ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน มหากาพย์ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ถวายความจงรักภักดี ศิลปินชื่อดังริเริ่มโครงการสร้างสรรค์ภาพวาดขนาดใหญ่เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อปลูกฝังคุณค่าแก่เยาวชนรุ่นใหม่
เชียงราย,17 ธันวาคม 2568 ที่จังหวัดเชียงราย สมาคมขัวศิลปะร่วมกับสโมสรโรตารีเชียงราย และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการสร้างสรรค์กิจกรรมถ่ายทอดความจงรักภักดี ภายใต้ชื่อ “ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน” โดยมีอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านการวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ด้วยเทคนิคถ่านแท่ง (Charcoal) เป็นผู้รังสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญนี้
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความตั้งใจของศิลปินที่ต้องการถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็น “แม่พระของแผ่นดิน” ที่ได้ทรงอุทิศพระวรกายเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยมายาวนานกว่า 6 ทศวรรษ
ความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ในทุกมิติ
ผลงานภาพวาดชิ้นนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อสื่อถึงความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง ภาพมีความสูง 1.9 เมตร ซึ่งสื่อถึงรัชกาลที่ 9 และมีความยาว 9.3 เมตร หมายถึงพระชนมพรรษา 93 พรรษาของพระองค์ท่าน ตัวเลขเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ แต่ยังแสดงถึงความเป็นพระราชินีองค์เดียวในรัชกาลที่ 9 และพระบรมราชินีนาถพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ไทยที่ทรงครองตำแหน่งยาวนานถึง 93 พรรษา
เนื้อหาภาพครอบคลุมเรื่องราวตั้งแต่พระชนมายุวัย การเสด็จพระราชาภิเษกสมรส พระราชกรณียกิจต่างๆ และโครงการพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาท “แม่พระของแผ่นดิน” ที่ทรงเคียงข้างในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการพัฒนาประเทศและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยทุกภูมิภาค
การเลือกใช้เทคนิคถ่านแท่งในโทนสีขาว-ดำ มิใช่เป็นเพียงการแสดงฝีมือทางศิลปะ แต่ยังสื่อถึงความคลาสสิก ความเป็นมิตร และแสงแห่งศรัทธากตัญญูที่ปวงชนชาวไทยมีต่อพระองค์ท่าน ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัยแรกเริ่มที่ภาพถ่ายส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว-ดำ
อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม กล่าวในการแถลงข่าวว่า “การวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ครั้งนี้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ภาพนี้ไม่ใช่เพียงงานศิลปะ หากคือการบันทึกพระมหากรุณาธิคุณด้วยหัวใจ เป็น ‘ภาพแทนใจ’ ที่สร้างขึ้นด้วยความรัก ความศรัทธา และความเคารพสูงสุด”
พลังสนับสนุนจากสโมสรโรตารีสากล
โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนหลักจากสโมสรโรตารีสากลภาค 3360 ซึ่งครอบคลุม 14 จังหวัดภาคเหนือ โดยมีสโมสรโรตารีทั้งหมด 65 สโมสร นำโดยดร.จารุวรรณ เต็ชะวุฒิ ผู้ว่าการภาค และสโมสรโรตารีเชียงราย ซึ่งเป็นแกนหลักในการประสานงาน
ดร.จารุวรรณ เต็ชะวุฒิ ผู้ว่าการภาค 3360 สโมสรโรตารีสากล กล่าวว่า “สโมสรโรตารีก่อตั้งมาแล้ว 121 ปี เรามิใช่องค์กรการกุศล แต่เป็นองค์กรเพื่อการลงทุนเพื่อประโยชน์สาธารณะ ภารกิจของโรตารีมี 7 ด้าน ครอบคลุมน้ำสะอาด การศึกษา สุขภาพแม่และเด็ก สิ่งแวดล้อม และการป้องกันโรคระบาด โดยเฉพาะโรคโปลิโอที่เราสามารถลดผู้ป่วยจาก 350,000 คนต่อปีเหลือไม่ถึง 100 คนต่อปีในปัจจุบัน”
ท่านกล่าวเสริมว่า “โครงการนี้สอดคล้องกับภารกิจด้านการศึกษาและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดภารกิจหลักของโรตารี ในจังหวัดเชียงรายมีสโมสรโรตารีถึง 9 สโมสร ครอบคลุมพื้นที่เชียงราย แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และเวียงป่าเป้า ทุกสโมสรพร้อมใจกันสนับสนุนโครงการนี้ด้วยงบประมาณและอุปกรณ์ต่างๆ”
สโมสรโรตารีสากลในปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก กระจายอยู่ใน 34,000 สโมสร โดยในประเทศไทยมี 4 ภาค ได้แก่ ภาค 3330 (ใต้) ภาค 3340 (อีสาน) ภาค 3350 (กลาง) และภาค 3360 (เหนือ) ซึ่งภาคเหนือมีสโมสรทั้งหมด 65 สโมสรกระจายใน 14 จังหวัด
นายกสโมสรโรตารีเชียงราย กล่าวว่า “การที่ศิลปินมีความตั้งใจ และสโมสรโรตารีเชียงรายได้ชักชวนสโมสรอื่นๆ รวมถึงภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันทำให้โครงการนี้สำเร็จได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดี นี่คือหนึ่งในเจ็ดภารกิจของโรตารีด้านการศึกษาและศิลปวัฒนธรรม”
กิจกรรม Art Workshop เพื่อเยาวชนและสังคม
นอกจากการวาดภาพที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2569 แล้ว ทางโครงการยังได้จัดกิจกรรมคู่ขนาน Art Workshop ณ สถานที่วาดภาพ โดยเปิดรับนักเรียนในพื้นที่วันละ 60 คน แบ่งเป็นช่วงเช้า 30 คน และช่วงบ่าย 30 คน
กิจกรรมนี้มีศิลปินจากสมาคมขัวศิลปะเป็นพี่เลี้ยงสอนเทคนิคการวาดภาพ พร้อมถ่ายทอดความรู้เรื่องราวพระราชกรณียกิจ เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ศิลปะควบคู่ไปกับการซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และสร้างสำนึกรักในสถาบันพระมหากษัตริย์
โครงการได้รับความร่วมมือจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ในการประสานงานนำนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรม และจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอน นักเรียนที่เข้าร่วมจะได้รับประกาศนียบัตร และมีโอกาสติดตามกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขนาดใหญ่อย่างใกล้ชิด
อาจารย์สุวิทย์กล่าวว่า “ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่โรงแรมพิมานอินน์ เชียงราย ประมาณ 2 เดือนกว่า จะมีการเปิดให้คนเข้ามาชมและร่วมกิจกรรม Workshop เราอยากให้นี่เป็นจุดรวมของคนเชียงราย เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแสดงความจงรักภักดีร่วมกัน”
ภาครัฐให้การสนับสนุนและเตรียมจัดแสดง
นายกำพล จาววัฒนาสกุล ผู้อำนวยการกลุ่มยุทศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ปฏิบัติหน้าที่แทนวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “นี่เป็นงานสักการะพระเกียรติอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญมาก กิจกรรมนี้จะเป็นที่จดจำสำหรับเยาวชนและประชาชน และจะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจะให้การสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์ และประสานงานกับเครือข่ายศิลปินและโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่”
ทางกระทรวงวัฒนธรรมโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สสร.) ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับศิลปินอยู่แล้ว จะมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ผลงานและจัดเก็บเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในหอจดหมายเหตุต่อไป
แผนการจัดแสดงและความยั่งยืนของโครงการ
เมื่อภาพแล้วเสร็จในกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่หลายหน่วยงานจะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลสมาทานพระบรมศพ ภาพจะเปิดให้ประชาชนเข้าชม ณ สถานที่วาดภาพก่อน จากนั้นจะนำไปจัดแสดงในการประชุมใหญ่ของสโมสรโรตารี (District Conference) ที่จะมีสมาชิกจาก 14 จังหวัดภาคเหนือ ประมาณ 400-500 คน เข้าร่วม
ดร.จารุวรรณกล่าวว่า “หลังจากการประชุมใหญ่ เราจะถ่ายทอดภาพนี้ออกสู่สาธารณะทั้ง 65 จังหวัดในประเทศไทย และอาจเผยแพร่ในเวทีสากล เพื่อสะท้อนให้โลกเห็นถึงความรักและความจงรักภักดีที่ปวงชนชาวไทยมีต่อพระองค์ท่าน”
อาจารย์สุวิทย์กล่าวเสริมว่า “ผมเชื่อว่าภาพนี้จะถูกจำลองไปไว้ที่พระเมรุมาศในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในแต่ละท่ี เพราะภาพนี้สะท้อนถึงพระราชจริยวัตรของพระองค์ท่าน และสะท้อนถึงความรักที่ปวงชนชาวไทยมีต่อพระองค์ท่าน ผมอยากให้ที่นี่เป็นจุดรวมของคนเชียงราย เป็นพื้นที่แสดงความจงรักภักดีร่วมกัน”
ในที่สุด ภาพจะได้รับการจัดเก็บรักษาไว้อย่างถาวรในหอจดหมายเหตุ โดยกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์
เส้นทางศิลปินและผลงานที่ผ่านมา
อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในวงการศิลปะไทย โดยเฉพาะในการวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ด้วยเทคนิคถ่านแท่ง ผลงานที่ผ่านมาของท่านได้สร้างความประทับใจให้แก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง
ในปี 2559 หลังจากการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่านได้ร่วมกับสมาคมขัวศิลปะเชียงราย วาดภาพขนาด 13 เมตร ณ วัดร่องขุ่น ปัจจุบันภาพดังกล่าวประดิษฐานอยู่ที่ศาลาธรรม
ในปี 2560 ท่านได้สร้างสรรค์ภาพขนาด 2 เมตร x 20 เมตร ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร เล่าเรื่องราวพระราชประวัติตั้งแต่พระเยาว์วัยจนถึงการขึ้นครองราชย์ และพระราชกรณียกิจกว่า 4,000 โครงการพระราชดำริ
ท่านเป็นนายกสมาคมขัวศิลปะคนที่ 3 ต่อจากศิลปินแห่งชาติ และได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ในการจัดองค์ประกอบและเลือกเนื้อหาที่จะใส่ในภาพครั้งนี้
ชื่อผลงานที่มีความหมาย
ชื่อผลงาน “ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน” ได้รับการออกแบบโดยคุณสุรชัย บุญจรเวท นักออกแบบแบรนด์ผู้มีชื่อเสียง เพื่อให้สื่อถึงความหมายที่ลึกซึ้งของพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านมีต่อแผ่นดิน และความรักที่ปวงชนชาวไทยมีต่อพระองค์ท่านที่สืบทอดมาช้านานนับพันปี
การสนับสนุนจากภาคเอกชน
นอกจากการสนับสนุนหลักจากสโมสรโรตารีแล้ว โครงการยังได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จากบริษัทสีชั้นนำ ได้แก่ TOP FORM และ AB Art ที่พร้อมสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มที่
อาจารย์สุวิทย์กล่าวว่า “งานศิลปะไม่สามารถทำคนเดียวได้ ศิลปินไม่ได้มีเงินมากมาย แต่เมื่อมีผู้ให้โอกาสและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ งานก็สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผมรู้สึกเติมเต็มใจมาก สโมสรโรตารีให้ความกรุณาสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ใช่แค่วัสดุ แต่คือการให้โอกาสให้งานนี้สมบูรณ์”
คำกล่าวจากใจของศิลปิน
ในการสัมภาษณ์ อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม กล่าวเสริมว่า “สำหรับข้าพเจ้า ภาพนี้ไม่ใช่เพียงงานศิลปะ หากคือการบันทึกพระมหากรุณาธิคุณด้วยหัวใจ เป็น ‘ภาพแทนใจ’ ที่สร้างขึ้นด้วยความรัก ความศรัทธา และความเคารพสูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึงพระเมตตาธรรมของพระองค์ท่านตราบนิจนิรันดร์ การดำเนินงานในครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยแรงสนับสนุนสำคัญจากสโมสรโรตารีเชียงราย ซึ่งร่วมเป็นพลังเบื้องหลังในการส่งเสริมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติให้เกิดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ”
ท่านกล่าวอีกว่า “ข้าพเจ้าขอน้อมสำนึกในเกียรติครั้งนี้ และจะขอเป็นข้าพระบาทผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ท่านตราบชีวิต”
บรรยากาศในวันแถลงข่าว
การแถลงข่าวในวันที่ 17 ธันวาคม 2568 มีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ประกอบด้วย นายกสโมสรจากหลากหลายสโมสรในเชียงราย ศิลปินจากสมาคมขัวศิลปะ สื่อมวลชน และผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ได้แก่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ
บรรยากาศเต็มไปด้วยความประทับใจและความตื้นตันใจ เมื่อผู้เข้าร่วมได้เห็นภาพร่างเบื้องต้นและรับฟังแนวคิดของโครงการ ผู้เข้าร่วมต่างให้ความสนใจและแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการให้ประสบความสำเร็จ
หลังจากการแถลงข่าว ผู้เข้าร่วมได้เดินทางไปยังสถานที่วาดภาพ ณ โรงแรมพิมานอินน์ เชียงราย เพื่อรับฟังคำอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมจากอาจารย์สุวิทย์ และชมภาพร่างที่กำลังดำเนินการอยู่
ความสำคัญต่อสังคมและเยาวชน
โครงการนี้มิได้เป็นเพียงการสร้างสรรค์งานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังคุณค่าและสำนึกรักในสถาบันพระมหากษัตริย์แก่เยาวชนรุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม
การที่เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม Art Workshop ได้เห็นกระบวนการสร้างสรรค์งานศิลปะขนาดใหญ่ ได้เรียนรู้เทคนิคการวาดภาพจากศิลปินมืออาชีพ และได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ จะเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและจดจำได้ตลอดไป
คุณรุ่งวัฒนากล่าวว่า “เราได้ประสานงานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เครือข่ายศิลปินทางศิลปะ และโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้เข้ามาศึกษาและร่วมกิจกรรม นี่คือโอกาสทองที่เยาวชนจะได้เรียนรู้ทั้งศิลปะและประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน”
ผลกระทบในวงกว้าง
โครงการ “ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน” คาดว่าจะสร้างผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และอาจขยายไปสู่ระดับสากล
ในระดับท้องถิ่น โครงการจะเป็นจุดรวมใจของชาวเชียงรายและภาคเหนือ เป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถมาแสดงความจงรักภักดีร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลสมาทานพระบรมศพ
ในระดับชาติ การจัดแสดงภาพในงาน District Conference และการเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ จะทำให้คนไทยทั่วประเทศได้รับรู้และร่วมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ในระดับสากล สโมสรโรตารีมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั่วโลก การเผยแพร่ผลงานนี้จะทำให้นานาชาติได้เห็นถึงความรักและความจงรักภักดีที่ปวงชนชาวไทยมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ความท้าทายและการเตรียมความพร้อม
การวาดภาพขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งด้านเทคนิค เวลา และสภาพอากาศ อาจารย์สุวิทย์กล่าวว่า “การทำงานในช่วงหน้าหนาว อากาศเย็นสบาย แต่ต้องระมัดระวังเรื่องความชื้นที่อาจส่งผลต่อวัสดุ เราต้องวางแผนการทำงานอย่างละเอียด และมีทีมงานคอยดูแลสภาพแวดล้อมอย่างใกล้ชิด”
ด้านอุปกรณ์ ทางโครงการได้เตรียมความพร้อมครบถ้วน ตั้งแต่ผืนผ้าใบขนาดใหญ่ ถ่านแท่งคุณภาพสูง ระบบแสงสว่างเพื่อการทำงาน และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็น ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากสโมสรโรตารีและภาคเอกชน
ด้านความปลอดภัย มีการจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาความปลอดภัยของผลงานและอุปกรณ์ รวมถึงอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชม
การเชิญชวนประชาชนเข้าร่วม
อาจารย์สุวิทย์กล่าวเชิญชวนประชาชนว่า “ผมอยากเชิญชวนพี่น้องชาวเชียงรายและผู้ที่สนใจ แวะเวียนมาเยี่ยมชมกระบวนการทำงาน มาให้กำลังใจ และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนกว่า จนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ร่วมสนุก โดยเฉพาะน้องๆ นักเรียนที่จะได้เรียนรู้ศิลปะและประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน”
ดร.จารุวรรณกล่าวเสริมว่า “เราขอเชิญชวนสมาชิกสโมสรโรตารีทั้ง 65 สโมสรในภาคเหนือ รวมถึงสมาชิกจาก 4 ภาคทั่วประเทศ และประชาชนทั่วไป มาร่วมเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์สำคัญนี้ มาร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านผ่านงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่นี้”
ช่วงเทศกาลและความพิเศษ
อาจารย์สุวิทย์กล่าวอย่างน่าสนใจว่า “ช่วงที่ผมวาดภาพนี้จะครอบคลุมช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วย ถ้าใครอยากมาข้ามปีที่มีความหมาย มาข้ามปีกับภาพความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน ผมยินดีต้อนรับ เราจะได้ร่วมกันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างมีคุณค่า”
นี่จึงเป็นโอกาสพิเศษสำหรับประชาชนที่ต้องการใช้เวลาในช่วงเทศกาลอย่างมีความหมาย แทนที่จะไปสถานบันเทิงหรือสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป การมาร่วมกิจกรรมนี้จะเป็นการส่งท้ายปีและต้อนรับปีใหม่อย่างมีคุณค่าและสร้างสรรค์
มิติทางประวัติศาสตร์
โครงการนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายประการ ประการแรก เป็นการบันทึกพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงไว้ในรูปแบบของงานศิลปะที่จะคงอยู่ชั่วกาลนาน
ประการที่สอง เป็นการแสดงออกถึงความรักและความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในสังคม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน
ประการที่สาม เป็นตัวอย่างของการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์สังคม ปลูกฝังคุณค่า และถ่ายทอดประวัติศาสตร์ไปสู่คนรุ่นหลัง
คุณรุ่งวัฒนากล่าวว่า “นี่คือเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่จะถูกบันทึกไว้ในหอจดหมายเหตุ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คนรุ่นหลังจะได้ศึกษาและเรียนรู้ เราจึงต้องดำเนินการอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน”
ภาพอนาคตหลังเสร็จสิ้นโครงการ
เมื่อภาพแล้วเสร็จในกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2569 จะมีแผนการจัดแสดงและเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง การจัดแสดงครั้งแรกจะเป็นที่โรงแรมพิมานอินน์ เชียงราย เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี
จากนั้นจะมีการจัดแสดงในงาน District Conference ของสโมสรโรตารีภาค 3360 ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 400-500 คน จาก 14 จังหวัดภาคเหนือ
ต่อมาอาจมีการนำไปจัดแสดงในงานพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ
ในที่สุด ภาพจะได้รับการจัดเก็บอย่างถาวรในหอจดหมายเหตุ โดยกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมจัดทำเอกสารบันทึกกระบวนการสร้างสรรค์และความหมายของผลงาน เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติสืบไป
พลังแห่งความรักและความร่วมมือ
โครงการ “ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน” เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลังแห่งความรักและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม จากแนวคิดเล็กๆ ของศิลปินคนหนึ่งที่ต้องการแสดงความจงรักภักดี กลายเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีคนหลากหลายภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม
สโมสรโรตารีในฐานะองค์กรเพื่อการลงทุนเพื่อประโยชน์สาธารณะ ได้แสดงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนทั้งด้านงบประมาณและการประสานงาน ภาครัฐโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์และการจัดเก็บเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภาคเอกชนสนับสนุนอุปกรณ์และวัสดุ และภาคประชาชนพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมและให้กำลังใจ
ผลงานที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ใช่ผลงานของศิลปินคนเดียว แต่เป็นผลงานของคนไทยทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้โครงการนี้สำเร็จ เป็นการแสดงออกถึงความรักและความจงรักภักดีที่ปวงชนชาวไทยมีต่อสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็น “แม่พระของแผ่นดิน” ที่ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อความสุขของพสกนิกรมาตลอดพระชนมชีพ
ภาพ “ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน” จึงมิใช่เพียงผืนผ้าใบที่มีภาพวาด แต่คือการบันทึกความรัก ความกตัญญู และความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์กาล
รายละเอียดโครงการโดยสังเขป
ชื่อโครงการ: ความรักของนับพันปีแห่งแผ่นดิน
ผู้รังสรรค์: อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม
ขนาดผลงาน: สูง 1.9 เมตร x ยาว 9.3 เมตร
เทคนิค: ถ่านแท่ง (Charcoal) โทนสีขาว-ดำ
ระยะเวลาดำเนินการ: ธันวาคม 2568 – กุมภาพันธ์ 2569 (ประมาณ 2 เดือน)
สถานที่วาดภาพ: โรงแรมพิมานอินน์ เชียงราย
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย
- สโมสรโรตารีเชียงราย
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย












































