.สันกลาง และนายศรีวรรณ วงศ์จินา กำนันตำบลสันกลาง รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีเปิดสะพานในครั้งนี้

สะพานที่สร้างขึ้นใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย

การก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กนี้ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 จำนวน 855,000 บาท เพื่อให้ประชาชนในตำบลสันกลาง หมู่ที่ 9 บ้านหัวฝาย และพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางที่เชื่อมต่อกับวัดหัวฝาย ซึ่งเป็นจุดสำคัญทางศาสนาและชุมชน

พิธีเปิดสะพานและกิจกรรมเสริมสร้างสิริมงคล

ในวันเปิดสะพานนี้ มีการจัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ประชาชนและผู้เข้าร่วมงาน พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย และประธานมูลนิธิปิยวรรณพิพัฒน์เพื่อสังคม ได้กล่าวถึงความสำคัญของสะพานเส้นนี้ว่าเป็นเส้นทางสัญจรที่ใช้ทั้งในชีวิตประจำวันของประชาชนและในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาของผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

สะพานใหม่ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้ชาวตำบลสันกลาง

การก่อสร้างสะพานนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สะพานที่ชำรุดหรือไม่ปลอดภัย เป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไฟไหม้โกดังลำไยเชียงราย หวั่นผลกระทบสุขภาพ

 

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงในโกดังเก็บลำไย อบแห้งใน ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อเวลา 07.00 น. โดยนายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ได้รับแจ้งเหตุจาก อบต.ท่าก๊อ ว่าโกดังเก็บสินค้าของโรงงานอบลำไยในพื้นที่หมู่ 10 เกิดเพลิงไหม้หนัก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งรถดับเพลิงเข้าดับไฟทันที พร้อมเสริมกำลังรถจากหน่วยงานท้องถิ่นใกล้เคียงรวมกว่า 20 คัน

การดับเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากโกดังมีสินค้าจำนวนมากและมีโครงเหล็กเรียงซ้อนสูงทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลานานกว่า 9 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง หน่วยงานท้องถิ่นยังได้เตือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงให้ระวังการสูดดมควันไฟที่พวยพุ่งตลอดเวลา เนื่องจากมีผลต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้จัดหน่วยงานลงพื้นที่เพื่อติดตามสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้มีปัญหาทางเดินหายใจ นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย แนะนำให้ประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้งและสวมหน้ากากอนามัยหากต้องออกไปนอกอาคาร

การเกิดไฟไหม้ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดควันไฟกระจายทั่วบริเวณ และต้องใช้รถแบคโฮเพื่อเข้าช่วยเคลื่อนย้ายโครงเหล็กออกจากจุดที่ยังมีเชื้อเพลิง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประสานกันอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินสถานการณ์และหามาตรการระยะยาวในการป้องกันเหตุในอนาคต

มาตรการป้องกันสุขภาพสำหรับประชาชน

  • หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงที่มีควันไฟ และสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 หากจำเป็นต้องออกนอกอาคาร
  • ตรวจสอบสุขภาพของตนเองและครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น หายใจลำบากหรือแน่นหน้าอก ให้ไปพบแพทย์ทันที

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการควบคุมอย่างต่อเนื่อง และหน่วยงานท้องถิ่นได้วางมาตรการฟื้นฟูสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยน้ำท่วม 500 ล้าน พร้อมมาตรการรัฐเสริมทัพอีก 7 พันล้าน

เชียงรายมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและหน่วยงานรัฐร่วมเสริมทัพเยียวยากว่า 7 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากหน่วยงานราชการและเงินบริจาค รวมมูลค่ากว่า 504 ล้านบาท โดยเป็นการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กันยายน และ 8 ตุลาคม 2567 รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ประสบภัยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ครอบคลุม 28,659 ครัวเรือน รวมมูลค่ากว่า 257 ล้านบาท

มาตรการช่วยเหลือจากหน่วยงานการเงินและธนาคาร

หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังและธนาคารต่างๆ ได้มอบมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมและดินโคลนถล่ม โดยธนาคารกรุงไทยได้จัดสินเชื่อกู้ซ่อมบ้านและกู้ฟื้นฟูกิจการ มูลค่ารวมกว่า 33.4 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารออมสินได้จัดสินเชื่อฉุกเฉินและโครงการพักหนี้อัตโนมัติ รวมมูลค่า 5,343.95 ล้านบาท ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือทั้งสิ้น 13,444 ราย

สำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ขยายเวลาชำระหนี้แก่เกษตรกร รวมถึงจัดสินเชื่อฉุกเฉินและค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านและทรัพย์สิน มูลค่า 4.39 ล้านบาท ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ลดเงินงวด 50% และลดดอกเบี้ยเหลือ 2% เป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับผู้ประสบภัย 182 ราย มูลค่า 342.16 ล้านบาท

ความร่วมมือเพิ่มเติมจากธนาคารอื่นๆ

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้จัดมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและขยายระยะเวลาออกไปในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 6 เดือน มูลค่ารวม 11.39 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ได้ให้ลูกหนี้พักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน สำหรับผู้ได้รับผลกระทบ 245 ราย รวมเป็นเงิน 510.2 ล้านบาท นอกจากนี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้จัดโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ รวมวงเงินค้ำประกัน 172 ล้านบาท สำหรับ 266 ราย

มาตรการยกเว้นค่าเช่าจากกรมธนารักษ์

กรมธนารักษ์ยังได้ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายประเภท เช่น ที่อยู่อาศัย อาคาร และการใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม โดยมีการยกเว้นค่าเช่าให้ผู้ประสบภัยที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกิน 3 วัน รวมเป็นเงินช่วยเหลือจากกรมธนารักษ์หลายสิบล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 288 ราย

การดูแลสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัย

คปภ. ได้จัดการดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบ โดยรวมถึงการจัดการความเสี่ยงและการให้สินไหมทดแทนแก่ประชาชนรวม 2,657 ราย มูลค่า 373.81 ล้านบาท รวมจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการรวมทั้งสิ้น 18,172 ราย ทั่วจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายฟ้าใส ไร้ควัน ปราบบุหรี่ไฟฟ้าใกล้สถานศึกษา

ปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” ปราบปรามร้านบุหรี่ไฟฟ้า ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงราย

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งเปิดปฏิบัติการ “เชียงรายฟ้าใส (ไร้ควัน)” โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกันเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษาให้ห่างไกลจากอบายมุขที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึงการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ ภายใต้นโยบายของกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่และป้องกันการมอมเมาเยาวชน

การจัดการร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

จากการสืบทราบข้อมูล เจ้าหน้าที่พบว่าร้านชื่อ Mavap Studio ได้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยร้านดังกล่าวใช้วิธีจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน LINE และส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ไปยังจุดต่างๆ รวมถึงหอพักของนักศึกษาในย่านบ้านดู่ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนและอยู่ไม่ไกลจากสถาบันการศึกษา การดำเนินงานในลักษณะนี้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ทำให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการปราบปราม

การปราบปรามครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย และนายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย รวมถึง พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ ซึ่งได้ร่วมมือกันวางแผนการจับกุมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุมที่สุด

แผนการตรวจสอบและจับกุม

ในวันที่ 28 ตุลาคม เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการ โดยมีการวางแผนเข้าตรวจสอบและทำการล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้าจากร้าน Mavap Studio ทั้งยังมีกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งซุ่มตรวจสอบพฤติกรรมของร้านและหอพักที่ใช้เป็นจุดเก็บสินค้าดังกล่าว เมื่อเฝ้าดูพฤติกรรมประมาณ 30 นาที พบว่ามีการส่งสินค้าโดยไรเดอร์และมีลูกค้ามารับของหน้าห้องพักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอสำหรับการจับกุม

การตรวจค้นและการยึดของกลาง

เมื่อการล่อซื้อเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม ณ จุดรับสินค้าบริเวณหน้าหอพักในตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น จากการตรวจสอบพบผู้ดูแลร้านจำนวน 2 คน เป็นหญิงและชาย และมีของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ รวมจำนวนกว่า 2,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าหลายแสนบาท นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการซื้อขายในบัญชีที่ระบุว่าร้านมีรายได้ต่อวันไม่ต่ำกว่า 35,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงนำผู้ดูแลทั้งสองไปดำเนินคดีในข้อหาต่าง ๆ ตามกฎหมาย

ข้อหาที่ผู้ต้องหาต้องเผชิญ

  1. การซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่มีความผิดตามกฎหมาย
    ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาว่าทำการซ่อนเร้นและจำหน่ายสินค้าที่ห้ามนำเข้า ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของที่มีการรวมค่าอากรแล้ว หรือทั้งจำทั้งปรับ

  2. การขายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
    นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่าจำหน่ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ซึ่งระบุห้ามจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การรณรงค์สร้างสังคมปลอดควันบุหรี่ในเชียงราย

หลังจากการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ข้อมูลถึงสาธารณชนเกี่ยวกับความเสี่ยงและโทษของบุหรี่ไฟฟ้า และย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านค้าที่จำหน่ายทางออนไลน์ในพื้นที่เชียงราย เพื่อให้แน่ใจว่าการปราบปรามอบายมุขในกลุ่มเยาวชนจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการลดการเข้าถึงของเยาวชนที่อาจตกเป็นเหยื่อ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

มหากฐิน มหากุศล เชียงราย 2567 พลังศรัทธาไทย วัดแสงแก้วโพธิญาณ

พิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 “มหากฐิน มหากุศล” ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 เวลา 15.30 น. วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ได้จัดพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี พ.ศ. 2567 ภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” โดยมีพระมหาสุบรรณ มหาคัมภีโร เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงและเจ้าคณะอำเภอแม่สรวย เป็นประธานในพิธีทอดกฐิน ส่วนพระภาวนารัตนญาณวิ (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ เป็นผู้รับการถวายกฐิน โดยมีพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และคณะศรัทธาที่นับถือวัดแสงแก้วโพธิญาณเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง สะท้อนถึงความศรัทธาอันลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาและในประเพณีทอดกฐินสามัคคี

ความสำคัญของพิธีทอดกฐิน

การทอดกฐิน หรือการกรานกฐินเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางพระวินัยที่พระภิกษุสงฆ์พึงกระทำร่วมกันภายในระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละปี ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 การทอดกฐินมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ รวมถึงการช่วยเหลือพระภิกษุที่มีจีวรชำรุดหรือขาดแคลนด้วย โดยการถวายผ้ากฐินนี้จะถูกจัดเป็นสังฆทาน กล่าวคือ การถวายแก่คณะสงฆ์ทั้งหมดโดยไม่เจาะจงแก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อผ้ากฐินได้รับการถวาย พระภิกษุในวัดนั้น ๆ จะนำผ้ามาอุปโลกน์หรือการมอบให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งในคณะสงฆ์เพื่อใช้งาน ซึ่งการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนจึงถือว่าเป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์สูง และเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในพุทธศาสนาอย่างยิ่ง

วัตถุประสงค์ของพิธีทอดกฐินสามัคคี

การทอดกฐินนอกจากจะเป็นการบำเพ็ญบุญส่วนตัวและร่วมบุญกับหมู่คณะแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการประสานงานและการรวมพลังในชุมชน โดยผู้มาร่วมพิธีจะได้ร่วมกันบำเพ็ญบุญสร้างกุศลที่ช่วยสนับสนุนคณะสงฆ์ให้สามารถดำเนินกิจวัตรและปฏิบัติธรรมได้อย่างราบรื่น ในปีนี้การทอดกฐินสามัคคีจัดขึ้นภายใต้ชื่อ “มหากฐิน มหากุศล” ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของบุญกุศลอันใหญ่ยิ่งที่ผู้ร่วมงานทุกคนได้มีส่วนร่วมในการถวาย

บรรยากาศของพิธีและความศรัทธาของชุมชน

ภายในงานมีประชาชนจากหลายพื้นที่เดินทางมาร่วมพิธีอย่างหนาแน่น ทั้งชาวบ้านในอำเภอแม่สรวยและจังหวัดใกล้เคียงที่มีความศรัทธาในครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ทำให้บรรยากาศของพิธีเป็นไปด้วยความสงบและศรัทธา โดยทุกคนที่มาร่วมงานต่างตั้งใจฟังการสวดมนต์และการเทศน์จากครูบาอริยชาติ ซึ่งท่านได้กล่าวถึงความสำคัญของการบำเพ็ญกุศลและการรักษาความสามัคคีในหมู่คณะ นอกจากนี้ท่านยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างสมถะและการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

การสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรม

พิธีทอดกฐินสามัคคีครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมพิธีถวายผ้ากฐินสามัคคีวัดแสงแก้วโพธิญาณในครั้งนี้อีกด้วย เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาที่สำคัญของชุมชน การสนับสนุนของหน่วยงานเหล่านี้ช่วยเพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนาในชุมชน ทำให้ประเพณีการทอดกฐินยังคงดำรงอยู่และเติบโตไปอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี

การอนุเคราะห์ภิกษุและการสนับสนุนคณะสงฆ์

การทอดกฐินยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือพระภิกษุที่ขาดแคลนหรือมีจีวรที่ชำรุด การถวายผ้ากฐินในแต่ละปีจะช่วยให้พระสงฆ์ที่ได้รับการอุปโลกน์สามารถนำจีวรไปใช้ในการประกอบกิจของสงฆ์ได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ การสนับสนุนนี้ยังช่วยให้วัดสามารถบำรุงและซ่อมแซมอาคารสถานที่ของวัดและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในกิจการทางศาสนา ทำให้วัดแสงแก้วโพธิญาณและวัดอื่น ๆ ในชุมชนสามารถดำเนินการสอนธรรมะและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างต่อเนื่อง

บทสรุป: บุญใหญ่ของชาวพุทธในวันทอดกฐินสามัคคี

พิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณประจำปี 2567 นี้ เป็นอีกครั้งที่ชาวพุทธได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญร่วมกันเพื่อสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ การทำบุญทอดกฐินไม่เพียงแต่เป็นการสนับสนุนคณะสงฆ์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความผูกพันในชุมชน รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจกันทำบุญให้แก่คณะสงฆ์ ซึ่งเป็นการสืบสานประเพณีที่สืบทอดมาหลายยุคหลายสมัย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่มีความตระหนักถึงคุณค่าของการทำบุญและการรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่สำคัญของชาวพุทธไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ส่งมอบพื้นที่ ‘เชียงราย’ ฟื้นฟู หลังน้ำลด ร่วมใจช่วยประชาชน

การส่งมอบพื้นที่ฟื้นฟูเชียงรายหลังอุทกภัย: ความช่วยเหลือจากกองทัพไทยเพื่อการฟื้นฟูสู่ระยะที่สอง

การฟื้นฟูเชียงรายหลังเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่

ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัยให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อดำเนินการฟื้นฟูระยะที่สองต่อไปที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

ความสำคัญของการฟื้นฟูระยะที่สอง

การฟื้นฟูในระยะที่สองนี้จะเน้นที่การซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความแข็งแรง เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตหากเกิดภัยพิบัติอีกครั้ง รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่หลังเหตุการณ์น้ำลด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่เชียงราย

ภารกิจและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

การฟื้นฟูครั้งนี้ได้มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงครัวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย การกู้บ้านเรือนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการทำความสะอาดเส้นทางคมนาคมให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว

กองทัพไทย: ผู้สนับสนุนการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง

บทบาทของกองทัพไทยในภารกิจนี้โดดเด่นอย่างยิ่ง ด้วยการสนับสนุนกำลังพล อุปกรณ์และความช่วยเหลืออย่างครบถ้วน การตักดินโคลนออกจากบ้านเรือน การทำความสะอาดถนน ตลอดจนการสร้างบ้านน็อคดาวน์เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่บ้านเสียหายอย่างหนัก

การฟื้นฟูและการส่งมอบที่เสร็จสมบูรณ์ 100%

ในพิธีส่งมอบพื้นที่ นายภูมิธรรม ได้มอบป้ายสัญลักษณ์ให้แก่นายกเทศมนตรีตำบลแม่สายและตำบลเวียงพางคำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูที่สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยในครั้งนี้มีการช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนจำนวน 819 หลังจากที่ได้รับผลกระทบ และครัวเรือนผู้ประสบภัยยังได้รับการสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จักรเย็บผ้า เก้าอี้ตัดผม เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ

การฟื้นฟูระยะที่สอง: การพัฒนาเชิงโครงสร้างและส่งเสริมการท่องเที่ยว

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจฟื้นฟูในระยะแรก การฟื้นฟูระยะที่สองจะเน้นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างงานให้กับประชาชนในระยะยาว

บทสรุป: ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การช่วยเหลือและความเอื้อเฟื้อจากกองทัพไทยและทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีที่ช่วยให้ชาวแม่สายได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่ทอดทิ้งผู้ประสบภัย โดยจะทำงานต่อไปเพื่อให้ชาวเชียงรายได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ตำรวจเชียงรายทลายแก๊งอันธพาล ก่อเหตุป่วนเมืองเสียหาย

ตำรวจเชียงรายทลายแก๊งอันธพาล ก่อเหตุป่วนเมือง ทำร้ายทรัพย์สินและประชาชน

ทลายแก๊งวัยรุ่นอันธพาล ก่อเหตุรุนแรงกลางเชียงราย

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ตำรวจจังหวัดเชียงรายทลายแก๊งอันธพาลที่ก่อเหตุรุนแรง โดยกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ต่ำกว่า 20 คัน ขับป่วนเมือง ทำลายทรัพย์สินและขว้างปาวัตถุเสียงดังบริเวณถนนพหลโยธิน ตั้งแต่แยกบ้านเด่นถึงทางเลี่ยงเมืองเชียงราย

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและจับกุม หัวหน้าแก๊งวัยรุ่น

หลังเหตุเกิดที่หน้าโรงเรียนเม็งรายมหาราช เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 24 ต.ค. พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ และ พ.ต.ต.ณัฐวุฒิ แก้วสืบ สว.สส.สภ.บ้านดู่ เข้าติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุจนพบหัวหน้าแก๊ง นายเวฟ (นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 15 ปี จากหมู่บ้านท่าสาย ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย

ตรวจค้นอาวุธ อุปกรณ์อันตรายในบ้านพัก

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักที่มีการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่น พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก สนับมือ 1 อัน และมีดจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน จึงควบคุมตัวนายเวฟและเพื่อนอีก 2 คน พร้อมของกลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตำรวจเชิญผู้ปกครองอบรมปรับทัศนคติ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญผู้ปกครองและกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเข้าร่วมการอบรมและปรับทัศนคติเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ และทำประวัติ พร้อมกำชับให้ผู้ปกครองช่วยดูแลพฤติกรรมของเยาวชน

ความผิดทางกฎหมายที่กลุ่มวัยรุ่นเผชิญ

สำหรับความผิดที่พบในเบื้องต้น ได้แก่ การทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายผู้อื่น สร้างความรบกวนเสียงดังในที่สาธารณะ และพกพาอาวุธในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากนี้ ยังผิดตามพระราชบัญญัติความสะอาด และพระราชบัญญัติจราจรทางบก โดยจะติดตามผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ประชาชนที่พบเห็นการกระทำผิดสามารถแจ้งตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายได้ที่สายด่วน 191

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทุ่มงบ 12,000 ล้านบาท ให้เชียงราย ใช้ 5 ปี เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงลุ่มแม่น้ำโขง

ทุ่มงบ 12,000 ล้านบาท ให้เชียงราย ใช้ 5 ปี เป็นศุนย์กลางเชื่อมโยงลุ่มแม่น้ำโขง

การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ: เน้นจังหวัดเชียงรายและงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน

ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ : NEC

ประเทศไทยกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เช่น การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง การลงทุนหดตัว การส่งออกลดลง ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง นักท่องเที่ยวลดลง ธุรกิจต้องปิดกิจการเป็นจำนวนมาก เกิดวิกฤตการว่างงาน ปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาในระบบเศรษฐกิจถดถอย

จากสถานการณ์ดังกล่าว ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับประเทศ โดยการนำแนวคิด BCG Model มาใช้เป็นกรอบการพัฒนา ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว สอดรับกับกระแสความยั่งยืนของการพัฒนาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

โดยภาคเหนือ (NEC) เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยโมเดล BCG ด้วยจุดเด่นด้านทรัพยากรการท่องเที่ยว ทรัพยากรชีวภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น การพัฒนา NEC ด้วยโมเดล BCG จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงมีแนวคิดในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC – Creative LANNA) ต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งประกอบไปด้วย 4 จังหวัด ขับเคลื่อนด้วย 4 อุตสาหกรรมหลัก ดังนี้

  1. จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ของภาคเหนือ
  2. จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพื้นที่ที่ติดกับชายแดน ทำให้มีจุดเด่นด้านการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน
  3. จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมส่งออก และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
  4. จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงของการขนส่งระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ

การพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ: โอกาสใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี การเข้าสู่สังคมสูงวัย หรือการระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ อย่างไรก็ตาม การพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

วิสัยทัศน์ของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ

การพัฒนา NEC มีเป้าหมายหลักในการยกระดับเศรษฐกิจภาคเหนือผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน

การยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

ภาคเหนือมีจุดเด่นด้าน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านวัฒนธรรมล้านนา การพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะช่วยยกระดับมูลค่าสินค้าและบริการในพื้นที่ รวมถึงเชื่อมโยงความเป็นล้านนากับสื่อดิจิทัล นอกจากนี้ NEC ยังมีการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการผลิตสร้างสรรค์ผ่านการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล

การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจภาคเหนือ NEC มีแผนที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้มีความยั่งยืนมากขึ้นผ่านการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการสนับสนุนการเกษตรแบบยั่งยืนและเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในระดับโลก

การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสุขภาพ

ภาคเหนือมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวและสุขภาพที่สูง ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ NEC ได้วางแผนที่จะยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้มีมาตรฐานระดับโลก โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการการดูแลสุขภาพ

การยกระดับอุตสาหกรรมดิจิทัล

NEC มีการส่งเสริม อุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวอัจฉริยะ ภาคเหนือถูกวางให้เป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลที่จะดึงดูด Digital Nomads จากทั่วโลก อีกทั้งยังมีการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรและการท่องเที่ยว

เชียงราย: ประตูสู่ความเจริญทางเศรษฐกิจภาคเหนือ

จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดหลักที่ถูกกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (Northern Economic Corridor: NEC) ที่มีการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อยกระดับศักยภาพด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่าน 4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงรายได้รับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการสำคัญในพื้นที่

โครงการสำคัญในจังหวัดเชียงราย

หนึ่งในโครงการหลักที่ได้รับการผลักดันในจังหวัดเชียงรายคือโครงการ “Gateway to LMC (Lancang-Mekong Cooperation)” ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกในกลุ่ม LMC โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

การสนับสนุนงบประมาณในจังหวัดเชียงราย

จากข้อมูลที่ได้รับมา จังหวัดเชียงรายได้รับการจัดสรรงบประมาณผ่านกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของ NEC โดยงบประมาณเหล่านี้ถูกใช้ในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ BCG Model

ประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

การพัฒนาจังหวัดเชียงรายภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ

การบริหารจัดการในพื้นที่

การขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย ดำเนินการผ่านการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในคณะทำงาน และใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของหอการค้าและสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้

สรุป

โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ โดยเน้นจังหวัดเชียงราย เป็นโครงการที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนงบประมาณและการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลก เชียงรายจึงเป็นพื้นที่ที่ควรจับตามองในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

 

การพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) เป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจผ่านการใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เกษตรและอาหาร ดิจิทัล และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น แต่ยังส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News